รูปแบบการขนสง่ ในประเทศไทยปัจจบุ นั ไดแ้ บง่ เป็น 5 รูปแบบ ดงั นี้ 1. การขนสง่ ทางนา้ 2. การขนสง่ ทางรถไฟ 3. การขนสง่ ทางถนน 4. การขนสง่ ทางอากาศ 5. การขนสง่ ทางทอ่
การขนสง่ เป็นเคร่อื งมือในการดาเนินการเพ่ือให้วตั ถดุ ิบ สินคา้ หรอื บรกิ ารจากจดุ เรม่ิ ตน้ ไปยงั จดุ ที่มีการบรโิ ภค ซง่ึ มีงาน สาคญั ท่ีเขา้ มาเก่ียวขอ้ ง ดงั นี้ 1. การดาเนินการเก่ียวกบั คาส่งั ซอื้ 2. การเกบ็ รกั ษาสินคา้ 3. การบรหิ ารสินคา้ คงเหลือ 4. การจดั การดา้ นวสั ดแุ ละอปุ กรณก์ ารเคล่อื นยา้ ย
บทบาทของการขนส่งในการกระจายสนิ ค้า มีดงั นี้ 1. ช่วยอานวยความสะดวกในการดาเนินการ แก่ผปู้ ระกอบการในทกุ ภาคสว่ น 2. ลดตน้ ทนุ ในการดาเนินการ 3. ตอบสนองความตอ้ งการของลกู คา้ ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม 4. เพิ่มประสทิ ธิภาพในการแขง่ ขนั ใหผ้ ปู้ ระกอบการ
ปัจจยั ท่ีมีอิทธิพลต่อตน้ ทนุ ค่าขนส่งและส่งผลต่อ การกระจายสนิ คา้ มีดงั นี้ 1. ความหนาแนน่ ของสนิ คา้ 2. ความรบั ผดิ ชอบท่ีเกิดขนึ้ จากการดาเนินงาน 3. ความสามารถในการจัดเรียงสินค้าบน ยานพาหนะ 4 ความสะดวกในการขนถ่าย
คลงั สนิ คา้ มีวิวฒั นาการมาเป็นเวลานาน โดยไดร้ บั อิทธิพลของแนวคิดการ เก็บรกั ษาอาหาร และวตั ถดุ บิ ในครวั เรอื น ตอ่ มาไดพ้ ฒั นามาสกู่ ารเก็บรักษาวตั ถดุ ิบ และสินคา้ ไวเ้ พ่ือรอการผลิตและจาหน่ายในประเทศไทย วิวฒั นาการของคลังสินคา้ เร่ิมมีความสาคัญ เม่ือมีชาวต่างชาติจากยุโรปและอเมริกาเขา้ มามีบทบาทดา้ น การคา้ ภายหลังสิน้ สุดสงครามโลกครงั้ ท่ี 2 ประมาณปี พ.ศ. 2488 หรือ ค.ศ. 1945 เม่ือญ่ีป่ นุ ยอมแพส้ งครามเป็นตน้ มา มีการแข่งขนั ทางเศรษฐกิจกันอย่างมาก สนิ คา้ เรม่ิ มีการเคลื่อนยา้ ยจากทอ้ งถ่ินหนง่ึ สอู่ ีกทอ้ งถ่ินหน่ึง พฒั นาไปสอู่ กี เมืองหน่งึ และอีกประเทศหน่ึงในเวลาต่อมา ส่งผลต่อปริมาณการผลิต และการคา้ ซ่ึงผผู้ ลิต เร่มิ มองเห็นความสาคญั ของระบบการจาหน่ายสินคา้ และเก่ียวขอ้ งไปถึงระบบของ การจดั การเก่ียวกบั วตั ถดุ ิบท่ีปอ้ นเขา้ สกู่ ระบวนการผลิตจนเป็นสินคา้ สาเรจ็ รูปท่ีไดม้ ี การผลติ แลว้
ตามพระราชบัญญัติศุลกากร คลงั สนิ คา้ พุทธศักราช 2469 คาว่า คลังสินค้า หมายความว่า โรงพักสินค้าท่ีม่ันคง ปั จ จุ บั น ค ว า ม ห ม า ย ค ลั ง สิ น ค้ า ครอบคลุมถึงสถานท่ีจัดเก็บสินค้าทา หนา้ ท่ีเป็น จุดพกั จดั เก็บ กระจาย การ จดั สินคา้ หรอื วตั ถดุ ิบ ทงั้ ในส่วนของการ บรหิ ารสินคา้ คงคลงั และการบริหารการ จดั เก็บ
คลังสนิ ค้า หรอื นยิ มเรยี กวา่ โกดงั คือ อาคารทางพาณิชยท์ ่ี ใช้สาหรบั เก็บสินคา้ เพ่ือรอการขนส่ง ถูกใชโ้ ดยผูผ้ ลิต ผูน้ าเขา้ ผู้ สง่ ออก ผคู้ า้ สง่ ธรุ กิจขนสง่ ศลุ กากร ฯลฯ
ศูนยก์ ระจายสินค้า (Distribution Center) คือคลงั สินคา้ ท่ีทา หนา้ ท่ีทงั้ ในฐานะเป็นคลงั สินคา้ (Warehouse) และเป็นหน่วยเช่ือมโยง ระหว่างผผู้ ลิต (Manufacturer) ผขู้ ายปัจจยั การผลิต (Suppliers) กบั ผขู้ าย ปลีก (Retailers) พืน้ ท่ีทาเลท่ีตงั้ ของศนู ยก์ ระจายสนิ คา้
ศนู ยก์ ระจายสนิ คา้ หรอื ศนู ยจ์ ดั จาหน่าย เรยี กย่อๆ ว่า DC มา จากคาว่า (Distribution Center) หรอื CDC (Central Distribution Center) หมายถึงคลงั สินคา้ ของบริษัทเอกชน ท่ีดาเนินการในการ รวบรวมคาส่งั ซือ้ จากหลายๆ ท่ีรวบรวมเป็นคาส่งั ซือ้ เดียว และจัดส่ง คาส่งั ซือ้ ไปยงั โรงงานผูผ้ ลิต หรือผขู้ ายท่ีเรียกว่า Suppliers เพ่ือให้ จดั ส่งสินคา้ มาในคราวเดียวเพ่ือลดตน้ ทุน ลดระยะเวลาในการจัดส่ง และทาหนา้ ท่ีในการแยกย่อยสินคา้ ไปบรรจุลงกล่องจดั ส่งไปยงั สาขา ตา่ งๆ ท่วั ทกุ ภมู ิภาค ศนู ยก์ ระจายสนิ คา้
ประโยชนแ์ ละความจาเป็ นของคลังสินคา้ สรุปดด้ งั นี้ 1. ใชเ้ ป็นสถานท่ีจดั เก็บสารองวตั ถดุ บิ และสนิ คา้ 2. ตอบสนองการทางานในระบบการทางานแบบทนั เวลาพอดี 3. ตอบสนองความพงึ พอใจของลกู คา้ ในดา้ นการมีสนิ คา้ และ บรกิ ารไวอ้ ยา่ งตอ่ เน่ือง 4. ปอ้ งกนั การขาดแคลนสนิ คา้ ท่ีอาจมีการเปล่ยี นแปลงตาม สถานการณข์ องตลาดและฤดกู าล 5. ก่อใหเ้ กิดความประหยดั ในดา้ นตน้ ทนุ ดาเนินการและระบบ การผลิตสินคา้ 6. สรา้ งความไดเ้ ปรยี บดา้ นการแข่งขนั ในอตุ สาหกรรม
ประเภทของคลังสนิ คา้ แบง่ ออกเป็น 4 ลกั ษณะ ดงั นี้ 1. การแบง่ ประเภทของคลงั สนิ คา้ ตามลกั ษณะของธุรกิจ 2. การแบง่ ประเภทของคลงั สนิ คา้ ตามลกั ษณะงาน 3. การแบง่ ประเภทของคลงั สนิ คา้ ตามลกั ษณะสนิ คา้ ท่ีจดั เก็บ 4. การแบง่ ประเภทคลงั สนิ คา้ ตามวตั ถปุ ระสงคก์ ารดาเนินงาน คลงั สนิ คา้ หอ้ งเย็น
กจิ กรรมหลักในคลังสนิ ค้า แบง่ ไดเ้ ป็น 2 กิจกรรม ดงั นี้ 1. กิจกรรมท่ีเก่ียวการเคล่อื นยา้ ย (Movement Activities) 2. กิจกรรมท่ีเก่ียวกบั การเก็บรกั ษา (Storage Activities) ชนั้ วางสนิ คา้ หรอื พืน้ ท่ีในการจดั เก็บสนิ คา้
ประโยชนพ์ ืน้ ฐานของศูนยก์ ระจายสินค้า จะแตกต่างจากคลงั สินคา้ ท่วั ไป ดงั นี้ 1. ศนู ยก์ ระจายสินคา้ เป็นจดุ รวบรวมสนิ คา้ แยกประเภท และกระจาย สินคา้ 2. ศนู ยก์ ระจายสินคา้ เป็นจดุ เปล่ียนถ่ายสินคา้ ระหว่างการขนส่งหลาย รูปแบบ 3. ศนู ยก์ ระจายสนิ คา้ ทาหนา้ ท่ีเป็นจดุ เกบ็ สนิ คา้ 4. ศนู ยก์ ระจายสนิ คา้ จดุ ใหบ้ รกิ ารดา้ นการผลติ และบรกิ ารดา้ นโลจิสตกิ ส์ ลกั ษณะการแยกยอ่ ยสนิ คา้ นาบรรจลุ งกลอ่ งเพ่ือนาส่งสาขา
พระราชบัญญัติท่ีมีความสาคัญและเก่ียวข้องโดยตรงกับการกระจ ายตัว สินค้ามากท่ีสุด คือตามพระราชบัญญัติการขนส่ง พ .ศ. 2522 ซ่ึงถือว่าเป็ น องคป์ ระกอบหลกั ท่ีช่วยทาใหส้ ินคา้ สามารถเขา้ ถึงและครอบคลมุ พืน้ ท่ีของการบริการ ลกู คา้ นิยามศพั ทใ์ นมาตรา 4 ว่าดว้ ยความหมายของการขนส่ง หมายความว่า “การ ลาเลียงหรอื เคล่อื นยา้ ยบคุ คลหรอื ส่งิ ของดว้ ยเครอ่ื งอปุ กรณข์ นสง่ ” มีดงั นี้ เคร่อื งอปุ กรณข์ นสง่ หมายถึงยานพาหนะท่ีใชใ้ นการขนสง่ รวมทงั้ เคร่ืองท่นุ แรง ดว้ ยและในพระราชบญั ญตั ิฉบบั นีไ้ ดแ้ บง่ ลกั ษณะของการประกอบการขนสง่ ออกเป็น “การขนสง่ สาธารณะ” หมายความวา่ การขนสง่ เพ่ือสนิ จา้ งโดยไมจ่ ากดั เสน้ ทาง “การขนส่งประจาทาง” หมายความว่า การขนส่งตามสินจา้ งตามเสน้ ทางท่ี กาหนด “การขนสง่ สว่ นบคุ คล” หมายความวา่ การขนสง่ เพ่ือกจิ การคา้ ของตนเอง “การรบั จดั ขนสง่ ” หมายความวา่ การรบั จา้ งรวบรวมบคุ คลหรอื สง่ิ ของและจดั ให้ บคุ คลอ่ืนทาการขนสง่ จากท่ีแหง่ หนง่ึ ไปยงั อีกแหง่ หนง่ึ ในความรบั ผดิ ชอบของผจู้ ดั ขนสง่
การกาหนดเส้นทางและพนื้ ทร่ี วมทัง้ มาตรการหรือข้อกาหนด ท่ีมา: www. Trafficpolice.go.th/projct5.php
ลกั ษณะขององคก์ ารท่ีมีความเก่ียวขอ้ งกบั การจดั จาหน่าย และเป็นองคก์ ารภายนอกของกิจการ มีดงั นี้ 1. องคก์ ารท่ีเป็นคนกลางทางการตลาด 2. สานกั งานขายหรอื สาขาของผผู้ ลิต (Manufacturer’s Sales Branches and Office) 3. สมาคมพฒั นาผปู้ ระกอบการธุรกิจคา้ ปลีกทนุ ไทย
พจนานกุ รมฉบบั ราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ. 2554 ไดใ้ หค้ วามหมาย คาวา่ เทคโนโลยี สารสนเทศ และระบบสารสนเทศ ดงั นี้ เทคโนโลยี (Technology) หมายถึง วิทยาการท่ีนาเอาความรูท้ าง วิทยาศาสตรม์ าใชใ้ หเ้ กิดประโยชนใ์ นทางปฏบิ ตั ิ และอตุ สาหกรรม สารสนเทศ (Information) หมายถงึ ข่าวสาร การแสดง หรอื ชีแ้ จง ข่าวสารขอ้ มลู ตา่ งๆ ระบบสารสนเทศ (Information System) หมายถึง ระบบของ การจดั เก็บและประมวลผลขอ้ มลู โดยอาศยั บคุ คลและเทคโนโลยสี ารสนเทศ ในการดาเนินการ เพ่ือใหไ้ ดส้ ารสนเทศท่ีเหมาะสมกบั งานหรอื ภารกิจแตล่ ะ อยา่ ง
การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสามสนเทศมาใช้เพื่อการจัด จาหน่าย ซง่ึ ก่อให้เกดิ ประโยชนแ์ ก่ธุรกจิ มีดงั นี้ 1. ช่วยใหม้ ีการจดั การขอ้ มลู อย่างมีระบบ มีความต่อเน่ือง ผบู้ รหิ าร สามารถมองเหน็ การเปล่ยี นแปลงและปัญหาท่ีเกิดขนึ้ ทนั ตอ่ เหตกุ ารณ์ 2. ทาใหก้ ารติดตามผลการดาเนินงานแต่ละช่วงเวลา มีความถูก ตอ้ ง และแมน่ ยา 3. ระบบสารสนเทศจะช่วยใหก้ ารส่ือสารทงั้ ภายในและภายนอก องคก์ รเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพเกิดการประสานงานท่ีดี ส่งผลต่อความ รวดเรว็ ความถกู ตอ้ ง และแมน่ ยา 4. ชว่ ยลดตน้ ทนุ และลดความสญู เสยี ในการดาเนินงาน
บทบาทของระบบสารสนเทศ มีดงั นี้ 1. โซค่ ณุ คา่ (Value Chain) 2. ระบบคณุ คา่ (Value System) 3. การสนบั สนนุ งานขององคก์ ร 4. การเพมิ่ มลู คา่ ใหแ้ ก่องคก์ ร
องคป์ ระกอบของระบบสารสนเทศ ประกอบดว้ ยสว่ นสาคญั 5 สว่ น ดงั นี้ 1. ฮารด์ แวร์ (Hardware) 2. ซอฟตแ์ วร์ (Software) 3. ฐานขอ้ มลู (Database) 4. มาตรฐานการปฏิบตั ิงาน (Standard Procedure) 5. บคุ ลากร (People ware) องคป์ ระกอบของระบบสารสนเทศ
ขั้น ต อ น ป ฏิ บัติ ใ น ก า ร น า เ ท ค โ น โ ล ยี ส า ร ส น เ ท ศ มาประยกุ ตใ์ ชป้ ระกอบดว้ ย 5 ขนั้ ตอน ดงั นี้ 1. การสารวจขอ้ มลู เบอื้ งตน้ 2. การกาหนดความตอ้ งการของระดบั เทคโนโลยี 3. การออกแบบระบบและการพฒั นาซอฟตแ์ วร์ 4. การทดสอบระบบ 5. การนาระบบไปใชใ้ นการดาเนินการ
ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเป็นระบบท่ีมีความสาคญั และนามาใช้ เพ่ือการจัดจาหน่ายอย่างแพร่หลาย เพ่ือใหก้ ารดาเนินงานเป็ นไปอย่างมี ประสิทธิภาพ มีความรวดเร็ว ลดความเสียหายแม่นยาในการควบคมุ การ สญู หายระหว่างทาง ในทางปฏิบตั ิเรียกว่า เทคโนโลยีในการบ่งบอกและ ตดิ ตามสนิ คา้ เทคโนโลยที ่ีนิยมใชใ้ นปัจจบุ นั ประกอบดว้ ย 1. บารโ์ คด (Barcode) 2. การระบดุ ว้ ยคล่ืนความถ่ีวิทยุ (Radio Frequency Identification: RFID) 3. ระบบระบุตาแหน่งบนพื้นท่ีโลกหรือระบบนาร่องโดยใช้ ดาวเทียม (Global Positioning System: GPS) 4. ควิ อารโ์ คด (QR Code: Quick Respone Code)
Search