Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore พุทธประวัติ

พุทธประวัติ

Published by aoy nan, 2020-01-18 01:54:38

Description: พุทธประวัติ

Search

Read the Text Version

พทุ ธประวตั ิ

1.ประสูติ พระพุทธเจ้ามีพระนามเดิมว่า \"สิทธัตถะ\" เป็พระราชโอรส ของพระเจ้าสุทโธทนะ กษัตริย์ผู้ครองกรุงกบิลพัสด์ุ แคว้นสักกะ ซึง่ ปัจจบุ นั ตั้งอยทู่ างภาคใตข้ องประเทศเนปาล พระราชมารดาทรง พระนามว่า \"พระนางสิริมหามายา\" ซ่ึงเป็นพระราชธิดาของ กษัตริยร์ าชสกลุ โกลิยวงศ์แห่งกรุงเทวทหะ แควน้ โกลิยะ เจ้าชายสิทธัตถะประสูติเม่ือ 80 ปีก่อนพุทธศักราช ท่ีสวน ลุมพินีวัน ณ ใต้ต้นสาละน้ัน ซึ่งอยู่ระหว่างพรมแดนกรุงกบิลพัสดุ์ และกรุงเทวทหะ(ปัจจุบันคือ ต.รุมมินเด ประเทศเนปาล) ได้มี พราหมณ์ท้ัง 8 ได้ทานายว่า เจ้าชายสิทธัตถะมีลักษณะเป็นมหา บรุ ุษ คือ ถา้ ดารงตนในฆราวาสจะได้เป็นจักรพรรดิ ถ้าออกบวชจะ ได้เป็นศาสดาเอกของโลก แต่โกณฑัญญะพราหมณ์ผู้อายุน้อยที่สุด

ในจานวนน้ัน ยืนยันหนักแน่นว่า พระราชกุมารสิทธัตถะจะเสด็จ ออกบวชและจะได้ตรัสรเู้ ปน็ พระพทุ ธเจา้ แน่นอน ทันทีที่ประสูติ ทรงดาเนินด้วยพระบาท 7 ก้าว มีดอกบัวผุด รองรับ ทรงเปล่งพระวาจาว่า \"เราเป็นเลิศที่สุดในโลก ประเสริฐ ทส่ี ุดในโลก การเกิดครงั้ นีเ้ ปน็ ครงั้ สดุ ทา้ ยของเรา\" 2.วัยเดก็ หลงั ประสตู ิได้ 7 วัน พระนางสริ มิ หามายาสิ้นพระชนม์ จงึ ทรงอยูใ่ นความ ดูแลของพระนางปชาบดโี คตมี ซึง่ เป็นพระกนษิ ฐาของพระนางสิรมิ หามายา ศกึ ษาเล่าเรียนจนจบระดบั สงู ของการศกึ ษาทางโลกในสมัยนัน้ ศลิ ปศาสตรถ์ งึ 18 ศาสตร์ ในสานักครวู ิศวามิตร พระบิดาไม่ประสงค์จะให้เจ้าชายสิทธัต ถะเปน็ ศาสดาเอก จงึ พยายามใหส้ ิทธตั ถะพบ แต่ความสุขทางโลก เช่น สร้างปราสาท 3 ฤดู และเมื่ออายุ 16 ปี ไดใ้ หเ้ จ้าชายสทิ ธตั ถะ อภิเษกกับนางพิมพาหรือยโสธรา ผู้เป็น พระธิดาของพระเจ้ากรุงเทวทหะซึ่งเป็นพระ ญาติฝา่ ยพระมารดา

3.เสดจ็ ออกผนวช เม่ือทอดพระเนตรเห็นคนแก่ คนเจ็บ คนตาย และสมณ ตามลาดับ จึงทรงคดิ ว่าชวี ิตของทุกคนต้องตกอย่ใู นสภาพเชน่ น้ัน ไม่มี ใครหลกี เลยี่ งได้ จงึ เกดิ แนวความคิดวา่ ธรรมดาในโลกนี้มขี องคู่กันอยู่ เช่น มีร้อนก็ต้องมีเย็น , มีทุกข์ คือ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ก็ต้องมีท่ีสุดทุกข์ คือ ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ ตาย ทรงเห็นความสุขทางโลกเป็นเพียงมายา ความสุขในกามคุณ เป็นความสุขจอมปลอม เป็นเพียงภาพมายาที่ ชวนให้หลงว่าเป็น ความสุขเท่านั้น ในความจริงแล้วไม่มีความสุข ไม่มีความเพลิดเพลิน ใดท่ีไมม่ คี วามทุกขเ์ จอื ปน วถิ ีทางทีจ่ ะพ้นจากความทุกข์ของชีวิตเช่นน้ีได้ หนทางหลุด พ้นจากวัฏสงสาร จะตอ้ งสละเพศผู้ครองเรือนเป็นสมณะ

สิ่งที่ทรงพบเห็นเรียกว่า \"เทวทูต(ทูตสวรรค์)\" จึงตัดสิน พระทัยทรงออกผนวช ในวันที่พระราหุลประสูติเล็กนอ้ ย พระองค์ทรง มา้ กณั ฐกะออกผนวช มีนายฉันทะตามเสด็จ โดยมุ่งตรงไปที่แม่น้าอโน มานที ทรงตัดพระเกศา และเปล่ียนเคร่ืองทรงเป็นผ้ากาสาวพักตร์ (ผ้าย้อมด้วยรสฝาดแห่งต้นไม้) ทรงเปล้ืองเครื่องทรงมอบให้นายฉัน นะนากลับพระนคร การออกบวชครั้งนี้เรียกว่า การเสด็จออก มหาภิเนษกรมณ์ (การเสด็จออกเพอ่ื คณุ อันย่ิงใหญ่) หลังจากทรงผนวชแล้ว จึงทรงมุ่งไปท่ีแม่น้าคยา แคว้น มคธ เพ่ือค้นคว้าทดลองในสานกั อาฬารดาบส กาลามโครตร และอทุ ก ดาบส รามบุตร เมื่อเรียนจบท้ังสองสานัก (บรรลุฌาณชั้นที่แปด) ก็ ทรงเห็นวา่ ไมใ่ ช่ทางพน้ ทกุ ข์ตามทม่ี ุง่ หวงั ไว้

จากน้ันจึงเสด็จไปที่แม่น้าเนรัญชรา ในตาบลอุรุเวลาเสนา นิคม (ปัจจุบันน้ีสถานท่ีน้ีเรียกว่า ดงคศิริ) เมอ่ื บาเพ็ญทุกรกิริยา โดย ขบฟันด้วยฟัน กลั้นหายใจและอดอาหาร หลังจากทดลองมา 6 ปี ก็ ยังไม่พบทางพ้นทุกข์ จึงทรงเลิกบาเพ็ญทุกรกิริยา หันมาบารุงพระ วรกายโดยปกติตามพระราชดาริวา่ \"เหมือนสายพิณควรจะขึงพอดีจึง จะได้เสียงท่ีไพเราะ\" ซึ่งพระอินทร์ได้เสด็จลงมาดีดพิณถวาย พิณสาย หน่ึงขึงไว้ตึงเกินไป พอถูกดีดก็ขาดผึงออกจากกัน จึงพิจารณาเห็น ทางสายกลางวา่ เปน็ หนทางที่จะนาไปสู่พระโพธิญาณได้ - ระหว่างท่ีทรงบาเพ็ญทุกรกิริยา ปัญจวัคคีย์ (โกญฑัญญะ วัปปะ ภัททิยา มหานามะ อัสสชิ) มาคอยปรนนิบัติพระองค์โดยหวังว่าจะ ทรงบรรลุธรรมวิเศษ เม่ือพระองค์เลกิ บาเพ็ญทุกรกิรยิ า ปญั จวัคคียจ์ ึง หมดศรัทธา พากันไปอยู่ท่ีป่าอิสิปตนมฤคทายวัน เมืองพาราณสี (ต. สารนาถ)

4.ตรสั รู(้ 15 ค่าเดอื น 6) ขณะมีพระชนมายุได้ 35 พรรษา ในวันที่พระองค์ตรัสรู้ นาง สุชาดาได้ถวายข้าวมธุปายาส(หุงด้วยนม) ใต้ต้นไทร เม่อื เสวยเสร็จแล้ว ทรงลอยถาดทองในแม่น้าเนรัญชรา ทรงอธิษฐานเส่ียงพระบารมีว่า ... “ถ้าอาตมาจะได้ตรัสแก่พระปรมาภิเษกสัมโพธิญาณแล้ว ขอให้ถาด นี้จงลอยทวนกระแสน้าข้ึนไป ” ถาดทองน้ันลอยทวนกระแสน้าข้ึนไป ๑ เส้น แล้วก็จมลงตรงนาคภพพิมานแห่งพญากาฬนาคราช พระองค์ทรง โสมนัสและแน่พระทัยว่าจะได้ตรัสรู้ เป็นพระสัพพัญญูสัมพุทธเจ้า โดย หาความสงสัยมิได้ ในเวลาเย็นโสตถิยะให้ถวายหญ้าคา 8 กามือ ปูลาดเป็นอาสนะ ณ โคนใต้ต้นโพธิ ตาบลอุรุเวลาเสนานิคม ริมฝั่งแม่น้าเนรัญชรา (ปัจจุบัน คือ ต.พทุ ธคยา ประเทศอนิ เดีย) ทรงต้ังพระทัยแน่วแน่ว่าจะบรรลุโพธิญาณ ประทับหันพระพักตร์ ไปทางทศิ ตะวันออก

ทรงบรรลุรูปฌาณท้ัง 4 ชั้น แล้วใช้สติปัญญาพิจารณาจนเกิด ความร้แู จง้ คอื 1.) เวลาปฐมยาม ทรงไดป้ ุพเพนิวาสานสุ ตญิ าณ คอื ความร้เู ป็น เหตุใหร้ ะลึกชาตไิ ด้ 2.) เวลามชั ฌิมยาม ทรงไดจ้ ุตปู ปาตญาณ(ทพิ ยจักษุญาณ)คอื รู้ เรือ่ งเกดิ -ตายของสัตว์ทง้ั หลายว่า เปน็ ไปตามกรรมท่ีตนกระทาไว้ 3.) เวลาปจั ฉิมยาม ทรงได้ อาสวกั ขยญาณ คอื ความร้ทู ที่ าใหส้ ิน้ อาสวะหรอื กเิ ลส หมายถึง ตรสั รูอ้ รยิ สัจ4 อาสวักขยญาณ ท่ีทรงได้ทาให้ทรงพิจารณาถึงขันธ์ 5 และใช่แห่ง ความเป็นเหตทุ ่ี เรยี กว่า ปฏิจจสมุปบาท อันเป็นต้นทางให้เขาถึงอริยสัจ 4 เมื่อพระองค์ทรงรู้เห็นแล้ว จึงละอุปาทานและตรัสรู้เป็นพระ สัมมาสมั พทุ ธเจ้า

5.ปฐมเทศนา หลังจากท่ีตรัสรู้แล้ว ได้พิจารณาธรรมท่ีพระองค์ตรัสรู้เป็น เวลา 7 สัปดาห์ ทรงเหน็ วา่ พระธรรมท่ีพระองค์ทรงบรรลุนั้นมคี วาม ละเอียดอ่อน สุขุมคัมภีรภาพ ยากต่อบุคคลจะรู้ เข้าใจและปฏิบัติได้ ทรงเกิดความท้อพระทัยว่าจะไม่แสดงธรรมโปรดมหาชน ต่อมาท่าน ได้ทรงพิจารณาอย่างลึกซึ้ง แล้วทรงเห็นว่าบุคคลในโลกน้ีมีหลาย จาพวก บางพวกสอนได้ บางพวกสอนไม่ได้ เปรียบเสมือนบัว ๔ เหล่า ดงั นัน้ แล้วจึงดาริทจ่ี ะแสดงธรรมเพ่อื มวลมนษุ ยชาตติ อ่ ไป

จงึ ทรงมพี ระกรุณาธคิ ณุ ระลกึ อาฬารดาบสและอทุ ทกดาบส วา่ มีกเิ ลสเบาบางสามารถตรัสรไู้ ด้ทันที แตท่ ่านท้งั 2 ไดต้ ายแลว้ จงึ ทรงระลกึ ถึงปัญจวคั คีย์ (ประกอบดว้ ย พระโกณฑญั ญะ พระ วัปปะ พระภทั ทิยะ พระมหานาม และพระอสั สช)ิ จึงเสดจ็ ไปที่ป่า อิสปตนมฤคทายวนั เมอื งพาราณสี แควน้ กาสี ปจั จบุ ันคอื สารนาถ เมืองพาราณสี ในวนั ขึน้ 15 เดอื น 8 จงึ ทรงปฐมเทศนา \" ธัมมจกั กัปปวัตตนสตู ร (แปลว่าสูตรของการหมุนวงล้อแห่งพระธรรมให้ เปน็ ไป)\" ซงึ่ ใจความ 3 ตอน คอื

1.) ทรงชที้ างผดิ อนั ไดแ้ ก่กามสุขลั ลิกานุโยค(การประกอบตน ใหช้ มุ่ อย่ดู ว้ ยกาม) และอตั ตกิลมถานโุ ยค(การทรมานตนให้ ลาบาก) วา่ เป็นสว่ นสุดท่ี บรรพชติ ไม่ควรดาเนิน แต่ เดนิ ทางสายกลางที่ เรยี กวา่ มัชฌิมาปฏปิ ทา คอื มรรคมอี งค์แปด เปน็ ไปเพื่อพระ นิพพาน 2.) ทรงแสดงอรยิ สจั 4 โดยละเอยี ด 3.) ทรงปฏิญญาว่าทรงตรัสรู้พระองค์เอง และได้บรรลุธรรม วิเศษแล้ว


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook