วิชาการสือ่ สารและขอ้ มลู เครอื ขา่ ย บทท4่ี ประเภทของระบบเครอื ขา่ ย จดั ทาโดย นางสาวพัชรี อยูค่ ง แผนกคอมพวิ เตอร์ธุรกจิ วิทยาลัยอาชวี ศกึ ษาเพชรบรุ ี
ประเภทเครอื ขา่ ย1.แบง่ ตามลกั ษณะทางกายภาพ คอื PAN คอื เทคโนโลยีการเข้าถงึ ไรส้ ายในพืน้ ท่ีเฉพาะส่วนบคุ คล โดยมรี ะยะทางไมเ่ กิน 1เมตร และมีอตั ราการรบั สง่ ข้อมูลความเรว็ สูงมาก (สูงถึง 480 Mbps) ซ่งึ เทคโนโลยที ใี่ ชก้ ันแพร หลาย กเ็ ช่น• UltraWide Band (UWB) ตามมาตรฐาน IEEE 802.15.3a• Bluetooth ตามมาตรฐาน IEEE 802.15.1•Zigbee ตามมาตรฐาน IEEE 802.15.4เทคโนโลยเี หลา่ นีใ้ ช้สาหรับการติดต่อส่ือสารระหว่างคอมพิวเตอร์และ อุปกรณ์ตอ่ พว่ ง(peripherals) ใหส้ ามารถรับส่งข้อมลู ถงึ กนั ได้ และยังใช้สาหรับการรับส่งสัญญาณวดิ โี อที่มีความละเอยี ดภาพสูง (high-definition video signal) ได้ดว้ ยPersonal Area Network(PAN)ช่วยใหเ้ ราสามารถจดั การข้อมลู ระหว่างอุปกรณต์ ่างๆท่ีเคลอ่ื นท่ไี ปมาได้ LAN เป็นระบบเครือขา่ ยท่ีใช้งานอยใู่ นบริเวณท่ีไมก่ ว้างนักอาจใชอ้ ยู่ภายในอาคารเดยี วกันหรอือาคารทอ่ี ยู่ใกล้กนั เช่น ภายในมหาวิทยาลยั อาคารสานกั งาน คลังสนิ คา้ หรือโรงงาน เปน็ ต้น การสง่ ขอ้ มูลสามารถทาได้ด้วยความเร็วสูงและมขี อ้ ผดิ พลาดนอ้ ยระบบเครอื ขา่ ยระดับท้องถนิ่ จงึ ถกู ออกแบบมาใหช้ ว่ ยลดตน้ ทนุ และเพ่ือเพมิ่ ประสิทธภิ าพในการทางานและใช้งานอุปกรณต์ ่างๆร่วมกัน
MAN เปน็ ระบบเครือข่ายทมี่ ีขนาดอยู่ระหว่าง Lan และ Wan เป็นระบบเครอื ขา่ ยทีใ่ ชภ้ ายในเมอื งหรอื จงั หวดั เทา่ นั้นการเชื่อมโยงจะต้องอาศัยระบบบริการเครอื ข่ายสาธารณะ จงึ เป็นเครือข่ายทใี่ ชก้ ับองค์การทม่ี ีสาขาหา่ งไกลและต้องการเช่อื มสาขาเหลา่ นัน้ เข้าดว้ ยกนั เชน่ ธนาคาร เครอื ข่ายแวนเช่อื มโยงระยะไกลมาก จึงมีความเรว็ ในการสอ่ื สารไมส่ ูงเน่ืองจากมีสัญญาณรบกวนในสายเทคโนโลยีท่ใี ช้กับเครือขา่ ยแวนมคี วามหลากหลายมีการเชอ่ื มโยงระหวา่ งประเทศด้วยชอ่ งสัญญาณดาวเทยี ม เส้นใยนาแสง คลน่ืไมโครเวฟ คลนื่ วทิ ยุ สายเคเบลิ WAN เปน็ ระบบเครือขา่ ยท่ตี ิดตั้งใชง้ านอยูใ่ นบรเิ วณกวา้ ง เช่น ระบบเครอื ข่ายทต่ี ิดต้ังใช้งานทั่วโลก เปน็ เครอื ข่ายทเี่ ชอื่ มตอ่ คอมพวิ เตอร์หรอื อปุ กรณ์ทอี่ ย่หู ่างไกลกนั เขา้ ดว้ ยกัน อาจจะตอ้ งเป็นการตดิ ต่อสอ่ื สารกันในระดบั ประเทศขา้ มทวปี หรือทว่ั โลกก็ได้ในการเชอ่ื มการติดต่อน้นั จะตอ้ งมีการตอ่ เขา้ กบัระบบสอ่ื สารขององคก์ ารโทรศัพท์หรอื การสอื่ สารแหง่ ประเทศไทยเสยี กอ่ นเพราะจะเปน็ การส่งข้อมลู ผ่านสายโทรศัพทใ์ นการติดตอ่ สื่อสารกันโดยปกตมิ ีอตั ราการส่งข้อมลู ทต่ี ่าและมีโอกาสเกิดข้อผิดพลาดการสง่ข้อมูลอาจใชอ้ ปุ กรณ์ในการสอ่ื สาร เชน่ โมเดม็ (Modem) มาชว่ ย
2. แบ่งตามหนา้ ทข่ี องคอมพวิ เตอร์Peer-to-Peer เปน็ การเชือ่ มต่อเคร่อื งคอมพวิ เตอร์เขา้ ด้วยกัน โดยเครื่องคอมพวิ เตอร์ แต่ละเคร่อื ง จะสามารถแบ่งทรัพยากรตา่ งๆ ไม่วา่ จะเป็นไฟล์หรอื เครือ่ งพิมพซ์ งึ่ กันและกันภายในเครือขา่ ยได้ เคร่ืองแต่ละเคร่อื งจะทางานในลักษณะท่ีทดั เทยี มกัน ไมม่ ีเครอื่ งใดเครอื่ งเคร่ืองหนึ่งเป็นเครอ่ื งหลกั เหมอื นแบบ Client /Server แต่กย็ งั คงคุณสมบัติพนื้ ฐานของระบบเครอื ขา่ ยไว้เหมือนเดมิ การเชอ่ื มตอ่ แบบน้มี ักทาในระบบที่มีขนาดเลก็ ๆ เชน่ หนว่ ยงานขนาดเลก็ ที่มเี ครอื่ งใช้ไมเ่ กิน 10 เคร่ือง การเชอื่ มตอ่ แบบนมี้ ีจุดออ่ นในเรอ่ื งของระบบรกั ษาความปลอดภยั แตถ่ ้าเปน็ เครอื ข่ายขนาดเลก็ และเปน็ งานทไ่ี มม่ ีข้อมูลทีเ่ ปน็ ความลับมากนกัเครือขา่ ยแบบนี้ ก็เปน็ รูปแบบท่ีน่าเลอื กนามาใชไ้ ด้เป็นอยา่ งดี Client-Server เป็นระบบท่มี เี ครอ่ื งคอมพวิ เตอร์ทกุ เครือ่ งมีฐานะการทางานทเ่ี หมอื น กนั เทา่ เทยี มกนัภายในระบบเครือข่ายแต่จะมีเคร่ืองคอมพิวเตอร์เคร่ืองหนึ่งที่ทาหน้าที่เป็นเครื่อง Server ที่ทาหน้าท่ีให้บริการทรัพยากรต่างๆให้กับเครื่องClientหรือเครื่องท่ีขอใช้บริการซึ่งอาจจะต้องเป็นเคร่ืองท่ีมีประสิทธิภาพท่ีค่อนข้างสูง ถึงจะทาให้การให้บริการมีประสิทธิภาพตามไปด้วย ข้อดีของระบบเครือข่ ายClient - Server เป็นระบบที่มีการรักษาความปลอดภัยสูงกว่าระบบแบบ Peer To Peer เพราะว่าการจัดการในด้านรักษาความปลอดภัยน้ันจะทากันบนเคร่ือง Serverเพียงเครื่องเดียวทาให้ดูแลรักษาง่ายและสะดวกมีการกาหนดสิทธิการเข้าใช้ทรัพยากรตา่ งๆใหก้ ับเคร่ืองผูข้ อใช้บริการหรอื เคร่ืองClient
3. แบ่งตามระดบั ความปลอดภยั ของขอ้ มูลเปน็ เกณฑ์ Intranetระบบการรักษาความปลอดภัยเป็นสิ่งท่ีแยกอินทราเน็ตออกจากอินเทอร์เน็ตเครือข่ายอินทราเน็ตขององค์กรจะถูกปกป้องโดยไฟล์วอลล์ (Firewall) ซ่ึงอาจจะเป็นได้ทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่ทาหน้าท่ีกรองข้อมูลท่ีแลกเปล่ียนกันระหว่างอินทราเน็ตและอินเทอร์เน็ตเม่ือทั้งสองระบบ มีการเชื่อมต่อกันดังนั้นองค์กรสามารถกาหนดนโยบายเพ่ือควบคุมการเข้าใช้งานอินทราเน็ตได้อินทราเน็ตสามารถสนองความตอ้ งการของผูใ้ ช้ในองค์กรได้หลายอยา่ ง ความง่ายในการตีพิมพ์บนเวบ็ ทาให้เป็นท่ีนิยมในการประกาศขา่ วสารขององค์กร เช่น ข่าวภายในองค์กรกฎ ระเบียบ และมาตรฐาน การปฏิบัติงานต่าง ๆ เป็นต้น หรือแมก้ ระท่ังการเข้าถึงฐานข้อมลู ขององค์กรก็งา่ ยเชน่ กันผู้ใช้สามารถทางานร่วมกันไดง้ ่ายและมีประสิทธภิ าพมากขน้ึ Internetความปลอดภัยของข้อมูล เน่ืองจากทุกคนสามารถเข้าถึงข้อมูลทุกอย่างท่ีแลกเปล่ียนผ่านอิ น เ ท อ ร์ เ น็ ต ไ ด้ อิ น เ ท อ ร์ เ น็ ต ใ ช้ โ ป ร โ ต ค อ ล ท่ี เ รี ย ก ว่ า “TCP/IP (Transport ConnectionProtocol/Internet Protocol)” ในการสื่อสารข้อมูลผ่านเครือข่าย ซ่ึงโปรโตคอลน้ีเป็นผลจากโครงการหน่ึงของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ โครงการนี้มีช่ือว่า ARPANET (Advanced Research ProjectsAgency Network) ในปี ค.ศ.1975 จุดประสงค์ของโครงการนี้เพื่อเช่ือมต่อคอมพิวเตอร์ที่อยู่ห่างไกลกันและภายหลังจึงได้กาหนดให้เป็นโปรโตคอลมาตรฐานในเครือข่ายอินเทอร์เน็ตในปัจจุบันอินเทอร์เน็ตได้กลายเปน็ เครอื ข่ายสาธารณะ ซ่งึ ไมม่ ีผใู้ ดหรือองค์กรใดองค์กรหน่ึงเปน็ เจา้ ของอย่างแท้จริง การเช่ือมต่อเข้ากับอินเทอร์เน็ตต้องเชื่อมต่อผ่านองค์กรที่เรียกว่า “ISP (Internet Service Provider)” ซึ่งจะทาหน้าท่ีให้บริการในการเชื่อมต่อเข้ากับอินเทอร์เน็ต น่ันคือ ข้อมูลทุกอย่างท่ีส่งผ่านเครือข่าย ทุกคนสามารถดูได้นอกเสยี จากจะมีการเข้ารหสั ลบั ซึง่ ผ้ใู ช้ต้องทาเอง Extranet เอก็ ส์ทราเนต็ (Extranet) เป็นเครือขา่ ยก่ึงอนิ เทอรเ์ นต็ กง่ึ อนิ ทราเน็ตกล่าวคอื เอ็กสท์ ราเนต็ คอื เครอื ขา่ ยทเี่ ช่ือมตอ่ ระหวา่ งอนิ ทราเนต็ ของสององค์กร ดงั นัน้ จะมีบางสว่ นของเครือขา่ ยที่เปน็ เจา้ ของร่วมกนั ระหว่างสององค์กรหรือบรษิ ัท การสรา้ งอนิ ทราเน็ตจะไม่จากัดด้วยเทคโนโลยีแต่จะยากตรงนโยบายทีเ่ กยี่ วกบั การรกั ษาความปลอดภัยของข้อมลู ทที่ ั้งสององคก์ รจะต้องตกลงกัน เชน่องค์กรหนงึ่ อาจจะอนุญาตให้ผใู้ ชข้ องอกี องคก์ รหนึง่ ล็อกอนิ เขา้ ระบบอินทราเนต็ ของตัวเองหรือไม่ เปน็ ตน้
การสร้างเอก็ ส์ทราเนต็ จะเน้นท่รี ะบบการรักษาความปลอดภัยข้อมลู รวมถงึ การตดิ ต้งั ไฟล์วอลลห์ รอื ระหว่างอนิ ทราเนต็ และการเขา้ รหัสข้อมูลและสงิ่ ที่สาคญั ที่สดุ กค็ อื นโยบายการรกั ษาความปลอดภยั ข้อมูลและการบังคบั ใช้
Search
Read the Text Version
- 1 - 6
Pages: