Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore Onetมต้น

Onetมต้น

Published by Nareeya0649296510, 2021-01-15 11:44:22

Description: Onetมต้น

Search

Read the Text Version

ขอ้ สอบโอเนต (O – NET) ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 3 (ปี 2552 – 2556) สาระท่ี 1 จานวนและการดาเนนิ การ  ONET 52 : สาระที่ 1 จานวนและการดาเนินการ 1. จำนวนใดไม่ใช่รำกทส่ี องของ 841 1. 292 2. - 292 3. 29 และ –29 4. (29)2 และ (–29)2 2. จงหำผลบวกของจำนวนเต็มทง้ั หมดท่มี คี ำ่ อยรู่ ะหว่ำง –7 กับ 15 และหำรดว้ ย 3 ลงตวั ว่ำมีคำ่ เท่ำใด 1. 7 2. 15 3. 21 4. 36 3. ขอ้ ใดต่อไปน้ผี ดิ 1. ห.ร.ม. ของ 8 และ 12 คือ 4 2. ค.ร.น. ของ 8 และ 12 คือ 24 3. ตวั ประกอบรว่ มของ 8 และ 12 คือ 1, 2 และ 4 4. ตัวหำรรว่ มของ 8 และ 12 คือ 2 และ 4 4. แสงเดินทางด้วยอตั ราเรว็ 3x108 เมตรตอ่ วินำที จงหำวำ่ ในเวลำ 1 วนั แสงจะเดินทำงได้ระยะทำงกี่เมตร 3 1. 6.480x1012 2. 8.640x1012 3. 1.296x1013 4. 2.592x1013 5. จงหำจำนวนนบั ทีน่ ้อยทีส่ ดุ ท่หี ำรด้วย 60, 54, 42 และ 30 แลว้ เหลอื เศษ 9 ทกุ จำนวน 1. 3771 2. 3780 3. 3789 4. 3798

6. พ่อค้ำคนหนง่ึ ซื้อสม้ มำ 10 กิโลกรมั รำคำกโิ ลกรัมละ 40 บำท ถำ้ ต้องกำรขำยให้ได้กำไร 5 % จำกตน้ ทุน จะต้องขำยส้มกโิ ลกรมั ละก่ีบำท และได้กำไรทง้ั หมดก่บี ำท 1. กโิ ลกรมั ละ 50 บำท, กำไร 100 บำท 2. กโิ ลกรมั ละ 45 บำท, กำไร 50 บำท 3. กิโลกรัมละ 48 บำท, กำไร 80 บำท 4. กโิ ลกรมั ละ 42 บำท, กำไร 20 บำท 7. มกี ระดำษหนึ่งแผน่ กว้ำง 18 เซนตเิ มตร ยำว 63 เซนตเิ มตร ถำ้ ต้องกำรตัดกระดำษดังกล่ำวเป็นรปู สเ่ี หล่ียม จัตุรัสท่ีมดี ำ้ นกวำ้ งและด้ำนยำวเป็นจำนวนนบั ที่มำกทส่ี ุดเท่ำทีจ่ ะทำได้ โดยทสี่ ่ีเหลยี่ มจัตุรสั น้ีจะต้องมีขนำด เท่ำกนั ทุกชิน้ และเม่ือตดั เสร็จแล้วจะต้องไม่มเี ศษกระดำษเหลอื อย่เู ลย จงหำวำ่ จะตดั กระดำษได้ทัง้ หมดก่ชี ้นิ 1. 126 ช้ิน 2. 42 ชิน้ 3. 14 ชนิ้ 4. 8 ชน้ิ 8. ต้องกำรทำเค้กรูปทรงกระบอกชิ้นหนงึ่ ที่มีเส้นผ่ำนศูนย์กลำง 28 เซนติเมตร เปน็ ช้นั ๆ ดังน้ี ชัน้ ท่ี 1 เปน็ เนอื้ เค้กหนำ 3 เซนตเิ มตร ช้นั ที่ 2 เป็นเนื้อแยมหนำ 1 เซนตเิ มตร ชนั้ ท่ี 3 เป็นเนอื้ เค้กหนำ 2 เซนตเิ มตร ชั้นที่ 4 เปน็ ครมี หนำ 1.5 เซนตเิ มตร ถ้ำเน้ือเคก้ 100 ลูกบำศก์เซนตเิ มตร รำคำ 10 บำท แยม 100 ลูกบำศกเ์ ซนตเิ มตร รำคำ 25 บำท ครมี 100 ลูกบำศก์เซนติเมตร รำคำ 25 บำท ถ้ำต้องกำรกำไรจำกกำรขำยเค้กก้อนนี้ 20 % จะต้องต้ังรำคำขำยเค้กก้อนน้ีไวท้ กี่ ่บี ำท 1. 138.60 บำท 2. 693.00 บำท 3. 831.60 บำท 4. 925.40 บำท  ONET 53 : สาระท่ี 1 จานวนและการดาเนินการ 9. ถ้ำเขยี นเศษสว่ น 1 ในรูปทศนิยมซำ้ จะได้ทศนิยมในตำแหน่งที่ 37 เปน็ เท่ำไร 7 1. 1 2. 5 3. 7 4. 8

10. จงพจิ ำรณำข้อควำมต่อไปน้ี ว่ำขอ้ ใดเป็นจรงิ 1. จำนวนจริงทเ่ี ปน็ จำนวนตรรกยะมบี ำงจำนวนท่ีเป็นจำนวนอตรรกยะ 2. จำนวนเตม็ 0 เป็นจำนวนจริงเพยี งจำนวนเดียวท่ีคูณกบั จำนวนอตรรกยะใด ๆ แล้วได้ผลคณู เป็น จำนวนตรรกยะ 3. จำนวนจริงที่เขียนได้ในรปู ทศนิยมท่ีไม่ซ้ำกันเปน็ จำนวนอตรรกยะและเขยี นเป็นรูปเศษสว่ นที่มเี ศษ และส่วนเป็นจำนวนเต็มไม่ได้ 4. จำนวนเตม็ เปน็ จำนวนจริงทีป่ ระกอบดว้ ยจำนวนเตม็ ลบและจำนวนเตม็ บวกเท่ำน้นั 11. นกั เรียนห้องหน่งึ เปน็ นักเรยี นชำย 5 ของนักเรียนท้ังห้อง มีนักเรยี นหญงิ ทีเป็นนกั กรีฑำอยู่ 0.5 ของ 9 นกั เรยี นหญงิ ถ้ำนักเรียนหญงิ ในห้องน้เี ป็นนักกรีฑำ 8 คน จะมีนักเรยี นชำยในก้องนกี้ ี่คน 1. 18 2. 20 3. 22 4. 24 12. ภำสกร สอบวชิ ำต่ำง ๆ ไดค้ ะแนนดังน้ี วชิ ำคณิตศำสตร์ : วชิ ำภำษำองั กฤษ ไดค้ ะแนน 5 : 3 วิชำภำษำองั กฤษ : วิชำวิทยำศำสตร์ ได้คะแนนเป็น 4 : 7 ถ้ำแต่ละวิชำคะแนนเต็ม 50 คะแนน และเขำสอบวิชำคณิตศำสตร์ได้ 40 คะแนน ถำมวำ่ เขำสอบวชิ ำวทิ ยำศำสตรไ์ ด้ร้อยละเท่ำไร 1. 84 2. 80 3. 60 4. 48 13. ผลบวกของเศษส่วน 3 จำนวนตอ่ ไปน้ี 2007  8008  2009 4. 4 2999 5998 3997 มีคำ่ ใกล้เคยี งจำนวนเตม็ ในข้อใดตอ่ ไปน้ีมำกที่สุด 1. 1 2. 2 3. 3 14. ให้ a เป็นจำนวนทีม่ ำกที่สดุ ที่หำร 170 และ 94 แล้วเหลือเศษ 5 และ 4 ตำมลำดับ แล้ว a+5 ไมเ่ ปน็ พหคุ ณู ของจำนวนใดต่อไปน้ี 1. 2 2. 3 3. 4 4. 5

 ONET 54 : สาระท่ี 1 จานวนและการดาเนินการ 15. จงหำคำ่ ของ 64 101  16 3. 1.6 4. 4.0 1. 0.1 2. 0.8 16. ถ้ำให้ A เป็นตัวหำรรว่ มมำกของ 36 และ 54 และ B เปน็ ตัวคณู รว่ มน้อยของ 36 และ 54 แล้ว B  A จะมคี ำ่ เปน็ เทำ่ ไร 1. 2 2. 3 3. 4 4. 6  ONET 55 : สาระท่ี 1 จานวนและการดาเนนิ การ 17. กาหนด x และ y เปน็ จานวนจรงิ ถา้ x > y และ xy < 0 แลว้ จานวนในข้อใดเปน็ จานวนลบ 1. 3y - x 2. x - 2y 3. x - 4y 4. -x และ -y 18. พิจารณาข้อควำมตอ่ ไปนี้ ก. รำกทสี่ อง ของ 169 มี 2 คำ่ คือ 13, –13 ข. รำกทสี่ ำม ของ –64 มี 2 ค่ำคือ 4, –4 ค. รำกทสี่ อง ของ –16 มี 1 ค่ำคือ –4 ง. รำกที่สำมของ –27 มี 1 ค่ำคือ –3 มีขอ้ ควำมท่ีเปน็ จรงิ กี่ข้อ 1. 1 ขอ้ 2. 2 ข้อ 3. 3 ข้อ 4. 4 ข้อ

19. อัตรำส่วนคำ่ จ้ำงรำยวนั ของ ฉลำม เฉลิม เฉลยี ว เป็น 2 : 1 : 3 ถ้ำฉลำมและเฉลมิ ไดร้ ับคำ่ จ้ำงรำยวัน รวมกนั 900 บำท ต่อไปน้ขี ้อใดผดิ 1. เฉลยี วได้ค่ำจำ้ งวนั ละ 900 บำท 2. เฉลมิ ไดค้ ่ำจ้ำงวนั ละ 300 บำท 3. ฉลำมไดค้ ่ำจ้ำงวนั ละ 600 บำท 4. ฉลำมได้จ้ำงมำกกวำ่ เฉลมิ วันละ 200 บำท 20. แม่คำ้ ขำยปลำขนำดต่ำง ๆ กนั จำนวน 12 ตวั น้ำหนักเปน็ กโิ ลกรมั ดังน้ี 0.9 1.0 1.1 1.2 1.3 1.4 1.5 1.6 1.7 1.8 1.9 2.6 และจดั ปลำใส่ถงุ ถุงละ 3 ตวั แตล่ ะถุงมีนำ้ หนกั เทำ่ กัน ถ้ำถุงหนงึ่ มปี ลำหนัก 1.3 และ 1.5 กโิ ลกรัม แล้วแมค่ ำ้ ต้องจัดปลำอกี 1 ตัวน้ำหนักเทำ่ ไรลงในถงุ เดยี วกันน้ี 1. 1.4 กิโลกรัม 2. 1.6 กโิ ลกรมั 3. 1.7 กโิ ลกรัม 4. 1.9 กิโลกรัม 21. ถ้าจานวนเตม็ A, B, C มผี ลคณู เปน็ A x B x C = 12321 แล้วจานวนในขอ้ ใด จะไมเ่ ปน็ ผลบวกของ A + B + C ได้เลย 1. 83 2. 151 3. 222 4. 223 22. ถำ้ รปู สี่เหลี่ยมจตั รุ สั รปู หนึง่ เปลีย่ นแปลงไปเป็นรปู สเ่ี หลีย่ มผนื ผ้ำ โดยมดี ้ำนหนึง่ ยำวเพ่ิมข้นึ ร้อยละ 60 อีกด้ำนหนึ่งยำวลดลงร้อยละ 60 แลว้ ถำมวำ่ รูปสีเ่ หล่ียมผนื ผ้ำจะมพี ้ืนท่เี ปล่ยี นแปลงจำกรปู ส่เี หลี่ยมจัตรุ สั อย่ำงไร 1. เทำ่ เดมิ 2. เพม่ิ ขน้ึ 3. ลดลง 4. เพม่ิ ขนึ้ หรือลดลงขึ้นอยูก่ ับขนำดของรปู สีเ่ หลย่ี มจตั รุ ัส 23. กำหนด A, B แทนจำนวนจรงิ A  B หมำยถึง A + B – 5.5 จงหำวำ่ 1  2  3  4  5  6  7  8  9 เท่ำกับเท่ำไร __________

 ONET 56 : สาระท่ี 1 จานวนและการดาเนินการ 24. ถา้ 0<a<1แลว้ ขอ้ ใดต่อไปนเี้ ปน็ จริง 1. a < a2 < 1 2. 1 < a < a2 3. a2 < a < 1 4. a < 1 < a2 a a a a 25. พจิ ารณาข้อต่อไปนี้ ก. 4 1 12  4 1  1 2 ข.7  5  10  8 27 2 7 ข้อสรปุ ใดเป็นจริง 1. ก ถกู ข ถูก 2. ก ถูก ข ผิด 3. ก ผดิ ข ถกู 4. ก ผดิ ข ผิด 26. จานวนเตม็ บวกทน่ี ้อยท่ีสุด ท่ีหารด้วย 5 แลว้ เหลอื เศษ 4 แตห่ ารด้วย 4 แลว้ เหลอื เศษ 3 ถามว่าผลบวกเลขโดดของจานวนเตม็ น้นั เปน็ เท่าไร 1. 7 2. 8 3. 9 4. 10 27. หลักหนว่ ยของ 315 เท่ากับจานวนในข้อใด 4. 9 1. 1 2. 3 3. 7 28. จากการสอบถามนักเรียนหอ้ งหนง่ึ มีคนท่พี ูดภาษาจนี และภาษาองั กฤษได้ดงั น้ี มีคนทีพ่ ูดภาษาจีนได้ ร้อย ละ 70 และมคี นท่ีพูดภาษาอังกฤษไดร้ ้อยละ 80 ขอ้ ใดทก่ี ล่าวถงึ นกั เรียนห้องน้ถี ูกตอ้ ง 1. มคี นทสี่ ามารถพดู ทั้งสามารถพูดภาษาจีนและภาษาอังกฤษได้ร้อยละ 50 2. มีคนท่ีพูดภาษาจีนอย่างเดียวไดร้ ้อยละ 30 3. มคี นท่ีพูดภาษาอังกฤษอย่างเดียวได้รอ้ ยละ 20 4. ขอ้ 1 ถึง ขอ้ 3 ถูกต้องทุกขอ้

 ONET 52 : สาระที่ 2 การวดั สาระท่ี 2 การวัด 1. ชำยคนหน่ึงมที ่ีดิน 2 ไร่ 3 งำน 150 ตำรำงวำ ต้องกำรขำยที่ดังกลำ่ วทัง้ หมดในรำคำตำรำงวำละ 12,000 บำท เพ่ือซือ้ ท่ีดนิ อีกแปลงหนึ่งรำคำตำรำงวำละ 15,000 บำท จงหำว่ำจะซื้อทีด่ ินดงั กลำ่ วได้กง่ี ำน 1. 10 งำน 2. 12 งำน 3. 15 งำน 4. 20 งำน 2. ใส่น้ำลงในอ่ำงนำ้ ทรงส่ีเหล่ียมมุมฉำกกวำ้ ง 25 ซม. ยำว 50 ซม. และสงู 38 ซม. ถ้ำระดบั น้ำตำ่ กวำ่ ขอบบน ของอ่ำงอยู่ 8 ซม. จงหำวำ่ มีน้ำอยู่ในอ่ำงดงั กล่ำวกีล่ ูกบำศก์เซนติเมตร 1. 19,500 ลบ.ซม. 2. 24,500 ลบ.ซม. 3. 37,500 ลบ.ซม. 4. 47,500 ลบ.ซม. 3. จงหำคำ่ d ทที่ ำใหป้ ริมำตรของรปู ทรงตอ่ ไปนมี้ ีค่ำเทำ่ กับ 990 ลบ.ซม. 1. 8 เซนตเิ มตร 2. 6 เซนตเิ มตร 3. 4 เซนติเมตร 4. 2 เซนตเิ มตร 4. เด็กคนหนงึ่ เดนิ จำกจดุ A ไปทำงทิศใต้จนถึงจุด B เป็นระยะทำง 5 เมตร แลว้ เดนิ ต่อไปยงั จุด C เป็นระยะทำง 5 เมตร แลว้ เดินไปทำงทศิ ตะวันออกจนถึงจุด D อกี 9 เมตร ดงั รูป 4 จงหำระยะห่ำงระหว่ำงจุด A และจุด D ว่ำมีคำ่ เทำ่ ใด (กำหนดให้cos37  5 ) 1. 15 เมตร 2. 18 เมตร 3. 20 เมตร 4. 21 เมตร

5.จงหำพ้นื ทสี่ ่วนที่แรเงำ 1. 2.25 ตำรำงเซนตเิ มตร 2. 3 ตำรำงเซนติเมตร 3. 6.25 ตำรำงเซนติเมตร 4. 9 ตำรำงเซนตเิ มตร 6. ถงั น้ำทรงกระบอกและกรวยมีควำมสงู และมเี สน้ ผ่ำนศูนยก์ ลำงเท่ำกัน โดยมีควำมสงู 15 เซนตเิ มตร ถำ้ ใชก้ รวยตกั น้ำใหเ้ ตม็ พอดีแลว้ เทใสถ่ งั ทรงกระบอก จงหำวำ่ ระดับนำ้ ในถังทรงกระบอกจะสูงกีเ่ ซนตเิ มตร 1. 3 เซนติเมตร 2. 5 เซนตเิ มตร 3. 10 เซนตเิ มตร 4. 15 เซนตเิ มตร  ONET 53 : สาระท่ี 2 การวดั 7. กล่องกระดำษรปู ส่ีเหลีย่ มลูกบำศก์ที่มีขนำดภำยในกว้ำง 21 เซนติเมตร บรรจุลกู บอลลูกหน่งึ ได้พอดี อยำก ทรำบว่ำปรมิ ำตรของอำกำศภำยในกล่องที่อยูล่ ้อมรอบลูกบอลนนั้ กลี่ ูกบำศก์เซนติเมตร 1. 4,400 ลกู บำศกเ์ ซนตเิ มตร 2. 4,410 ลูกบำศก์เซนติเมตร 3. 4,420 ลูกบำศกเ์ ซนตเิ มตร 4. 4,430 ลกู บำศก์เซนตเิ มตร 8. ABCD เปน็ รูปส่ีเหล่ียมที่มีดำ้ น AB ขนำนกบั CD และห่ำงกนั 8 หนว่ ย จดุ P และจุด Q เปน็ จดุ กึ่งกลำงของ ดำ้ น AD และ BC ตำมลำดับ ถ้ำรูปสเี่ หล่ยี ม ABCD มีพืน้ ที่ 40 ตำรำงหน่วย แลว้ จดุ P และจุด Q จะหำ่ งกนั กีห่ นว่ ย 1. 3 หนว่ ย 2. 4 หนว่ ย 3. 5 หนว่ ย 4. 6 หน่วย

9. จงหำพน้ื ทบี่ นหนำ้ ท่ีมองไม่เห็น ของรูปทรงเรขำคณิตข้ำงลำ่ งน้ี รวมกนั ได้ กีต่ ำรำงหน่วย 1. 582 ตำรำงหนว่ ย 2. 682 ตำรำงหน่วย 3. 762 ตำรำงหน่วย 4. 772 ตำรำงหน่วย 10. กำหนดรูปสีเ่ หลี่ยมผืนผ้ำรูปหนง่ึ ถูกแบง่ เป็นรูปส่เี หล่ยี มมมุ ฉำก 4 รปู รูปหนึ่งเปน็ รูปสเ่ี หล่ียมจตั ุรัส พน้ื ที่ 36 ตำรำงหนว่ ย อีก 3 รปู เปน็ รูป สีเ่ หลย่ี มผืนผ้ำ มพี ้ืนท่ี 60, 90, A ตำรำงหน่วย ดงั รูป จงหำค่ำ A 1. 150 ตำรำงหน่วย 2. 160 ตำรำงหนว่ ย 3. 180 ตำรำงหนว่ ย 4. 200 ตำรำงหน่วย 11. ABC เปน็ สำมเหลย่ี มมุมฉำกที่มีมุม B เปน็ มมุ ฉำก และควำมยำวดำ้ น BC= 10 3 หนว่ ย และ cos A = 1 2 จงหำวำ่ AC ยำวกห่ี น่วย __________  ONET 54 : สาระที่ 2 การวดั 12. กรวยกลมและทรงกระบอกมฐี ำนเท่ำกันและมสี ่วนสูงเทำ่ กนั ถ้ำกรวยกลมมีปริมำตร 9 ลกู บำศกเ์ ซนตเิ มตร แลว้ ทรงกระบอกมีปริมำตรเท่ำไร 1. 30 ลบ.ซม. 2. 27 ลบ.ซม. 3. 21 ลบ.ซม. 4. 18 ลบ.ซม.

13. จำกรปู สเ่ี หลย่ี ม ABCD เปน็ รปู ส่เี หล่ียมจตั ุรสั มพี ื้นท่ี 9 ตำรำงหนว่ ยลำก AF และ AE แบ่งมุม DAB ออกเป็น 3 มุมขนำดเท่ำกัน แลว้ BE จะยำวก่หี นว่ ย 1. 2 2. 3 2 3. 3 4. 3 2 14. วงกลมรศั มียำว 7 หนว่ ย แนบในรูปสี่เหลีย่ มจัตรุ ัสท่ีมีด้ำนยำว 14 หน่วย จงหำพ้นื ที่บริเวณท่ีแรเงำ 1. 35 ตำรำงหน่วย 2. 40 ตำรำงหนว่ ย 3. 42 ตำรำงหนว่ ย 4. 49 ตำรำงหนว่ ย  ONET 55 : สาระที่ 2 การวดั 15. สนำมหญำ้ หน้ำบ้ำนของจุรแี ละจุไรเป็นรูปส่เี หลีย่ มมุมฉำกมีสันรอบรูปยำวเทำ่ กัน คือ 20 เมตรและมพี ้ืนที่ ต่ำงกนั 12 ตำรำงเมตร โดยควำมยำวของสนำมเปน็ จำนวนเตม็ เมตร ถำมว่ำพ้ืนทสี่ นำมหญำ้ หน้ำบำ้ นของจรุ ี และจุไรรวมกนั เปน็ ก่ตี ำรำงเมตร 1. 25 ตำรำงเมตร 2. 30 ตำรำงเมตร 3. 35 ตำรำงเมตร 4. 40 ตำรำงเมตร 16. สระวำ่ ยน้ำรูปสเี่ หลี่ยมมมุ ฉำก ยำว 12 เมตร กว้ำง 8 เมตร ทำงเดินรอบสระมีควำมกวำ้ งเท่ำกนั ตลอด ถำ้ พ้ืนที่รวมของสระและทำงเดนิ เท่ำกบั 320 ตำรำงเมตร และทำงเดนิ กวำ้ งกเี่ มตร 1. 1 เมตร 2. 2 เมตร 3. 3 เมตร 4. 4 เมตร

17. ถำ้ นำ้ ประปำไหลไปตำมท่อประปำกลมเสน้ ผ่ำนศูนย์กลำงภำยในท่อ 7 เซนติเมตร ในอัตรำ 4 เมตรตอ่ วินำที เมอื่ เปิดน้ำจำกท่อประปำลงในถังทรงสี่เหลย่ี มมุมฉำกขนำดกวำ้ ง 7 เมตร ยำว 11 เมตร สูง 2 เมตร 22 จนได้น้ำ 90% ของถัง จะใช้เวลำนำนเทำ่ ไร (กำหนดให้   7 ) 1. 2 ชั่วโมง 10 นำที 2. 2 ชั่วโมง 20 นำที 3. 2 ชว่ั โมง 30 นำที 4. 2 ช่ัวโมง 50 นำที 18. ABC เป็นรปู สำมเหลย่ี มมุมฉำก โดยมุม ABC มีขนำดโตกว่ำมมุ BAC และมุม BCA ถ้ำ sin A = 0.6 และเสน้ รอบรปู สำมเหลยี่ ม ABC ยำว 24 นว้ิ แลว้ ดำ้ น AC ยำวกวำ่ ด้ำน AB กีน่ ว้ิ __________  ONET 56 : สาระที่ 2 การวัด 19. ขนมเค้กก้อนหนงึ่ ทาเปน็ 2 ชั้น หนา้ รปู วงกลมวางซ้อนกัน แต่ละชนั้ หนา 5 ซม. เส้นผ่านศูนยก์ ลางวงกลมช้นั บนและชั้นลา่ งยาว 14 ซม. และ 28 ซม. ตามลาดบั จงหาปริมาตรของขนมเคก้ ก้อนน้ัน (  22 ) 7 1. 770 ลบ.ซม. 2. 3080 ลบ.ซม. 3. 3750 ลบ.ซม. 4. 3850 ลบ.ซม. 20. รูปทรงท่ีประกอบด้วยพีระมิดฐานรปู สเ่ี หลีย่ มจตั รุ สั วางอยู่บนแท่งปรซิ ึมฐานรปู ส่เี หล่ยี มจตั ุรัสขนาด 9 ตาราง เมตรและสงู 2 เมตร และทับกนั สนทิ พอดี ถ้าปริมาตรของพรี ะมิดและปริซึมเทา่ กัน แลว้ พีระมิดนั้นสงู เท่าไร 1. 6 ม. 2. 7 ม. 3. 8 ม. 4. 9 ม.

21. จากรูปส่เี หลย่ี ม จงหาวา่ ส่วนทแี่ รเงามีพื้นที่กตี่ ารางเซนตเิ มตร 2 ซม. 1. 11 ตารางเซนตเิ มตร 2. 10 ตารางเซนติเมตร 3ซม. 4ซม. 3. 9 ตารางเซนตเิ มตร 4 ซม. 4. 8 ตารางเซนตเิ มตร สาระท่ี 3 เรขาคณิต  ONET 52 : สาระท่ี 3 เรขาคณิต 1. จำกรูป ถ้ำ AB CD,EF GH และ FG HI แล้ว จงหำคำ่ ของ x 2 1. 25 องศำ 2. 40 องศำ 3. 55 องศำ 4. 80 องศำ 2. เดก็ คนหนงึ่ เดนิ ทำงออกจำกโรงเรยี นไปทำงทิศตะวนั ตก 7 เมตร เลีย้ วไปทำงทศิ เหนือ 20 เมตร แล้วต้องเลี้ยวไปทำงทิศตะวนั ออกอีกกเ่ี มตร จงึ จะถึงบ้ำนพอดี ถ้ำบำ้ นและโรงเรียนอยหู่ ำ่ งกัน 25 เมตร 1. 15 เมตร 2. 22 เมตร 3. 27 เมตร 4. 29 เมตร 3. กำหนดใหส้ ำมเหล่ยี ม ABC เป็นรูปสำมเหลีย่ มบนระนำบ (x, y) จุด A มพี กิ ัดเปน็ (–3, –3 ) จดุ B มพี ิกดั เป็น (4, –3) และจุด C มีพิกัดเปน็ (–2, a) จงหำคำ่ ของ a เมื่อทรำบว่ำพนื้ ทสี่ ำมเหล่ียมดังกลำ่ วมคี ่ำเทำ่ กบั 28 ตำรำงหนว่ ย 1. 5 2. 8 3. – 11 4. ถูกทง้ั ข้อ 1 และข้อ 3

4. ถำ้ กำหนดให้ ABC มี AB = 13 หนว่ ย และ BC = 5 หน่วย จงหำว่ำ CA มีควำมยำวทีเ่ ปน็ ไปได้กีห่ น่วย 1. CA > 8 2. – 8 < CA < 18 3. 8 < CA < 18 4. CA > – 18  ONET 53 : สาระที่ 3 เรขาคณิต 5. กำหนดให้ ACE และ BCD เป็นส่วนของเส้นตรงตัดกนั ที่จุด C สว่ นของเสน้ ตรง AB และ DE ขนำนกนั ถ้ำ AB=2 ซม. , AC=1.5 ซม. , DE=4 ซม. , DC=AB, BC= X ซม. และ EC=Y ซม. จงหำคำ่ ของ X+Y 1. 3.0 ซม. 2. 3.5 ซม. 3. 4.0 ซม. 4. 4.5 ซม. 6. จำกรปู มดี ้ำน AB = 6 เซนติเมตร AC = 10 เซนติเมตร DE=3 เซนตเิ มตร ABC = CDE = 90 จงหำวำ่ AD ยำวกเ่ี ซนตเิ มตร 1. 8 เซนตเิ มตร 2. 7 เซนตเิ มตร 3. 6 เซนตเิ มตร 4. 5 เซนติเมตร 7. คณุ ครูเดนิ ทำงออกจำกบำ้ นไปทำงทิศตะวันออก เป็นระยะทำง 2.4 กิโลเมตร แล้วเลย้ี วข้ึนไปทำงทิศเหนือ อีก 3.2 กิโลเมตร ถงึ โรงเรียนพอดี จงหำระยะห่ำงระหวำ่ งบำ้ นกบั โรงเรียน 1. 4.0 กิโลเมตร 2. 4.5 กิโลเมตร 3. 5.6 กิโลเมตร 4. 6.7 กโิ ลเมตร 8. ผลบวกของมุมภำยในของรูป X เหล่ยี ม เป็นสองเท่ำของผลบวกของมุมภำยในรปู แปดเหลย่ี ม จงหำค่ำ X 1. 12 2. 13 3. 14 4. 15

9. ใหส้ ำมเหลย่ี ม ABC มดี ำ้ นยำวเปน็ จำนวนเตม็ หน่วย AB=30 หนว่ ย BC=18 หนว่ ย แล้ว AC สัน้ ท่ีสดุ จะยำวกหี่ นว่ ย __________  ONET 54 : สาระที่ 3 เรขาคณิต 10. รูปหกเหลยี่ มขำ้ งบน ขนำดของมุมภำยในทั้งหมดรวมกันเทำ่ กบั ขนำดของมุมภำยในรูปสำมเหล่ยี มรวมกันกรี่ ปู 1. 5 รปู 2. 4 รูป 3. 3 รปู 4. 2 รปู 11. พจิ ำรณำภำพตอ่ ไปน้ี ภำพดำ้ นขำ้ ง ภำพดำ้ นบน ภำพดำ้ นหนำ้ เกิดจำกกำรนำลูกบำศก์ขนำด 1 หนว่ ย มำประกอบกนั เป็นรูปเรขำคณิต 3 มติ ิ ตำมข้อใด 12. กำหนดรูปสำมเหลีย่ มท่ีมีขนำดของดำ้ นยำว 3, 5, a เซนตเิ มตร ถ้ำ a เป็นจำนวนเต็ม แล้วจะมีรูปสำมเหลีย่ มทเ่ี ปน็ ไปได้กี่รูป __________

 ONET 55 : สาระที่ 3 เรขาคณติ 13. จำกรูปถ้ำ มุม BAC = 85 องศำ มมุ ABD = 20 องศำ มุม BDC โตเปน็ 4 เท่ำของมุม ACD แลว้ ถ้ำวำ่ มมุ ACD จะมีขนำดกี่องศำ 1. 20 องศำ 2. 25 องศำ 3. 30 องศำ 4. 35 องศำ 14. จำกรปู ��� ABCD เป็นรปู สเ่ี หล่ยี มจตั ุรัส  BEC เป็นรปู สำมเหล่ยี มด้ำนเทำ่ จงหำวำ่ มุม EAD โตก่อี งศำ 1. 45 องศำ 2. 30 องศำ 3. 20 องศำ 4. 15 องศำ

15. ลำกเส้นตรงเสน้ หนึ่งตดั รปู ต้นแบบ ขำ้ งบน ออกเป็น 2 ส่วน แล้วเลื่อนขนำนส่วนหนง่ึ ไปประกอบกบั อกี ส่วนหนงึ่ เปน็ รปู ในข้อใดต่อไปนี้ได้ 16. จำกรปู AD ขนำนกับ BC ส่วนของเส้นตรง AB และ AC 1. 2 5 นิว้ ยำวเทำ่ กบั 5 น้วิ มมุ BAC มีขนำดเปน็ 2 เทำ่ ของมมุ CAD 17. ถำมวำ่ BC ยำวกน่ี ว้ิ 2. 5 2 นิ้ว 3. 5 นิ้ว 4. 5 3 นิ้ว จำกรูป รูปสำมเหลี่ยม ABC และ BDE เท่ำกนั ทุกประกำร มี BE ต้งั ฉำกกบั AD ท่ี B ดำ้ น AB และ BD ยำว 12 และ 5 หน่วย ตำมลำดับ ถำมวำ่ CE ยำวก่หี นว่ ย 1. 5 หนว่ ย 2. 6 หนว่ ย 3. 7 หนว่ ย 4. 8 หนว่ ย

18. รูปทรงมุมฉำก ประกอบด้วยลกู บำศก์ขนำด 1 ลูกบำศกเ์ ซนติเมตร จำนวน 8 ลกู ถูกแบ่งเป็น 2 สว่ น คือสว่ น A และส่วน B ส่วน A ประกอบดว้ ยลกู บำศก์ 5 ลูก ดงั รปู ส่วน B ไม่ได้ใหร้ ปู ไว้ จงหำวำ่ สว่ น B มพี นื้ ทผี่ ิวกี่ตำรำงเซนติเมตร __________  ONET 56 : สาระที่ 3 เรขาคณิต 19.จากรปู AB ขนานกับ CD ให้ขนาดของมมุ ABˆE , มุม ECˆD , มุม BEˆC เทา่ กบั a, b, c องศา ตามลาดบั ข้อใดตอ่ ไปนี้ มีคา่ เทา่ กับ 180 องศา CD b B A ac E 1. a + b + c 2. a + b – c 3. a - b + c 4. b + c – a

20. กาหนดรปู ทรงสามมติ ิ 2 รปู ให้ รูปที่ 1 รูปท่ี 2 รปู ในข้อใดท่ีไมไ่ ด้ใชร้ ปู ทรงสามมิติ 2 รปู มาประกอบกนั 1. 2. 3. 4. 21. รูปต่อไปน้ี ประกอบด้วยส่วนของเส้นตรง 2 เสน้ ยาวเท่ากับ 7 เซนตเิ มตร และขนานกันด้วย ปิดด้วยส่วนโคง้ ของวงกลม 2 สว่ นโคง้ แตล่ ะสว่ นโคง้ ยาวเป็น 1 ใน 4 ของเสน้ รอบวงของวงกลม ซึ่งมีรศั มี 7 เซนตเิ มตร เชน่ กนั (ให้   22 ) จงหาว่ารูปดังกล่าวมีพนื้ ทก่ี ต่ี ารางเซนตเิ มตร 1. 38.5 ตารางเซนติเมตร 2. 44 ตารางเซนตเิ มตร 7 3. 49 ตารางเซนตเิ มตร 7 เซนตเิ มตร 4. 77 ตารางเซนตเิ มตร 7 เซนตเิ มตร

22. จากรปู ที่กาหนด AB = 5 เซนตเิ มตร DC = 3 เซนติเมตร และ AB ขนานกบั DC และต่อ ED ไปพบ BC ท่ี F ทาให้ BF = FC EG แบ่งคร่ึงมมุ AEF EG = 4 เซนตเิ มตร จงหาพ้ืนท่ขี องรปู หา้ เหลี่ยม ABCDE A 5 ซม. G B 1. 14 ตารางเซนตเิ มตร 2. 16 ตารางเซนติเมตร 4 ซม. F 3. 18 ตารางเซนติเมตร D 3 ซม. C 4. 20 ตารางเซนตเิ มตร E 23. รูปตอ่ ไปน้ีแสดงการมองลูกบาศก์ทว่ี างซ้อนกนั โดยมองจากดา้ นบน ด้านหน้า และดา้ นขา้ งทางขวา จงหาวา่ มีลูกบาศก์อย่างน้อยทสี่ ดุ กี่ลูก ด้านบน ดา้ นหนา้ 3. 11 ลกู ดา้ นขา้ งทางขวา 1. 9 ลกู 2. 10 ลกู 4. 12 ลูก 24. จากรปู สามเหลยี่ มมมุ ฉาก ABD มมี มุ ABD เป็นมุมฉาก โดยขนาดของมุม ACB และมมุ ADB เทา่ กบั 30 และ 15 องศา ตามลาดับ AB = 4 เซนติเมตร จงหาว่า CD ยาวก่ีเซนติเมตร A 4 ซม D BC

 ONET 52 : สาระที่ 4 พีชคณิต สาระท่ี 4 พีชคณติ 1. นายเอ และนายบี ยืนห่างกนั 15 เมตร นายเอสูง 100 เซนติเมตร นายบสี ูง 150 เซนตเิ มตร นายบีโยนลกู บอลขน้ึ ไปตรง ๆ ตามแนวดิง่ จนกระทงั่ ลูกบอลสูงจากพืน้ ดนิ เปน็ ระยะ 21 เมตร ลกู บอลอยูห่ า่ งจากศรี ษะนายเอเปน็ ระยะกีเ่ มตร 1. 19 เมตร 2. 20 เมตร 3. 25 เมตร 4. 26 เมตร 2. ให้ x เป็นจานวนเต็ม ถา้ 7 < x-3 < 11 ค่ามากทส่ี ุดของ x คือจานวนใดตอ่ ไปน้ี 2 1. 17 2. 18 3. 24 4. 25 3. อตั ราค่าเข้าชมของสวนสตั วแ์ หง่ หน่ึงเป็นดังน้ี ผู้ใหญค่ นละ 200 บำท เด็กท่ีมคี วำมสูงตัง้ แต่ 150 เซนติเมตร ให้คดิ อตั รำคำ่ เดยี วกนั กับผใู้ หญ่ ส่วนเดก็ ที่มีควำมสงู น้อยกว่ำ 150 เซนตเิ มตร คนละ 100 บำท ปรำกฏวำ่ มี ผู้เขำ้ ชมทั้งหมด 5,000 คน และขำยบตั รเขำ้ ชมได้เงิน 695,800 บำท อยำกทรำบวำ่ เดก็ ทีม่ คี วำมสูงน้อยกวำ่ 150 เซนติเมตร เข้ำชมสวนสัตว์คร้งั น้กี ี่คน 1. 3,042 คน 2. 1,958 คน 3. 2,153 คน 4. 2,847 คน 4. ตะกรำ้ ใบหน่ึงมีผลไมส้ ำมชนิด คือ สม้ มะม่วง และมงั คุด ถ้ำตะกรำ้ ใบนีม้ สี ม้ 8 ผล และถำ้ นำมะมว่ งออกจำก ตะกรำ้ 1 ผล มะมว่ งกบั มังคุดจะมีจำนวนเท่ำกนั เม่อื นับผลไม้ทง้ั หมดในตะกร้ำหลังจำกท่ีนำมะมว่ งออกไปแลว้ 1 ผล พบวำ่ ผลไม้ทั้งหมดในตะกร้ำมีจำนวนนอ้ ยกว่ำ 20 ผล ขอ้ ใดต่อไปนี้ถกู 1. มีมะมว่ งอยู่ในตะกร้ำไมเ่ กิน 6 ผล 2. มมี ะม่วงอยใู่ นตะกรำ้ อยำ่ งนอ้ ยท่สี ดุ 7 ผล 3. มีมะม่วงอยู่ในตะกร้ำน้อยกว่ำ 6 ผล 4. มมี ะม่วงอยู่ในตะกรำ้ มำกกวำ่ 7 ผล 11 11 5. ถำ้ (2×82 +3×182 ) - (4×322 -5×502 ) = 2(a+1) แลว้ a มีค่ำเท่ำใด 1. 22 2. 21 3. 33 4. 32

6. ถำ้ x และ y สอดคล้องกบั ระบบสมกำร 2x - y=3 และ x = 5 + y ข้อใดต่อไปน้ีถกู ต้อง 2 1. ระบบสมกำรนี้มีคำตอบเดียว 2. ระบบสมกำรนี้ไมม่ ีคำตอบ 3. ระบบสมกำรมจี ำนวนคำตอบมำกมำยไม่จำกัด 4. ข้อมูลไม่เพยี งพอทีจ่ ะหำจำนวนคำตอบของระบบสมกำรได้ 7. ขอ้ ใดต่อไปน้ีถูกต้อง 1. กราฟของสมการ 3(x-2) = 2y ตัดแกน y ท่ี y=-2 2. กรำฟของสมกำร 2x - 3y = 1 ตัดแกน x ที่ x = 1 7 4 2 3. กรำฟของสมกำร y - 2x = 1 และ 2y – x = 1 มคี วำมชันเท่ำกัน 4. กรำฟของสมกำร 2y -3x =5 และ 4y - 6x = 1 เปน็ กรำฟเสน้ ตรงที่ขนำนกัน 8. จำกรูปกรำฟข้ำงต้น ณ เวลำใดทห่ี ุน้ A และ B มีรำคำแตกต่ำงกนั มำกที่สุด 1. 09.00 น. 2. 11.00 น. 3. 07.00 น. 4. 10.00 น.  ONET 53 : สาระที่ 4 พชี คณติ 9. กำหนดแบบรูปของจำนวนดังน้ี 1, 1, 2, 1, 2, 3, 1, 2, 3, 4, … จำกแบบรูปข้ำงตน้ ถ้ำเขยี นต่อไปเร่ือย ๆ ถึงพจน์ท่ี 19 จะตรงกบั จำนวนในข้อใด 1. 1 2. 2 3. 3 4. 4

10. ถ้ำน้ำไหลจำกทอ่ ด้วยอตั รำเร็วคงทล่ี งในภำชนะจนท่วมกรวย ดังรปู อยำกทรำบว่ำกรำฟของระดับน้ำ จะมลี ักษณะตรงกับข้อใด 11. กำหนด ABC เป็นรปู สำมเหล่ยี มบนระนำบ XY มพี ิกดั ของจุดเป็น A (3, 3) , B (5, 9) , C (10, 5) จงหำพื้นท่ีของรปู สำมเหล่ยี ม ABC 1. 19 ตำรำงหน่วย 2. 21 ตำรำงหนว่ ย 3. 23 ตำรำงหนว่ ย 4. 33 ตำรำงหน่วย 12. ขอ้ ใดต่อไปน้เี ปน็ จรงิ 1. ถา้ a เปน็ จานวนจริง แลว้ a2> a เสมอ 2. ให้ a, b, c เป็นจานวนอตรรกยะ ถา้ a>b แลว้ c-a > c-b 3. ให้ x เปน็ จานวนตรรกยะ ถ้า x2 > 4 แลว้ x > 2 4. ให้ y เป็นจานวนเต็ม ถ้า y > 1 แล้ว y > 1 13. กรำฟของสมกำรใดตอ่ ไปนี้ ผ่ำนจุดทก่ี รำฟของสมกำร X+Y = 2 และ X – Y = 8 ตัดกนั 1. 2X + Y = 5 2. X – 2Y = 7 3. 3X + 2Y = 11 4. 2X – 3Y = 19 14. เด็ก 4 คน กบั ผู้ใหญ่หญิง 1 คน ทำงำนไดเ้ ทำ่ กับเดก็ 3 คนกบั ผู้ใหญช่ ำย 1 คน ถำ้ ผู้ใหญ่ชำยคนเดียวทำงำน น้ันเสรจ็ ภำยใน 6 วัน แลว้ เดก็ หนึ่งคนกับผูใ้ หญ่หญิง 1 คน และผใู้ หญช่ ำย 1 คน ช่วยกันทำงำนน้ันจะเสร็จภำยในกว่ี นั 1. 2 วัน 2. 3 วัน 3. 4 วัน 4. 5 วัน

15. จำนวนนบั สำมจำนวน ถำ้ นำมำบวกกันทีละคู่ จะไดผ้ ลบวกเป็น 40 , 48 และ 52 จำนวนท่ีนอ้ ยทสี่ ุดเปน็ เท่ำไร __________  ONET 54 : สาระที่ 4 พีชคณติ 16. สำมเหลีย่ มมมุ ฉำกรปู หนึ่ง มีด้ำนประกอบมุมฉำกยำว 3 หนว่ ย และ 5 หน่วย ควำมยำวของด้ำนตรงขำ้ มมุมฉำกมีคำ่ ตรงกับข้อใด 1. ระหว่ำง 35 และ 6 2. ระหวำ่ ง 33 และ 35 3. ระหว่ำง 32 และ 33 4. ระหว่ำง 5 และ 32 17. ลงุ ปญั ญำมีอำยรุ ะหวำ่ ง 40 ถึง 60 ปี ปีนอี้ ำยขุ องลงุ ปัญญำ หำรด้วย 7 ลงตวั แตป่ ีหนำ้ จะหำรดว้ ย 5 ลงตวั อีกกป่ี ี ลงุ ปัญญำจะมีอำยคุ รบ 60 ปพี อดี 1. 9 ปี 2. 10 ปี 3. 11 ปี 4. 12 ปี 18. พจิ ำรณำควำมสมั พนั ธ์ของคู่อนั ดับตอ่ ไปน้ี (1, 4), (2, 9), (3, 14), (4, 19), …, (11, y) จำกคู่อันดบั (11, y) จงหำค่ำ y เป็นเท่ำไร 1. 54 2. 49 3. 48 4. 44 19. วันที่ 4 กุมภำพันธ์ 2554 เป็นวันศกุ ร์ ถำมว่ำวันท่ี 2 พฤศจกิ ำยน 2553 ที่ผำ่ นมำเป็นวันอะไร 1. วนั จนั ทร์ 2. วนั องั คำร 3. วนั พธุ 4. วันพฤหสั บดี 20. ณัฐวฒุ ิและจตุพรต่ำงเดินทำงด้วยอตั รำเรว็ คงท่ี อัตรำเรว็ ของกำรเดนิ ทำงของทง้ั สองคนเป็นอตั รำส่วน 1 ตอ่ 2 เขำเร่มิ เดนิ ทำงจำกจดุ เดยี วกันและพร้อมกนั ไปถึงโรงเรียนซง่ึ อยู่หำ่ งออกไป 10 กโิ ลเมตร ปรำกฏวำ่ จตุพร ไปถงึ โรงเรยี นก่อนณัฐวฒุ ิ 30 นำที ถำมว่ำจตุพรเดินด้วยอัตรำเรว็ กก่ี ิโลเมตรต่อชว่ั โมง 1. 20 กม./ชม. 2. 15 กม./ชม. 3. 10 กม./ชม. 4. 5 กม./ชม.

21. รำ้ นขำยรถจกั รยำนสำหรับเด็กมีรถจักรยำน 2 ชนดิ คอื ชนิด 2 ล้อ และชนิด 3 ลอ้ ถ้ำนับจำนวนล้อ รถจกั รยำนทีว่ ำงขำยหนำ้ รำ้ นได้ 17 ล้อพอดี โดยมีจำนวน รถจักรยำนชนิด 2 ล้อ มำกกวำ่ ชนิด 3 ลอ้ และมกี รณที เี่ ปน็ ไปได้ 2 กรณี ถำมวำ่ จะมีรถจกั รยำน 3 ลอ้ ท้งั 2 กรณรี วมกนั ก่ีคนั _________ 22. อรดำและดำรนิ สะสมแสตมปไ์ ว้จำนวนไม่เท่ำกันจึงมำแลกแสตมป์กนั ถำ้ อรดำให้แสตมป์ดำรนิ 1 ดวงทำใหท้ ้ัง สองคนมีแสตมป์จำนวนเท่ำกัน แต่ถ้ำดำรินให้แสตมป์อรดำ 1 ดวง ทำให้อรดำมีแสตมป์เปน็ 3 เทำ่ ของดำริน ดังน้นั ก่อนจะแลกแสตมป์กันดำรินมแี สตมป์กี่ดวง __________  ONET 55 : สาระที่ 4 พชี คณติ 23. พิจำรณำรปู แบบจำนวนตอ่ ไปนี้ 2, 5, 14, 41, ���, 365, 1094 จงหำว่ำจำนวนทข่ี ำดหำยไปเป็นจำนวนใด 1. 122 2. 123 3. 145 4. 146 24. ถ้ำตวั อกั ษรแตล่ ะตัวแทนจำนวนเต็มบวก A  B = 26 A + C = 20 และ A > C แล้ว A – C แทนจำนวนใด 1. 9 2. 8 3. 7 4. 6 25. มีนักเรียนชัน้ ม. 3 หลำยห้องทม่ี จี ำนวนนักเรยี นชำยนอ้ ยกวำ่ จำนวนหญงิ อยู่ 8 คน ถ้ำนำ 3 เท่ำของจำนวน นักเรียนหญิงรวมกับจำนวนนักเรียนชำยจะไดผ้ ลรวมมำกกวำ่ 68 คนแตไ่ ม่เกนิ 88 คน แลว้ ถำมว่ำมีนกั เรยี น ม. 3 ทีม่ ีลกั ษณะดังกล่ำวได้มำกท่สี ดุ ก่หี ้อง 1. 4 ห้อง 2. 5 ห้อง 3. 19 ห้อง 4. 20 หอ้ ง 26. รปู ขำ้ งบนเป็นจัตุรัสกล จำนวนในบำงช่องหำยไปเมื่อเดิมจำนวนจนครบถ้วน แล้วผลบวกของจำนวน ตำมแนวนอน หรือแนวต้งั หรือแนวทแยงมมุ จะเทำ่ กัน จงหำค่ำของ A+B A 6B 53 1. 17 2. 16 3. 15 4. 14

27. เมื่ออำรียำ อำยุ 6 ปี คุณแม่เธออำยุ 36 ปี แตป่ จั จุบนั นีค้ ณุ แม่มอี ำยุเปน็ 3 เท่ำของอำรียำแล้ว ถำมว่ำปจั จบุ นั อำรยี ำและคุณแม่เธออำยรุ วมกนั ได้เทำ่ ไร 1. 55 ปี 2. 60 ปี 3. 65 ปี 4. 70 ปี 28. ถำ้ นำจำนวนไปแทนค่ำ A, B, C ในตำรำงข้ำงล่ำงนีแ้ ลว้ ทำใหผ้ ลบวกของจำนวนในแต่ละแถว (แนวนอน) เทำ่ กนั และผลคณู ของจำนวนในแต่ละหลัก (แนวต้งั ) เทำ่ กันแลว้ จงหำค่ำของ A + B + C 2AB 1. 55 2. 65 c34 3. 75 4. 85 ONET 56 : สาระที่ 4 พชี คณติ 29. เดือนนี้เปน็ เดือนมิถุนายน มีเพยี งวนั เสาร์ และวนั อาทิตยเ์ ท่านัน้ ทมี่ ี 5 วัน พจิ ารณาข้อต่อไปน้ี ข้อใดกลา่ วถงึ วันทแี่ ละวนั ของเดือนนี้ไดถ้ ูกต้อง 1. วนั ที่ 3 เปน็ วันอังคาร 2. วันท่ี 13 เป็นวันพธุ 3. วนั ที่ 21 เปน็ วันพฤหสั บดี 4. วนั ที่ 29 เปน็ วนั เสาร์ 30. คูอ่ ันดบั (10,32) ,(15,47) ,(18,56) แทนจุดบนกราฟเส้นตรงเดยี วกนั คอู่ ันดับในขอ้ ใดท่ีจดุ ไม่อยู่ บนเส้นกราฟ ดงั กล่าว 1. (7, 23) 2. (8, 25) 3. (12, 38) 4. (13, 41) 31. ถา้ สมการ 2 สมการนี้ 2(2x - 3) = 1 – 2x และ 8x – a = 2(x+1) 3. 3 ตา่ งมีคาตอบเท่ากัน แล้ว a มีค่าเทา่ ไร 1. -2 2. 1 4. 5 32. สามเทา่ ของจานวนนกั เรียนกลมุ่ หนึ่ง มากกวา่ 15 คน อยไู่ ม่เกนิ 9 คน จานวนในขอ้ ใดต่อไปนท้ี ี่ ไมใ่ ช่ จานวนนักเรยี นในกลุ่มนี้ 1. 5 คน 2. 6 คน 3. 7 คน 4. 8 คน

33.ปัจจบุ ันย่งิ ลกั ษณ์มีอายเุ ป็น 5 เทา่ ของอายุลูกชาย แต่เมื่อ 5 ปีทแ่ี ล้ว ยงิ่ ลกั ษณ์มีอายุเป็น 10 เทา่ ของอายลุ กู ชาย ถามว่าอกี กี่ปีย่งิ ลักษณ์จะมีอายุ 60 ปี 1. 5 ปี 2. 10 ปี 3. 15 ปี 4. 20 ปี 34. นา 99 คูณกบั 99 ได้ผลคูณเป็น 9801 นาเลขโดดของผลคูณมาบวกกนั ได้ 9+8+0+1 =18 ถ้า 999,999,999 x 999,999,999 แล้วนาเลขโดดของผลคูณมาบวกกันจะไดเ้ ทา่ ไร 1. 63 2. 72 3. 75 4. 81 35. ชมพนั ธ์ มีเงนิ เหรยี ญเหลืออยู่อีก 6 เหรยี ญ เปน็ เหรยี ญ 1 บาท 2 เหรยี ญ เปน็ เหรยี ญ 5 บาท 4 เหรียญ เธอต้องการใชเ้ งินอยา่ งน้อย 1 บาท จนหมดจะมคี า่ แตกตา่ งกันได้ทั้งหมดกีค่ ่า 1. 12 ค่า 2. 13 คา่ 3. 14 ค่า 4. 15 คา่ สาระที่ 5 การวเิ คราะห์ขอ้ มลู และความน่าจะเปน็ ONET 52 : สาระท่ี 5 การวเิ คราะห์ข้อมลู และความน่าจะเป็น 1. บัตร 9 ใบ มตี ัวเลขกำกบั เป็น 1, 2, 3 4, 5, 6, 7, 8 และ 9 ถำ้ สุม่ หยบิ บตั รข้ึนมำ 1 ใบ ควำมนำ่ จะเปน็ ท่จี ะไดต้ ัวเลขทมี่ ำกกวำ่ หรอื เท่ำกับ 6 เป็นเทำ่ ใด 1 3 4 6 1. 9 2. 9 3. 9 4. 9 2. พนักงำนบริษัทกล่มุ หนึ่งมีอำยเุ ท่ำกบั 25, 27, 30, 26, 27, 29 และ 18 ปี พนักงำนกลมุ่ นีจ้ ะมีอำยเุ ฉล่ีย เท่ำใด เม่ือ 3 ปีทีแ่ ลว้ 1. 23 ปี 2. 26 ปี 3. 29 ปี 4. 32 ปี 3. ข้อมูลชดุ หนึ่งประกอบไปด้วยจำนวน 6 จำนวน ดังนี้ 11, 3, x, x + 2, 5, 10 4. 13 ถ้ำมัธยฐำนของข้อมูลชุดน้ีมีค่ำเทำ่ กับ 7 จงหำว่ำ x มคี ่ำเท่ำใด 1. 6 2. 7 3. 9

4. คะแนนสอบวิชำคณติ ศำสตรข์ องนักเรียน 4 ห้อง (คะแนนเต็ม 20 คะแนน) เป็นไปตำมตำรำงต่อไปน้ี หอ้ งที่ คะแนนต่ำสดุ คะแนนสูงสดุ คะแนนเฉลี่ย จำนวนนกั เรียน (คน) 1 0 20 19 20 25 20 9.5 20 3 10 20 12.5 20 4 15 20 16 20 จำกตำรำงข้ำงต้น จงหำว่ำจำนวนนักเรียนห้องท่ี 1 ทสี่ อบไมผ่ ่ำนว่ำมีท้งั หมดกค่ี น (ผ้ทู ่สี อบผำ่ นจะต้องไดค้ ะแนนมำกกวำ่ 10 คะแนน) 1. 1 คน 2. 2 คน 3. 3 คน 4. ขอ้ มลู ไมเ่ พียงพอทจี่ ะหำคำตอบได้  ONET 53 : สาระที่ 5 การวเิ คราะห์ขอ้ มลู และความนา่ จะเป็น 5. จำนวนครใู นโรงเรยี นแห่งหนง่ึ มที ั้งหมด 200 คน จำแนกตำมวุฒิกำรศึกษำ ในปี 2553 เปน็ ดังนี้ จำนวนครทู ี่มีวฒุ ิปริญญำตรี มำกกว่ำจำนวนครู ทม่ี ีวุฒปิ รญิ ญำโทกค่ี น 1. 134 คน 2. 88 คน 3. 84 คน 4. 78 คน 6. ผลกำรเรียนวชิ ำภำษำไทยของนักเรยี นกลุ่มหน่ึงมีระดับคะแนน ดงั นี้ 2 223133143 1 433224312 จงหำฐำนนยิ มระดบั คะแนนของผลกำรเรยี นของนักเรียนกลุ่มน้ี 4. 1 1. 4 2. 3 3. 2

7. คะแนนสอบวชิ ำภำษำองั กฤษของนักเรยี นห้องหนงึ่ มีกำรแจกแจงปกติ คำ่ เฉล่ยี เลขคณิตเท่ำกับ 60 คะแนน และส่วนเบีย่ งเบนมำตรฐำนเทำ่ กับ 5 คะแนน แสดงพืน้ ท่ีใต้โค้งปกติได้ดังนี้ ถำ้ มีนกั เรียนเขำ้ สอบ 44 คน ผู้ทไ่ี ดค้ ะแนนน้อยกว่ำ 65 คะแนน มีกค่ี น 1. 35 คน 2. 37 คน 3. 38 คน 4. 39 คน 8. มีบัตร 5 ใบ กำกบั ดว้ ยหมำยเลข 1, 2, 3, 4, 5 สมุ่ หยิบมำ 2 ใบ ควำมนำ่ จะเป็นที่ผลคูณของจำนวนในบัตรทั้ง 2 ใบ ถอดรำกที่ 2 เป็นจำนวนเตม็ เปน็ เท่ำไร 1. 0.1 2. 0.2 3. 0.3 4. 0.4 9. มีนักเรยี น 6 คน จบั มอื ทกั ทำยกันจนครบทุกคน จะมีกำรจบั มอื ทักทำยกันทั้งหมดกค่ี รั้ง __________  ONET 54 : สาระที่ 5 การวิเคราะห์ขอ้ มูลและความน่าจะเป็น 10. นำ้ หนักเฉล่ียของนกั เรยี น 6 คน เทำ่ กับ 45 กโิ ลกรมั โดยแต่ละคนมนี ำ้ หนกั ดังนี้ 40, 41, 45, 49, 50, A กิโลกรมั ถำมว่ำ ฐำนนยิ มของน้ำหนกั ของนกั เรยี น 6 คนน้เี ท่ำกบั มัธยฐำนของน้ำหนักในข้อใด 1. 45, 50 2. 41, 59 3. 42, 49 4. 35, 55 11. จำกกำรสอบถำมนักเรียน 3 คน ว่ำเคยไปเทย่ี วจังหวดั เชยี งใหม่หรือไม่ ถ้ำนกั เรยี นแต่ละคนมโี อกำส เคยหรือไมเ่ คยไปเท่ียวเท่ำ ๆ กนั แลว้ ควำมนำ่ จะเป็นทีม่ ีนักเรียน 2 คน ตอบวำ่ เคยไปเท่ียวเป็นเท่ำไร 1 3 3 5 1. 4 2. 4 3. 8 4. 8

12. จำกกำรสำรวจกำรออมเงินของนักเรยี นชน้ั มัธยมศึกษำปที ่ี 3 จำนวน 180 คน ในเดอื นมกรำคมทผี่ ำ่ นมำ ดังน้ี จำนวนเงินท่อี อม (บำท) 1 – 10 11 – 20 21 – 30 31 – 40 41 – 50 จำนวนคน A 43 34 31 2a ควำมน่ำจะเปน็ ที่นกั เรยี นกลุ่มนจี้ ะออมเงนิ เดือนละไม่เกนิ 10 บำทเปน็ เท่ำไร 1. 1 2. 2 3. 3 4. 4 15 15 15 15  ONET 55 : สาระท่ี 5 การวเิ คราะห์ข้อมลู และความน่าจะเป็น 13. นักเรียน 9 คน มีควำมสงู เฉลี่ยเป็น 161 เซนตเิ มตร แต่ถำ้ เด็กชำยสมศักดิเ์ ขำ้ มำรวมอีก 1 คน ทำใหค้ วำมสงู เฉลย่ี เปน็ 160 เซนตเิ มตร ถำมว่ำเด็กชำยสมศักด์ิสูงเท่ำไร 1. 151 เซนตเิ มตร 2. 152 เซนติเมตร 3. 153 เซนติเมตร 4. 154 เซนติเมตร 14. นักเรยี นจำนวน 10 คน มนี ำ้ หนักเป็นกโิ ลกรมั ดังน้ี 47, 48, 45, 48, 46, 44, 47, 45, 48, 52 ปรำกฏวำ่ มนี ักเรียน 2 คนเดนิ ออกไปจำกกลมุ่ แตน่ กั เรยี นท่ีเหลอื ยังคงมีนำ้ หนกั เฉล่ียเทำ่ กับน้ำหนักเฉลยี่ ของ นกั เรยี นจำนวน 10 คนเดิม ถำมวำ่ นักเรียนคนท่ีมนี ำ้ หนกั เทำ่ ไรในข้อต่อไปน้จี ะไม่ใชน่ ักเรยี น 2 คนทเ่ี ดนิ ออกไปจำกกล่มุ อยำ่ งแนน่ อน 1. 44 กิโลกรมั 2. 46 กิโลกรัม 3. 47 กโิ ลกรมั 4. 48 กโิ ลกรมั 15. หมูบ่ ้ำนประชำช่นื มีบ้ำนอยู่ 150 หลัง บ้ำนเลขทเ่ี รยี งลำดบั ดังนี้ 1, 2, 3, 4, 5, …, 148, 149, 150 ถำมวำ่ มบี ำ้ นท้ังหมดกีห่ ลังท่ี เลขทบี่ ้ำนมเี ลข 4 อย่ำงน้อย 1 ตวั 1. 15 หลงั 2. 24 หลงั 3. 33 หลัง 4. 34 หลัง

16. รปู ดำ้ นล่ำงนี้มีรูปสำมเหลี่ยมหลำยรปู ว่ำงทับซ้อนกนั อยู่ ถำมว่ำมีรูปสำมเหลย่ี มกร่ี ูป 1. 6 รูป 2. 7 รปู 3. 8 รูป 4. 9 รูป 17. บัตรแตล่ ะใบเขยี นจำนวน 400, 401, 402, 403, …, 498, 499, 500 ตำมลำดบั ถ้ำสุ่มหยิบบัตร ทีเ่ ขยี นไว้ข้นึ มำ 1 ใบ จงหำควำมนำ่ จะเป็นที่จำนวนในบัตรน้นั มเี ลขโดดในหลักร้อยนอ้ ยกว่ำเลขโดดในหลักสบิ และเลขโดดในหลกั สิบน้อยกว่ำเลขโดดในหลกั หนว่ ย 10 7 8 9 101 1. 101 2. 101 3. 101 4.  ONET 56 : สาระท่ี 5 การวิเคราะห์ข้อมูลและความน่าจะเปน็ 18. ผลการแขง่ ขันกีฬาโอลมิ ปิก ประเทศที่ได้เหรยี ญทองนา 3 ประเทศ นาเสนอด้วยแผนภมู ิวงกลม ประเทศจนี ได้ 44 เหรยี ญทอง ประเทศเยอรมนั ได้ 12 เหรียญทอง (มมุ ทจ่ี ุดศนู ยก์ ลาง 60 องศา) ประเทศสหรฐั อเมริกาได้เหรียญทองสว่ นทเ่ี หลือกเี่ หรยี ญทองจากการนาเสนอครง้ั นี้ เยอรมนั 12 1. 14 เหรียญ จนี 44 60 2. 16 เหรียญ 3. 18 เหรยี ญ อเมริกา 4. 20 เหรียญ

19. ฮสิ โทแกรม แสดงการกระจายของอายปุ ระชาชน ในหม่บู า้ นแหง่ หนึง่ จงหาอายุเฉลี่ยของประชากรในหม่บู ้าน จานวน (คน) 1. 27.8 ปี 40 2. 36 ปี 30 3. 39 ปี 20 4. 42 ปี 10 อายุ (ปี) 20 30 40 50 20.มบี ตั รเลขโดด 2, 3, 5, 7 นามาสรา้ งจานวนสองหลักที่มีเลขโดดไม่ซ้ากัน จงหาความนา่ จะเป็นที่จานวนสองหลกั นนั้ เป็นจานวนค่ี 1. 3 2. 9 3. 5 4. 11 12 12 16 16 21.ตมั้ เลน่ เกมปาลกู ดอกไปยังเป้ากลมซง่ึ แบ่งเป็น 3 วง แต่ละวงกาหนดคะแนนเปน็ 3, 5 และ 10 คะแนน ดังรปู โดยตมั้ ปาลูกดอกเข้าเปา้ ท้งั สามดอก ถามว่าคะแนนรวมท่เี ปน็ ไปได้มีทั้งหมดกี่คา่ ทแี่ ตกต่างกนั 3 1. 7 คา่ 5 2. 8 ค่า 10 3. 9 คา่ 4. 10 ค่า

สาระท่ี 6 ทักษะและกระบวนการทางคณติ ศาสตร์  ONET 53 : สาระท่ี 6 ทักษะและกระบวนการทางคณติ ศาสตร์ 1. กำหนดจดุ 6 จุด มี 5 จุด ทีอ่ ยู่ในแนวเส้นตรงเดียวกัน ดงั รูป จะสร้ำงสำมเหลย่ี ม ท่มี ีจุดยอดมมุ เปน็ จดุ เหลำ่ นไี้ ด้ กี่รปู 1. 13 รปู 2. 12 รูป 3. 11 รูป 4. 10 รปู 2. พิจำรณำ ลำดบั ของรปู สำมเหลย่ี มต่อไปนี้ รูปที่ 1 มีรูปสำมเหลี่ยมทั้งหมด 1 รปู รปู ที่ 2 มีรปู สำมเหลี่ยมท้ังหมด 3 รูป รปู ท่ี 3 มีรูปสำมเหลี่ยมทั้งหมด 6 รูป รูปที่ 4 มรี ปู สำมเหล่ยี มทั้งหมด 10 รปู ถำมว่ำ สำมเหลีย่ มรูปทเ่ี ท่ำไร จะมีรูปสำมเหล่ยี มท้ังหมด 55 รปู __________  ONET 54 : สาระที่ 6 ทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์ 3.จำกรูปเป็นรปู สีเ่ หล่ยี มจตั รุ ัสขนำด 3  3 ได้จำกรูป สีเ่ หลี่ยมจัตรุ สั ขนำด 1  1 มำต่อกนั แตม่ ีบำงส่วนขำดหำยไป จงหำว่ำมีรูปส่เี หล่ียมจตั ุรสั ขนำดต่ำง ๆ ทง้ั หมดก่รี ูป __________

4. พจิ ารณาการดาเนนิ การต่อไปนี้ 1  2  3  4 + 1 = 5  5 = 25 2  3  4  5 + 1 = 11  11 = 121 3  4  5  6 + 1 = 19  19 = 361 4  5  6  7 + 1 = 29  29 = 841 และถา้ 23  24  25  26 + 1 = A  A แลว้ A มีคา่ เทา่ ไร _________  ONET 55 : สาระท่ี 6 ทกั ษะและกระบวนการทางคณติ ศาสตร์ 5. นำจำนวน 1, 2, 2, 4, 4, 8 ไปเขียนลงใน  บนดำ้ นของรปู สำมเหลี่ยม ดังรูป ถ้ำทำให้ผลคูณของจำนวนแต่ละด้ำนของรูปสำมเหลยี่ มเทำ่ กนั แลว้ ผลบวกของทุกจำนวนตรงจดุ ยอดมุม ของรูปสำมเหล่ยี ม มีค่ำเท่ำไร __________ 6. จำกคำวำ่ PAMAP มีเส้นทำงกำรอ่ำนคำว่ำ MAP ได้ 2 เสน้ ทำง ถ้ำนำคำว่ำ HAND มำเขียนเรียงกนั ดงั รปู D DND DNAND DNAHAND DNAND DND D จะมเี สน้ ทำงกำรอำ่ นคำว่ำ HAND ได้กเี่ สน้ ทำง __________

 ONET 56 : สาระที่ 6 ทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์ 7. หนา้ ต่างเหล็กดดั ดงั รปู ถา้ มดแดงอยทู่ ่จี ดุ A เดินไปตามเหล็กดัดถงึ จดุ B โดยเดนิ ไปทางขวา หรอื เดนิ ลงทางลา่ ง เพียง 2 ทศิ ทางเท่าน้นั ถามวา่ มดแดงจะเลือกทางเดินทแ่ี ตกต่างกันได้ก่ีเสน้ ทาง A 1. 6 เสน้ ทาง 2. 7 เส้นทาง 3. 8 เสน้ ทาง B 4. 9 เส้นทาง 8.นกั เรยี นชาย 4 คน คอื A, B, C, D มาช่งั นา้ หนกั กลุ่มละ 2 คน โดยแต่ละคนเลือกคู่กันมาเอง ไดท้ ง้ั หมด 6 คู่ ท่ี ตา่ งกัน และบนั ทกึ นา้ หนักรวมกนั เปน็ กิโลกรัมดงั นี้ 84, 87, 86, 90, 89, 92 ถามวา่ นา้ หนกั เฉลย่ี ของนกั เรียน 4 คนเปน็ เทา่ ไร 9. กิตตแิ ละลัดดาเลน่ เกมหยิบตุก๊ ตา 12 ตัว ท่วี างอยู่บนโตะ๊ มีกติกาวา่ ทง้ั สองคนผลัดกนั หยบิ คนละครั้งสลบั กนั โดยหยิบ ครง้ั ละ 1 ตวั หรือ 2 ตัวหรอื 3 ตัวกไ็ ด้ ใครหยบิ ตุ๊กตาตัวสดุ ทา้ ยเปน็ ผแู้ พ้ ถา้ กติ ติเปน็ คนเริ่มต้นหยบิ กอ่ น เขาจะต้องหยิบตุ๊กตาคร้ังแรกกี่ตัวจึงจะเป็นผูช้ นะเสมอ 10. กาหนดการดาเนินการของจานวนดังน้ี ถ้าจานวนนนั้ เปน็ จานวนคใี่ ห้บวกดว้ ย 1 ถ้าจานวนน้นั เปน็ จานวนคู่ให้หารด้วย 2 ดงั ตวั อยา่ งที่แสดงขา้ งลา่ งและใหท้ าการคานวณในลกั ษณะนตี้ อ่ ไปเรื่อย ๆ จนไดจ้ านวนสุดทา้ ยเป็น 1 + 1 2 +1 2 +1 2 2 9 10 5 6 3 4 2 1 ในบรรดาจานวนนับที่นอ้ ยกวา่ 30 จานวนใดท่ีต้องการทาการคานวณมากคร้ังทส่ี ดุ จนกระทง่ั ไดจ้ านวนสดุ ท้ายเป็น 1


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook