Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนสำนวน สุภาษิต คำพังเพย โดยการสอนแบบโครงงาน

แผนสำนวน สุภาษิต คำพังเพย โดยการสอนแบบโครงงาน

Published by Kru``bas Srisongkram, 2021-04-20 03:23:46

Description: แผนสำนวน สุภาษิต คำพังเพย โดยการสอนแบบโครงงาน

Search

Read the Text Version

หนว่ ยการจัดการเรียนรูท้ ี่ 9 สาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย รหสั วิชา ท 15101 ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 5 ภาคเรียนที่ 2 ปกี ารศึกษา 2563 หลักภาษาและการใชภ้ าษาไทย หน่วยการเรียนรู้ที่ 9 สานวน คาพงั เพย สภุ าษติ ให้ข้อคิดสอนใจ เวลา 5 ชวั่ โมง แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 1 ความหมายของสานวน คาพังเพย สุภาษิต เวลา 1 ชัว่ โมง วนั ที่……….. เดอื น ………………………………………….. พ.ศ. …………. ครผู ู้สอน………………………………………………. 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปล่ียนแปลงของภาษา และพลัง ของภาษา ภมู ปิ ัญญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไวเ้ ปน็ สมบัติของชาติ 2. ตัวชี้วดั ท ๔.๑ ป.๕/๗ ใชส้ ำนวนได้ถกู ต้อง 3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ๑. บอกความหมายของสานวน คาพังเพย และสภุ าษติ (K) ๒. ยกตวั อยา่ งสานวน คาพงั เพย และสุภาษติ (P) ๓. เห็นคุณค่าของสานวน คาพงั เพย และสภุ าษติ (A) 4. สาระสาคญั คำพังเพยเป็นถ้อยคำที่มีควำมหมำยกลำง ๆ ใช้เปรียบเทียบกับเร่ืองใดเร่ืองหนึ่ง มักมีคำคล้องจองกัน เพอื่ ใหจ้ ำได้งำ่ ยและไพเรำะ ส่วนสุภำษิตเป็นถ้อยคำท่ีดีงำม ใช้เป็นคติสอนใจให้ประพฤติดีงำม ถูกต้องสำนวน มคี วำมหมำยครอบคลุมถึงคำพงั เพยและสภุ ำษิต 5. สาระการเรียนรู้ ควำมหมำยของสำนวน คำพังเพย และสุภำษิต 6. สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น 1. ความสามารถในการส่ือสาร - ทกั ษะการอ่าน - ทักษะการเขยี น - ทักษะการฟงั การดู และการพูด 2. ความสามารถในการคิด - การจาแนก - การวิเคราะห์ - การสรปุ ความรู้

7. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. ใฝ่เรยี นรู้ - ตัวชี้วดั ที่ ๔.๑ ต้งั ใจ เพียรพยายามในการเรียนและเขา้ ร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ 2. ม่งุ ม่นั ในการทางาน - ตัวชีว้ ดั ท่ี ๖.๑ ตง้ั ใจและรบั ผดิ ชอบในการปฏิบตั ิหนา้ ท่ีการงาน - ตัวช้วี ดั ท่ี ๖.๒ ทางานด้วยความเพียรพยายามและอดทนเพอื่ ให้งานสาเร็จตามเป้าหมาย 3. รกั ความเปน็ ไทย - ตวั ชี้วัดที่ ๗.๒ เห็นคุณค่าและใช้ภาษาไทยในการส่อื สารได้อย่างถูกต้องเหมาะสม 8. ช้นิ งาน/ภาระงาน - 9. กิจกรรมการเรียนรู้ ๑. ให้นักเรยี นทายคาจากปรศิ นาคาทาย ดงั น้ี - พัง..........อะไร ไมใ่ ชพ่ ังทลาย แต่หมายถึงถอ้ ยคา หรอื ขอ้ ความทก่ี ลา่ วสบื ต่อกันมาช้านาน หรอื กล่าวขานเป็นกลาง ๆ เพื่อใชเ้ ปรยี บเทยี บหรือตีความให้เขา้ กบั เรอ่ื งใดเร่ืองหน่งึ (พงั เพย-คาพงั เพย) ๒. ให้นกั เรยี นชว่ ยกันยกตวั อย่างสานวน คาพังเพย และสภุ าษติ พร้อมทง้ั บอกความหมาย เช่น - กระต่ายตืน่ ตูม - กบเลอื กนาย - ก้งิ ก่าไดท้ อง ๓. ให้นักเรียนทากิจกรรมทบทวนความรู้ โดยเลือกข้อความที่เป็นสานวน คาพังเพย หรอื สภุ าษติ ไปเขยี นให้ตรงกบั ภาพ เชน่ ภาพ - กากาลงั คาบพริก (กาคาบพรกิ ) - เดก็ เขน็ ครกขน้ึ ภูเขา (เขน็ ครกข้ึนเขา) - เดก็ ทาการบ้านด้วยตนเอง (ตนเป็นท่ีพ่ึงแหง่ ตน) ใหท้ กุ คนร่วมกันพิจารณาคาตอบ สนทนาถงึ ความหมายทไี่ ม่ตรงตวั ในแตล่ ะขอ้ ความ ครชู ว่ ย แนะนาเพ่มิ เติมให้นักเรียนเขา้ ใจยิ่งขึน้ หรือยกตัวอย่างประกอบเป็นเร่ืองราวสัน้ ๆ ๔. ใหน้ กั เรียนศกึ ษาความรู้เรือ่ ง สานวน คาพังเพย และสุภาษิต แล้วรว่ มกันสรปุ ความเข้าใจ ๕. ให้นกั เรยี นชว่ ยกนั เตมิ คาในชอ่ งวา่ งของสานวนท่ีครเู ขียน (หรอื ติดแถบประโยค) บนกระดาน - รกั ดีหาม.......รกั ชัว่ หาม........ (รกั ดหี ามจวั่ รักช่วั หามเสา) - ให.้ .......แก่ท่าน..........นั้นถงึ ตัว (ให้ทกุ ขแ์ กท่ ่าน ทุกข์นัน้ ถึงตวั ) ทกุ คนร่วมกนั พจิ ารณาถึงความหมายและข้อคิดทจ่ี ะนาไปใชป้ ระโยชนใ์ นชีวติ ประจาวัน แล้วร่วมกนั สรปุ ว่าเปน็ สภุ าษิตที่มถี ้อยคาทีด่ งี าม เป็นขอ้ คิดสอนใจใหท้ าดลี ะเว้นความชั่วตา่ ง ๆ ๖. ให้นักเรยี นออกมาเตมิ คาในช่องว่างของสานวนบนกระดาน เช่น ๐ จบั .........มอื เปลา่ ๐ จับ.......ชน.......... ๐ ปลาหมอตายเพราะ......... (เสอื ) (แพะ, แกะ) (ปาก)

๐ ตนเปน็ ........แห่งตน ๐ งม.....ในมหาสมุทร ๐ ธรรมยอ่ มรกั ษา.......... (ทพ่ี ึ่ง) (เขม็ ) (ผู้ประพฤติธรรม) ให้ทุกคนร่วมกันพิจารณาความถูกต้องของคาตอบแต่ละข้อความ สนทนาถึงความหมายในแต่ละข้อความ แลว้ แยกว่าขอ้ ความใดเป็นคาพงั เพย ขอ้ ความใดเปน็ สุภาษิต ๗. ให้นกั เรียนและครรู ่วมกันสรปุ ความรู้ ดงั น้ี - คาพังเพยเป็นถ้อยคาทีม่ ีความหมายกลาง ๆ ใชเ้ ปรียบเทียบกับเร่ืองใดเรือ่ งหน่ึง มักมี คาคลอ้ งจองกนั เพ่ือให้จาได้ง่ายและไพเราะ สว่ นสภุ าษิตเป็นถ้อยคาท่ีดงี าม ใช้เปน็ คติสอนใจให้ประพฤติดีงาม ถูกต้อง สานวนมีความหมายครอบคลุมถึงคาพังเพยและสุภาษติ 10. ส่ือ/แหล่งการเรยี นรู้ ๑. ปริศนาคาทาย ๒. ภาพ ๓. แถบประโยค 11. การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ 11.1 วิธีการวดั และประเมินผล - สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในการเข้าร่วมกิจกรรม 11.2 เคร่ืองมือ - แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกิจกรรม 11.3 เกณฑ์การประเมนิ - การประเมนิ พฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกิจกรรม ผา่ นต้งั แต่ 2 รายการ ถอื วา่ ผา่ น ผ่าน 1 รายการ ถือว่า ไมผ่ า่ น

แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเข้าร่วมกิจกรรม คาชี้แจง ใหท้ าเครื่องหมาย  ลงในชอ่ งรายการสังเกตพฤติกรรมที่นักเรียนปฏบิ ตั ิ รายการ เขา้ ร่วม เลขที่ ช่อื -สกลุ ร่วมมือในการ กล้าออกมา กิจกรรม สรุปผลการ ทากจิ กรรม แสดง ด้วยความ ประเมิน สนกุ สนาน ความสามารถ เพลดิ เพลนิ ผา่ น ไมผ่ า่ น ผ่าน ไม่ผ่าน ผา่ น ไม่ผ่าน ผ่าน ไม่ผา่ น เกณฑ์การประเมิน ผ่านตั้งแต่ 2 รายการถือว่า ผา่ น ผา่ น 1 รายการถือวา่ ไมผ่ า่ น ลงช่ือ ....................................... ผปู้ ระเมิน (.........................................) ............./............./.............

12. บันทกึ ผลหลงั การจดั การเรยี นรู้ 12.1 สรปุ ผลหลงั การจัดการเรยี นรู้ 1. นกั เรยี นจานวน..................คน ผ่านจุดประสงค์การเรยี นรู้......................คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ.................. ไมผ่ า่ นจุดประสงคก์ ารเรียนรู้..................คน คิดเปน็ ร้อยละ.................. นักเรยี นนีไ่ ม่ผ่าน มดี ังน้ี 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแกไ้ ขนักเรียนทไ่ี มผ่ ่านจุดประสงค์การเรียนรู้ ............................................................................................................................. .......................... ........................................................................................................................................................ 2. บอกควำมหมำยของสำนวน คำพังเพย และสุภำษติ (K) ....................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ........................... 3. ยกตวั อย่ำงสำนวน คำพังเพย และสภุ ำษิต (P) ............................................................................................................................. .......................... ........................................................................................................................................................ 4. เห็นคณุ คำ่ ของสำนวน คำพงั เพย และสภุ ำษิต (A) .......................................................................................... ............................................................. ............................................................................................................................. ........................... 12.2 ปญั หา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข ............................................................................................................................. .............................. ........................................................................................ .................................................................. 12.3 ข้อเสนอแนะ ............................................................................................................................. .............................. ................................................................................................................................. .......................... ลงช่ือ........................................................... (นางสาวโสภิดา ศรสี งคราม) ตาแหน่งครูผสู้ อน

13. ความคดิ เห็นของหัวหนา้ สถานศึกษา/ ผ้ทู ี่ได้รับมอบหมาย 1. ความเหมาะสมของกิจกรรม ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง ........................................................................................................................................ 2. ความเหมาะสมของเน้อื หา ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 3. ความเหมาะสมของเวลา ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรุง ........................................................................................................................................ 4. ความเหมาะสมของส่ือ ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรุง ........................................................................................................................................ 5. ข้อเสนอแนะอ่นื ๆ .......................................................................................................................................... ....................................................................................................................................... ....................................... ........................................................................................... ................................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ลงช่ือ........................................................... (นางเรวดี มิถลิ า) ตาแหน่งรองผ้อู านวยการโรงเรยี น

หน่วยการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 9 สาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย รหสั วชิ า ท 15101 ช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ 5 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 หลักภาษาและการใช้ภาษาไทย หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 9 สานวน คาพังเพย สภุ าษติ ใหข้ ้อคิดสอนใจ เวลา 5 ช่ัวโมง แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 2 ความหมายของสานวนไทยแต่ละข้อความ เวลา 1 ช่วั โมง วนั ท่ี……….. เดอื น ………………………………………….. พ.ศ. …………. ครผู ู้สอน………………………………………………. 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปล่ียนแปลงของภาษา และพลัง ของภาษา ภูมปิ ญั ญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไวเ้ ปน็ สมบตั ิของชาติ 2. ตัวช้ีวัด ท ๔.๑ ป.๕/๗ ใช้สานวนไดถ้ กู ต้อง 3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ๑. บอกความหมายของสานวน คาพงั เพย และสุภาษติ (K) ๒. ยกตัวอย่างสานวน คาพังเพย และสภุ าษติ (P) ๓. กระตอื รอื ร้นในการรว่ มกจิ กรรม (A) 4. สาระสาคญั การทาความเข้าใจในความหมายของแต่ละสานวน เพอ่ื ใหส้ ามารถนาไปใช้ได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม 5. สาระการเรยี นรู้ ความหมายของสานวน 6. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น 1. ความสามารถในการสอื่ สาร - ทกั ษะการอ่าน - ทกั ษะการเขียน - ทักษะการฟัง การดู และการพดู 2. ความสามารถในการคิด - การวิเคราะห์ - การสรปุ ความรู้ ๓. ความสามารถในการแกป้ ญั หา ๔. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต

7. คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ 1. ใฝเ่ รียนรู้ - ตวั ชว้ี ัดที่ ๔.๑ ตั้งใจ เพียรพยายามในการเรยี นและเขา้ รว่ มกจิ กรรมการเรียนรู้ 2. มุง่ มัน่ ในการทางาน - ตัวชว้ี ดั ท่ี ๖.๑ ตัง้ ใจและรับผิดชอบในการปฏิบตั ิหน้าท่ีการงาน - ตัวชว้ี ัดท่ี ๖.๒ ทางานด้วยความเพียรพยายามและอดทนเพ่อื ให้งานสาเร็จตามเป้าหมาย 3. รกั ความเป็นไทย - ตัวช้ีวดั ท่ี ๗.๒ เห็นคณุ ค่าและใชภ้ าษาไทยในการส่อื สารได้อยา่ งถูกต้องเหมาะสม 8. ชิน้ งาน/ภาระงาน - 9. กจิ กรรมการเรียนรู้ ๑. ให้นักเรยี นร่วมกันแสดงความคดิ เหน็ โดยครูใชค้ าถามท้าทาย ดงั นี้ - เหตุใดไก่จึงเห็นตนี งู และงูก็เหน็ นมไกต่ ามทผ่ี ใู้ หญ่พดู กนั มาช้านาน ๒. ให้นักเรียนทายสานวนจากปริศนาคาทายทีน่ ักเรียนจบั ฉลากขนึ้ มาทายเพอ่ื น ๆ เชน่ ๑) คางคก.............ทาอะไร ทีห่ มายถงึ ผ้มู ฐี านะต่าต้อย พอไดด้ ขี ้นึ กม็ ักแสดงกิรยิ าอวดดี ลืมตวั (คางคกขนึ้ วอ) ๒) จับ............อะไร หมายถงึ การแสวงหาประโยชน์โดยตนเองไม่ต้องลงทุน (จบั เสือมือเปลา่ ) ๓) ฝนตก..........อยา่ งไร หมายถึง การใหห้ รือจ่ายแจกอะไรไม่ทัว่ ถึงกนั (ฝนตกไม่ทวั่ ฟ้า) ครแู ละนกั เรียนสนทนาเพิ่มเติมเกี่ยวกบั ความหมายของสานวนแตล่ ะขอ้ พร้อมท้ังยกตวั อยา่ ง ประกอบ ๓. ให้นักเรยี นแบ่งกลมุ่ กลุ่มละ ๓ - ๕ คน แขง่ ขันกนั คิด เขียน หรือเตมิ คาในชอ่ งวา่ งของสานวนที่ ขึน้ ตน้ ดว้ ยคาว่า ปาก นา้ หน้า เชน่ ๐ ปากหวาน ................ ๐ ปากว่า.............. ๐ ปากปราศรยั ............ ๐ น้าน่ิง................... ๐ นา้ ลด.................... ๐ น้านอ้ ย.................... ๐ หนา้ เนือ้ .............. ๐ หนา้ ซ่อื ................. ๐ หน้าไหว้................. กลมุ่ ใดทาเสร็จก่อนและถูกตอ้ งเปน็ ฝา่ ยชนะ ๔. ให้นกั เรยี นออกมาเลือกสานวนทก่ี าหนดแลว้ เขยี นให้ตรงกบั ความหมายในแถบประโยค บนกระดาน เชน่ ๐ ทาสิ่งท่เี สย่ี งต่ออันตราย (จับงขู า้ งหาง) ๐ ลงทุนไปโดยได้รบั ผลประโยชนไ์ มค่ ้มุ ค่า (ตานา้ พริกละลายแม่น้า) ๐ เพยี รพยายามสดุ ความสามารถจนกวา่ จะสาเรจ็ ผล (ฝนทง่ั ใหเ้ ป็นเข็ม) ๐ แม้ไม่พอใจก็ยังแสดงสหี นา้ ย้มิ แย้ม (นา้ ขนุ่ ไว้ใน น้าใสไว้นอก) ๐ ระวังการกระทาหรือคาพูดให้มาก อาจมีคนลว่ งรคู้ วามลับ (กาแพงมหี ู ประตมู ีช่อง) ให้ทุกคนรว่ มกันพิจารณาความถกู ต้องของสานวนกบั ความหมายทีจ่ บั คู่กัน แลว้ สนทนาเพม่ิ เติมถงึ ความหมายของบางสานวน ยกตวั อยา่ งประกอบใหเ้ ข้าใจยิง่ ขนึ้ พรอ้ มทัง้ จาแนกคาพังเพยกับสุภาษติ

๕. ใหน้ ักเรยี นเขยี นสานวนลงในกระดาษท่ีครแู จกให้ จากความหมายทคี่ รูอ่านให้ฟัง อาจบอกใบ้ คาหน้าให้ หรอื จานวนพยางค์ในสานวน ตวั อย่าง ๑) ความหมาย : “มที ้งั คุณและโทษ อาจดีหรืออาจเสียก็ได้” (ครูบอกใบ้ว่าขึ้นต้นด้วย คาวา่ ดาบ หรอื บอกใบว้ ่ามี ๓ คา นกั เรยี นที่คิดได้ก็เขียนในกระดาษวา่ ดาบสองคม) ๒) ความหมาย : “ยกยอ่ งแลว้ กลับทาลายในภายหลงั ” (ครูบอกใบ้วา่ คาหน้าคอื เขียน) ใหน้ กั เรยี นฟัง ๕ - ๖ ข้อความ เมือ่ เสร็จแลว้ ทุกคนชว่ ยกนั เฉลยคาตอบ แตล่ ะคนตรวจคาตอบ ร่วมกนั สนทนา ซกั ถามเพม่ิ เติมเมอ่ื เกดิ ปัญหา เพ่ือใหเ้ ขา้ ใจยงิ่ ขึน้ จากนน้ั รวบรวมผลงานส่งใหค้ รตู รวจสอบอีก ครั้ง ๖. ให้นักเรยี นทากิจกรรมเสริมการเรยี นรู้ โดยนาสานวนทก่ี าหนดไปเขียนใหต้ รงกับความหมาย ๗. ใหน้ กั เรยี นและครูรว่ มกนั สรปุ ความรู้ ดงั น้ี - การทาความเขา้ ใจในความหมายของแต่ละสานวน เพ่อื ให้สามารถนาไปใช้ได้อย่างถูกตอ้ ง และเหมาะสม 10. สอื่ /แหลง่ การเรยี นรู้ ๑. ปรศิ นาคาทาย ๒. กระดาษเขียนสานวน ๓. แถบประโยค 11. การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ 11.1 วิธกี ารวดั และประเมนิ ผล - สังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในการเข้ารว่ มกจิ กรรม - สังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในการเขา้ รว่ มกิจกรรมกลุ่ม 11.2 เครื่องมอื - แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเข้าร่วมกจิ กรรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลมุ่ 11.3 เกณฑก์ ารประเมิน - การประเมนิ พฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกิจกรรม ผ่านต้ังแต่ 2 รายการ ถือว่า ผา่ น ผ่าน 1 รายการ ถอื ว่า ไม่ผา่ น - การประเมินพฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกลุ่ม คะแนน 9 - 10 ระดบั ดีมาก คะแนน 7 -8 ระดบั ดี คะแนน 5 - 6 ระดบั พอใช้ คะแนน 0 – 4 ระดับ ควรปรบั ปรงุ

แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเข้าร่วมกิจกรรม คาชี้แจง ใหท้ าเครื่องหมาย  ลงในชอ่ งรายการสังเกตพฤติกรรมที่นักเรียนปฏบิ ตั ิ รายการ เขา้ รว่ ม เลขที่ ช่อื -สกลุ รว่ มมือในการ กล้าออกมา กจิ กรรม สรุปผลการ ทากจิ กรรม แสดง ด้วยความ ประเมิน สนุกสนาน ความสามารถ เพลิดเพลิน ผา่ น ไมผ่ า่ น ผา่ น ไม่ผา่ น ผ่าน ไม่ผ่าน ผ่าน ไม่ผา่ น เกณฑ์การประเมิน ผ่านตั้งแต่ 2 รายการถือว่า ผา่ น ผา่ น 1 รายการถือวา่ ไมผ่ า่ น ลงช่ือ ....................................... ผูป้ ระเมิน (.........................................) ............./............./.............

แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกลมุ่ คาชี้แจง ให้ทาเครือ่ งหมาย  ลงในชอ่ งรายการสงั เกตพฤติกรรมที่นักเรียนปฏบิ ัติ รายการ รวม คะแนน เลขที่ ช่อื -สกลุ รบั ผดิ ชอบ รบั ฟงั นาเสนอ มีความคิด ทางานเสร็จ ริเร่มิ ตามเวลา งานท่ไี ดร้ บั ความคดิ เหน็ ผลงาน 10 มอบหมาย ของผ้อู น่ื ไดน้ ่าสนใจ สรา้ งสรรค์ ท่กี าหนด คะแนน (2 คะแนน) (2คะแนน) (2 คะแนน) (2 คะแนน) (2 คะแนน) เกณฑก์ ารประเมนิ ระดับ ดมี าก คะแนน 9 - 10 ระดับ ดี คะแนน 7 -8 ระดบั พอใช้ คะแนน 5 - 6 ระดับ ควรปรับปรงุ คะแนน 0 – 4 ลงชือ่ ....................................... ผ้ปู ระเมิน (.........................................) ............./............./.............

12. บันทกึ ผลหลงั การจดั การเรียนรู้ 12.1 สรปุ ผลหลังการจัดการเรยี นรู้ 1. นักเรยี นจานวน..................คน ผ่านจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้......................คน คิดเป็นรอ้ ยละ.................. ไม่ผา่ นจดุ ประสงค์การเรยี นรู้..................คน คิดเปน็ ร้อยละ.................. นักเรียนนี่ไมผ่ ่าน มีดังน้ี 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรียนที่ไมผ่ ่านจดุ ประสงค์การเรียนรู้ ............................................................................................................................. .......................... ........................................................................................................................................................ 2. บอกความหมายของสานวน คาพังเพย และสุภาษิต (K) ....................................................................................................................... ................................ ............................................................................................................................. ........................... 3. ยกตัวอยา่ งสานวน คาพังเพย และสุภาษิต (P) ............................................................................................................................... ........................ .................................................................................................... .................................................... 4. กระตือรือรน้ ในการรว่ มกจิ กรรม (A) ............................................................................................................................. .......................... ........................................................................................................................................................ 12.2 ปัญหา อุปสรรค และแนวทางแก้ไข ...................................................................................................................... ..................................... ............................................................................................................................. ............................. 12.3 ข้อเสนอแนะ ........................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. .............................. ลงชอ่ื ........................................................... (นางสาวโสภิดา ศรีสงคราม) ตาแหนง่ ครผู สู้ อน

13. ความคดิ เห็นของหวั หนา้ สถานศกึ ษา/ ผ้ทู ี่ไดร้ ับมอบหมาย 1. ความเหมาะสมของกิจกรรม ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 2. ความเหมาะสมของเนอ้ื หา ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง ........................................................................................................................................ 3. ความเหมาะสมของเวลา ดีมาก ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ ........................................................................................................................................ 4. ความเหมาะสมของสื่อ ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง ........................................................................................................................................ 5. ข้อเสนอแนะอน่ื ๆ .......................................................................................................................................... ......................................................................................................................................... ..................................... ............................................................................................. ................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงช่อื ........................................................... (นางเรวดี มิถิลา) ตาแหน่งรองผู้อานวยการโรงเรียน

หนว่ ยการจัดการเรียนร้ทู ี่ 9 สาระการเรยี นรู้ ภาษาไทย รหสั วชิ า ท 15101 ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 5 ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2563 หลักภาษาและการใชภ้ าษาไทย หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 9 สานวน คาพังเพย สภุ าษิต ให้ข้อคิดสอนใจ เวลา 5 ชวั่ โมง แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 3 เข้าใจความหมาย เลือกใชส้ านวนได้ถูกต้อง เวลา 1 ชัว่ โมง วันท่ี……….. เดอื น ………………………………………….. พ.ศ. …………. ครูผู้สอน………………………………………………. 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๔.๑ เขา้ ใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปล่ียนแปลงของภาษา และพลัง ของภาษา ภมู ิปญั ญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไวเ้ ป็นสมบัติของชาติ 2. ตัวชี้วดั ท ๔.๑ ป.๕/๗ ใชส้ านวนไดถ้ ูกต้อง 3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ๑. บอกสานวน คาพังเพย และสุภาษติ ที่ควรทราบ (K) ๒. เตมิ สานวน คาพังเพย และสุภาษติ พรอ้ มทง้ั บอกความหมายได้ถูกต้อง (P) ๓. เห็นคุณคา่ ของสานวน คาพงั เพย และสภุ าษิต (A) 4. สาระสาคญั คาพังเพย สภุ าษติ และสานวนตา่ ง ๆ เปน็ มรดกทางภาษาของไทยอย่างหนง่ึ ที่มคี ุณค่า ตอ้ งชว่ ยกัน สบื สานและอนุรกั ษ์ไว้ โดยศกึ ษาให้เข้าใจความหมาย และนาไปใช้ให้ถูกตอ้ งเหมาะสม 5. สาระการเรียนรู้ ความหมายของสานวนไทยที่ควรทราบ 6. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร - ทกั ษะการอา่ น - ทกั ษะการเขียน - ทักษะการฟงั การดู และการพูด 2. ความสามารถในการคดิ - การวเิ คราะห์ - การสรปุ ความรู้ ๓. ความสามารถในการแก้ปญั หา ๔. ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ิต

7. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1. ใฝเ่ รียนรู้ - ตวั ชี้วัดท่ี ๔.๑ ต้ังใจ เพียรพยายามในการเรยี นและเขา้ รว่ มกิจกรรมการเรยี นรู้ 2. ม่งุ มนั่ ในการทางาน - ตัวชวี้ ัดท่ี ๖.๑ ตงั้ ใจและรบั ผดิ ชอบในการปฏิบตั หิ นา้ ท่ีการงาน - ตัวช้วี ัดท่ี ๖.๒ ทางานดว้ ยความเพยี รพยายามและอดทนเพอื่ ให้งานสาเรจ็ ตามเป้าหมาย 3. รักความเป็นไทย - ตัวชวี้ ดั ที่ ๗.๒ เห็นคณุ ค่าและใชภ้ าษาไทยในการสื่อสารได้อย่างถูกต้องเหมาะสม 8. ช้นิ งาน/ภาระงาน - 9. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ๑. ให้นักเรียนทายสานวนสภุ าษติ จากปริศนาคาทาย (ขน้ึ ต้นด้วยคาวา่ นา้ ) เช่น ๑) นา้ ..........อะไรหนา หมายความว่า “มโี อกาสดีควรรบี ทา” นา้ ข้ึน................ (น้าขน้ึ ให้รีบตัก) ๒) น้า..........อะไรชว่ ยบอก หมายถงึ “พูดไม่ออกเพราะเกรงจะมภี ัยแก่ตนหรือผอู้ น่ื ”(นา้ ท่วมปาก) ๓) นา้ ..........อะไรหนอ หมายถึง “เม่ือหมดอานาจความชว่ั ที่ทาไว้กบั ปรากฏ” (นา้ ลดตอผุด) ๔) นา้ ...........อะไร หมายถึง “ทใี ครทมี นั ” รีบทายเร็วพลัน มมี ด มีปลา (น้ามาปลากนิ มด นา้ ลดมดกนิ ปลา) ๒. ใหน้ กั เรยี นจับฉลากเขยี นสานวนสุภาษติ ต่อไปนี้ - ตาบอดคลา......... - ตาบอดได.้ ............ - ตาบอดสอด................... - ตกถัง ................ - ตกน้าไม.่ ....... ตกไฟไม่.......... - ตกกระได..................... - ตงี ใู ห้.........กิน - ต.ี ..........กระทบคราด - ตี..........หนา้ ไซ - ตักนา้ ใส.่ ...........ชะโงกดูเงา - ตักบาตรอย่าถาม.......... - ตักน้ารด................ - ตดั ญาตขิ าด.............. - ตัด............ตน้ ลม - ตัด............ปลอ่ ยวดั ใหท้ กุ คนช่วยกันพิจารณาความถูกตอ้ ง โดยครชู ่วยแนะนา และชว่ ยกนั คดิ ความหมายของบาง สานวนหรอื ใหน้ กั เรียนออกมาแสดงทา่ ทางประกอบบางสานวน ๓. ให้นกั เรยี นเขียนคาที่ครูเวน้ ไวจ้ ากสุภาษติ คาพังเพยในกระดาษทคี่ รูแจกให้ ๑) ป้ิงปลาประชด................. ๒) จับ..........ใสก่ ระด้ง ๓) ได้ทขี ่ี......ไล่ ๔) รดี เลือดกับ............. ๕) ..........สนั หลังหวะ ๖) ........ตกนา้ ตัวโต ๗) ..........จนตรอก ๘) ตีงใู ห้............กิน ๙) เขยี น..........ให้...........กลัว ๑๐) หนี.........ปะ............... ใหท้ ุกคนชว่ ยกนั เฉลยคาตอบ นักเรยี นแลกเปล่ยี นกันตรวจคาตอบ ใหค้ ะแนนขอ้ ละ ๑ คะแนน (ถา้ มี ๒ คา คาละคร่ึงคะแนน) แลว้ รวบรวมผลงานสง่ ใหค้ รตู รวจอกี ครงั้ ๔. ให้นกั เรยี นหรอื อาสาสมัครออกมาเขยี นสานวน คาพงั เพย หรอื สุภาษติ ทีต่ นสนใจคนละ ๑ สานวน แลว้ ให้เพือ่ นช่วยกนั บอกความหมาย เชน่ - ตัดชอ่ งน้อยแต่พอตัว หมายถงึ เอาตวั รอดแต่ผเู้ ดยี ว

- ตดั หางปล่อยวัด หมายถงึ ตดั ขาดไมเ่ กี่ยวข้องดว้ ยอีกต่อไป - ฝนท่ังให้เป็นเขม็ หมายถงึ เพียรพยายามจนสดุ ความสามารถจนกวา่ จะสาเรจ็ ผล - วัวลืมตนี หมายถงึ คนท่ีไดด้ ีแล้วลมื ฐานะเดิมของตนเอง - หนา้ เน้ือใจเสอื หมายถงึ มีหน้าตาแสดงความเมตตา แต่ใจเหีย้ มโหด ครูชว่ ยแนะนาใหม้ ีความถูกต้องย่ิงขึน้ ๕. ให้นักเรียนช่วยกนั เลอื กสานวนไปติดหรือเขียนใตค้ วามหมายท่กี าหนดในแถบประโยค บนกระดาน เชน่ สานวน ร้งู ู ๆ ปลา ๆ รู้เช่นเห็นชาติ รู้อย่างเป็ด รไู้ ว้ใช่วา่ ใส่บ่าแบกหาม รู้หลบเป็นปกี รู้หลีกเป็นหาง ความหมาย - รไู้ มจ่ รงิ สกั อยา่ งเดียว - รู้กาพดื รนู้ ิสยั สันดาน - รเู้ ล็ก ๆ นอ้ ย ๆ รไู้ มจ่ ริง - รูจ้ ักเอาตวั รอด หรอื ปรับตวั ให้เขา้ กบั เหตุการณ์ - เรยี นร้ไู ว้ไมห่ นกั เรย่ี วหนักแรง หรือเสยี หายอะไร ใหท้ กุ คนร่วมกันพจิ ารณาความถูกตอ้ ง และสนทนาถึงความหมาย ข้อคิด คุณคา่ จากสานวนต่าง ๆ ๖. ให้นักเรยี นแบง่ กล่มุ กลุ่มละ ๓ - ๕ คน แขง่ ขนั กนั คิดสานวนที่มีชอ่ื สตั ว์ต่าง ๆ แล้วออกมาเสนอ หนา้ ชัน้ เรียน กลมุ่ ใดคิดไดม้ ากที่สดุ และถกู ต้องเป็นฝ่ายชนะ กบ : กบเลอื กนาย กบในกะลาครอบ ไก่ : ไก่ไดพ้ ลอย ไก่เหน็ ตีนงู งเู หน็ นมไก่ ปลา : จบั ปลาสองมือ ปลาหมอตายเพราะปาก ปลาใหญ่กนิ ปลาเลก็ เสือ : เสือซ่อนเลบ็ เสอื ติดจ่นั เขียนเสอื ให้ววั กลวั ๗. ให้นักเรยี นทากจิ กรรมเสรมิ การเรยี นรู้ โดยเตมิ ชือ่ สัตวล์ งในคาพังเพย แลว้ เลอื กมาอธิบาย ความหมาย ๓ คาพังเพย 8. ครูบอกหลักในการเขียนโครงงาน และกระบวนการทาโครงงานให้ผู้เรยี นแบง่ กลุม่ ตามความสนใจ 9. ให้นกั เรียนและครรู ว่ มกนั สรุปความรู้ ดังน้ี - คาพงั เพย สุภาษิต และสานวนตา่ ง ๆ เปน็ มรดกทางภาษาของไทยอย่างหน่งึ ท่ีมีคุณคา่ ตอ้ งชว่ ยกนั สืบสานและอนุรกั ษ์ไว้ โดยศึกษาให้เขา้ ใจความหมาย และนาไปใชใ้ ห้ถูกตอ้ งเหมาะสม 10. สอื่ /แหล่งการเรียนรู้ ๑. ปริศนาคาทาย ๒. แถบประโยค ๓. กระดาษเขียนคาในสานวน

11. การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ 11.1 วธิ กี ารวัดและประเมินผล - สังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในการเข้าร่วมกจิ กรรม - สังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในการเขา้ รว่ มกิจกรรมกลุม่ 11.2 เครื่องมือ - แบบสังเกตพฤติกรรมการเข้าร่วมกจิ กรรม - แบบสงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในการเข้าร่วมกจิ กรรมกลมุ่ 11.3 เกณฑ์การประเมนิ - การประเมินพฤติกรรมการเข้าร่วมกจิ กรรม ผ่านตง้ั แต่ 2 รายการ ถือวา่ ผา่ น ผา่ น 1 รายการ ถือว่า ไม่ผา่ น - การประเมนิ พฤติกรรมการเข้าร่วมกจิ กรรมกลุ่ม คะแนน 9 - 10 ระดับ ดมี าก คะแนน 7 -8 ระดับ ดี คะแนน 5 - 6 ระดบั พอใช้ คะแนน 0 – 4 ระดับ ควรปรบั ปรงุ

แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเข้าร่วมกิจกรรม คาชี้แจง ใหท้ าเครื่องหมาย  ลงในชอ่ งรายการสังเกตพฤติกรรมที่นักเรียนปฏิบตั ิ รายการ เขา้ ร่วม เลขที่ ช่อื -สกลุ รว่ มมือในการ กล้าออกมา กจิ กรรม สรุปผลการ ทากจิ กรรม แสดง ด้วยความ ประเมิน สนุกสนาน ความสามารถ เพลดิ เพลนิ ผา่ น ไมผ่ า่ น ผ่าน ไม่ผา่ น ผา่ น ไม่ผ่าน ผ่าน ไม่ผา่ น เกณฑ์การประเมิน ผ่านตั้งแต่ 2 รายการถือว่า ผา่ น ผา่ น 1 รายการถือวา่ ไมผ่ า่ น ลงช่ือ ....................................... ผปู้ ระเมิน (.........................................) ............./............./.............

แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกลมุ่ คาชี้แจง ให้ทาเครือ่ งหมาย  ลงในชอ่ งรายการสงั เกตพฤติกรรมที่นักเรียนปฏบิ ัติ รายการ รวม คะแนน เลขที่ ช่อื -สกลุ รบั ผดิ ชอบ รบั ฟงั นาเสนอ มีความคิด ทางานเสร็จ ริเร่มิ ตามเวลา งานท่ไี ดร้ บั ความคดิ เหน็ ผลงาน 10 มอบหมาย ของผ้อู น่ื ไดน้ ่าสนใจ สรา้ งสรรค์ ท่กี าหนด คะแนน (2 คะแนน) (2คะแนน) (2 คะแนน) (2 คะแนน) (2 คะแนน) เกณฑก์ ารประเมนิ ระดับ ดมี าก คะแนน 9 - 10 ระดับ ดี คะแนน 7 -8 ระดบั พอใช้ คะแนน 5 - 6 ระดับ ควรปรับปรงุ คะแนน 0 – 4 ลงชือ่ ....................................... ผ้ปู ระเมิน (.........................................) ............./............./.............

12. บันทกึ ผลหลังการจัดการเรยี นรู้ 12.1 สรปุ ผลหลงั การจัดการเรยี นรู้ 1. นกั เรียนจานวน..................คน ผา่ นจุดประสงค์การเรียนรู้......................คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ.................. ไมผ่ ่านจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้..................คน คดิ เปน็ ร้อยละ.................. นกั เรียนนีไ่ มผ่ ่าน มดี ังน้ี 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแกไ้ ขนักเรยี นที่ไมผ่ ่านจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ....................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ........................... 2. บอกสานวน คาพังเพย และสภุ าษิตที่ควรทราบ (K) ............................................................................................................................. .......................... ........................................................................................................................................................ 3. เตมิ สานวน คาพังเพย และสภุ าษิต พรอ้ มทงั้ บอกความหมายได้ถูกต้อง (P) ....................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ........................... 4. เหน็ คณุ คา่ ของสานวน คาพังเพย และสุภาษติ (A) ............................................................................................................................. .......................... ........................................................................................................................................................ 12.2 ปญั หา อุปสรรค และแนวทางแก้ไข ............................................................................................................ ............................................... ............................................................................................................................. ............................. 12.3 ขอ้ เสนอแนะ ..................................................................................................................................................... ...... ......................................................................................................................... .................................. ลงชือ่ ........................................................... (นางสาวโสภิดา ศรสี งคราม) ตาแหน่งครูผสู้ อน

13. ความคดิ เหน็ ของหวั หน้าสถานศกึ ษา/ ผู้ทีไ่ ดร้ ับมอบหมาย 1. ความเหมาะสมของกิจกรรม ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ ........................................................................................................................................ 2. ความเหมาะสมของเนอื้ หา ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 3. ความเหมาะสมของเวลา ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 4. ความเหมาะสมของส่ือ ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 5. ข้อเสนอแนะอ่นื ๆ .......................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชือ่ ........................................................... (นางเรวดี มิถิลา) ตาแหนง่ รองผู้อานวยการโรงเรยี น

หน่วยการจัดการเรยี นรูท้ ่ี 9 สาระการเรียนรู้ ภาษาไทย รหสั วิชา ท 15101 ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี 5 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศกึ ษา 2563 หลกั ภาษาและการใช้ภาษาไทย หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 9 สานวน คาพังเพย สภุ าษิต ใหข้ ้อคิดสอนใจ เวลา 5 ชว่ั โมง แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 4 สรา้ งสรรคเ์ รอ่ื งราวจากสานวน เวลา 1 ช่วั โมง วนั ที่……….. เดอื น ………………………………………….. พ.ศ. …………. ครูผสู้ อน………………………………………………. 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ท ๔.๑ เขา้ ใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปล่ียนแปลงของภาษา และพลัง ของภาษา ภมู ปิ ัญญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไว้เป็นสมบัติของชาติ 2. ตวั ชวี้ ดั ท ๔.๑ ป.๕/๗ ใช้สานวนไดถ้ กู ต้อง 3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ๑. อธบิ ายความหมายของสานวน คาพังเพย และสภุ าษิต (K) ๒. นาสานวน สภุ าษิต หรือคาพังเพยไปแตง่ เรือ่ งราวสั้น ๆ (P) ๓. กระตือรอื ร้นในการรว่ มกจิ กรรม (A) 4. สาระสาคญั เราสามารถนาสานวน สภุ าษิต หรือคาพังเพยไปใชแ้ ต่งเรื่องราว เพ่ือนาขอ้ คิดมาประยุกตใ์ ช้ ในชวี ิตประจาวนั ได้ 5. สาระการเรียนรู้ ความหมายของสภุ าษติ คาพงั เพย 6. สมรรถนะสาคัญของผูเ้ รยี น 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร - ทักษะการอา่ น - ทกั ษะการเขยี น - ทกั ษะการฟงั การดู และการพูด 2. ความสามารถในการคิด - การใหเ้ หตุผล - การวิเคราะห์ - การสังเคราะห์ - การประยกุ ต์/การปรบั ปรุง - การสรปุ ความรู้

- การประเมินค่า ๓. ความสามารถในการแก้ปัญหา ๔. ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ 7. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 1. ใฝเ่ รียนรู้ - ตัวชว้ี ดั ที่ ๔.๑ ต้ังใจ เพยี รพยายามในการเรียนและเขา้ ร่วมกจิ กรรมการเรียนรู้ 2. ม่งุ ม่นั ในการทางาน - ตัวชว้ี ดั ที่ ๖.๑ ต้งั ใจและรับผิดชอบในการปฏบิ ตั ิหน้าที่การงาน - ตวั ชี้วดั ท่ี ๖.๒ ทางานด้วยความเพียรพยายามและอดทนเพอ่ื ให้งานสาเร็จตามเป้าหมาย 3. รกั ความเป็นไทย - ตัวช้วี ัดท่ี ๗.๒ เหน็ คณุ คา่ และใชภ้ าษาไทยในการสื่อสารได้อย่างถูกต้องเหมาะสม 8. ช้ินงาน/ภาระงาน ช้ินงานที่ 4 เรื่อง การแตง่ เรอื่ งให้สอดคล้องกบั สุภาษติ หรอื คาพงั เพย 9. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ๑. ใหน้ ักเรยี นรว่ มกันแสดงความคดิ เห็น โดยครใู ชค้ าถาม ดังนี้ - เราจะนาสุภาษติ คาพงั เพยไปใชท้ าอะไรไดบ้ า้ ง ๒. ครูเลา่ เร่ืองจอมกับนทั ให้นักเรยี นฟัง ดังนี้ จอมเป็นลูกชายคนเดียวของพ่อกับแม่ที่รักและตามใจเขามาก ไม่ว่าจอมจะพูดไม่ไพเราะ พูดปด ชอบแกล้งผู้อื่น ไม่รับผิดชอบส่ิงใด ๆ พ่อแม่ก็ไม่ว่ากล่าวอบรม ทาให้จอมติดนิสัยท่ีไม่ดีหลายประการ มาตั้งแต่เล็ก เมื่อโตขึ้นเขาจึงเป็นเด็กหนุ่มท่ีเหลวไหล มีปัญหากับผู้อื่นเสมอ โดยท่ีเขาเป็นผู้สร้างปัญหา สว่ นนทั เป็นลกู คนเดยี วเชน่ กนั แตพ่ ่อแมก่ ็คอยอบรมบ่มนสิ ยั ให้ทาแต่สิ่งดีงาม แนะนาสั่งสอนด้วยความรัก เขาก็เช่ือฟังเสมอ นัทจึงได้รับแต่คายกย่องชมเชยว่าเป็นเด็กดี พ่อแม่ของจอมรู้สึกผิดที่เลี้ยงจอมให้เป็น คนมีปัญหา จึงพยายามแนะนา สั่งสอน แต่ก็ไม่ได้ผล เพราะจอมไม่เคยเช่ือฟังใครมาก่อน แม้บางครั้ง เขารูต้ วั วา่ ทาไม่ถูก อยากจะแก้ไขปรับปรุงตนเอง แต่ก็ทาไม่ได้ เพราะเคยตวั ท่ีจะทาสง่ิ ไม่ดมี าก่อนจากการ ถูกตามใจ และตามใจตนเอง จากน้ันครใู ชค้ าถาม ดงั น้ี ๑) เหตใุ ดเมื่อพ่อแม่ของจอมพยายามแนะนาสัง่ สอนลูกในเวลาต่อมาจึงไม่ไดผ้ ล (เพราะจอมเคย ถูกตามใจ ให้ทาแต่สิง่ ไม่ดีจนเคยเปน็ นิสยั เมื่อจะมาแกไ้ ขตอนโตแล้วจึงทาไดย้ ากมาก) ๒) นักเรียนคิดว่าถา้ จอมไดร้ บั การอบรมบ่มนสิ ัยต้ังแต่เลก็ เหมอื นนัท จอมจะเปน็ คนเชน่ น้หี รอื ไม่ (คิดว่าไม่น่าเปน็ เพราะการอบรมตัง้ แตย่ ังเล็กยอ่ มง่ายกวา่ อบรมเมื่อโตแล้ว เขาคงจะดีเหมือนนัทได้) ๓) เรื่องราวของนัทกบั จอมตรงกับสานวนใด เพราะเหตุใด (นทั เหมือนไม้อ่อนที่ดัดง่าย โดยถกู ดัด หรอื อบรมมาตัง้ แต่เลก็ ส่วนจอมเปรยี บเหมือนไมแ้ ก่ท่ีดัดยาก เพราะปล่อยให้มนี ิสยั ไม่ดีมาจนโตแล้วเหมอื นไม้ แกไ่ มแ้ ขง็ ท่ดี ัดยาก มีแต่จะหกั ทาลาย สอดคล้องกับสานวน “ไม้อ่อนดดั งา่ ย ไมแ้ ก่ดดั ยาก”)

๓. ใหน้ กั เรยี นช่วยกนั บอกผลดีของการถูกอบรมบ่มนิสยั เม่ือตอนเล็ก ๆ หรือการเชือ่ ฟังคาสงั่ สอน ของผใู้ หญ่ ๔. ใหน้ กั เรียนอา่ นข้อความจากแถบประโยคบนกระดาน แลว้ หาสานวน คาพังเพย หรอื สุภาษิตเตมิ ใน ช่องว่าง เช่น - ใคร ๆ ก็เตือนสุพจน์ว่า อยา่ ตาน้าพรกิ ละลายแม่นา้ ต้องพจิ ารณาใหร้ อบคอบและแนใ่ จว่างาน นไ้ี ม่ลงทุนไปโดยไดผ้ ลประโยชนไ์ มค่ ้มุ ทนุ หรือใช้จา่ ยเงินไปโดยไมไ่ ดป้ ระโยชนอ์ ะไรเลย (ถา้ นักเรียนคดิ ไม่ออก ครูอาจบอกใบว้ ่าสานวนน้มี ี ๔ คา ๗ พยางค)์ - “แหม! พอบอกเร่ืองราวทเ่ี ก็บอัดอัน้ น้กี ับเขาแล้ว ฉันกโ็ ลง่ อกเลย หมดกังวลราวกบั ยกภูเขา ออกจากอก เลยทีเดียวละเธอ มันเปน็ ภาระอันหนักอกหนกั ใจฉันทป่ี ลดเปล้อื งไปเสยี ได้ก็นบั วา่ บุญ” ๕. ใหน้ ักเรียนหรืออาสาสมัคร เลือกคาพงั เพย หรอื สุภาษติ ที่นกั เรยี นสนใจ (หรือครกู าหนด) แต่ง ประโยคหรือเป็นเร่ืองสน้ั ๆ ต่อเนอ่ื งกัน เชน่ - งานทผี่ มทาน้ีมนั ยากลาบากมากเหมือน “เขน็ ครกขนึ้ ภเู ขา” แตผ่ มก็พยายามทาจนสาเร็จ - ฉันเช่ือฟังผูใ้ หญ่ทส่ี อนใหเ้ ราทางานใหเ้ สรจ็ ตามเวลาไม่ปล่อยคงั่ คา้ งท้ิงไว้เปน็ “ดินพอกหางหมู” เพราะจะทาใหเ้ ราไมเ่ จริญกา้ วหนา้ - ฉนั ชอบสภุ าษติ ทว่ี ่า “ความกตญั ญูกตเวทเี ปน็ เครื่องหมายของคนดี” ฉันจงึ พยายามทาความดี ต่าง ๆ เช่น ตัง้ ใจเรียน เปน็ เด็กดี มีเหตุผล ชว่ ยเหลอื ผู้อ่ืน เช่ือฟงั ไม่ดอ้ื ร้ันตอ่ พอ่ แม่ ญาติผู้ใหญ่ และคุณครู เพ่ือใหท้ ่านช่นื ใจ แลว้ รว่ มกนั พจิ ารณาขอ้ ความว่าสอดคลอ้ งกับสุภาษิต คาพงั เพยท่ีใช้หรอื ไม่ เพียงใด ช่วยกนั แนะนา แก้ไข ปรับปรุง และฝึกเขยี นให้มากขน้ึ และบ่อยคร้ัง ๖. ให้นักเรียนแบง่ กลมุ่ กลุ่มละ 6-7 คน ชว่ ยกันหาสารวจความหมายสานวน สภุ าษติ และคาพังเพย ตามหมวดหมู่ท่ีกลมุ่ นกั เรียนสนใจเพอื่ จัดทาเป็นโครงงาน ทุกคนแบ่งหน้าที่กันคน้ หาความหมายของสานวน สุภาษติ และคาพงั เพยตามหมวดหมู่ ๗. ให้นกั เรียนทาช้ินงานที่ ๔ เร่ือง การแต่งเรื่องให้สอดคล้องกับคาพังเพยหรือสภุ าษติ จากน้นั ให้นกั เรยี นหรืออาสาสมัคร ๔ - ๕ คน ออกมานาเสนอผลงานหนา้ ชั้นเรียนทลี ะคน ให้ทุกคนร่วมกัน พิจารณาความเหมาะสมในการใช้สุภาษติ หรือคาพังเพยว่าสอดคลอ้ งกับเนื้อเร่อื งเพยี งใด มีความตอ่ เนื่องเปน็ เรอื่ งราวเดยี วกนั อยา่ งถูกต้องเหมาะสมหรือไม่ แลว้ รวบรวมผลงานสง่ ใหค้ รตู รวจสอบอกี ครั้ง ๘. ให้นกั เรยี นและครรู ว่ มกันสรปุ ความรู้ ดังน้ี - เราสามารถนาสานวน สภุ าษติ คาพังเพยไปใช้แตง่ เรื่องราวเพ่อื นาขอ้ คดิ มาประยุกต์ใชใ้ น ชวี ิตประจาวนั ได้ พร้อมทงั้ ฝากการบ้านใหผ้ ู้เรยี นไปสารวจสานวน สุภาษิต และคาพงั เพยตามหมวดหมู่ที่กล่มุ เลือก 10. สอื่ /แหลง่ การเรยี นรู้ ๑. เรื่องส้นั ๆ (จากสานวน “ไมอ้ ่อนดัดง่าย ไมแ้ กด่ ัดยาก”) ๒. แถบประโยค 11. การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 11.1 วธิ กี ารวัดและประเมนิ ผล - สงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในการเขา้ ร่วมกิจกรรม

- สังเกตพฤติกรรมของนกั เรียนในการเขา้ ร่วมกิจกรรมกลมุ่ - ตรวจช้ินงานท่ี 4 11.2 เครือ่ งมือ - แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเข้าร่วมกิจกรรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในการเขา้ รว่ มกจิ กรรมกลมุ่ - แบบประเมินชน้ิ งาน 11.3 เกณฑ์การประเมนิ - การประเมนิ พฤตกิ รรมการเขา้ รว่ มกจิ กรรม ผา่ นตัง้ แต่ 2 รายการ ถือวา่ ผา่ น ผา่ น 1 รายการ ถอื ว่า ไมผ่ า่ น - การประเมินพฤติกรรมการเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม คะแนน 9 - 10 ระดับ ดีมาก คะแนน 7 -8 ระดบั ดี คะแนน 5 - 6 ระดับ พอใช้ คะแนน 0 – 4 ระดับ ควรปรบั ปรุง - การประเมินช้นิ งาน ระดับ พอใช้ ถือวา่ ผา่ นเกณฑ์

แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเข้าร่วมกิจกรรม คาชี้แจง ใหท้ าเครื่องหมาย  ลงในชอ่ งรายการสังเกตพฤติกรรมที่นักเรียนปฏบิ ตั ิ รายการ เขา้ ร่วม เลขที่ ช่อื -สกลุ รว่ มมือในการ กล้าออกมา กิจกรรม สรุปผลการ ทากจิ กรรม แสดง ด้วยความ ประเมิน สนกุ สนาน ความสามารถ เพลดิ เพลนิ ผา่ น ไมผ่ า่ น ผ่าน ไม่ผ่าน ผา่ น ไม่ผ่าน ผ่าน ไม่ผา่ น เกณฑ์การประเมิน ผ่านตั้งแต่ 2 รายการถือว่า ผา่ น ผา่ น 1 รายการถือวา่ ไมผ่ า่ น ลงช่ือ ....................................... ผปู้ ระเมิน (.........................................) ............./............./.............

แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกิจกรรมกลมุ่ คาชี้แจง ให้ทาเครือ่ งหมาย  ลงในชอ่ งรายการสงั เกตพฤติกรรมที่นักเรียนปฏบิ ัติ รายการ รวม คะแนน เลขที่ ช่อื -สกลุ รบั ผดิ ชอบ รบั ฟงั นาเสนอ มีความคิด ทางานเสร็จ ริเริ่ม ตามเวลา งานท่ไี ดร้ บั ความคดิ เหน็ ผลงาน 10 มอบหมาย ของผ้อู น่ื ไดน้ ่าสนใจ สรา้ งสรรค์ ท่ีกาหนด คะแนน (2 คะแนน) (2คะแนน) (2 คะแนน) (2 คะแนน) (2 คะแนน) เกณฑก์ ารประเมนิ ระดับ ดมี าก คะแนน 9 - 10 ระดับ ดี คะแนน 7 -8 ระดบั พอใช้ คะแนน 5 - 6 ระดับ ควรปรับปรงุ คะแนน 0 – 4 ลงชือ่ ....................................... ผปู้ ระเมิน (.........................................) ............./............./.............

การประเมินตามสภาพจรงิ (Rubrics) การประเมนิ ช้นิ งานน้ี ให้ผ้สู อนพิจารณาจากเกณฑก์ ารประเมนิ ผลตามสภาพจรงิ (Rubrics) เรอื่ ง การแต่งเร่ืองให้สอดคล้องกบั สภุ าษติ หรอื คาพังเพย ระดับคะแนน ๔๓ ๒ ๑ เกณฑก์ ารประเมิน แตง่ เรอ่ื งเสนอ แต่งเรอ่ื งได้ ความคิดได้ดี แมจ้ ะไมม่ ี การแตง่ เร่ือง แตง่ เร่อื งให้ข้อคิด แต่งเร่อื งเสนอ และสรุป สาระสาคัญท่ี ด้วยสุภาษติ นา่ สนใจ ให้สอดคล้อง หรอื สอดแทรก ข้อคิดหรอื หรือคาพงั เพย รายละเอียด ไดส้ ัมพนั ธ์กนั ของเรื่องไม่ชดั เจน กบั สภุ าษติ ความคดิ เชงิ สอดแทรก แต่กส็ ามารถสรุป ดว้ ยสภุ าษิต หรอื คาพังเพย สรา้ งสรรค์ ความคดิ หรอื คาพังเพย ท่ใี กล้เคียงได้ เชอื่ มโยงกับ เชิงสร้างสรรค์ ชวี ิตจรงิ และสรุป และสรุปดว้ ย ด้วยสุภาษติ สภุ าษิตหรอื หรอื คาพังเพย คาพงั เพย ได้สัมพนั ธ์กัน ได้สัมพันธ์กนั

แบบบันทกึ คะแนน ชิ้นงานที่ 4 เรือ่ ง การแต่งเรื่องใหส้ อดคลอ้ งกบั สภุ าษิตหรือคาพงั เพย เลขท่ี ชื่อ ระดบั คะแนน รวม 4 3 2 1 10 คะแนน ลงชื่อ ....................................... ผ้ปู ระเมนิ (.........................................) ............./............./.............

12. บนั ทกึ ผลหลงั การจัดการเรียนรู้ 12.1 สรุปผลหลังการจดั การเรียนรู้ 1. นักเรยี นจานวน..................คน ผ่านจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้......................คน คดิ เป็นรอ้ ยละ.................. ไมผ่ า่ นจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้..................คน คิดเปน็ ร้อยละ.................. นักเรยี นน่ีไม่ผา่ น มดี งั น้ี 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรยี นท่ไี มผ่ า่ นจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ................................................................................................................................................ ....... ..................................................................................................................... ................................... 2. อธิบายความหมายของสานวน คาพงั เพย และสภุ าษิต (K) ............................................................................................................................. .......................... ............................................................................................................................. ........................... 3. นาสานวน สภุ าษิต หรือคาพงั เพยไปแต่งเร่ืองราวสน้ั ๆ (P) ................................................................................................................................................. ...... ...................................................................................................................... .................................. 4. กระตือรอื รน้ ในการร่วมกิจกรรม (A) ............................................................................................................................. .......................... ..................................................................................................................................... ................... 12.2 ปัญหา อุปสรรค และแนวทางแก้ไข ........................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............................. 12.3 ขอ้ เสนอแนะ ............................................................................................................................. .............................. ........................................................................................................................................................... ลงชือ่ ........................................................... (นางสาวโสภิดา ศรสี งคราม) ตาแหนง่ ครูผู้สอน

13. ความคดิ เหน็ ของหัวหนา้ สถานศึกษา/ ผู้ทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย 1. ความเหมาะสมของกิจกรรม ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง ........................................................................................................................................ 2. ความเหมาะสมของเนอื้ หา ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 3. ความเหมาะสมของเวลา ดีมาก ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ ........................................................................................................................................ 4. ความเหมาะสมของส่ือ ดมี าก ดี พอใช้ ปรบั ปรงุ ........................................................................................................................................ 5. ข้อเสนอแนะอน่ื ๆ .......................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงช่อื ........................................................... (นางเรวดี มถิ ิลา) ตาแหนง่ รองผอู้ านวยการโรงเรยี น

ชน้ิ งานที่ 4 คะแนน เรอื่ ง การแต่งเรอื่ งให้สอดคล้องกบั คาพังเพยหรือสุภาษติ ชอื่ – นามสกลุ …………………………..……………………………… ชั้น …………………… เลขท่ี ………. ตัวช้ีวัด ท ๔.๑ ป.๕/๗ ใชส้ านวนไดถ้ ูกต้อง คาสั่ง ให้นักเรียนแต่งเร่ืองความยาว ๔ - ๕ บรรทัด ต้ังช่อื เรื่อง แลว้ เขียนสรุปดว้ ยสุภาษิต หรือคาพงั เพย ที่สอดคล้องกบั เนื้อเรื่อง เร่ือง เรอื่ งนี้ตรงกบั วา่

หนว่ ยการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 9 สาระการเรียนรู้ ภาษาไทย รหสั วชิ า ท 15101 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศกึ ษา 2563 หลกั ภาษาและการใช้ภาษาไทย หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 9 สานวน คาพังเพย สภุ าษิต ใหข้ ้อคิดสอนใจ เวลา 5 ชว่ั โมง แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 5 คาพังเพย สภุ าษติ น้อมนาจิต คิดทาดี เวลา 1 ชั่วโมง วันที่……….. เดอื น ………………………………………….. พ.ศ. …………. ครูผูส้ อน………………………………………………. 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ท ๔.๑ เขา้ ใจธรรมชาตขิ องภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษา และพลัง ของภาษา ภมู ิปัญญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไวเ้ ป็นสมบัตขิ องชาติ 2. ตัวชีว้ ัด ท ๔.๑ ป.๕/๗ ใช้สานวนไดถ้ ูกต้อง 3. จุดประสงค์การเรยี นรู้ ๑. สรุปความรเู้ รอื่ งการใช้สานวน คาพงั เพย และสุภาษิต (K) ๒. บอกความหมายของสานวนต่าง ๆ และนาไปใชไ้ ดถ้ ูกต้อง (P) ๓. เหน็ คุณคา่ ของสานวนไทย (A) 4. สาระสาคญั การใชส้ านวนได้ถูกตอ้ งเกดิ จากการศึกษาความหมายของแต่ละสานวนให้เข้าใจและฝกึ ใช้อยูเ่ สมอ 5. สาระการเรียนรู้ ความหมายของสานวนและการใช้สานวนให้ถูกต้อง 6. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร - ทักษะการอา่ น - ทกั ษะการเขียน - ทกั ษะการฟงั การดู และการพูด 2. ความสามารถในการคิด - การวิเคราะห์ - การสังเคราะห์ - การสรุปความรู้ ๓. ความสามารถในการแกป้ ญั หา ๔. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต

7. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. ใฝเ่ รียนรู้ - ตวั ชี้วดั ที่ ๔.๑ ตัง้ ใจ เพียรพยายามในการเรยี นและเขา้ ร่วมกจิ กรรมการเรียนรู้ 2. มุง่ มน่ั ในการทางาน - ตัวชว้ี ดั ท่ี ๖.๑ ตง้ั ใจและรบั ผิดชอบในการปฏบิ ัติหน้าที่การงาน - ตวั ช้วี ดั ท่ี ๖.๒ ทางานด้วยความเพียรพยายามและอดทนเพื่อให้งานสาเร็จตามเป้าหมาย 3. รักความเปน็ ไทย - ตัวชีว้ ดั ท่ี ๗.๒ เห็นคณุ คา่ และใชภ้ าษาไทยในการส่ือสารได้อยา่ งถูกต้องเหมาะสม 8. ช้นิ งาน/ภาระงาน - 9. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ๑. ให้นกั เรียนรว่ มกนั แสดงความคดิ เหน็ โดยครูใชค้ าถามทา้ ทาย ดงั นี้ - เราจะใชค้ าพงั เพยและสุภาษิตใหถ้ กู ตอ้ งไดอ้ ย่างไร พรอ้ มทง้ั สอบถามปัญกาในการทา โครงงานภาษาไทยของนกั เรยี น และรว่ มกนั แก้ปญั หา ๒. ให้นกั เรยี นอา่ นบทร้อยกรองที่ครูตดิ บนกระดาน “ตีงูใหห้ ลงั หกั ”มนั กม็ ักรา้ ยภายหลงั สานวนชวนระวงั ใหข้ อ้ คดิ พินิจกัน “กบในกะลาครอบ” รไู้ มร่ อบแตส่ าคญั วา่ ตนความรมู้ ั่น ท่จี ริงน้นั รูน้ ิดเดียว จากนนั้ ครใู ชค้ าถามดงั น้ี ๑) บทรอ้ ยกรองนเี้ ป็นคาประพันธ์ประเภทใด (กาพย์ยานี ๑๑ รวม ๒ บท) ๒) สานวน “ตีงใู ห้หลังหัก” ใหข้ ้อคดิ หรือให้ระวงั ในส่ิงใด (ให้ระวงั ว่า หากทาการส่งิ ใดแก่ศัตรู โดยไม่เด็ดขาดจริงจงั อาจได้รับผลร้ายในภายหลงั ได้ เช่น การตีงูใหม้ ันเจ็บ มันอาจคิดพยาบาท มาทาร้ายผู้ทที่ ารา้ ยมันในเวลาตอ่ มาได้) ๓) “กบในกะลาครอบ” มคี วามหมายว่าอยา่ งไร (หมายถึง ผู้ทีม่ คี วามรู้น้อย มีประสบการณ์น้อย แต่สาคญั ตนวา่ มีความรูม้ าก มีประสบการณ์มาก) ๔) นอกจากการนาสานวนต่าง ๆ ไปแต่งบทร้อยกรองแล้ว นักเรยี นคิดว่าจะนาสานวนไปใช้ทา อะไรได้อกี และมีขอ้ ควรปฏิบัติอยา่ งไร (อาจนาสานวนตา่ ง ๆ ไปใช้ในการแตง่ บทสนทนา เร่อื งราว นทิ าน เพลง และคาประพนั ธอ์ ่นื ๆ นอกจากกาพย์ยานี ๑๑ โดยตอ้ งศึกษาความหมายของสานวนทจ่ี ะใชใ้ ห้เข้าใจ ชดั เจนถ่องแท้ ใหใ้ จความที่แตง่ สอดคล้องกบั สานวนอย่างถกู ต้องเหมาะสม) ๓. ใหน้ กั เรียนอ่านข้อความจากแถบประโยคบนกระดาน ช่วยกันดวู ่าข้อความใดใชส้ านวนไมถ่ ูกต้อง และเปล่ียนให้ถูกต้อง เช่น ๑. “นี่เธอจะหมดเวลาไปลงคะแนนเลือกต้ังแล้วนะ อย่าเป็นคน “นอนกนิ บ้านกนิ เมือง” เลยนะ วางงานนี้ก่อนเถอะรบี ไปใชส้ ทิ ธิข์ องเราใหไ้ ด้”

๒. “ดูสองคนซิ ชา่ งคยุ กันถูกคอ “เป็นป่เี ป็นแตร” เลย อีกคนพดู อกี คนรับเข้ากนั ดีจริง” ๓. “ลูกเขาคนนี้เก่งมาก เชิดหน้าชูตาพ่อแมเ่ สียจริง ไม่รู้เมือ่ ไรลูกเราจะ “เป็นหเู ปน็ ตา” ให้วงศ์ตระกูลอย่างน้ีบ้างหนอ” จากนัน้ ครใู ช้คาถาม ดังน้ี ๑) ขอ้ ความท่ี ๑ ถกู หรือไม่ ถา้ ไม่ถูกควรใชส้ านวนใด (ไมถ่ กู ต้อง ควรเปลีย่ นเป็น “นอนหลบั ทับสิทธิ์”) ๒) ขอ้ ความที่ ๒ และ ๓ ถูกต้องหรอื ไม่ ถ้าไม่ถกู ควรใชอ้ ย่างไร (ข้อความท่ี ๒ เกือบถูกแต่ ควรใช้ ว่า “เป็นป่ีเป็นขลุย่ ” ตามสานวนเดมิ และข้อความที่ ๓ ก็ควรใช้ว่า “เปน็ หนา้ เปน็ ตา” แทน “เป็นหูเป็นตา” ทหี่ มายถงึ การช่วยสดับตรบั ฟังและดแู ลรักษาแทน) ๔. ให้นักเรยี นเขียนสานวนลงในกระดาษท่ีครูแจกให้ จากการฟังความหมายของสานวนทค่ี รูบอก ทีละข้อความ เช่น ๑) ลกู ย่อมไม่ตา่ งกับพอ่ แม่ของตนมากนกั (อาจบอกใบ้วา่ ข้ึนต้นดว้ ยคาว่า “ลกู ”) นักเรยี นที่ ทราบจะเขยี นลงในกระดาษว่า (ลกู ไมห้ ล่นไม่ไกลตน้ ) ๒) หาเพียงแคพ่ อกินไปม้ือหน่งึ ๆ เทา่ น้ัน (ตาขา้ วสารกรอกหม้อ) จากนัน้ ใหท้ ุกคนช่วยกนั เฉลย แลกกนั ตรวจคาตอบ ให้คะแนนข้อละ ๑ คะแนน คืนใหเ้ จา้ ของ ไปพิจารณา เขียนคาตอบที่ถูกต้องไวข้ ้าง ๆ แลว้ รวบรวมสง่ ให้ครตู รวจสอบอกี คร้ัง ๕. ครแู ละนกั เรยี นสนทนาถึงพทุ ธศาสนสภุ าษติ ท่ีพจิ ารณาแล้วปฏบิ ัติตามคาสอนย่อมจะเกิดความ สงบสุข เช่น - ธรรมย่อมรักษาผปู้ ระพฤตธิ รรม - ทาดีไดด้ ี ทาชั่วไดช้ ั่ว - ความประมาทเปน็ หนทางส่คู วามตาย - ตนเปน็ ที่พึ่งแหง่ ตน - ความไม่มโี รคเปน็ ลาภอันประเสรฐิ - เมตตาธรรมค้าจนุ โลก - ความพร้อมเพรยี งของหมู่คณะยอ่ มก่อใหเ้ กิดสุข - เวรย่อมระงับดว้ ยการไมจ่ องเวร - ความกตัญญูกตเวทีเป็นเครอ่ื งหมายของคนดี ใหน้ ักเรียนหรอื อาสาสมัครออกมาอธบิ ายความหมายของพุทธศาสนสุภาษิตทต่ี นสนใจ พร้อมยกตัวอย่างประกอบการอธบิ าย หรือใหน้ กั เรียนออกมาแสดงท่าทางประกอบ (ทลี ะ ๑ - ๓ คน) แลว้ ให้ เพื่อนทายว่าเป็นพุทธศาสนสุภาษิตอนั ใด (เชน่ คนหนึ่งออกมาทาทา่ ไมส่ บายตา อีกคนเป็นโรคต่าง ๆ หรอื พกิ าร ทาใหเ้ กดิ ความทุกข์ = ความไม่มโี รคเปน็ ลาภอันประเสรฐิ ) ๖. ใหน้ กั เรยี นและครูร่วมกนั สรุปความรู้ ดังนี้ - การใช้สานวนไดถ้ กู ต้องเกิดจากการศึกษาความหมายของแตล่ ะสานวนให้เขา้ ใจและฝกึ ใช้ อยเู่ สมอ - นกั เรียนแต่ละนาเสนอโครงงานจากการสารวจสานวน สภุ าษติ และคาพังเพยและจดั หมวดหมตู่ ามความสนใจของผู้เรยี น และร่วมสนทนาแลกเปลีย่ นความคิดเห็น

10. สือ่ /แหล่งการเรยี นรู้ ๑. บทร้อยกรอง ๒. แถบประโยค ๓. กระดาษเขยี นสานวน 11. การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 11.1 วธิ กี ารวัดและประเมินผล - สังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในการเข้ารว่ มกจิ กรรม 11.2 เครื่องมือ - แบบสังเกตพฤติกรรมการเขา้ รว่ มกิจกรรม 11.3 เกณฑก์ ารประเมิน - การประเมนิ พฤติกรรมการเขา้ รว่ มกิจกรรม ผ่านตงั้ แต่ 2 รายการ ถือว่า ผ่าน ผ่าน 1 รายการ ถือวา่ ไมผ่ า่ น

แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเข้าร่วมกิจกรรม คาชี้แจง ใหท้ าเครื่องหมาย  ลงในชอ่ งรายการสังเกตพฤติกรรมที่นักเรียนปฏบิ ตั ิ รายการ เขา้ ร่วม เลขที่ ช่อื -สกลุ รว่ มมือในการ กล้าออกมา กจิ กรรม สรุปผลการ ทากจิ กรรม แสดง ดว้ ยความ ประเมิน สนุกสนาน ความสามารถ เพลดิ เพลนิ ผา่ น ไมผ่ า่ น ผ่าน ไม่ผ่าน ผ่าน ไม่ผ่าน ผ่าน ไม่ผา่ น เกณฑ์การประเมิน ผ่านตั้งแต่ 2 รายการถือว่า ผา่ น ผา่ น 1 รายการถือวา่ ไมผ่ า่ น ลงช่ือ ....................................... ผปู้ ระเมิน (.........................................) ............./............./.............

12. บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้ 12.1 สรปุ ผลหลังการจดั การเรียนรู้ 1. นกั เรียนจานวน..................คน ผ่านจุดประสงค์การเรยี นรู้......................คน คดิ เปน็ ร้อยละ.................. ไม่ผ่านจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้..................คน คิดเปน็ ร้อยละ.................. นักเรยี นนไ่ี มผ่ า่ น มดี งั นี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแกไ้ ขนักเรยี นทไี่ มผ่ า่ นจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ............................................................................................................................. .......................... ............................................................................................................................. ........................... 2. สรุปความรู้เรื่องการใช้สานวน คาพังเพย และสุภาษติ (K) ........................................................................................................................................... ............ ................................................................................................................ ........................................ 3. บอกความหมายของสานวนตา่ ง ๆ และนาไปใชไ้ ดถ้ ูกต้อง (P) ............................................................................................................................. .......................... ............................................................................................................................. ........................... 4. เหน็ คณุ ค่าของสานวนไทย (A) ....................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ........................... 12.2 ปัญหา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข ............................................................................................................................. .............................. .......................................................................................................................................................... 12.3 ข้อเสนอแนะ ................................................................................................................ ........................................... ............................................................................................................................. .............................. ลงชอ่ื ........................................................... (นางสาวโสภิดา ศรีสงคราม) ตาแหนง่ ครผู สู้ อน

13. ความคดิ เห็นของหวั หนา้ สถานศึกษา/ ผู้ทไ่ี ดร้ ับมอบหมาย 1. ความเหมาะสมของกิจกรรม ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรุง ........................................................................................................................................ 2. ความเหมาะสมของเนอื้ หา ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 3. ความเหมาะสมของเวลา ดีมาก ดี พอใช้ ปรบั ปรุง ........................................................................................................................................ 4. ความเหมาะสมของส่ือ ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรงุ ........................................................................................................................................ 5. ข้อเสนอแนะอืน่ ๆ .......................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ..................................................................................................................................................................... ......... ......................................................................................................................... ..................................................... ลงชอื่ ........................................................... (นางเรวดี มิถลิ า) ตาแหนง่ รองผ้อู านวยการโรงเรียน

แบบทดสอบก่อนเรียน – หลังเรียน หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 9 สานวน คาพงั เพย สภุ าษิต ให้ขอ้ คิดสอนใจ ชอ่ื ………………………………….……………นามสกุล……………………………… ชน้ั …………. เลขที่ ………… คาส่ัง ให้นักเรยี นนาตัวอักษรหน้าคาพังเพยหรือสุภาษิตทางซ้ายเตมิ ลงในช่องว่างหน้าข้อความทางขวาท่ีมี ความหมายตรงกนั ก. คนดผี ีค้มุ ๑. รนหาเรอ่ื งเดอื ดร้อน ข. แกวง่ เทา้ หาเสีย้ น ๒. ซา้ เติมเมอ่ื ผู้อน่ื เพลย่ี งพลา้ ค. สาวไสใ้ ห้กากนิ ๓. คนทาดีย่อมไมม่ ีภยั ง. งมเขม็ ในมหาสมุทร ๔. พูดมากแต่ได้เนื้อหาสาระนอ้ ย จ. ลกู ไม้หล่นไม่ไกลตน้ ๕. ใฝด่ จี ะมคี วามสุขความเจริญ ใฝช่ ว่ั จะไดร้ ับความลาบาก ฉ. ได้ทขี ี่แพะไล่ ๖. คบคนชัว่ เปน็ โทษแก่ตัว คบคนดีเปน็ ประโยชน์แก่ตัว ช. ลางเนอ้ื ชอบลางยา ๗. คน้ หาส่ิงทยี่ ากจะคน้ หาได้ ทางานท่ีสาเรจ็ ไดย้ าก ซ. ต่อความยาวสาวความยดื ๘. ลูกยอ่ มไมต่ ่างกับพ่อแม่มากนกั ฌ. รักดีหามจ่วั รักชั่วหามเสาน้า ๙. การรู้จกั ตอบแทนผ้มู พี ระคุณ เปน็ ส่ิงทคี่ วรปฏิบตั ิ ญ. น้าท่วมทุ่งผกั บุ้งโหรงเหรง ๑๐. ของสงิ่ เดยี วกนั ถูกกบั คนหนึง่ แตไ่ ม่ถูกกบั อีกคนหนึ่ง ฎ. ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แกด่ ดั ยาก ฏ. ความกตัญญกู ตเวที เปน็ เครื่องหมายของคนดี ฐ. คบคนพาล พาลพาไปหาผิด คบบณั ฑิต บัณฑิตพาไปหาผล

เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี น - หลงั เรียน หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 9 สานวน คาพงั เพย สุภาษติ ให้ขอ้ คิดสอนใจ 1. ข. แกว่งเทา้ หาเสี้ยน 2. ฉ. ไดท้ ขี แ่ี พะไล่ 3. ก. คนดผี คี ุม้ 4. ญ. นา้ ท่วมทุ่งผักบุ้งโหรงเหรง 5. ฌ. รกั ดีหามจั่ว รักชวั่ หามเสาน้า 6. ฐ. คบคนพาล พาลพาไปหาผิด คบบณั ฑติ บัณฑติ พาไปหาผล 7. ง. งมเข็มในมหาสมุทร 8. จ. ลูกไม้หลน่ ไมไ่ กลตน้ 9. ฏ. ความกตัญญูกตเวที เปน็ เครอ่ื งหมายของคนดี 10. ช. ลางเนื้อชอบลางยา

ภาคผนวก

แบบบันทึกคะแนน ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 5/1 วชิ าภาษาไทย หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 9 เรอื่ ง สานวน คาพงั เพย สุภาษติ ใหข้ อ้ คดิ สอนใจ ที่ ช่อื -สกลุ คะแนน 1. เดก็ ชายณัฐวฒุ ิ ศรอี นิ ทร์ ก่อนเรยี น หลงั เรยี น 2. เด็กชายพภิ ัช ทองพริก 5 9 3. เด็กชายภวู เดช มาศเสมอ 4 8 4. เดก็ ชายวรี ภาพ อนิ เมือง 4 9 5. เด็กชายธนวัฒน์ สุขศรี 3 9 6. เด็กชายพงศพ์ ิพฒั น์ ชดู ้วง 4 10 7. เด็กชายธนโชติ โจมทยาน 5 9 8. เด็กชายวฒุ ิพงค์ บัวแก้ว 4 9 9. เดก็ ชายเปรมนิ ทร์ คงเหล่ 3 9 10. เดก็ ชายยศกร แสงศรี 3 9 11. เด็กชายศุภกร จงจติ ร 2 9 12. เด็กหญงิ รจุ ิฎา จีนจันทร์ 2 6 13. เดก็ หญงิ เจนจิรา จันทร์แจง้ 4 10 14. เดก็ หญงิ สุชาวดี ผลปนั นะ 5 10 15. เด็กหญิงพัชราภรณ์ ทานตะวัน 4 8 16. เดก็ หญิงกนั ตชิ า ทองนันท์ 2 8 17. เดก็ หญงิ ชตุ กิ าญน์ สขุ ทองแกว้ 3 8 18. เด็กหญิงชนาทิพย์ บุญแก้วสุข 4 7 19. เด็กหญงิ ณัฐกาญจน์ จันทรงั ษี 5 7 20. เดก็ หญิงทัศรนิ ทร์ สขุ สนาน 6 10 21. เด็กหญิงนลินนิภา วงศ์พมิ พ์ 2 6 22. เด็กหญิงพรนชั ชา ทองอ่อน 4 6 23. เด็กหญงิ ปาริชาต หนหู มนุ 5 10 24. เดก็ หญิงปาริชาติ ดาเดมิ 5 8 25. เด็กหญงิ สุดารตั น์ คงรอด 5 10 26. เด็กหญงิ ณัฐณชิ า โจมทยาน 4 10 27. เด็กหญงิ ศิรภัสสร จีนเมือง 4 9 28. เด็กหญงิ ศศิวมิ ล ฉมิ เสือ 3 9 29. เด็กหญิงสุกญั ญา รัตนพันธ์ 2 7 30. เดก็ หญิงกานตร์ วี เกตุแก้ว 3 10 31. เด็กหญิงปาลิตา เลย่ี มรัตน์ 5 10 32. เด็กหญิงหนง่ึ ฤทัย ขวัญกลับ 2 8 2 9 รวม 118 276 ลงชื่อ ................................... ครูประจาวชิ า (นางสาวโสภิดา ศรสี งคราม)

ภาพถ่ายนักเรยี นนาเสนอโครงงานภาษาไทย การสารวจสานวน สภุ าษิต และคาพงั เพย


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook