Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วิชาการขับรถยนต์

วิชาการขับรถยนต์

Published by พงษ์ศักดิ์ พวงอุดม, 2021-02-24 02:27:48

Description: 05_กิจกรรมที่ 4

Search

Read the Text Version

กิจกรรมท่ี ๔ สร้าง พฒั นามอดูล ชอ่ื มอดลู กฎจราจรและกฎหมายเกีย่ วกับการใช้รถ ชื่อวชิ าการขับรถยนต์ ผู้จัดทา นายพงษ์ศักดิ์ พวงอดุ ม ครู คศ. 1 แผนกวชิ าช่างกลเกษตร วทิ ยาลยั เกษตรและเทคโนโลยกี าแพงเพชร

คานา แผนการจัดการเรียนรู้ม่งุ เน้นสมรรถนะอาชพี เล่มนี้เปน็ การจัดทาแผนการสอนตามหลกั สูตร ประกาศนยี บัตรวิชาชีพ ( ปวช. ) พทุ ธศักราช ๒๕๖๒ โดยมุ่งเนน้ การฝึกทกั ษะในภาคปฏบิ ตั ใิ หเ้ กดิ ข้นึ กบั นกั ศึกษา ให้มากทสี่ ดุ มกี ารบรู ณาการ คุณธรรมจรยิ ธรรมเขา้ ไปในแผนการสอนเพ่ือให้นักศึกษามีความสามรถตาม จุดมงุ่ หมายทางการศึกษา ๓ ดา้ นคือ ๑. ด้านพุทธิพสิ ัย ๒.จติ พิสยั ๓.ทกั ษะพสิ ัย แผนการจัดการเรียนรู้มงุ่ เน้นสมรรถนะอาชพี รายวชิ าการขับรถยนตเ์ ล่มน้ี มีทง้ั หมด ๑o หน่วยการ เรียนรู้ดงั นี้ ๑. กฎจราจรเครื่องหมายและสญั ญาณจราจร ๒. การตรวจสภาพสว่ นต่าง ๆ ของรถยนต์ ๓. การขบั รถยนตเ์ ดนิ หน้าและถอยหลงั ๔. การขับรถเลีย้ วซ้ายและเล้ียวขวา ๕. การขับรถเดนิ หนา้ ถอยหลังซิกแซก ๖. การ ออกรถบนทางลาดชนั ๗. การเข้าจอดและออกจากชอ่ งจอดแบบต้ังฉาก ๘.การขับรถเข้าออก จากชอ่ งจอดแบบ ขนาน ๙.การขับรถเขา้ ร่วม ทางแยก และวงเวียน ๑o.การขบั รถเปลีย่ นเกยี ร์ ในเวลาในการจดั การเรียนร้ทู งั้ ภาคทฤษฎีและปฏบิ ตั ิ จานวน ๗๒ ชั่วโมงต่อภาคเรยี น ในแตล่ ะหน่วยการเรียน จะทาการวัดผลสัมฤทธ์ิทางการ เรยี น โดยจะทาการทดสอบความรกู้ ่อนและหลังเรียน แบบฝึกหดั หลงั หน่วยการเรียน และแบบฝกึ ปฏิบัตงิ านแต่ละ หนว่ ยการเรยี นกจิ กรรมการเรียนการสอนทเี่ น้นผเู้ รียนเปน็ สาคัญ และไดบ้ รู ณาการคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงคใ์ นสาระการเรยี นรู้และน้อมนาหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งของพระบาทสมเด็จ พระเจา้ อยหู่ ัวเป็นหลักในการจดั การเรยี นการสอน แนวทางความคิด มีขบวนการคิดอย่างเปน็ ระบบ และใหผ้ ูเ้ รยี น สามารถเขียนผังความคิด ที่บูรณาเศรษฐกจิ พอเพยี ง และคุณลักษณะ ๓ D ทแ่ี สดงถงึ ภาระงานในการเรยี นร้ทู ่ี บรู ณาการเข้าสู่ ๓ ห่วง ( พอประมาณ มเี หตผุ ล และมีภูมิคมุ้ กนั ทด่ี ี ) ๒ เงอื่ นไขความรู้ คุณธรรม ส่งผลกระทบใน ๔ มติ ิ (ด้านสังคม สง่ิ แวดล้อม วฒั นธรรมและเศรษฐกิจ) และคุณลักษณะ ๓ D ทุก ๆ ขั้นตอน วธิ กี ารจัดการเรยี น สอนมหี ลายวธิ ี เช่น อธบิ าย ถาม- ตอบ การแก้ปัญหาจากการวเิ คราะห์การฝึกเป็นตัน กิจกรรมทีม่ อบหมายให้ ผู้เรียนทาเน้นการมสี ่วนร่วม การงานทางานเป็นทีม ใหผ้ ู้เรยี นไดร้ ับ การสง่ เสริมประชาธิปไตย มีคุณธรรม จรยิ ธรรมและความเปน็ ไทย มีภมู ิคมุ้ กนั ห่างไกลยาเสพติดสื่อกรเรียนการสอนทใ่ี ช้ไดแ้ ก่ ใบความรู้ แบทดสอบ ก่อน/หลงั เรยี นและสอ่ื CAI การวดั ผลละประมินครบทง้ั ๓ ตา้ น ไตแ้ ก่ ด้านความรู้ ด้านทักษะ และด้านเจตคติ ขอบคุณทุกทา่ นที่เกย่ี วข้อง ใหก้ รส่งเรม่ิ สนบั สนนุ ในหารจดั ทาแผนการจัดการเรียนรนู้ ี้สาเรจ็ ลุล่วงไป นายพงษ์ศักด์ิ พวงอดุ ม 5

(ข) สารบญั คานา ก สารบญั ข คาชแ้ี จงในการใชม้ อดูลสาหรบั นกั เรียน 1 จุดประสงค์การเรยี นรู้ 2 แบบทดสอบกอ่ นเรยี น 3 เฉลย 4-5 เน้อื หา 6-10 กิจกรรม(ย่อย)ระหว่างเน้ือหา 11 แบบทดสอบหลังเรียน 12 เฉลย 13-14 6

คาชี้แจงในการใชม้ อดูลสาหรบั นกั เรยี น 1. ครูแนะนานกั เรียนเกยี่ วกบั องค์ประกอบของบทเรียนโมดูล ชดุ ที่ 1 เรอื่ ง บรรยากาศรอบตวั 2.นักเรียนศึกษา และตรวจสอบองคป์ ระกอบของบทเรยี นโมดลู ชุดท่ี 1 ว่าครบถ้วน หรือไม่ 3.นักเรยี นศึกษา และปฏิบตั ิกิจกรรม ตามลาดับดังนี้ 3.1นกั เรยี นทาแบบทดสอบภาคความร้กู ่อนเรยี น 3.2นักเรียนศกึ ษาและค้นควา้ จากใบความรู้ ดงั นี้ - ความหมายและสว่ นประกอบของบรรยากาศ - ความสาคญั ของบรรยากาศ 3.3นักเรยี นปฏบิ ัตกิ ิจกรรมตามใบกจิ กรรม ดงั นี้ - ใบกิจกรรมท่ี 1 - ใบกจิ กรรมที่ 2 - ใบกจิ กรรมที่ 3 4.ในระหวา่ งการปฏบิ ัติกิจกรรมในใบกจิ กรรมท่ี 1-3 ถา้ หากนกั เรียน มขี ้อสงสัย สามารถซักถามเพ่ือให้สามารถ ปฏบิ ัติไดถ้ กู ตอ้ งได้ 5.เมอื่ ปฏบิ ตั ิกิจกรรมในแต่ละช่วั โมง ครูและนักเรียนรว่ มกันอภปิ รายความรู้ และเฉลย คาตอบของการปฏบิ ตั ิ กิจกรรม 6.นกั เรียนรว่ มกันซักถาม และอภิปรายความรู้เก่ยี วกับบรรยากาศรอบตวั 7. นกั เรยี นทาแบบทดสอบภาคความรหู้ ลงั เรียน 7

เน้ือหาสาระ 1.1 ความพรอ้ มของรถยนต์เพือ่ การขบั ข่ี มขี ้อกาหนดดังน้ี 1.1.1 มสี ภาพม่นั คง แข็งแรง ไมก่ อ่ ให้เกดิ อนั ตราย หรอื ทาให้เสอ่ื มเสียสขุ ภาพอนามยั แก่ผใู้ ช้ และผอู้ นื่ 1.1.2 มีการตดิ แผ่นป้ายเลขทะเบยี น แผน่ ปา้ ยเคร่ืองหมายเลขทะเบียนหรอื ป้ายประจารถอย่างถกู ต้อง 1.1.3 ลอ้ ของรถท่สี ัมผสั กับผวิ ทางตอ้ งเปน็ ยาง 1.1.4 ไม่มเี สยี งดังรบกวนผ้อู ื่น เครอ่ื งยนต์ไม่กอ่ ใหเ้ กดิ กา๊ ซ ฝุ่น ควัน ละอองเคมี หรือมีเสยี งดังเกนิ เกณฑ์ทก่ี ฎหมาย กาหนด 1.2 การใชไ้ ฟสญั ญาณหรอื สัญญาณอนื่ ๆ ผู้ขับขตี่ ้องเรียนรแู้ ละปฏบิ ัตติ ามท่กี ฎหมายกาหนด เพ่ือใหผ้ ใู้ ชร้ ถเขา้ ใจตรงกนั เป็นการปอ้ งกนั กันเกิดอุบตั เิ หตุ และความสูญเสยี จากการใช้รถ 1.3 สญั ญาณจราจร หมายถึง สัญญาณจราจรทีใ่ ชค้ วบคุมการจราจรโดยโคมสญั ญาณไฟจราจร ประกอบด้วยดวงโคมสีแดง สีเหลอื งอาพัน และสีเขยี ว บางกรณกี ็มรี ูปลกู ศรหรอื กากบาท หรอื ขอ้ ความตา่ ง ๆ ไว้ดว้ ย ผขู้ ับข่ีจะต้องศกึ ษาทาความเข้าใจก่อน การขับขรี่ ถยนต์ และปฏิบตั ใิ หถ้ กู ตอ้ งตามสญั ญาณจราจร สญั ญาณจราจร หมายถงึ สญั ญาณจราจรท่ีใชค้ วบคมุ การจราจรโดย โคมสัญญาณไฟจราจร ประกอบด้วยดวงโคมสีแดง สเี หลอื งอาพนั และสเี ขยี ว บางกรณกี ็มรี ปู ลกู ศรหรือกากบาท หรือข้อความ ต่าง ๆ ไวด้ ้วย ผขู้ ับขจี่ ะต้องศึกษาทาความเข้าใจก่อนการขับขร่ี ถยนต์ และปฏบิ ัตใิ หถ้ ูกต้องตามสัญญาณจราจร 1.4 เครอื่ งหมายจราจรชนิดป้ายและชนิดบนผิวทาง แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ ประเภทบังคับและประเภทเตือน ผู้ขับข่ี จาเป็นต้องทราบเคร่ืองหมายจราจรทั้งสองประเภท เพ่ือให้สามารถขับข่ีรถได้อย่างปลอดภัย รูปร่างของป้ายจราจรแต่ละชนิดมี ความหมายดังนี้ เคร่อื งหมายวงกลมเปน็ เคร่ืองหมายคาสั่ง เครือ่ งหมายสามเหลี่ยมเปน็ เครื่องหมายเตือน เครื่องหมายสี่เหล่ียมเป็น สิ่งทแ่ี จง้ บอกและทิศทาง สาหรบั เคร่ืองหมายบนถนน สามารถเป็นได้ทั้งปา้ ยคาสงั่ ปา้ ยเตือน และปา้ ยบอกทิศทาง 1.5 หลักการเบ้ืองต้นของกฎหมายท่ีเกี่ยวกับการใช้รถยนต์ ในการขับรถยนต์ให้ปลอดภัย ผู้ขับข่ีต้องรู้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับ การขับรถอยา่ งครบถ้วน เพ่ือป้องกันอันตรายและความเสียหายใด ๆ อันเกิดจากการขับรถด้วยความไม่รู้ คาจัดความต่าง ๆ ตาม พระราชบญั ญัตจิ ราจรทางบก พ.ศ. 2522 8

(ก) แบบทดสอบกอ่ นเรยี น ขอ้ 1. รถยนต์ท่จี ะนามาใชใ้ นการขบั ข่ตี ้องมคี วามสมบรู ณ์ และมีความพร้อมในการใชง้ าน เป็นไปตามขอ้ กาหนดตามกฏหมาย ดงั น้ี ขอ้ 2. สัญญาณไฟจราจร ประกอบด้วยไฟสญั ญาณสตี า่ ง ๆ ดงั น้ี ข้อ 3. เครื่องหมายจราจรชนิดปา้ ยและชนิดบนผวิ ทาง แบ่งออกเปน็ 2 ประเภท คอื ประเภทบังคบั และประเภทเตือน ข้อ 4. ป้ายจราจรประเภทบังคบั ข้อ 5. ความหมายของคาตา่ ง ๆ 9

เฉลย เฉลยแบบฝกึ หัดหนว่ ยที่ 1 ข้อ 1. รถยนตท์ จี่ ะนามาใชใ้ นการขับขี่ตอ้ งมคี วามสมบรู ณ์ และมีความพร้อมในการใชง้ าน เปน็ ไปตามข้อกาหนดตามกฏหมาย ดังน้ี - มสี ภาพมนั่ คง แข็งแรง ไมก่ ่อใหเ้ กิดอันตราย หรือทาใหเ้ สอ่ื มเสียสขุ ภาพอนามัยแกผ่ ู้ใช้ และผูอ้ ่ืน - มีการตดิ แผน่ ปา้ ยเลขทะเบียน แผน่ ปา้ ยเคร่อื งหมายเลขทะเบียนหรอื ปา้ ยประจารถอย่างถกู ต้อง - ล้อของรถท่ีสมั ผสั กับผวิ ทางต้องเป็นยาง - ไม่มเี สยี งดงั รบกวนผอู้ นื่ - เครือ่ งยนตไ์ ม่ก่อใหเ้ กิดกา๊ ซ ฝุน่ ควนั ละอองเคมี หรือมเี สยี งดังเกินเกณฑท์ ่ีกฎหมายกาหนด ดังน้ี เครอ่ื งยนตท์ ใี่ ช้นา้ มัน ดีเซล ควันดาไมเ่ กินรอ้ ยละ 50 เม่อื วัดด้วยเครือ่ งวัดระบบกระดาษกรอง และระดบั เสยี งรถยนตม์ ีคา่ ไม่เกนิ 100 เดซิเบล เอ เมื่อการตรวจวัดในระยะหา่ งจากรถยนต์ 0.5 เมตร ขอ้ 2. สญั ญาณไฟจราจร ประกอบดว้ ยไฟสัญญาณสีตา่ ง ๆ ดังน้ี - สัญญาณไฟจราจรสเี หลอื งอาพัน ใหผ้ ู้ขบั ขเี่ ตรยี มหยดุ รถ หลงั เสน้ ให้รถหยุด เวน้ แตจ่ ะได้ขบั เลยเส้นให้รถหยุดไปแล้ว ก็ใหข้ ับเลยไปได้ - สญั ญาณไฟจราจรสีแดง หรอื เครอ่ื งหมายจราจรที่มคี าว่า “หยุด” ใหผ้ ขู้ บั ขีห่ ยดุ รถหลงั เส้นให้หยดุ - สญั ญาณไฟจราจรสีเขยี ว หรือเคร่อื งหมายจราจรท่ีมคี าว่า “ไป” ให้ผขู้ ับขขี่ ับรถตอ่ ไปได้ - สัญญาณไฟจราจรลูกศรสเี ขยี วชใี้ ห้เล้ยี วหรอื ช้ใี หต้ รงไป ใหผ้ ู้ขับขเี่ ลย้ี วรถหรอื ขับรถตรงไปได้ ตามทศิ ทางทล่ี ูกศรข้ี และตอ้ งขบั รถดว้ ยความระมดั ระวงั ให้สทิ ธแิ ก่คนเดินเทา้ ในทางขา้ มหรือรถที่มที างขวาก่อน - สญั ญาณไฟจราจรกระพริบสีแดง ให้ผู้ขบั ขีห่ ยุดรถหลังเสน้ ใหห้ ยดุ เมอ่ื เห็นวา่ ปลอดภยั และไมเ่ ปน็ การกีดขวาง การจราจรแล้ว จงึ ใหข้ บั รถต่อไปด้วยความระมดั ระวัง - สัญญาณไฟจราจรกระพรบิ สีเหลอื งอาพนั ใหผ้ ขู้ ับขีล่ ดความเรว็ ของรถลงและผา่ นทางเดินรถนน้ั ไปด้วยความ ระมัดระวัง การจะขบั รถตรงไปหรือเลีย้ วรถ จะตอ้ งเขา้ อยูใ่ นชอ่ งเดนิ รถให้ถกู ตอ้ ง - สญั ญาณไฟจราจรสีแดง ทท่ี าเป็นรูปกากบาทเฉียงอย่เู หนอื ชอ่ งเดนิ รถใด ห้ามมิใหผ้ ขู้ ับขขี่ บั รถในชอ่ งเดนิ รถนน้ั - สัญญาณไฟจราจรสีเขียว ท่ที าเปน็ ลกู ศรอยู่เหนอื ช่องเดนิ รถใด ใหผ้ ้ขู บั ขซี่ ่งึ ขับรถในชอ่ งเดนิ รถนัน้ ขบั รถผ่านไปได้ ขอ้ 3. เครอ่ื งหมายจราจรชนดิ ปา้ ยและชนดิ บนผิวทาง แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คอื ประเภทบังคับและประเภทเตอื น ขอ้ 4. ปา้ ยจราจรประเภทบังคบั เป็นเครื่องหมายกาหนด บังคับ ห้าม หรือจากัดบางประการเพอ่ื บังคับการจราจรในทาง สว่ น ปา้ ยจราจรประเภทเตือนเป็นการเตือนผใู้ ชท้ างใหท้ ราบล่วงหนา้ ถงึ สถาพทาง หรอื ขอ้ มลู บางอย่างท่เี กดิ ขน้ึ ในทางขา้ งหน้า ซึ่งอาจ เป็นอนั ตราย หรือเกิดอบุ ตั ิเหตุขนึ้ ได้ เพอื่ ใหผ้ ใู้ ชท้ างระมดั ระวงั ในการใชท้ าง 10

ขอ้ 5. ความหมายของคาตา่ ง ๆ 5.1 “ท่คี ับขนั ” หมายถงึ ทางที่มีการจราจรพลกุ พลา่ น หรือมสี ง่ิ กีดขวาง หรือในทีซ่ ึ่งมองเห็นหรอื ทราบได้ลว่ งหนา้ ว่า อาจเกดิ อนั ตรายหรอื ความเสียหายแก่รถหรอื คนได้งา่ ย 5.2 “รถยนต์” หมายถึง รถที่มลี อ้ ต้งั แต่สามลอ้ และเดินดว้ ยกาลงั เครื่องยนต์ กาลงั ไฟฟา้ หรอื พลงั งานอ่ืน ยกเวน้ รถที่ เดนิ บนราง 5.3 “รถจักรยานยนต์” หมายถงึ รถทเี่ ดินดว้ ยกาลังเครือ่ งยนต์ กาลังไฟฟ้า หรือพลงั งานอ่ืน และมลี อ้ ไมเ่ กนิ สองล้อ ถ้ามีพว่ งขา้ งมลี ้อเพิ่มอีกไมเ่ กนิ หนง่ึ ลอ้ 5.4 “ผูข้ ับขี่” หมายถงึ ผู้ขับรถ ผู้ประจาเครอื่ งอุปกรณ์การขนส่งตามกฎหมายวา่ ดว้ ยการขนสง่ ผลู้ ากเข็นยานพาหนะ 5.5 “ใบอนญุ าตขบั ขี่” หมายถึง ใบอนุญาตขบั รถยนต์ตามกฎหมายว่าดว้ ยรถยนต์ ใบอนุญาตสาหรบั คนขบั รถตาม กฎหมายวา่ ดว้ ยรถจ้าง ใบอนญุ าตขับขีต่ ามกฎหมายว่าดว้ ยลอ้ เลือ่ น และใบอนญุ าตผูป้ ระจาเคร่ืองอุปกรณ์การขนส่งตาม กฎหมายวา่ ด้วยการขนส่ง 5.6 “สญั ญาณจราจร” หมายถึง สัญญาณใดๆ ไม่วา่ จะแสดงดว้ ยธง ไฟ ไฟฟา้ มือ แขน เสยี งนกหวดี หรอื ดว้ ยวธิ ี อื่นใดสาหรบั ใหผ้ ู้ขับขี่ คนเดนิ เท้า หรอื คนทจี่ งู ข่ี หรือไลต่ ้อนสตั วป์ ฏบิ ัตติ ามสญั ญาณนน้ั 5.7 “เครอื่ งหมายจราจร” หมายถงึ เคร่อื งหมายใดๆ ทไ่ี ดต้ ดิ ต้ังไว้ หรอื ทาให้ปรากฏในทางสาหรับใหผ้ ู้ขับข่ี คนเดินเท้า หรอื คนทจ่ี งู ข่ี หรือไลต่ ้อนสตั วป์ ฎิบัติตามเครอ่ื งหมายนั้น 11

กิจกรรม(ยอ่ ย)ระหว่างเน้ือหา 1. นกั เรยี นทาแบบทดสอบก่อนเรยี นหนว่ ยท่ี 3 ใชเ้ วลาประมาณ 20 นาที 2. ครูให้นักเรยี นดเู นื้อหาหน่วยที่ 3 3. ขน้ั นาเข้าสบู่ ทเรยี น 3.1 ครูอธบิ ายกฎของโอห์มและวงจรไฟฟ้าเบ้อื งตน้ 3.2 ครูตั้งคาถามให้นักเรียนช่วยกันตอบ แล้วร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับกฎของโอห์มและวงจรไฟฟ้า เบื้องตน้ 3.3 ครแู จง้ จดุ ประสงค์การเรียน 4. ขน้ั สอน 4.1 นกั เรยี นศกึ ษาจากเนือ้ หาในหนว่ ยท่ี 3 เรอื่ งกฎของโอห์มและวงจรไฟฟา้ เบ้อื งต้น 4.2 ครูยกตวั อยา่ งการนากฎของโอหม์ ไปใช้งาน แล้วสุ่มให้นกั เรียนออกมาฝกึ คานวณหน้าชั้นเรียนตาม โจทย์ที่ครกู าหนดให้ 4.3 ครูใหค้ วามร้เู พ่ิมเตมิ และอธิบายเกี่ยวกับการปฏิบตั ิตามใบงานที่ 3 4.4 นกั เรยี นปฏิบตั ติ ามใบงานท่ี 3 กฎของโอห์มและวงจรไฟฟา้ เบ้อื งต้น 4.5 ขณะนักเรยี นปฏิบตั ติ ามใบงานครจู ะสังเกตการทางานของนักเรียน 4.6 นกั เรยี นทาแบบฝึกหดั 5. ขน้ั สรุป ครแู ละนกั เรียนร่วมกันเฉลยกจิ กรรมและรว่ มกนั อภปิ รายสรุปบทเรยี น 6. ใหน้ กั เรียนทาแบบทดสอบหลงั เรียน 12

แบบทดสอบหลงั เรยี น 1. เคร่ืองยนตท์ ีไ่ มก่ ่อใหเ้ กดิ มลภาวะเม่ือวดั ด้วยเคร่อื งวดั ระบบกระดาษกรองต้องมีค่าควันดาเท่าไร ก. ไม่เกนิ รอ้ ยละ 40 ข. ไมเ่ กนิ รอ้ ยละ 50 ค. ไมเ่ กินร้อยละ 60 ง. ไมเ่ กนิ ร้อยละ 70 2. เครื่องยนต์ท่ีไม่กอ่ ใหเ้ กดิ มลภาวะทางเสียง เมอ่ื ตรวจวดั ในระยะห่างจากรถยนต์ 0.5 เมตร ต้องมีระดบั เ สี ย ง เท่าไร ก. ไม่เกนิ 80 เดซิเบล เอ ข. ไมเ่ กิน 90 เดซเิ บล เอ ค. ไม่เกนิ 100 เดซเิ บล เอ ง. ไม่เกนิ 120 เดซิเบล เอ 3. ผู้ขับขี่ซ่ึงขับรถในทางต้องเปิดไฟ หรือใช้แสงสว่างกรณีที่มีแสงสว่างไม่เพียงพอที่จะมองเห็นคน รถ หรือ สง่ิ กดี ขวางในทางไดโ้ ดยชัดเจนภายในระยะทางเทา่ ไร ก. ระยะ 100 เมตร ข. ระยะ 120 เมตร ค. ระยะ 150 เมตร ง. ระยะ 200 เมตร 4. เมอื่ ผขู้ ับข่เี หน็ สัญญาณไฟสีเหลืองอาพนั ต้องปฏบิ ตั ิอย่างไร ก. เตรียมหยุดรถ ข. รีบขบั ผ่านไปโดยเรว็ ค. หยุดรถทันที ง. หยดุ รถทนั ทีแมผ้ า่ นเส้นใหห้ ยดุ รถไปแลว้ 5. ขอ้ ใดกล่าวถึงสญั ญาณมอื ท่ีพนักงานเจา้ หนา้ ทีแ่ สดงเมือ่ ต้องการให้รถทางด้านหลงั หยุดรถ ก. ยนื ตรงและเหยียดแขนซา้ ยออกไปเสมอระดบั ไหล่ ข. เหยยี ดแขนขา้ งหนงึ่ ข้างใดออกไปเสมอระดบั ไหล่ ค. เหยยี ดแขนท้งั 2 ขา้ ง ออกไปเสมอระดบั ไหลแ่ ละตัง้ ฝา่ มือขนึ้ ง. ยกแขนขวาทอ่ นลา่ งตงั้ ฉากกบั แขนท่อนบนและตัง้ ฝ่ามือขน้ึ 6. ภาพปา้ ยจราจรนี้ หมายความว่าอย่างไร ก. ใหร้ ถตรงไป ข. ใหร้ ถแลน่ สวนทาง ค. ให้รถทางตรงไปกอ่ น ง. ให้รถสวนทางไปกอ่ น 13

7. ภาพป้ายจราจรนี้ หมายความว่าอย่างไร ก. ห้ามเขา้ ข. หยุด ค. ให้ทาง ง. หา้ มผา่ น 8. ภาพปา้ ยจราจรน้ี หมายความว่าอยา่ งไร ก. ทางโทแยกทางเอกทางขวา ข. ทางโทแยกทางเอกเย้อื งกนั เริ่มซา้ ย ค. ทางโทแยกทางเอกเย้ืองกนั เรม่ิ ขวา ง. ทางโทเช่ือมทางเอกซา้ ยและขวา 9. ภาพปา้ ยจราจรน้ี หมายความว่าอยา่ งไร ก. ทางรว่ ม ข. ทางแยก ค. สิ้นสุดทางคู่ ง. ทางคขู่ ้างหนา้ 10. พน้ื ทท่ี ่ีทาไว้สาหรับการเดินรถ เรยี กว่าอะไร ก. ทางเดินรถ ข. ชอ่ งเดนิ รถ ค. ชอ่ งเดนิ รถประจาทาง ง. ทางเดนิ รถทางเดยี ว 14

เฉลย 1. เครอื่ งยนต์ท่ไี มก่ ่อใหเ้ กดิ มลภาวะเมื่อวัดด้วยเครื่องวัดระบบกระดาษกรองต้องมีค่าควันดาเทา่ ไร ก. ไมเ่ กนิ รอ้ ยละ 40 ข. ไม่เกินรอ้ ยละ 50 ค. ไม่เกินรอ้ ยละ 60 ง. ไมเ่ กินรอ้ ยละ 70 2. เครอ่ื งยนตท์ ่ีไม่กอ่ ใหเ้ กิดมลภาวะทางเสยี ง เมื่อตรวจวัดในระยะห่างจากรถยนต์ 0.5 เมตร ต้องมรี ะดับ เ สี ย ง เท่าไร ก. ไม่เกิน 80 เดซิเบล เอ ข. ไมเ่ กิน 90 เดซเิ บล เอ ค. ไมเ่ กนิ 100 เดซเิ บล เอ ง. ไมเ่ กิน 120 เดซิเบล เอ 3. ผู้ขับขี่ซึ่งขับรถในทางต้องเปิดไฟ หรือใช้แสงสว่างกรณีที่มีแสงสว่างไม่เพียงพอที่จะมองเห็นคน รถ หรือ สง่ิ กีดขวางในทางไดโ้ ดยชดั เจนภายในระยะทางเท่าไร ก. ระยะ 100 เมตร ข. ระยะ 120 เมตร ค. ระยะ 150 เมตร ง. ระยะ 200 เมตร 4. เม่อื ผูข้ ับขี่เห็นสัญญาณไฟสีเหลอื งอาพนั ต้องปฏิบัติอยา่ งไร ก. เตรียมหยุดรถ ข. รบี ขบั ผา่ นไปโดยเรว็ ค. หยดุ รถทันที ง. หยุดรถทันทีแมผ้ า่ นเสน้ ให้หยดุ รถไปแล้ว 5. ข้อใดกลา่ วถึงสัญญาณมอื ท่ีพนกั งานเจ้าหน้าทแ่ี สดงเม่ือต้องการให้รถทางด้านหลงั หยุดรถ ก. ยนื ตรงและเหยียดแขนซา้ ยออกไปเสมอระดบั ไหล่ ข. เหยียดแขนขา้ งหนึง่ ขา้ งใดออกไปเสมอระดับไหล่ ค. เหยยี ดแขนทัง้ 2 ข้าง ออกไปเสมอระดบั ไหลแ่ ละต้ังฝ่ามือขน้ึ ง. ยกแขนขวาท่อนล่างตงั้ ฉากกับแขนท่อนบนและตัง้ ฝ่ามือขึ้น 6. ภาพปา้ ยจราจรน้ี หมายความว่าอยา่ งไร ก. ใหร้ ถตรงไป ข. ใหร้ ถแล่นสวนทาง ค. ให้รถทางตรงไปกอ่ น ง. ให้รถสวนทางไปกอ่ น 15

7. ภาพป้ายจราจรนี้ หมายความว่าอย่างไร ก. ห้ามเขา้ ข. หยุด ค. ให้ทาง ง. หา้ มผา่ น 8. ภาพปา้ ยจราจรน้ี หมายความว่าอยา่ งไร ก. ทางโทแยกทางเอกทางขวา ข. ทางโทแยกทางเอกเย้อื งกนั เริ่มซา้ ย ค. ทางโทแยกทางเอกเย้ืองกนั เร่ิมขวา ง. ทางโทเช่ือมทางเอกซา้ ยและขวา 9. ภาพปา้ ยจราจรน้ี หมายความว่าอยา่ งไร ก. ทางรว่ ม ข. ทางแยก ค. สิ้นสุดทางคู่ ง. ทางคขู่ ้างหนา้ 10. พน้ื ทท่ี ่ีทาไว้สาหรับการเดินรถ เรยี กว่าอะไร ก. ทางเดินรถ ข. ชอ่ งเดนิ รถ ค. ชอ่ งเดนิ รถประจาทาง ง. ทางเดนิ รถทางเดยี ว 16


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook