Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วิทยาศาตร์จริง

วิทยาศาตร์จริง

Published by marisa080936, 2019-02-24 03:55:21

Description: วิทยาศาตร์จริง

Search

Read the Text Version

วิชา วิทยาศาสตรส์ าหรบั เด็กปฐมวยั

คานา แนวการจดั ประสบการณป์ ฐมวยั ฉบบั นี้ จะเป็ นตวั อยา่ งและเป็ น ประโยชนแ์ กค่ รผู สู้ อน ผทู้ เี่ กย่ี วขอ้ ง ในการจดั ประสบการณแ์ ละสง่ เสริมใหเ้ ด็ก ไดร้ บั การพฒั นาทกุ ดา้ นอยา่ งสมดลุ เด็กไดพ้ ฒั นาเต็มตามศกั ยภาพที่มอี ยู่ เป็ นคนดี เป็ นคนเกง่ มคี วามสขุ และเป็ นพลเมอื งทีม่ คี ณุ ภาพ ในอนั ท่ีจะทา คณุ ประโยชนใ์ หก้ บั ประเทศชาตติ อ่ ไปในอนาคต

เรอ่ื ง สารบญั หนา้ หนา้ ปก ก ข คานา 1 สารบญั 2 ความหมายสือ่ อปุ กรณก์ ารเรยี นการวิทยาศาสตรส์ าหรบั เด็กปฐมวยั 3–6 ความสาคญั ของสอ่ื อปุ กรณก์ ารเรยี นการวิทยาศาสตรส์ าหรบั เด็กปฐมวยั 7 – 10 ประเภทของสอ่ื อปุ กรณก์ ารเรยี นการวิทยาศาสตรส์ าหรบั เด็กปฐมวยั 11 ลกั ษณะของส่อื อปุ กรณก์ ารเรยี นการวิทยาศาสตรส์ าหรบั เด็กปฐมวยั ที่ดี 12 – 13 ขอ้ คิดในการผลติ สอ่ื การสอน 14 เทคนิคในการผลติ ส่อื การสอน 15 หลกั การจดั กิจกรรม 16 – 17 ตวั อยา่ งกิจกรรมการเรยี นรู้ 18 ตวั อยา่ งสือ่ วิทยาศาตร์ 19 สรปุ 20 บรรณานกุ รม ผจู้ ดั ทา

ความหมายสือ่ อปุ กรณก์ ารเรยี นการสอนวิทยาศาสตรส์ าหรบั เด็กปฐมวยั  หมายถึง วสั ดอุ ปุ กรณแ์ ละวิธีการในการจดั ประสบการณ์ หรอื สิ่งใดก็ตามท่ีเป็ นตวั กลางนาความรไู้ ปสผู่ เู้ รียน ทาให้ การเรยี นการสอนเป็ นไปตามวตั ถปุ ระสงค์ และท่ีสาคญั ทา ใหเ้ ด็กไดร้ บั ประสบการณต์ รงท่ีเป็ นรปู ธรรม ชว่ ยใหเ้ ด็ก จดจาไดด้ ีเรียนรงู้ ่ายไดร้ วดเรว็ และสนกุ สนานเพลิดเพลิน ช่วยใหเ้ ด็กไดร้ บั การพฒั นาทกุ รปู แบบ

ความสาคญั ของสือ่  ความสาคญั ของส่ือในการจดั ประสบการณท์ างวิทยาศาสตรส์ าหรบั เด็กปฐมวยั จะชว่ ยใหก้ ารสอนของครมู ีประสิทธิภาพ เกิดความสาเรจ็ ตรงตามจดุ ประสงคข์ องเน้ือหา เด็กเกดิ ความรแู้ ละความเขา้ ใจ มี ความสนใจ เรา้ ใจใหเ้ ด็กตงั้ ใจเรยี นอยากรอู้ ยากเห็นเรยี นอยา่ ง กระตือรอื รน้ โดยใหป้ ระสาทสมั ผสั ต่างๆช่วยใหเ้ กิดความเขา้ ใจเรว็ ข้ึน เด็กไดม้ องเห็นรปู รา่ งลกั ษณะของสิง่ ตา่ งๆ ตรงกบั ความเป็ นจรงิ หรอื ใกลเ้ คียงความจรงิ เด็กไดม้ ีสว่ นรว่ มในกิจกรรมการเรยี นการสอน เชน่ ทาการทดลอง การศึกษานอกสถานที่ เป็ นการฝึ กทกั ษะดา้ น ต่างๆท่ีสามารถนาไปใชใ้ นชีวิตประจาวนั ได้ ชว่ ยใหเ้ กดิ ความคิดรวบ ยอดไดเ้ รว็ ข้ึน

เภทของสื่ออปุ กรณว์ ิทยาศาสตรส์ าหรบั เด็กปฐมวยั  การแบ่งประเภทของสื่ออปุ กรณว์ ิทยาศาสตร์ มีความจาเป็ นและสาคญั ต่อการเรยี นการสอนท่ีใหค้ วามสะดวกในการพิจารณาเพ่ือเลือกใชใ้ ห้ ตรงตามวตั ถปุ ระสงคข์ องแต่ละกจิ กรรม

เภทของส่อื อปุ กรณว์ ิทยาศาสตรส์ าหรบั เด็กปฐมวยั 1. ส่อื ท่ีใหป้ ระสบการณต์ รง เป็ นสือ่ ท่ีใหเ้ ด็กมีโอกาสไดร้ บั รู้ กระทา ทดลอง และสงั เกตจากสถานการณจ์ รงิ เกีย่ วกบั สงิ่ ท่ีเรยี น เช่น การ ไปศึกษานอกสถานที่ การพบวิทยากรผมู้ ีความชานาญเฉพาะดา้ น การใหแ้ หลง่ ส่อื ในชมุ ชน การทาการทดลอง การสาธิต เป็ นตน้ 2. สื่อส่งิ พิมพ์ หมายถึง วสั ดสุ ง่ิ พิมพต์ ่างๆ ที่นามาใชเ้ ป็ นสื่อการเรยี น การสอนวิทยาศาสตร์ เช่น หนงั สือเรยี น หนงั สอื พิมพ์ นิตยสาร แผน่ ภาพโฆษณา เป็ นตน้

เภทของส่อื อปุ กรณว์ ิทยาศาสตรส์ าหรบั เด็กปฐมวยั 3. โสตทศั นปู กรณ์ เป็ นสอ่ื ที่เด็กมีการรบั รสู้ ่งิ ต่างๆ จากการใชต้ าดแู ละหู ฟังเป็ นสว่ นใหญ่ เป็ นสื่อทง้ั ประเภทที่กอ่ ใหเ้ กิดการกระทา เกิดภาพ และสญั ลกั ษณ์ หรอื เป็ น สอื่ ทง้ั ประเภทวสั ดแุ ละอปุ กรณ์ ซ่ึงแบ่งออกเป็ นประเภทต่างๆ ตาม ลกั ษณะของสือ่ ดงั น้ี 3.1 ของจรงิ เป็ นส่ือการสอนท่ีช่วยใหเ้ ด็กไดร้ บั ประสบการณต์ รง ดว้ ยตนเอง ครแู ละเด็กควรชว่ ยกนั เก็บรวบรวมวสั ดขุ องจรงิ แยกประเภท เป็ นหมวดหมู่ เพ่ือนามาใชเ้ ป็ นประโยชนใ์ นการเรยี นการสอน เช่น กอ้ นหิน แรธ่ าต ุเปลือกหอยชนิดต่างๆ ตน้ ไม้ สตั วเ์ ล้ียง เป็ นตน้ 3.2 สื่อประเภทไมต่ อ้ งฉาย ประกอบดว้ ย ส่ิงพิมพ์ แผน่ ป้ าย ต่างๆ วสั ด ุกราฟิ ก เช่น แผนภมู ิแบบตาราง แผนภมู ิอธิบาย แผนภมู ิตน้ ไม้ กราฟรปู ภาพ แผนภาพ เป็ นตน้

เภทของสื่ออปุ กรณว์ ิทยาศาสตรส์ าหรบั เด็กปฐมวยั  ในการจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอนทางวิทยาศาสตรใ์ หก้ บั เด็กแต่ละ ครง้ั ครคู วรเลือกประเภทของสอื่ ใหต้ รงตามวตั ถปุ ระสงคข์ องการ เรยี นรทู้ ี่เด็กจะไดร้ บั ทงั้ ในสว่ นท่ีเป็ นสาระท่ีเด็กควรรู้ และ ประสบการณส์ าคญั ที่เด็กควรไดร้ บั การสง่ เสรมิ โดยเฉพาะทกั ษะ พ้ืนฐานทางวิทยาศาสตร์

ลกั ษณะของสอื่ ที่ดี 1. มีความปลอดภยั ทางดา้ นวสั ดทุ ่ีไมม่ ีพิษภยั ต่อเด็ก ไมท่ าดว้ ยแกว้ ไม่ เป็ นวตั ถไุ วไฟ ไมม่ ีโลหะปลายแหลมเป็ นสว่ นประกอบ ผวิ ของวตั ถ ุ ปราศจากคม เหลย่ี มหรอื เส้ียน ขนาดตอ้ งไมใ่ หญ่หรอื มีน้าหนกั มาก และไมเ่ ลก็ เกินไป จนเด็กอาจกลนื หรอื ใสร่ จู มกู รหู ไู ด้ มีความทนทาน 2. มีประโยชน์ ตอ้ งใชป้ ระโยชนไ์ ดอ้ ยา่ งหลากหลายต่อครแู ละเด็ก และ ใชไ้ ดห้ ลายกิจกรรมคานึงถึงประโยชนท์ ี่เด็กจะไดเ้ รยี นรู้ เหมาะสมกบั วยั และความสนใจของเด็ก กระตนุ้ พฒั นาการการรบั รู้ การสงั เกต การวดั การจาแนก การเปรยี บเทียบ และความคิดรเิ รมิ่ สรา้ งสรรค์ เรา้ ความสนใจ พฒั นาประสาทตาและมือใหส้ มั พนั ธก์ นั พฒั นา ความคิดและจินตนาการ

ลกั ษณะของส่อื ที่ดี 3. ประหยดั สือ่ อาจทาข้ึนจากวสั ดเุ หลือใช้ หรือวสั ดทุ ี่หาไดง้ ่ายในทอ้ งถิ่น 4. มีประสทิ ธิภาพ สามารถใชไ้ ดห้ ลายอยา่ ง ดดั แปลงไดใ้ นหลาย กจิ กรรมเด็กไดป้ ระสบการณต์ รงเรยี นรจู้ ากสอ่ื ไดด้ ว้ ยตนเองแนว ทางการเลอื กใชส้ อื่ สาหรบั เด็กปฐมวยั

 ควรเลือกใชส้ ื่อใหต้ รงตาม วตั ถปุ ระสงค์ และแนวคิด เน้ือหา และกิจกรรม 1. การเลือกใชส้ อ่ื ท่ีตรงตามวตั ถปุ ระสงคแ์ นวคิด เน้ือหา และกิจกรรม ผนู้ าสือ่ มาใชก้ บั เด็กจะตอ้ งเลอื กสอื่ ใหต้ รงตามวตั ถปุ ระสงคโ์ ดย สอดคลอ้ งกบั แนวคิดเน้ือหาและกิจกรรมแต่ละขน้ั ตอน ทง้ั ขนั้ นาเขา้ สู่ บทเรยี น ขน้ั ใหเ้ ด็กเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง ขน้ั สรปุ ขนั้ ประเมินผล ครู จะตอ้ งใชส้ อ่ื ทกุ ชนิดใหเ้ ป็ นกอ่ นที่จะใหเ้ ด็กใช้ เพ่ือเขา้ ใจวิธีใชแ้ ละ ปัญหาท่ีอาจเกิดข้ึน รวมทง้ั สามารถแนะนาเด็กใหใ้ ชไ้ ดถ้ กู ตอ้ ง 2. การใชส้ ื่อใหต้ รงกบั ความสามารถและวยั ของเด็ก ครใู ชเ้ ป็ นอปุ กรณ์ ประกอบการสอนในเน้ือหาสาระนนั้ ๆ ควรใหเ้ ด็กไดป้ ระสบการณต์ รง ดว้ ยการหยบิ จบั ดว้ ยตนเอง และใหต้ รงกบั ความสามารถและวยั ของ เด็ก

 ควรเลือกใชส้ ื่อใหต้ รงตาม วตั ถปุ ระสงค์ และแนวคิด เน้ือหา และกิจกรรม 3. เตรยี มส่อื ใหพ้ รอ้ มและใหพ้ อเพียงกบั จานวนเด็ก 4. แนะนาวิธีใชแ้ ละขอ้ ควรระวงั ในการใชส้ ื่อ ครคู วรแนะนาวิธีใชแ้ ละขอ้ ควรระวงั ใหเ้ ด็กเขา้ ใจเสียกอ่ น โดยเฉพาะส่อื ชนิดใหมท่ ่ีเด็กยงั ไมเ่ คย เลน่ และสอื่ บางชนิดที่อาจเกดิ อนั ตรายข้ึนไดถ้ า้ เด็กไมร่ สู้ าหรบั การ สอนวิทยาศาสตรใ์ หก้ บั เด็กปฐมวยั ควรเลอื กสื่อเพื่อเสนอขอ้ เท็จจรงิ ควรเลือกสื่อท่ีใหป้ ระสบการณต์ รงจะดีท่ีสดุ

ขอ้ คิดในการผลติ สอ่ื การสอน กอ่ นผลิตส่ือการสอนทกุ ครงั้ ตอ้ งศึกษาเน้ือหา และจดุ ประสงคข์ องบทเรยี น ควรใชเ้ ศษวสั ดทุ ี่มีในทอ้ งถ่ิน ควรใหเ้ ด็กเป็ นผใู้ ชส้ ื่อการสอนใหม้ ากท่ีสดุ ทดลองประสิทธิภาพของส่ือกอ่ นใชจ้ รงิ ว่ามีขอ้ บกพรอ่ งหรอื ควรเพิ่มเติมส่ิงใด อีกและปรบั ปรงุ จนใชไ้ ดผ้ ลดี เก็บรกั ษาใหด้ ีและใหเ้ ป็ นระเบียบ

1.) ศึกษาเน้ือหา จดุ ประสงคก์ าร 2.) ออกแบบส่ือการสอนควรเลือก เรยี นรู้ ว่าตอ้ งการใหเ้ ด็กรอู้ ะไร วสั ดแุ ละเตรยี มเครอื่ งมือให้ พรอ้ ม เทคนิคการผลติ สอื่ การสอนที่ใชใ้ น เน้ือหา วิทยาศาสตร์ 4.) ปรบั ปรงุ และตกแต่งใหด้ ู 3.) ลงมือผลิตส่ือทดลองใชส้ อื่ สวยงาม กอ่ นว่าไดผ้ ลตรงตามเน้ือหา หรอื ไม่

 การผลติ ส่ืออยา่ งง่ายสาหรบั กจิ กรรม วิทยาศาสตร์ การเลือกใชส้ ื่อหรอื การผลติ ส่อื การสอน ควรคานึงถึงความสอดคลอ้ งสมั พนั ธก์ บั บทเรยี นประโยชนท์ ่ีไดร้ บั มีความคงทน ปลอดภยั ประหยดั และมีประสิทธิภาพใน การใช้

หลกั การจดั กิจกรรม ประสบการณว์ ิทยาศาสตรเ์ ป็ นการสรา้ งเด็กใหเ้ รียนรกู้ ระบวนการวิทยาศาสตรแ์ ละเนอ้ื หาท่ีเป็ นวิทยาศาสตร์ หลกั การจดั ประสบการณว์ ิทยาศาสตรใ์ หก้ บั เด็กที่สาคญั มีดงั น้ี (Seefeldt, 1980 : 236) 1. เป็ นเร่ืองใกลต้ วั เด็ก ประสบการณท์ ี่เลือกมาจดั ใหแ้ กเ่ ด็ก ควรเป็ นเร่ืองใกลต้ วั เด็ก โดยใกลท้ ง้ั เวลา เหมาะสมกบั พฒั นาการ ความสนใจและประสบการณท์ ี่ผา่ นมาของเด็ก 2. เอื้ออานวยใหแ้ กเ่ ด็กไดก้ ระทาตามธรรมชาตขิ องเด็ก เด็กมธี รรมชาตทิ ่ีชอบสารวจ ตรวจคน้ กระฉบั กระเฉง หยิบโนน่ จบั น่ี จึงควรจดั ประสบการณท์ ี่ใชธ้ รรมชาตใิ นการแสวงหาความรู้ 3. เด็กตอ้ งการและสนใจ ประสบการณท์ ่ีจดั ใหเ้ ด็กตอ้ งสอดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการของเด็กและอย่ใู นความสนใจของ เด็ก ดงั นนั้ หากบงั เอิญมเี หตกุ ารณท์ ่ีเด็กสนใจเกดิ ขนึ้ ในชนั้ เรียน ครคู วรถือโอกาสนาเหตกุ ารณน์ น้ั มาเป็ นประโยชนใ์ นการจดั ประสบการณท์ ่ี สมั พนั ธก์ นั ในทนั ที 4. ไมซ่ บั ซอ้ น ประสบการณท์ ่ีจดั ใหน้ น้ั ไมค่ วรเป็ นประสบการณท์ ่ีมเี นอ้ื หาซับซอ้ น แตค่ วรเป็ นประสบการณท์ ี่มเี นอื้ หาเป็ นสว่ น เล็ก ๆ และจดั ใหเ้ ด็กทีละสว่ น ประสบการณท์ างวิทยาศาสตรข์ องเด็กสว่ นใหญ่จะเป็ นพ้ืนฐานความเขา้ ใจทางวิทยาศาสตรใ์ นเวลา ตอ่ มา ทงั้ นพ้ี ้ืนฐานตอ้ งเริ่มจากระดบั งา่ ยไมซ่ ับซอ้ นไปสรู่ ะดบั ของการสารวจตรวจคน้ และระดบั ของการทดลอง ซ่ึงเป็ นระดบั ที่สรา้ งความ เขา้ ใจมโนทศั นท์ างวิทยาศาสตร์ 5. สมดลุ ประสบการณท์ างวิทยาศาสตรท์ ี่จดั ใหเ้ ด็กควรมีความสมดลุ ทง้ั นเ้ี พราะเด็ก ตอ้ งการประสบการณใ์ นทกุ สาขาของ วิทยาศาสตร์ เพื่อจะไดพ้ ฒั นาในทกุ ๆ ดา้ น ซึ่งแมว้ ่าเด็กจะสนใจเกี่ยวกบั สิง่ มีชวี ิต ไดแ้ ก่ พืชและสตั ว์ ครกู ็ควรจดั ประสบการณห์ รือ แนะนาใหเ้ ด็กสนใจวิทยาศาสตรด์ า้ นอื่น ๆ

• ตวั อยา่ งกิจกรรมการเรยี นรู้ กจิ กรรมการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ สามารถบรู ณาการไปกบั กจิ กรรมการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ศิลปะ และภาษา หรอื นากิจกรรมอื่น ๆ มาประสานดว้ ยได้ ขอ้ สาคญั ตอ้ งใหเ้ ด็กไดเ้ รยี นรจู้ ากการสงั เกตและทดลอง ต่อไปน้ีเป็ นตวั อยา่ งกจิ กรรมสาหรบั เด็กปฐมวยั ในการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์ กิจกรรมสาหรบั เด็กอาย ุ 3 – 4 ขวบ Ÿ สงั เกตสตั วเ์ ล้ียง โดยใหเ้ ด็กไปดปู ลา สมั ผสั แมว ไดล้ บู หมา Ÿ สงั เกตพืช จาแนกสว่ นประกอบของพืช สว่ นประกอบของผลไม้ สงั เกตดอกไม้ และใบไม้ Ÿ สงั เกตรงั ของสตั วต์ ่าง ๆ Ÿ ทดลองเล้ียงสตั ว์ ใหอ้ าหารสตั ว์ Ÿ สงั เกตสตั วใ์ นธรรมชาติ เช่น ดนู ก ดผู ีเส้อื ดแู มลง กิจกรรมสาหรบั เด็กอาย ุ 5 – 6 ขวบ กิจกรรมสาหรบั เด็กวยั น้ีใหม้ ีการทดลองได้ เด็กสามารถเขา้ ใจมากข้ึน รวบรวมขอ้ มลู เป็ น สรปุ เป็ น ต่อไปน้ีเป็ นตวั อยา่ งของกจิ กรรม Ÿ จาแนกเมล็ดพืช จาแนกใบไม้ จาแนกสิง่ ต่าง ๆ ที่หาได้ Ÿ สงั เกตสตั วเ์ ล้ียง เพื่ออธิบายลกั ษณะ นิสยั หรอื วิธีการดแู ล Ÿ สงั เกตธรรมชาติ เช่น กลางวนั กลางคืน อณุ หภมู ิ Ÿ สงั เกตการงอกของตน้ ไม้ Ÿ ทาสวนครวั ปลกู ตน้ ไม้ Ÿ ศึกษาวงจรชีวิตสตั วต์ ่าง ๆ เช่น ตวั ไหม ผีเส้อื กบ Ÿ ดกู ารฝักไข่ เก็บไข่ การปลกู เห็ด เกบ็ ผลไมต้ ่าง ๆ

…ตัวอย่าง..สื่อวทิ ยาศาสตร์ ......กงั หันต้องลม…

จดุ ประสงค์ 1. เพ่ือใหเ้ ด็กรวู้ ่าแรงลมทาใหก้ งั หนั หมนุ ทักษะ 2. เพื่อใหเ้ ด็กรวู้ ่าความเรว็ ของลมทาใหก้ งั หนั หมนุ เรว็ หรอื ชา้ - การสงั เกต - การตงั้ สมมตุ ิฐาน - การทดลอง - การติดตามและลงขอ้ สรปุ สาระการเรยี นรู้ ลมเป็ นพลงั งานรปู แบบหน่ึงท่ีเกดิ จากการเคล่ือนท่ีของอากาศ สอื่ อุปกรณ์ กระดาษบาง , หลอดขนาดใหญ่ , ไมท้ าดา้ มมือ , หวั หมดุ หรอื ตะปู ขนั้ ตอนการผลติ 1, ตดั กระดาษเป็ นรปู ส่ีเหล่ียมจตั รุ สั ทาเครอื่ งหมายวงกลมเล็กหา้ วงที่มมุ ทง้ั ส่ีและตรงกลางทา เสน้ โคง้ สี่เสน้ 2. เจาะวงกลมเล็กใหเ้ ป็ นรแู ละตดั ตามเสน้ โคง้ ที่เขียนไว้ 3. จบั มมุ ทงั้ สี่เขา้ หากนั ทากาวใหต้ ิดกนั โดยใหร้ ทู งั้ ส่ีรตู รงกนั 4. ตดั หลอดใหญ่ยาวประมาณหน่ึงน้ิวแลว้ สอดไปในรทู ง้ั หมด 5. นาหวั หมดุ หรอื ตะปสู อดเขา้ ไปในหลอด และตอกลงในไมท้ ี่ใชเ้ ป็ นดา้ มมือ พบั ปลายหวั หมดุ หรอื ตะปไู วด้ า้ นหลงั ดา้ มมือ 6. นากระดาษกาวมาเปะพบั ไว้

สรปุ กจิ กรรมการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ เป็ นการเรียนรทู้ ี่มจี ดุ มงุ่ หมาย 2 ประการ คือ การ ฝึ กทกั ษะพนื้ ฐานทางวิทยาศาสตรแ์ ละการเรียนรขู้ อ้ ความรทู้ างวิทยาศาสตรท์ ่ีเป็ นธรรมชาติ รอบตวั ทเ่ี ด็กพบในชวี ิตประจาวนั โดยเนน้ การใชท้ กั ษะกระบวนการ วิทยาศาสตร์ คือ 1) การสงั เกต 2) การจาแนกเปรียบเทยี บ 3) การวดั 4) การ สือ่ สาร 5) การทดลอง และ 6) การสรปุ และนาไปใช้ ส่งิ ที่ไดจ้ ากการเรียนวิทยาศาสตร์ คอื การสรา้ งใหเ้ ด็กมนี สิ ยั การคน้ ควา้ การสบื คน้ และการทาความเขา้ ใจธรรมชาติ รอบตวั รจู้ กั วิธกี ารคน้ หาความรอู้ ย่างนกั วิทยาศาสตร์ โดยการพฒั นาทกั ษะพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ในขณะเดยี วกนั เรียนรวู้ ิทยาศาสตรร์ อบตวั ไป ดว้ ย

บรรณานกุ รม กลุ ยา ตนั ตผิ ลาชวี ะ. การจดั กิจกรรมการเรียนรสู้ าหรบั เด็กปฐมวยั . กรงุ เทพฯ : เบรน-เบส บคุ๊ ส,์ 2551 http://www.karn.tv/c_science/tip_001.html#1

ผจู้ ดั ทา นางสาวมาริษา บญุ เมน่ 61941900114 หอ้ ง 1.


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook