Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore pocketbookhh

pocketbookhh

Published by leafz_alkareme, 2016-11-18 23:33:37

Description: pocketbookhh

Search

Read the Text Version

คำนำ หนังสอื เลม่ นเ้ี ป็นสว่ นหน่ึงของวิชา 082104-54 อารยธรรมโลก (WorldCivilization) โดยมีจุดประสงค์เพื่อการศกึ ษาหาความรู้ ซง่ึ หนงั สือเลม่ นม้ี ีเนอ้ื หาเก่ยี วกบั ชวี ประวัตศิ าสดาของศาสนาอิสลาม เรอื่ งราวชวี ิต ความเปน็ มา ความเช่อืเรอ่ื งเล่าต่างๆ อันแสดงใหเ้ ห็นถงึ ความสามารถ และวรี กรรมต่างๆ ของบรรดาผูท้ ไี่ ดช้ ื่อว่าเปน็ ศาสดาของพระเจ้าผจู้ ดั ทาไดเ้ ลือกหัวขอ้ น้ใี นการทา เนื่องจากเปน็ เรื่องท่ีนา่ สนใจ และเปน็ เนื้อหาท่ผี ู้คนส่วนใหญไ่ ม่คอ่ ยรู้ จึงอยากให้เร่ืองราวเหล่านี้ไดน้ าไปใชใ้ นการศึกษาเพื่อเปน็ ความรู้ตอ่ ไป ผจู้ ัดทาหวังวา่ หนังสอื เลม่ น้จี ะใหค้ วามรู้และเปน็ ประโยชนแ์ ก่ผอู้ ่านทกุ ๆท่าน นายสรุ นาท อ๊ลั การมี ี 1

สำรบัญ หน้ำเร่ือง 3 4บทนา 4 ศาสนาอสิ ลามคอื อะไร? 5 ใครคือพระเจ้า? 6 นบีคอื ใคร? 10 16ชีวประวตั นิ บีนูฮ 23ชีวประวตั ินบีอบิ รอฮีม 27ชวี ประวัตินบีมูซา 46ชวี ประวตั ินบอี ซี า 50ชวี ประวัตนิ บมี ูฮมั หมัด 2 คาสอนสุดท้ายของนบมี ูฮัมหมัดบรรณานุกรม

บทนำ สวัสดีครับ ผมคือผ้จู ัดทาหนงั สอื เล่มน้ี ซึ่งเปน็ เรือ่ งราวเกย่ี วกับชวี ประวตั ิศาสดาของศาสนาอสิ ลาม ถามว่าทาไมต้องทาเร่ืองนี้ด้วย? ก่อนอืน่ ตอ้ งบอกก่อนวา่ ผมเป็นคนหน่ึงที่นบั ถอื ศาสนาอิสลาม เม่ือก่อนผมเคยไปเข้าคา่ ยฤดรู ้อน ไปเรียนศาสนาและบางประวตั ศิ าสตร์ผมก็เคยฟังครูเลา่ ให้ฟงั ตอนเดก็ ๆ ซง่ึ ผมคิดว่ามันสนกุ ดี เลยนาเอาเรอ่ื งนี้มาจดั ทาขนึ้ มาเปน็ หนงั สือ ซึง่ เนอื้ หาในนี้ ผมไดน้ าความรู้เกา่ ๆมาผสมผสานกบั เนื้อหาทผี่ มคน้ ควา้ มา และเลา่ เร่อื งออกมาในเชงิ กง่ึ ทางการ เพอ่ื เปน็ การใหเ้ กยี รตติ ่อบรรดาศาสดา ในหนังสือเล่มน้ตี ้องบอกกอ่ นวา่ ผมไมไ่ ด้จัดทาข้อมลู ของศาสดาทกุ คน ผมจดั ทาเฉพาะบรรดาท่านทเี่ รอื่ งราวมคี วามน่าสนใจและมีความสาคญั ต้องบอกก่อนวา่ เรื่องราวของศาสดาของอสิ ลามน้ัน มีความคล้ายคลงึ กับของศาสนาคริสต์มาก ซ่งึ เน้ือหาในหนงั สอื เลม่ นี้จะเป็นการเล่าเรอื่ งราวตา่ งๆในมมุ มองหรือทศั นะทีม่ หี ลักฐานของอิสลามเทา่ น้นั ก่อนทจี่ ะเขา้ เนื้อหา เรามาเรียนรู้กันกอ่ นดกี วา่ วา่ ศาสนาอสิ ลามคอื อะไรและมีขอ้ มลู อะไรบ้างทค่ี วรรู้กอ่ นการศกึ ษาเน้อื หา 3

ศาสนาอิสลามคอื อะไร? ศาสนาอิสลาม เป็นศาสนาสาคัญศาสนาหน่ึงของโลก เป็นศาสนาประเภทเอกเทวนยิ ม นบั ถือพระเจา้ องค์เดยี ว คือ พระอัลลอฮ โดยมที า่ นนบีมฮุ ัมหมดั เป็นศาสดา และเป็นผู้ประกาศศาสนา ศาสนาอิสลาม ไมม่ ีพระหรือนักบวชเพือ่ ทาหน้าท่ีประกอบพิธกี รรม และเผยแผศ่ าสนาโดยเฉพาะ ผนู้ ับถือ ศาสนาอิสลาม เรียกว่า“มสุ ลมิ ” มุสลิมทกุ คนตอ้ งปฏิบตั ศิ าสนากิจเหมือนกันหมด จงึ ไม่มีนักบวช และมิได้แบง่ แยกแนวทางปฏิบัติ ระหวา่ งศาสนกิ ชนกบั นักบวช แม้แต่บคุ คลทีไ่ ดร้ บั การยกย่องว่าเปน็ อิหมา่ ม หรอื ท่านจฬุ าราชมนตรี ก็ถือว่าเปน็ ผ้นู าทางศาสนกิจ และผู้นามุสลมิในประเทศไทยเทา่ น้นั มไิ ด้มฐี านะเปน็ ผนู้ านักบวชแตอ่ ย่างใด มสุ ลิมเช่อื ว่า พระเจ้าเปน็ หนง่ึ และหาท่เี ปรียบไม่ได้ และจดุ ประสงคข์ องการดารงอยู่ คอื เพ่ือรกั และรับใช้พระเปน็ เจ้า ใครคอื พระเจ้า? ศาสนาอิสลามเรยี กพระเป็นเจ้าว่า อลั ลอฮ์ บา้ งกส็ ะกดว่า อลั ลอฮฺ, อลั ลอหฺหรือ อลั เลาะห์ ตรงกับภาษาอังกฤษ \"God\" เชือ่ วา่ ทรงเปน็ พระผ้สู รา้ งมนษุ ย์ ส่ิงมชี ีวติสิ่งไม่มชี วี ิต และทกุ สรรพสิ่งในจกั รวาล พระองคท์ รงมโี ดยไร้จุดเร่ิมต้น และทรงมีอยู่นิรนั ดรโ์ ดยไมม่ ีจดุ จบ พระองค์แตกต่างกับทุกสรรพส่ิงอยา่ งส้ินเชิง ทรงดารงด้วยพระองคเ์ อง มิต้องทรงพ่ึงพาส่งิ ใด พระองค์เป็นพระผู้เปน็ เจา้ เอกองค์เดยี ว ไม่มีพระผู้เป็นเจ้าอ่นื ใดอีกนอกเหนือจากพระองค์ 4

นบคี ือใคร? นบี (อาหรบั : ‫ )نبي‬หมายถงึ ศาสดาในศาสนาอิสลาม คาว่า นบี มาจากคาว่า นบั บะอะ หรือ อัมบะอะ แปลว่า แจ้งข่าว ใชห้ มายถงึ การนาวจนะของพระเจ้ามาประกาศแกม่ วลมนษุ ย์ หรอื จะพูดงา่ ยๆก็คอื นบเี ป็นผทู้ ่พี ระเจา้ แตง่ ต้ังขน้ึ มาเพือ่ ท่ีจะนาคาสงั่ สอนและแนวทางการปฏบิ ัตติ ่อพระเจา้ มาเผยแพร่แก่มวลมนษุ ยชาติซ่งึ นบมี ดี ้วยกันหลายท่าน ดงั น้ีเมือ่ รู้ข้อมลู พืน้ ฐานเหลา่ นแี้ ล้ว ต่อไปกเ็ ขา้ สเู่ น้ือหากนั เลย 5

นบนี ฮู อะลัยฮสิ ลำม นูฮ เปน็ ลูกหลานคนหน่งึ ของนบอี าดัม นูฮเกดิ และอาศยั อยใู่ นดินแดนที่ปจั จบุ ันนี้คอื เมืองโมซุล ประเทศอิรัก ในเวลานนั้ ลกู หลานของนบอี าดมั ได้แพรข่ ยายออกไปหลายกลุ่มหลายเผา่ บางคนไดเ้ กดิ การตั้งภาคีตอ่ อัลลอฮ บชู าสกั การะรปู ป้ันตา่ งๆ หันเหออกไปจากแนวทางของอัลลอฮ อลั ลอฮจึงได้แตง่ ตง้ั นบนี ูฮให้ไปทาหน้าท่ีตกั เตอื นมนุษย์ใหเ้ คารพสักการะและปฏิบตั ิตามแนวทางของพระองค์ มิเช่นน้ันแลว้ คนเหลา่ น้นั จะถูกลงโทษอยา่ งรนุ แรง ทา่ นนบีนฮู ไดใ้ ชเ้ วลาเรยี กร้องประชาชาตขิ องท่านเป็นเวลา 950 ปี ทา่ นทาหนา้ ทีท่ ้งั วันท้ังคนื เรียกรอ้ งคนทกุ ระดับ ไม่ว่าคนระดบั รากหญา้ ไปจนถึงระดบั ผู้นา แต่ก็มีคนบางกลมุ่ ที่ปฎิเสธ ต่อต้านและหวั เราะเยย้ หยนั ในส่งิ ที่ท่านทา ทา่ นไดใ้ ชเ้ วลาในการเรียกรอ้ งผคู้ นให้กลบั มาสูก่ ารศรทั ธาต่ออัลลอฮฺทีถ่ กู ต้อง โดยท่านทาหน้าทอ่ี ย่างอดทน จากการดูถกู เหยียดหยาม การถูกกล่าวหาต่างๆนานา แต่ท่านไม่เคยหมดหวังท้อแท้จากการทาหน้าท่ีของทา่ น ทา่ นทาหนา้ เรยี กรอ้ งผ้คู นมาส่ศู าสนาของอัลลอฮฺดว้ ยความอ่อนโยน และไม่เคยถอื โกรธแก่บรรดาผูท้ ่ที าการเย้ยหยนั ตอ่ ท่าน ทาหนา้ ท่ีของตัวเองอยา่ งสมบรู ณ์แบบ ทาทกุ อยา่ งที่อลั ลอฮมพี ระบญั ชามา นฮู ไดว้ ิงวอนตอ่ อัลลอฮ “โอพ้ ระผู้อภิบาลของฉัน ฉนั เรยี กร้องเชญิ ชวนผูค้ นท้งั วนั ทัง้ คนื เมอื่ ใดก็ตามท่ีฉนั บอกใหพ้ วกเขาขออภยั ตอ่ พระองค์และพระองคจ์ ะอภยั ใหพ้ วกเขา พระองค์จะทรงประทานฝนอันชุม่ ฉา่ จากฟากฟ้าแดพ่ วกท่าน พวกท่านไม่เหน็ หรือวา่ พระองค์ทรงสร้างช้นั ฟ้าทงั้ เจ็ดอย่างไร พระองค์ไดท้ รงทาใหด้ วงจันทรม์ ีแสงสวา่ งอยใู่ นช้นั ฟ้า 6

และทรงทาให้ดวงอาทิตยเ์ ปน็ ตะเกียงสอ่ งแสง พระองค์ได้ทรงทาให้พวกเขาออกมาจากแผ่นดินในลกั ษณะทแี่ ตกต่างกนั และพระองค์ทรงทาให้ผนื แผ่นดนิ แผข่ ยายเหมือนกบั พรมเพ่ือท่ีจะได้เดนิ ทางกันสะดวก” ถงึ แม้จะยกเหตผุ ลต่างๆมาอธิบายแลว้ ก็ตาม กย็ ังไมม่ ีใครเชอ่ื ฟงั นบนี ูฮ ซึ่งนั่นรวมไปถึงลูกและภรรยาของนฮู ด้วย ในทส่ี ดุ นฮู จึงได้วงิ วอนขอตอ่ อัลลอฮ “โออ้ ลั ลอฮ ขอพระองค์อย่าไดท้ รงปลอ่ ยให้บรรดาผูป้ ฏิเสธพระองคห์ ลงเหลืออยบู่ นโลกน้ีเลย” อัลลอฮจงึ ตอบรับคาขอนน้ั และไดบ้ อกกับนูฮว่า“นอกจากผ้คู นท่ีศรทั ธาท่ีมอี ยู่นี่แล้ว จะไมม่ ใี ครศรัทธาอีก ไม่ช้าคนพวกน้ีกจ็ ะถกู นา้ทว่ มตาย” และมบี ญั ชาใหส้ ร้างเรอื ขนึ้ มาลาหนึ่งโดยท่ใี หน้ าบรรดาผู้ทีศ่ รทั ธา และสัตว์ทุกชนดิ อยา่ งละคูข่ ึน้ ไปบนเรือ ขณะที่นบนี ฮู กาลังสรา้ งเรอื นั้น ผู้คนก็ตา่ งพากันหัวเราะเยาะท่านและคดิ ว่านูฮคงบ้าหรอื เพย้ี นไปแลว้ 7

เม่ือถึงวนั ทีน่ ูฮสร้างเรือเสรจ็ แล้ว อัลลอฮก็ไดท้ รงทาให้น้าไหลพงุ่ ทาให้ฝนตกลงมาจากทอ้ งฟ้าอยา่ งหนกั และได้ทรงมบี ัญหาใหน้ ฮู ขน้ึ เรือ ไมว่ ่าเรอื จะแลน่ หรอืจมอยูก่ ็ตาม เม่ือนา้ เริ่มทว่ มหนกั และเรือเริ่มลอยขน้ึ ผูค้ นต่างแตกตน่ื ตกใจและพยายามหนีเอาชีวิตรอด นัวฮได้ร้องเรยี กลูกชายและภรรยาของเขาใหข้ น้ึ มาบนเรือ แต่ลกู ชายกลับปฏิเสธและบอกว่าจะหนขี ึน้ อยบู่ นภูเขาสูงๆให้พน้ นา้ แทน หลังจากน้ันคลื่นน้าก็ซัดเขา้ มาก้ันระหว่างท้ังสองแยกจากจากกนั และลูกชายของนบนี ูฮก็จมน้าหายไปต่อหนา้ ต่อตาของทา่ น นา้ ได้ท่วมโลกอยเู่ ปน็ เวลานาน หลังจากเวลาผา่ นไปเมอ่ื นา้ ลดลง เรือของนูฮไดไ้ ปเกยตืน้ อย่บู นภเู ขาญดีย์ผคู้ นบนแผน่ ดนิ ไมม่ ีใครเหลือรอดเลย นฮู ได้กล่าวตอ่ อลั ลอฮวา่ “โอพ้ ระผู้อภบิ าลของฉัน ลูกชายฉันเปน็ หน่งึ ในครอบครัวฉนั และสญั ญาทีพ่ ระองค์กลา่ วไวน้ ั้นเปน็ จริง” อัลลอฮจึงกลา่ วว่า “ฉนั ขอตักเตือนเจ้าวา่ อย่าปฏบิ ัติตนเหมือนพวกโง่เขลา” นูฮและผคู้ นบนเรือได้ลงจากเรอื เม่อื นา้ แห้งดแี ล้วและใช้ชวี ติ 8

ตามปกตติ อ่ ไป ในครงั้ น้ัน อัลลอฮทรงมอบรงุ้ กนิ น้า เปน็ พันธะสัญญาว่า จะไมใ่ ห้เกิดเหตุการณน์ า้ ท่วมโลกเพ่ือทาลายลา้ งมนุษย์อกี แต่มบี างทศั นะบอกว่าเรอ่ื งนา้ ทว่ มโลก มคี วามเข้าใจคลาดเคล่ือนเลก็ น้อยเพราะไม่มหี ลักฐานชดั เจนท่บี อกว่านา้ ท่วมท่ัวโลก มหี ลกั ฐานวา่ อลั ลอฮฺทรงลงโทษกลุ่มชนของท่านนบนี ูฮเนอื่ งจากไม่ยอมรบั สัจธรรมทีท่ า่ นนบนี ูฮนามาสั่งสอน อลั ลอฮฺทรงลงโทษใหจ้ มน้า และนา้ ท่วมทว่ั บ้านท่วั เมอื งจนไมม่ ใี ครรอด แตไ่ มม่ ีหลกั ฐานว่าน้าท่วมทวั่ โลกและมนษุ ยต์ ายกนั หมดเลย อย่างไรกต็ ามก็ไดม้ กี ารคน้ พบซากเรือโนอาห์และเรือโนอาห์ เปน็ พยานวัตถุเพยี งช้ินเดยี วท่ชี ่วยพิสจู น์วา่ เหตกุ ารณน์ ้าท่วมโลกท่ีบนั ทกึ ไวใ้ นพระคมั ภรี ์เป็นจริง การคน้ หาเรอื โนอาห์ จึงมุ่งไปยงั ภเู ขาอารารตั สถานท่ีสดุ ท้ายท่พี ระคมั ภีรไ์ ดอ้ ้างถึง แตป่ จั จุบนั การคน้ หายังไม่คืบหนา้ ปจั จยั สาคญั ที่ขัดขวางการคน้ หา คอื เทือกเขาอารารตั เป็นสถานท่ีศักดิ์สิทธ์ิทางศาสนา ตั้งในพรมแดนของประเทศตรุ กี ซ่ึงรฐั บาลตุรกไี มอ่ นุญาตการขึ้นไปยงั สถานทศ่ี ักดิ์สิทธน์ิ ี้ 9

นบอี ิบรอฮมี อะลยั ฮสิ ลำม อิบรอฮมี เกดิ เม่ือ 1900 ปีก่อนคริสตกาล เกดิ ที่เมอื งอูร์ประเทศอรี กั หรอื ที่เรียกวา่ อาณาจกั รบาบิโลน สมยั นั้นพวกบาบโิ ลนบชู าดวงดาวต่างๆและรปู ป้ัน บดิ าของทา่ น ช่อื อาซรั เป็นคนท่ีมัง่ คง่ั จากการสร้างรูปป้ันและเทวรูปตา่ งๆขาย อบิ รอฮีมอยู่ในบา้ นอาซรั เกดิ ในสิง่ แวดลอ้ มทเ่ี ปน็ การตั้งภาคตี อ่ อัลลอฮทั้งส้ิน เขา้ บา้ นกเ็ หน็ แตร่ ปู ป้นัไปร้านพ่อกม็ รี ูปปั้น อบิ รอฮมี เป็นเด็กท่ฉี ลาดและชา่ งคิด เขาสังเกตเหน็ ผูค้ นเคารพสักการะบชู าเทวรปู หินเหลา่ น้ี แล้วเขาก็เริ่มสงสัยว่าเทวรูปเหล่านเ้ี ป็นพระเจ้าจรงิ หรือ คนื หนึ่งหลงั จากทีแ่ สงอาทิตยห์ มดไปจากท้องฟา้ และทุกแหง่ ตกอยูใ่ นความมดื มดิ คืนหนงึ่หลังจากท่ีแสงอาทติ ทห์ มดไปจากทอ้ งฟ้าและทุกแห่งตกอยู่ในความมดื มดิ อบิ รอฮมี ก็สังเกตเห็นดวงดาวมากมายอยู่ต็มทอ้ งฟ้า อบิ รอฮมี จึงกล่าวว่า “ฉันไม่ชอบสิง่ ใดทจี่ างหายไป” ในตอนเชา้ อิบรอฮมี เหน็ ดวงอาทติ ยโ์ ผล่ข้ึนมาจากขอบฟา้ ส่องแสงสวา่ งให้แก่โลก ดวงอาทิตยก์ ล็ าลับขอบฟา้ อบิ รอฮีม จึงรูแ้ ลว้ ว่าสง่ิ เหลา่ นไี้ ม่ใช่พระเจา้ ทแ่ี ท้จรงิ ผู้ทส่ี ร้างดวงอาทิตย์ ดวงจันทรแ์ ละดวงดาวเหล่าน้ีต่างหากท่ีเปน็ พระเจา้ อิบรอฮีมได้กล่าวกบั พ่อของเขาว่า “คณุ พอ่ ครบั ทาไมคุณพ่อต้องไปเคารพบชู าสงิ่ ไม่สามารถได้ยินไม่สามารถมองเห็น แถมยงั ไม่สามารถชว่ ยพอ่ ได้อีก” 10

วนั หนึง่ ขณะทีผ่ คู้ นออกไปนอกเมือง อบิ รอฮีมไดแ้ อบเขา้ ไปยงั สถานที่ตั้งของเทวรูปที่ผู้คนเคารพบูชา อบิ รอฮมี ไดน้ าขวานไปทบุ ทาลายเทวรูปทั้งหมด เหลือแต่เทวรปู ทอ่ี งคใ์ หญ่ท่ีสดุ และเขาไดน้ าขวานไปแขวนไว้กับเทวรปู องคใ์ หญน่ น้ั เม่อื ผู้คนกลบั มาจงึ ตน่ื ตกใจและต่างพากนั สงสยั ว่าใครเปน็ คนทาเช่นนี้ แต่แลว้ กม็ ีคนกลา่ วว่า“เราไดย้ นิ เดก็ หน่มุ คนหนึง่ กล่าวตาหนริ ูปปน้ั เหล่านี้ เขามีช่ือวา่ อิบรอฮมี ” ผคู้ นจงึ ไปนาตัวอิบรอฮมี มา เมอ่ื อิบรอฮมี ถูกนาตวั มา ผ้คู นไดถ้ ามวา่ “อิบรอฮีม เจา้ ทาลายเทวรปู ทเ่ี ราสักการบชู าใช่ไหม” อบิ รอฮมี จึงช้ไี ปท่เี ทวรูปองค์ใหญ่และตอบกลบั ไปวา่“เปล่า เทวรูปองคใ์ หญ่นัน้ ต่างหากทที่ า ไมเ่ ชื่อลองถามมันด”ู พวกผู้คนต่างก็อึ้งกันไปหมด ไมร่ ู้ว่าจะตอบยงั ไง ด้วยความโกรธทเี่ ทวรูปบูชาของพวกตนถูกทาลายและยังต้องอบั อายขายหนา้ พวกบชู าเทวรปู จึงไมย่ อม จงึ บอกว่าต้องลงโทษคนทาลายเทวรปู โดยตัดสินใหจ้ ุดไฟให้ใหญโ่ ตแล้วโยนอบิ รอฮีมลงไปในกองไฟ เมือ่ อบิ รอฮมี ถกู โยนเขา้ ไปใน 11

กองไฟ อลั ลอฮก็ไดม้ ีบญั ชาว่า “โอ้ไฟ จงเยน็ ลงและใหค้ วามปลอดภยั แก่อบิ รอฮีม” ไฟทล่ี กุ ท่วมอิบรอฮีมอยูจ่ งึ กลายเป็นไฟทีเ่ ย็น พอพวกบูชาเทวรปู เหน็ อิบรอฮีมเดนิ เล่นในไฟ แลว้ ออกมาไมม่ ีรอยไหม้อะไรเลย จงึ เร่ิมมีสติไตร่ตรองเหตกุ ารณต์ ่างๆท่ีได้เกดิ ขน้ึ ผ่านไปหลายปี เมอื่ อบิ รอฮีมเทศนาทีเ่ มอื งบาบิโลนไม่ไดผ้ ล จงึ ต้องอพยพไปเมอื งอียิปต์กบั ท่านหญิงซาเราะฮ(ภรรยา) และเมื่ออยู่ไมไ่ ด้กต็ ้องหนีไปอยเู่ มืองชามอิบรอฮีมอยกู่ บั ท่านหญงิ ซาเราะฮท่ีเมอื งชามจนอายขุ องทา่ นประมาณ 80 ปี กย็ ังไม่มีลกู ท่านจงึ ได้วิงวอนตอ่ อลั ลอฮใหท้ รงประทานลูกชายทด่ี ีให้แก่ท่านคนหนึ่ง ตอ่ มาท่านก็ได้แต่งงานกับนางฮาญัร(ทาสหญงิ ของนางซาเราะฮ) โดยท่ีนางซาเราะฮให้คาอนุญาตและได้ลกู ชายนา่ รกั คนหนงึ่ มีชื่อว่า “อสิ มาอลี ” เม่ืออิสมาอีลโตขนึ้ เป็นหนมุ่ วนั หนง่ึ นบอี ิบรอฮมี ไดร้ บั การทดสอบจากอัลลอฮในลูกคนแรกของท่านคอื อสิ มาอลี เพือ่ ทดสอบความรักต่ออัลลอฮฺ อัลลอฮทฺ รงส่ังใหน้ บีอบิ รอฮีมเชือดอิสมาอีล อิบรอฮมี ก็ไดเ้ รียกอิสมาอีลมาหาและกล่าวว่า “ลูกรกั พอ่ เหน็ ในความฝันวา่ พอ่ กาลงั เชือดเจ้าเพ่ือพลีถวายตอ่ องคอ์ ัลลอฮ” อิสมาอลี จงึ ตอบว่า “พอ่ ครับ อะไรก็ตามทพี่ อ่ ถกู บัญชาใหท้ า พ่อจงทา หากเปน็ ประสงคข์ องอัลลอฮ แล้วพอ่ จะเห็นว่าผมเป็นผู้ท่ีเขม้ แข็งอดทน” เมอื่มาถงึ สถานที่ทีจ่ ะใชเ้ ป็นท่ีเชือด นบอี ิบรออีมได้ให้อีสมาอลี นอนลง แตก่ อ่ นทีจ่ ะลงมอืเชือด อัลลอฮก็ได้กล่าวแก่ท่านวา่ “อิบรอฮีม เจ้าไดแ้ สดงเจตนาทีจ่ ะปฎิบัตติ ามคาบัญชาแล้ว ความจรงิ แล้วนีเ่ ป็นเพยี งการทดสอบเจา้ ต่างหากอิบรออมี ดงั นั้นเราจะตอบแทบความดงี ามให้” อัลลอฮฺก็ยกเลกิ คาบัญชาของพระองค์ และนาแกะสองตวั มาจากชั้นฟ้าให้ทา่ นนบอี ิบรอฮีมเชือดแทน (จนกลายเป็นสัญลกั ษณ์แหง่ การถวายกรุ บานหรอื การเชือดววั ท่ีเราเชือดกุรบานเพอื่ ขอบคณุ ถวายใหอ้ ลั ลอฮ) ขณะท่ีทา่ นน 12

บีอิบรอฮีมอยู่ที่เมอื งชาม ทา่ นถูกส่ังใหน้ าอิสมาอลี กับนางฮาญรั อพยพไปสู่เกาะอาหรับมักกะฮฺ เพอื่ สร้างกะอบะฮ อิบรอฮมี และอสิ มาอลี จึงชว่ ยกนั สรา้ งอาคารขน้ึ มาหลงั หนึง่โดยนาเอาหินในบริเวณนัน้ มาก่อเป็นรปู ทรงสีเ่ หลย่ี ม ก่อนลงมอื สร้าง อบิ รอฮมิ ได้วิงวอนตอ่ อลั ลอฮวา่ “โอพ้ ระผู้อภบิ าลของฉัน ขอได้ทรงโปรดทาเมอื งนี้ใหเ้ ปน็ ที่ปลอดภยั และได้ทรงโปรดประทานผลไม้นานาชนิดแก่ชาวเมอื งผู้ศรัทธาในอัลลอฮและวนั สุดท้าย(วันสิ้นโลก)ดว้ ยเถดิ ” พระองค์จงึ ได้ตอบว่า “สาหรับบรรดาผู้ปฏิเสธนั้น ฉันกจ็ ะใหส้ ิ่งจาเป็นสาหรับการดารงชีวิตในโลกนแี้ ก่พวกเขา แต่ในโลกหนา้ ฉันจะสง่ เขาไปส่กู ารลงโทษในไฟนรก” หลังจากสรา้ งกะอบะฮแลว้ ทา่ นก็กลับไปอยู่กบั ครอบครัวของท่านท่ีเมืองชาม และได้มลี กู กับทา่ นหญงิ ซาเราะฮชือ่ “อสิ หาก” 13

14

ขณะที่นบีอบิ รอฮมี อย่ใู นวยั ชราและอ่อนแอมากแลว้ วันหนง่ึ มลาอิกะฮอิซรออลี ไดม้ าปรากฏตอ่ หน้านบี “อัลลอฮได้ทรงมบี ัญชาให้ฉนั มาเอาชีวติ ทา่ น” เมอื่ ได้ยินเชน่ นั้น นบีอบิ รอฮีมจึงกล่าวแก่มลาอิกะฮวา่ “ถา้ เช่นนั้น ท่านจงปฏบิ ตั ิตามคาบัญชาของอลั ลอฮเถดิ ” นบอี ิบรอฮมี เสียชีวติ เมื่อท่านมีอายุได้ 175 ปี หลงั จากนบอี บิ รอฮีมเสียชีวิตไป มนี บีสองท่านทท่ี าหน้าที่เทศนาตอ่ คือ ท่านนบอี สิ หากอยู่ท่เี มอื งชาม และท่านนบอี ิสมาอลี อยใู่ นเกาะอาหรบั หลังจากน้ันลกู หลานของท่านกไ็ ดร้ ับเลอื กใหเ้ ปน็ นบีคนสาคัญหลายคน เช่น อสิ มาอีล อิสฮาก ยะกู๊บ ยูซุฟ เปน็ ต้น 15

นบมี ซู ำ อะลัยฮสิ ลำม มูซา เป็นบุตรของอิมรอน เปน็ ลูกหลานของนบยี ะอกบู และมาจากเผา่ บนอี สิรออีลซึง่ อยใู่ นแผ่นดินอยี ปิ ต์ อียิปตใ์ นยุคน้นั ถูกปกครองโดยฟาโรห์รามเสสท่ี 2 (ฟริ เอาน์) วันหนึ่งฟิรเอาน์ไดฝ้ นั เห็นไฟท่มี ุ่งหน้ามาจากเยรูซาเล็มเข้ามาสู่อียิปต์ โดยไฟไดเ้ ผาบ้านเมืองและเผาผู้คนชาวอยี ิปต์ ไฟได้ทาลายบ้านเรือนเสียหายและทาให้ผู้คนลม้ ตาย แต่ไม่ทารา้ ยนบีอิสรออลี เลย ดว้ ยความตนื่ ตกใจ ฟิรเอาน์จึงไดเ้ รยี กโหรทานายเข้าพบและเลา่ ความฝันใหฟ้ งั พวกโหรไดท้ านายฝันแก่เขาว่า “มชี ายคนหนึง่ มาจากเมืองนนั้ และความพนิ าศของอียิปต์จะอยู่เบือ้ งหนา้ เขา จะมีคนดีเกดิ ข้ึนมาในตระกลู ของอิสรอลี ” ซึง่ คนทม่ี าจากเมืองเยรูซาเล็มนน้ั กค็ อื นบีอิสรออลี และพวกพ้องของทา่ น เมือ่ ฟริ เอานไ์ ด้ยิน 16

เชน่ นนั้ จึงต้องการทจ่ี ะกาจดั พวกอิสรออีลและขับไล่ออกไปจากแผ่นดิน ฟิรเอาน์จึงออกคาส่ังใหป้ ระหารชวี ติ เดก็ ผู้ชายชาวอสิ รออลี ทกุ คนทลี่ มื ตาออกมาดโู ลก แตถ่ า้ เป็นผหู้ ญิงใหป้ ลอ่ ยไวช้ วี ติ ในช่วงนีเ้ อง มซู าได้ถอื กาเนดิ ขนึ้ มา มซู าคลอดออกมาไดไ้ ม่กี่วัน ด้วยความกลวั มารดาของทา่ นจึงได้ซ่อนมูซาไวใ้ ห้พน้ จากสายตาทหารฟริ เอาน์ เมอื่ มารดาของท่านเกรงว่าบุตรจะเป็นอันตราย อลั ลอฮจึงดลใจให้ นางนามซู าไปใส่ไว้ในหีบไม้ แลว้ คลมุ หีบนน้ั ด้วยกิ่งไม้แลว้ นาไปลอยในแม่น้า ไนล์ โดยใหญ้ าติสนิทคอยสังเกตการณว์ า่ หบี นนั้ จะลอยไป ณ สถานทใี่ ด หบี นั้นลอยทวนนา้ ไปส่ปู ราสาทของฟิรเอาน์ ฟิรเอานแ์ ละภรรยาไดม้ าเหน็ และ ทนั ทที ี่เปดิ หีบดพู บว่าเปน็ เด็กทารกเพศชาย ฟิรเอาน์จงึ ออกคาส่งั ทันทีวา่ ให้ ฆ่าเด็กทารกนนั่ แตภ่ รรยามีความใจออ่ นจึงขอร้องฟิรเอานใ์ ห้เล้ียงเด็กคนนี้ ไว้เปน็ บุตรบญุ ธรรม มเหสขี องฟิรเอาน์ได้เล้ยี งดมู ูซาเป็อยา่ งดี แต่มูซากลับ เอาแต่ร้อง และไม่ยอมดื่มนมจากแมน่ มคนไหนเลย ขณะน้นั ญาตสิ นิทของ มารดามูซาอยู่ ณ ทน่ี น้ั ด้วย เธอจึงแนะนาว่ามแี ม่นมคนหนง่ึ ที่มวี ามสามารถ ในการเลยี้ งทารกไดเ้ ปน็ อยา่ งดี ควรทจ่ี ะนามาเปน็ แม่นมของเดก็ คนน้ี พวก ของฟิรเอาน์เหน็ พอ้ งด้วย จึงไดน้ าตวั หญิงคนนั้นมาเปน็ แม่นม ทารกจงึ ยอม ด่มื นมและรับการเลีย้ งดูเป็นอยา่ งดี ซงึ่ หญงิ คนน้นั ก็คือมารดาของมูซาน่นั เอง 17

เมื่อมูซาเติบโตขึ้น ทา่ นกไ็ ด้รับการศกึ ษาในวชิ าการต่างๆ ดุจดั่งลกู กษตั รยิ ์ท่วั ไป ทาให้ท่านมีความรูค้ วามฉลาดในทกุ ๆแขนงเหนือเด็กอ่ืนๆ อยู่มาวนั หน่งึ ท่านออกไปนอกพระราชวัง พบชายชาวมสิ รกี ับชายชาวอสิ รออีลกาลังทะเลาะกันจนถึงกับจะฆ่ากัน ท่านเขา้ ไปช่วยชาวอิสรออีล ทาใหเ้ กิดการต่อสู้ขน้ึ ทาให้ชาวมิสรถี ึงแกค่ วามตายโดยไม่เจตนา ท่านนึกเสยี ใจและสานึกผดิ ตลอดมาครั้นเม่ือขา่ วการฆาตกรรมของมูซาไดแ้ พร่ไปยังกลมุ่ ชนมิสรี ญาติชาวมิสรีตอ้ งการท่ีจะจบั มูซามาฆา่ ให้ตายตามกัน แต่มีผหู้ วงั ดคี นหนง่ึ ทราบขา่ ว จงึ ได้ไปแจ้งมซู าให้หลบหนีออกจากเมืองโดยดว่ น ท่านจึงได้หลบหนีไปยงั เมืองมัดยัน มูซาเดินทางออกจากอียปิ ต์ม่งุ หน้าสตู่ ะวันออก ทา่ นเดินทางไปเพียงลาพังคนเดยี วในทะเลทรายซยั นาอ์(ซนี าย) 18

โดยไม่มีเสบยี งและน้า ทา่ นเดินไปโดยไม่มีรองเท้าสวมใส่ ทา่ นต้องกินใบไมแ้ ทนอาหารท่านเหน็ดเหนื่อยมาก จนในท่สี ุดท่านกไ็ ดเ้ ดนิ ทางไปถงึ แผ่นดนิ มดั ยัน ขณะที่ทา่ นกาลงัเดินทางไปท่เี มืองมัดยนั ทา่ นพบบ่อนา้ แหง่ หนึ่งท่ีบุคคลจานวนมากจะเอาน้าในบอ่ ให้สัตวเ์ ล้ียงกนิ ทา่ นเห็นผหู้ ญงิ สองคนจะเข้าไปเอาน้า แตต่ ้องคอยเป็นเวลานานเนื่องจากผ้คู นจานวนมาก ทา่ นจึงได้ยกหนิ หนักท่ีต้องใชค้ นยก 7 คน เปดิ ปากบ่อใหม่ข้นึ อกี บอ่ หน่งึ ทาให้ผหู้ ญงิ ทงั้ สองคนนั้นไดน้ ้าไปให้สตั วก์ นิ เมอื่ ทั้งสองกลบั ไปถึงบ้านก็เล่าใหบ้ ดิ าฟงั วา่ มชี ายคนหนึ่งเปิดบ่อนา้ ให้ ท่านนบีชอุ บี (บดิ าของท้งั สอง)จงึ ไดใ้ หบ้ ุตรไปตามชายคนน้ันมาท่ีบา้ น และบตุ รีบอกแก่บดิ าว่า ให้จ้างชายคนนน้ั ไว้เล้ียงสัตว์ของเรา เพราะเขาแข็งแรงและไวใ้ จได้ จนในท่สี ุดนบชี ุอีบได้ทาการแต่งงานระหวา่ งมซู ากบับตุ รขี องท่านในเวลาต่อมา มูซาอยู่ในมดั ยนั เปน็ เวลา 10 ปี มซู าร้สู กึ คิดถงึ บา้ น เพราะทา่ นจากครอบครัวมานานแลว้ หลังจากนน้ั ทา่ นและภรรยาก็ไดเ้ ดินทางกลับไปท่ีมิสรี เมื่อไปถึงภูเขาลกู หน่งึ ทา่ นได้เหน็ แสงไฟข้างหนา้ ท่านคิดจะเข้าไปเพอื่ ถามอะไรบางอยา่ ง แต่เมือ่ ไปถงึ บริเวณทท่ี า่ นเห็นแสงไฟ ท่านกลบั ไม่พบใครอยู่ตรงนัน้ แต่กลับมเี สียงก้องออกมาจากตน้ ไม้ตรงที่มแี สงไฟว่า “ฉันคอื อัลลอฮ พระผู้อภบิ าลแหง่ สากลจกั รวาลถอดรองเทา้ ของเจา้ ออกเสีย เพราะตอนนเ้ี จ้าอยบู่ นหบุ เขาฎวาอันศักดิส์ ิทธ์ิ” จากน้ันอัลลอฮก็ทรงทาให้ไมเ้ ท้าที่ใชย้ นั กายและใชเ้ ลย้ี งสัตวข์ องมูซา กลายเป็นไมเ้ ทา้ ทเี่ มือ่ขวา้ งไปจะกลายเปน็ งใู หญ่ให้ และอลั ลอฮยังประทานความสามารถอกี อยา่ งหน่งึ คือเมอ่ื ล้วงมือไปในคอเส้อื แลว้ เอาออกมา จะปรากฏแสงขาวนวลขนึ้ โดยไม่เปน็ อันตราย 19

แก่ใคร ท้ังนีเ้ พ่ือแสดงถึงความเปน็ รอซูลของอัลลอฮ ณ สถานทีน่ ั้นเอง ท่านได้รบั การแต่งตั้งใหเ้ ป็นรอซูลเพือ่ นาบัญญัติไปเผยแผ่แกฟ่ ิรเอาน์และพวกพ้อง เม่ือนบมี ูซาเข้าไปยังเมืองมสิ รีทา่ นไดพ้ บกบั ฮารนู ผู้เป็นพ่ชี าย ท้งั สองจึงเขา้ไปหาฟิรเอาน์ พร้อมกบั แจง้ ให้ทราบว่า ตนได้รบั การแตง่ ตั้งใหเ้ ปน็ รอซลู แลว้ และได้เชญิ ชวนใหฟ้ ิรเอาน์และพวกพอ้ งของฟริ เอาน์มาสู่แนวทางของอลั ลอฮ แต่ฟิรเอานก์ ลบัโกรธมากท่มี ูซาเนรคณุ ตอ่ ตน ฟิรเอานจ์ ึงประกาศออกไปวา่ “ถ้าหากพวกเจ้าถือเอาใครอนื่ นอกจากฉันเป็นพระเจา้ แล้ว ฉันจะโยนพวกเจ้าเขา้ คุก” นบมี ูซาเลยแสดงหลักฐานโดยโยนไม้เท้าลงไปท่ีพน้ื ทนั ใดนัน้ ไมเ้ ท้าก็กลายเปน็ งู จากน้ันนบีมซู ากเ็ อามือลว้ งเขา้ ไปในเสอ้ื แล้วดงึ ออกมามแี สงสว่างให้ทุกคนได้เห็น ฟริ อูนหาว่าสิง่ นั้นเป็นมายากลพวกเขากส็ ามารถทาไดเ้ ชน่ กนั ฟิรเอาน์จงึ ประกาศหานักมายากลทีม่ ีฝมี ือมาประลองวิชามายากลกับนบีมูซา โดยเอาวนั เทศกาลที่มีผคู้ นมาชมุ นมุ กันมากๆและใน 20

ตอนกลางวนั ด้วย นบมี ูซากล่าวตอบตกลง ฟาโรหเ์ ปา่ ประกาศหานักมายากลทเี่ ก่งกาจท่วั อยี ปิ ต์ ข่าวคราวเรอื่ งการประลองมายากลก็ได้แพร่สะพัดออกไปเป็นท่ีสนใจของประชาชนจนหลายคนตัดสินใจว่าถา้ ฝา่ ยใดชนะก็จะยอมนับถือฝา่ ยนน้ั เม่อื วนั ประลองมาถงึ เหล่านักมายากลเปน็ ฝา่ ยเริ่มก่อน นกั มายากลไดโ้ ยนไม้เทา้ และเชอื กของตนลงไปบนพ้นื ทนั ใดนน้ั ทง้ั ไม้เทา้ และเชอื กของนักมายากลก็กลายเป็นงเู ลือ้ ยไปมา ทาให้นบีมูซาตกใจกลวั เมือ่ เหน็ เชน่ นัน้ แต่อัลลอฮก็ได้ทรงบัญชาลงมาว่า “อย่ากลวั เจ้าจะชนะ จงโยนสง่ิ ทอี่ ยใู่ นมือของเจ้าลงไป แลว้ มันจะกลืนกนิ ส่ิงท่ีพวกเขาทาขึ้นมา” ดังนัน้ นบีมูซาจงึ โยนไม้เท้าลงไปบนพน้ื ไมเ้ ท้านั้นก็กลายเป็นงูใหญ่เล้ือยเข้าไปกลนื กินงูเลก็ ๆของนกั มายากลจนหมดส้นิ เมือ่ ฟิรเอาน์เหน็ เชน่ น้นั จงึโกรธและคดิ ว่าจะปลอ่ ยใหม้ ซู าและคนของเขาก่อความเสียในแผน่ ดินน้ไี มไ่ ดแ้ ลว้ ฟิรเอาน์จึงคดิ ที่จะฆา่ มซู าและพวกอิสรออีลใหห้ มด เมื่อฟริ เอาน์ไมย่ อมศรทั ธาในอลั ลอฮทั้งๆท่ีได้เหน็ สัญญาณที่นบีมูซานามาแสดงให้เห็นแลว้ อัลลอฮก็ทรงลงโทษฟริ เอาน์และชาวเมอื งดว้ ยการทาใหเ้ กิดพายุ ตัก๊ แตน เห็บ เหา กบและตัวเรือดใหม้ าแพร่ระบาดไปท่ัวอยี ิปต์ดว้ ยทัง้ นเี้ พอื่ ให้ฟริ เอาน์ไดเ้ หน็ ถึงอานภุ าพของพระองค์ จากนั้นอลั ลอฮได้ทรงมีบญั ชาใหน้ บมี ซู าพาพวกอสิ รออีลหนอี อกจากอยี ปิ ต์ในตอนคา่ คืน จากเมืองมิสรีไปยงั ริมฝ่งั ทะเลแดง เมื่อฟริ เอานท์ ราบข่าวจงึ ไดร้ ะดมพลยกกองทพั ติดตามมายงั ริมฝงั่ ทะเลแดงหวงั ทจ่ี ะฆ่ามซู าและพรรคพวกให้หมดสิ้น พวกอสิ รออีลได้รอ้ งเอะอะโวยวายดว้ ยความกลัวเมือ่ เห็นฟริ เอานย์ กกองทัพติดตามมา นบีมูซาจึงได้กล่าววา่ “พวกท่านไม่ต้องกลวั อลั ลอฮทรงอยู่เคียงข้างฉัน พระองคจ์ ะทรงนาทางฉัน” แลว้ ทา่ นกไ็ ด้บญั ชาจากอัลลอฮ ให้นบีมูซาฟาดไมเ้ ท้าลงไปท่ที ะเล ทาใหท้ ะเล 21

แยกออกเป็นเส้นทาง ทาใหน้ บมี ูซากับพรรคพวกเดินขา้ มไปโดยปลอดภัย เม่ือนบีมูซาพาคนของทา่ นขา้ มทะเลไปหมดแลว้ กองทัพของฟิรเอานก์ ็ตามมา อลั ลอฮจึงได้ทรงทาใหน้ ้าทะเลทว่ มกลับมาเหมอื นเดมิ นา้ ทะเลได้ท่วมทบั ฟริ เอาน์และกองทหารของเขาจนตายหมด ฟริ เอาน์ไดร้ อ้ งออกมาว่า “ฉันศรทั ธาแลว้ ว่าไม่มพี ระเจา้ อน่ื ใดนอกจากพระเจา้ ทพ่ี วกลกู หลานของอสิ รออลี ศรทั ธาและฉนั ขอเปน็ ผู้หนึ่งที่ยอมจานน”แตอ่ ัลลอฮไดท้ รงกลา่ ววา่ “ตอนน้ีกระนั้นหรอื ทส่ี เู จา้ ศรัทธา ในขณะทก่ี ่อนหนา้ นส้ี เู จ้าเป็นผู้ฝา่ ฝนื และเปน็ ผ้อู ยู่ในหม่ผู กู้ อ่ การเสยี หาย เราจะรักษาร่างของเจา้ ไวเ้ พยี งเพอ่ื เปน็สญั ญาณเตอื นสาหรับชนรนุ่ หลังเจ้า ถงึ แมว้ า่ มผี ูค้ นจานวนมากมายทไ่ี ม่ใส่ใจต่อสัญญาณทง้ั หลายของเรา” จากนั้นฟิรเอาน์กเ็ สียชีวติ ลง ศพของทหารฟิรเอาน์ทกุ คนจมหายไปในนา้ หมด เหลอื แตเ่ พียงศพของฟริ เอานผ์ ู้เดียวเท่านน้ั ทลี่ อยน้าอยู่ 22

นบีอซี ำ อะลยั ฮสิ ลำม นบอี ีซาเปน็ บุตรของมรั ยมั บุตรอิมรอน บตุ รมาซาน พระนางมัรยัมนนั้ เปน็สตรที ม่ี คี วามจงรักภกั ดตี ่ออลั ลอฮอยา่ งเตม็ เปี่ยม อัลลอฮทรงค้มุ ครองนางตัง้ แตเ่ ลก็โดยใหอ้ ยู่ภายใต้การอุปการะของนบีซะกะรียา เม่ือนางมรั ยัมเจรญิ เตบิ โตข้ึน อัลลอฮ์ไดบ้ ัญชาใหม้ ลาอิกะฮมาแจง้ กับมัรยัมมลาอกิ ะฮ : มัรยัมเอ๋ย อลั ลอฮทรงเลอื กเธอ พระองค์ทรงทาให้เธอบริสทุ ธ์ิและทรงเลอื กเธอใหเ้ หนือกว่าบรรดาหญิงท้ังหลายในโลกน้ี ดังน้ันเธอจงเคารพภกั ดีต่ออัลลอฮเถิด จงสุญดุ (ก้มกราบ)และรุกอู ์(โค้งคานบั ) พระองค์อลั ลอฮไดใ้ หเ้ รามาแจง้ ข่าวดีแก่เธอว่า เธอจะมีบุตรมัรยัม : ขา้ แต่พระผเู้ ป็นเจา้ ฉนั จะมีบตุ รได้อยา่ งไร ในเมอ่ื ไมม่ ีผชู้ ายคนใดมาแตะต้องตวั ฉันมลาอิกะฮ : กระนั้นกต็ าม อลั ลอฮจะทรงบงั เกดิ ส่งิ ท่ีพระองค์ทรงประสงค์ เมือ่พระองคป์ ระสงค์ส่งิ ใด พระองค์ทรงตรัสว่า “จงเปน็ ” แล้วมันก็จะเป็นข้ึนมานับจากน้นั ไมน่ าน มรั ยัมก็ตงั้ ครรภ์ นางหลบหนีออกมาคลอดลกู คนเดียวนอกเมอื งขณะทนี่ างคลอดลกู น้ัน นางออ่ นเพลียและหิวโหยมาก เพราะท่ีน่นั แห้งแล้งไมม่ นี า้ หรอือาหารสาหรบั นางเลย และแลว้ อัลลอฮกท็ รงช่วยเหลอื นาง พระองค์ทรงใหต้ ้นอนิ ทผลมั เอนลงมา เมื่อเธอเขย่ามันอินทผลัมสุกก็หล่นลงมา แลว้ เธอกเ็ อามนั มาเป็น 23

อาหาร และพระองค์ใหน้ า้ พุพวยพุ่งขน้ึ มาจากพน้ื ดนิ นาความชุ่มชน่ื อ่ิมเอบิ ให้กับนางทนั ทีท่ีนางแขง็ แรงดี นางก็พาลกู ของนางกลบั เขา้ หมบู่ า้ น ชาวบ้านต่างกร็ มุ ซกั ถามนางวา่ เดก็ ทารกนอ้ ยน้ันเป็นใครมาจากไหน นางไม่ตอบแตช่ ้ีไปทเ่ี ด็กน้อยน่นั เพ่อื เป็นสัญญาณให้พวกเขาถามเดก็ นอ้ ย พวกชาวบา้ นโมโหจึงกล่าวกับนางวา่ “เดก็ เลก็ ที่อยู่ในเปลจะพูดได้อย่างไร?” และแล้วสิ่งมหัศจรรยก์ ็เกดิ ขนึ้ เด็กทารกพูดตอบชาวบา้ นว่า“ท่านทั้งหลาย ฉันคอื บา่ วของอัลลอฮ พระองคท์ รงประทานคมั ภีรแ์ ก่ฉนั และทรงแตง่ ตงั้ ฉนั ใหเ้ ป็นนบี พระองคท์ รงใหค้ วามจาเรญิ แกฉ่ นั พระองคท์ รงส่ังเสยี ฉันให้ทาการละหมาด จ่ายซะกาต(บรจิ าค) พระองคท์ รงใช้ฉันให้ทาความดีแก่มารดา และแท้จริงอลั ลอฮคอื พระเจา้ ของฉันและพระเจา้ ของพวกท่าน ดังนั้นพวกทา่ นจงเคารพภกั ดีตอ่ พระองคเ์ ถดิ ” 24

หลายปีผ่านไป เมื่อนบอี ซี าเติบใหญ่ อลั ลอฮใหป้ ฏิบัติตามหนา้ ทศี่ าสนฑูตโดยรับคัมภีร์อินญีลมาเปน็ บทบญั ญัตทิ างศาสนา เพื่อใหช้ นชาติชาวอสิ รออลี กลบั มานบั ถือศาสนาอสิ ลามอย่างถกู ต้องตามเดมิ แตป่ รากฏวา่ มีผูศ้ รทั ธาน้อยเหลอื เกนิ ชนสว่ นใหญ่กลา่ วว่า นบีอีซาพูดโป้ปดมดเท็จในการดาเนินสอนศาสนา จงึ กลา่ วแก่นบีอีซาวา่ “ท่านมีหลกั ฐานอะไรท่วี า่ ทา่ นเป็นศาสนฑตู ท่พี ระเจา้ ทรงแต่งตั้งมา” ดังนั้นอัลลอฮจงึ ให้นบีอซี าแสดงอภินหิ ารใหป้ ระจักษแ์ ก่พวกเหล่านน้ั ดังนี้1.ให้ป้ันดนิ เป็นรูปนก แล้วเม่ือเป่าเข้าไปในดินแลว้ กลายเป็นนกจริงๆบินไปตอ่ หน้าได้2.สามารถบาบดั รักษาคนตาบอดใหก้ ลบั มาเห็นได้เหมือนเดิม3.สามารถรกั ษาคนท่ีเป็นโรคเรื้อน ให้หายเปน็ ปกติได้4.ทาให้คนที่ตายไปแล้วฟ้นื ขน้ึ มาเปน็ คนเหมอื นเดมิ ได้ซึง่ อภินิหารดงั กล่าวนี้เกดิ ขนึ้ ไดด้ ้วยอนุมัตขิ องพระองคอ์ ลั ลอฮ ถึงแม้ว่าชาวอสิ รออลี จะไดเ้ ห็นสญั ญาณตา่ งๆท่ีอัลลอฮทรงประทานให้นบอี ีซา พวกเขาบางคนกย็ ังปฏเิ สธการศรัทธา แต่บางคนกศ็ รัทธาต่ออลั ลอฮ พวกยวิส่วนมากไม่ยอมรับทา่ นนบอี ีซา ได้ประกาศการปฏเิ สธว่าทา่ นเปน็ นบขี องชาวอิสรออลีและกลับไปวางแผนเพ่อื ฆ่าและรว่ มมอื กันต่อต้านนบีใหม่ทม่ี ายงั ชาวอสิ รออลี ตอนนั้นบนอี สิ รออีลอยกู่ บั ทา่ นนะบอี ีซาท่เี มอื งฟลิ สิ ฏีนซงึ่ อยู่ภายใต้การปกครองของอาณาจกั รโรมนั ซึ่งในยุคนนั้ เปน็ ประเทศไร้ศาสนา มีการบูชารปู ปน้ั ซง่ึ นามาจากวฒั นธรรมกรกี เมอ่ื ถงึ ยุคท่านนะบอี ีซา ท่านได้เทศนาสู่หลักการอันเท่ียงธรรมเหมือน 25

บรรดานบีท้งั หลาย ยิวและโรมนั ไมพ่ อใจ พวกยิวด่าและประณามท่านนบีอีซา แต่ท่านกย็ ืนยนั ในคาบัญชาของอัลลอฮทฺ ี่ตอ้ งเผยแผศ่ าสนา เมื่อพวกยวิ ไม่ประสบความสาเรจ็จึงไปรว่ มมือกับโรมัน ชาวยวิ ซ่ึงเปน็ เผา่ ตระกูลของนบีอีซาประทว้ งและทาทุกวถิ ีทางเพ่ือใหน้ บีอีซาพ้นจากชวี ติ พวกเขา กษตั ริย์โรมนั จึงมีคาสงั่ ให้ฆ่านบีอีซาแล้วตรงึ บนไม้กางเขน แต่จริงๆแล้วนบอี ซี าไม่ไดถ้ ูกตรงึ บนไมก้ างเขน น่นั เป็นแคภ่ าพลวงตาที่เกิดขึ้นสาหรบั ชาวยวิ เพราะยาฮซู าซง่ึ เป็นลูกศิษย์ของนบอี ซี าเกิดอกตญั ญู ไปบอกท่ีอยู่ของนบอี ีซา ขณะท่ีทา่ นหลบหนจี ากยวิ และโรมนั จึงทาใหต้ ารวจจะมาจับนบีอีซาปรากฏว่าอลั ลอฮฺได้ทาให้หนา้ ตาและร่างกายของลูกศิษยท์ ่านคนน้ีเหมือนนบอี ซี าตารวจจึงจับยาฮซู าไปโดยท่ีเชื่อว่าเปน็ นบอี ีซา แล้วนาไปประหารชีวติ และตรงึ บนไม้กางเขนแทน สว่ นทางด้านนบอี ซี ายังไมต่ ายและถูกอัลลอฮยกขน้ึ ไปบนชนั้ ฟา้ (สวรรค์)และจะลงมาจากฟากฟา้ อีกครง้ั เม่ือใกล้วันสิน้ โลก 26

นบมี ฮู ัมหมดั ศ็อลลัลลอฮอุ ะลยั ฮวิ ะซลั ลมั นบมี ูฮัมหมดั เกิดในเวลาเช้าตรขู่ องวนั จันทร์ ที่ 12 เดือนรอบีอลุ เอาวลั ปีชา้ งตรงกับวันที่ 22 เมษายน ค.ศ.570 ณ นครมักกะฮ ปีทป่ี ระสูตศิ าสดามุฮัมหมัดร้จู กั กนั อยา่ งแพรห่ ลายวา่ “ปีชา้ ง” ท้ังน้ีเพราะวา่ ในปนี ั้น แมท่ ัพแห่งเอธิโอเปียซง่ึ เป็นข้าหลวงปกครองเมอื งเยเมน มีชอ่ื ว่า \"อับรอฮะห \" ได้กรีฑาทพั ช้างมุ่งสู่นครมกั กะฮฺหวังท่ีจะทาลายวิหารกะบะฮฺ กองกาลังของนครมกั กะฮไฺ ม่มีกาลังพอทจี่ ะต้านกองทัพของอบั รอฮะหฺอนั มหึมานีไ้ ด้ ชาวมกั กะฮฺตา่ งกท็ าไดเ้ พียงแต่เฝา้ มองเหตุการณ์ และขอความคมุ้ ครองจากพระเจา้ เท่านัน้ พระองค์อัลลอฮฺทรงปกปอ้ งวิหารกะบะฮฺและยับยั้งแผนอันช่ัวรา้ ยของกองทัพอบั รอฮะหนฺ ้ีโดยการสง่ ฝูงนกชนดิ หนึง่ เรียกว่า “อะบาบีล” นกแต่ละตัวคาบก้อนกรวดชนดิ หนึ่งที่มีเชื้อร้ายไปทิง้ ทกี่ องทัพของอับรอฮะหฺ และเชื้อร้ายนั้นได้แพรก่ ระจายไปทัว่ กองทัพ 27

กองทัพของอบั รอฮะหฺ ฺถงึ กบั ราบพนาสูรทั้งคนท้งั ช้างและม้า รา่ งกายของคนและสตั ว์เหมือนกบั ธัญญาพืชท่ถี ูกแมลงกัดกนิ พวกทหารของอบั รอฮะหฺตา่ งล่าถอยหนดี ้วยความกลัว ที่หนไี ม่ทันก็กลายเปน็ ศพตายระเนระนาด อับรอฮะหตฺ อ้ งถอนทพั กลบั อย่างระสาระสา่ ย เขาเองกถ็ กู พษิ ร้ายนั้นด้วยและเสียชวี ิตลงในเวลาต่อมา หลงั จากเหตกุ ารณ์อัศจรรย์นเี้ กิดขนึ้ ไม่ก่เี ดือน มักกะฮฺก็ได้รับเกยี รติต้อนรบั การประสูติของศาสดามุฮัมหมดั ด้วยเหตนุ ้จี งึ เรียกปีทปี่ ระสูติของศาสดามุฮัมหมัดวา่ ปีชา้ ง มฮู ัมหมัดเปน็ คนชาวอาหรับเผา่ กรุ ็อยซ์ ซึง่ เป็นตระกลู ทีม่ เี กยี รติสูงในชาติอาหรบั บดิ าของท่านชอ่ื อบั ดลุ ลอฮ มารดาของทา่ นช่ืออามีนะฮ เม่อื พระองค์ทรงประสูติออกมาจากครรภ์ของมารดา มีนมิ ิตเกดิ ขนึ้ มากมาย เช่น ร่างกายมีรัศมสี ว่างไสว ร่างกายอะสาด มกี ล่ินหอม สายสะดืออยใู่ นสภาพทีเ่ รียบรอ้ ย ประสาทเจา้ เมืองกซิรอพงั ทะลาย ไฟท่เี จา้ เมืองฟารซิ ีจดุ ไว้เพื่อกราบไหวก้ ด็ บั หมด นบีมฮุ ัมหมดั กาพร้าบิดาตง้ั แต่ยังอยู่ในครรภม์ ารดา ซงึ่ ลม้ ปว่ ยและเสียชวี ติ ทม่ี ะดนี ะฮฺในขณะทีเ่ ดนิ ทางกลับจากการค้าท่ีซีเรยี เมอื่ ศาสดามุฮัมหมัดไดป้ ระสตู ินัน้ อามีนะฮฺผู้เป็นมารดาไดแ้ จ้งขา่ วไปยังทา่ นอับดุลมุฏเฏาะลบิ ผู้เป็นปูข่ องทา่ นศาสดา ท่านจึงส่งคนมารบั ไป และท่านได้พาเดก็ นอ้ ยผูน้ ้ีไปยงั วหิ ารกะบะฮฺ และต้ังชอ่ื ว่า “มฮุ ัมหมดั ” ตามธรรมเนียมของชาวอาหรับในสมัยน้ันมักจะส่งลูกน้อยไปยงั ทะเลทรายหลงั จากสปั ดาห์แรกท่ีเกิดมา และให้อยทู่ น่ี ้นั จนกระทั่งอายุได้ 5 หรือ 6 ขวบ ชว่ งแรกอามนี ะฮได้มอบให้นางษุวัยบะฮซ่งึเปน็ คนใชข้ องอบลู ะฮับลงุ ของท่านนบี เป็นแมน่ มทา่ นนบอี ยูส่ องสามวัน ต่อมาท่านอบัดุลมฏุ เฏาะลบิ ได้ว่าจา้ งนางหะลีมะฮจากเผ่าสะอดซ์ ง่ึ เป็นหญิงชนบทคนหนึ่งให้เปน็ แม่นมของทา่ นนบแี ละนาท่านไปเล้ยี งทชี่ นบท เมอ่ื ทา่ นนบมี อี ายคุ รบ 6 ขวบ นางได้สง่ 28

ทา่ นนบีคนื แก่มารดาของท่านเล้ยี งดูต่อไป อามีนะฮมีความสุขมากทีล่ ูกชายของเธอได้กลบั มาสอู่ อ้ มอกของเธออกี ครง้ั หนึ่ง การไปอยใู่ นชนบททาให้เขาเปน็ คนที่มสี ุขภาพดีและรา่ งกายแขง็ แรง มีความคลอ่ งแคล่วและรภู้ าษาอาหรับแทๆ้ จากทะเลทราย ซึ่งเหล่านี้เปน็ รากฐานทจี่ ะก้าวสูเ่ ป็นบุคคลทีส่ าคัญในอนาคตตอ่ ไป อามนี ะฮตอ้ งการพาบุตรชายให้ไปรจู้ ักญาติทางมารดาและสรา้ งความคุ้นเคยกับพวกลุงซ่งึ เปน็ เผา่ นจั ญารในนครมะดีนะฮ โดยมีทาสหญงิ ของนางทมี่ ชี ือ่ วา่ อมุ มอุ ัยมนั ตดิ ตามไปด้วย ขากลับจากมะดีนะฮ ขณะเดินทางมาถงึ สถานท่หี น่งึ มชี ื่อว่า อัล - อับวา นางอามีนะฮก็ลม้ ป่วยลงและเสียชีวติ อย่ทู นี่ ้ัน หลังจากนน้ั ทาสหญงิ ผู้ซื่อสัตยก์ ็พาเดก็ น้อยกาพร้าบิดาและมารดากลับมายังนครมักกะฮ มุฮัมหมัดก็อยู่ภายใตก้ ารอปุ การะของปคู่ ือ อบั ดุลมุฏเฏาะลบิ แต่ก็แค่เพยี ง 2 ปีเทา่ น้นั ปกู่ ็ถึงแกก่ รรมอีก ซง่ึ ขณะนัน้ มุฮัมหมัดอายุได้แค่เพียง 8 ปี เทา่ นั้น ฉะนนั้ มุฉัมหมัดจงึ เปน็ เดก็ กาพร้าทั้งพ่อแม่และปู่ตงั้ แต่อายุยงั นอ้ ย หลงั จากนนั้ หน้าทีเ่ ล้ยี งดมู ฮุ มั หมัดก็ตกเปน็ ของอบฏู อลบิ ผ้เู ปน็ ลุง ซ่ึงรักเอ็นดูหลานชายอย่างยิ่งจนกระทั่งเติบใหญ่ เน่ืองจากลงุ ของท่านไม่ใชค่ นร่ารวย มุฮัมหมัดจึงต้องทางาน โดยพาฝงู แกะและอฐู ตามเนนิ เขาและหุบเขาในทะเลทราย มุฮัมหมัดมีนิสยักรณุ าต่อคนยากจน และผ้มู ที ุกข์มาต้งั แต่เยาวว์ ัย เปน็ คนท่ชี อบอย่อู ยา่ งสงบ รกั การคดิใคร่ครวญ ผู้คนในเผา่ เดยี วกนั ต่างกร็ กั ใครแ่ ละใหเ้ กียรตเิ พราะทา่ นมนี สิ ยั อ่อนโยน มีอัธยาศัยไมตรี การที่ท่านถือความซื่อสตั ย์ ซอ่ื ตรงต่อหนา้ ท่ี เปน็ อยา่ งย่ิงอย่างไม่สะทกสะทา้ นนั้น ทาให้มุฮัมหมัดไดร้ บั การขนานนามว่า “อลั อามนี ” ซงึ่ แปลวา่ ผ้คู วรแกก่ ารเชอ่ื ถอื หรือผทู้ ีไ่ ด้รับการไว้วางใจ 29

เมื่ออายไุ ด้ 12 ปี มฮุ ัมหมดั ได้เดนิ ทางไปค้าขายทซ่ี เี รียกับลงุ และท่ซี เี รียน้ีเองท่านไดพ้ บกบั นักบวชชาวคริสเตยี นคนหนึ่งมีชือ่ วา่ “บฮู ยั รอ” ซ่ึงไดท้ านายว่ามุฮัมหมัดจะเปน็ ศาสดาองค์สุดทา้ ยและไดก้ ล่าวไวว้ า่ “หลานชายของทา่ นมลี ักษณะเป็นมหาบุรุษแท้ๆ ทา่ นจงเล้ยี งดเู ขาอย่างดีเถิด” หลังจากนั้นทา่ นอบฏู อลิบจึงนาหลานชายของทา่ นกลบั มายังมักกะฮและรักษาความลบั น้ีไม่ให้ใครรู้ เมื่ออายุ 20 ปี กิตติศพั ทแ์ หง่ คณุ ธรรมและความสามารถดังกลา่ วของท่านพระนางคอดียะห์จงึ เชญิ ให้ท่านเปน็ ผจู้ ดั การในการคา้ ของนาง โดยให้ท่านนาสนิ ค้าไปขายที่ประเทศซีเรยี ในฐานะหวั หนา้ กองคาราวาน ปรากฏผลวา่ การคา้ ขายดาเนินไปดว้ ยความเรยี บร้อย และได้กาไรเกินความคาดหมาย จงึ ทาให้พระนางคอดยี ะห์เศรษฐีนีวยั 40 ปี พอใจในความสามารถ และความซอ่ื สัตยข์ องทา่ นเปน็ อยา่ งมาก นางจงึ เกดิ ความสนใจในตวั มฮุ มั หมดั มากข้ึน จนกระท่งั นางตัดสนิ ใจต้องการร่วมชวี ิตกับมุฮัมหมัด เมอ่ื อายุ 25 ปี ชีวติ ใหมข่ องท่านนบีจึงเปดิ ฉากขน้ึ คอื ชวี ิตของการแตง่ งานที่เตม็ ไปด้วยความรกั และความสขุ ความม่งั ค่งั ของนางบดั นีก้ ็เปน็ ของทา่ นนบีดว้ ยถึงแมว้ ่าท่านนบีเป็นผูร้ บั ผดิ ชอบในธุรกจิ ของนาง แต่หวั ใจของทา่ นน้ันมไิ ดห้ มกมุ่นอยู่กบั งานอยา่ งเดยี ว ความรา่ รวยมิไดม้ ีความหมายสาหรับทา่ นแตป่ ระการใด สิ่งแรกที่ท่านนบีมูฮมั หมดั ได้กระทาภายหลงั การสมรสได้ไม่ก่วี นั คือ การปลดปลอ่ ยทาสใหเ้ ป็นอิสระ ซง่ึ ในสมัยน้นั ไมม่ ีใครเคยคิดว่าจะมผี ู้ใดทาได้ เพราะในอารเบยี เตม็ ไปด้วยสิง่เลวรา้ ย มีแตก่ ารรีดนาทาเร้น การทารุณกรรมต่างๆ แม้กระทั่งบุตรของตนเอง ถา้ ไม่ชอบใจก็เอาไปเผาท้งั เป็นหรือฝงั ท้ังเปน็ ประชาชนในยุคน้ันมัวเมาต่อกิเลส หลงใหลต่อ 30

ตัณหาราคะ บา้ คลั่งตอ่ กามอารมณ์ เช่ือถือศรทั ธาต่อการสักการะในสิง่ ตา่ งๆ ท่านนบีมูฮมั หมดั เศร้าใจในสภาพสังคมเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ทา่ นยังไดป้ ลดเปลื้องหนี้สินแก่ผูท้ ีย่ ากไรซ้ ง่ึ ไม่สามารถทจ่ี ะชาระหน้ขี องตนเองได้ ชีวติ การแตง่ งานของท้ังสองดาเนินไปด้วยความสขุ นางเคาะดีญะฮนยิ มชมชอบความปรีชาสามารถ และบุคลกิ ภาพอันสงา่ งามของท่านนบเี ป็นอย่างมาก นางปล่อยให้ท่านมีเวลาเป็นของตัวเองไดอ้ ยา่ งอิสระโดยไม่ตอ้ งกังวลใดๆเลย ยามท่ีทา่ นมคี วามเศรา้ โศกและความทุกข์ นางก็คอยปลอบโยนและให้กาลังใจทา่ นตลอดเวลา ท่านนบีอยู่รว่ มชีวติ กบั นางดว้ ยความซ่ือสัตย์รักใครแ่ ละเอน็ ดูจนถึงวาระสุดทา้ ยของนาง ทา่ นนบีได้มบี ตุ รกับนางดว้ ยกนั 6 คนเปน็บตุ รชาย 2 คน ซ่ึงทั้งหมดได้เสยี ชีวิตตงั้ แต่ยงั เดก็ สว่ นบุตรสาว 4 คน คอื ซัยนบั รุก็อยยะฮฺ อุมมุกลุ ษูม และฟาตีมะฮ 31

เมอ่ื อายุ 35 ปี ได้เกิดมกี รณีขัดแย้งในการบูรณะกะอบะฮ ในการทจ่ี ะนาเอาฮ่ายา่ ร้อลอสั วสั (หนิ ดา) ไปวางไวส้ ถานที่เดิมอนั เป็นสาเหตุทาให้คนท้งั เมืองเกอื บจะรบราฆ่าฟันกันเองเพราะแยง่ หน้าที่อนั มีเกยี รติ ซง่ึ ท่านกจ็ ะเปน็ ผู้นาเอาหินดาไปวางไวท้ ่ีเดมิ หลงั จากการถกเถยี งแลว้ หวั หนา้ เผ่าต่างๆก็มมี ติวา่ ถา้ ใครเป็นคนแรกท่ีผ่านเขา้ มาในมสั ยิดทาง “ประตบู านีซยั บะห์” จะใหผ้ ูน้ ัน้ เปน็ ผชู้ ้ีขาด ซงึ่ ปรากฏว่าทา่ นนบีมูฮมั หมัด เปน็ คนเดนิ เข้าไปเป็นคนแรก ท่านจึงมอี านาจในการชี้ขาด แตแ่ ล้วทา่ นกแ็ กไ้ ขใหท้ ุกฝา่ ยไดม้ ีโอกาสยกหินดานน้ั รว่ มกันเพอ่ื เป็นการประนีประนอมกนั ด้วยโดยทา่ นเอาผา้ ผืนหน่ึงปลู งแลว้ ทา่ นกย็ กหนิ ดาลงไปวางบนผ้า ให้หัวหน้าเผ่าตา่ งๆจับชายผ้าทุกคนแลว้ ยกข้นึ พร้อมๆกัน เอาไปใกล้ๆที่สถิตหินดานัน้ เสรจ็ แล้วท่านก็เป็นผู้นาเอาหินดาไปสถิตไว้ ณ ที่เดิม ทง้ั นก้ี ด็ ว้ ยเชาว์ปฏภิ าณอันเฉยี บแหลมของทา่ นท้ังๆท่ีทา่ นอ่านหนงั สือไมอ่ อก เขียนไม่ได้ และไมเ่ คยศึกษาจากสถานท่ใี ด 32

เมอื่ อายยุ ่างเขา้ ปีท่ี 40 มฮุ มั หมัดมกั ใชเ้ วลาส่วนใหญค่ านึงใคร่ครวญถงึเหตุการณต์ ่างๆ เพ่งพนิ จิ ถงึ ความจรงิ ของชวี ติ และความเป็นไปของโลก ในขณะที่ชาวอาหรับมีชวี ติ อยา่ งป่าเถอื่ นและงมงายอยกู่ ับรปู เคารพของแตล่ ะเผ่า มุฮมั หมดั มกั จะไปทถี่ า้ ในภเู ขาฮิรออฺ ซ่งึ อยูท่ างเหนอื ของมักกะฮ และใชเ้ วลาอยู่ทนี่ นั่ เดือนหนึ่งทกุ ๆปีเพ่ือแสวงหาความสงบ นง่ั สารวมจิต โดยมคี นใชเ้ อาอาหารและเสบียงไปสง่ อยูม่ าวนัหน่งึ ในขณะที่ทา่ นกาลังน่งั อย่างสงบในถา้ ฮริ ออฺ ได้มมี ลาอกิ ะฮตนหนึ่งปรากฏตวั เข้ามาหาท่าน ท่านได้เลา่ เหตุการณใ์ นคร้งั น้นั ไวว้ ่า ญิบริลได้มาหาฉนั แล้วกลา่ ววา่ “มฮุ ัมหมดั จงอ่านเถิด” ฉนั ก็ตอบว่า “ฉันอ่านไม่เปน็ ” เขาไดก้ อดรัดฉันจนกระท่งั ฉนั คิดวา่ฉันจะตาย หลงั จากนนั้ เขาก็คลายออก เขาทาอยา่ งน้ันสามครง้ั แลว้ ในคร้งั ท่ีสี่เขาก็กลา่ วว่า “มุฮัมหมดั จงอ่านเถิด” ฉนั ไดต้ อบวา่ “ฉันอา่ นไม่เป็น” แลว้ เขากก็ ลา่ วนาโองการอลั กุรอานทวี่ า่ “จงอา่ นเถิด มฮุ มั หมัด ดว้ ยพระนามแห่งพระเจา้ ของเจ้าผ้ทู รงสร้าง พระองค์ทรงสร้างมนุษย์มาจากก้อนเลอื ด จงอ่านเถิด และพระเจ้าของเจา้ ผู้ทรงใจบญุ ยงิ่ ผูท้ รงสอนด้วยปากกาทรงสอนมนุษยใ์ นสงิ่ ทีเ่ ขาไมร่ ู้” เม่ือท่านนบไี ดอ้ า่ นแล้วมะลาอกิ ะฮตนนั้นกไ็ ด้หายจากไป 33

ทา่ นได้รับวะฮีย์หรือการดลใจหรือการแต่งต้ังใหเ้ ป็นศาสดาจากพระผเู้ ปน็ เจ้าในเดือนรอมฎอน ณ ถ้าฮิรออฺ ซงึ่ ขณะนนั้ ท่านมีอายุได้ 40 ปี การแตง่ ตงั้ เป็นรอซลูท่านศาสดามฮุ ัมหมัดไดร้ บั การแต่งตงั้ เปน็ รอซูลหลังจากวันทไี่ ดร้ บั การแตง่ ตงั้ เปน็ นบีได้6 เดือน ท่านได้รับการแต่งต้งั เปน็ รอซูลในเดือนรอบีอลุ้ เอาวลั ตรงกบั ค.ศ. 610 ท่านนบรี สู้ ึกหนกั ใจเป็นอย่างมาก เพราะการเผยแพร่ศาสนาของท่านนน้ั จะตอ้ งเผชิญหนา้ กับชาวกรุ ็อยซ์อย่างหลกี เลีย่ งไมไ่ ด้ มฮุ มั หมัดได้รบั มอบหนา้ ทเ่ี ป็นศาสดาผ้ปู ระกาศศาสนาเม่อื อายไุ ด้ 40 ปี ทา่ นเรมิ่ เทศนาคาสอนของอิสลามในหมปู่ ระชาชนในเมืองมักกะฮโดยการเชิญชวนอยา่ งลับๆ ทา่ นเร่มิ การชกั ชวนและเผยแพร่ศาสนาอสิ ลามในหมญู่ าติพ่ีน้องของท่านก่อนแล้วสูเ่ พอื่ นสนิทมติ รสหาย ตลอดจนประชาชนชาวมกั กะฮในภาพรวม คาสอนของทา่ นเน้นในเร่อื งความเปน็ หนึง่ ของพระผูเ้ ป็นเจา้ อนั เป็นหลกั สาคญั ของศาสนาอิสลาม ทา่ นตอ่ ตา้ นและเรียกร้องให้ประชาชนเลกิ บูชารูปปนั้ รปู เคารพต่างๆ ซึ่งในสมยั นั้นชาวมัก 34

กะฮส่วนใหญ่กราบไหว้บชู ารูปปั้นต่างๆมากมาย ซ่งึ หญิงคนแรกที่นับถือศาสนาอสิ ลามคอื ท่านหญิงเคาะดญี ะฮ ภรรยาของท่าน ชายหน่มุ คนแรกทร่ี บั อสิ ลามคอื ท่านอบบู ักรเยาวชนคนแรกท่ีรบั อิสลาม คือทา่ นอลี ซึ่งมีอายเุ พียง 8-10 ปี ทาสคนแรก คือ ท่านซัยดฺ การประกาศอสิ ลามอย่างลบั ๆ ได้กระทามาเป็นเวลา 3 ปี สาเหตุท่ปี ระกาศอยา่ งลับๆน้เี พราะบรรดามสุ ลิมยังมีกาลงั นอ้ ยอยู่ หลังจาก 3 ปีผ่านพ้นไป ทา่ นนบีไดร้ ับคาส่งั จากอลั ลอฮให้ประกาศศาสนาอย่างเปดิ เผย ท่านนบีจึงเริ่มกล่าวโจมตบี รรดาเทวรปู และรูปป้ันต่างๆ อันเปน็ ที่สกั การบูชาของชาวมกั กะฮอยา่ งตรงไปตรงมาและเปิดเผย ซ่งึ การกระทาเช่นน้สี าหรบัชาวกุรอ็ ยซแฺ ลว้ นับวา่ รนุ แรงมาก ทาให้พวกเขาเกลียดชงั และประกาศเปน็ ศัตรูกบัท่านนบอี ยา่ งเปิดเผย กอ่ นหน้านี้พวกกุรอ็ ยซไฺ ม่ค่อยถอื เรอื่ งการเผยแพร่ศาสนาของทา่ นนบเี ปน็ เร่อื งจริงจงั มากนกั นอกจากจะเยย้ หยันท่านเล่นเทา่ น้นั แต่เม่ือเรม่ิ มผี ้คู นหนั มานับถือมากข้นึ พวกกุร็อยซฺจึงคิดวางแผนการต่อสูอ้ ย่างจรงิ จงั เพราะชาวกุร็อยซฺเกรงกลัววา่ หากอสิ ลามได้รับการยอมรบั น้นั กห็ มายความว่า ศาสนาแห่งบรรพบุรษุ ท่ีมกี ารกราบไหว้บูชารูปปั้น กจ็ ะตอ้ งถูกทาลาย ดังน้นั พวกเขาจงึ รวมตัวกนั ขดั ขวางการเผยแพร่สจั ธรรมของท่านนบีอยา่ งสดุ ความสามารถ ในขณะที่ท่านนบเี ผยแพร่ศาสนาน้ัน ลงุ ของทา่ นคือ อะบูฎอลิบ ถึงแม้วา่ มไิ ด้เข้ารับศาสนาอิสลาม แตก่ ็ปกป้องหลานรักของทา่ นจากการถูกทารา้ ยจากชาวกุร็อยซฺ การดื้อรนั้ และการต่อต้านของพวกกุรอ็ ยซไดท้ วคี วามรนุ แรงมากขึน้ เม่ือพวกเขาเห็นทา่ นนบีและบรรดาสานุศิษยข์ องทา่ นยังเดด็เดย่ี วในคาสอนศาสนาอสิ ลาม จนกระทั่งพวกเขาใช้มาตรการเด็ดขาดโดยการจบั กกั ขังและทรมานสานุศษิ ยข์ องท่านนบที ี่เป็นพวกทาส กลุ่มคนออ่ นแอ และคนยากจนไร้ที่ 35

พึ่งพิง บุคคลเหล่าน้ถี กู จับไปทรมานให้ตากแดดอันร้อนระอแุ ละให้นอนบนผืนทรายหรอื ที่เนนิ หนิ ทีร่ ้อนจดั ถกู สัง่ ให้อดอาหาร และนา้ ด่มื ตลอดจนถกู ทารุณกรรมอย่างไร้ความเปน็ มนุษย์ จนกระทงั่ สาวกบางท่านทนตอ่ การทารณุ กรรมเหล่าน้ีไมไ่ หวจนตอ้ งจบชวี ิตไป เน่ืองจากชาวมสุ ลิมถูกทาร้ายและประหัตประหารเชน่ นี้ ทา่ นนบีจงึ ไดแ้ นะนาให้พวกเขาไปหาท่พี ่ึงในดนิ แดนอ่ืน ในสมยั น้นั อบิสสิเนยี เปน็ ท่รี จู้ กั ดีของชาวมกั กะฮในฐานะทีเ่ ปน็ ตลาดสนิ ค้าของอาระเบยี ในปีที่ 5 ของการเผยแพร่ศาสนาของท่านศาสดาชาวมสุ ลิมผู้ชาย 11 คน และผู้หญิง 4 คน ได้เดินทางไปยังเมอื งอบิสเิ นีย ซึง่ ในเวลานั้นกษตั รยิ แ์ หง่ อบสิ ิเนียคือ นะญาซี ได้ตอ้ นรบั ชนมุสลมิ เหล่านดี้ ว้ ยอัธยาศัยไมตรี ผลท่ีสาคัญที่ได้จากการอพยพในครัง้ น้กี ค็ ือ ทาใหช้ าวมุสลิมในเมืองมกั กะฮมกี าลงั ใจมากขึ้นเมอ่ื ไดร้ ู้ว่า ขณะนย้ี งั มีสถานทอ่ี ีกแหง่ หน่งึ ทีพ่ วกตนสามารถหลบไปพึง่ อาศัยใหพ้ ้นจากการประหัตประหารของชาวมกั กะฮได้ ในทส่ี ุดเหตกุ ารณค์ ร้งั นี้กอ่ ใหเ้ กดิ ความคดิ ที่จะทาการอพยพโยกยา้ ยชาวมสุ ลิมจากมักกะฮไปยังเมอื งมะดีนะฮในเวลาตอ่ ไป ในขณะเดยี วกนั ชาวมุสลมิ ในมกั กะฮเพม่ิ ความลาบากยากแคน้ ย่งิ ข้นึ อนั เน่ืองมาจากชาวมกั กะฮเสยี หนา้ และได้รบั ความผิดหวังจากกษตั ริยอ์ บสิ ิเนีย จงึ เพ่ิมความโกรธแค้นตอ่ชาวมุสลมิ มากขึ้นเปน็ ทวีคูณ หลังจากทีช่ าวมสุ ลมิ พานกั อยทู่ ี่อบสิ เิ นยี ได้ 2 เดอื นและทราบข่าวว่าชาวมกักะฮไดย้ กเลิกการกดดนั ชาวมสุ ลิมแล้ว ผูอ้ พยพจึงพากันกลบั มายังมักกะฮ เม่อื ชาวกรุ ็อยซเหน็ ชาวมสุ ลิมก็ยิง่ รสู้ ึกรษิ ยาในความสาเร็จของอิสลามมากข้นึ จึงเริ่มทาการ 36

ประหัตประหารพวกมสุ ลิมหนกั มือย่งิ ขน้ึ อกี ทา่ นนบีจงึ แนะนาให้บรรดาสาวกของทา่ นหลบภยั ไปอยู่ทอี่ บิสเิ นยี อกี คร้งั หนง่ึ ครง้ั นี้มผี อู้ พยพหลบหนไี ปจานวนถึง 101 คน ในปที ี่ 6 แหง่ การเผยแพร่ศาสนา เมอื่ คาสอนของท่านนบไี ดแ้ พร่ขยายและมีผ้เู ขา้ รับอสิ ลามมากขึน้ ทุกวัน ชาวกุร็อยซมักกะฮจึงรวมตวั กนั ตอ่ ต้านเผ่าฮาซิม ซึ่งเป็นฝา่ ยของท่านนบีโดยการควา่ บาตรและตดั ความสมั พนั ธ์กับเผ่าอืน่ ๆ พวกเขาได้ห้ามทาการซื้อขายปัจจัยยังชพี กบั เผ่าฮาซิม ทาให้ทา่ นนบแี ละเผ่าฮาซิมตกอยู่ในสภาพที่ขาดแคลนปัจจัยท่จี าเปน็ ในการดารงชีวติ และตกอยู่ในสภาพเชน่ นี้นานถึง 3 ปี ท่านนบถี ูกทดสอบอยา่ งหนักหนว่ ง แตท่ ่านกไ็ มเ่ คยทอ้ และไม่เคยหมดความไว้วางใจในพระเจ้าเลย และในเวลานี้เองซงึ่ นับเปน็ ปที ่ี 10 แห่งการเผยแพร่ศาสนา ท่านกไ็ ดร้ ับข่าวร้าย 37

นางเคาะดีญะฮฺ ภรรยาผู้ประเสริฐของท่าน ซึ่งเป็นผู้สนบั สนนุ ให้กาลงั ใจด้วยความรักความเหน็ ใจ เคยเปน็ เพื่อนท่ีคอยปลอบประโลมใจในยามมีทุกข์กับทา่ นรวมถงึ ยส่ี ิบหา้ปี บัดนนี้ างก็ลาจากทา่ นไปแลว้ และการสญู เสียอบูฏอลบิ ไปกเ็ ท่ากบั ท่านเสยี ผปู้ กป้องค้มุ ครองไปเสียแลว้ อบูฎอลิบเสียชีวิตอายไุ ดป้ ระมาณ 80 ปี การสูญเสียทงั้ สองทาให้สถานการณร์ ะหว่างพวกมสุ ลมิ กับพวกกรุ ็อยซฺเลวรา้ ยยิ่งขึ้น การจอมผลาญประหัตประหารของพวกศตั รูก็รุนแรงข้ึนทุกวัน แม้กระน้นั ท่านก็ยังไม่ทอ้ และไม่เคยคิดท่จี ะละทิง้ ความพยายาม นบีมุฮัมหมดั มัดตระหนักดีว่า ทา่ นไม่อาจจะทนอย่ใู นมกั กะฮตอ่ ไปได้หลงั จากอบูฏอลบิ ซ่ึงเปน็ ลงุ และเคาะดีญะฮภรรยาของทา่ นได้สน้ิ ชวี ติ ไปแล้ว และหลงั จากทพ่ี วกกุรอ็ ยชมกั กะได้บีบค้นั ทา่ นอย่างหนักหน่วง พวกกุร็อยชฺจะทาทกุ วถิ ีทางเพื่อจะหยดุ การเผยแพรศ่ าสนาของท่านใหไ้ ด้ ทา่ นจงึ คิดจะเดินทางออกไปเผยแพร่ศาสนาอิสลามนอกนครมกั กกะฮ ท่านเร่ิมต้นดว้ ยการไปเยอื นชนเผ่าต่างๆ ทา่ นพยายามเทศนาหลกั คาสอนของศาสนาใหมใ่ ห้แก่ชนเหลา่ นนั้ ได้รับทราบ ซ่งึ บางเผา่ ก็สนใจในคาสอนของท่าน บางเผ่ากห็ าว่าท่านเสยี สติ ระยะนน้ั ท่านต้องเหนด็ เหนื่อยมากแต่ท่านยงั มคี วามมัน่ คงในอดุ มการณ์ไม่เปลี่ยนแปลงระยะนีจ้ ะมเี สียงวิพากษว์ ิจารณถ์ งึตวั ท่านในทางไม่ดีอยู่ตลอด แต่ท่านกอ็ ดทนไมโ่ ต้ตอบกับเสยี งวจิ ารณ์เหลา่ น้ัน ท่านได้ทาการเทศนาแกผ่ ู้ที่เดินทางมาแสวงบญุ ณ วิหารกะอบะฮ ซง่ึ ส่วนมากเปน็ ผู้แทนจากเผ่าตา่ งๆ ของชาวอาหรบั ทา่ นได้อธิบายถงึ หลักการของศาสนาอสิ ลามใหท้ ราบว่าขอ้ เท็จจรงิ ศาสนานี้เกีย่ วขอ้ งกบั ศาสนาของศาสดาอสิ มาอีล ซึ่งเป็นบรรพบรุ ุษของพวกอาหรบั หลายเผ่ารับฟังดว้ ยความสนใจต่อคาสอนของทา่ น แต่ขอศึกษารายละเอียด 38

เพิ่มเติมอกี มอี ยู่หลายครง้ั ทีพ่ วกกรุ อ็ ยชไดแ้ อบสง่ ผแู้ ทนของตนเข้าปะปนไปอยรู่ ว่ มพิธีกบั ผูแ้ สวงบุญ และคอยเตือนให้สติผนู้ าเผ่าเหลา่ นนั้ ไมใ่ ห้เคลิบเคลม้ิ หลงใหลไปกบั คาเชิญชวนของมุฮัมหมัด พวกเขาพยายามใส่ไคล้ว่ามุฮัมหมัดเป็นคนเสียสติ เป็นนกั มายากลใช้เวทย์มนตค์ าถา เพือ่ หลอกลวงชาวอาหรบั เป็นเรื่องนา่ แปลกใจท่วี า่ เมื่อพวกกุร็อยชฺยุยงใสไ่ คล้หนกั หนว่ งเท่าใด อาหรับเผ่าตา่ งๆและผ้แู สวงบญุ กย็ ่ิงอยากรจู้ กั มุฮัมหมดั มากขนึ้ เพ่อื ต้องการพิสจู นค์ ากล่าวหาของพวกกรุ ็อยชวฺ า่ มคี วามจริงเพียงใดดังน้นั แทนที่มุฮัมหมดั จะไปหาพวกเขา พวกน้ันกลับขวนขวาย อยากพบทา่ นศาสดามากขึน้ และเมื่อมาไดย้ ิน ไดฟ้ ังแล้ว พวกยัษริบบางกลมุ่ ได้เกิดความเลอ่ื มใสข้นึ มาทันทีโดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ในปที ่ี 11 ของการเผยแพร่ศาสนาของท่านนบี นกั แสวงบญุ จากเมืองยษั ริบ (มะดนี ะฮ)ฺ จากเผ่าค็อซรอ็ จญ์จานวน 6 คน ตอบรบั การเชญิ ชวนของท่านทาใหค้ วามหวงั ในการเผยแพร่ศาสนาเร่มิ มคี วามหวังข้นึ มาบ้าง 39

1 ปผี ่านไป ตรงกับปีที่ 12 แห่งการเผยแพรศ่ าสนาของทา่ นนบี เดือนอันศกั ด์สิ ทิ ธิ์และฤดกู าลแหง่ การแสวงบุญกลับมาถึง ผแู้ สวงบุญจากเมอื งยัษริบจานวน 12คนเข้าพบท่านศาสดาท่ภี ูเขาอัลอะเกาะบะฮ และได้เข้ารว่ มเป็นพันธมิตรกบั ทา่ นดว้ ยสนธิสญั ญาทเ่ี รยี กว่า “สนธสิ ัญญาอลั อะเกาะบะฮฉบับแรก” ในสนธสิ ัญญานีพ้ วกเขาตกลงกันทจี่ ะยดึ มน่ั ในเรอื่ งเอกภาพของพระเจา้ โดยไม่กราบไหว้รูปเคารพ จะไม่ลักขโมย หรอื ล่วงประเวณี จะไมฆ่ า่ ลูกๆของตน หรือไม่ทาความชว่ั ท้ังๆทร่ี ู้ และจะต้องยอมรับคาบญั ชาของพระเจ้าอย่างไม่มีเงือ่ นไขใดๆ ทั้งส้นิ พวกผู้แทนจากเมืองยษั รบิเหล่านก้ี ย็ ินดีรบั ฟงั ตามเง่อื นไขดังกล่าว หลงั จากสนธิสญั ญานแ้ี ล้ว อสิ ลามจงึ ได้เรม่ิแพร่หลายไปในเมืองยษั รบิ อย่างรวดเร็ว ปี ค.ศ. 622 ไดม้ จี านวนผแู้ สวงบุญจากเมืองยษั ริบจานวนมาก คอื บุรษุ 73 คนและสตรี 2 คน เมื่อมุฮัมหมัดไดท้ ราบขา่ วนี้ทา่ นกค็ ดิ จะทาสนธิสัญญาอีกฉบบั หน่ึงกับพวกเขาซงึ่ นอกจากคาสงั่ สอนของอิสลามอยา่ งสภุ าพออ่ นโยนและสอนให้อดทนแลว้ ท่านต้องการทาสัญญาเรยี กรอ้ งให้พวกเขาพรอ้ มทจ่ี ะเสยี สละในการปกปอ้ งภยนั ตรายตา่ งๆ และโต้ตอบการประทษุ รา้ ยและการรุกรานที่อาจเกดิ ข้นึ แกท่ ่านนบแี ละชาวมุสลมิ สญั ญาอัลอะเกาะบะฮครง้ั นี้เรียกวา่“สนธิสัญญาอลั อะเกะบะฮคฺ รัง้ ท่ีสอง” ข้อความท่สี าคญั ในสัญญาคร้ังนีค้ อื กลมุ่ตวั แทนจากเมืองยัษรบิ น้ี สญั ญาท่ีปกป้องศาสดามุฮัมหมดั และจะกระทาทุกส่งิ ทกุอย่างเหมือนกบั การปกป้องภรรยาและลกู ๆ ของพวกเขาเอง สนธิสัญญาทาใหท้ ่านนบีมคี วามหวงั และเปน็ การเปดิ ประตูสู่ชัยชนะ สว่ นพวกกุร็อยซมีความกลวั และวิตกกังวลเปน็ อย่างมาก พวกเขาคดิ ว่าถ้าขบวนการนย้ี งั ไมถ่ ูกทาลายอยา่ งถอนรากถอนโคนอนาคตของพวกเขาจะตกอยใู่ นอันตราย ชยั ชนะของมุฮัมหมัดอาจเกดิ ขึ้น พวกเจาจึงวางแผนใชม้ ารตราการขั้นเด็ดขาดกบั มุฮมั หมัดและชาวมสุ ลมิ ทา่ นนบีก็รู้ดีวา่ การนอง 40

เลือดระหวา่ งพวกกุร็อยซกฺ ับชาวมสุ ลมิ เห็นทจ่ี ะไมม่ ที างหลกี พน้ ทา่ นจึงสงั่ ให้มิตรสหายตลอดจนสาวกของทา่ นอพยพไปยงั เมอื งยษั ริบ มุสลิมจงึ เรมิ่ อพยพไปทลี ะคนทีละกลมุ่ บางครั้งกเ็ ปน็ กลมุ่ เลก็ ๆ ทัง้ นเ้ี พ่ือไม่ให้พวกกุร็อยซเกิดความสงสยั ยัษรบิ เปน็ เมอื งท่ีอุดมสมบรู ณ์มีพืชผลไม้มากชนิด ดนิ ฟา้ อากาศ กไ็ ม่ทารณุเหมือนมักกะฮ ผู้คนจึงมจี ิตใจอ่อนโยน มคี วามเกรงใจและช่างคิด เพราะฉะนน้ั ในระยะตน้ ของการเผยแพร่อิสลามเมืองมะดนี ะฮจงึ เปน็ ท่ๆี เหมาะสมมากกวา่ มักกะฮมากเพราะในมะดีนะฮไม่มพี วกนกั บวชคอยต่อตา้ นความเจริญเติบโตของอสิ ลามเหมอื นในมักกะฮ ฉะนน้ั จึงเปน็ การง่ายทจ่ี ะเผยแพรค่ าสอนศาสนาอสิ ลามมากกว่าทอ่ี ่นืนอกจากน้ใี นเมอื งนยี้ ังมีชาวยิวอาศยั อย่ดู ว้ ย พวกยิวถือวา่ มุฮมั หมัดเปน็ ผู้สนับสนุนคมั ภรี ์ของพวกตน ฉะนั้นพวกเขาจึงรอตอ้ นรับทา่ นศาสดาด้วยความกระตือรอื รน้ หลงั จากที่ทา่ นศาสดาได้ส่ังสานศุ ษิ ย์ของท่านให้โยกย้าย อพยพไปอยทู่ ่ีเมืองยษั ริบแลว้ ประกอบกับทราบข่าวว่าพวกกุรอ็ ยซกาลังวางแผนจะสงั หารทา่ นนบีอย่างแน่นอน และในเวลาเดียวกนั นนั้ ท่านนบไี ดร้ ับคาบัญชาจากอลั ลอฮใหเ้ ดินทางไปท่านนบหี ลบหนีออกจากบ้านในเวลากลางคนื ภายใต้สถานการณ์ทค่ี นจากเผ่าตา่ งๆ ได้ล้อมรอบบา้ นท่านเพื่อรอการสงั หารท่าน ท่านได้ไปหลบอยใู่ นถา้ แห่งหนึง่ เปน็ เวลา 3วัน ด้วยความชว่ ยเหลือจากอัลลอฮ พวกกุรอ็ ยซตามตวั ไมพ่ บ ถงึ แม้วา่ พวกเขาได้มาถึงปากถ้าแล้วกต็ าม เพราะวา่ หนา้ ปากถ้ามีใยแมงมุมและมนี กพริ าบมาสร้างรงั อยู่ โดยท่ีพวกเขานกึ ไมถ่ งึ วา่ ท่านนบอี ยใู่ นถ้านั้น เมอื่ ทา่ นเหน็ วา่ ปลอดภยั แลว้ จึงออกเดินทางตอ่อยา่ งระมดั ระวังตามเส้นทางท่ไี ม่มผี ู้คนใช้ เพอ่ื หลีกเลย่ี งไม่ใหพ้ บกับพวกกุรอ็ ยซ ในวนั ท่ี 2 เดือนรอบบิอลุ เอาวาล ตรงกับเดอื นกรกฎาคม ค.ศ. 622 ท่านนบีมาถงึ ทเี่ มืองกุ 41

บาอ ซึ่งอยูห่ ่างจากเมอื งยัษรบิ ประมาณ 6 ไมล์ ณ ทีน่ ัน้ ทา่ นนบไี ด้สรา้ งมัสยดิ ซ่งึ มีช่อืว่า มสั ยดิ กุบาอ และถอื ว่าเปน็ มัสยดิ แห่งแรกในอิสลาม ท่านนบีได้พกั ทน่ี น้ั เป็นเวลาประมาณ 2 อาทิตย์ จงึ เดินทางเข้าเมืองยษั ริบในวันศกุ รโ์ ดยมีชาวเมืองยัษริบออกมาต้อนรับเปน็ จานวนมาก เหตกุ ารณค์ รง้ั น้ีเรียกวา่ การอพยพหรือ ฮจิ ญเ์ ราะฮอันเป็นการเรม่ิ ตน้ ศกั ราชของชาวมสุ ลมิ นบั แตน่ น้ั มา เวลาแห่งการประหัตประหารชาวมุสลิมในเมืองมักกะฮกเ็ ป็นอนัสิ้นสุดลง และยคุ แห่งเมืองมะดนี ะฮก็เร่ิมตน้ ขึน้ ภาระกจิ ของท่านศาสดายงั ไมส่ าเร็จเสรจ็ สนิ้ แตค่ วามสาเรจ็ กเ็ ร่ิมขนึ้ แล้วทม่ี ะดีนะฮ ท่านศาสดาไม่เพียงแต่ได้รับการต้อนรับอย่างมเี กียรติเท่าน้นั แตย่ งั ได้รบั การแตง่ ตงั้ ใหเ้ ป็นประธานของชุมชนอกี ดว้ ย สถานะและอานาจของทา่ นศาสดาก็เพม่ิ ข้นึ และอสิ ลามกไ็ ดต้ งั้ หลักปักฐานม่นั คงข้นึ ทุกวัน ณเมอื งน้ีทา่ นศาสดามีอิสรภาพที่จะเทศนาคาสอนของพระผู้เป็นเจา้ ทา่ มกลางผูห้ ลงผิดในที่สดุ ก็หันมามีศรทั ธาในศาสนาใหมน่ ี้มากขนึ้ และไดแ้ ผ่ขยายออกไปเรอื่ ยๆ 42

ทา่ นศาสดาพยายามสร้างความรสู้ ึกความเป็นพีน่ ้องข้ึนระหวา่ งคนเหลา่ นนั้ให้มากทส่ี ุด เพราะท่านแลเห็นความจรงิ ที่วา่ อาณาจักรอิสลามจะมรี ากฐานทแ่ี ขง็ แรงไม่ได้หากไมไ่ ดร้ ับการค้าจนุ จากประชาชนทกุ ฝ่าย ความมขี นั ตติ ่อศาสนาอน่ื ๆ นั้นเปน็ส่งิ ทจ่ี าเปน็ ในเมื่อมคี นหลายเผา่ หลายชาตอิ าศยั อยรู่ วมกัน ดว้ ยวัตถปุ ระสงค์น้ที า่ นศาสดาจึงไดจ้ ดั ต้งั ระเบียบข้ึนเรียกวา่ ” ธรรมนูญแหง่ มะดีนะฮฺ “ ซึ่งเป็นระเบียบเพื่อการเลกิ ล้มการอาฆาตพยาบาทกันระหวา่ งเผ่าและเพือ่ ใหส้ ิทธต์ิ ่างแกป่ ระชาชนทุกกลุ่มโดยเฉพาะชาวยวิ ทอ่ี าศยั อยู่ในมะดนี ะฮฺและรอบ ๆ มะดีนะฮฺ เนื้อความสาคัญในธรรมนญู นนั้ มีอยูด่ ังน้ี 43

1. ชุมชนทงั้ หลายที่ลงนามในพนั ธะสัญญานีจ้ กั เปน็ ชาติเดยี วกนั2. ถา้ กลุม่ ชนใดท่ีลงนามในพนั ธะสัญญานถี้ กู ขา้ ศกึ ศตั รูรุกราน ชนกลมุ่ อื่นจะรวมกาลงักันช่วยทาการปกป้อง3. จักไมม่ ีกลุม่ ชนใดในชาตเิ ดียวกนั น้ีไปทาสนธสิ ญั ญาอย่างลบั ๆกบั พวกกรุ ็อยช์ หรอืให้ ท่ีพงึ่ พาอาศัยแกค่ นเหล่าน้ันหรือชว่ ยเหลือคนเหล่านนั้ ใหต้ ่อต้านชาวมะดีนะฮ4. ชาวมุสลมิ ชาวยวิ และชุมชนอื่นๆของสาธารณรฐั นีย้ ่อมมอี สิ ระที่จะนับถอื ศาสนาของ ตนไดแ้ ละปฏบิ ตั ิกจิ ตามศาสนาของตนไดโ้ ดยไม่มใี ครขัดขวาง5. การการะทาผิดสว่ นตวั เลก็ ๆน้อยๆ ของผู้ท่ีไมใ่ ชม่ สุ ลมิ จะตอ้ งถอื วา่ เปน็ ความผดิ ส่วนตวั ไม่เกี่ยวข้องกับชุมชนที่บุคคลน้ันอยู่6. ผทู้ ี่ถกู กดข่จี ะต้องไดร้ ับการปกป้อง7. นับตง้ั แตน่ ไี้ ปการทาใหเ้ ลือดตกยางออก การฆ่าและความรุนแรงตา่ งๆ ถือว่าเปน็ สง่ิผดิ และน่ารังเกยี จในมะดนี ะฮ8. มุฮัมหมดั ศาสดาแห่งพระผเู้ ป็นเจ้าจะเปน็ ประธานของสาธารณรฐั และจะเปน็ ศาลอุทธรณ์สงู สุดในดนิ แดนนี้ความสาคญั ของธรรมนญู น้อี ย่ตู รงท่วี า่ เปน็ ธรรมนูญฉบบั แรกในโลกทีเ่ ขียนไวเ้ ปน็ ลายลักษณอ์ กั ษร ก่อนหน้าทที่ ่านศาสดาไดม้ ีผู้ปกครอง แต่กไ็ มม่ ีใครเคยให้รัฐธรรมนูญท่ีเขียนเป็นลายลักษณ์อกั ษรแก่ประชาชนของตน 44

ท่านศาสดามุฮัมหมดั เปน็ คนแรกท่ปี ระจักษถ์ ึงความสาคญั ของความรว่ มมือและการใหค้ วามสาคัญต่อประชาชนในการบรหิ ารรฐั และการรกั ษาสัญญานีย้ งั ไดแ้ สดงให้เห็นด้วยวา่ ท่านศาสดามุฮัมหมัดมิใชเ่ ปน็ แต่นักส่ังสอนศาสนาเทา่ นั้นแต่ยังเป็นรฐั บรุ ุษทเี่ ปน็ นักปกครองท่ีดีดว้ ย เม่ือศาสนาอิสลามได้กอ่ ตัวเปน็ รฐั แลว้ กม็ คี วามจาเปน็ อยา่ งย่งิ ท่จี ะตอ้ งมคี วามพร้อมในดา้ นกาลงั ทหาร การเมอื งและเศรษฐกจิมฉิ ะน้นั แล้วรฐั อิสลามแห่งมะดีนะฮจะถูกโจมตแี ละรุกรานจากพวกกรุ ็อยซ และเหล่าศตั รรู อบๆมะดีนะฮได้งา่ ย นกั ประวัตศิ าสตรท์ ่ีไม่หวงั ดีตอ่ อสิ ลามหลายท่านกลา่ วหาศาสนาอิสลามว่าชอบทาสงคราม และเผยแพรศ่ าสนาดว้ ยคมดาบ อนั ทจ่ี รงิ แล้วอิสลามเปน็ ศาสนาสนั ติ ท่จี าเป็นต้องทาสงครามนน้ั กเ็ พราะวา่ เพอ่ื ปกปอ้ งศาสนาและอธปิ ไตยของรฐั เทา่ น้นั ในสมยั ของท่านนบีเองหลงั จากอพยพมายงั มะดีนะฮแลว้ มีสงครามเกดิ ขนึ้ ระหวา่ งชาวมสุ ลมิ กบั ศัตรตู า่ งๆถึง 47 ครั้ง และในจานวนนั้นท่านนบีเข้ารว่ มสงครามดว้ ยตนเองถงึ 27 คร้ัง 45

คำสอนครัง้ สดุ ท้ำยของนบีมุฮมั หมัด ในวนั ที่ 8 ซุลฮจิ ญะฮศาสดามุฮัมหมัดและบรรดามสุ ลมิ ได้ไปพักอยทู่ ่ตี าบลมินาและคา้ งอย่ทู ีน่ ่นั วนั รุ่งข้นึ ทา่ นได้ขึน้ อฐู เดนิ ทางไปยังภเู ขาอะรอฟะฮไดต้ งั้ กระโจมพกั อยู่ท่ีน่ัน ในตอนเที่ยงทา่ นได้เดนิ ทางไปถงึ ภูเขานูร ณ ท่นี เี้ องท่านไดน้ ง่ั บนหลังอฐูและเริม่ เทศนาสัง่ สอนชาวมสุ ลิมดว้ ยเสียงอันดัง ศาสดาเรม่ิ ต้นดว้ ยการสรรเสริญพระผู้เป็นพระเจ้าขอบคณุ พระองค์ แล้วท่านก็กล่าวสนุ ทรพจน์ ดงั ต่อไปน้ี :“โอ้ ทา่ นทั้งหลายจงต้ังใจฟังคาพดู ของฉันเพราะฉันไม่รู้ว่าฉนั จะได้พบกับพวกทา่ นในโอกาสเช่นนอ้ี กี เมอื่ ไร โอท้ า่ นทง้ั หลายชวี ิตและทรัพย์สนิ ของพวกท่านเป็นส่งิ ตอ้ งหา้ มและเป็นสิง่ ทคี่ นหน่งึ คนใดจะมาล่วงละเมดิ มไิ ด้ จนกว่าพวกทา่ นจะไดพ้ บกับผูอ้ ภิบาลเสมอื นกับวนั บริสทุ ธ์ินี้ และเดือนนเ้ี ป็นเวลาท่ตี ้องห้ามสาหรบั พวกท่านและเมอื งน้ีก็เปน็ เมืองตอ้ งหา้ มสาหรบั พวกทา่ นทั้งหลาย พวกท่านทัง้ หลายจะตอ้ งไดร้ บั การสอบสวนจากองคพ์ ระผอู้ ภิบาลของพวกทา่ นในกิจการงานทุกอยา่ งทีพ่ วกท่านได้กระทาไว้โอ้ ประชาชนทงั้ หลายพวกท่านท้ังหลายมสี ทิ ธิท่ีได้รบั มอบหมายเหนอื ฝ่ายสตรแี ละฝ่ายสตรกี ็มีสิทธเิ หนือฝ่ายชายเช่นกนั ในหนา้ ทที่ ี่ท่านได้รับมอบหมาย ดังน้นั พวกท่านจงได้ปกปอ้ งดูแลภรรยาของพวกทา่ นดว้ ยความรักความเมตตาเถิด แน่นอนใครท่ีทาได้เช่นน้ันกเ็ ทา่ กบั เขาได้ปกครองดูแลภรรยาของเขาเอาไว้ใหอ้ ยใู่ นความพิทกั ษ์รักษาของพระผเู้ ป็นเจ้า พวกทา่ นทั้งหลายจงรกั ษาความศรทั ธาเช่ือม่นั ให้คงไวใ้ นจิตใจของพวกท่านและจงหลกี เล่ยี งออกห่างจากเร่ืองบาปกรรมและความชัว่ ดอกเบีย้ หรือการใหก้ ยู้ มื 46

เงนิ โดยคดิ ดอกเบ้ยี เปน็ สิ่งตอ้ งหา้ ม สาหรับลูกหนี้ให้สง่ คนื เฉพาะเงินในจานวนท่ียืมมาและเรอื่ งของดอกเบยี้ จาเปน็ จะต้องถูกยกเลิกนับแต่นี้ต่อไปเรอ่ื งของการแก้แค้นทดแทนกนั ดว้ ยเลือดเช่นในสมัยของยุคป่าเถือ่ นเปน็เรือ่ งต้องห้าม การอาฆาต จองลา้ งตองผลาญกันด้วยเลือดตอ้ งสนิ้ สดุ ลงเสยี ทีโอ้ ประชาชนทั้งหลาย บรรดาขา้ ทาสคนใช้ของทา่ นท่ีอยู่ในความดูแลของพวกท่านนน้ัจงเลี้ยงดพู วกเขาเช่นอาหารทพ่ี วกทา่ นรับประทานและใหเ้ สื้อผา้ เครื่องนงุ่ หม่ แก่พวกเขาดว้ ยเครือ่ งนงุ่ ห่มท่ีพวกทา่ นใช้ หากพวกเขาได้กระทาในส่ิงท่เี ป็นความผิดพลาดชนิดทท่ี า่ นไมป่ รารถนาที่จะอภยั ใหพ้ วกเขากจ็ งแยกทางกับเขาเสยี อย่าทาร้ายเฆ่ียนตีทาทารุณพวกเขา เพราะเขาตา่ งกเ็ ป็นบา่ วของพระองค์เช่นเดยี วกับพวกเราโอ้ ประชาชนทงั้ หลาย มารรา้ ยนั้นได้หมดส้ินความหวงั ท้ังมวลทจี่ ะไดร้ ับการเคารพบชู าในดนิ แดนของพวกท่านแลว้ แต่กระนน้ั กต็ ามมันยังเป็นหว่ งที่จะกาหนดการกระทาอันต่าตอ้ ยของพวกท่านอยู่ เพราะฉะนน้ั จงระวังมันไว้เถิด เพ่อื ความปลอดภยัแห่งตัวทา่ นและศาสดาของทา่ นโอ้ ประชาชนท้ังหลาย พวกท่านจงราลกึ และจดจาในสง่ิ ท่ฉี นั พูดพวกทา่ นตอ้ งราลกึเสมอวา่ มสุ ลิมทุกคนนั้นมฐี านะเปน็ พ่ีนอ้ งกนั พวกท่านทง้ั หลายต่างมคี วามพอใจในสทิ ธแิ ละหน้าทค่ี วามรบั ผิชอบท่ีเรามอี ยู่เสมอหนา้ กนั พวกท่านแต่ละคนล้วนแต่เป็นสมาชกิ ของสงั คมพ่นี ้องเดียวกัน จงปกป้องตัวจองทา่ นให้หา่ งไกลจากความอยุตธิ รรมในทุกกรณี ขอให้บคุ คลท่ีอย่ทู ่ีนีจ้ งนาสิ่งท่ีได้ยินจากฉนั ไปบอกเล่าแก่บุคคลที่เขาไม่ไดม้ าอยู่ ณ ท่นี ้เี พราะอาจเปน็ ไปไดว้ า่ คนท่ไี มไ่ ดร้ ับการบอกเลา่ น้นั อาจมีความจดจาได้ 47

ดีกวา่ บคุ คลท่ีได้ยนิ ไปจากฉนั โดยตรงก็เปน็ ได้ และผ้ทู ่ไี ด้รับความไวว้ างใจเขาจะต้องไมใ่ ห้ผู้ทไ่ี ว้วางใจเขาต้องประสบความผดิ หวงัโอ้ ผู้ศรทั ธาทั้งหลาย หากเมื่อถึงเวลาทฉ่ี นั ต้องจากพวกทา่ นไปแลว้ พวกทา่ นจงอย่าได้หนั กลับไปตอ่ สูเ่ ป็นศตั รูหลั่งเลอื ดกัน เหมอื นอย่างเชน่ สมยั แหง่ ความโง่เขลาดงั ท่ีไดผ้ า่ นมา แทจ้ รงิ ฉันไดม้ อบสิ่งหนึง่ แกพ่ วกทา่ นท้ังหลายซงึ่ หากพวกท่านยึดเอาไวอ้ ยา่ งม่ันคงแลว้ ทา่ นทั้งหลายจะไมห่ ลงออกไปสู่แนวทางท่เี หลวไหลเปน็ อันขาด สง่ิ นัน้ คืออลั กุรอาน และซนุ นะฮ(แบบอย่าง)ของฉันโอ้ ผู้ศรัทธาทงั้ หลาย แทจ้ ริงพระผูเ้ ป็นเจา้ ของพวกท่านน้นั มีพระองคเ์ ดยี ว ต้นตระกูลของพวกทา่ นกส็ ืบมาจากเช้ือสายเดยี วกนั น่ันคอื อาดมั และอาดมั น้ันถูกสรา้ งมาจากดนิ แท้จริงผูท้ ีม่ เี กยี รตทิ ี่สุดในหมู่พวกเจ้านั้นคือผทู้ ี่มีความยาเกรงมากกว่าเท่าน้ันโอ้ ทา่ นทั้งหลายจงสดบั ฟังถอ้ ยคาของฉันใหด้ ี จงรเู้ ถดิ ว่ามวลมุสลิมนนั้ ย่อมเป็นพี่นอ้ งกันและจงร้เู ถดิ ว่า บรรดามุสลิม ก็คือภราดรภาพอนั หน่งึ อันเดยี วกัน ไมม่ ีสิง่ ไดทเ่ี ป็นของพีน่ ้องมุสลิมด้วยกันจะเป็นของมสุ ลิมโดยถูกตอ้ งนอกจากวา่ เขาผูน้ น้ั จะใหโ้ ดยเต็มใจและไม่คิดมูลค่าเพราะฉะนั้นจงอยา่ กระทาการอยุตธิ รรมต่อตวั ของทา่ นเองโอพ้ ระผู้เป็นเจา้ ขา้ พระองค์ได้ประกาศสจั ธรรมออกเผยแพรแ่ ลว้โออ้ งคพ์ ระผู้อภิบาล ขอไดท้ รงโปรดเป็นพยานให้แกข่ า้ พระองคด์ ้วยเถดิ ” 48

หลงั จากเสรจ็ สิ้นแล้ว ทา่ นกไ็ ดเ้ ดินทางกลบั มายงั มะดีนะฮ ปนี ี้นบั เป็นปที ่ี 11ของศักราชอิสลาม ศาสดามุฮมั หมัด เร่ิมมอี าการป่วยไขเ้ กิดขึน้ เป็นระยะๆ ในวนั รุ่งขน้ึเป็นวันจันทร์ อาการอ่อนเพลียและไขไ้ ด้กาเริบสูงขนึ้ และอาการเรม่ิ ทรุดลงตามลาดบัท่านทราบดวี า่ เวลาที่ท่านได้กลับไปส่พู ระผู้อภิบาลได้ใกลเ้ ข้ามาแลว้ ในท่สี ดุ ทา่ นก็ได้เสียชวี ิตในวนั จนั ทร์ท่ี 12 ของเดอื นรอบอิ ุลเอาวลั ในปีท่ี 11 หลังจากปฮี ิจญเราะห์ตรงกบั วนั ที่ 8 เดือนมถิ ุนายน ปี ค.ศ. 632 รวมอายไุ ด้ 63 ปี 49

บรรณำนกุ รม“ชวี ประวตั ิทา่ นศาสดาโดยรวม” [ออนไลน์] เขา้ ถึงได้จากhttp://www.islaminthailand.org“ชีวประวตั ิท่านนบมี ูฮัมหมดั โดยละเอียด” [ออนไลน์] เขา้ ถงึ ได้จากhttp://cis.psu.ac.th“ชวี ประวตั ิทา่ นศาสดาโดยย่อ” [ออนไลน์] เขา้ ถงึ ไดจ้ ากhttps://sites.google.com/site/comnapeesah“ชวี ประวตั ิท่านนบีมูซาโดยย่อ” [ออนไลน์] เข้าถึงไดจ้ ากhttp://we-are-thai-muslim.blogspot.com“ขอ้ มูลเพิม่ เตมิ ชีวประวตั ทิ ่านนบีมูฮัมหมัด” [ออนไลน์] เขา้ ถึงไดจ้ ากhttps://wipa2555.wordpress.com 50


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook