ศิลปะกบั Constructivism มีความสำคญั อย่างไรใน ศตวรรษท่ี 21 ภูรินท์ กลั ยารัตน์ “ศตวรรษท่ี 21”เป็นคำท่ีหลายคนเคยไดย้ นิ โดยเฉพาะคนในแวดวงการศึกษาที่มักไดย้ ินคำน้ีพ่วงทา้ ย คำว่า “การศึกษา” บอ่ ยครง้ั ซ่ึงคำว่าศตวรรษท่ี 21นัน้ มาพรอ้ มกบั ความก้าวหน้าทางวทิ ยาศาสตร์ นวัตกรรม และ เทคโนโลยี ที่สร้างแรงสั่นสะเทอื นจนกระเพื่อมและเปลย่ี นแปลงหลายอยา่ งในชีวิตประจำวันของผคู้ น รวมทัง้ ยังเปล่ยี นแปลง กรอบแนวคิด ความเช่ือ ทัศนคติ ฯลฯ ซง่ึ เปน็ ผลมาจากการเข้าถึงข้อมลู มหาศาลได้ อยา่ งรวดเร็ว เพียงไม่กี่นาที การเปลย่ี นเหล่านี้ ทำให้ผู้คนสามารถวเิ คราะห์ หรอื เรียนรู้ส่ิงรอบตวั ด้วยเหตผุ ล และองคค์ วามรู้ท่หี าได้เอง และน้เี องต่อคำวา่ “การศึกษา” จากคำว่า “การศกึ ษา” ที่พ่วงท้ายคำวา่ ศตวรรษที่ 21 ข้างต้นจึงเกิดนิยามใหมว่ ่าการเรียนรู้โดยใช้ เทคโนโลยี นวตั กรรม และความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์เข้ามามีบทบาทเกี่ยวข้องกับการจดั การศึกษา เพื่อให้ ผู้เรยี นเกิดกระบวนการคิดวิเคราะห์ มีเหตุผล และสามารถค้นหาหรือเขา้ ถงึ แหล่งข้อมลู ดว้ ยตนเอง หรอื กลา่ ว อย่างง่ายวา่ “เรียนร้ดู ้วยตนเอง ทสี่ อดคลอ้ งกับการเรียนรู้ที่เนน้ ผู้เรยี นเป็นสำคัญหรือเน้นผูเ้ รยี นเปน็ ศูนย์กลาง การเรยี นรู้ ทผ่ี เู้ รยี นจะแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง รวมถงึ การเปลีย่ นแปลงบทบาทในห้องเรยี นทค่ี รจู ะลด บทบาทของตนเองเป็นผใู้ ห้คำปรึกษาและผคู้ อยกระตนุ้ ส่วนผ้เู รยี นจะถูกเพ่ิมบทบาทให้รู้จกั การแสวงหาความรู้ ด้วยตนเองและการทจ่ี ะทำให้ผู้เรยี นเกิดกระบวนการหรือบรรลุเปา้ ประสงค์ดังกล่าวจำต้องมีสง่ิ ทีส่ ่งเสรมิ และ สนับสนนุ หน่งึ ในนั้นคือ ทฤษฎีการสอนแบบ Constructivism ซ่งึ เช่อื วา่ การเรยี นรู้ เปน็ กระบวนการสรา้ ง มากกวา่ การรบั ความรู้ ดังน้นั เปา้ หมายของการจัดการเรียนการสอนจะสนับสนุนการสร้างมากกว่าความ พยายามในการถ่ายทอดความรู้ ดังนน้ั กล่มุ แนวคดิ คอนสตรัคตวิ ิสต์ จะมุ่งเน้นการสรา้ งความรู้ใหม่อยา่ ง เหมาะสมของแตล่ ะบุคคล และเชื่อว่าสงิ่ แวดลอ้ มมคี วามสำคัญในการสร้างความหมายตามความเป็นจริง (Duffy and Cunningham, 1996) การสอนศิลปะทสี่ ามารทำให้ผเู้ รียนเกดิ กระบวนการหรือบรรลเุ ป้าประสงค์ ของการเรียนรูใ้ นศตวรรษท่2ี 1 ที่อาศยั ทฤษฎีการสอนแบบ constructivism เขา้ มาชว่ ยในการจัดการเรยี นการ สอน ซ่ึงครจู ะต้องจดั กิจกรรมศลิ ปะท่สี อดคล้องกับความต้องการของผูเ้ รียน ไม่เนน้ การรูปเกง่ หรือสวยงาม เท่าน้ัน แต่ต้องใหผ้ ู้เรียนเกดิ ความรกั ที่แสวงหาความรู้ทางด้านศลิ ปะด้วย เชน่ การใช้กิจกรรมทีเ่ น้นพฒั นา ทางดา้ นสนุ ทรยี ์โดยใชก้ ารเรียนรู้แบบ constructivism ไม่ว่าจะให้ผเู้ รยี นจบั กลุ่มรว่ มมือเรียนรูจ้ ากปญั หาท่ีครู กำหนดจะทำให้ผู้เรียนลงมือกระทำในการสร้างความรู้ หรือเรียกวา่ Actively construct มใิ ช่ Passive receive ท่ีเปน็ การรับข้อมลู หรอื สารสนเทศ และพยายามจดจำเทา่ นน้ั เพ่ือท่ีผู้เรียนมีทักษะทางศิลปะที่ สามารถนำไปประยุกตใ์ ช้ในอนาคต ปรับปรุงพัฒนา เทคโนโลยี ตลอดจนนวัตกรรม และหาความร้เู พ่ิมเติมได้ ด้วยตนเอง 43
ดังน้ันจะเหน็ ไดว้ ่าวิชาศลิ ปะสามารถมีสว่ นสำคญั และบทบาทในศตวรรษท่ี 21 ได้ หากครูผสู้ อนนำ ทฤษฎกี ารเรยี นรู้ทสี่ อดคล้องกบั การเรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21 มาใช้ในการจดั การเรียนการสอนโดย ใช้หลกั ที่วา่ เน้นผู้เรยี นเป็นสำคัญ เพ่ือให้ผเู้ รยี นรู้จักคดิ วิเคราะห์ หรือเรียนรสู้ ่งิ รอบตัวด้วยเหตผุ ลองคค์ วามรทู้ ี่ผเู้ รียน สามารถสบื คน้ ดว้ ยตนเอง และใชส้ ง่ิ ท่ีเรียกวา่ สุนทรียศาสตร์ แทนคำวา่ วาดรปู สวย 44
อนาคตทางการศกึ ษาและการจดั การเรียนการสอนศิลปะในวกิ ฤตกิ ารแพรร่ ะบาด ของไวรัสโควดิ -19 จะเป็นอยา่ งไรต่อไป? พลพจน์ ฉว่ั ตระกูล จากวิกฤติการแพรร่ ะบาดของไวรัสโควิด-19 เป็นปัจจัยสำคญั ทที่ ำใหเ้ กิดการเปลยี่ นแปลงของ การศึกษาทัง้ ในประเทศไทยและท่วั โลก แนวโนม้ ของการศึกษาไทยในอนาคตจะเปลยี่ นไปอยา่ งไรบา้ ง ใน ฐานะนกั ศึกษาครอู ยา่ งเราจะมีแนวทางการตั้งรับการเปลี่ยนแปลงนีไ้ ด้อยา่ งไร การระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ทัว่ โลกต้องใชม้ าตรการเพม่ิ ระยะหา่ งทางสงั คม ส่งผลกระทบ โดยตรงต่อสถานศกึ ษาที่ต้องปดิ ทท่ี ำการชัว่ คราว การเรยี นการสอนแบบออนไลนถ์ ือเป็นทางเลอื กหนงึ่ ท่ี นำมาใชไ้ ด้ในข้อจำกดั ดังกล่าว แต่การสอนออนไลน์ในรายวิชาศิลปะปฏิบัตินน้ั มีข้อจำกัดหลายด้าน เช่น ความ พร้อมของเคร่ืองมือ อปุ กรณ์การปฏบิ ตั ิงาน และสถานที่ในการปฏิบตั ิงาน ในขณะนท้ี ่สี ถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอก 3 กลบั มาสรา้ งความต่นื ตระหนกให้กับ ประชาชนอีกครั้ง พว่ งด้วยผลกระทบทางดา้ นเศรษฐกิจ ความกา้ วหนา้ ของชีวิต รวมไปถึงการเปิดภาคเรยี นใหม่ ของปี 2564 ซึง่ การเรียนการสอนจะต้องกลับมาในรปู แบบออนไลน์อีกคร้งั แม้ว่าในคร้ังนี้ ความรสู้ กึ ของ โรงเรียน ครู นกั เรียน ผู้ปกครองอาจเรม่ิ คุน้ ชนิ กบั สง่ิ นี้ แต่เราทเ่ี ปน็ นักศึกษาครูท่ีกำลังจะออกฝึกปฏิบตั ิการ สอนในปีการศกึ ศกึ ษานก้ี ย็ ังเห็นปญั หาที่เกดิ ข้นึ จากการเรียนออนไลน์มากมายผา่ นทางคำบอกเลา่ ของ ผ้ปู กครองและนักเรียนตามโซเชียลมเี ดียทอ่ี อกมาระบาย หรอื จากการบอกเล่าประสบการณก์ ารฝกึ ปฏิบตั ิการ สอนของรุ่นพีท่ ี่ได้ประสบปญั หาการแพร่ระบาดของไวรัสโควดิ -19 ในรอบแรก ทำใหเ้ ราตระหนกั ไดว้ ่าปญั หาท่ี เกิดข้นึ จากการเรยี นออนไลน์กย็ ังคงมีอยู่ บางเร่ืองอาจไดร้ ับการแก้ไข บางเร่ืองอาจเปน็ ปญั หาใหม่ บางเร่ืองไม่ เคยไดร้ ับการแก้ไขเลย ได้แต่ทน ๆ ทำไปเทา่ ทท่ี ำได้ ผศ.อรรถพล อนันตวรสกุล อาจารย์ประจำคณะครุศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นหน่งึ ในอาจารย์มหาวิทยาลัยกลุ่มแรก ๆ ทเี่ ปลย่ี นมาใชว้ ธิ กี ารสอนนกั ศึกษา ออนไลนต์ ้งั แต่ก่อนทรี่ ฐั บาลจะออกประกาศปิดสถานศกึ ษา ได้กล่าวว่า ไมใ่ ช่ทุกวิชาหรือทกุ คณะจะเปล่ยี นมา สอนออนไลนไ์ ด้ทั้งหมด เพราะต้องคำนึงถึงความเหมาะสม และประสิทธิภาพของการสอนที่สำคญั ท่ีสุดคอื ห้องเรยี นออนไลนย์ ังทดแทน \"ห้องเรยี นออฟไลน์\" หรือห้องเรียนจริง ๆ ไม่ได้ คอื \"ปฏิสมั พันธ”์ แนน่ อนว่าการเปิดเรียนอีกคร้ังก็อาจไมใ่ ช่ตัวเลอื กท่ดี นี ัก จากเคสตวั อย่างของประเทศเกาหลีใต้ที่ พยายามเปดิ เรยี นดว้ ยมาตรการการรักษาระยะหา่ ง แตเ่ พียงไม่กวี่ นั หลงั เปดิ เรยี นกต็ ้องยกเลิกไปเพราะมเี คส นักเรยี นตดิ เชอ้ื โควดิ -19 จากทโี่ รงเรียน เช่นเดียวกับประเทศไทย แนวโนม้ ของการระบาดระลอก 3 อาจไม่ได้ หายไปเรว็ เทา่ ท่เี ราหวังไว้ ดังนั้น เราจงึ ต้องยอมรับสถานการณ์น้ี หันหน้าเขา้ หาปัญหาและพยายามทำให้การ เรยี นออนไลนเ์ กิดผลมากท่ีสุดเพ่ือท่จี ะยงั คงมอบโอกาสทางการศึกษาใหแ้ กเ่ ด็กไทย แตจ่ ากการแพร่ระบาดมา 2 รอบแล้วน้นั ทำให้พบว่า การเรยี นออนไลน์น้นั มีข้อจำกัดเรอื่ งความพรอ้ มส่วนบุคคลมากมาย โดยเฉพาะใน 45
โรงเรียนท่อี ยู่ตา่ งจังหวดั ท่ีครูก็ยังไมม่ ีความคุ้นชินกบั เทคโนโลยตี ่าง ๆ ปัญหาอกี อยา่ งทส่ี ำคัญคือนักเรยี นไม่มี อุปกรณ์ ไม่มีความพร้อมท่ีจะสามารถเรยี นรู้ในรูปแบบออนไลน์ได้ ในการเรยี นการสอนวชิ าศิลปะน้ันโดยหลัก ๆ แล้วจะเน้นไปทกี่ ารปฏิบัติควบคู่ไปกบั การเรยี นเนอ้ื หา ทฤษฎี เพื่อฝึกกระบวนการคิดสร้างสรรค์ซ่ึงการเรียนบางครง้ั อาจต้องได้รับการแนะนำจากครูผูส้ อน ปญั หาที่ เห็นได้ชัดในการเรียนศลิ ปะในรูปแบบออนไลนค์ ือ เราไม่สามารถให้คำแนะนำให้กับนักเรยี นไดอ้ ย่างทัว่ ถึง ซ่งึ เราอาจจะแก้ไขปญั หาโดยมาพูดคยุ แลกเปลีย่ นกนั ในตอนท้ายคาบกับเพ่ือนและครูวา่ ปญั หาทแี่ ตล่ ะคนพบเจอ น้ันมอี ะไรบา้ ง แต่ในความเป็นจรงิ การเรียนออนไลน์ในช้ันเรียนศลิ ปะสามารถทำไดด้ ีในระดับมัธยมปลายจนถึง อุดมศึกษา เพราะผู้เรียนมีความพร้อมทางเทคโนโลยี มีวุฒภิ าวะและความรับผิดชอบมากพอทีจ่ ะเรยี นแบบไม่มี คนคอยควบคมุ ได้ ในระดบั ทเ่ี ดก็ วา่ นน้ั อาจจะเป็นไปไดย้ ากที่จะทำไดถ้ ้าไม่ใชเ่ ด็กที่ครอบครวั มีความพร้อม พอสมควร ความเหลือ่ มลำ้ ที่เกิดจากโอกาสในการเข้าถงึ เทคโนโลยที ี่ไม่เท่าเทยี มมีเหน็ ได้มากมายในประเทศ ไทย การเรยี นออนไลนเ์ ปน็ หน่งึ ในวิธีแกป้ ญั หาอย่างเรว็ แต่การทจ่ี ะทำเชน่ นไ้ี ด้ ประเทศน้ันตอ้ งมโี ครงการการ สอื่ สารและอนิ เทอร์เนต็ ท่ดี ีและราคาถกู ทุกคนเขา้ ถงึ ได้ แต่ตอ้ งยอมรับวา่ ในประเทศทยี่ งั ไมพ่ ฒั นา และ ประเทศกำลงั พัฒนา เชน่ ประเทศไทยที่ยงั ไม่ได้พัฒนาโครงสรา้ งพน้ื ฐานตอบรบั เทคโนโลยีเหลา่ น้ี การเขา้ มา ของการเรียนออนไลน์ ยง่ิ ทำให้เดก็ ยากจนและผู้ท่ีเข้าไม่ถึงเทคโนโลยีน้ันถูกละท้ิงและมองขา้ มไป ท้ังการเรียนออนไลนแ์ ละในการเรียนในชนั้ เรียนจริง ต่างก็จะมขี ้อดีและข้อเสยี ท่ตี า่ งกนั ทั้งนีท้ ัง้ นนั้ ก็ ขนึ้ อยู่กับบริบทต่าง ๆ ว่าเหมาะสมกบั สถานการณโ์ ลกในปัจจบุ นั ความพร้อมทางเทคโนโลยี หรอื บรบิ ทของ โรงเรียน ครู นักเรียน และเนื้อในการเรียนการสอนอีกด้วย การเรยี นออนไลนไ์ มใ่ ช่เร่อื งยากถ้าหากเราทุกคน รูจ้ กั ปรับตัวตามสถานการณ์ท่ีเปลี่ยนไป การระบาดของไวรสั โควดิ -19 นี้ ทำให้เราได้เตรียมความพร้อมสำหรบั การเรยี นการสอนในอนาคตให้เรว็ ขึ้น แตก่ ็ปฏิเสธไมไ่ ด้ว่าทั้งครูและนักเรียนนน้ั ลว้ นคิดถึงบรรยากาศการเรียน การสอนแบบเดมิ ที่ทกุ คนมปี ฏสิ ัมพนั ธ์กนั เดก็ ๆได้เตบิ โตไปพร้อม ๆ กันตามช่วงวยั ในอนาคตเราอาจจะไดเ้ ห็น รปู แบบห้องเรียนผสมผสาน ท้งั การเรียนแบบด้งั เดิมและการเรียนออนไลนค์ วบคู่กนั ไปอยา่ งสมบูรณ์ อ้างอิง AKSON. (ม.ป.ป.). เมื่อเกดิ ความเปล่ยี นแปลงของโลกการศึกษาจากวกิ ฤติ โควดิ -19 แล้วอนาคตทางการศึกษา จะเป็นอย่างไรต่อไป? เรียกใชเ้ มอ่ื 7 มีนาคม 2564 จาก AKSON:https://ev.turnitin.com/app/ carta/en_us/?u=1116807667&s=&student_user=1&session-id=cb01360965b24ec1acf 47e3715 124ac6&lang=en_us&o=1563544978 gnite thailand. (28 มกราคม 2564). ไขความลับ(ท่ีไม่ลับ)…ทำไมต่างประเทศถึงเรียน ‘ออนไลน์’ ได้สำเร็จ? เรยี กใช้เมอ่ื 7 มนี าคม 2564 จาก ignite thailand: https://www.ignitethailand.org/content /6276/ignite?fbclid=IwAR0oG8ZoLHtnGzRQdRGRio3YDq 46
47
การศึกษาไทยหรอื ใครกันที่ทำใหค้ ณุ ภาพเด็กไทยแย่ลง พิมลพรรณ แสนนาม จากการรบั ฟังข่าวที่เผยแพร่ทางสื่อมวลชนเก่ียวกบั คุณภาพการศึกษาท่ีแย่ลงและแย่ย่งิ กว่าประเทศ เพ่ือนบา้ นไมว่ ่าจะเป็นวิชาวทิ ยาศาสตร์ คณติ ศาสตร์ ภาษาอังกฤษแมก้ ระทงั่ วชิ าภาษาไทยซ่ึงเป็นภาษาของเรา เองก็ยังแย่ และกย็ งั คิดวา่ ศลิ ปะเป็นวิชาทไ่ี รส้ าระและไร้ประโยชนท์ งั้ ท่ีศิลปะสามารถบูรณาการไดก้ บั ในทกุ ๆ วิชากต็ าม ทำใหว้ ชิ าศิลปะอาจจะถูกเบียดบงั จากวิชาอน่ื ตามไปด้วย เม่อื มาวิเคราะห์ดูทำให้ทราบวา่ ครเู อาเวลาส่วนใหญ่ไปทำงานอยา่ งอน่ื ทงั้ ทเ่ี ปน็ งานส่วนตัวและงาน ราชการและนอกจากนี้หลักสูตรการศกึ ษาของไทยในบางส่วนน้ันยังมีความลา้ หลังและไม่มีการอัพเดต ครูไม่ ศึกษาและพัฒนาให้ก้าวทันต่อโลกในยุคโลกาภวิ ัฒน์ ครเู อาเวลาไปทำผลงานทางวิชาการ เพ่อื เสนอขอตำแหนง่ ทางวิชาการ เช่นครคู ศ.3 หรือ 4 และ 5 ทส่ี ูงขึ้นไปอีกแตเ่ ราลองมาคิดและมองดูอีกมุมเป็นเสมือนภาพทย่ี ้อน แยง้ เราคิดวา่ ถ้าโรงเรยี นมีครูทีเ่ ชีย่ วชาญมากขึน้ นนั้ ความสามารถในการสอนหรือสอนเกง่ ก็จะทำให้เด็กเกง่ ตามไปด้วย แต่มองอีกมมุ ในบางโรงเรยี นทมี่ าครูคศ.3เยอะ แต่ทำไมเด็กยังคุณภาพแย่ลงสวนทางกนั เด็กก็ยงั อา่ นไม่ออก เขียนไม่ได้ คิดเลขไมเ่ ปน็ สดุ ท้ายแล้วผลของที่ทเี่ ราไดเ้ หน็ นั้นก็ตกลงสนู่ ักเรียนท้ังสิน้ การเปน็ คศ.3 หรอื 4 และ 5 นั้นก็ไมส่ าารถเป็นตัวกำหนดได้ว่าคุณจะเป็นครูท่ีมคี ุณภาพและพฒั นาเด็กได้ และใครเปน็ ผู้สรา้ ง กฎเกณ์ข้อบงั คบั นีข้ ึ้นมา ถ้าเรายอมรบั ได้ว่าการทำผลงานวิชาการของครูน้นั สง่ ผลเสยี ไปส่ตู ัวนักเรียนก็ควรท่ีจะ ยกเลิกหรอื ไม่ หรอื วธิ ีใดท่ีจะคิดหาวิธีประเมนิ โดยไม่ตอ้ งใหค้ รูทิง้ ห้องเรียนไปทำงานราชการหรืองานสว่ นตวั แต่กลับจะต้องอยหู่ ้องเรียนมากขนึ้ ทุ่มเทการสอนเด็กมากยิ่งข้ึน อยา่ งต่อมาคอื ครูเอาเวลาไปทำงานทีเ่ กย่ี วกับการประกนั คุณภาพการศกึ ษา ครตู ้องใชเ้ วลาในการ รวบรวม เอกสาร หลักฐานตา่ ง ๆ (ทั้งจริงและสรา้ งขึ้น) เพ่ือจัดทำเปน็ รปู เล่ม เปน็ แฟ้มตามมาตรฐานและตัว บง่ ช้ีต่าง ๆ มากมาย ถา้ เป็นโรงเรยี นเลก็ ๆ ท่มี จี ำนวนครูไม่ก่ีคน ครแู ตล่ ะคนกต็ อ้ งเอาเวลาไปทำตัวบ่งชแ้ี ล้วจะ เอาเวลาท่ีไหนไปสอนนักเรยี นหรือวนั ไหนย่ิงเข้าใกลว้ ันประเมินบางโรงเรยี นถึงกับต้องหยุดโรงเรียนหยดุ การ เรียนการสอนเพ่ือเตรียมการต่าง ๆ มากมายตอ้ นรับกรรมการทจ่ี ะมาประเมิน ส่งิ ทกี่ รรมการสถานศึกษาเหน็ แต่ ละครัง้ คือผักช้ีโรยหนา้ การสร้างสรรคป์ นั้ แต่งขึน้ มาท้ังนั้น นอกจากครตู ้องใชเ้ วลาในการจัดทำเอกสาร รายงาน ตา่ ง ๆ สำหรับรอรบั การประเมนิ แลว้ ครตู ้องเขา้ ประชมุ อบรมสัมมนาท้งั โรงเรียนภายในโรงเรียนภายนอกเพอื่ สร้างหลักฐานตามตวั บง่ ชใี้ นมาตราฐานของการประกันคุณภาพการศึกษา จากท่ีกลา่ วมาเราจะเหน็ ได้วา่ ครูจะ เอาเวลาท่ไี หนมาอยู่ในห้องเรียนกับเดก็ ให้ได้นาน ๆ เพราะไดเ้ อาเวลาไปทำอยา่ งอื่นหมดแลว้ จะโทษใคร กฎ ระเบียบ คนออกกฎ ตัวสถานศึกษา หรือเขตพน้ื ที่การศึกษาท่มี อบภาระงานมาใหค้ รูมากมายขนาดนี้ จนบางที ก็สงสยั วา่ มนั ถูกแลว้ หรือมนั ดีแลว้ หรอื กบั สิง่ ที่ต้องทำ ซงึ่ ตวั ผู้เขียนกไ็ ด้เรยี นวชิ าประกนั คุณภาพการศกึ ษา ก็ได้ 48
คดิ วา่ ถ้าครหู รือสถานศึกษาต่าง ๆ เอาเวลาที่ทุ่มเท ผักชีโรยหน้า ไปทมุ่ เทในการสอนโดยไม่หวังผลของโรงเรียน แตเ่ ด็กคือคนท่สี ำคญั ที่สดุ ทีค่ วรพฒั นา ควรให้เวลา ใหค้ วามรู้ คุณภาพเด็กไทยจะดมี ากข้ึนกว่านห้ี รอื ไม่ นอกจากนีต้ ัวหลักสตู รยงั ไมม่ ุ่งเน้นการพฒั นาในตวั ผู้เรียนทำใหใ้ นบางคร้ังครไู มท่ ราบวา่ แทจ้ ริงแลว้ นนั้ เด็กตอ้ งการอะไร และในการเรียนในสมัยนห้ี ลักสตู รการศึกษาไทยนัน้ ยังใช้เกณฑค์ ะแนนต่าง ๆ ของนักเรยี นใน การสอบแตล่ ะครง้ั มาเป็นตัววัดผลของโรงเรียนวา่ โรงเรยี นในมีเด็ก เกง่ กลาง อ่อน มากกว่า ทำให้ไม่ทราบได้ แทจ้ ริงวา่ เดก็ แตล่ ะคนต้องการอะไรเพราะนกั เรยี นทกุ คนไมใ่ ช่วา่ จะถนดั เหมอื นกัน บางคนชอบงานช่าง บาง คนชอบวาดรูป บางคนชอบวทิ ยาศาสตร์ แต่หลักสตู รการศึกษาไทยนน้ั ใชม้ าตรฐานเดียวมาวดั นกั เรยี นทั้ง ประเทศ และในบางคร้ังก็ยังมีบรรทัดฐานทางสงั คมมาวดั ตัวเดก็ อีกที ทีใ่ หเ้ ด็กเรยี นสาย วิทย์คณิตคอื เก่งแต่สาย ภาษาคอื อ่อน บางท่ีบอกให้เรยี นสายวิทยค์ ณิตเพ่ือจะไดเ้ ลือกคณะได้มากมายหลากหลายทง้ั ทีใ่ นบางครัง้ ตัวเด็ก เองก็อยากทจี่ ะเรียนในสายภาษาและประเทศไทยยงั ให้คุณค่ากับอาชพี หมอมากกว่าอาชีพอนื่ ๆ หรือแม้กระทั่ง ศิลปะคนสว่ นใหญ่กไ็ มอ่ ยากใหล้ กู เรียนเพราะคิดว่าจะเป็นศลิ ปนิ ไสแ้ ห้งจบไปแลว้ จะทำงานอะไร ทำให้ครหู รือ ผู้ปกครองเห็นว่าเด็กทส่ี อบติดคณะสายสขุ ภาพน้นั ถอื เป็นสำคัญมากกว่าเดก็ ท่ไี ด้คณะอ่ืนอกี ดว้ ยทำให้ไม่มกี าร เปดิ กว้างและ รับฟงั ในหลักสตู รการศึกษาที่น่าสนใจอนื่ ๆ อีกด้วย ทำให้ในบางครั้งเด็กก็ไม่สามารถเชือ่ ม่นั ใน ความคิดตนเองแตเ่ ลอื กแตจ่ ะทำตามที่ครหู รอื ผู้ปกครองต้องการแม้จะเปน็ สิง่ ท่ีไม่ถนดั และอาจจะถึงขนั้ ท้อและ ไม่อยากที่จะเรยี นต่อก็มี จากทก่ี ลา่ วมากอ็ ยากจะใหร้ าบว่า การศึกษาไทยหรือใครกันแน่ท่ีทำให้คุณภาพของเดก็ ไทยแยล่ ง สถานศกึ ษา ครู ผูป้ กครอง หรือตัวนกั เรยี นเองหรือประเทศไทยให้ความสำคัญกบั คำวา่ การพัฒนาการศึกษา มากกวา่ การพัฒนาคุณภาพผ้เู รียน อา้ งอิง บญุ มี พันธ์ไุ ทย.2552.ใครทำใหค้ ุณภาพเด็กไทยแย่ลง.[ระบบออนไลน์]. แหลง่ ทีม่ า https://nawaporn.files.wordpress.com.( 09 เมษายน 2564 ) 49
ปญั หาของหลักสูตรและการจัดหอ้ งเรยี นศิลปะในปจั จุบัน รตั นมณี คงคูณ “การสอนของครผู สู้ อนศลิ ปะส่วนใหญ่ใช้วธิ สี อนทีเ่ คยปฏบิ ตั มิ า หรอื สอนตามประสบการณข์ อง ครูผู้สอนโดยมักจะส่งั ใหน้ กั เรียนปฏบิ ตั ติ ามยดึ ครเู ปน็ ศนู ย์กลาง นกั เรียนจะไม่มโี อกาสไดแ้ สดงออกทง้ั ความคิด และการเร่ิมสรา้ งสรรค์” ในปจั จุบันปฏิเสธไม่ได้เลยวา่ ครผู สู้ อนส่วนใหญ่ยังไม่เปลีย่ นพฤติกรรมการสอนที่ยังเน้นให้นักเรียน ปฏิบัตติ ามคำสั่งไมส่ ่งเสรมิ ใหเ้ ด็กสร้างงาน ศลิ ปะตามความรสู้ ึกนกึ คดิ ของตนเองงานศลิ ปะทีแ่ สดงออกจงึ มี ลักษณะคล้ายคลึงกนั เปน็ ส่วนใหญ่ เนือ่ งจากครผู สู้ อนไม่มวี ิธีการโน้มน้าวใหน้ กั เรียนเกิดความคดิ เกิด จนิ ตนาการซง่ึ ในการจัดการเรียนการสอนศิลปะนนั้ วริ ณุ ตั้งเจริญ (2542: 51) ใหค้ วามเหน็ ว่า การจัด ประสบการณ์ทางศิลปะใน ระดับประถมศึกษาน้นั นอกจากจะสร้างสมรรถภาพทางความคิดและ ทักษะในการ สร้างสรรค์ศลิ ปะตามความสามารถเฉพาะตนแล้วยงั จำเป็นตอ้ งสรา้ งเสรมิ ทัศนคติอันถูกตอ้ งแก่ผ้เู รยี นด้วย ศลิ ปวฒั นธรรม ธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมส่ิงเหล่านี้ จะเสริมสร้างบคุ ลกิ ภาพอันดงี าม เกิดผลทางจริยธรรมใน สังคมและเป็นพฤติกรรมที ตอบสนองความ เจรญิ เตบิ โตทางร่างกายและสมองอีกดว้ ย มุง่ เนน้ ผูเ้ รียนเปน็ ศูนยก์ ลางให้ผู้เรยี นไดป้ ฏิบัตจิ ริงจากสื่อและวัสดกุ ารเรยี นรู้จากสภาพท่เี ปน็ จรงิ มุ่งพัฒนาผเู้ รียนเตม็ ตาม ศกั ยภาพใหผ้ เู้ รียนเรียนอย่างมีความสขุ และผู้เรยี นเกง่ ดีมีความสขุ ความสำคญั ของหลกั สตู ร หลักสูตรเปรียบเสมือนตัวแม่บทหรอื หวั ใจของการศกึ ษาที่ถอื เปน็ แกน่ สำคญั ในการวางแนวทางการจดั การศึกษา เป็นตวั กำหนดทิศทางของการศกึ ษาในการท่ีจะให้ความรู้ การเสริมสร้างเจตคติ เพอื่ ผูเ้ รยี นเกิดการ พฒั นารอบด้าน คุณภาพของประชาชนจะดีหรือไม่ขึน้ อยู่กับหลกั สตู รนนั้ ๆ และหลักสูตรเปน็ โครงการและ แนวทางในการใหก้ ารศึกษาเพราะหลกั สูตรจะบอกให้ทราบวา่ การจกั การศึกษานั้นมวี ตั ถปุ ระสงค์อยา่ งไร จะ จดั การเรียนการสอนอย่างไร หลกั สตู รจะบอกใหค้ รรู ู้ว่าควรพฒั นาผูเ้ รยี นดา้ นใดจะสอนด้วยเนอื้ หาสาระอะไร และควรจดั กจิ กรรมหรือประสบการณ์ใดให้บรรลวุ ตั ถปุ ระสงคท์ วี่ างไว้ หลักสตู รศลิ ปศึกษา การจดั การเรยี นการสอนตามแนวคิดพหุศลิ ปศกึ ษาเชงิ แบบแผน (DBAE) แนวคิดพหุศิลปศกึ ษาเชิง แบบแผน (DBAE) วา่ การศึกษาและศลิ ปศึกษากระแสสากลใน สหรฐั อเมริกาและยโุ รป ช่วงกลางคริสต์ศตวรรษ ท่ี 20 เปน็ กระแสของการศกึ ษาแบบพิพฒั นาการนยิ ม (Progressivism) ทสี่ อดผสานกับกระบวนการเสรภี าพ ลัทธิสมยั ใหมใ่ นสังคมมีการเรียนการสอนแบบยึดเด็กเป็นศูนย์กลาง การสอนศิลปะในโรงเรียน ควรเปน็ รปู แบบ บูรณาการเน้ือหา ความรู้ ท้งั 4 แกน ได้แก่ ศลิ ปะปฏบิ ตั ิ (Art Production) สุนทรยี ศาสตร์ (Aesthetics) ศิลปะวิจารณ์ (Art Criticism) ประวัติศาสตร์ศลิ ปะ (Art History) หรือเรียกวา่ การเรียนการสอน แบบ DBAE 50
(Discipline-Based Art Education) เป็นศาสตรท์ ีเ่ กื้อหนุนกนั และกัน Jones and Runyan (1986 : 42-43) กล่าวถงึ การพฒั นาหลกั สูตรศิลปะ สำหรับระดับอนบุ าลถงึ มธั ยมศกึ ษาตอนปลายในโรงเรียนรฐั บาล ในเมือง เวอรจ์ ิเนียบีช โดยใช้ แนวทางพหศุ ิลปศึกษา (DBAE) มเี ป้าหมาย 5 ประการ ทส่ี ะท้อนใหเ้ หน็ ถึงการบูรณาการ ทัง้ 4 แกน คือ 1. การรับรู้และความเฉียบไว (แกนสนุ ทรยี ศาสตร์) 2. การศกึ ษาศลิ ปนิ และผลงานศลิ ปะ (แกนประวัติศาสตรศ์ ิลป์) 3. การทำงานศิลปะ (แกนศิลปะปฏิบตั ิ) 4. ศลิ ปะวิจารณ์ (แกนศิลปะวิจารณ์) 5. ส่วนประกอบตา่ ง ๆ และองคป์ ระกอบของการออกแบบ ข้าพเจ้าได้ศึกษาเอกสารงานวจิ ยั ท่ีเกยี่ วขอ้ งในกลุ่ม สาระการเรยี นรู้ศิลปะ สาระทัศนศลิ ป์ ซง่ึ เดิมน้นั จะเรียกวา่ วิชา ศิลปศึกษา และการจดั การเรียนการสอนสาระทศั นศลิ ปส์ ามารถสรุปไดว้ ่า กลุ่มสาระการเรียนรู้ ศลิ ปะ สาระทัศนศิลป์ เป็นสาระทมี่ ีบทบาทสำคญั ในการพัฒนารา่ งกายสตปิ ญั ญา อารมณ์ และสงั คมแก่เดก็ แต่สภาพการจดั การเรียนการสอนยงั คงมปี ัญหาอย่มู ากส่วนใหญ่เน่ืองจาก ครผู ้สู อนขาดความรคู้ วามสามารถ เฉพาะทาง ไมม่ ีทักษะในการปฏบิ ัติ ไม่นาํ เทคนิคการสอนที แปลกใหม่และเหมาะสมสัมพนั ธ์กับบทเรียนมาใช้ ไมส่ ามารถสร้างส่อื การสอนท่ีมคี ุณภาพได้ การวดั และประเมนิ ผลไม่ตรงกบั จุดประสงค์ของหลักสูตรเปน็ สาเหตุ ใหก้ ารจัดเรียนการสอนศลิ ปะในช้นั เรยี น และปัญหาสว่ นใหญท่ ี่พบในปจั จบุ นั มดี ังน้ี - ด้านหลกั สตู ร โรงเรียนขนาดเล็กมปี ัญหาระดับมากท่ีสุด ได้แก่ ปญั หาของครูในการปรับหลกั สตู รไป ใช้ใหเ้ หมาะสมกับสภาพปจั จุบันไดน้ ้อย ปญั หาครูนาํ จุดประสงค์ท่ีกำหนดในหลักสตู รสาระศลิ ปะไปพัฒนา บคุ ลกิ ภาพ ปัญหาครไู มค่ ่อยเข้าใจการจัดกิจจกรรมกระตุ้นเรา้ ให้อยากเรียน ปญั หาโรงเรียนมีเอกสารหลักสตู ร ไมเ่ พยี งพอ และปญั หา ครูไมเ่ ขา้ ใจความมุ่งหมายของหลักสตู ร ซง่ึ ปัญหาทกี่ ล่าวมาอยูใ่ นระดับมากท่สี ดุ สว่ น โรงเรียนขนาดกลางและขนาดใหญ่ มีปัญหาอยู่ในระดับมาก - ด้านเนอ้ื หา โรงเรียนขนาดเล็ก ขนาดกลางและขนาดใหญ่ มีปญั หาอยู่ในระดับมาก และพบว่าครไู ม่ เขา้ ใจเน้อื หาการป้นั และการแกะสลักในโรงเรยี นขนาดเลก็ - ด้านการสอนตามแผนการสอนโรงเรียนขนาดเล็กมีปัญหามากทส่ี ดุ ไดแ้ ก่ ปญั หาการกำหนดข้ันตอน ในการปฏบิ ัตเิ พื่อพัฒนาทักษะการทำงานน้อยครูวางแผนการสอนไม่ตรงกบั จดุ ประสงค์ของหลกั สตู รกิจกรรม การเรยี นการสอนไม่สอดคล้องกับเนื้อหาและเวลาท่ีกำหนดในโครงสร้างของหลักสูตรกิจกรรมการเรยี นการ สอนไมส่ ่งเสริมใหผ้ เู้ รียนเรียนรกู้ ระบวนการแกป้ ญั หาการจัดกจิ กรรมการเรยี นการสอนไมค่ รบเนื้อหาสาระตาม หลกั สูตรกำหนดและปญั หาโรงเรียนมีแหล่งคน้ ควา้ ความรดู้ ้านศลิ ปะไมเ่ พยี งพอ - ดา้ นสื่อการสอนโรงเรยี นขนาดเล็กมีปญั หามากทสี ดุ ได้แก่ ครูเปิดโอกาสให้นกั เรยี นมีสว่ นร่วมในการ เตรยี มสอื่ นอ้ ยครใู ช้สอื่ ไม่สอดคลอ้ งกับเนอ้ื หาและกจิ กรรมการสอนครูไมม่ ีเวลาในการปรับปรุงสอื่ ให้ใช้ได้อย่าง 51
มปี ระสิทธิภาพ ครูมเี วลาในการผลิตส่อื การเรยี นการ สอนน้อย และปัญหาส่ือการเรียนการสอนไม่ตรงกบั เนอ้ื หา - ดา้ นการวัดผลและประเมนิ ผลโรงเรียนขนาดเลก็ มีปญั หามากท่ีสดุ ไดแ้ ก่ ปัญหาครูไมน่ ําผลการ ประเมนิ มาปรับปรงุ การเรียนการ สอน ครูไม่วดั และประเมินผลก่อนเรียนทุกคร้ังผูบ้ รหิ ารให้ความสำคญั เร่ือง การวัดผลและประเมนิ ผลสาระทศั นศลิ ป์น้อยมกี ารวดั และประเมินผลท้งั ภาคความรูภ้ าคปฏิบัตแิ ละเจตคติสาระ ทศั นศลิ ป์น้อย และปัญหาการสงั เกตตดิ ตามการพัฒนาการทางศลิ ปะของผู้เรยี นนอ้ ย ส่วนโรงเรียนขนาดกลาง ปญั หามากทีส่ ุด คือการสงั เกตตดิ ตามการพฒั นาการทางศลิ ปะของผเู้ รียนน้อย เช่น เดยี วกันกบั โรงเรียนขนาด เล็ก วิชาศิลปะเปน็ วิชาที่ปลูกฝังให้ผเู้ รยี น มคี ณุ ลักษณะทด่ี งี ามและมีจุดประสงค์เพ่อื ใหผ้ ู้เรยี นเกดิ การ พัฒนาคา่ นยิ ม เจตคติ พฤติกรรมและบุคลิกภาพเน้นเปน็ คนช่างคดิ ชา่ งทำปรับตัวเข้ากับการ กิจกรรมศลิ ปะ นําไปสกู่ ระบวนการเรียนรใู้ ห้เกดิ แก่เดก็ ในด้านต่างๆ เช่นการพฒั นาความคิดสร้างสรรค์การรคู้ ณุ คา่ ทางศลิ ปะ รักความสะอาด รักความสวยงามและเป็นผู้มรี สนิยมท่ดี ีศิลปะ ช่วยใหเ้ กิดการพฒั นาพฤตกิ รรมในการทำงาน สร้างสรรค์ เกดิ ความชาํ นาญในการทำงานมีความคล่องตวั ในการคิดและแสดงออก การจัดกจิ กรรมการเรยี น การสอนกลุ่มสาระการเรยี นรู้ศิลปะโดยเฉพาะสาระทัศนศิลป์ในโรงเรียน จะสร้างความเช่ือม่ันในตนเอง จึงเปน็ ลักษณะบูรณาการเขา้ กบั สาระอน่ื ๆ มุ่งสง่ เสริมการแสดงออกทางศิลปะอย่างเสรีเตม็ ความสามารถ มีการ ประยุกต์วัสดุในท้องถน่ิ และธรรมชาติมาใชก้ บั งานศิลปะอย่างเหมาะสม ครูต้องลดบทบาทของการเป็นผูบ้ อก หรอื ออกคำสัง่ มาเป็นผู้คอยกระตุ้นย่ัวยุและหาทางสง่ เสริมให้เดก็ ทุกคนได้แสดงออกตามระดบั อายุและขดี ความสามารถ การสอนทัศน์ศิลป์ จงึ ไมจ่ าํ กัดอยูเ่ ฉพาะการวาดเขียนและการป้ันสลักเท่าน้ันหากแตถ่ ือวา่ ทุกส่งิ รอบตวั เด็กเปน็ ศิลปะการประเมนิ ผลงานศลิ ปะของนักเรียนน้ันจะพิจารณาจากกระบวนการทำงานของแต่ละ คนวา่ สอดคล้องกบั การพฒั นาทางศลิ ปะตามอายเุ พยี งใด ขณะเดียวกนั กใ็ หน้ ักเรยี นมีโอกาส ประเมนิ ผลงาน ของตนเองดว้ ย ครจู ะไม่นําผลงานของเด็กแตล่ ะคนไป เปรยี บเทยี บกนั เพื่อตัดสนิ หรือให้คะแนนตามความ เหมาะสม ดงั น้นั ศลิ ปะจงึ ไม่ใช่เพียงมีเป้าหมายอยู่ท่ีตัวผลงานอย่างเดียว แตเ่ ปา้ หมายหลกั อยู่ที่กระบวนการ แสดงออกมากกว่า ดงั นั้นการจดั การสอนศิลปะเด็กจึงเป็นเพยี งการจัดใหเ้ ด็กได้ แสดงออกดว้ ยวสั ดุและวธิ กี าร ทหี่ ลากหลายโดยปล่อยให้พวกเขาได้ แสดงออกอยา่ งเสรีมใิ ชเ่ พยี งจัดหุ่นใหเ้ ขาเขยี นหรอื อธิบายหลักการและ ทฤษฎที างศิลปะเพื่อให้เขาปฏิบัตติ ามอย่างการเรยี นการสอนศิลปะของผู้ใหญเ่ พราะโลกในการรับรู้ของพวกเขา ในช่วงวัยก่อนเหตผุ ลคือ จนิ ตนาการเท่านน้ั 52
อา้ งอิง บรรจง บุญการี. สภาพและปัญหาการสอนศิลปศึกษาของครูประถมศึกษาในโรงเรียนสังกัด สำนักงานการ ประถมศึกษาจังหวัดลพบุร.ี วทิ ยานิพนธ์ ค.ม. สาขาการบรหิ ารการศึกษา. กรงุ เทพฯ: จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย กฤตศักดา เรือนนาค. ความคิดเหน็ ของครศู ลิ ปะเกี่ยวกับการสอนศิลปะในโรงเรียนประถมศึกษา ตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา. วิทยานพิ นธ์ ค.ม.สาขาการบริหารการศึกษา. กรงุ เทพฯ: จฬุ าลงกรณ์ มหาวิทยาลยั 53
ศิลปะกับวิชาทถ่ี ูกมองข้าม ศริ ิยากรณ์ ทาทอง คา่ นิยมการศกึ ษาไทยส่วนใหญจ่ ะเหน็ ไดว้ า่ ผูค้ นจะให้ความสำคัญกับรายวชิ าท่เี รยี นจบไปแลว้ สามารถ ไปตอ่ ในคณะทเี่ ป็นที่ต้องการอยา่ งมากของเศรษฐกิจและสังคมได้เชน่ แพทย์ วศิ วะ บัญชี นติ ิ ฯลฯ ซ่งึ ถา้ พูดถึง รายวชิ าที่ทกุ คนคิดว่าไม่ค่อยมีความสำคญั หรือไมม่ ีบทบาทอะไรมากนกั ในระบบการศึกษาน้ันอาจจะมหี ลาย วชิ าทท่ี ุกคนต่างนึกถึง ซึง่ กลา่ วไดว้ า่ รายวชิ าศลิ ปะก็เป็นหนึ่งในรายวิชาทีถ่ ูกลดความสำคัญไปเชน่ กนั โดยส่งผล กระทบหลายด้านท้ังตัวผู้เรยี นและครผู ้สู อน ปจั จบุ นั สถานศึกษาได้มีการพัฒนาหลกั สตู รและสายการเรยี นให้ผเู้ รียนลงทะเบยี นในสายท่ีตนเอง สนใจในชัน้ มัธยมตอนปลาย จึงมีความจำเป็นในการเตรยี มความพร้อมของผู้เรยี นก่อนแต่ดว้ ยสงั คมไทยและ ระบบการศึกษา เราย่อมให้ความสำคัญกบั วชิ าการอย่างอ่ืนมาก่อนศิลปะอยู่แล้ว เนอ่ื งจากจำเปน็ ต้องใชใ้ นการ สอบเขา้ เพ่ือศึกษาต่อ จนกระทง่ั วิชาย่อย ๆ อย่างศลิ ปะ และวิชางานประดิษฐ์ การงานอาชพี ฯลฯ ถูกให้ ความสำคัญและมีการจดั ทำหลกั สตู รเพียง 1 ชว่ั โมงตอ่ สัปดาห์เท่านน้ั รวมไปถึงการจดั สรรคง์ บประมาณ สนบั สนุนของสถานศึกษาในการจัดกจิ กรรมการเรียนการสอนทคี่ ่อนข้างน้อย การจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ของครทู ่ีไมน่ ่าสนใจ ซึ่งถอื ไดว้ า่ เปน็ เรือ่ งสำคัญทก่ี ่อใหเ้ กดิ ปัญหาท่สี ง่ ผลกระทบกับผู้เรียนโดยตรงอาจทำให้ ผูเ้ รยี นเกดิ ทศั นคติท่ีไมด่ ีกบั ศิลปะ ไมเ่ ข้าใจในความสำคญั ของศลิ ปะ ขาดความกระตอื รือรน้ ในการเรียน คดิ ว่า วชิ าศลิ ปะเรียนยาก สำหรบั คนทีว่ าดรปู ไม่สวยมกั จะโดนตำหนิเกยี่ วกบั การวาดภาพจากครูอยู่เสมอ ก็มักจะไม่ ชอบการเรยี นวชิ าศลิ ปะ และบางคนท่ีไมช่ อบเรียนศลิ ปะ เน่อื งจากไม่ร้วู า่ เรยี นไปแลว้ ได้อะไร มีประโยชน์ อย่างไรกับชวี ติ และไม่รวู้ า่ จะเอาไปทำงานอะไรไดบ้ า้ ง เม่ือศลิ ปะเป็นวชิ าที่ถูกมองข้ามและไม่คอ่ ยมี ความสำคัญอาจสง่ ผลทำใหผ้ ูเ้ รียนท่มี คี วามชอบความถนัดในศิลปะถูกมองวา่ ไมม่ ีความจำเปน็ ถกู ลดคา่ สง่ ผล เสียกับผูเ้ รียนในการคน้ พบความสามารถของตนเองและกลัวทจ่ี ะแสดงออกถงึ ตัวตนทแ่ี ท้จรงิ ทัง้ ทจ่ี ริงแล้ววชิ า ศิลปะนน้ั สรา้ งประโยชนม์ ากมายกับการศกึ ษาโดยจะเกิดข้ึนภายในใหก้ ับตวั ผู้เรียน เช่น พฒั นาทางด้าน ความคดิ อารมณ์ สติปัญญา ความคิดสร้างสรรค์ และสามารถบูรณาการเข้ากับวชิ าอ่นื ไดเ้ ป็นอยา่ งดี ซ่ึงปัญหา ข้างตน้ สามารถแก้ไขไดโ้ ดยครูและบุคลากรทางการศึกษารว่ มมอื กนั พฒั นาตนเองและผู้เรียน ทำความเขา้ ใจ และยอมรบั ในตวั ผเู้ รียนและปลกู ฝงั คา่ นิยมที่ดกี ับการเรียนศลิ ปะและวชิ าอนื่ ๆให้กว้างขวางยิ่งข้ึน ดังนน้ั การทำใหผ้ ้เู รยี นเห็นความสำคัญในทุก ๆ รายวิชาจึงเป็นส่งิ ที่มีความจำเปน็ อยา่ งมากของ ผบู้ รหิ าร บคุ ลากรทางการศึกษา และผ้ปู กครอง เนือ่ งจากเดก็ ทกุ คนมีศกั ยภาพทีแ่ ตกตา่ งกันเพยี งแตค่ ้นใหพ้ บ และพฒั นาต่อในแบบที่เขาเป็น เพอื่ เปน็ การทำใหผ้ เู้ รียนเข้าใจและค้นพบความสามารถของตนเองและกล้าทจี่ ะ แสดงออก ถงึ จะเป็นส่ิงท่สี ำคัญที่สุดกบั ตวั ผเู้ รยี น ซ่ึงผ้เู รียนจะได้อาศัยประสบการณใ์ นการเรียนรู้เหลา่ นเ้ี พ่อื ใช้ ในการตัดสนิ ใจทีเ่ หมาะสมในอนาคต 54
อา้ งอิง ประโยชน์ของการเรียนศลิ ปะ เสน้ ทางสู่ศลิ ปนิ ดังในอนาคต!. (2563). ค้นเม่ือ 8 เมษายน 2564, จาก https://www.tueetor.com/blog/th/self-development/benefits-of-studying-art-the-path- to-famous-artists-in-the-future/ Marilyn Montgomery. ทำไมเราต้องเรียนศิลปะ. (2562).ค้นเม่ือ 8 เมษายน 2564, จากshorturl.asia/S6pa7 55
หลกั สตู รและการจดั การเรียนการสอนศิลปะกับความตอ้ งการของผู้เรียน นริศรา บญุ หวา ศิลปะเปน็ กระบวนการการจัดการศึกษาให้แกน่ กั เรยี นเพื่อช่วยส่งเสริมให้ผูเ้ รียนได้มโี อกาสประมวลเอา ความคดิ สร้างสรรค์ จากจินตนาการและประสบการณต์ า่ ง ๆ ท่ไี ด้รับแสดงออกในรูปแบบของผลงานศลิ ปะ (วฒุ ิ วฒั นสิน. 2541) ในปจั จบุ นั สภาพการสอนศลิ ปะ พบว่าโรงเรยี นสว่ นใหญม่ กั จะมีปัญหาหลายอยา่ งในการ จัดหลกั สูตรและกจิ กรรมการเรยี นการสอน หลกั สตู รและกิจกรรมการจัดเรียนการสอนโดยท่ัวไปท่คี รจู ดั ใหย้ ังไม่ เหมาะสมหรือยงั ไมส่ อดคล้องกับความต้องการของผ้เู รยี นอย่างแท้จรงิ สิ่งทีผ่ ู้เรียนไดร้ ับกลบั ไมใ่ ช่สงิ่ ทีผ่ ู้เรียน ตอ้ งการ ทำใหผ้ ้เู รียนเกิดความรสู้ ึกเบือ่ หนา่ ยและไม่กระตือรือรน้ ในการเรยี นรู้ ในการจดั ทำหลักสูตรและออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอนวิชาศิลปะ ผจู้ ัดทำหรือพัฒนาหลกั สูตร และครูผูส้ อนวชิ าศลิ ปะ ดา้ นทศั นศลิ ป์ ส่วนใหญ่ยังไม่คำนึงถึงความต้องการทแ่ี ทจ้ ริงของผเู้ รยี น และยงั ไม่มี ความรู้หรือความเข้าใจอยา่ งชัดเจนเกย่ี วกับเร่ืองของความคิดสร้างสรรค์ เร่ืองของแนวทางการสง่ เสรมิ และการ จัดกิจกรรมการเรยี นรศู้ ลิ ปะ ด้านทศั นศลิ ป์ที่จะสามารถพัฒนาความคิดสร้างสรรค์อย่างได้อย่างเพยี งพอ ครผู สู้ อนบางคนเนน้ การสอนในเร่ืองของเนื้อหาการบรรยายมากกวา่ การให้นกั เรียนได้ลงมือทำ ลงมือปฏิบัติ และยงั ไมส่ ามารถทำให้ผ้เู รยี นเกิดการเรียนรูท้ ี่แทจ้ ริงหรือบรรลวุ ัตถุประสงคต์ ามทีม่ าตรฐานการเรยี นรูน้ ัน้ กำหนดไวไ้ ด้ ผ้สู อนส่วนใหญ่มักจะใหห้ ัวข้อและใหผ้ เู้ รยี นสรา้ งสรรค์ผลงาน ซง่ึ ใช้วิธกี ารนที้ กุ ครงั้ ที่สอน ไม่ได้ใช้ สือ่ ประกอบ ไมไ่ ด้กระตนุ้ การส่งเสรมิ ให้ผูเ้ รยี นเกิดการคดิ สร้างสรรค์หรือเกิดการจนิ ตนาการในการสร้างสรรค์ ผลงานศลิ ปะ อีกทง้ั ไม่ได้ชใี้ ห้ผเู้ รยี นได้เห็นถึงจุดเดน่ และจุดด้อยในผลงานของตนเอง มักจะให้คะแนนจาก ผลงานนักเรยี นเลย วิธกี ารเหลา่ นอี้ าจทำให้ความสามารถทางการคิดสรา้ งสรรคข์ องผเู้ รียนลดลงเรอ่ื ย ๆ ผลงาน ศิลปะของผเู้ รยี นส่วนใหญ่มักจะมรี ูปแบบ วธิ ีการและเนอื้ หาที่คล้ายคลึงกนั ผ้เู รยี นมักจะใช้เทคนิควธิ กี ารทำ อยา่ งเดยี วหรือประเภทเดยี วในการสรา้ งสรรค์ ผลงาน มีการลอกเลียนแบบกันเกดิ ขนึ้ ผู้เรียนขาดความม่นั ใจ ในการสรา้ งสรรคผ์ ลงาน ไมก่ ลา้ ท่จี ะแสดงออก ไมก่ ลา้ ที่จะวิพากษว์ ิจารณผ์ ลงาน ไม่กลา้ ทจ่ี ะอธบิ ายผลงาน ตนเอง เกิดความคิดทวี่ ่าฉันวาดไม่ได้ วาดได้ไมส่ วย ฉันไม่มีพรสวรรค์ วาดแลว้ จะไดค้ ะแนนนอ้ ย และเปน็ ผลให้ ผูเ้ รยี นล้มเลิกละทง้ิ การเรียนและร้สู ึกกลัววิชาทัศนศลิ ป์ได้ หลกั สตู รและการออกแบบกจิ กรรมการเรียนการสอนจงึ เป็นปัจจยั สำคัญในการเรยี นรู้ของผเู้ รียน หาก ผสู้ อนสามารถจดั หลกั สูตรได้ตรงตามความต้องการของผเู้ รียนและออกแบบกจิ กรรมการเรยี นทสี่ ามารถดึง ศกั ยภาพและความคดิ สรา้ งสรรค์ของผู้เรียนแตล่ ะคนออกมาได้อยา่ งแท้จริง จะทำใหก้ ารเรียนการสอนนน้ั ๆ บรรลุผลได้ตามวัตถุประสงค์และผ้เู รียนเกิดความกระตือรือร้นในการเรียนรไู้ ด้ และยงั ต้องมกี ารพัฒนาและ ปรับปรุงหลกั สูตรและมีการอัพเดตอย่างสม่ำเสมอ และสามารถนำไปปรับใชไ้ ด้อย่างเป็นระบบ การนำหลักสูตร ไปใชค้ วรจะมีการเรยี งลำดับเป็นข้ันตอน เพอ่ื ใหม้ กี ารจดั ลำดับความคดิ เปน็ ขัน้ ๆ ไป หลักสูตรถึงแมจ้ ะทำให้ดู 56
เปน็ อิสระในการจัดการเรยี นการสอนแตก่ ย็ ังมขี ้อจำกัดไปตามหลกั สตู รสถานศึกษาและการจัดการเรยี นการ สอนในวิชาทศั นศิลป์ของครูท่ีจะต้องดดั แปลงใหต้ รงกับความตอ้ งการและบรบิ ทของผเู้ รียน ทำให้การจดั การ เรียนการสอนท่ัวประเทศไมเ่ หมอื นกนั เพราะฉะน้นั หลักสูตรและออกแบบกิจกรรมการสอนจงึ มีความสำคญั อยา่ งมากต่อการศึกษา อา้ งอิง การจัดการเรียนการสอนเชิงสรา้ งสรรค์ สบื คน้ เมอื่ 8 เม.ย พ.ศ 2564 จากเวบ็ ไซต์ : https://sites.google.com/site/edtechsukm/kar-cadkar-reiyn-kar-sxn-cheing-srangsrrkh ความสัมพันธ์ของหลกั สตู รและการออกแบบการเรยี นการสอน สืบคน้ เม่ือ 8 เม.ย พ.ศ 2564 จากเวบ็ ไซต์ : https://sites.google.com/site/bthreiyn123/khwam-samphanth-khxng-hlaksutr-laea-kar- xxkbaeb-kar-reiyn-kar-sxn 57
58
โครงการสัมมนาวิชาการทางศลิ ปศึกษา โดยนกั ศึกษาชั้นปที ี่ 4 หลักสูตรศกึ ษาศาสตรบัณฑิต สาขาวชิ าศิลปศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น 1. ชื่อโครงการ โครงการสัมมนาวิชาการทางศิลปศึกษาในหัวขอ้ KEY to success of special needs children in Art classroom: ไขกุญแจห้องเรยี นรวมศลิ ปะ (Webinar) 2. หลักการและเหตุผล พรบ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ไดร้ ะบุวา่ การจดั การศึกษา ต้องจดั ใหบ้ ุคคลมสี ทิ ธแิ ละโอกาสเสมอ กนั ในการรับการศึกษาข้ันพื้นฐานไมน่ ้อยกว่าสบิ สองปี รัฐต้องจัดให้อยา่ งทั่วถึงและมีคณุ ภาพโดยไมเ่ ก็บ คา่ ใช้จา่ ย และการจดั การศกึ ษาสาหรบั บคุ คลซึ่งมคี วามบกพรอ่ งทางรา่ งกาย จติ ใจ สติปัญญา อารมณ์ สังคม การสอื่ สารและการเรยี นรู้ หรือมรี า่ งกายพิการ หรอื ทพุ พลภาพหรอื บคุ คลซึง่ ไมส่ ามารถพ่งึ ตนเองได้ หรือไม่มี ผดู้ แู ลหรือด้อยโอกาส ตอ้ งจัดให้บคุ คลดังกลา่ วมีสิทธแิ ละโอกาสได้รบั การศึกษาข้นั พ้ืนฐานเป็นพิเศษ จากหลักการนจ้ี ึง ส่งผลให้ทุกหน่วยงานทเ่ี กี่ยวข้องในการฟ้ืนฟสู มรรถภาพคนพิการให้ความตระหนักตอ่ การพัฒนาคนพิการ เปิดโอกาสใหค้ นพิการได้รับการศึกษาและมีส่วนร่วมในกจิ กรรมทางสังคมมากย่งิ ขนึ้ ซึ่ง เปน็ สงิ่ สาคญั ท่จี ะชว่ ยใหค้ นพิการพัฒนาความสามารถในการพง่ึ พาตนเองและดาเนนิ ชวี ิตในสงั คมได้อย่างมี ศักดศ์ิ รี (กระทรวงศึกษาธิการ: 2542) และกอ่ ให้เกดิ การศึกษาแบบเรยี นรวม ท่ยี ึดปรชั ญาของการอย่รู วมกัน (Inclusive) คือ การศึกษาสาหรบั ทุกคน การรบั เดก็ เข้ามาเรยี นรวมกันตงั้ แต่เร่ิมเข้ารบั การศกึ ษา และจดั ให้มี บริการพิเศษตามความต้องการของแตล่ ะบุคคล (Wilson , Kliewer, East, 2007) หน่ึงในองค์ประกอบสาคัญ ของห้องเรียนรวมน้นั คือครซู งึ่ มีหน้าทใ่ี นการจัดการช้นั เรยี น ไม่ว่าจะเปน็ ด้าน กายภาพ การจัดการศึกษา และดา้ นสงั คม ที่จะต้องมีองค์ความรู้ในการจดั การเรยี นการสอน และการใช้ จติ วิทยาการศึกษาสาหรับห้องเรยี นรวมเพือ่ ให้การจดั การเรียนการสอนเกิดประสิทธภิ าพ อีกท้ังมีผลจากการทน่ี กั ศึกษาไดไ้ ปสังเกตห้องเรียนรวมในรายวิชาศิลปะในช้ันเรยี นระดบั ต่าง ๆ พบว่า มี ปญั หาในการจดั การช้ันเรยี นหลายด้านซงึ่ เป็นองค์ประกอบทีส่ าคญั ในการจัดการเรยี นการสอนศิลปะใน ห้องเรียนรวมใหเ้ กิดประสทิ ธิภาพ คอื สภาพสงั คมภายในหอ้ งเรยี น ไดแ้ ก่ ความเข้าใจในความแตกต่างของ ผเู้ รยี น การดแู ลเอาใจใส่เด็กพิเศษ บรรยากาศภายในหอ้ งเรียน การสรา้ งกตกิ าการอยรู่ ว่ มกัน การยอมรับและ การมปี ฏิสมั พันธ์ภายในห้องเรียน รวมถงึ สภาพการจดั การเรียนการสอน ได้แก่ ความเขา้ ใจในเร่ืองของการ จัดการเรียนการสอนรวมถงึ การจัดสอื่ การเรยี นรทู้ เ่ี หมาะสมสอดคล้องสาหรับเด็กพิเศษ การวดั และ ประเมินผลของผ้เู รียน 59
ดงั นนั้ นักศึกษาชนั้ ปีท่ี 4 สาขาวชิ าศลิ ปศึกษา คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น จงึ จะจัดทา โครงการสัมมนา ในหวั ข้อเร่ือง หวั ขอ้ KEY to success of special needs children in Art classroom : ไขกุญแจสหู่ ้องเรียนรวมศลิ ปะ เพ่ือให้ผู้สัมมนามกี ารแลกเปลีย่ นความคิดเหน็ ซ่ึงกันและกนั สามารถนาไป แก้ปัญหาและหาแนวทางปฏบิ ตั ิร่วมกันในการจัดการเรยี นร้ใู นห้องเรียนรวมและเพิ่มพนู ความรู้ ความเขา้ ใจ เพือ่ เปน็ กญุ แจไปสูค่ วามสาเร็จตอ่ ไป 3. ผรู้ บั ผิดชอบโครงการ นักศกึ ษาช้ันปที ี่ 4 ปีการศกึ ษา 2/2563 ในรายวิชา ED214761 สัมมนาทางศลิ ปศึกษา สาขาวิชา ศิลปศกึ ษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยขอนแก่น จานวน 24 คน 4. อาจารยท์ ่ีปรึกษาโครงการ 1. อาจารย์ ดร.อรยิ พร คุโรดะ 2. อาจารย์ ผศ.ดร.ปริณ ทนันชัยบตุ ร 5. ระยะเวลาการจดั สัมมนา วันท่ี 3 พฤษภาคม 2564 6. สถานทีใ่ นการจัดสมั มนา เปน็ การจัดสัมมนาแบบออนไลน์ (Webinar) 7. วัตถปุ ระสงค์ 7.1 เพอ่ื ให้ครู ผปู้ กครองและนกั ศกึ ษาตระหนักในการทาหน้าท่แี ละเห็นความสาคัญของการจัดกิจกรรม ศิลปะสาหรบั เดก็ พเิ ศษในชนั้ เรยี นรวม 7.2 เพือ่ ให้ครู ผปู้ กครองและนักศึกษาใช้ความรู้ ความเข้าใจ ผรู้ ว่ มสมั มนาไดแ้ ลกเปลีย่ นวิธกี ารและ เทคนิค การจดั การชั้นเรียนรวมในห้องเรยี น 7.3 เพอ่ื ให้ครู ผูป้ กครองและนักศกึ ษามีแนวทางในการเลือกใชก้ จิ กรรมศิลปะทเ่ี หมาะสมในการพฒั นา เดก็ พเิ ศษในชน้ั เรียนรวม 8. วทิ ยากร 8.1 พญ.วนาพร วัฒนกลู แพทยเ์ วชศาสตร์ครอบครัว โรงพยาบาลขอนแกน่ จังหวดั ขอนแกน่ 8.2 นายคธาวุธ อกั ษร ครูการศกึ ษาพิเศษ ศนู ยก์ ารศกึ ษาพิเศษเขตการศึกษา 9 จังหวดั ขอนแกน่ 8.3 นางชลรี ตั น์ เหลา่ จูม ผปู้ กครองเดก็ พเิ ศษ 9. เปา้ หมาย 9.1 ด้านเนอื้ หา 1. บทบาทหน้าทแ่ี ละความสาคัญของการจัดกจิ กรรมศิลปะเพ่ือสง่ เสรมิ ทกั ษะการอย่รู ว่ มกันในสังคม ระหวา่ งเด็กปกตแิ ละเด็กพเิ ศษ 60
- การจดั การชนั้ เรียนรวมรายวชิ าศิลปะโดยพิจารณาองค์ประกอบทาง ด้านการจัดเนื้อหาสาระการ เรียนร้แู ละกจิ กรรม ใหเ้ หมาะสมตามบริบทของผเู้ รียน การนากิจกรรมวชิ าศิลปะไปปรับใช้ในการจดั การ เรยี นรู้ให้กับเด็กพิเศษสามารถเรยี นรวมกบั เด็กปกติไดด้ ยี ิง่ ขึ้น - เทคนิควิธกี ารของการจดั เรียนรู้ศิลปะในชั้นเรยี นรวม - ปัญหาท่เี กดิ ขึน้ ในชัน้ เรยี นรวม - ความคาดหวงั ของผปู้ กครองตอ่ การจดั การเรียนการสอนศิลปะสาหรบั เด็กพเิ ศษในชนั้ เรียนปกติ 9.2 จานวนคนเขา้ รบั ฟังสมั มนา - นกั ศึกษาคณะศึกษาศาสตร์ จานวน 20 คน - บคุ คลทว่ั ไป จานวน 10 คน - นกั ศึกษาที่รบั ผิดชอบโครงการ จานวน 24 คน รวมผู้เขา้ ร่วมสมั มนา จานวนท้งั ส้นิ 54 คน 10. ระยะเวลาดาเนินงาน มนี าคม – พฤษภาคม 2564 11. แผนการดาเนินการ วันที่ การปฏบิ ัตงิ าน สถานท่ี 10 – 18 มี.ค. 2564 ประชุมเพื่อวางแผน เลือกหวั ข้อในการสัมมนาและร่างโครงการ คณะศกึ ษาศาสตร์ สมั มนา 20 – 30 มี.ค. 2564 นาเสนอโครงการและปรบั ปรุงแกไ้ ข คณะศึกษาศาสตร์ 1 – 20 เม.ย. 2564 จัดทาบทความ และรวบรวมจัดทาเลม่ บทความทางวชิ าการ คณะศึกษาศาสตร์ 16 – 25 เม.ย. 2564 จดั ทาหนงั สือเชญิ ผเู้ ขา้ รว่ มสัมมนาเชิงวิชาการ คณะศกึ ษาศาสตร์ 25 – 30 เม.ย. 2564 จดั ทาเอกสารประกอบการสัมมนาและดาเนินการประชาสมั พนั ธ์ คณะศึกษาศาสตร์ สมั มนาเชิงวชิ าการ (รปู แบบออนไลน)์ 3 พ.ค. 2564 จัดกจิ กรรมสัมมนาวิชาการทางศิลปศึกษา (รปู แบบออนไลน์) คณะศึกษาศาสตร์ 3 พ.ค. 2564 สะท้อนผลการจัดสมั มนาวิชาการ คณะศึกษาศาสตร์ 4 – 9 พ.ค 2564 จดั ทารปู เลม่ สรปุ โครงการและนาเสนอผลการจัดทาโครงการ คณะศึกษาศาสตร์ สมั มนาวชิ าการทางศลิ ปศกึ ษา 12. งบประมาณ 5,400 บาท คา่ ตอบแทนวทิ ยากร จานวน 3 คน ช่ัวโมงละ 600 บาท จานวน 3 ช่วั โมง 5,400 บาท งบประมาณค่าใช้จา่ ยรวมเปน็ จานวนเงนิ ทง้ั สนิ้ 61
13. ผลทคี่ าดวา่ จะไดร้ บั - ครผู สู้ อน ผูป้ กครอง และนกั ศกึ ษามคี วามตระหนักในบทบาทหน้าทีข่ องตนเอง ความสาคัญของการจดั กิจกรรมศลิ ปะสาหรบั เด็กพิเศษในช้ันเรียนรวม - ครูผ้สู อน ผู้ปกครอง และนกั ศึกษา เกดิ ความเขา้ ใจ และได้แลกเปล่ยี นวธิ ีการและเทคนคิ การจัดการชน้ั เรียนรวมในหอ้ งเรียน - ครผู ู้สอน ผปู้ กครอง และนักศกึ ษาสามารถนาแนวทางจากการฟงั สมั มนาไปใชใ้ นการเลือกใช้กิจกรรม ศิลปะท่เี หมาะสมในการพฒั นาเด็กพิเศษในชัน้ เรยี นรวม 14. การติดตามและประเมินผล 1. แบบสะทอ้ นผลการเรียนรู้ของตนเองของผู้เขา้ รว่ มสมั มนา 2. แบบสงั เกตความสนใจของผู้เข้าฟังสมั มนา 3. แบบประเมินความพงึ พอใจของผ้เู ข้ารว่ มสัมมนา มีประเด็นความพงึ พอใจต้องมีประเด็นย่อย 62
สมาชิกรับผิดชอบโครงการ 1. ประธานโครงการ หน้าที่ ประสานงาน จดั ทาโครงการ และตดิ ตามผลการทางานแตล่ ะฝ่าย โดย นางสาววัลลภา เทียนทอง 2. เลขานุการ หน้าท่ี ประสานงาน จดั ทาโครงการ ดาเนนิ งานเอกสาร หนังสอื ราชการ รวมท้ังการตดิ ต่อ วิทยากร โดย นางสาวมณนี ุช อุดมลาภ 3. เหรัญญิก หนา้ ท่ี ดูแลคา่ ใช้จ่ายภายในโครงการ ติดต่อประสานงานกับวทิ ยากรและเลขานุการเพอ่ื ทา เอกสารการเบิกคา่ ใชจ้ า่ ย เอกสารสาคัญทางการเงนิ โดย นางสาวพิมลพรรณ แสนนาม 4. ฝา่ ยเอกสาร หนา้ ทร่ี วบรวมบทความ จัดทาเอกสารสัมมนาในรปู แบบออนไลน์ (E-book) และจดั ทา เล่มสรปุ โครงการ โดย นางสาวพนิดา ภูท่ อง นางสาวรัตนมณี คงคูณ นางสาวศิริยากรณ์ ทาทอง นางสาวอมุ าภรณ์ วงษศ์ รแี ก้ว นางสาวสกุ ลั ยา เกตุธานี 5. ฝา่ ยประเมินผล หนา้ ที่ จดั ทาแบบฟอร์มการประเมนิ การจดั กจิ กรรมสัมมนา รวบรวมประเดน็ ปญั หา จากกรรมการเพ่อื ดาเนนิ การประเมนิ ผล วิเคราะห์ผลการประเมนิ การจดั กจิ กรรม จัดทาสถติ ิ และสรปุ ผล การดาเนินงานโครงการ โดย นางสาวกนกพร ไชยสิทธางกูร นางสาวฐิตมิ า ดวงสุวรรณ์ นางสาวณฐั นันฑ์ สุตะโคตร นายกรวชิ ญ์ อันทรินทร์ 6. ฝา่ ยลงทะเบียน หนา้ ท่ี จัดทาแบบฟอร์มลงทะเบียนเข้าร่วมสัมมนา โดย นางสาวอรัญญา ผวิ ทอง นายภาสกร กลางเหลอื ง 7. ฝา่ ยประชาสมั พันธ์และฝ่ายเทคโนโลยี หน้าท่ี จดั ทาโปสเตอร์ประชาสมั พันธ์ ส่ือนาเสนอประกอบ สมั มนา ดแู ลเพจโครงการและจดั ทา link สาหรับการสัมมนา ประชาสัมพนั ธข์ ่าวสาร โดย นางสาวนรศิ รา บุญหวา นายพลพจน์ ฉว่ั ตระกลู นายภัทรพรรณ ทองแย้ม นายเสาวภาคย์ เพ็ชรหงษ์ 63
นางสาวธรี จ์ ุฑา คดิ ฉลาด นางสาวจุรรี ัตน์ โนราช นางสาวปาลิตา วรรณศิริ 8. ฝา่ ยพธิ กี ร หนา้ ท่ี ดาเนินรายการ ต้งั ประเดน็ คาถาม เตรียมเน้อื หา สรุปประเด็นสัมมนา จดบันทึก ประเดน็ การสมั มนา โดย นายอษั ฎาวุธ โคตรมา นางสาวชญามินทร์ เกตุเมฆ นายภรู ินท์ กลั ยารตั น์ 64
กาหนดการ โครงการสัมมนาวิชาการศลิ ปศึกษา KEY to success of special needs children in Art classroom : ไขกุญแจห้องเรียนรวมศลิ ปะ วันท่ี 3 พฤษภาคม 2564 ในรปู แบบออนไลน์ (Zoom) 08.30 – 08.50 น. เริม่ เขา้ โปรแกรม Zoom ตาม link ท่ีได้รบั จากการประชาสัมพนั ธ์ทางเพจ Facebook และ E-mail ตามทไี่ ดล้ งทะเบยี น 08.50 – 09.00 น. พธิ ีการเปดิ โดย ดร.อริยพร คุโรดะ อาจารย์ทปี่ รึกษาโครงการ คณะศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยขอนแกน่ กล่าวเปิดโครงการสมั มนาทางวิชาการศลิ ปศึกษา ในหวั ข้อ KEY to success of special needs children in Art classroom : ไขกญุ แจหอ้ งเรียนรวมศิลปะ 09.00 – 09.10 น. พธิ กี รกลา่ วแนะนาโครงการ วทิ ยากร และพูดคุยเกี่ยวกบั หัวข้อท่ีจะสัมมนา 09.10 – 11.30 น. การสมั มนาวชิ าการ แลกเปลย่ี นเรียนรกู้ นั ในหวั ขอ้ หวั ข้อ KEY to success of special needs children in Art classroom : ไขกุญแจห้องเรยี นรวมศลิ ปะ โดยวิทยากร พญ. วนาพร วฒั นกลู , ครคู ธาวุธ อักษร, นางชลรี ัตน์ เหล่าจมู และ ผเู้ ข้าร่วมสัมมนารว่ มกนั เสวนาเพ่มิ เติม 11.30 – 12.00 น. สรปุ กจิ กรรม หวั ขอ้ “KEY to success of special needs children in Art classroom : ไขกุญแจห้องเรียนรวมศลิ ปะ” โดยวิทยากรและผเู้ ขา้ ร่วม สัมมนา และพิธกี รกลา่ วปดิ งาน 65
โครงการสัมมนาเชงิ วิชาการทางศลิ ปศึกษา โดยนกั ศกึ ษาชัน้ ปีท่ี 4 หลกั สูตรศกึ ษาศาสตรบณั ฑิต สาขาวิชาศลิ ปศึกษา คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เรียนท่านประธานในพิธีและผู้เข้าร่วมสัมมนา ดิฉัน นางสาววัลลภา เทียนทอง ประธานโครงการ สัมมนาเชงิ วิชาการทางศิลปศึกษา ช้นั ปที ี่ 4 สาขาวชิ าศิลปศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ ได้จดั กิจกรรมสัมมนาเชิง วิชาการออนไลน์ ภายใต้หัวข้อ “ไขกุญแจห้องเรียนรวมศิลปะ (Webinar) Key to success of special needs children in Art classroom” โดยการจัดกิจกรรมครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อให้ครู ผู้ปกครองและ นักศึกษาตระหนักในการทาหน้าที่และเห็นความสาคัญของการจัดกิจกรรมศิลปะสาหรับเด็กพิเศษในชั้นเรียน รวม เพื่อให้ครู ผู้ปกครองและนักศึกษาใช้ความรู้ ความเข้าใจ ผู้ร่วมสัมมนาได้แลกเปลี่ยนวิธีการและเทคนิค การจัดการชั้นเรียนรวมในห้องเรียน และเพื่อให้ครู ผู้ปกครองและนักศึกษามีแนวทางในการเลือกใช้กิจกรรม ศลิ ปะทเี่ หมาะสมในการพฒั นาเด็กพิเศษในช้ันเรียนรวม ในการจัดสัมมนาเชิงวิชาการออนไลน์ครั้งน้ี ได้รับเกียรติจากท่านวิทยากรทั้งหมด 3 ท่าน ได้แก่ พญ. วนาพร วัฒนกูล แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว โรงพยาบาลขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น นายคธาวุธ อักษร ครู การศึกษาพิเศษ ศูนย์การศึกษาพิเศษเขตการศึกษา 9 จังหวัดขอนแก่น นางชลี-รัตน์ เหล่าจูม ผู้ปกครองเด็ก พิเศษ ซึ่งในวันนี้ ท่านวิทยากรจะได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์เกี่ยวกับ เด็กพิเศษ อาทิ ความสาคัญ ความรู้ ความเขา้ ใจ การดแู ล ปญั หาอุปสรรค การจัดการเด็กพิเศษในหอ้ งเรยี นรวมท่ีแตกต่างกัน การใชก้ จิ กรรมศิลปะ ทเ่ี หมาะสมในการพัฒนาเด็กพเิ ศษในห้องเรียนรวม ฯลฯ งานในครั้งนี้จะสาเร็จลุล่วงไม่ได้หากขาดผู้สนับสนุนจาก คณาจารย์ หน่วยงาน วิทยากร และท่าน ผู้เข้าร่วมสัมมนาทุกท่านที่ได้ให้การสนับสนุนส่งเสริมการจัดสัมมนาเชิงวิชาการ จึงขอขอบพระคุณมา ณ โอกาสน้ี นางสาววัลลภา เทียนทอง ประธานโครงการสัมมนาเชงิ วชิ าการ 66
คากล่าวของประธานในพิธี ( อาจารย์ ดร.อรยิ พร คุโรดะ อาจารย์ทีป่ รึกษาโครงการ และประธานในพธิ ี ) โครงการสมั มนาเชงิ วิชาการทางศิลปศึกษา ภายใตห้ ัวข้อ “ไขกุญแจหอ้ งเรียนรวมศลิ ปะ (Webinar) Key to success of special needs children in Art classroom” โดยนกั ศกึ ษาชั้นปที ี่ 4 หลักสูตรศลิ ปศกึ ษา คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น วันจนั ทร์ ที่ 3 พฤษภาคม 2564 ดิฉันรู้สึกเป็นเกียรติและยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้รับเชิญมาเป็นประธานเปิดงานโครงการสัมมนาเชิง วิชาการในรูปแบบออนไลน์ ภายใต้หัวข้อ “ไขกุญแจห้องเรียนรวมศิลปะ (Webinar) Key to success of special needs children in Art classroom” ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 3 พฤษภาคมนี้ โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้ นกั ศกึ ษาได้สามารถนาเสนอปัญหาหลักทเ่ี กย่ี วข้องกับการเรียนการสอนศิลปะในระดับการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน ซึ่ง ได้มาจากการประเมินสภาพปัญหาจากการศึกษาค้นคว้า การเรียนรู้จากสถานการณ์จริง และจากการร่วมกัน อภิปรายในชั้นเรียน เพื่อนาข้อสรุปที่เป็นปัญหานาเสนอแก่สาธารณชนในวงกว้างแก่ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้ง โดยตรง และโดยอ้อม ได้แก่ ครู ผู้ปกครอง นักศึกษา และผู้สนใจทั่วไป การจัดการสัมมนาในครั้งนี้ได้รับ เกียรติจากวิทยากรผู้มีความรู้ และประสบการณ์ที่เกี่ยวขอ้ งกับการพัฒนาการเรียนรู้ของเด็กพิเศษ ทั้ง 3 ท่าน ในนามของอาจารย์ประจารายวิชา และประธานการเปิดการสัมมนาในครั้งนี้ ใคร่ขอขอบพระคุณวิทยากรทุก ท่าน นักศึกษาสาขาวิชาศิลปศึกษา ชั้นปีที่ 4 ที่ได้ร่วมกันจัดการให้เกิดการจดั สัมมนาวิชาการด้วยความทุ่มเท และต้ังใจ และคาดหวังว่า ผลของการสัมมนา “ไขกุญแจหอ้ งเรยี นรวมศิลปะ” ประจาปีการศกึ ษา 2563 นี้ จะ ได้สรา้ งความเปล่ียนแปลง เกิดตระหนักในการทาหน้าที่และเหน็ ความสาคัญของการจดั กิจกรรมศิลปะสาหรับ เด็กพิเศษในชั้นเรียนรวม อีกทั้งครู ผู้ปกครองและนักศึกษาใช้ความรู้ ความเข้าใจ จากการแลกเปลี่ยนวิธีการ และเทคนิค การจัดการชั้นเรียนรวมในห้องเรียน แนวทางในการเลือกใช้กิจกรรมศิลปะที่เหมาะสมในการ พัฒนาเด็กพิเศษในชั้นเรียนรวมตอ่ ไป บัดนี้ได้เวลาอันเป็นมงคลฤกษ์แล้ว ดิฉันขอเปิดงานโครงการสัมมนาเชิงวิชาการ(ออนไลน์) ภายใต้ หัวข้อ “ไขกุญแจห้องเรียนรวมศิลปะ (Webinar) Key to success of special needs children in Art classroom” อย่างเปน็ ทางการ และขออวยพรให้การจดั งานในครง้ั นี้ สาเร็จลลุ ่วง บรรลวุ ตั ถุประสงค์ อาจารย์ ดร.อรยิ พร คุโรดะ อาจารยท์ ี่ปรึกษาโครงการ และประธานในพธิ ี 67
Search