Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore อ่านสร้างสุข 4 สร้างวัฒนธรรมการอ่าน สร้างการอ่านให้เป็นวัฒนธรรม

อ่านสร้างสุข 4 สร้างวัฒนธรรมการอ่าน สร้างการอ่านให้เป็นวัฒนธรรม

Description: อ่านสร้างสุข 4 สร้างวัฒนธรรมการอ่าน สร้างการอ่านให้เป็นวัฒนธรรม

Search

Read the Text Version

49 ‘ส่ือ’ ในฮ่องกงไม่ได้กระตุ้นเรื่องการ ถึงแม้ว่างานบุ๊กแฟร์ในปี ๒๐๐๗ มีผู้ อ่าน ปัจจุบันแทบไม่มีการวิจารณ์หนังสือใน เข้าร่วมงานมากเป็นประวัติการณ์ แต่เหลียง หนังสือพิมพ์เลย มีแต่เรื่องที่เสนอเกี่ยวกับ กม็ องวา่ น่ันเปน็ เพียงการเร่ิมตน้ เท่าน้ัน โปรแกรมในทวี ีเปน็ สว่ นใหญ่ เขาแนะนำ�ว่า เราควรเร่ิมอ่านหนังสือ “คนฮ่องกง โดยเฉพาะเด็กและเยาวชน จากเร่ืองที่เราสนใจมากท่ีสุด “ถ้าคุณชอบ จะหาเกมโชว์หรือรายการวาไรตี้ได้ง่ายกว่า เรื่องอาหาร ก็เริ่มจากหนังสือท่ีพูดถึงประวัติ บทความท่ีวิจารณห์ นังสือ” เขาบอก หรือวัฒนธรรมของอาหาร และจากน้ันก็ เหลียงยำ้�ว่า หนังสือมีความสำ�คัญใน ค่อยๆ ขยายขอบเขตของการอ่านไปสู่เรื่อง การกลอ่ มเกลาลักษณะพฤติกรรมของมนษุ ย์ อน่ื ๆ” และไม่มสี ง่ิ ใดจะสามารถมาแทนทไ่ี ด้ หลีอัน นักเขียนชาวไต้หวัน พูดถึง เขาไมเ่ ชอ่ื วา่ วฒั นธรรมการอา่ นจะสญู หาย ปญั หาน้วี า่ เร่ืองคนอ่านหนงั สือน้อยลงก็เกดิ ไปโดยสิน้ เชงิ แตก่ ็ยอมรับว่ามคี วามจ�ำ เปน็ ที่ ขึ้นในประเทศทางตะวันตกเม่ือไม่นานมานี้ จะตอ้ งท�ำ ใหก้ ารอา่ นเปน็ ทนี่ ยิ มกนั มากกวา่ น้ี เหมือนกัน และวิธีหน่ึงที่จะกระตุ้นให้เกิดการอ่าน “ตอนน้ันพวกเขาก็คิดว่าการอ่านกำ�ลัง ก็คือ ต้องมีการวิจารณ์หนังสือหรือแนะนำ� ‘ก้าวถอยหลัง’ แต่ในท่ีสุดมันก็กลับมา เม่ือ หนงั สือ “เราสามารถแนะน�ำ หนังสือผา่ นการ คนตระหนักว่าไม่มีอะไรสามารถมาแทนท่ี วจิ ารณใ์ น ‘สอ่ื ’ เพราะ ‘สอ่ื ’ มอี ทิ ธิพลตอ่ คน หนงั สือได”้ เธอบอก มาก” เขาเสนอ

50 เฉิงฉีฮุง ประธานสมาคมโรงเรียน “ตวั อยา่ งเชน่ แทนทจ่ี ะใหเ้ ดก็ ท�ำ รายงาน ประถมศึกษาของฮ่องกง บอกว่า โรงเรียนได้ ออกมาเป็นเล่ม แต่เด็กๆ จะต้องออกมาเล่า เพ่ิมทรัพยากรในการสนับสนุนและกระตุ้น เร่ืองราวที่พวกเขาอ่าน(ด้วยปากเปล่า) วิธีน้ี ให้นักเรียนมีการอ่าน และมีการตั้งเป้าของ ไดผ้ ลมากและเหมาะสมกบั เดก็ ๆ” เขาบอกวา่ แตล่ ะปเี อาไว้ เพราะเด็กเลอื กหนงั สือดว้ ยตัวพวกเขาเอง นอกจากน้ีเด็กๆ ยังต้องเขียนเร่ืองท่ีเขา สือเส็กกัง ศาสตราจารย์ด้านศึกษา แต่งขึ้นเอง ซ่ึงเป็นอีกแบบฝึกหัดหน่ึงของ ศาสตร์ท่ีมหาวิทยาลัยแห่งฮ่องกง บอกว่า พวกเขา วิธีน้ีช่วยส่งเสริมในเร่ืองความคิด อย่างน้อยการอ่านในยามว่างก็เป็นท่ีนิยม สรา้ งสรรค์ และทักษะดา้ นการเขียน เพิ่มข้ึนในกลุ่มนักเรียนของฮ่องกง ซ่ึงเป็น แตเ่ ขากย็ อมรบั วา่ การอา่ นในครอบครวั ผลจากการปฏิรูปการศึกษาในปี ๒๐๐๐ ท่ี น้ันยังมไี มม่ าก กระตนุ้ เรื่องการอ่านในโรงเรียน “พ่อแม่ผู้ปกครองควรหาเวลาอ่านกับ “ท่ีจริงนโยบายใหม่น้ีได้ผลมากในกลุ่ม เด็กๆ ให้มากข้ึน และตัวพ่อแม่เองก็ควรจะ นกั เรยี นชน้ั ประถม”เขาบอก“รฐั บาลไดเ้ ปลย่ี น อ่านมากข้ึนด้วยเพื่อเป็นตัวอย่างแก่เด็กๆ” กลยุทธใ์ นเร่ือง ‘การอ่านเพ่ือเรยี นร้’ู โรงเรียน เขาบอกว่า “มันจะทำ�ให้การอ่านเป็นนิสัยไป ได้รับงบประมาณมากข้ึนเพ่ือซ้ือหนังสือ ตลอดชวี ิต ถา้ เดก็ ๆ ถูกสอนใหร้ กั การอ่านมา เดยี๋ วนที้ กุ โรงเรยี นมหี อ้ งสมดุ ไมใ่ ชแ่ คช่ น้ั วาง ตัง้ แตเ่ ขายังอายุนอ้ ยๆ” หนังสือเลก็ ๆ ท่ีมหี นงั สอื ไม่ก่เี ล่มอีกตอ่ ไป“ ปัจจุบัน แต่ละวันในโรงเรียนจะมีช่วง ที่ให้เด็กไปเลือกหนังสือและอ่านหนังสือ ตามล�ำ พัง เพื่อสรา้ งการอ่านให้เป็นนสิ ัย การ ปฏริ ปู ทางการศกึ ษากย็ งั แนะนำ�กจิ กรรมทน่ี า่ สนใจท่ีช่วยเรอื่ งการอ่านของเด็กไวด้ ้วย

51 ในฮ่องกง หนังสือที่คนนิยมซื้อยังคง ในปี ๒๐๐๗ ครึ่งหนง่ึ ของหนังสอื ขายดี เป็นหนังสือประเภท “แนวปฏิบัติ” เช่น ๒๐ อันดับแรก เป็นหนังสือด้านการวางแผน หนังสอื ประเภทสร้างความสำ�เรจ็ ดว้ ยตัวเอง ทางการเงินและการลงทุน และไม่ใช่หนังสือ ในปี ๒๐๐๕-๒๐๐๖ หนังสือท่ีผู้ใหญ่ ทีพ่ มิ พ์เป็นภาษาจีน (เป็นภาษาอังกฤษ) นิยมยืมจากหอ้ งสมดุ สว่ นใหญค่ อื พวกนยิ าย คนฮอ่ งกงนยิ มอา่ นหนงั สอื ทมี่ กี ารน�ำ ไป หนงั สอื สอนภาษา และหนังสือเกี่ยวกับการ สร้างเป็นภาพยนตร์ ซึ่งไม่ต้องสงสัยเลยว่า คา้ การลงทุน ท�ำ ไม “The Devil Wears Prada” “Charlotte’s Web” และ “The Chronicles of Narnia” ถึงเป็นหนังสือภาษาอังกฤษที่ติดอันดับ หนังสือขายดีของร้านหนังสือในปี ๒๐๐๗ ในฮอ่ งกง การอ่านไม่ได้ “ตาย” อยา่ งท่ี ใครบางคนบอก แต่จำ�เป็นต้องได้รับการ ปรบั ปรุง เรยี บเรียงจาก : • A different kind of reading culture by Louise Ho China Daily - Hong Kong (March 13, 2008)

สรา้ งวสฒั รน้าธงรสรันมกตาิรอ่าน

53 หนึ่งใน “ทูตการอ่าน” แห่งปากีสถาน ซับนัมปฏิเสธที่จะกล่าวถึงอินเตอร์เน็ต ซับนัม ซากีล แนะว่า ภาครัฐ ภาคประชา ว่าจะเข้ามาแทนท่ีนิสัยการอ่าน แตเ่ ธอย�ำ้ วา่ สังคม รวมถึงผู้ปกครองและครู ต้องร่วมมือ หนังสือยังคงเป็นสิ่งท่ีมีค่า เป็นคลังของ กันปลูกฝังให้เด็กสนใจเรื่องการอ่าน และส่ง ความรู้ และพร้อมจะเป็นเพ่ือนเราไปตลอด เสริมให้เกดิ วัฒนธรรมการอา่ นในชมุ ชน โดย ชีวิต หนังสือดีๆ น้ันยังคงเป็นที่ยอมรับกัน เฉพาะในกลุ่มนักเรียน เธอเน้นว่า การอ่าน ท่ัวไปว่าควรค่าแก่การอ่าน และคนก็ยังคง หนังสือมีบทบาทสำ�คัญในการขจัดความ ซอ้ื หนงั สืออยู่หากเขาเหน็ วา่ มคี ุณคา่ รุนแรงทเ่ี กดิ ขนึ้ ในสงั คม เธอเชื่อว่าหนังสือเป็นสิ่งที่ต่อต้านความ ‘การอ่านคือความรู้ และความรู้คือสิ่งท่ี รุนแรงได้ และเป็นเครื่องมือในการกระจาย พฒั นาไปสู่สนั ตสิ ขุ ’ สมาคมหนังสือแหง่ ชาติ “ข่าวสาร” แห่งสันติและความเป็นมนุษย์ (ปากีสถาน) จึงได้จัดตั้งทีม “ทูตการอ่าน” เธอยกข้อมูลเสริมว่า ผู้ที่อ่านหนังสือเข้าร่วม ขึ้นเพื่อส่งเสริมให้เกิดวัฒนธรรมการอ่านใน กิจกรรมทางสังคม กิจกรรมทางวัฒนธรรม ปากีสถาน และซับนัมก็เป็นหนึ่งในทีมงานนี้ และกิจกรรมต่างๆ ของรัฐ มีอัตราเข้าร่วม ซึ่งมีพันธกิจที่จะสนับสนุนโครงการต่างๆ มากกว่าผู้ที่ไม่อ่าน ซ่ึงนี่เป็นสิ่งสำ�คัญท่ีจะ ของสมาคมฯ ในการสง่ เสรมิ ใหเ้ กดิ วฒั นธรรม ช่วยแก้ปัญหาของรัฐที่ต้องการจะให้ชุมชน การอ่าน ทงั้ ในชนบทและชานเมอื ง เพอื่ ขจัด ต่ืนตัวเข้าร่วมในการพัฒนาตามโครงการ ความไม่รู้หนังสือ การก่อการร้าย และสร้าง ของรัฐ สนั ติสขุ ใหเ้ กิดขน้ึ ในสังคม

54 เกย่ี วกบั วฒั นธรรมการอา่ นทลี่ ดลง ซบั นมั กิจกรรมส่งเสริมการอ่านอาจมีทั้งส่ง บอกว่า อัตราการอ่านหนังสือค่อยๆ ลดลง เสริมใหค้ นกลบั เขา้ มาใชห้ ้องสมุด กระตุน้ ให้ มาตลอดช่วง ๒ ทศวรรรษน้ี และลดลงมาก พวกเขาอ่านหนังสือ ชวนกันต่อๆ ให้อ่าน ท่ีสุดในกลุ่มวัยรุ่น หากอัตราการอ่านยังคง และพูดกันถึงเร่ืองราวในหนังสือกับเพ่ือน ลดลงเช่นนี้ และเราผิดพลาดที่จะหาวิธีการ หรือคนในครอบครัว และรวมถึงชักชวนให้ ที่เหมาะสมมากระตุ้น การอ่านหนังสือก็จะ พวกเขาคิดเก่ียวกับความขัดแย้งทางการ หายไปในอีกคร่ึงศตวรรษขา้ งหน้า เมืองและทางศลี ธรรม ดังนั้น เรา-ทุกฝ่ายจึงต้องร่วมมือกัน การแข่งขันทางเศรษฐกิจที่มีมากข้ึน ในการส่งเสริมกิจกรรมด้านการอ่านหนังสือ จึงต้องการแรงงานท่ีมีความรู้ และจากขอ้ มลู และด้านวรรณกรรม หลายแหล่งชี้ให้เห็นว่า ผู้ที่อ่านหนังสือทำ� ซบั นมั เชอื่ ว่า วัฒนธรรมการอ่านจะช่วย กจิ กรรมทางสงั คมมากกวา่ ผทู้ ไ่ี มอ่ า่ นหนงั สอื บ่มเพาะให้เกิดความคิดเชิงวิเคราะห์ ความ เชน่ เปน็ อาสาสมคั รเข้าร่วมในกจิ กรรมตา่ งๆ คิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม รวมถึงนิสัย ซับนัมเสริมว่า ดังน้ัน ผู้ที่อ่านหนังสือจึงอาจ แห่งการเรียนรู้ในเชิงบวก การอ่านช่วยเปิด ไดร้ ับการยอมรับมากกว่า โลกทรรศน์ของคนในการรับความคิดใหม่ๆ ซบั นมั เหน็ วา่ สถาบนั การศกึ ษามบี ทบาท วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และเรื่องราวของ ในการบ่มเพาะนิสัยการอ่านให้กับเด็กๆ แต่ บุคคลที่เผชิญกับปัญหาคล้ายกันกับตน เธอก็แนะว่า ผู้ปกครองก็ควรจะให้ความ ซ่ึงส่ิงเหล่านี้จะเป็นข้อมูลเพ่ิมเติมสำ�หรับ สนใจกับเด็กและนิสัยการอ่านของเด็กด้วย ผอู้ ่าน ความรับผิดชอบในเรื่องสร้างการอ่านให้

55 เป็นนิสัยของเด็กไม่ได้เป็นความรับผิดชอบ กลุ่มที่มีอำ�นาจซ้ือเข้าถึงหนังสือได้ไม่ ของครูแต่เพียงฝ่ายเดียว ผู้ปกครองก็ควร ยาก แต่คนอีกกลุ่มหนึ่งซ่ึงเป็นคนส่วนใหญ่ สร้างสภาพแวดล้อมที่บ้านด้วย และปฏิบัติ ในปากีสถานอาจต้องพึ่งพาห้องสมุด เธอจึง เปน็ แบบอย่างแกเ่ ดก็ ขอเสนอให้ภาครัฐและภาคประชาสังคมช่วย กิจกรรมการอ่านจะทำ�ให้มีการนำ� กนั สนับสนุนให้มหี อ้ งสมุดท่วั ทุกชุมชน วรรณกรรมมาเป็นหัวข้อในการอภิปรายกัน ในชุมชน เป็นสะพานเชอื่ มระหว่างกล่มุ ต่างๆ เรียบเรียงจาก : ในสังคม ซับนัมเสนอว่า ห้องสมุดควรจะมี • Work together ‘to promote reading culture’ กระจายอยทู่ ่วั ไปทกุ แห่งทุกมุมของประเทศ by Schezee Zaidi The News International - Pakistan (June 14, 2010)

อเมวรัฒกิ นั นวนัธนรก้ี รบั มคกวาามรสอ�ำ ค่าญั นข!อง อันที่จริงผมชอบคอลัมน์ “ไอเดีย ออฟ เดอะเดย์” ใน หนังสือพิมพ์นิวยอร์คไทม์ แต่ วนั น้ี (๒๐ เมย. ๒๐๑๐) อา่ นแลว้ รู้สึกหงุดหงิด เพราะคอลัมน์นี้ ยกเอารายงานผลการศึกษาของ มิลเลอร์-แม็คคนู ที่วเิ คราะห์ ถึง จำ � น ว น ห นั ง สื อ ใ น บ้ า น ต่ อ ผ ล สัมฤทธ์ิทางการศึกษา จาก วารสารการวจิ ยั ทางสงั คมศาสตร์ มาเขียนถงึ

57 เขาบอกวา่ ปัญหาที่สร้างความหงุดหงิดให้กับผมก็ “ขนาดของห้องสมุดในบ้านมีผลอย่าง คือ ข้อมูลเหล่าน้ีไม่ใช่เร่ืองใหม่หรือเป็น มากต่อผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษา รวมไปถึง ความรู้ใหม่ เพราะเราก็รู้กันดีอยู่แล้วเร่ือง การศึกษาของพ่อแม่ อาชีพของพ่อ และ “แมทธิว เอฟเฟค”* ผมเช่ือว่าครูทุกคน ลักษณะพ้ืนฐานของครอบครัวล้วนมีผลต่อ อยากจะเห็นนักเรียนกลับไปบ้านแล้วอ่าน การศึกษา” หนังสือ(ด้วยความเพลิดเพลิน) แต่มันก็มีตัว “เด็กท่ีเติบโตในบ้านที่มีหนังสือ ๕๐๐ แปรอ่ืนๆ ที่ต้องพิจารณาก่อนท่ีจะประกาศ เล่ม จะมีการศึกษามากกว่าเด็กท่ีเติบโตใน ว่า ประชาชนควรจะเร่ิมสร้างห้องสมุดไว้ที่ บ้านที่ไม่มีหนังสือหรือมีหนังสือน้อย โดย บ้าน จากหนงั สือท่หี ้องสมุดไม่ใช้แล้ว เฉลยี่ ๓.๒ ปี” และนค่ี อื ข้อเขียนจากบทความดงั กล่าว “สังคมของเราเป็นสังคมท่ีแม้แต่ห้อง สมุดสาธารณะก็ยังคัดหนังสือออกทิ้งเป็น จ�ำ นวนมาก ฉะนนั้ นค่ี อื ทๆี่ คณุ จะไปหาซอื้ หนังสือมาเก็บได้ด้วยราคาถูก” (มิลเลอร์- แม็คคนู ) *Matthew Effect เป็นศัพท์เทคนิคที่ Robert K. Merton (1910-2003) นักสังคมวิทยาชาวอเมริกันบัญญัติข้ึนใช้ครั้งแรกในปี ๑๙๖๘ เพ่ืออธบิ ายปรากฏการณท์ างสังคมวา่ “คนรวยจะรวยมากขึน้ สว่ นคนจนกจ็ ะย่งิ จนลง” ชอ่ งวา่ งระหวา่ งคนรวยกับคนจนจะ ย่ิงขยายออกมากขึ้นเร่ือยๆ เขายกตัวอย่างว่า สองสิ่งท่ีเหมือนกัน เช่น งานวิจัยของคน ๒ คน คนหนึ่งมีชื่อเสียงมาก่อนแต่อีกคน ไม่มีช่ือเสียง แมเ้ น้อื หาของงานจะเหมอื นกัน แตค่ นที่มีชือ่ เสยี งมาก่อนยอ่ มได้รบั เครดิตมากกว่า (“Matthew Effect” ในทางสงั ตม วทิ ยาเรียกกนั อกี อย่างหนงึ่ วา่ “accumulated advantage”) Keith Stanovich นักจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยโตรอนโต แคนาดา นำ�คำ�นี้ไปใช้ในวงการด้านศึกษาศาสตร์ เมื่อเขาทำ�วิจัยเกี่ยว กับความสามารถในการอ่านของเด็ก เขาใช้คำ�นี้ในการอธิบายปรากฏการณ์ของเด็กในช่วงเร่ิมต้นหัดอ่านว่า เด็กที่มีทักษะในการ อ่านจะย่ิงอ่านมากข้ึนเมื่อเขาโตขึ้น ส่วนเด็กที่ล้มเหลวในด้านการอ่านในช่วง ๓-๔ ปีแรกในโรงเรียน เมื่อย่ิงโตข้ึนก็ย่ิงอ่านน้อยลง และช่องว่างระหว่างเด็ก ๒ กลุ่มน้ีจะมีเพ่ิมข้ึนเรื่อยๆ เพราะพวกท่ีอ่านไม่คล่องจะรู้สึกว่าการอ่านเป็นเร่ืองยาก และลดความ พยายามท่ีจะฝกึ อ่าน จนในทสี่ ดุ ก็จะไม่อ่านเลย

58 บทความนี้ออกมาในวันเดียวกับท่ี ห้องสมุดมีความสำ�คัญ และอาจเป็น ศูนยว์ จิ ัยพิว (Pew) ประกาศว่า “รอ้ ยละ ๗๐ ไปได้ว่าเราเน้นกันน้อยเกินไปในโรงเรียน ของชาวอเมริกันระบุว่า พวกเขาต้องประสบ หอ้ งสมดุ ควรไดร้ บั ความสนใจมากกวา่ น้ี และ กับปัญหาเก่ียวกับเรื่องงานหรือเร่ืองการเงิน ควรมใี นโรงเรยี นตง้ั แต่ระดบั อนุบาลไปจนถึง อย่างน้อยหนึ่งเรื่องหรือมากกว่า ในรอบปีท่ี ระดับเกรด ๑๒ ห้องสมดุ เหลา่ นคี้ วรประกอบ ผ่านมา” ดว้ ย “สอื่ ” (media) หลายๆ รปู แบบ ทงั้ หนงั สอื ผมอยากชวนใหพ้ จิ ารณากนั ๒ ประเดน็ เล่ม หนงั สอื อเิ ล็กทรอนกิ ส์คอมพิวเตอร์ และ ประเด็นแรก อื่นๆ ห้องสมุดควรจะเปิดตลอดเวลาและ เราจำ�เป็นต้องแนะนำ�ให้เด็กรับรู้ผลดี พรอ้ มใหท้ ุกคนเขา้ มาใช้ไดท้ กุ เมื่อ ของหนังสือและการอ่านให้มากข้ึน เพราะ ถ้าเราไม่เน้นท่ีห้องสมุดหรือศูนย์การ ปัจจุบันมันลดลง แต่สังคมท่ีเราอยู่มันมี อ่าน (ผมใช้ค�ำ ว่า “เน้น” ไม่ใช่ “อนุรักษ”์ ) ก็ ระดับชั้นทางเศรษฐกิจ การท่ีจะให้เด็กทุก เทา่ กับเราไปจำ�กดั พฒั นาการทางสตปิ ญั ญา คนมีห้องสมุดท่ีบ้านมันเหมาะสมไหม? แม้ ของเด็กนักเรียนเรา เพราะการอ่านคือหัวใจ จะซ้ือหนังสือท่ีห้องสมุดโละออกขายก็ตาม ส�ำ คญั ของการเรียนรู้ จะคมุ้ ไหม ในเมอ่ื การใช้จ่ายเงินเพอ่ื ด�ำ รงชีพ ผมไม่ได้บอกว่าไม่มีวิธีอ่ืนที่จะเรียนรู้ มีความส�ำ คญั กว่า หรือบอกว่าทุกคนจะเรียนรู้ได้โดยผ่านการ ประเดน็ ท่สี อง อ่านเท่าน้ัน แต่เป็นไปไม่ได้ที่ชีวิตจะมีความ มีการอภิปรายกันในวงการศึกษาเก่ียว สุขและประสบความสำ�เร็จได้เลย ถ้าไม่รู้จัก กับอนาคตของหนังสือ ว่ามันควรจะแทนท่ี วธิ ีอ่าน ดว้ ย e-books หรอื ไม?่ ห้องสมุดหมดยุคไป นี่คือปัญหาใหญ่ท่ีเราต้องช่วยกันหา แล้ว? หรือว่าห้องสมุดควรจะนำ�เทคโนโลยี ทางแก้ไข!!! คอมพวิ เตอรแ์ ละ e-books เข้ามาใช้?

59 Comments อมันดา: เห็นดว้ ยวา่ ต้องมหี อ้ งสมุดให้มากข้ึน ฉันเคยสอนเด็กตง้ั แตเ่ กรด ๑ ถึงเกรด ๖ บ้านจึงเต็มไปด้วยหนังสือจนเกือบจะเหมือนห้องสมุดเล็กๆ แล้ว มี หนังสือเด็กเป็นร้อยๆ เล่ม ลูกก็เลยอยู่กับกองหนังสือมากกว่าของเล่นของ เธอเสียอีก สัปดาห์ก่อนลูกสาวถามฉันว่าห้องสมุดคืออะไร? ฉันตกใจ มากว่าเธอไม่รู้จักห้องสมุด และคงต้องต่อว่าตัวเองที่ไม่เคยพาเธอไปห้อง สมุดเลย แต่เราก็ไปร้านขายหนังสือกันอยู่บ่อยๆ ดูเธอมีความสุขมากใน ร้านหนังสือ แต่ฉันไม่เคยพาเธอไปพบกับความมหัศจรรย์ของห้องสมุดเลย ตอนท่ีฉันบอกเธอว่าจะพาไปห้องสมุดดูเธอตื่นเต้นมาก ขอบคุณที่เปิด ประเด็นและฉันก็เช่ือว่าห้องสมุดคือท่ีที่ทำ�ให้คนเห็นความสำ�คัญของการ อ่านไดจ้ ริง กอร่ี รอช: หากครอบครวั ต้องตดั สนิ ใจเลือกระหว่างหนังสือกบั อาหาร ผมวา่ พวกเขาคง ตอ้ งเลอื กอาหารเปน็ สิง่ แรก... หอ้ งสมดุ จึงเป็นส่งิ จำ�เปน็ ผมไมร่ ้วู า่ ชุมชนอื่น เขาเปน็ อยา่ งไร แต่ในย่านเซนส์วิลลท์ ีผ่ มอยนู่ ่ีคอ่ นขา้ งดี มีห้องสมุด ๓ แหง่ หา่ งกนั ๑๕-๒๐ นาที ถ้าคุณเดิน ผมชอบไปที่ห้องสมุดแห่งหนึ่ง แต่เดี๋ยวน้ีเขาลดเวลาทำ�งานลงจนผมไม่ แน่ใจว่าเวลาท่ีห้องสมุดเปิด จะเป็นเวลาท่ีเด็กและครอบครัวจะมาใช้ ประโยชน์ได้เต็มที่หรือไม่ ผมว่าในเมืองอ่ืนๆ ก็คงจะมีปัญหาคล้ายๆ กัน แลว้ ในชนบทล่ะ?

60 Comments ครสิ ฟริทซ:์ ผมว่าห้องสมุดท่ีบ้านไม่ได้มีประสิทธิภาพโดยตัวของมันเอง แต่วัฒนธรรมการ เรยี นรบู้ อกวา่ การมหี อ้ งสมดุ ทบ่ี า้ นเปน็ ตวั ชว้ี า่ คนนน้ั มแี นวโนม้ ทช่ี อบอา่ นหนงั สอื ผปู้ กครองทม่ี หี นงั สอื จ�ำ นวนมากๆ เปน็ พวกทก่ี ระตอื รอื รน้ ในการหาความรู้ และ หากเดก็ อยใู่ นบา้ นทม่ี หี นงั สอื มากๆ กไ็ มต่ อ้ งคอยใหค้ รเู ปน็ ฝา่ ยสอนเพยี งอยา่ งเดยี ว พวกเขาสามารถจะหาขอ้ มลู ได้ด้วยตวั เอง การเรียนร้ดู ้วยตวั เองเป็นทกั ษะส�ำ คญั และมีประสทิ ธิภาพแต่โดยความเปน็ จรงิ แลว้ ผมวา่ เดก็ ไมค่ อ่ ยอยากจะเรยี นดว้ ยตวั เองหรอกถา้ ไมถ่ กู สง่ั หรอื บงั คบั เมลิสสา: ฉันเห็นด้วยว่า ความอยู่รอดในการครองชีพเป็นสิ่งสำ�คัญที่สุดของครอบครัว มีแต่ครอบครัวท่ีมีฐานะเท่าน้ันแหละท่ีจะสร้างห้องสมุดในบ้านได้ การใช้ห้อง สมุดสาธารณะจึงเปน็ ส่งิ จำ�เป็น การมหี อ้ งสมดุ ในบา้ นเปน็ ตวั ชว้ี ดั ทางสงั คมอยา่ งหนง่ึ ในดา้ นการเรยี นรู้ ฉนั เหน็ ดว้ ย กบั ครสิ ทบ่ี อกไปขา้ งตน้ แตฉ่ นั อยากเสรมิ วา่ เดก็ ๆ มกั เลยี นแบบพฤตกิ รรมของ พ่อแม่ การมีหนงั สอื อยู่ในบา้ นเพียงอยา่ งเดียวไม่ใชต่ วั ชวี้ ดั ว่ามวี ฒั นธรรมการ อ่าน ตราบใดทยี่ งั ไมม่ ีกิจกรรมทเี่ รียกว่า “การอา่ น” เกดิ ขึน้ ดงั นัน้ พ่อแมผ่ ู้ ปกครองตอ้ งทำ�ให้เดก็ เหน็ พฤตกิ รรมเหล่าน้ดี ้วย

61 แชมเบอร์เลน: ผมชอบหอ้ งสมดุ แตก่ ม็ ปี ญั หาเรอ่ื งเวลาเปดิ -ปดิ ทไ่ี มค่ อ่ ยตรงกบั เวลาของผม จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำ�ไมคนส่วนใหญ่ถึงเลือกดูทีวีและเล่นอินเตอร์เน็ต มากกว่าอ่านหนังสือ เพราะมันมีเร่ืองสนุกๆ ที่หาได้ง่ายกว่าการไปหา หนังสือน่ันเอง อีกอย่างคือมันใช้สมองน้อยกว่าการอ่านด้วย เม่ือเด็ก ไม่มีโมเดลการอ่านท่ีเป็นแบบอย่างให้เขาท่ีบ้าน มีแต่ที่โรงเรียน (ซ่ึงก็มัก จะเป็นเฉพาะแบบเรียน) ผมว่ามันคงยากท่ีจะท�ำ ให้เขาสนใจเร่ืองการอ่าน ถา้ เดก็ อา่ นหนงั สอื ทกุ วนั “การเลอื ก” ในการเสพยส์ อ่ื อน่ื ๆ กค็ งจะลดนอ้ ยลง บางทีเราอาจต้องใช้วิธีใหม่ๆ หรือส่ือที่ต่างออกไปในการบรรจุเน้ือหาให้ เด็กไดอ้ ่าน หรอื ให้พวกเขามี “ทางเลือก” ในการอ่านมากขน้ึ ผมว่าหนงั สอื ดิจิตอลก�ำ ลงั อยใู่ นกระแสของเด็กๆ ก็บรรจเุ น้ือหาลงในดิจติ อล เป็นต้น เอรอน ไอเลอร:์ ผมวา่ จรงิ การใช้เทคโนโลยใี หม่ๆ ช่วยเพิ่ม “ทางเลือก” ใหก้ บั เด็กๆ สง่ิ ท่ี ผมกังวลก็คือการลดลงของวัฒนธรรมการอ่าน ซ่ึงไม่ได้เจาะจงว่าเป็น หนงั สอื ทเ่ี ปน็ เลม่ ในรปู แบบดง้ั เดมิ เทา่ นน้ั แตห่ มายถงึ “การอา่ น” โดยทว่ั ๆ ไป “การอ่าน” ก็เหมือนกับการส่งผ่านข้อมูลในรูปแบบอื่นๆ ที่ทำ�ให้เกิดการ พัฒนาทางความคิด ผมคิดว่า เราจำ�เป็นต้องสร้าง “ทางเลือก” ในการ อา่ นใหเ้ พิม่ ขึ้น โลกในศตวรรษที่ ๒๑ ไมใ่ ช่โลกของเทคโนโลยี แต่เปน็ โลก ของ “ทางเลือก” ต่างหาก เรียบเรยี งจาก : • Importance of A “Reading Culture” by Aaron Eyler synthesizingeducation.com - USA (April 20, 2010)

“ออนไลน”์ ภยั รา้ ยตอ่ วฒั นธรรมการอา่ น?

63 ทุกวันน้ี แทบทุกคนล้วนเป็นสมาชิก อักษรที่เป็นข้อความสั้นๆ เท่านั้น พูดอีกแง่ ของสังคมออนไลน์ในรูปแบบใดรูปแบบหน่ึง หน่ึงก็คือ ช่วงความสนใจของคนจะหดสั้น ขอ้ มูลข่าวสารหลงั่ ไหลมาจากทั่วสารทศิ ผ่าน ลงๆ และทำ�ให้ยากที่จะสนใจอ่านสิ่งท่ีต้อง เว็บบอรด์ เฟซบกุ๊ หรอื ทวิตเตอร์ “ภาษาเวบ็ ” ใช้เวลาในการอ่านนานๆ ไม่เพียงแต่เปล่ียนแปลงวิธีการท่ีเราใช้ใน ฉันยอมรับว่าฉันเป็นคนที่ติดอินเตอร์ การสอื่ สารเทา่ นั้น แตย่ งั สง่ ผลตอ่ วงจรสมอง เน็ตมาก ซ่ึงก็คงจะเหมือนกับพวก “ติดเน็ต” ให้สนองต่อส่งิ ทส่ี น้ั ๆ และรวดเร็ว ทั้งหลาย ในแต่ละวันฉันเริ่มต้นจากการอ่าน ขอบอกตามตรงว่าฉันชอบอินเตอร์เน็ต ข่าวออนไลน์ที่ผ่านมาทางทวิตเตอร์ ซึ่งนำ� เป็นท่ีรู้กันดีในหมู่เพ่ือนฝูงว่าฉันออนไลน์อยู่ ข่าวจากท่ัวทุกมุมโลกส่งมาให้ฉันถึงที่ด้วย เกือบตลอดเวลาไม่ว่าจะบนแล็บทอปหรือ รูปแบบทส่ี ะดวกสบาย แต่มนั ก็ถกู กลั่นกรอง พีดีเอ ฉันส่งอีเมล์ เฟซบุ๊ก ทวิต เขียนบล็อก โดยตัวฉันเป็นลำ�ดับแรก เพราะว่าฉันเลือก และแชทเป็นประจำ�จนเพ่ือนบางคนบอกว่า จะไปเวบ็ ไซต์ขา่ วท่ฉี นั สนใจเท่านน้ั สง่ิ ท่ีฉนั ทำ�นี้ “ชา่ งนา่ กลัวเหลอื เกนิ ” อย่างท่ีเรารู้กัน เม่ือคลิกจากพาดหัว แต่เม่ือเร็วๆ นี้มีบทความตีพิมพ์ในต่าง ข่าวไปยังเว็บไซต์ ก็จะมีเรื่องที่น่าสนใจอื่นๆ ประเทศ พูดถึงผลกระทบของวิธีการสื่อสาร อีกมากท่ีพวกเขาไม่ได้นำ�ไปไว้ในทวิตเตอร์ แบบใหม่นี้ว่ามีผลกระทบต่อเรา โดยเฉพาะ แต่ฉันก็จะอ่านพวกนั้นด้วย บางครั้งฉัน อย่างยิ่ง สมองของเรา สนใจมากและอยากรู้มากกว่าน้ัน ฉันก็ลิงค์ เพราะว่าการส่ือสารออนไลน์ต้องสั้น ไปอ่านเร่ืองเต็มๆ หรือเร่ืองอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่อง และเร็ว สมองจึงสร้างวงจรท่ีรับแต่ข้อมูลตัว ด้วยวิธีนี้ ไม่เพียงแต่ทำ�ให้ฉันรู้ข่าวได้เร็วแต่ ยังร้ไู ดล้ ึกดว้ ย

64 แต่อินเตอร์เน็ตสร้างความกังวลให้ฉัน คงไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำ�ไมหนังสือ ด้วยเหตผุ ลอน่ื ส่วนใหญ่เป็นประเภทท่ีเรียกว่า “click lit” ตัวฉันเองนั้นเป็นคนชอบอ่าน ดังน้ัน (ส้ันๆ ง่ายๆ) ทำ�ไมไม่มีประเภทท่ีเรียกว่า อินเตอร์เน็ตก็เลยกลายเป็นส่ิงที่ช่วยเสริม “dude lit” (ต้องพินิจพิเคราะห์และค่อนข้าง การอ่านของฉัน (ไม่ใช่ไปบ่ันทอนการอ่าน) ยาว) หรือว่าผู้ชายมีข้อจำ�กัดอะไรบางอย่าง แต่ในประเทศท่ีนิสัยรักการอ่านยังมีค่อนข้าง ในการอ่านหนังสือ? ถ้าการอ่านหนังสือคือ น้อย ฉันก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่าอินเตอร์เน็ต การท่ีเราสามารถเข้าใจโลกได้อย่างลึกซึ้ง จะส่งผลตอ่ เดก็ ๆ อยา่ งไร และถอ่ งแท้ ฉนั เกรงวา่ ความแตกตา่ งระหวา่ ง เม่ือไม่นานมาน้ี ฉันโพสท์บทความที่ การอ่านน้ีจะทำ�ให้ผู้หญิงกับผู้ชายอาศัย ค่อนข้างยาวเร่ืองหนึ่งเก่ียวกับความเสมอ อยูก่ ันคนละโลกเลยทเี ดยี ว ภาคทางเพศไว้ในบล็อกของฉัน มันเป็น ฉันรู้จักเด็กคนหนุ่มคนหนึ่ง เขาภูมิใจ ข้อมูลท่ีน่าสนใจมากและฉันคิดว่ามันจะ มากว่าได้อ่านหนังสือมาแล้ว ๑๐ เล่มใน ช่วยปลุกให้มีการอภิปรายถกเถียงกันใน ชีวิตของเขา ท้ังท่ีจริงๆ แล้วเขาไม่ชอบการ ประเด็นนี้ แต่คนที่คอมเม้นท์มาส่วนใหญ่ อ่าน แตภ่ าษาองั กฤษของเขาดมี าก เขาบอก กลับพูดกันแต่เรื่องเนื้อหาของบทความที่ ว่าเป็นผลมาจากการเลน่ เกมออนไลน์ นอี่ าจ ยาวเกนิ ไป เปน็ ข้อยกเวน้ และท่ีน่าสนใจก็คือ ผู้ที่บ่นเร่ืองความ ลูกชายของฉันซ่ึงกำ�ลังเล่าเรียนอยู่ใน ยาวของเนอ้ื หาเกอื บทงั้ หมดเป็นผูช้ าย ดงั นน้ั อินโดนีเซีย ก็ได้ภาษาอังกฤษมาจากการ ฉนั กเ็ ลยตง้ั ขอ้ สงั เกตวา่ ผชู้ ายไมเ่ พยี งแตอ่ า่ น เล่นเกมบนเน็ต แต่ในช่วงวันหยุด เขาหยิบ สิ่งที่แตกต่างจากผู้หญิงเท่านั้น แต่พวกเขา หนงั สอื แฮร่ีพอตเตอรม์ าอา่ นและชอบมนั มาก ยังปฏิเสธท่ีจะอ่านข้อความที่ยาวๆ และใน เขาอ่านทงั้ ส่เี ล่มจบภายในสองสปั ดาห์ ลกั ษณะของเน้ือหาเชงิ ลึก

65 ส่ิงท่ีฉันต้องการจะบอกไม่ใช่แค่เร่ือง บางทีอันตรายทีแ่ ทจ้ รงิ ของภาษา ไม่ใช่ ของการอ่าน แต่เก่ียวกับความสามารถใน มาจากการนำ�ภาษาอ่ืนมาใช้ในภาษาเรา การรักษาสมาธิหรือความสนใจในการอ่าน แต่เป็นพวกคำ�ย่อที่เราใช้กันในโทรศัพท์มือ ให้ความสนใจต่อส่ิงที่ต้องใช้เวลายาวๆ ให้ ถือนัน่ แหละ แลว้ น�ำ มาใชต้ อ่ ๆ กนั บนเว็บ เหมาะสมเพียงพอที่การอา่ นจะเสรจ็ ส้ิน หรอื ดงั นน้ั เราตอ้ งมกี ารประสานกนั ระหวา่ ง เพยี งพอทจ่ี ะท�ำ ใหเ้ กดิ การเรียนรสู้ ง่ิ ใหม่ๆ อินเตอร์เน็ตกับนิสัยการอ่าน หนังสือท่ีเขียน ถ้าเด็กๆ ของเราทำ�ทุกอย่างด้วยความ ดีๆ หรือบทความดีๆ ช่วยเราได้ มาช่วยกัน รวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการส่ง SMS หรืออ่าน สร้างเนอ้ื หาดีๆ บนอินเตอรเ์ น็ตกันเถอะ แต่ข้อความสั้นๆ แล้วพวกเขาจะให้ความ สนใจหรือมีสมาธิกับเน้ือหาท่ียาวๆ ที่จะ เรียบเรียงจาก : ทำ�ให้พวกเขาเป็นผู้รอบรู้ในส่ิงนั้นๆ ได้ • Online threat to reading culture by Marina Mahathir อย่างไร? The Star - Malaysia (July 7, 2010) ทุกวันน้ีเราจะเห็นว่าภาษาเขียนจะส้ัน ลงๆ และเขา้ ใจไดย้ ากมากขน้ึ อาจเปน็ เพราะ เราต้องรวบรัดหลายสิ่งหลายอย่างและต้อง พยายามทำ�ความเข้าใจกบั มัน ภาษาSMSจรงิ ๆแลว้ เหมาะกบั โทรศพั ท์ มือถอื เท่านั้น แตไ่ มใ่ ชก่ ับทกุ ทท่ี กุ แห่ง

66 บรรณานกุ รม • Eyler, Aaron. Importance of A “Reading • Zaidi, Schezee. Work together ‘to Culture” April 20, 2010 from: http:// promote reading culture’ The News synthesizingeducation.com/blog/ International (Pakistan) June 14, 2010 2010/04/20/importance-of-a-reading- Retrieved from: http://www.thenews. culture/ com.pk/daily_detail.asp?id=244883 • Ho, Louise. A different kind of reading culture. China Daily HK Edition March 11, 2008 Retrieved from: http:// www.chinadaily.com.cn/hkedition/2008- 03/11/content_6524217.htm • Mahathir, Marina. Online threat to reading culture. The Star Online (July 7, 2010) Star Publications (Malaysia) Berhad Retrieved from: http://thestar.com. my/columnists/story.asp?file=/2010/7/7/ columnists/musings/6610028

67 แผนงานแผนงานสรา้ งเสรมิ วฒั นธรรมการอา่ น ไดร้ บั การสนบั สนนุ จากส�ำ นกั งานกองทนุ สนบั สนนุ การสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) มีบทบาทหน้าที่ในการประสานกลไก นโยบาย และปัจจัยขยายผลจาก ทั้งภาครัฐ ภาคประชาสังคม และภาคเอกชน ให้เอื้อต่อการขับเคลื่อนการสร้างเสริมพฤติกรรมและ วัฒนธรรมการอ่านให้เข้าถึงเด็ก เยาวชน และครอบครัว โดยเฉพาะกลุ่มที่ขาดโอกาสในการเข้าถึงหนังสือ และกลุ่มที่มีความต้องการพิเศษ คณะกรรมการก�ำ กับทศิ ทาง ท่ีปรึกษา รศ. จุมพล รอดค�ำดี ศ.นพ. ไกรสิทธ์ิ ตันติศิรินทร์ ประธาน ภก.สงกรานต์ ภาคโชคดี รองประธาน รศ.พญ. อุมาพร สุทัศน์วรวุฒิ กรรมการ นายสุรินทร์ กิจนิตย์ชีว์ นางมัทนา ถนอมพันธ์ หอมละออ นางเตือนใจ ดีเทศน์ นายวิเชียร พงศธร นายเอ็นนู ซื่อสุวรรณ นพ.ณรงค์ สายวงศ์ รศ.ดร. วิลาสินี อดุลยานนท์ ผู้แทนคณะกรรมการอาหารแห่งชาติ ผู้แทนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรรมการและเลขานุการ นายสง่า ดามาพงษ์ ผู้ช่วยเลขานุการ นางจงกลนี วิทยารุ่งเรืองศรี นายวุฒิพงษ์ ปรีดาภัทรพงษ์ นายธีรวัฒน์ อภิปรัชญาฐิติกุล นางญาณี รัชตบริรักษ์ …………………………………………………………………………………………..........……… ผู้จัดการแผนงานฯ นางสุดใจ พรหมเกิด ร่วมสนับสนุนการขับเคลื่อนนโยบาย โครงการ กิจกรรม เพื่อแสผร้านงเสงราิมนใหส้เกริดพา้ ฤงตเิกสรรรมิมแวละฒั วัฒนนธธรรรมรกมารกอา่านรกอับา่เรนาได้ที่ ๔๒๔ หมู่บ้านเงาไม้ ซอยจรัญสนิทวงศ์ ๖๗ แยก ๓ ถนนจรัญสนิทวงศ์ แขวงบางพลัด เขตบางพลัด กรุงเทพฯ ๑๐๗๐๐ โทรศัพท์ : ๐-๒๔๒๔-๔๖๑๖-๗ โทรสาร : ๐-๒๘๘๑-๑๘๗๗ E-mail : [email protected] Website : http://www.happyreading.in.th Facebook : http://www.facebook.com/happy2reading

รว่ มคดิ รว่ มเรยี นรู้ รว่ มสรา้ งวฒั นธรรมการอา่ น

สามารถอไา่ดนท้ แ่ี wละwดwา.วhนaโ์pหpลyดreอadา่ นinสgร.inา้ .งtสhขุ ทกุ เลม่