สรรพสิ่งนิ่งเนาในเงาฉาย ประพันธกร ละความวุ่นวายฉงายฉงน คงร้าวรอนสะท้อนจิตพิษเศร้าผลาญ สงัดแห่งรัตติกาลเหมือนมารผจญ กรีดกมลตนเองเชลงงาน แต่สงบคือมนต์กำ�จัดมาร เพื่อสุขศานต์ซ่านทรวงแด่ปวงชน แรคำ� ประโดยคำ� ถึงร่างสิ้นภินทน์พรากจากพิภพ จาก คำ�นำ� งานมิลบจบลงคงหลั่งผล จากเล่ม น้ำ�พุรุ้ง ความฝันหลากจากสมองยังครองมนต์ คุณค่าล้นชนรุ่นหลังยังชื่นชม วนิดา สถิตานนท์ ชื่อบท “แด่ ประพันธกร” จากเล่ม ธารทอง 51 บ ท ก วี ก ล า ง ด ว ง ใ จ
เราพร้อมที่จะพบ ฉันเยาว์ ฉันเขลา ฉันทึ่ง กับหลุมศพและเลือดสี ฉันจึงมาหาความหมาย เพื่อแลกกับเสรี ฉันหวังเก็บอะไรไปมากมาย และประชาธิปไตย สุดท้ายให้กระดาษฉันแผ่นเดียว ตีตรวนทั้งสองตีน วิทยากร เชียงกูล ก็จะปีนจะป่ายไป ชื่อบท “เพลงเถื่อนแห่งสถาบัน” ขวางขวากหรือกองไฟ จากเล่ม ฉันจึงมาหาความหมาย เราจะฝ่าจะลุยฟืน สายฝันที่เราฝัน เราจะขวั้นทั้งวันคืน ถักขวัญอันฟุบฟื้น ให้เฟื่องฟูเป็นดวงไฟ วาณิช จรุงกิจอนันต์ ชื่อบท “อิสระและเสรี” จากเล่ม บันทึกบนทางผ่าน 52 บ ท ก วี ก ล า ง ด ว ง ใ จ
จะสอยดาวสาวเดือนที่เกลื่อนฟ้า หยาดน้ำ�ตาประชาไทยในวันนี้ มาทำ�อาหารให้คนไร้สิ้น ไหลท่วมปฐพีแล้วพี่เอ๋ย ฟันนภาที่เห็นออกเป็นชิ้น ถ้าความจริงสามารถอ้างเหมือนอย่างเคย เอามาสินเย็บเป็นเสื้อเผื่อคนจน ก็จะเอ่ยและอ้างอย่างไม่กลัว จับเอาดวงตะวันอันกว้างใหญ่ นี่มีปากก็ถูกปิดจนมิดเม้ม จัดสรรให้คนพำ�นักพักทุกหน เขาแทะเล็มถุยรดและกดหัว เที่ยวรวบรวมธาตุมาทั้งสากล ปัญหาที่เกิดนั้นมันพันพัว แล้วคิดค้นปรุงเป็นยาฆ่าโรคภัย ไม่อยากโทษใครชั่วเพราะกลัวตาย วิทยากร เชียงกูล วิสา คัญทัพ ชื่อบท “ความฝันที่ชนบท” ชื่อบท “กดหัวประชาชน” จากเล่ม ฉันจึงมาหาความหมาย จากเล่ม เราจะฝ่าข้ามไป 53 บ ท ก วี ก ล า ง ด ว ง ใ จ
ไม่มีอำ�นาจใดในโลกหล้า หยดฝนย้อยหยาดฟ้ามาสู่ดิน ผู้ปกครองต่างมาแล้วสาบสูญ ประมวลสิ้นเป็นมหาสาครใหญ่ ไม่มีใครล้ำ�เลิศน่าเทิดทูน แผดเสียงซัดฐพีอึงมี่ไป ประชาชนสมบูรณ์นิรันดร์ไป พลังไหลแรงรุดสุดต้านทาน เมื่อยืนหยัดต่อสู้ผู้กดขี่ อันประชาสามัคคีมีจัดตั้ง ประชาชนย่อมมีชีวิตใหม่ เป็นพลังแกร่งกล้ามหาศาล เมื่อท้องฟ้าสีทองผ่องอำ�ไพ แสนอาวุธแสนศัตรูหมู่อันธพาล ประชาชนย่อมเป็นใหญ่ในแผ่นดิน มิอาจต้านแรงมหาประชาชน วิสา คัญทัพ “ศรีบูรพา” (กุหลาบ สายประดิษฐ์) ชื่อบท “สิบสี่ตุลา” จากเล่ม กุหลาบแห่งแผ่นดิน จากเล่ม เราจะฝ่าข้ามไป 54 บ ท ก วี ก ล า ง ด ว ง ใ จ
55 บ ท ก วี ก ล า ง ด ว ง ใ จ
56 บ ท ก วี ก ล า ง ด ว ง ใ จ
ยังไม่ตาย เรายังอยู่สู้ยืนหยัด จากหยดน้ำ�หยดน้อยหลายร้อยหยด ฝันและหวังยังแจ่มชัดจรัสยิ่ง รวมกันหมดเป็นมหาชลาใส เลือกจำ�แนกแยกแยะและคัดทิ้ง จากปิงวังยมน่านผ่านมาไกล เก็บบางสิ่ง ทิ้งบางอย่างหาทางชนะ แล้วรวมไหลกันเข้าเป็นเจ้าพระยา เธอฝ่ายหนึ่ง ฉันฝ่ายหนึ่งพึงแจ่มชัด คือสายเลือดร่วมไหลไทยทั้งชาติ แตกต่างอย่างยืนหยัด...ถือสัจจะ รวมน้ำ�ใจใสสะอาดศาสนา ข้ามขุนเขาอวิชชาสู่อารยะ รวมภักดีสูงส่งองค์ราชา เอาชนะด้วยปัญญาสมค่ามนุษย์ รวมศรัทธาในเสน่ห์ประเพณี ศักดิ์สิริ มีสมสืบ ศิริพงษ์ จันทน์หอม ชื่อบท “รำ�ลึกทวนรอยเท้าแห่งวิถี ชื่อบท “หยดน้ำ�เจ้าพระยา” ๒๐ ปี ๑๔ ตุลา” กลอนชนะการประกวด จากเล่ม กวีนิพนธ์ไทยร่วมสมัย : และครูเอื้อ สุนทรสนาน นำ�มาใส่ทำ�นอง บทวิเคราะห์และสรรนิพนธ์ เป็นเพลงหนึ่งของวงสุนทราภรณ์ 57 บ ท ก วี ก ล า ง ด ว ง ใ จ
จากคนรักมาไกลใจอยากกลับ เราจะข้ามหนามขวากทุกภาคภพ เฝ้าคอยนับคืนวันแล้วขวัญหาย เราจะข้ามสนามรบที่หลากหลาย เจ้าพระยาปลอบด้วยช่วยใจชาย เราจะข้ามคืนวันอันตราย อย่าให้ตายเพราะรอเลยหนอเรา เราจะข้ามความหมายแห่งหายนะ ศิริพงษ์ จันทน์หอม เราจะไปชมดาวพริบพราวเกลื่อน จาก นิราศกรุงเก่า เราจะไปชมเดือนดวงสวยสะ เราจะไปเก็บปุยเมฆหิมะ 58 เราจะไปไหว้พระในทิพย์วิมาน จะไม่มีนรกอเวจี บ ท ก วี ก ล า ง ด ว ง ใ จ จะไม่มีโลกีย์ที่หยาบกร้าน จะมีแต่สวรรค์อันเบิกบาน หัวสะพานจรดตีนสะพานสถาพร ศิวกานท์ ปทุมสูติ ชื่อบท “สร้างสะพาน” จากเล่ม สร้อยสันติภาพ
แม้อยู่ห่างต่างถิ่นแผ่นดินไหน ใครจะมีรักใหม่ไม่อยากรู้ ถ้าวันใดคิดถึงถิ่นแผ่นดินสยาม ใครจะอยู่กับใครไม่อยากถาม จงมองดาวพราวพร้อยลอยฟ้างาม ใครจะกล่าวถางถากไม่อยากปราม เพราะทุกยามฝากใจไว้กับดาว ใครจะห้ามเล่นกับไฟไม่อยากฟัง สนธิกาญจน์ กาญจนาสน์ มิหลงเหลิงกับความฝันของวันใหม่ ชื่อบท “เจ้าพระยาถึงฝั่งโขง” มิเสียใจกับความทรามของความหลัง หัวข้อ รวมบทกวี : สนธิกาญจน์ กาญจนาสน์ ใครจะเลวเหลวไหลไม่อยากชัง จากเว็บไซต์ สมาคมกวีร่วมสมัย ใครมอบหวังดีให้ไม่อยากรับ www.kawethai.com สนธิกาญจน์ กาญจนาสน์ ชื่อบท “เรือเพลง” หัวข้อ รวมบทกวี : สนธิกาญจน์ กาญจนาสน์ จากเว็บไซต์ สมาคมกวีร่วมสมัย www.kawethai.com 59 บ ท ก วี ก ล า ง ด ว ง ใ จ
รักควรคู่สำ�หรับผู้รู้จักสงวน อ้อมกอดพี่จะสงวนไม่ด่วนสนอง รักอบอวลสำ�หรับผู้รู้จักถนอม อ้อมตักน้องจงถนอมก่อนยอมสนอง รักยืนยาวสำ�หรับผู้รู้จักออม ถึงวันชื่นคืนฉ่ำ�ถูกทำ�นอง และรักพร้อมสำ�หรับผู้รู้จักรัก จะตระกองกอดกกแนบอกนอน สนธิกาญจน์ กาญจนาสน์ สวัสดิ์ ธงศรีเจริญ ชื่อบท “รัก” ชื่อบท “ภาษารัก” จากเล่ม โลก ชีวิต ความคิดและความรัก จากหัวข้อ วรรคทอง เว็บไซต์ สมาคมนักกลอนแห่งประเทศไทย www.thaipoet.net 60 บ ท ก วี ก ล า ง ด ว ง ใ จ
เจ้าขุนทองร้องไห้ อยู่ในเรือนจนดึกดื่น เมื่อรักกันไม่ได้ก็ไม่รัก ว่าดอกจำ�ปีถูกปืน ตายอยู่เกลื่อนเจ้าพระยา ไม่เห็นจักเกรงการณ์สถานไหน ลูกเอยหนอลูกเอ๋ย เจ้าอย่าเฉยเชือนชา ไม่รักกูกูก็จักไม่รักใคร แม่มาร้องเรียกหา นี่พ่อมาตั้งตาคอย เอ๊ะ น้ำ�ตากูไหลทำ�ไมฤา เจ้ามิใช่นักรบ ที่เคยประสบริ้วรอย สุจิตต์ วงษ์เทศ รปู ร่างเจ้าก็น้อยน้อย เพราะเรียนหนังสือหลายปี จากหัวข้อ วรรคทอง แม่รู้ว่าลูกรัก นั้นมีความภักดี เว็บไซต์ สมาคมนักกลอนแห่งประเทศไทย พ่อก็รู้ว่าลูกมี กตัญญูแผ่นดิน www.thaipoet.net สุจิตต์ วงษ์เทศ ชื่อบท “เจ้าขุนทอง” จากเล่ม เจ้าขุนทองไปปล้น 61 บ ท ก วี ก ล า ง ด ว ง ใ จ
เมื่อพูดกันไม่ได้ก็ไม่พูด ไม่มีกรอบกรองคำ�ก็งามได้ จะทำ�ปากให้เป็นตูดพูดไม่ได้ อยู่แต่ใครจะไปถึงซึ่งได้ที่ จะได้รู้กันว่าประเทศไทย เมื่อสำ�นึกลึกซึ้งถึงกวี เป็นของคนหัวใสสองสามคน มีไม่มีฉันทลักษณ์ ไม่รู้แล้ว ถ้าความจนถูกหาว่าขบถ สุจิตต์ วงษ์เทศ เพื่อให้ความรวยกดกลางถนน ชื่อบท “ลืมฉันทลักษณ์บ้างก็ได้” กูก็พร้อมจะขบถรดน้ำ�มนต์ จากหัวข้อ ฉันทลักษณ์ ไม่ฉันทลักษณ์ไม่ใช่ปัญหา กราบพระออกปล้นความเป็นธรรม เว็บไซต์ สมาคมนักกลอนแห่งประเทศไทย สุจิตต์ วงษ์เทศ www.thaipoet.net ชื่อบท “กูจะเป็นขบถ” จากเล่ม เจ้าขุนทองไปปล้น 62 บ ท ก วี ก ล า ง ด ว ง ใ จ
วันนี้มืด...ใช่มืดสนิท แม่คือดินอันอุดม พรหมแห่งบ้าน ไฟดวงนิดยังมีแสง แม่คือน้ำ�ซึ่งฉ่ำ�ปานทิพย์ธารใส ขอเพียงลมพัดแรง แม่คือลมซึ่งให้ลมหายใจ เถ้ามอดแดงก็จะลาม แม่คือไฟอุ่นสว่างในชีวี ทุ่งนี้รก...ใช่รกหมด แม่อยู่ในดิน น้ำ� ลม และไฟ นั่นข้าวสดขึ้นแทรกหนาม ให้ชีวิตซึ่งอยู่ได้โดยธาตุสี่ ขอเพียงฝนจากฟ้าคราม ด้วยความรักทั้งหมดที่แม่มี ข้าวจะงามท่วมหญ้าคา ถ้อยพาทีใดเล่าจะเท่าใจ เสกสรรค์ ประเสริฐกุล อดุล จันทรศักดิ์ จากเล่ม ฟองเวลา ชื่อบท “แม่” เอกสารที่ระลึกงานพระราชทานเพลิงศพ คุณแม่ละออ จันทรศักดิ์ ๒๒ มกราคม ๒๕๕๔ 63 บ ท ก วี ก ล า ง ด ว ง ใ จ
ฆาตกรนิรนามสงครามเถื่อน เพิ่มชีวิตเข้มแข็งให้แกร่งกล้า เพื่อนกับเพื่อนก็ถึงวันฆ่ากันได้ ให้เชิดหน้าท้ามองถึงห้องหาว ชนละทิ้งคุณธรรมประจำ�ใจ ยิ้มเยาะโลกโชคชะตามานานยาว เพียงเพื่อใช้นามว่า “วีรชน” ซ่อนน้ำ�พราวท่วมทั่วรดหัวใจ อดุล จันทรศักดิ์ อร อักษรา (ม.ร.ว.อรฉัตร ซองทอง) ชื่อบท “บทเพลงเหนือสุสาน” ชื่อบท “ดาวรู้ไหม” จากเล่ม นิล จากเล่ม ฝนซาฟ้าสาง 64 บ ท ก วี ก ล า ง ด ว ง ใ จ
65 บ ท ก วี ก ล า ง ด ว ง ใ จ
66 บ ท ก วี ก ล า ง ด ว ง ใ จ
ลับแววตาให้คมกริบ ใครดูถูกดูหมิ่นศิลปะ เฟ้นหยิบปัญญาเก่งกล้า อนารยะไร้สกุลสถุลสัตว์ เรียนภาษาดินน้ำ�ฟ้า ราวลิงค่างเสือสางกลางป่าชัฎ หาปีติชื่นชมรมณีย์ ใจมืดจัดกว่าน้ำ�หมึกดำ� จะพบความหมายชีวิต เพียงกินนอนสืบพันธุ์เท่านั้นฤา อันลิขิตในมิ่งขวัญนี้ ชื่อว่าสิ่งประเสริฐเลิศล้ำ� ใช้นฤมิตแววชีวี หยาบยโสกักขฬะอธรรม ที่อมตะชนะความตาย เหยียบย่ำ�ทุกหย่อมหญ้าสาธารณ์ อังคาร กัลยาณพงศ์ ภพหน้าอย่ามีรูปมนุษย์ ชื่อบท “จาฤกอดีต” จงผุดเกิดในร่างดิรัจฉาน จากเล่ม ปณิธานกวี หน้าติดดินกินขี้เลื้อยคลาน ทรมานทุกข์ร้อนร้ายนิรันดร์เอย อังคาร กัลยาณพงศ์ ชื่อบท “ดูถูกศิลปะ” จากเล่ม กวีนิพนธ์ 67 บ ท ก วี ก ล า ง ด ว ง ใ จ
อนิจจาน่าเสียดาย ๑. ฉันเอาฟ้าห่มให้ หายหนาว ฉันทำ�ชีวิตหายครึ่งหนึ่ง ดึกดื่นกินแสงดาว ต่างข้าว ส่วนที่สูญนั่นลึกซึ้ง น้ำ�ค้างพร่างกลางหาว หาดื่ม มีนํ้าผึ้งบุหงาลดามาลย์ ฯ ไหลหลั่งกวีไว้เช้า ชั่วฟ้าดินสมัยฯ ครึ่งหนึ่งหลงเหลือในอกนี้ ๒. พลีใจเป็นป่าช้า อาถรรพณ์ สั่นชีวีเสียสะเทือนสะท้าน ขวัญลิ่วไปเมืองฝัน ฟากฟ้า ซํ้าโซ่ตรวนพันธนาการ เสาะทิพย์ที่สวรรค์ มาโลก ทรมานปานทาสจะขาดใจ ฯ โลมแผ่นทรายเส้นหญ้า เพื่อหล้าเกษมศานต์ฯ อังคาร กัลยาณพงศ์ อังคาร กัลยาณพงศ์ ชื่อบท “อนิจจาน่าเสียดาย” จากเล่ม กวีนิพนธ์ จากเล่ม กวีนิพนธ์ 68 บ ท ก วี ก ล า ง ด ว ง ใ จ
วักทะเลเทใส่จาน ถึงใครเหาะเหินวิมุติสุดฝั่งฟ้า รับประทานกับข้าวขาว เดือนดาริกาเป็นมรคายิ่งใหญ่ เอื้อมเก็บบางดวงดาว แต่เราขอรักโลกนี้เสมอไป ไว้คลุกข้าวซาวเกลือกินฯ มอบใจแด่ปฐพีทุกชีวีวาย ดูปูหอยเริงระบำ� อังคาร กัลยาณพงศ์ เต้นรำ�ทำ�เพลงวังเวงสิ้น ชื่อบท “ปณิธานกวี” กิ้งก่ากิ้งกือบิน จากเล่ม ปณิธานกวี ไปกินตะวันและจันทร์ฯ อังคาร กัลยาณพงศ์ ชื่อบท “วักทะเล” จากเล่ม กวีนิพนธ์ 69 บ ท ก วี ก ล า ง ด ว ง ใ จ
โลกนี้มิอยู่ด้วย มณี เดียวนา ใครจะอาจซื้อขายฟ้ามหาสมุทร ทรายและสิ่งอื่นมี ส่วนสร้าง แสนวิสุทธิ์โลกนี้ที่พระสร้าง ปวงธาตุต่ำ�กลางดี ดุลยภาพ สุดท้ายกายวิภาคจะจากวาง ภาคจักรพาลมิร้าง เพราะน้ำ�แรงไหน ไว้ระหว่างหล้าและฟ้าต่อกัน ภพนี้มิใช่หล้า หงส์ทอง เดียวเลย เรามิใช่เจ้าของฟ้าอวกาศ กาก็เจ้าของครอง ชีพด้วย โลกธาตุทั่วสิ้นทุกสรวงสวรรค์ เมาสมมุติจองหอง หีนชาติ มนุษย์มิเคยนฤมิตตะวันจันทร์ น้ำ�มิครแล้งโลกม้วย หมดสิ้นสุขศานต์ แม้แต่เม็ดทรายนั้นสักธุลี อังคาร กัลยาณพงศ์ อังคาร กัลยาณพงศ์ ชื่อบท “ปณิธานกวี” ชื่อบท “โลก” จากเล่ม ปณิธานกวี จากเล่ม กวีนิพนธ์ 70 บ ท ก วี ก ล า ง ด ว ง ใ จ
เสียเจ้าราวร้าวมณีรุ้ง เรารู้รสขณะใครไม่รับรส มุ่งปรารถนาอะไรในหล้า เราแวบหมดสิ่งไหนใครมิเห็น มิหวังกระทั่งฟากฟ้า เราวาบถูกทุกรู้สึกที่ลึกเร้น ซบหน้าติดดินกินทราย เราไหวเสียงซึ่งมิดเม้นในพริบตา จะเจ็บจำ�ไปจนปรโลก อัญชัน ฤารอยโศกรู้ร้างจางหาย ชื่อบท “พวกเรา” จะเกิดกี่ฟ้ามาตรมตาย จากเล่ม ลายสือ อย่าหมายว่าจะให้หัวใจ อังคาร กัลยาณพงศ์ 71 ชื่อบท “เสียเจ้า” จากเล่ม กวีนิพนธ์ บ ท ก วี ก ล า ง ด ว ง ใ จ
เพื่อลบรอยคราบน้ำ�ตาประชาราษฎร์ คนแพ้คือคนชนะ สักพันชาติจักสู้ม้วยด้วยหฤหรรษ์ แม้จะถูกเข็ญเข่นฆ่า แม้ชีพใหม่มีเหมือนหวังอีกครั้งครัน คนล้มเพื่อลุกทุกครา จักน้อมพลีชีพนั้นเพื่อมวลชน เหล็กกล้าเราชุบด้วยใด อาเวตีก อีสากยัน อุชเชนี กวีประชาชนแห่งอารเมเนีย ชื่อบท “เราชุบด้วยใด” แปลโดย จิตร ภูมิศักดิ์ จากเล่ม ขอบฟ้าขลิบทอง 72 บ ท ก วี ก ล า ง ด ว ง ใ จ
ก้าวไปแม้ไฟล่มโลก มิ่งมิตร ก้าวไปแม้โชคดับสูญ เธอมีสิทธิ์ที่จะล่องแม่น้ำ�รื่น ก้าวไปแม้ไร้คนทูน ที่จะบุกดงดำ�กลางค่ำ�คืน ก้าวไปแม้พูนคนชัง ที่จะชื่นใจหลายกับสายลม อุชเชนี ที่จะร่ำ�เพลงเกี่ยวเรียวโลมข้าว ชื่อบท “เราชุบด้วยใด” ที่จะยิ้มกับดาวพราวผสม จากเล่ม ขอบฟ้าขลิบทอง ที่จะเหม่อมองหญ้าน้ำ�ตาพรม ที่จะขมขื่นลึกโลกหมึกมน อุชเชนี ชื่อบท “ขอบฟ้าขลิบทอง” จากเล่ม ขอบฟ้าขลิบทอง 73 บ ท ก วี ก ล า ง ด ว ง ใ จ
ฉันอยู่เพื่อยุคทองของคนยาก คมแห่งความคิดถึงประหนึ่งมีด ที่เขาถากทรกรรมซ้ำ�ปั่นหัว คิดครั้งหนึ่งก็เหมือนกรีดใจหนึ่งหน เพื่อความถูกที่เขาถมจมทั้งตัว สงสารใจทรมานสู้ทานทน เพื่อความกลัวกลับกล้าบั่นอาธรรม คิดถึงคนหลายใจได้ทุกวัน อุชเชนี เอนก แจ่มขำ� ชื่อบท “อยู่เพื่ออะไร” ชื่อบท “คิดถึง” จากเล่ม ขอบฟ้าขลิบทอง จากเล่ม คมแห่งความคิดถึง ของ เอนก แจ่มขำ� 74 บ ท ก วี ก ล า ง ด ว ง ใ จ
บรรณานกุ รม คมทวน คันธนู. นาฏกรรมบนลานกว้าง. กรุงเทพฯ: ดอกหญ้า, ๒๕๒๕ จอมยทุ ธเมรัย. วรรคทอง, เว็บไซต์สมาคมนักกลอนแห่งประเทศไทย www.thaipoet.net จ่าง แซ่ตั้ง. ยามเช้า. กรงุ เทพฯ: หอศิลป์กวีจ่าง แซ่ตั้ง, ๒๕๒๘ จินตนา ปิ่นเฉลียว. ดอกหญ้าสีชมพู. กรงุ เทพฯ, ๒๕๒๑ จิระนันท์ พิตรปรีชา. ใบไม้ที่หายไป. กรงุ เทพฯ: แพรวสำ�นักพิมพ์, ๒๕๔๒ ชมัยภร แสงกระจ่าง. กุหลาบแห่งแผ่นดิน. กรงุ เทพฯ: คณะกรรมการอำ�นวยการจัดงาน ๑๐๐ ปีศรีบูรพา (กหุ ลาบ สายประดิษฐ์), ๒๕๔๘ ทวีปวร. จงเป็นอาทิตย์เมื่ออทุ ัย. กรงุ เทพฯ: มิ่งมิตร, ๒๕๓๙ ทวีสขุ ทองถาวร. หนังสือที่ระลึกงานศพ. กรงุ เทพฯ, ๒๕๔๗ ธรรมศักดิ์มนตรี, เจ้าพระยา. โคลงกลอนครูเทพ. กรงุ เทพฯ: องค์การค้าครุ ุสภา, ๒๔๘๕ นภาลัย ฤกษ์ชนะ สวุ รรณธาดา. ดอกไม้ใกล้หมอน. กรงุ เทพ: ชมนาด, ๒๕๓๔ นิราศกรุงเก่า ๔๘ นักกลอนร่วมสมัย. กรงุ เทพฯ: สำ�นักสมดุ ไทย, ๒๕๒๘ นายผี: อัศนี พลจันทร. รวมบทกวี นายผี: อัศนี พลจันทร. กรุงเทพฯ: สามัญชน, ๒๕๔๑ เนาวรัตน์ พงษ์ไพบลู ย์. คำ�หยาด. กรงุ เทพฯ: การเวก, ๒๕๒๑ เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์. ตากรุ้งเรืองโพยม. กรงุ เทพฯ: ก.ไก่, ๒๕๓๑ เนาวรัตน์ พงษ์ไพบลู ย์. ไม่รู้เลยว่ารัก. กรุงเทพฯ: เกี้ยว-เกล้า พิมพการ, ๒๕๔๘ เนาวรัตน์ พงษ์ไพบลู ย์. เพียงความเคลื่อนไหว. กรุงเทพฯ: เจ้าพระยา, ๒๕๑๙ เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์. ให้เธอทั้งหมดเท่าที่มี. กรุงเทพฯ: ณ ณางค์ ,๒๕๔๖ เนาวรัตน์ พงษ์ไพบลู ย์และโอษฐ์ วารีรักษ์. อยากจะบอกว่ารักสักเท่าฟ้า. กรงุ เทพฯ: ณ ณางค์, ๒๕๔๔ บทกวีคัดสรร ชุดที่ ๑. กรงุ เทพฯ: มูลนิธิสถาบันวิชาการ ๑๔ ตุลาคม, ๒๕๔๖ ประมวล โกมารทัต. ธารทอง. กรุงเทพฯ: กรุงไทยการพิมพ์, ๒๕๐๗ ประยอม ซองทอง. สุดสงวน. กรงุ เทพฯ: ต้นอ้อ, ๒๕๓๒ ปิ่น มาลากุล ม.ล., หลากหลายบทกลอนจาก ม.ล.ปิ่น มาลากุล จาก ยินยลแยก Permalink: http://www.oknation.net/blog/mettapc ปิยะพันธ์ จัมปาสตุ . เงาสะท้อน. กรุงเทพฯ: อักษรไทย, ๒๕๕๑ พนม นันทพฤกษ์. ทะเล ป่าภู และเพิงพัก. กรุงเทพฯ: มิ่งมิตร, ๒๕๔๑ พนมเทียน. ไพรมหากาฬ (เพชรพระอมุ า เล่ม ๑). กรงุ เทพฯ: ณ บ้านวรรณกรรม, ๒๕๓๘ พิมาน แจ่มจรัส. เขียน. กรุงเทพฯ: แสงดาว, ๒๕๕๖ พุทธทาส อินทปัญโญ. คำ�กลอนสอนธรรม. กรงุ เทพฯ: สื่อตะวัน, ๒๕๔๙ 75 บ ท ก วี ก ล า ง ด ว ง ใ จ
ไพบูลย์ วงษ์เทศ. หมายเหตรุ ่วมสมัย. กรุงเทพฯ: เจ้าพระยา, ๒๕๒๖ ไพวรินทร์ ขาวงาม. ม้าก้านกล้วย. กรงุ เทพฯ: แพรวสำ�นักพิมพ์, ๒๕๔๘ มะเนาะ ยเู ด็น. ข้ามขอบฟ้า. กรุงเทพฯ: ดับเบิ้ลนายน์, ๒๕๔๒ รยงค์ เวนุรักษ์. กระดังงากลีบไหน. กรุงเทพฯ: ประพันธ์สาส์น, ๒๕๑๓ รวี โดมพระจันทร์. ตื่นเถิดเสรีชน. กรงุ เทพฯ: ผู้จัดการ, ๒๕๒๗ แรคำ� ประโดยคำ�. น้ำ�พุรุ้ง. กรุงเทพฯ: รปู จันทร์, ๒๕๓๘ วาณิช จรงุ กิจอนันต์. บันทึกแห่งการเดินทาง. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์พิฆเณศ, ๒๕๒๒ วิทยากร เชียงกลู . ฉันจึงมาหาความหมาย. กรุงเทพฯ: ต้นหมาก, ๒๕๒๗ วิสา คัญทัพ. เราจะฝ่าข้ามไป. กรุงเทพฯ: พิราบ, ๒๕๓๒ ศักดิ์สิริ มีสมสืบ. มือนั้นสีขาว. ชัยนาท: ย่ามหนังสือ, ๒๕๓๑ ศักดิ์สิริ มีสมสืบ. ก็พอใจอยากจะรักให้นักหนา. กรงุ เทพฯ: แพรวสำ�นักพิมพ์, ๒๕๓๕ ศิวกานท์ ปทมุ สูติ. สร้อยสันติภาพ. กรุงเทพฯ: ต้นอ้อ, ๒๕๒๓ สนธิกาญจน์ กาญจนาสน์. โลก ชีวิต ความคิดและความรัก. กรงุ เทพฯ: สขุ ภาพใจ, ๒๕๒๗ สนธิกาญจน์ กาญจนาสน์. รวมบทกวี: สนธิกาญจน์ กาญจนาสน์.เว็บไซต์ สมาคมกวีร่วมสมัย www.kawethai.com สุจิตต์ วงษ์เทศ. เจ้าขนุ ทองไปปล้น. กรงุ เทพฯ: เจ้าพระยา, ๒๕๒๔ สจุ ิตต์ วงษ์เทศ ขรรค์ชัย บนุ ปาน. กเู ป็นนิสิตนักศึกษา. กรงุ เทพฯ: ประพันธ์สาส์น, ๒๕๑๒ สมุ าลี วีรวงศ์ และคนอื่นๆ. กวีนิพนธ์ไทยร่วมสมัย: บทวิเคราะห์และสรรนิพนธ์. กรงุ เทพฯ: เคล็ดไทย, ๒๕๔๔ สรุ ศักดิ์ ศรีประพันธ์ และคนอื่นๆ. ใบไม้แห่งนาคร. กรงุ เทพฯ: เฉลิมศักดิ์ ศิลาพร, ๒๕๑๖ เสกสรรค์ ประเสริฐกลุ . ฟองเวลา. กรงุ เทพฯ: สามัญชน, ๒๕๕๐ อดลุ จันทรศักดิ์ และคนอื่นๆ. นิล. กรุงเทพฯ: ศรีเมืองการพิมพ์, ๒๕๑๒ อร อักษรา. ฝนซาฟ้าสาง. กรุงเทพฯ: ต้นอ้อ, ๒๕๓๓ อังคาร กัลยาณพงศ์. กวีนิพนธ์. กรุงเทพฯ: ศึกษิตสยาม, ๒๕๑๓ อังคาร กัลยาณพงศ์. ปณิธานกวี. กรงุ เทพฯ: กะรัต ,๒๕๒๙ อัญชัน. ลายสือ. กรุงเทพฯ: ประพันธ์สาส์น, ๒๕๔๗ อชุ เชนี. ขอบฟ้าขลิบทอง. กรุงเทพ: ดวงกมล, ๒๕๒๓ เอนก แจ่มขำ�. คมคิดถึง. อบุ ลราชธานี: ยงสวัสดิ์ อินเตอร์กรุ๊ป จำ�กัด, ๒๕๒๒ 76 บ ท ก วี ก ล า ง ด ว ง ใ จ
แผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน ได้รับการสนับสนุนจากส�ำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) มบี ทบาทหน้าทใ่ี นการประสานกลไก นโยบาย และปัจจยั ขยายผลจากทง้ั ภาครฐั ภาคประชาสงั คม และภาคเอกชน ให้เออ้ื ต่อการขบั เคลื่อนการสร้างเสริมพฤตกิ รรมและวฒั นธรรมการอ่าน ให้เข้าถึงเดก็ เยาวชน และครอบครวั โดยเฉพาะ กลุ่มที่ขาดโอกาสในการเข้าถึงหนังสือ และกลุ่มท่ีมีความต้องการพิเศษ คณะกรรมการก�ำกับทศิ ทาง ที่ปรึกษา รศ.จุมพล รอดค�ำดี ศ.นพ.ไกรสิทธ์ิ ตันติศิรินทร์ ประธาน ภก.สงกรานต์ ภาคโชคดี รองประธาน รศ.พญ.อุมาพร สุทัศน์วรวุฒิ กรรมการ นายสุรินทร์ กิจนิตย์ชีว์ นางมัทนา ถนอมพันธ์ หอมละออ นางเตือนใจ ดีเทศน์ นายวิเชียร พงศธร นายเอ็นนู ซ่ือสุวรรณ นพ.ณรงค์ สายวงศ์ รศ.ดร.วิลาสินี อดุลยานนท์ ผู้แทนคณะกรรมการอาหารแห่งชาติ ผู้แทนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรรมการและเลขานุการ นายสง่า ดามาพงษ์ ผู้ช่วยเลขานุการ นางจงกลนี วิทยารุ่งเรืองศรี นายวุฒิพงษ์ ปรีดาภัทรพงษ์ …………………………………………น…าย…ธ…ีรว…ัฒ…น…์ …อภ…ิป…ร…ัชญ……าฐ…ิต…ิกุล… ………………น…า…งญ…า…ณ…ี …รัช…ต…บ…ริร…ัก…ษ…์ …………………… ผู้จัดการแผนงานฯ นางสุดใจ พรหมเกิด ร่วมสนับสนุนการขับเคล่ือนนโยบาย โครงการ และกิจกรรม เพื่อสร้างเสริมให้เกิดพฤติกรรมและวัฒนธรรมการอ่านเพ่ือสังคมสุขภาวะกับเราได้ที่ แผนงานสรา้ งเสรมิ วฒั นธรรมการอา่ น ๔๒๔ หมู่บ้านเงาไม้ ซอยจรัญสนิทวงศ์ ๖๗ แยก ๓ ถนนจรัญสนิทวงศ์ แขวงบางพลัด เขตบางพลัด กรุงเทพฯ ๑๐๗๐๐ โทรศัพท์ : ๐-๒๔๒๔-๔๖๑๖-๗ โทรสาร : ๐-๒๘๘๑-๑๘๗๗ E-mail : [email protected] Website : http://www.happyreading.in.th Facebook : http://www.facebook.com/happy2reading Twitter : http://www.twitter.com/happy2reading
รว่ มคดิ รว่ มเรยี นรู้ รว่ มสรา้ งวฒั นธรรมการอา่ น 78 บ ท ก วี ก ล า ง ด ว ง ใ จ
สามารถอ่านและดาว์นโหลด อา่ นสรา้ งสขุ ทกุ เล่ม ไดท้ ่ี www.happyreading.in.th 79 บ ท ก วี ก ล า ง ด ว ง ใ จ
Search