บทเรียนสำเร็จรูป เร่ืองกลุม่ คำ วิชาเสริมทักษะวิชาเสรมิ ทักษะภาษาไทย ๑ (ท๓๓๒๐๒) ช้ันมธั ยมศึกษาปี ท่ี ๖ ครนู งเยาว์ ไชยวัฒน์ ครผู ูส้ อน/วิทยฐานะชานาญการพเิ ศษ กล่มุ สาระการเรียนร้ภู าษาไทย โรงเรยี นสรุ วิทยาคาร จังหวัดสรุ ินทร์ สานักงานเขตพ้นื ที่การศึกษามธั ยมศึกษา เขต ๓๓ สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้นื ฐาน กระทรวงศึกษาธิการ ๑
คำช้แี จงกำรเรียน ๑. ศกึ ษาจุดประสงค์การเรยี นรู้ ๒. ทาแบบทดสอบก่อนเรยี น ๓. ศกึ ษาใบความรู้ ๔. ทาแบบทดสอบหลงั เรยี น ๕. นกั เรยี นต้องไมด่ ูเฉลยก่อนทาแบบทดสอบ ทง้ั ๒ ชุด ๒
จุดประสงคก์ ำรเรียนรู้ ด้านความรคู้ วามเข้าใจ (K) ๑. บอกความหมายของกล่มุ คาได้ถกู ต้อง ๒. บอกชนดิ ของกล่มุ คาได้ถกู ต้อง ด้านทักษะกระบวนการ (P) ๑. วิเคราะห์กล่มุ คาท่ีพบในภาษา ด้านเจตคติ (A) ๑. นักเรียนใฝ่ เรียนร้แู ละความม่งุ มนั่ ในการทากิจกรรมท่ีเรียน ๒. นกั เรียนปฏิบตั ิตามข้ันตอนได้อย่างมวี ินยั ซ่ือสัตย์ ๓. นักเรียนเห็นคุณค่าของการนาความร้ไู ปใช้ในชีวิตประจาวัน ๓
แบบทดสอบก่อนเรียน เร่ือง กลุม่ คำ คาช้แี จง ใหน้ ักเรียนเลอื กคำตอบทถี่ ูกท่สี ดุ เพียงขอ้ เดียว ข้อท่ี 1 กลุม่ คำในขอ้ ใดเปน็ ประธำนในประโยค 1. ปลอกหมอนสีเหลืองใบนน้ั ราคาแพงมาก 2. เขาเปน็ นักกีฬาทมี ชาติ 3. ฉันชอบรถคนั นี้ 4. ทุกคนพยายามมองตารวจ ข้อท่ี 2 จงตั้งใจเรยี นให้ดี \"เช่นเดียวกบั \"พข่ี องเธอกลุ่มคำท่อี ยู่ในทำหน้ำทอ่ี ะไร 1. เชื่อมคากริยากบั คานาม 2. เชอ่ื มนามกับนาม 3. เชื่อมวเิ ศษณ์กบั สรรพนาม 4. เชอื่ มวิเศษณ์กับนาม ข้อที่ 3 ขอ้ ใดเป็นกล่มุ คำ 1. นา้ ใจ 2. น้าคา 3. น้าไหล 4. น้าในคลอง ๔
ขอ้ ที่ 4 ขอ้ ใดเป็นกลุม่ คำนำม 1. หนังสือนวนิยาย 2. รวดเรว็ มาก 3. พวกเรานกั กีฬา 4. ทา่ นทั้งหลาย ข้อท่ี 5 ข้อใดไม่ใช่กลุม่ คำ 1. ทงุ่ ขา้ วเขียวขจี 2. ยางขาวถลาบนิ 3. ในน้าใสใตส้ ันตวา 4. จิกปลากินเกาะกิ่งหว้า ขอ้ ท่ี 6 เขำเฝำ้ รอจนกระทง่ั มะมว่ งสกุ หลน่ ลงมำ ประโยคน้ีมกี ลุ่มคำอะไร 1. บพุ บท 2. สันธาน 3. วิเศษณ์ 4. นาม ข้อที่ 7 เขา \"คกุ เข่ำออ้ นวอนขอควำมรกั \" กลมุ่ คำนีท้ ำหนำ้ ท่อี ะไรในประโยค 1. กรรม 2. ขยายประธาน 3. ภาคแสดง 4. ขยายภาคแสดง ๕
ข้อที่ 8 \"ทำ่ นผู้ฟงั ทัง้ หลำย\"รำยกำรต่อไปน้เี ปน็ คำปรำศรยั จำกหวั หนำ้ พรรคกลุ่มคำท่อี ย่ใู น เคร่อื งหมำยทำหน้ำทอี่ ะไร 1. ประธาน 2. ขยายประธาน 3. คาเรยี กขาน 4. สว่ นเติมเตม็ ข้อที่ 9 ขอ้ ใดเป็นกลุ่มคำวเิ ศษณ์ 1. เขาเป็นคนดี 2. บ้านใหญ่โตมโหฬารมาก 3. ผา้ ปโู ต๊ะอาหาร 4. เธอเหมือนตุก๊ ตาชาววงั ข้อที่ 10 ประโยคในขอ้ ใดมสี ่วนเตมิ เตม็ 1. เธอชอบรับประทานอาหารหวาน 2. ตารวจเป็นบคุ คลท่ีมีระเบยี บวนิ ัย 3. กวางไดเ้ งินจานวนมากจากการชกมวย 4. นักเรียนส่วนมากแต่งกายถูกระเบยี บ ๖
ใบควำมรู้เรื่อง กลุม่ คำ ใหันักเรียนศึกษาใบความรู้ กล่มุ คา กล่มุ คา ความหมายของกล่มุ คา กลุม่ คำ คือ ขอ้ ความท่ีเกดิ จากการนาคาต้ังแต่สองคาข้นึ ไปมาเรียงตดิ ตอ่ กนั ทาให้เกิด ความหมายเพ่มิ ข้นึ ตามความหมายของคาเดมิ ทน่ี ามารวมกนั แตเ่ ป็นความหมายพอเปน็ ทเ่ี ขา้ ใจได้ ยังไม่สมบรู ณ์เปน็ ประโยค และไม่เกดิ เป็นคาใหมช่ นดิ ใดชนดิ หนง่ึ คือ คาประสม คาซอ้ น คาซา้ คาสมาส หรือคาสนธิ ชนิดของกลมุ่ คำ วลีหรอื กลมุ่ คาในภาษาไทยจาแนกไดเ้ ปน็ 7 ชนดิ ตามชนิดของคาทปี่ รากฏในตาแหน่งตน้ ของวลี ดังน้ี 1. นำมวลี เช่น นกขนุ ทอง ผา้ ทอพ้นื บ้าน หนองขาว พนักงานโรงงานผลติ หนอ่ ไม้ กระป๋อง 2. สรรพนำมวลี เชน่ เราทุกคน ทา่ นคณะกรรมการสภาประจาสถาบนั ราชภฏั - กาญจนบุรี ขา้ เบื้องยคุ ลบาท 3. กริยำวลี เชน่ โตแ้ ย้งทุ่มเถียง เหน็ดเหนื่อยเมอ่ื ยล้า อดิ หนาระอาใจกาลงั โคง้ คารวะ 4. วิเศษณว์ ลี เชน่ ก้องกังวาน ท่ใี ชข้ ยายคานามในคาว่า เสียงกอ้ งกงั วาน สดุ ที่จะ พรรณนา ขยายคากริยาวา่ สวย ในคาว่า สวยสดุ ท่ีจะพรรณนา 5. บุพบทวลี เชน่ ท่ามกลางฝูงชน จากคนบ้านไกล ตามคาสั่งสอน 6. สันธำนวลี เชน่ ถงึ อยำ่ งไรกต็ ำม ในระหวำ่ งที่ ถำ้ หำกวำ่ 7. อุทำนวลี เช่น พทุ โธเ่ อย๋ ! ตาเถรตกนา! อกอีแปน้ แตก! ๗
หน้าท่ีของกล่มุ คา กลุ่มคาท่ที าหน้าทตี่ ่างๆ ในประโยคเช่นเดียวกับคาชนิดตา่ งๆ ดงั นี้ 1. กลมุ่ คาที่ใชเ้ หมือนคานาม - สภาพเศรษฐกจิ ของพมา่ ตกอยใู่ นฐานะลาบากมาก (เปน็ ประธาน) - แนวปะการังนั้นเป็นแหล่งทีน่ า่ สนใจศกึ ษา (เปน็ ประธาน) 2. กลุ่มคาทใ่ี ช้เหมือนสรรพนาม - ท่านให้เกียรตแิ ก่พวกเราทุกคน (เป็นกรรม) - คณะนักกีฬาเหล่านั้นจะออกเดินทางวนั นี้ (เป็นประธาน) 3. กลมุ่ คาทใ่ี ช้เหมือนคากรยิ า - เขากาลงั นอนหลบั ป๋ยุ อย่างสบายบนเตียงนอน (เป็นตัวแสดง) - เดก็ น้อยน่ังเขยา่ ตวั ไปตามจังหวะเพลง (เปน็ ตัวแสดง) 4. กลุ่มคาทใี่ ชเ้ หมือนคาบุพบท - เขานอนอา่ นหนงั สอื อยแู่ ถวๆขา้ งหลังบ้าน (เชอ่ื มคากรยิ ากบั นาม) - เขากันเงนิ สว่ นหนึ่งสาหรับเพือ่ หาเสียง (เชอ่ื มกล่มุ คานามกับคากริยา) 5. กลมุ่ คาทใ่ี ชเ้ หมือนคาวเิ ศษณ์ - หล่อนเป็นคนท่ีมีจิตใจม่ันคงเขม้ แข็งมาก ( เป็นตวั ขยายนาม) - หลายต่อหลายคร้ังท่ีเขาทาให้เราผิดหวัง (เปน็ ตวั ขยายกริยา) 6. เปน็ กล่มุ คาท่ีใช้เหมือนคาสนั ธาน - เขายงั อดทนสตู้ อ่ ไป ถึงแมว้ ่ากาลงั เขาจะถดถอยลงไปทุกวัน (เชอ่ื มประโยคกับประโยค) - น้าในเขื่อนลดลงไปมาก เพราะฉะน้ันจงึ ควยชว่ ยกนั ประหยัดน้า (เชอ่ื มประโยคกับประโยค) 7. กลมุ่ คาท่ีใช้เหมือนคาอทุ าน - อะไรกนั นกั กนั หนา! จะเก็บเงินอีกแล้วหรือน่ี - โอ๊ยตายแล้ว! ลืมปดิ แก๊ส ๘
กลุม่ คา กลมุ่ คำหรอื วลี หมายถงึ ข้อความที่เกิดจากการนาคาตงั้ แต่ ๒ คาข้นึ ไปมาเรียงติดต่อกนั และทาให้เกิดคาที่มีความหมายซงึ่ สามารถเปน็ ที่เขา้ ใจได้ แต่ “คา หรอื วลี” จะยังไมไ่ ด้ใจความ สมบรู ณ์เหมอื นประโยค ลองดูตัวอยา่ งตอ่ ไปนี้ค่ะ คำ กลุ่มคำ / วลี ประโยค พ่อคา้ พ่อคา้ ขายส่ง พ่อค้ำขำยส่ง มักขายสนิ ค้าราคาถูก กาแพง กาแพงเมืองจนี กำแพงเมืองจีน มีความยาวหลายรอ้ ยกิโลเมตร น่ัง น่ังร้องไห้ เดก็ นงั่ ร้องไห้อยใู่ ตต้ น้ ไม้ โรงเรียนโรงเรียนเตรียมทหารความฝันของเด็กผ้ชู ายคือการสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหำร นก นกเขาชวา มานะสง่ นกเขำชวำเข้าร่วมการแขง่ ขัน จากตวั อยา่ งขา้ งตน้ จะเห็นวา่ ๑. คำ และวลแี ตกต่ำงกันทขี่ นำด เพราะ “ คา” คือเสียงท่เี ปล่งออมาแลว้ มคี วามหมาย อาจมพี ยางค์เดียว หรือหลายพยางคก์ ็ได้ ส่วน “ วลี” มีตั้งแต่ ๒ คาขนึ้ ไป จงึ มีความหมายมากกวา่ “ คา” ๒. วลี และประโยคตำ่ งกนั ทีใ่ จควำม เพรำะ “ วล”ี มีใจความอย่างเดยี วเหมอื นกับ “ คา” นอกจากน้แี ลว้ “ วล”ี ยงั เป็นเพียงส่วนหนงึ่ ของ “ ประโยค” ๓. “ประโยค” เป็นส่วนท่ใี จควำมสมบูรณ์ท่ีสุด เพราะมที ั้งภาคประธาน และภาคแสดง ในขณะท่ี “ คา” และ “ วล”ี อย่างที่บอกไปคะ่ วา่ เป็นเพียงส่วนหน่ึงของ “ ประโยค” เทา่ น้นั ลักษณะของกล่มุ คา ภำษำไทยเปน็ ภำษำคำโดด คือ คาแตล่ ะคาจะมีเพยี งรปู เดียว ไม่ว่าจะทาหน้าที่ใดใน ประโยคก็ตาม ซงึ่ แตกตา่ งจากภาษาอังกฤษทม่ี กี ารเปลย่ี นแปลงรปู คาเพือ่ บอกหน้าทขี่ องแต่ละ คา เช่น “กนิ ” ในขณะทภ่ี าษาอังกฤษจะมี eat, eating, will eat ๙
การสังเกตชนิดและหนา้ ที่ของคาในภาษาไทย ให้พิจารณาจากการเรยี งลาดบั คา และ ความหมายเป็นสาคญั เพราะ คา ๆ เดียวกัน อาจทาหน้าทเี่ ปน็ กลมุ่ คำ คำประสม หรอื ประโยคก็ ได้ ดูตัวอย่างตอ่ ไปนี้ ๑. ปำกกำ - ปำกกำตัวทเ่ี กาะบนตน้ ไมม้ ีสขี าว ปากกา ในทีน่ ้หี มายถึง ปากของกาซึง่ เปน็ นกชนิดหน่ึง (ปากกา เปน็ กลุ่มคา) - ปำกกำด้ามน้รี าคาแพง ปากกา ในทนี่ ห้ี มายถึง เคร่อื งมือในการเขยี นหนังสือ (ปากกา เปน็ คาประสม) ๒. ลกู เสือ - ลกู เสอื ตวั นซี้ นมาก ลูกเสือ ในท่นี ี้หมายถงึ ลูกของเสือซึง่ เปน็ สัตว์ปา่ (ลูกเสือ เปน็ กลมุ่ คา) - ลูกเสอื เปน็ วชิ าบังคบั ของเดก็ ผ้ชู าย ลกู เสือ ในที่นี้หมายถงึ กิจกรรมทีโ่ รงเรยี นกาหนดให้นกั เรียนเข้ารว่ ม (ลูกเสอื เปน็ คาประสม) ๓. พัดลม - เขา พดั ลมไล่ควันท่อี บอวนในเตาถ่าน พัด เป็นกริยา / ลม เป็นกรรม (พัดลม เป็น กล่มุ คา) - เขาชอบนอนเปิด พดั ลม พัดลม ในที่นห้ี มายถึง เครอ่ื งใช้ไฟฟา้ ที่ทาให้เกิดลม (พัดลม เปน็ คาประสม) ๔. ข้ำวเยน็ - เขาชอบกนิ ขา้ วร้อนมากกว่า ข้ำวเย็น ขา้ วเยน็ ในท่ีน้หี มายถงึ ขา้ วทีห่ ุงไวน้ านแลว้ (ข้าวเยน็ เป็น กลุ่มคา) - ฉันกิน ข้ำวเยน็ เวลา ๒๐.๐๐ น. ขา้ วเยน็ ในทีน่ ีห้ มายถงึ ข้าวท่ีรบั ประทานในเวลาเยน็ (ข้าวเยน็ เปน็ คาประสม) - ขา้ ว เย็นมำกแล้วตอ้ งอนุ่ ใหม่ ข้าว เปน็ ประธาน เยน็ เปน็ กรยิ า (ข้าวเย็น เป็น ประโยค) ลองพิจารณา “คา” และ “กลมุ่ คา” ตอ่ ไปน้คี ะ่ จะได้เห็นภาพที่ชัดเจนมากยิง่ ขนึ้ ๑๐
คำ กลุ่มคำ/วลี แกว้ แกว้ มังกร แก้วหน้ามา้ แก้วสารพดั นึก ไม้ ไม้หน้าสาม ไม้เรียว ไม้ถพู ื้น ผา้ ผา้ ปา่ สามคั คี ผ้าขร้ี ิว้ หอ่ ทอง ผา้ ไหมสรุ ินทร์ เหนือ เหนือฟ้ายงั มฟี ้า เหนอื จริง เหนอื ใตอ้ อกตก ฉลาดฉลาดเฉลียว ฉลาดแกมโกง ฉลาดแสนกล จาก คาทพ่ี ่ยี กตัวอยา่ งมาให้ดูนี้ จะเหน็ ว่า “กลุ่มคา/วลี” มีความหมายเพม่ิ มากข้ึนกว่า “คา” แตอ่ ย่างไรกต็ าม “กล่มุ คา/วลี” ยงั ไมม่ ีความหมายท่ีสมบรู ณ์เหมือนกบั “ประโยค” น่นั เอง ค่ะ หนา้ ท่ีของกล่มุ คา กลุ่มคาทาหน้าท่ีเชน่ เดยี วกับคาท้ัง ๗ ชนิด ดังนี้ ๑. กลุ่มคาท่ีทาหน้าท่ีเหมือนคานาม (นามวลี) ทาหนา้ ทเ่ี ช่นเดยี วกับคานาม คือ เปน็ ประธาน เป็นกรรม เป็นส่วนเติมเตม็ เปน็ ส่วนขยายคานาม และเป็นคาเรยี กขาน เช่น กลุ่มคำ/วลี เมอื่ ใช้ในประโยค หนำ้ ทข่ี องวลี ในประโยค โรงเรียนเตรียมทหาร โรงเรียนเตรยี มทหำร มนี ักเรียนหลายร้อยคน เปน็ ประธาน ฟตุ บอประเพณี จุฬาฯ และธรรมศาสตร์รว่ มแข่งขัน ฟตุ บอลประเพณี เป็นกรรม เรอื นไทยโบราณ ศาลาหลงั นน้ั คอื เรือนไทยโบรำณ เป็นส่วนเตมิ เตม็ ดอกบวั สชี มพู ภาพถ่ายดอกบวั สชี มพูมคี นขโมยไปแลว้ เป็นสว่ นขยาย คานาม ตอนเช้าวันอาทิตย์ ฉนั ไปทาบุญทีว่ ดั ตอนเชำ้ วันอำทิตย์ เปน็ สว่ นขยายตัว แสดง ประชาชนทั้งหลาย ประชำชนท้งั หลำย ถงึ เวลาแล้วทเี่ ราต้องต่อสู้กบั การ เป็นคาเรยี กขาน คอร์รปั ชน่ั ๑๑
๒. กลมุ่ คำทที่ ำหน้ำที่เหมอื นคำสรรพนำม (สรรพนำมวลี) ทาหน้าทีเ่ ช่นเดยี วกับ คาสรรพนาม คือ เป็นประธาน เปน็ กรรม เปน็ ส่วนเติมเต็ม และเป็นคาเรยี กขาน เชน่ กลมุ่ คำ/วลี เมอื่ ใชใ้ นประโยค หน้ำทข่ี องวลใี นประโยค เธอทุกคน เธอทุกคน ต้องตั้งใจฟงั ครูอธิบาย เป็นประธาน เราทุกคน เขาไม่พอใจเรำทุกคน เป็นกรรม พวกท่านทงั้ หลายบุคคลท่ีจะสอบไดค้ อื พวกท่านทั้งหลำยเปน็ ส่วนเตมิ เต็ม ท่านผู้มีเกียรติ ท่ำนผ้มู ีเกียรติ กรณุ าอยู่ในความสงบ เปน็ คาเรียกขาน ๓. กลมุ่ คำทที่ ำหน้ำทเ่ี หมือนคำกรยิ ำ (กรยิ ำวลี) ทาหนา้ ทีเ่ ชน่ เดียวกบั คากรยิ า คือ เป็น ประธาน เปน็ ตัวแสดง (กริยา) เป็นส่วนขยายคานาม และเป็นสว่ นขยายตัวแสดง เชน่ กลมุ่ คำ/วลี เมอื่ ใชใ้ นประโยค หนำ้ ที่ของวลีในประโยค บ่นพมึ พา บ่นพึมพำ เป็นลักษณะของผสู้ งู อายุเปน็ ประธาน นัง่ เหมอ่ ลอย ผชู้ ายคาน้นั นั่งเหม่อลอย เปน็ ตัวแสดง เทย่ี วเมืองไทย คณุ แม่อา่ นสารคดีเทย่ี วเมืองไทย เปน็ ส่วนขยายคานาม ชักแมน่ ้าทง้ั ห้าเธอพูดชักแมน่ ำ้ ทั้งหำ้ ตลอดเวลา เปน็ สว่ นขยายตัวแสดง ๔. กลุม่ คำทท่ี ำหน้ำท่เี หมอื นคำวิเศษณ์ (วเิ ศษณ์วลี) ทาหนา้ ที่เชน่ เดียวกบั คาวิเศษณ์ คอื เปน็ สว่ นขยายคานาม เปน็ ส่วนขยายคาสรรพนาม เปน็ ส่วนขยายตวั แสดง เป็นส่วนขยายคา วเิ ศษณ์ เช่น กลมุ่ คำ/วลี เม่ือใช้ในประโยค หน้ำทข่ี องวลใี นประโยค กลา้ หาญชาญชัยคนกล้ำหำญชำญชัยจะทางานด้วยใจเข้มแข็งเป็นสว่ นขยายคานาม ทกุ ๆ คน เราทุก ๆ คน ควรทาแตค่ วามดี เปน็ ส่วนขยายคาสรรพนาม ทง้ิ ๆ ขว้าง ๆ เราเลย้ี งลูกแบบท้ิง ๆ ขวำ้ ง ๆ เป็นสว่ นขยายตวั แสดง ในช่วั พริบตา โจรขโมยของไปเร็วในชวั่ พรบิ ตำ เปน็ ส่วนขยายคาวิเศษณ์ ๑๒
๕. กลุ่มคำทท่ี ำหน้ำทเ่ี หมอื นคำบุพบท (บุพบทวลี) ทาหนา้ ท่ีเช่นเดยี วกบั คาบพุ บท คอื เชอ่ื มกล่มุ คากรยิ ากับคานาม เช่ือมกลุม่ คากริยากับคาสรรพนาม เชือ่ มกลุ่มคากบั คานาม และ เชอ่ื มคาวิเศษณ์กับคานาม เช่น กลมุ่ คำ/วลี เมื่อใชใ้ นประโยค หน้ำที่ของวลใี นประโยค ท่ามกลาง นกั โทษยืนซึมทำ่ มกลำงหอ้ งพจิ ารณาคดี เชอ่ื มกลุม่ คากริยา กบั คานาม เฉพาะกับ คณุ ครพู ดู เสียงดังเฉพำะกับฉนั เทา่ นั้น เชอ่ื มกลมุ่ คากรยิ า กับคาสรรพยาม ต่อหนา้ การตาหนติ ่อหน้ำบุคคลอื่นเปน็ สิง่ ทไ่ี ม่ควรกระทาเชอื่ มกลุม่ คา กับคานาม ประหนึง่ เป็นเขาร้องเพลงเพราะประหน่ึงเป็นนักรอ้ งอาชพี เชือ่ มคาวิเศษณ์ กบั คานาม ๖. กลุ่มคำที่ทำหนำ้ ท่ีเหมือนคำสันธำน(สนั ธำนวลี) ทาหน้าที่เช่นเดียวกบั คาสันธาน คือ เชอ่ื มประโยคกบั ประโยค เชอ่ื มกลุม่ คานามกับคากริยา เชน่ กลุม่ คำ/วลี เมอ่ื ใช้ในประโยค หนำ้ ท่ขี องวลใี น ประโยค จนกระทงั่ รกั ชาติอา่ นหนังสือ จนกระทัง่ สอบเข้าโรงเรียนเตรยี มทหารได้เช่อื มประโยค กับ ประโยค ในขณะท่ี การเท่ยี วกลางคนื ในขณะท่ีกาลงั สอบย่อมไมเ่ ปน็ ผลดี เชอื่ มกลุ่มคานาม กับกล่มุ คากริยา ๗. กลมุ่ คำทท่ี ำหนำ้ ท่เี หมือนคำอุทำน (อุทำนวลี) ทาหนา้ ที่เช่นเดียวกบั คาอุทาน แต่ เนือ่ งจากคาอุทานไมไ่ ดท้ าหน้าทใี่ นประโยคเหมอื นคาชนดิ อ่นื ๆ คือไม่ได้ทาหน้าที่ขยายคานาม ขยายคากรยิ า หรอื เปน็ บทเชอ่ื มในประโยค อย่างไรก็ตาม แม้วา่ คาอุทานจะไม่ได้ทาหน้าทใ่ี น ประโยค แตส่ ามารถใช้ให้สอดคล้องกับเนอื้ ความในประโยค กล่มุ คำ/วลี เมอื่ ใช้ในประโยค โอ้ อนจิ จา! โอ้ อนิจจำ ! คนใจร้ายเอาเดก็ มาน่ังขอทาน โธ่ กรรมเวร !โธ่ กรรมเวร ! เพิ่งลืมตามาดูโลกไดไ้ มน่ านก็มาพลันตาย ๑๓
แบบทกสอบหลงั เรียน เร่ือง กลุม่ คำ คาชแ้ี จง ใหน้ ักเรยี นเลือกคำตอบทถี่ กู ท่สี ดุ เพียงขอ้ เดยี ว ขอ้ ที่ 1 ข้อใดเปน็ กลมุ่ คำ 1. นา้ ใจ 2. นา้ คา 3. นา้ ไหล 4. นา้ ในคลอง ขอ้ ท่ี 2 ขอ้ ใดเปน็ กล่มุ คำนำม 1. หนังสือนวนิยาย 2. รวดเรว็ มาก 3. พวกเรานักกีฬา 4. ทา่ นท้ังหลาย ข้อท่ี 3 ข้อใดเปน็ กลุ่มคำวิเศษณ์ 1. เขาเป็นคนดี 2. บา้ นใหญ่โตมโหฬารมาก 3. ผา้ ปโู ต๊ะอาหาร 4. เธอเหมอื นตุ๊กตาชาววงั ขอ้ ที่ 4 ประโยคในขอ้ ใดมสี ่วนเตมิ เตม็ 1. เธอชอบรับประทานอาหารหวาน 2. ตารวจเปน็ บคุ คลทม่ี ีระเบยี บวินัย 3. กวางไดเ้ งนิ จานวนมากจากการชกมวย 4. นกั เรยี นสว่ นมากแตง่ กายถกู ระเบยี บ ๑๔
ขอ้ ท่ี 5 ข้อใดไม่ใช่กลุ่มคำ 1. ทุ่งข้าวเขยี วขจี 2. ยางขาวถลาบนิ 3. ในน้าใสใตส้ นั ตวา 4. จิกปลากินเกาะกิง่ หว้า ข้อที่ 6 เขำเฝำ้ รอจนกระทง่ั มะมว่ งสกุ หล่นลงมำ ประโยคนี้มกี ลุม่ คำอะไร 1. บุพบท 2. สนั ธาน 3. วิเศษณ์ 4. นาม ข้อท่ี 7 เขา \"คกุ เข่ำอ้อนวอนขอควำมรกั \" กลมุ่ คำนท้ี ำหน้ำทอ่ี ะไรในประโยค 1. กรรม 2. ขยายประธาน 3. ภาคแสดง 4. ขยายภาคแสดง ข้อที่ 8 กลุ่มคำในข้อใดเปน็ ประธำนในประโยค 1. ปลอกหมอนสีเหลืองใบนน้ั ราคาแพงมาก 2. เขาเป็นนกั กีฬาทมี ชาติ 3. ฉันชอบรถคนั น้ี 4. ทุกคนพยายามมองตารวจ ๑๕
ข้อที่ 9 จงต้งั ใจเรียนให้ดี \"เช่นเดียวกบั \"พข่ี องเธอกล่มุ คำทอ่ี ยู่ในทำหน้ำที่อะไร 1. เชอ่ื มคากรยิ ากบั คานาม 2. เช่อื มนามกบั นาม 3. เชอ่ื มวิเศษณก์ บั สรรพนาม 4. เชอื่ มวเิ ศษณก์ ับนาม ขอ้ ที่ 10 \"ทำ่ นผู้ฟังทง้ั หลำย\"รำยกำรต่อไปนี้เป็นคำปรำศรยั จำกหัวหนำ้ พรรคกลุ่มคำท่ีอย่ใู น เคร่อื งหมำยทำหนำ้ ท่ีอะไร 1. ประธาน 2. ขยายประธาน 3. คาเรียกขาน 4. ส่วนเตมิ เต็ม ๑๖
นักเรยี นทำแบบทดสอบเสรจ็ แล้ว มำดูเฉลยนะคะ ๑๗
เฉลยแบบทกสอบก่อนเรียน เรื่อง กลุม่ คำ 1. 1 2. 3 3. 4 4. 1 5. 2 6. 2 7. 3 8. 3 9. 1 10. 2 เฉลยแบบทกสอบหลงั เรียน เร่ือง กลุม่ คำ 1. 4 2. 1 3. 1 4. 2 5. 2 6. 2 7. 3 8. 1 9. 3 10. 3 ๑๘
เอกสำรอ้ำงองิ กรมวชิ าการ กระทรวงศกึ ษาธิการ. (๒๕๔๖). หนังสอื เรียนสำระกำรเรียนรู้พน้ื ฐำน กลมุ่ สำระกำรเรยี นรู้ภำษำไทย สำรัตถสมั พนั ธ์ เลม่ ที่ ๑ ชนั้ มัธยมศึกษำ ปีที่ ๑ ช่วงชัน้ ท่ี ๓ (ม.๑-ม.๓). (พมิ พค์ รั้งท่ี ๑). กรงุ เทพฯ: โรงพมิ พค์ ุรสุ ภา. กรมวิชาการ กระทรวงศกึ ษาธิการ. (๒๕๔๔). หนงั สือเรียนภำษำไทย ท ๒๐๓ ท ๒๐๔ หลกั ภำษำไทย เลม่ ๒. (พมิ พค์ รง้ั ท่ี ๑๖). กรงุ เทพฯ: โรงพิมพค์ รุ สุ ภา. กรมวชิ าการ กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. (๒๕๔๔). หนังสอื เรยี นภำษำไทย ท ๓๐๕ ท ๓๐๖ หลกั ภำษำไทย เลม่ ๓. (พิมพค์ รัง้ ท่ี ๑๔). กรงุ เทพฯ: โรงพมิ พค์ รุ ุสภา. ประวณี า มีชอบธรรม. (๒๕๔๔). ภำษำไทย (บงั คับ). (พิมพ์คร้ังที่ ๑). กรุงเทพฯ: โรงพมิ พศ์ นู ยห์ นงั สอื เมอื งไทย. พรทพิ ย์ แฟงสตุ . (๒๕๔๔). รวมหลักภำษำไทย ม.ต้น. กรุงเทพฯ: สานกั พิมพฟ์ สิ ิกส์ เซน็ เตอร์ ยศ พนสั สรณ์. (๒๕๓๖). ภาษาไทย ม.ต้น (ฉบบั เตรียมสอบ). กรงุ เทพฯ: บริษัท สานักพิมพ์แมค็ จากดั . วสุณี รักษาจันทร์. หลักภำษำไทย ม.๑. กรุงเทพฯ: บรษิ ทั สานกั พมิ พเ์ ดอะบคุ ส์ จากดั . พจนานกุ รม ฉบบั ราชบัณฑติ ยสถาน พ.ศ. ๒๕๔4 http://rirs3.royin.go.th/dictionary.asp ศนู ยส์ ารสนเทศ ราชบัณฑติ ยสถาน ๑๙
บทเรยี นสาเร็จรปู เร่ืองกล่มุ คา วิชาเสรมิ ทักษะวิชาเสริมทักษะภาษาไทย ๑ (ท๓๓๒๐๒) ช้ันมธั ยมศึกษาปี ที่ ๖ ครนู งเยาว์ ไชยวัฒน์ ครผู ูส้ อน/วิทยฐานะชานาญการพเิ ศษ กล่มุ สาระการเรียนร้ภู าษาไทย โรงเรียนสรุ วิทยาคาร จังหวัดสรุ ินทร์ สานักงานเขตพ้นื ที่การศึกษามธั ยมศึกษา เขต ๓๓ สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้นื ฐาน กระทรวงศึกษาธิการ ๒๐
Search
Read the Text Version
- 1 - 20
Pages: