Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ความรู้เกี่ยวกับศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ

ความรู้เกี่ยวกับศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ

Published by nisarattraiyawong, 2020-07-27 04:51:28

Description: ความรู้เกี่ยวกับศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ

Search

Read the Text Version

พิพธิ ภัณฑ์ธรรมชาติที่มชี วี ติ ศูนยศ์ ึกษาการพัฒนาอันเน่ืองมาจากพระราชดําริ เรยี บเรยี ง/นําเสนอโดย นิศารศั มิ์ ไตรยวงค์ งานส่งเสรมิ การจดั การศึกษาตามอัธยาศัย ห้องสมุดประชาชน “ เฉลิมราชกมุ าร”ี อําเภอวงั ทรายพูน สังกัด กศน.อําเภอวงั ทรายพูน

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิพลอดลุ เดช (ในหลวงรชั กาล ที่ ๙) ทรงพระราชทานพระราชดํารใิ ห้จัดตั้ง ศูนย์ศึกษาการพฒั นาอันเน่ือง มาจากพระราชดําริ ข้ึนครง้ั แรกในปี พ.ศ. ๒๕๒๒ เพอื่ เป็นแหล่งรวบรวม สรรพวชิ าการด้านเกษตรกรรม ปจั จุบันมี ๖ ศูนย์ ทําหน้าที่เสมอื น “พพิ ธิ ภัณฑ์ธรรมชาติท่ีมชี ีวติ ” เป็นศูนยศ์ ึกษาพฒั นาต้นแบบเรยี นรูศ้ าสตร์ พระราชาอย่างย่ังยืน โดย “...เป็นการสาธติ การพฒั นาเบ็ดเสรจ็ หมายถึงวา่ ทุกสิ่งทุกอย่างด้าน ของประชาชนท่ีจะหาเลี้ยงชีพในท้องที่จะทําอยา่ งไร และได้เห็นวทิ ยาการ แผนใหม่ ท่ีจะสามารถหาดูวธิ กี ารจะทํามาหากินให้มปี ระสิทธภิ าพ…” “...ด้านหน่ึงก็เป็นจดุ ประสงค์ของศูนย์ศึกษาฯ ก็เป็นสถานที่สําหรบั ค้นควา้ วจิ ยั ในท้องท่ี เพราะวา่ แต่ละท้องท่ี สภาพฝนฟา้ อากาศ และ ประชาชนในท้องที่ต่าง ๆ กัน ก็มลี ักษณะแตกต่างกันมากเหมอื นกัน…”

“...กรม กองต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับชวี ติ ประชาชนทุกด้าน ได้สามารถแลกเปล่ียนความคิดเห็นปรองดองกันประสานงานกันตาม ธรรมดาแต่ละฝา่ ยต้องมศี ูนย์ที่รวบรวมกําลังทั้งหมดของเจ้าหน้าที่ ทุกกรม กอง ทั้งในด้านการเกษตรหรอื ด้านสังคม ทั้งในด้านหางาน การส่งเสรมิ การศึกษามาอยู่ด้วยกัน ก็หมายความวา่ ประชาชน ซ่งึ จะต้องใช้วชิ าการทั้งหลายก็สามาถที่จะมาดู ส่วนเจ้าหน้าที่จะให้ความ อนุเคราะห์แก่ประชาชนก็มาอยู่พรอ้ มกัน ในพนื้ ท่ีเดียวกันเหมอื นกัน ซ่งึ เป็นสองด้าน ก็หมายถึงวา่ ที่สําคัญปลายทาง คือประชาชนจะได้รบั ประโยชน์ และต้นทางของผูเ้ ปน็ เจา้ หน้าที่จะให้ประโยชน์…” พระราชดํารัสของพระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหา ภมู พิ ลอดุลยเดช (ในหลวงรัชกาลที่ ๙) ณ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วย ทราย อันเนื่องมาจากพระราชดําริ เมือ่ วันท่ี ๑๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๒๖ ๒

เปา้ หมายท่ีสําคัญ ในการวางรากฐานการพฒั นาของพระบาท สมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช (ในหลวงรชั กาลที่ ๙) คือ ความเปน็ อยู่ท่ีดีข้ึนของราษฎร ชุมชนเข้มแข็ง ประชาชนสามารถพ่งึ ตน เองได้ ดังพระราชดํารสั “...การพฒั นาจะต้องเป็นไปตามภมู ปิ ระเทศทางภมู ศิ าสตรใ์ น สังคมวทิ ยา ภมู ปิ ระเทศตามสังคมวทิ ยา คือ นิสัยใจคอของคนเราจะไป บังคับให้คนคิดอยา่ งอ่ืนไมไ่ ด้ เราต้องแนะนํา เราต้องเข้าไปช่วยคน โดย ที่จะคิดให้เขาเข้ากับเราไมไ่ ด้ แต่ถ้าเราเข้าไปแล้ว เราเข้าไปดวู า่ เขา ต้องการอะไรจรงิ ๆ แล้วก็อธบิ ายให้เขาเข้าใจหลักการของการพฒั นาน้ี ก็จะเกิดประโยชน์อยา่ งยิ่ง” ๓

● การจดั ต้ัง และสภาพปัญหาของศูนยศ์ ึกษาการพฒั นา อันเน่ืองมาจากพระราชดําริ ๖ ศูนย์ สรุปได้ดังนี้ ๑. ศูนยศ์ ึกษาการพฒั นาเขาหินซอ้ นอันเนื่องมากจากพระราชดําริ อําเภอพนมสารคาม จังหวดั ฉะเชงิ เทรา จัดต้ังข้ึนเมอ่ื วนั ท่ี ๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๒๒ ปัญหาจากการตัดป่าแล้วปลกู พชื ไร่ เชน่ ข้าวโพด และมนั สําปะหลัง ซ่งึ ทําให้ดินจืดและกลายเปน็ ดินทราย ในฤดแู ล้งจะมกี ารชะล้างเน่ืองจากลม พดั ในฤดูฝนจะมกี ารชะล้างเน่ืองจากนาเซาะ ๔

๒. ศูนย์ศึกษาการพฒั นาอ่าวค้งุ กระเบนอันเน่ืองมาจากพระราชดําริ อําเภอท่าใหม่ จงั หวดั จนั ทบุรี จัดตั้งข้ึนเมอื่ วนั ที่ ๒๘ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๒๔ ปญั หาจากดินเค็มเพราะนาทะเลข้ึนถึง และการอนุรกั ษ์ฟ้ นื ฟูทรพั ยากร ชายฝ่ งั ทะเล ๕

๓. ศูนย์ศึกษาการพฒั นาพกิ ลุ ทองอันเน่ืองมาจาดพระราชดําริ อําเภอเมอื ง จงั หวดั นราธวิ าส จัดต้ังข้ึนเมอื่ วนั ท่ี ๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๒๕ ปญั หาพน้ื ที่เป็นปา่ พรุเก่า ดินประกอบด้วยพชื ท่ีทับถมมาเปน็ เวลานานผสม กับนาทะเล มผี ลทําให้ดินท่ีมแี รก่ ํามะถัน เมอ่ื สัมผสั กับอากาศก็กลายเป็น ออกไซด์และเมอื่ ผสมกับนาก็กลายเปน็ กรดกํามะถัน ๖

๔. ศูนยศ์ ึกษาการพฒั นาภพู านอันเน่ืองมาจากพระราชดําริ อําเภอเมอื ง จงั หวดั สกลนคร จัดต้ังข้ึนเมอ่ื วนั ท่ี ๒๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๒๕ ปัญหาการ ตัดไม้ ทําลายปา่ ทําให้ขาดนาในหน้าแล้ง ส่วนฤดูฝนนาไหลแรงจึงชะล้าง หน้าดิน ดินผวิ บางลงและเกิดเกลือในดิน ๗

๕. ศูนยศ์ ึกษาการพฒั นาห้วยฮ่องไครอ้ ันเน่ืองมาจากพระราชดําริ อําเภอ ดอยสะเก็ด จังหวดั เชียงใหม่ จดั ตั้งข้ึนเมอ่ื วนั ท่ี ๑๑ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๒๕ ปัญหาจากการทําลายป่า ในฤดูฝนจะมกี ารชะล้างหน้าดิน เนื่องจากนาเซาะ จนเหลือแต่หิน กรวด ๘

๖. ศูนยศ์ ึกษาการพฒั นาห้วยทรายอันเน่ืองมาจากพระราชดําริ จังหวดั เพชรบุรี จดั ต้ังข้ึนเมอ่ื วนั ที่ ๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๖ ปัญหาการตัดไม้ และ การปลกู พชื ไร่ จนดินจืดกลายเป็นทราย เมอ่ื ถูกลมและนาชะล้างไปหมด จนเหลือแต่ดินดานไรป้ ระโยชน์ พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ล อดลุ ยเดช ได้พระราชทานพระราชดํารใิ ห้จดั ต้ังศูนยศ์ ึกษาการพฒั นาอัน เน่ืองมาจากพระราชดํารขิ ้ึน โดยมแี นวคิดท่ีสําคัญคือ เป็นศูนย์ศึกษาและ พฒั นา (Research & Development) และนําผลการศึกษาที่ประสบผล สําเรจ็ มาเป็นตัวอยา่ งแห่งความสําเรจ็ ในลักษณะ พพิ ธิ ภัณฑ์ธรรมชาติท่ีมี ชวี ติ สําหรบั ให้ผูส้ นใจเข้ามาศึกษาดูงานจากการปฏิบตั ิจรงิ เป็นตัวอยา่ ง ของการบรหิ ารงานแบบบูรณาการในลักษณะรวมศูนย์ ในการผสานความ รว่ มมอื รว่ มใจกันของหน่วยงานราชการในการทํางานเพอื่ การบรกิ าร ประชาชน และเป็นระบบการบรกิ ารเบ็ดเสรจ็ ท่ีประชาชนสามารถเข้ามา เรยี นรูแ้ ละขอรบั บรกิ ารได้ ในท่ีเดียว ๙

๑๐

ศูนย์ศึกษาการพฒั นาอันเนื่องมาจากพระราชดําริ เปน็ “ต้นแบบ” ของระบบบรกิ ารเบด็ เสรจ็ ที่จดุ เดียว (One Stop Service) ซ่งึ เกิดข้ึนจาก ความรว่ มมอื รว่ มใจกันของหน่วยงานภาครฐั และเอกชน ประกอบกับการ มสี ่วนรว่ มของประชาชนและชุมชน ท้องถิ่น ในการสานต่อแนวพระราชดําริ เพอื่ การพฒั นาชีวติ ความเปน็ อยูใ่ ห้พสกนิกรของพระองค์อยูร่ ว่ มกันบนผนื แผน่ ดินไทยได้อยา่ งมคี วามสุข ๑๑

● วตั ถปุ ระสงที่สําคัญที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดลุ เดช (ในหลวงรัชกาลที่ ๙) ทรงมุง่ หวังให้ศูนย์ศึกษาการพฒั นาอันเนื่องมา จากพระราชดําริ เป็นต้นแบบของความสําเร็จ ให้แก่เกษตรกรและผู้ สนใจทั่วไปได้มี ความรู้ และชว่ ยเหลือตนเองได้อยา่ งย่ังยืน คือ ๑) เป็นสถานที่สําหรบั การศึกษา ค้นควา้ ทดลอง วจิ ยั เพอื่ แสวงหา แนวทางและวธิ กี ารพฒั นาด้านต่าง ๆ ให้เหมาะสมสอดคล้องกับสภาพ แวดล้อมท่ีแตกต่างกัน ทําหน้าที่เสมอื น “ต้นแบบ” ของความสําเรจ็ ท่ีจะเป็น แนวทางและตัวอยา่ งของผลสําเรจ็ ให้แก่พนื้ ท่ีอื่น ๆ ต่อไป ๒) แลกเปล่ียนสื่อสารระหวา่ งนักวชิ าการ นักปฏิบตั ิและประชาชน ๓) การพฒั นาแบบผสมผสาน ทั้งด้านความรู้ การดําเนินงาน และการ บรหิ ารอย่างเปน็ ระบบ ๑๒

๔) การประสานงานระหวา่ งส่วนราชการ เป็นการประสานงาน ประสานแผน และการจัดการระหวา่ งกรม กอง และส่วนราชการ ให้เกิด ประโยชน์สูงสุด ๕) เปน็ ศูนยบ์ รกิ ารแบบเบ็ดเสรจ็ (One Stop Service) เป็นศูนยร์ วม ของการศึกษา ทดลอง ปศุสัตว์ ประมง ตลอดจนการพฒั นาด้านสังคม ศิลปาชพี ในลักษณะของ พพิ ธิ ภัณฑ์ธรรมชาติที่มชี ีวติ เพอื่ ให้ผูส้ นใจได้ เข้าไปศึกษาดูงานได้อย่างสะดวกรวดเรว็ อันนําไปสู่ประสิทธภิ าพในการ พฒั นาอยา่ งสมบูรณ์สูงสุด ๑๓

● หลักการทรงงานในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหา ภูมิพลอดลุ ยเดช (ในหลวงรัชกาลท่ี ๙) ๑. ศึกษาขอ้ มูลอย่างเป็นระบบ พระองค์จะทรงศึกษาหาความรูแ้ ละทรง ค้นควา้ ข้อมูลต่างๆ ท้ังภาคทฤษฎีและภาคปฏิบตั ิอยา่ งละเอียด พรอ้ มกันน้ัน ยังเสด็จพระราชดําเนินไปยังพนื้ ท่ีทรงงานเพอื่ ทําการศึกษารายละเอียด ต่างๆ ของโครงการจากหน้างาน และทรงพบปะประชาชนในพน้ื ที่เพอ่ื หา ข้อมูลท่ีแท้จรงิ อันจะนํามาซ่งึ การเขา้ ใจปัญหาอย่างถ่องแท้ สามารถ ตัดสินใจและวางแผนการปฏิบตั ิงานได้อยา่ งถูกต้อง หลังจากนั้นจึงพระราช ทานหลักการและนโยบายในการปฏิบัติงานนั้นลงไปสู่ผูป้ ฏิบตั ิงาน ๑๔

๒. ระเบดิ จากข้างใน พระองค์ทรงมุง่ เน้นในเรอ่ื งการพฒั นาคนก่อน จะทําอยา่ งอื่นเพอ่ื ให้ได้ทีมงานท่ีดีมคี ณุ ภาพ พรอ้ มที่จะรบั การพฒั นาหรอื การเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ต่อไป โดยพระองค์ทรงตรสั วา่ “ต้องระเบดิ จากข้าง ใน” ซ่งึ หมายความวา่ หากท่านจะทํางานอะไรก็ตาม ท่านต้องพฒั นา บุคลากรของท่านเองก่อน โดยให้บุคลากรของท่านมคี วามพรอ้ ม เชื่อมนั่ และ ศรทั ธา รวมท้ังมคี วามเข้มแข็งเสียก่อน เมอื่ “ข้างใน” ของแต่ละคนในทีมมคี วามพรอ้ ม จากนั้นจึงมาสรา้ งทีมให้เป็นทีมท่ีมคี วามเข้มแข็ง เมอื่ คนพรอ้ ม ทีมพรอ้ ม ต่อมาท่านก็พฒั นาโดยใส่เครอื่ งมอื และวธิ กี ารที่ท่านมแี ละ ต้องการลงไป ๑๕

๓. แก้ปัญหาจากจดุ เล็ก พระองค์ทรงใช้หลักการในการที่พระองค์จะ ทรงมองปัญหาใหญ่ในภาพรวม (Macro) ให้ชดั เจนก่อนเสมอ เพราะ พระองค์จะต้องมขี ้อมูลเพอ่ื ทําให้สามารถมองเห็นภาพรวมใหญ่ รวมทั้งเห็น ถึงผลกระทบต่าง ๆ ที่จะมหี รอื เกิดข้ึนตามมาจากการแก้ปัญหา แต่เมอื่ จะ ลงมอื แก้ปัญหา พระองค์จะทรงเรม่ิ ต้นด้วยการแก้ไขปญั หาในจุดเล็ก ๆ (Micro) ซ่งึ เป็นปญั หาเฉพาะหน้าท่ีคนอื่นมกั มองข้ามก่อน เมอ่ื สําเรจ็ แล้วจงึ ค่อย ๆ ขยับขยายแก้ไปเรอื่ ย ๆ ทีละจุด เพราะคนท่ัวไป (ข้าราชการ) มกั ชอบ มองและทําอะไรใหญๆ่ ก่อนเลยทีเดียว แต่การทําใหญ่ก่อนมกั ทําไมส่ ําเรจ็ และเสียค่าใชจ้ ่ายเยอะ ๑๖

อีกท้ังเมอ่ื ทําไมส่ ําเรจ็ ก็หยุดทํา ความเสียหายมากมายก็เกิดตามมา ปญั หาต่าง ๆ ก็ไมไ่ ด้รบั การแก้ไขอยา่ งรวดเรว็ ทันสถานการณ์ ต่างกับการ ทรงงานของพระองค์ท่านท่ีเมอ่ื พระองค์ทรงเข้าไปดําเนินการก็แก้ได้ตรง จดุ เสมอ อยา่ งรวดเรว็ และทันเวลา มคี ่าใช้จ่ายน้อยกวา่ แต่ได้ผลสําเรจ็ สูง ทําให้ปญั หาของประชาชนได้รบั การแก้ไขให้ผอ่ นคลายความตึงเครยี ดลงได้ จนกระทั่งเกิดการแก้ไขอยา่ งเป็นระบบและยั่งยนื เชน่ ปัญหาภัยแล้ง ปญั หานาท่วม เปน็ ต้น ๑๗

๔. ทําตามลําดับข้ัน พระองค์ท่านทรงใช้หลักการทรงงานในข้อนี้ด้วย การเรม่ิ ต้นทําในส่ิงท่ีมคี วามจาํ เปน็ สําหรบั ประชาชนก่อน เมอ่ื สําเรจ็ แล้วก็ เรมิ่ ลงมอื สิ่งท่ีจาํ เปน็ รองลงมาลําดับต่อไป (โดยพจิ ารณาความจาํ เป็นจาก การเก็บข้อมูลมาวเิ คราะห์) เชน่ การพฒั นาและการดูแลในเรอื่ งสาธารณสุข เพราะเมอ่ื ประชาชนมสี ุขภาพท่ีดี รา่ งกายแข็งแรง ก็จะสามารถทําการ พฒั นาในเรอ่ื งอ่ืน ๆ ได้สําเรจ็ ต่อไป ตัวอย่างเชน่ การสรา้ งถนน การสรา้ ง แหล่งกักเก็บนาเพอ่ื ไวใ้ ช้ทําการเกษตรและการบรโิ ภคในหน้าแล้ง เมอ่ื มถี นน ท่ีดี พอผลผลิตในการเพาะปลกู ออกมา ประชาชนก็สามารถนําผลผลิตใส่รถ เพอ่ื เดินทางไปจาํ หน่ายได้ ทําให้ประชาชนมรี ายได้มากข้ึน ความเปน็ อยูข่ อง ประชาชนก็ดีข้ึนตามรายได้ เมอ่ื ความเป็นอยู่ดี ประชาชนก็ไมเ่ ข้าไปบุกรุก แผว้ ถางปา่ หรอื ทําลายธรรมชาติซ่งึ เป็นแหล่งต้นนา ทําให้ฝนตกต้องตาม ฤดูกาล การเพาะปลกู ก็สัมฤทธผ์ิ ล ๑๘

ต่อมาก็มกี ารให้ความรูป้ ระชาชนเกี่ยวกับเกษตรทฤษฎีใหมท่ ําให้ ประชาชนมกี ารจัดทําการเกษตรแบบผสมผสาน (ทฤษฎีใหม)่ ได้ผลสําเรจ็ ความเป็นอยูข่ องประชาชนก็เจรญิ และมน่ั คงข้ึนตามไป จนทําให้เกษตรกร ทุกครอบครวั มคี วามเป็นอยู่ที่ดี มสี ุขกันตลอดไป ๑๙

๕. ภูมิสังคม ก่อนจะทําการพฒั นาเรอื่ งใดในองค์การหรอื หน่วยงาน ท่านต้องคํานึงถึงภมู ปิ ระเทศทางภมู ศิ าสตรแ์ ละภมู ปิ ระเทศทาง สังคมศาสตรข์ องพนื้ ท่ีท่ีท่านจะทําการพฒั นาก่อน โดยต้องทําการศึกษา ลงไปในรายละเอียดเพอื่ ให้เข้าใจถึงหลักการทางสังคมวทิ ยาท่ีเก่ียวข้องกับ อุปนิสัยของคนหรอื พนักงาน/ลกู ค้าวา่ มอี ุปนิสัยเปน็ เช่นไร วฒั นธรรมและ ขนบธรรมเนียมประเพณีแบบดั้งเดิมที่มอี ยู่เดิมของบุคคลในแต่ละกล่มุ ใน พน้ื ท่ีเป็นอยา่ งไรบา้ ง และในแต่ละพนื้ ที่ท่ีจะทําการพฒั นาน้ันมคี วาม เหมอื น คล้ายคลึง หรอื แตกต่างกันอย่างไร หลังจากนั้นจงึ นําทั้งข้อดี และข้อเสียของข้อมูลท่ีได้มาจากสภาพโดยรอบมาทําการวเิ คราะห์/ สังเคราะห์ แยกแยะเอาสิ่งที่ดีและสิ่งท่ีไมด่ ีออกมา เพอื่ นําหลักการและ วธิ กี ารใหมท่ ี่ดีเข้าไปพฒั นาและแก้ไขปรบั ปรุง ๒๐

๖. องค์รวม ก่อนที่พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช (ในหลวงรชั กาลท่ี ๙) จะทรงจัดทําโครงการใด ๆ พระองค์จะทรงมองภาพ โครงการของพระองค์แบบองค์รวมอยา่ งรอบด้านวา่ โครงการของพระองค์ มคี วามเก่ียวพนั หรอื เชื่อมโยงกับอะไรบา้ ง ยกตัวอย่าง เช่น การจดั ทํา โครงการเกษตร “ทฤษฎีใหม”่ ที่พระองค์ทรงมองภาพในองค์รวมวา่ ประชาชนของพระองค์ถือครองที่ดินโดยเฉล่ียประมาณ ๑๐-๑๕ ไรต่ ่อ ครวั เรอื น ซ่งึ การบรหิ ารจดั การที่ดินเหล่านั้นจะต้องมแี หล่งนาอันเปน็ ปจั จัย พน้ื ฐานที่สําคัญในการทําการเกษตร หากในท่ีดินไมม่ แี หล่งนาก็จะ ไม่ สามารถทําประโยชน์ทางการเกษตรได้เต็มที่ ดังน้ันเมอื่ ประชาชนของ พระองค์มที ี่ดินแล้ว พระองค์จงึ จําเปน็ ต้องสรา้ งหรอื จดั ทําแหล่งนาในท่ีดิน เหล่านั้นข้ึนมาด้วย เพอื่ ให้สามารถทําการเกษตรได้อยา่ งมปี ระสิทธภิ าพและ ใชป้ ระโยชน์ในพนื้ ที่ได้อยา่ งสมบูรณ์ จึงเห็นได้วา่ ในทุกโครงการของ พระองค์จะมกี ารสํารวจและจัดทําแหล่งนาควบค่กู ันไปด้วยเสมอ ๒๑

ท้ังแหล่งนาท่ีมอี ยู่ตามธรรมชาติ (ที่ต้องเข้าไปดเู รอ่ื งการบรหิ ารจดั การนา และกักเก็บนา) และแหล่งนาที่มนุษย์สรา้ งข้ึนเองในท่ีดิน (ไรน่ าสวนผสม) เมอื่ ท่ีดินมแี หล่งนา การทําการเกษตรก็จะได้ผลผลิตท่ีดี สรา้ งรายได้ให้กับ เกษตรกร หลังจากน้ัน เมอื่ เกษตรกรมรี ายได้จากผลผลิตแล้ว เกษตรกรก็ จําเปน็ ต้องมคี วามรูใ้ นเรอ่ื งการจดั การตลาดและการจดั การการผลิตของตน เองให้ดีข้ึน เพอ่ื ให้มคี วามสามารถในการสรา้ งรายได้และพฒั นารายได้ ให้ เพมิ่ มากข้ึนในแบบยัง่ ยนื รวมถึงต้องทําความเข้าใจในเรอ่ื งอํานาจการ ต่อ รองทางการตลาด เพอ่ื ที่จะทําให้มอี ํานาจในการควบคมุ และต่อรองตลาด ของตนเองได้อีกด้วย จงึ เปน็ ท่ีมาที่ทําให้เกษตรกรเกิดการรวมตัวกันเปน็ กล่มุ ต่าง ๆ จนกลายมาเป็น “สหกรณ์การเกษตร” ซ่งึ ช่วยสรา้ งพลังอํานาจ ให้แก่ เกษตรกรในการต่อรอง กับพอ่ ค้าคนกลางและต่อสู้กับกลไกตลาด ตามหลักการดําเนินธุรกิจ ๒๒

๗. ไม่ติดตํารา หลักการทรงงานข้อท่ี ๗ น้ีหมายความวา่ ในการ ดําเนินงานทกุ โครงการพระราชดํารขิ องพระองค์ พระองค์จะทรงอนุโลม ตามปัจจัยสภาวะแวดล้อมตามธรรมชาติในแต่ละแห่งท่ีพระองค์ทรงทํา โครงการ ทรงออมชอมกับธรรมชาติตามสภาพที่โครงการสามารถดําเนิน งานอยูไ่ ด้ โดยไมท่ รงยดึ ติดในหลักการหรอื ทฤษฎีจากตําราทางวชิ าการมาก จนเกินไป แต่ทรงปรบั ปรุงเปล่ียนแปลงไปตามสถานการณ์ท่ีหน้างาน และ ปรบั ไปตามปัญหาที่ทรงพบระหวา่ งดําเนินงาน เพอ่ื ให้โครงการพระราช ดํารขิ องพระองค์ประสบความสําเรจ็ เกิดประโยชน์สูงสุด ได้รบั การยอมรบั จากชุมชนและสามารถดําเนินการต่อไปได้ด้วยชุมชนเอง ตามความ เหมาะสมบนพน้ื ฐานปจั จัยของทรพั ยากรต้นทุนที่ชุมชนมอี ยูใ่ นพนื้ ที่นั้น และตามวถิ ีชีวติ ของประชาชนที่จะได้รบั ประโยชน์จากโครงการน้ัน ๒๓

๘. ประหยดั เรียบง่าย ได้ประโยชน์สูงสุด หลักการทรงงานข้อน้ีพระ บาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช (ในหลวงรชั กาลท่ี ๙) ทรง ทําให้ประชาชนของพระองค์ดูเปน็ แบบอย่างมาโดยตลอด ตั้งแต่เรอื่ ง ยาสี พระทนต์ของพระองค์ท่ีทรงใช้อย่างค้มุ ค่า ตลอดจนเรอื่ งฉลองพระองค์และ ของใช้ส่วนพระองค์ต่าง ๆ ที่พระองค์จะทรงใชง้ านจนค้มุ ค่าที่สุด ด้วยความ ประหยดั เรยี บง่าย ทั้งนี้ในการทําโครงการพระราชดํารขิ องพระองค์หรอื การให้ความช่วยเหลือและแก้ไขปญั หาของประชาชน ทรงนําหลักการ “ประหยัด เรยี บง่าย ได้ประโยชน์สูงสุด” เข้ามาใช้ ด้วยการจดั หาวสั ดุ สิ่งของ ที่สามารถหาได้ในท้องถ่ินของภมู ภิ าคน้ันมาประยุกต์ใช้ โดยไมต่ ้องลงทุนสูง หรอื ต้องไปซื้อหามาจากต่างประเทศ รวมถึงการใช้เทคโนโลยกี ็จะไมท่ รง เลือกใชเ้ ทคโนโลยีท่ียุ่งยากซับซอ้ น แต่จะทรงเลือกใช้เทคโนโลยที ่ีเรยี บง่าย สะดวก เหมาะสมกับการนํามาใช้งานในท้องถ่ินน้ัน ๆ ๒๔

๙. ทําให้ง่าย จากพระอัจฉรยิ ภาพและพระปรชี าสามารถในองค์พระ บาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช (ในหลวงรชั กาลที่ ๙) ท่ี พระองค์ทรงทําการประดิษฐค์ ิดค้น และพฒั นาประเทศด้วยโครงการ พระราชดํารติ ่าง ๆ เพอื่ แก้ไขปญั หาความยากจนและปัญหาปากท้องของ ประชาชนในถิ่นทุรกันดารน้ัน พระองค์จะทรงดําเนินการในรูปแบบท่ีเรยี บ ง่าย ไมย่ ุ่งยากซับซ้อน เพอื่ ให้สอดคล้องกับสภาพความเปน็ อยูข่ องประชาชน และระบบนิเวศที่มอี ยู่ ๒๕

๑๐. การมสี ่วนร่วม พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหา ภมู พิ ลอดุลยเดช (ในหลวงรชั กาลที่ ๙) พระองค์ทรงเปน็ นักประชาธปิ ไตย โดยพระองค์จะทรงนําหลักการ “ประชาพจิ ารณ์” มาใชใ้ นการบรหิ ารงาน/ บรหิ ารโครงการของพระองค์เสมอ เพอ่ื เปิดโอกาสให้ประชาชน เจ้าหน้าท่ี และสาธารณชนได้เข้ามามสี ่วนรว่ มในการดําเนินการขับเคลื่อนแต่ละ โครงการ ซ่งึ พระองค์จะทรงรบั ฟังความคิดเห็นของประชาชนและความ ต้องการของสาธารณชน ด้วยเหตุนี้ จงึ ส่งผลให้โครงการต่างๆ ของพระองค์ ล้วนสามารถแก้ไขปัญหาความยากจนและตอบโจทยข์ องปญั หาท่ีทําให้ ประชาชนของพระองค์ได้รบั ความเดือดรอ้ นได้อยา่ งตรงจุดและตรงความ ต้องการอยูเ่ สมอ ๒๖

๑๑. ประโยชน์ส่วนรวม การปฏิบตั ิพระราชกรณียกิจในแต่ละครงั้ และ การเสด็จพระราชดําเนินเย่ียมราษฎรในถ่ินทรุ กันดารเพอ่ื ให้ความชว่ ยเหลือ พสกนิกรที่ได้รบั ความยากลําบากและเดือดรอ้ นน้ัน พระองค์จะทรงคํานึงถึง ประโยชน์ส่วนรวมเปน็ สําคัญ ในการทรงงานแต่ละครงั้ พระองค์จะทรง พจิ ารณาและเลือกการปฏิบัติภารกิจในการแปรพระราชฐานในแต่ละครง้ั แต่ละปี เพอ่ื ทรงเยย่ี มเยอื นราษฎร พรอ้ มท้ังบาํ บดั ทุกข์บาํ รุงสุข ให้การ ช่วยเหลือ แก้ไขปญั หาความยากจน ความยากลําบากในการประกอบอาชีพ ของประชาชนของพระองค์ให้มกี ารอยู่ดีกินดี โดยการจัดทําโครงการ พระราชดํารติ ่าง ๆ ข้ึนมา ซ่งึ ล้วนจดั ทําเพอื่ ยังประโยชน์และแก้ไขปัญหาของ ส่วนรวมแบบยง่ั ยืนตลอดไป ๒๗

๑๒. บริการรวมที่จดุ เดียว หรอื One Stop Service คือการรวม บรกิ ารมาไวท้ ี่จดุ เดียวเปน็ รูปแบบเบ็ดเสรจ็ ท่ีเกิดข้ึนมาเปน็ ครง้ั แรกในระบบ การบรหิ ารราชการแผน่ ดินของประเทศไทย โดยองค์พระบาทสมเด็จ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช (ในหลวงรชั กาลท่ี ๙) ทรงมพี ระราชดําริ ให้ “ศูนย์ศึกษาการพฒั นาอันเนื่องมาจากพระราชดําร”ิ เป็นต้นแบบในการ ให้บรกิ ารแบบเบ็ดเสรจ็ ณ จดุ เดียวเพอื่ ประโยชน์ของราษฎร เมอื่ มาขอใช้ บรกิ ารจากภาครฐั ในเรอื่ งต่าง ๆ ก็สามารถดําเนินการเรยี บรอ้ ยได้เสรจ็ ส้ิน ในท่ีเดียว ซ่งึ เป็นการประหยัดเงิน ประหยดั เวลาและค่าใช้จ่ายของท้ัง ประชาชนและหน่วยงานของรฐั ในการทํางาน ทําให้มกี ารประสานงานกันได้ อยา่ งรวดเรว็ ภารกิจและการดูแลช่วยเหลือประชาชนก็จะสําเรจ็ ลลุ ่วงไปได้ อย่างรวดเรว็ ทันเวลานั่นเอง ๒๘

๑๓. ใชธ้ รรมชาติ ชว่ ยธรรมชาติ การที่องค์พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช (ในหลวงรชั กาลที่ ๙) พระองค์ทรงมคี วามเข้าใจธรรมชาติ ในส่วนน้ีพระองค์ จงึ ทรงมพี ระราชประสงค์ให้ประชาชนของพระองค์มคี วามเข้าใจและใกล้ชิด กับธรรมชาติด้วยเช่นกัน เพราะหากประชาชนมคี วามเข้าใจธรรมชาติและ มองธรรมชาติได้อย่างละเอียดแล้ว จะทําให้สามารถนําธรรมชาติมาใช้แก้ไข ปัญหาจากธรรมชาติด้วยกันได้ เชน่ ในการแก้ไขปญั หาปา่ เส่ือมโทรม พระองค์ทรงมพี ระราชดํารใิ นการปลูกปา่ โดยไมต่ ้องปลูก ปล่อยให้ธรรมชาติ ชว่ ยฟ้ ืนฟูธรรมชาติกันเอง เชน่ โครงการปลกู ปา่ 3 อยา่ ง ประโยชน์ 4 อยา่ ง เป็นต้น ๒๙

๑๔. ใชอ้ ธรรมปราบอธรรม พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหา ภมู พิ ลอดลุ ยเดช (ในหลวงรชั กาลท่ี ๙) ทรงนําความจรงิ ในเรอ่ื งความเปน็ ไป แห่งธรรมชาติและกฎเกณฑ์ของธรรมชาติมาเป็นหลักการและแนวทาง ปฏิบตั ิที่สําคัญในการแก้ไขปัญหาและการปรบั ปรุงเปล่ียนแปลงสภาวะท่ีไม่ ปกติเข้าสู่ระบบสภาวะปกติ เช่น โครงการการนํานาดีมาขับไล่นาเสียหรอื มา เจือจางนาเสียให้กลับมาเป็นนาดี ตามจังหวะการข้ึนลงของนาตามธรรมชาติ และการบําบดั นาเน่าเสีย โดยใช้ผกั ตบชวา ซ่งึ มอี ยูแ่ ล้วตามธรรมชาติให้ มาดดู ซมึ ซบั ส่ิงสกปรกและปนเป้ อื นในนาออกไป ตามพระราชดํารสั ท่ีวา่ ใชอ้ ธรรมปราบอธรรม ๓๐

๑๕. ปลูกปา่ ในใจคน เป็นการทําการปลูกป่าลงบนผนื แผน่ ดินด้วย ความต้องการของมนุษย์ ซ่งึ จะทําให้มนุษยม์ คี วามเข้าใจในการใชท้ รพั ยากร ธรรมชาติอยา่ งมคี ณุ ค่า ไมส่ ิ้นเปลือง เพราะในอดีตจนถึงปจั จุบัน มนุษย์มคี วามต้องการใชท้ รพั ยากรธรรมชาติอย่างสิ้นเปลืองโดยขาดจติ สํานึกเพยี ง เพอื่ ประโยชน์ของตนเอง ทําให้เกิดความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมจนเกิดความ ไมส่ มดลุ ของธรรมชาติ เมอื่ ธรรมชาติขาดความสมดุลจึงทําให้เกิดอุบัติภัย ต่างๆ ตามมา เชน่ ภัยแล้ง นาท่วม ไฟไหมป้ า่ ดินถล่ม เปน็ ต้น ในการฟ้ นื ฟู ธรรมชาติให้กลับคืนมานั้น จะต้องมกี ารปลูกจติ สํานึก ในการรกั ษ์ผนื ป่าใน ใจคนให้ได้เสียก่อน การปลูกป่าในใจคนจงึ จะเกิดข้ึนมา และทําให้มนุษย์มคี วามเข้าใจและความรว่ มมอื ในการรกั ษาทรพั ยากรธรรมชาติ โดยการใช้ ทรพั ยากรธรรมชาติแบบรูค้ ณุ ค่าให้มากที่สุด ๓๑

๑๖. ขาดทุนคือกําไร หลักการน้ีทรงมพี ระเมตตาต่อพสกนิกรของ พระองค์ ด้วยการให้และการเสียสละ เปน็ การกระทําอันมผี ลท่ีเปน็ “กําไร” คือการอยู่ดีมคี วามสุขของราษฎร ซ่งึ สามารถสะท้อนให้เห็นเปน็ รูปธรรม อย่างชัดเจนจากการที่ประเทศมคี วามเจรญิ ก้าวหน้ามเี ศรษฐกิจที่ดีข้ึน ๓๒

๑๗. พ่งึ ตนเอง เป็นการพฒั นาตามแนวทางพระราชดํารเิ พอ่ื การ แก้ไขปญั หาโดยตนเองก่อนในเบ้อื งต้น แบบการแก้ไขเฉพาะหน้า เพอ่ื ให้ตน เองมคี วามแข็งแรงพอที่จะดํารงชีวติ ได้ต่อไป แล้วขั้นตอนต่อไปก็ทําการ พฒั นาให้ประชาชนมคี วามสามารถท่ีจะอยู่ในสังคมได้ตามสภาพแวดล้อม จนสามารถพ่งึ พาตนเองได้ในที่สุด ๓๓

๑๘. พออยู่ พอกิน หลักการทรงงานในข้อนี้ก็เพอ่ื พฒั นาให้พสกนิกร ท้ังหลายของพระองค์ประสบความสุขสมบูรณ์ในชวี ติ อันเรม่ิ จากการ เสด็จพระราชดําเนินไปเย่ียมราษฎรของพระองค์ทุกหมูเ่ หล่าในทกุ ภมู ภิ าค ของประเทศ ทรงทอดพระเนตรเห็นความเปน็ อยู่ของราษฎรด้วยพระองค์ เอง จนทรงเข้าพระทัยในสภาพปัญหาต่าง ๆ ของราษฎรอยา่ งลึกซ้งึ ดังนั้น ในการพฒั นาของพระองค์จะทรงมองในภาพรวมของประเทศ ซ่งึ พระองค์ ทรงทราบดีวา่ ไมใ่ ช่งานเล็กน้อย แต่เป็นงานท่ีต้องใชค้ วามคิดและกําลังของ คนท้ังชาติเข้ามาดําเนินการรว่ มกันเพอื่ ให้บรรลผุ ลสําเรจ็ ในการพฒั นา ด้วย พระปรชี าญาณของพระองค์ในการทรงงาน ทําให้คนไทยท้ังหลายได้ ประจกั ษ์แล้ววา่ แนวพระราชดํารแิ ละโครงการพระราชดํารนิ ้ัน เปน็ โครงการ ท่ีเรยี บง่ายปฏิบัติแล้วได้ผล จนเปน็ ที่ยอมรบั กันโดยท่ัวไป เพราะโครงการ พระราชดํารจิ ะเปน็ โครงการที่ทําให้ราษฎรของพระองค์มรี ายได้พออยู่ พอกิน บนพนื้ ฐานของเศรษฐกิจพอเพยี งสืบไป ๓๔

๑๙. เศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรชั ญาที่พระบาทสมเด็จพระ ปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช (ในหลวงรชั กาลที่ ๙) ทรงชแ้ี นะแนวทางการ ดําเนินชีวติ ให้แก่พสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอดกวา่ ๓๐ ปี ตั้งแต่ก่อนเกิด วกิ ฤตการณ์ทางเศรษฐกิจ และเมอื่ ภายหลังวกิ ฤต พระองค์ยังได้ทรงยา แนวทางการแก้ไขเพอ่ื ให้ราษฎรของพระองค์สามารถรอดพน้ และดํารงอยู่ได้ อยา่ งมนั่ คงและยง่ั ยนื ภายใต้กระแสโลกาภิวตั น์และความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ของโลกที่เข้ามาสู่ประเทศไทย ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี งที่พระองค์ พระราชทานไวน้ ั้น มคี วามหมายดังน้ี ความพอเพยี ง หมายถึง ความ พอประมาณ ความมเี หตมุ ผี ล รวมถึงความจําเปน็ ท่ีจะต้องมรี ะบบภมู คิ ้มุ กัน ในตัวที่ดีพอสมควรต่อผลกระทบที่จะเกิดมาจากการเปล่ียนแปลง ๓๕

ทั้งภายในและภายนอก ที่ต้องอาศัย ความรอบรู้ ความรอบคอบ และความ ระมดั ระวงั อย่างยิ่งในการนําวชิ าการมาใช้ในการวางแผนและการดําเนินการ ทุกข้ันตอนของแผนที่วางไว้ เช่น แผนรายรบั -รายจ่ายของครวั เรอื น แผนการทําไรน่ าสวนผสม เปน็ ต้น ๓๖

๒๐. ซอื่ สัตย์ สุจริต จริงใจต่อกัน หลักการในข้อน้ีพระบาทสมเด็จ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช (ในหลวงรชั กาลที่ ๙) ทรงมพี ระเมตตา สั่งสอนให้ข้าราชการ ประชาชน และเจา้ หน้าท่ีในองค์การระดับสูงให้มคี วาม เข้าใจในเรอื่ งความซอ่ื สัตย์ เพราะพระองค์ทรงเล็งเห็นวา่ หากคนเราทํางาน แล้วไมม่ คี วามซอ่ื สัตยจ์ รงิ ใจท้ังต่อตนเอง องค์การ และประเทศชาติแล้ว ความเจรญิ ก้าวหน้าและความสําเรจ็ คงเกิดข้ึนได้ยาก สาเหตสุ ําคัญที่ทําให้ องค์การและประเทศชาติต้องประสบปญั หาในการพฒั นา ไมเ่ จรญิ ก้าวหน้า ก็เพราะมกี ารทจุ รติ เกิดข้ึน การทจุ รติ จึงเปน็ สาเหตหุ ลักท่ีทําลายล้างองค์การ และประเทศชาติให้เส่ือมสลายไปได้ ดังนั้น เราท่านทั้งหลายจะต้องช่วยกัน ขจดั การทจุ รติ ไมใ่ ห้เกิดข้ึน แมแ้ ต่ในตัวเราเองและองค์การ เมอื่ ไมเ่ กิดการ ทจุ รติ ข้ึนในตัวเราเองหรอื ในองค์การแล้ว ประเทศชาติก็จะเจรญิ รุง่ เรอื ง สืบไป ๓๗

๒๑. ทํางานอยา่ งมีความสุข พระองค์ทรงมพี ระเกษมสําราญและ ทรงงานอย่างมคี วามสุขทุกครงั้ ท่ีได้ชว่ ยเหลือประชาชน โดยพระองค์ทรง เคยรบั สั่งครงั้ หน่ึงวา่ “ทํางานกับฉัน ฉันไมม่ อี ะไรจะให้ นอกจากการ มคี วามสุขรว่ มกันในการทําประโยชน์ให้กับผูอ้ ื่น…” ๓๘

๒๒. ความเพียร พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช (ในหลวงรชั กาลที่ ๙) ทรงใชค้ วามเพยี รเปน็ อยา่ งมากในการทํางานใน โครงการพระราชดําริ โดยเฉพาะในระยะเรม่ิ แรกของแต่ละโครงการท่ีมี อุปสรรคและความไมพ่ รอ้ มในด้านต่างๆ มากมาย มโี ครงการจํานวนมากที่ พระองค์ต้องทรงใชพ้ ระราชทรพั ยส์ ่วนพระองค์ในการจัดทํา แต่พระองค์ ก็มเิ คยท้อพระทัย และทรงมุง่ มน่ั เดินหน้าพฒั นาเพอ่ื ให้โครงการฯ ประสบความสําเรจ็ อันจะช่วยให้ราษฎรของพระองค์และบา้ นเมอื งบังเกิด ความรม่ เยน็ เปน็ สุข ๓๙

๒๓. รู้ รัก สามัคคี พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช (ในหลวงรชั กาลที่ ๙) ทรงมพี ระราชดํารสั ในเรอื่ งรู้ รกั สามคั คี ต่อข้าราชการ และประชาชนของพระองค์มาโดยตลอด ซ่งึ คํา ๓ คําน้ีมคี ่าและมคี วามหมาย ลึกซ้งึ สามารถนําไปปรบั ใช้ได้ทุกยุคทุกสมยั รู้ – การท่ีเราท่านจะลงมอื ทํา สิ่งใด จะต้องรูถ้ ึงปัจจัยทั้งหมด รูถ้ ึงปญั หาและวธิ กี ารแก้ไขปัญหาน้ัน รกั – เมอ่ื เรารู้ ครบด้วยกระบวนการท่ีเราจะทําแล้ว เราจะต้องใช้ความรกั ในการ พจิ ารณาที่จะเข้าไปลงมอื ปฏิบตั ิและแก้ไขปญั หาน้ันให้ได้ สามคั คี – การท่ี คนเราจะลงมอื ปฏิบัติงาน เราควรคํานึงเสมอวา่ เราจะทํางานคนเดียวไมไ่ ด้ แต่ต้องทํางานรว่ มมอื รว่ มใจกับคนอ่ืน เปน็ องค์การหรอื เป็นหมูค่ ณะ จงึ จะมี พลังในการช่วยกันแก้ไขปญั หาให้ลลุ ่วงไปได้ด้วยดี ๔๐

อ้างอิง ● ข้อมูลทางบรรณานุกรมของสํานักหอสมุดแห่งชาติ ๖ ศูนยศ์ ึกษาการพฒั นาต้นแบบ เรยี นรูศ้ าสตรพ์ ระราชาอย่างย่ังยนื . --กรุงเทพฯ : สถาพรบุค๊ ส์,๒๕๖๑ ● รูปภาพจากเวบ็ ไซด์สํานักงานคณะกรรมการพเิ ศษเพอื่ ประสานงานโครงการ อันเน่ืองมาจากพระราชดําริ (สํานักงาน กปร.) ● ธรรมนิธิ บทความเรอื่ ง การจัดการองค์การด้วยหลักการทรงงาน โดย ดร.ขวญั ชัย เกิดอุบล จากคอลัมน์รูร้ อบการจัดการองค์การ HR Socity Magazine ๔๑