Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แบบทดสอบ ศิลปะ ม.1

แบบทดสอบ ศิลปะ ม.1

Published by yungseemuangjai, 2019-12-01 23:05:58

Description: แบบทดสอบ ศิลปะ ม.1

Search

Read the Text Version

ตารางวิเคราะห์แบบทดสอบมาตรฐานช้ันปี วชิ า ศิลปะ ช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ 1 ชุดที่ 1 มาตรฐานตวั ชีว้ ดั ข้อ มฐ ศ1.1 มฐ ศ1.2 มฐ ศ2.1 มฐ ศ2.2 มฐ ศ3.1 มฐ ศ3.2 12 12345 12 123456123123456789 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  ~1~

มาตรฐานตัวชี้วดั ข้อ มฐ ศ1.1 มฐ ศ1.2 มฐ ศ2.1 มฐ ศ2.2 มฐ ศ3.1 มฐ ศ3.2 12345 12 123456123123456789 1 2   30    31      32      33   34    35   36    37   38   39  40  41 42 43 44 45 46 47 48 49 50 51 52 53 54 55 56 57 58 59 60  ~2~

ศลิ ปะ ชดุ ที่ 1 1 ชั้นมธั ยมศึกษาปที 1่ี 1 90 ใหว้ ง ⃝ ลอ้ มรอบตวั เลขหน้าคาตอบทถี่ ูกต้อง 1. “ ธรรมชาติกับการสร้างสรรค์ผลงานทัศนศิลป์เป็นปัจจัยของความสัมพันธ์ท่ีเก้ือกูลส่งเสริมซ่ึงกัน และกนั ” จากขอ้ ความนตี้ อ้ งการสอ่ื ในเร่ืองใดมากท่ีสดุ 1. การสร้างสรรคผ์ ลงานทศั นศลิ ป์ของศิลปนิ ส่วนใหญ่มักใชว้ สั ดุทีเ่ กดิ ขน้ึ เองตามธรรมชาติ 2. ถา้ มนุษย์ใชค้ วามงามทางธรรมชาติเปน็ ต้นแบบก็จะสามารถสรา้ งสรรค์งานทัศนศลิ ป์ได้ 3. ความงดงามของผลงานทัศนศลิ ป์อยู่ที่การใชส้ ที ่เี สมอื นจรงิ ตามธรรมชาติ 4. ธรรมชาติและงานทศั นศลิ ปไ์ มส่ ามารถแยกออกจากกันได้ 2. เพราะเหตุใดศลิ ปินจงึ ตอ้ งมีความเขา้ ใจในธรรมชาติ 1. เพราะจะได้สรา้ งผลงานทัศนศิลป์ทมี่ คี วามหลากหลาย 2. เพราะจะได้มีชื่อเสียง เปน็ ท่ีรู้จักอยา่ งกว้างขวางในแวดวงศลิ ปะ 3. เพราะจะไดผ้ ลงานทัศนศลิ ปท์ ต่ี อบสนองต่อความต้องการทางสังคม 4. เพราะจะได้นาสิง่ ทีเ่ กิดข้ึนตามธรรมชาตมิ าสรา้ งสรรค์ผลงานได้อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ 3. การนาหลักการจัดองค์ประกอบศิลป์มาใช้ในการสร้างสรรค์ผลงานทัศนศิลป์จะก่อให้เกิดผลดี ยกเว้น ในขอ้ ใด 1. ผลงานทีส่ รา้ งข้นึ ลว้ นมีราคาสูง 2. ผลงานเกิดความสวยงามในดา้ นรปู ทรง 3. ผลงานแสดงเร่ืองราวได้อยา่ งหลากหลาย 4. ผลงานมคี ุณค่าทางความงามอยา่ งสมบูรณ์ 4. จากภาพแสดงให้เห็นถงึ ส่งิ ใดชดั เจนท่สี ุด 2. ความสมดุล 1. เอกภาพ 4. ความกลมกลนื และความขดั แยง้ 3. จงั หวะและจดุ สนใจ ~3~

5. เพราะเหตุใดมนุษย์ในอดีตจึงนยิ มวาดภาพบนฝาผนงั ถา้ 1. ตอ้ งการแสดงอาณาเขต 2. แสดงความเคารพตอ่ เทพเจา้ 3. ถ่ายทอดความทรงจาของตนเอง 4. สรา้ งสีสันท่ีสวยงามใหเ้ กิดขน้ึ ภายในถ้า 6. ลักษณะทีโ่ ดดเด่นของการวาดภาพแสดงทศั นียภาพคอื สิ่งใด 1. ภาพส่อื อารมณแ์ ละความรู้สึกได้อย่างชัดเจน 2. ภาพแสดงให้เหน็ ถงึ ความเป็นจริงในธรรมชาติ 3. ภาพมกี ารผสมผสานเทคนิคการวาดภาพทห่ี ลากหลาย 4. ภาพสามารถใหค้ วามรสู้ กึ และอารมณ์ทางสุนทรยี ะได้ชดั เจน 7. งานปนั้ และงานส่ือผสมมคี วามแตกต่างกนั ในขอ้ ใดชัดเจนที่สุด 1. ความสวยงาม 2. วัสดุทน่ี ามาใช้ 3. การนาเสนอเรื่องราว 4. ประโยชน์ท่ไี ด้รับจากผลงาน 8. เพราะเหตุใดก่อนลงมือปฏิบตั ิงานป้ันจงึ ควรมกี ารคัดแยกวัสดทุ ่แี ปลกปลอมออกกอ่ น 1. จะทาให้ผวิ ของวัตถุเปล่ียนสี 2. เนอ้ื ดนิ ไม่ผสมเปน็ เนื้อเดียวกนั 3. กอ่ ใหเ้ กิดอันตรายระหวา่ งการป้นั 4. ไมส่ ามารถนามาป้ันขึน้ เป็นรปู ทรงได้ 9. การออกแบบมคี วามสาคัญตอ่ งานทัศนศลิ ปอ์ ยา่ งไรมากท่ีสุด 1. ชว่ ยใหผ้ ลงานทศั นศลิ ปม์ ีความหลากหลาย 2. ผลติ ผลงานได้ทนั ตรงตามความตอ้ งการของตลาด 3. สามารถนาผลงานสง่ ไปจัดจาหน่ายยังตา่ งประเทศได้ 4. สร้างผลงานท่ีตอบสนองความต้องการในดา้ นตา่ งๆ ของมนุษย์ 10. เพราะเหตใุ ดในการออกแบบจึงตอ้ งมกี ารนาองค์ประกอบทางด้านทศั นศลิ ป์มาใช้ 1. ผลงานมีความทนั สมยั ทันตอ่ ความเจริญกา้ วหนา้ ทางเทคโนโลยี 2. ผลงานไดร้ ับการยอมรบั และเปน็ ทนี่ ยิ มชมชอบของคนในสังคม 3. ผลงานสว่ นใหญใ่ ห้ประโยชน์ด้านการใชส้ อยและความสวยงาม 4. ผลงานเน้นการออกแบบใหม้ ีรปู ร่างและสสี ันสวยงามสะดดุ ตา 11. เพราะเหตใุ ดผวู้ ิจารณจ์ งึ ควรมปี ระสบการณ์กบั ผลงานทศั นศลิ ป์แบบโดยตรง 1. วิจารณไ์ ด้ถูกต้องเหมาะสม 2. ให้การวจิ ารณ์มผี ลในเชงิ บวก 3. กอ่ ให้เกิดทศั นคติทด่ี ที างความคิด 4. แสดงออกทางความคิดไดห้ ลากหลาย ~4~

12. บุคคลในข้อใดสามารถวจิ ารณ์ผลงานทัศนศิลปไ์ ด้ดีท่ีสุด 1. ลูกชุบ ชอบเกบ็ สะสมผลงานทัศนศิลป์ของศิลปนิ ทีม่ ีชื่อเสียง 2. ทองเอก ชอบแสวงหาความรเู้ ก่ียวกับงานทัศนศิลป์อยู่เสมอ 3. ช่อม่วง จดั เป็นบคุ คลท่มี ชี ่ือเสียงในวงสงั คม 4. ปยุ ฝา้ ย เป็นดาวคณะศิลปกรรมศาสตร์ 13. ผลงานจติ รกรรมไทยสร้างข้ึนเพือ่ สิ่งใดเปน็ สาคัญ 1. แสดงให้เห็นลีลาการวาดภาพลายไทยที่มคี วามออ่ นช้อย 2. บนั ทกึ เรื่องราวทางประวัติศาสตร์ ศาสนา ชีวติ ความเป็นอยู่ ฯลฯ 3. เชดิ ชเู กียรติจิตรกรท่ีสามารถสร้างสรรค์ผลงานจิตรกรรมทมี่ คี วามสวยงาม 4. สะทอ้ นแนวความคิดในการสรา้ งสรรค์ผลงานจิตรกรรมโดยใชเ้ ทคนคิ ท่ีหลากหลาย 14. ผลงานสถาปตั ยกรรมในขอ้ ใดท่ไี ด้รบั อทิ ธพิ ลจากตะวนั ตก 1. 2. 3. 4. 15. เอกลักษณท์ ี่โดดเด่นของงานทศั นศิลป์ของชาติไทยอยู่ที่สิ่งใด 1. ผลิตขนึ้ จากวัสดชุ ้ันดี 2. มลี วดลายที่วจิ ิตรสวยงาม 3. สะทอ้ นใหเ้ หน็ ถึงความเป็นชาตไิ ทย 4. สร้างข้นึ โดยศลิ ปนิ ที่มีช่อื เสยี งในสมยั นน้ั ๆ 16. ขอ้ ใดจัดเปน็ ลักษณะสาคญั ของงานทศั นศลิ ปใ์ นท้องถ่ิน 1. ได้รับอทิ ธพิ ลมาจากประเทศใกล้เคียง 2. สร้างสรรค์จากภมู ปิ ญั ญาของชาวบา้ น 3. ชา่ งผูส้ ร้างสรรค์ผลงานมาจากในวงั 4. มีรูปแบบของผลงานท่หี ลากหลาย ~5~

17. จากภาพจดั เป็นงานจติ รกรรมท่ีเกิดข้ึนภายในทอ้ งถิ่นหรือไม่ เพราะเหตุใด 1. เป็น เพราะแสดงถงึ ความเรียบงา่ ย 2. เป็น เพราะสงั เกตจากการแตง่ กายของชาวบ้าน 3. ไม่เปน็ เพราะมกี ารเลอื กใชเ้ ทคนคิ สที ีห่ ลากหลาย 4. ไมเ่ ปน็ เพราะชาวบา้ นสว่ นใหญ่ไมน่ ยิ มสร้างงานจิตรกรรม 18. ขอ้ ใดกลา่ วไมถ่ กู ต้องเก่ยี วกับจุดประสงคใ์ นการสร้างงานทัศนศลิ ป์ในวัฒนธรรมไทย 1. มีผลงานไปจาหน่ายยังประเทศเพอ่ื นบา้ น 2. ถา่ ยทอดประสบการณ์และความรู้สกึ 3. เป็นแนวทางในการออกแบบ 4. แสดงออกดา้ นความเชื่อ 19. จดุ เร่ิมต้นของงานทศั นศลิ ปใ์ นวัฒนธรรมสากลเกดิ ขึ้นมาจากสิ่งใด 1. ความเจริญกา้ วหน้าทางเทคโนโลยี 2. ความงดงามตามท่ีมองเห็นในธรรมชาติ 3. ความหลากหลายของผ้คู นหลายเชื้อชาติ 4. ความเชอื่ และความศรัทธาในอานาจลลี้ ับ 20. ผลงานทศั นศลิ ปใ์ นวฒั นธรรมไทยและวฒั นธรรมสากลมีความคลา้ ยคลึงกันในเร่ืองใดมากท่สี ุด 1. การใชธ้ รรมชาติเป็นแรงบันดาลใจ 2. ความเชอื่ และความศรัทธาในศาสนา 3. แสดงเนื้อหาสาระและรายละเอยี ดมาก 4. ฝมี ือและเทคนคิ ในการสร้างสรรค์ผลงานของศิลปิน 21. เพราะเหตุใดจงึ ตอ้ งมีการสรา้ งตัวโนต้ เพลงไทย 1. สร้างเอกลกั ษณ์เฉพาะทางดนตรีไทย 2. แสดงถงึ ความเปน็ ประเทศทีม่ อี ารยธรรม 3. แบ่งแยกความแตกต่างทางวัฒนธรรมด้านดนตรี 4. เปน็ สญั ลกั ษณท์ ่ใี ช้แทนเสียงในการบรรเลงดนตรีไทย 22. วิธกี ารบันทึกอัตราจังหวะ 2 ช้ัน ในการบรรเลงดนตรีไทย ควรบนั ทกึ ในรปู แบบใด 1. | - - - - || - - - ฉิ่ง|| - - - - || - - - ฉับ| 2. | - - - ฉิ่ง|| - - - ฉับ|| - - - ฉิ่ง|| - - - ฉับ| 3. | - ฉิ่ง - ฉับ|| - ฉิ่ง - ฉับ|| - ฉิ่ง - ฉับ|| - ฉิ่ง - ฉับ| 4. | ฉิ่ง - - ฉับ|| ฉิ่ง - - ฉับ|| ฉิ่ง - - ฉับ|| ฉิ่ง - - ฉับ| ~6~

23. ข้อใดเรยี งลาดบั ของเสยี งสูงไปหาตา่ ได้ถกู ต้อง 1. โซปราโน เมซโซโซปราโน อัลโต 2. เมซโซโซปราโน เทเนอร์ เบส 3. บารโิ ทน อลั โต โซปราโน 4. อัลโต เบส เทเนอร์ 24. เพลงไทยเดิมมีเอกลักษณเ์ ฉพาะที่มีความแตกต่างไปจากเพลงอน่ื ๆ ในด้านใด 1. การกระทบเสียง 2. การเอื้อนเสยี ง 3. การเปลง่ เสยี ง 4. การโหนเสียง 25. การขับรอ้ งประสานเสียงใหเ้ กิดความไพเราะควรยึดหลกั การในข้อใดเปน็ สาคัญ 1. ทานองในการประสานเสียง 2. จานวนผู้ประสานเสียง 3. ความพร้อมเพรียง 4. ความดังของเสียง 26. “ วงตุ้มโมง ” เปน็ วงดนตรีพ้นื บา้ นภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ทนี่ ิยมนามาบรรเลงในงานประเภทใด 1. งานศพ 2. งานแต่งงาน 3. งานรน่ื เริงต่างๆ 4. งานทาบญุ ขน้ึ บา้ นใหม่ 27. ถ้าเบญจวรรณต้องการจัดพิธีมงคลสมรสภายในบริเวณห้องที่มีพื้นที่ไม่กว้างมากนัก เบญจวรรณควร เลือกใช้วงดนตรีประเภทใดมาบรรเลงจงึ จะมีความเหมาะสมมากทสี่ ดุ 1. วงมโหรี 2. วงบวั ลอย 3. วงป่พี าทย์ 4. วงเคร่ืองสาย 28. “ เอกเล่นกีตาร์ลีด เอยเล่นกีตาร์คอร์ด เอมเล่นกีตาร์เบส และเอิงตีกลองชุด ” จากข้อความนี้จัดเป็น การบรรเลงดนตรีด้วยวงดนตรสี ากลประเภทใด 1. วงสตรงิ 2. วงแตรวง 3. วงชาโดว์ 4. วงคอมโบ 29. สง่ิ ใดใชใ้ นการกาหนดความส้นั -ยาวของเสียง 1. ทานอง 2. จงั หวะ 3. ตัวโนต้ 4. ข้นั ค่เู สียง 30. ขอ้ ใดวิเคราะหธ์ าตปุ ระกอบของเพลงพระราชนิพนธ์ “ พรปีใหม่ ” ไดถ้ กู ต้องทส่ี ุด 1. จงั หวะปานกลาง สงา่ ผ่าเผย บรรเลงด้วยเสยี งดังปานกลาง และมอี ารมณ์ด้านบวก 2. จงั หวะเรว็ ให้ความสนุกสนาน บรรเลงดว้ ยเสยี งเบา และมีอารมณ์ดา้ นบวก 3. จงั หวะปานกลาง ใหค้ วามสงบ บรรเลงดว้ ยเสียงเบา และมอี ารมณด์ ้านลบ 4. จงั หวะช้า แสดงความเข้มขรึม บรรเลงดว้ ยเสยี งเบา และมีอารมณ์ดา้ นลบ 31. ข้อใดต่างจากพวก 1. เพลงโหมโรง เพลงหนา้ พาทย์ 2. เพลงเร่ือง เพลงหางเครื่อง 3. เพลงลูกบท เพลงภาษา 4. เพลงเถา เพลงตับ ~7~

32. “ บ้างก็ร้องพระประทุมสุริวงศ์ จะจบั องค์พระรว่ งให้จงได้ ส่ังทหารให้ตามดาดนิ ไป พบพระร่วงที่ในเขตอาราม ไม่รู้จกั ทักถามพระร่วงเจ้า เธอจงึ ตอบตามเคา้ ทีเ่ ขาถาม วา่ จงอยู่ทีน่ ี่จะบอกความ ขอมกเ็ ป็นศลิ าตามคาสาปเอย ” จากขอ้ ความนี้เปน็ การขบั รอ้ งเหมาะสมกบั เพลงประเภทใดมากทส่ี ดุ 1. เพลงภาษา 2. เพลงเกรด็ 3. เพลงตบั 4. เพลงเถา 33. การประเมินคุณภาพดา้ นเสียงในการขับรอ้ งควรประเมนิ ในเรอ่ื งต่างๆ ยกเวน้ ขอ้ ใด 1. แก้วเสยี งใส กงั วาน 2. พลังเสียงทส่ี มา่ เสมอ 3. เลยี นเสียงเหมือนศิลปนิ ต้นแบบ 4. ควบคุมลมหายใจได้อย่างถูกตอ้ ง 34. “ สีสันของเสียงเครื่องดนตรีที่ใช้เล่นทานองสอดคล้องเหมาะสมกับอารมณ์ของบทเพลง ” จากข้อความน้ีจดั เปน็ การประเมนิ คุณภาพของบทเพลงในดา้ นใด 1. คุณภาพด้านองคป์ ระกอบของดนตรี 2. คณุ ภาพดา้ นนกั รอ้ ง 3. คุณภาพดา้ นเนื้อหา 4. คุณภาพดา้ นเสยี ง 35. จากภาพเครอื่ งดนตรีชนิดนค้ี วรมวี ธิ กี ารดูแลรกั ษาอยา่ งไร 1. บดิ สายใหต้ งึ ทุกสาย 2. ใช้ผ้าแหง้ เชด็ ที่ตวั เคร่ืองดนตรี 3. นาออกไปวางตากแดดเพ่อื ฆ่าเชื้อโรค 4. แยกเกบ็ ไมด้ ดี และตวั เครอื่ งไว้คนละท่ี 36. เพราะเหตใุ ดจึงตอ้ งมกี ารปลดเชือกทร่ี ้อยผืนระนาดลงเมอ่ื บรรเลงเสร็จเรียบรอ้ ยแลว้ 1. ทาความสะอาดได้ง่าย 2. สามารถยกไปเก็บได้สะดวก 3. ลดการสะสมของคราบเหงื่อไคล 4. ปอ้ งกนั ผืนระนาดหย่อน หรือขาด 37. เคร่อื งดนตรสี ากลชนดิ ใดมีวธิ ีการเก็บดูแลรักษาท่เี หมอื นกัน 1. ฟลตู กตี าร์ 2. เปยี โน ทรมั เป็ต 3. ทูบา ทรอมโบน 4. มาลาคา ทรยั แองเกิล 38. บทเพลงใดถูกประพนั ธ์ขน้ึ เพอ่ื ใช้ประกอบกจิ กรรมทางสังคมไมใ่ ช่การฟังเพื่อความไพเราะ 1. เพลงสดุ สงวนเถา 2. เพลงลาวดวงเดือน 3. เพลงโหมโรงจอมสรุ างค์ 4. เพลงขวัญใจดอกไม้ของชาติ 39. มนษุ ยส์ ามารถรบั รู้ความงามของดนตรีได้จากส่ิงใด 1. ค่านิยม 2. การศึกษา 3. ปัจจัยทางสังคม 4. อารมณแ์ ละจิตใจ ~8~

40. เสยี งดนตรที ี่ไพเราะนนั้ เกิดข้ึนได้จากสิง่ ใด 1. การเรียบเรยี งเสยี งประสาน 2. การนาเครอื่ งดนตรมี าใช้ 3. การขบั ร้องของศิลปิน 4. การกาหนดจงั หวะ 41. ถ้านกั เรียนต้องจัดการแสดงละครจะมวี ธิ ใี นการคัดเลอื กนักแสดงอย่างไร 1. บคุ ลิกเหมาะสมกับบท 2. รูปร่างหนา้ ตาสมส่วน 3. มชี ือ่ เสยี งทางสงั คม 4. สนทิ สนมสว่ นตวั 42. เพราะเหตใุ ดนกั แสดงจึงตอ้ งหมน่ั ฝกึ ประสาทสมั ผัสทง้ั 5 เป็นประจาอย่างสม่าเสมอ 1. เวลาแสดงจะได้ไม่รู้สกึ ขัดเขิน 2. จะได้สามารถทอ่ งจาบทไดอ้ ยา่ งละเอียด 3. สือ่ สารกับนักแสดงท่านอ่นื ๆ ไดเ้ ป็นอยา่ งดี 4. สามารถแสดงปฏกิ ิริยาตอบสนองได้ทันท่วงที 43. การตั้งวงลา่ งของตัวพระและตวั นางมีความแตกต่างกนั อยา่ งไร 1. วงของตัวพระเปน็ วงแคบกว่า 2. วงของตวั นางเป็นวงแคบกว่า 3. วงของตวั พระเป็นวงสงู กว่า 4. วงของตัวนางเป็นวงสูงกวา่ 44. เพราะเหตุใดในการแสดงนาฏศลิ ป์จึงตอ้ งมกี ารนาภาษาท่ามาใช้ 1. สร้างความสวยงาม 2. ดงึ ดดู สายตาของผชู้ ม 3. สื่อความหมายแทนคาพูด 4. บง่ บอกลกั ษณะของการแสดง 45. นักแสดงแสดงท่าทางโดยการใช้ “ มือซ้ายแตะหน้าผาก มือขวากุมท่ีชายพก ” แสดงว่าต้องการส่ือ ความหมายอย่างไร 1. หว่ งใย 2. ร้องไห้ 3. เก้อเขิน 4. สวา่ งไสว 46. ลกั ษณะของการแสดงระบาในขอ้ ใดตา่ งจากพวก 1. ระบาไกรลาศสาเริง 2. ระบากฤดาภินิหาร 3. ระบาเทพบนั เทิง 4. ระบาดาวดึงส์ 47. “ ดวงจันทร์วันเพ็ญ ลอยเด่นอย่ใู นนภา ทรงกลดสดสี รศั มีทอแสงงามตา แสงจันทร์อรา่ ม ฉายงามส่องฟ้า ไม่งามเท่าหน้า นวลน้องยองใย ” ~9~

จากเนือ้ เพลงน้คี วรปฏิบัติท่าราใดจงึ จะมีความเหมาะสมมากทสี่ ุด 1. ทา่ พรหมส่หี น้า และทา่ ยูงฟอ้ นหาง 2. ทา่ ชะนีรา่ ยไม้ และทา่ จ่อเพลิงกาฬ 3. ท่าแขกเต้าเขา้ รงั และทา่ ผาลาเพียงไหล่ 4. ทา่ ช้างประสานงาน และทา่ จนั ทร์ทรงกลดแปลง 48. ขอ้ ใดอธิบายเหตุผลที่คนไทยตอ้ งศึกษาเกยี่ วกบั นาฏศลิ ป์ไดช้ ัดเจนที่สดุ 1. นาฏศลิ ป์เปน็ เร่ืองที่อยใู่ กลต้ วั 2. เปน็ วชิ าทีเ่ รยี นกันมาตัง้ แต่อดตี 3. มเี น้ือหาทเ่ี ข้าใจงา่ ย ภาพประกอบชดั เจน 4. เปน็ เสมือนแหล่งรวบรวมศิลปะหลากหลายแขนง 49. ขอ้ ใดกล่าวไม่ถูกตอ้ งเกีย่ วกับการแสดงนาฏศลิ ปพ์ นื้ เมือง 1. เปน็ การแสดงเพือ่ สรา้ งความสนุกสนาน 2. เปน็ การแสดงเพอ่ื สรา้ งรายไดใ้ หแ้ ก่ชุมชน 3. เปน็ การแสดงเพื่อแสดงความยินดีในโอกาสตา่ งๆ 4. เป็นการแสดงเพ่ือแสดงความเคารพต่อสิ่งศักด์สิ ิทธ์ิ 50. ส่ิงใดท่ที าให้การแสดงนาฏศลิ ป์ตะวนั ออกมีความแตกต่างจากการแสดงนาฏศิลป์ไทย 1. นาเครื่องดนตรมี าบรรเลงประกอบ 2. มีการสร้างฉากประกอบการแสดง 3. ไมค่ านงึ ถึงความสมจรงิ 4. บทละครมีเนอ้ื หากินใจ 51. บุคคลในขอ้ ใดมีความสาคญั มากทส่ี ุดในการแสดงละคร 1. ผูป้ ระพันธ์บท 2. ตัวประกอบ 3. นักแสดง 4. ผู้กากับ 52. บุคคลในขอ้ ใดทาหนา้ ท่คี วบคมุ นกั แสดงใหแ้ สดงได้อย่างสมบทบาท 1. ผ้กู ากบั เวที 2. ผปู้ ระพนั ธบ์ ท 3. ผ้กู ากับการแสดง 4. ผู้อานวยการแสดง 53. เมื่อถึงบททต่ี วั ละครต้องแสดงอารมณโ์ กรธ การเคล่ือนไหวบนเวทจี ะเปน็ การเคลือ่ นไหวในรูปแบบใด 1. เคลื่อนไหวเป็นเสน้ ตรง 2. เคลอ่ื นไหวเปน็ เส้นโคง้ 3. เคลือ่ นไหวเป็นเสน้ ทแยง 4. เคลอื่ นไหวเป็นเสน้ ซกิ แซ็ก 54. การทต่ี วั ละครเคล่ือนไหวบนเวทีในลกั ษณะการเคลื่อนไหวไปข้างๆ แสดงให้เห็นว่าตัวละครต้องการส่ือ ใหเ้ หน็ ถึงใด 1. แสดงความรกั 2. แอบซ่อนตัว 3. ไวอ้ าลัย 4. โมโห ~ 10 ~

55. ขอ้ ใดกลา่ วไม่ถูกต้องเก่ียวกบั การละครไทย 1. เปน็ การแสดงท่ีพัฒนามาจากการร่ายราของชนชาตติ า่ งๆ 2. มีจุดประสงค์เพ่ือสร้างความสนุกสนาน เบกิ บานใจ 3. เปน็ การแสดงอยา่ งหนึ่งที่มนษุ ย์ได้สร้างสรรค์ข้ึน 4. จัดเป็นมหรสพอย่างหนง่ึ ท่ีแสดงเปน็ เร่ืองราว 56. “ ละครต้นแบบของละครรา เล่นกันเป็นพื้นบ้านท่ัวไป มีตัวละครน้อย เดิมเป็นชายล้วน ตัวละครที่ไม่ สาคัญมักไม่แต่งตัวยืนเครื่อง กระบวนราไม่สู้งดงามประณีตนัก ” จากข้อความน้ีหมายถึงการแสดง ละครประเภทใด 1. ละครใน 2. ละครพดู 3. ละครนอก 4. ละครชาตรี 57. เพราะเหตุใดในการจดั แสดงละครนอกจงึ นยิ มใช้นกั แสดงเปน็ ชายล้วน 1. ราไดส้ วยงามกว่าผูห้ ญิง 2. นักแสดงไม่ต้องแต่งหน้า ทาผม 3. เน้นความกระฉับกระเฉงในการแสดง 4. บทละครเอ้ือต่อการแสดงของผชู้ ายมากกว่า 58. ความสวยงามของการแสดงละครในอย่ทู ่สี ่งิ ใด 1. เวทกี ารแสดง 2. ลลี าการรา่ ยรา 3. เสียงของผู้ทาบท 4. หน้าตาของนักแสดง 59. เพราะเหตใุ ดในการแสดงละครดกึ ดาบรรพ์จงึ ตอ้ งมีการคัดเลอื กนกั แสดงเปน็ พิเศษ 1. นักแสดงจะตอ้ งร้องและราเอง 2. นกั แสดงจะตอ้ งพูดได้หลายภาษา 3. นักแสดงจะต้องแสดงในบททโี่ ลดโผน 4. นกั แสดงจะต้องมีความสามารถที่หลากหลาย 60. ในการแสดงละครพันทางควรเลอื กใช้เพลงประเภทใดมาขบั รอ้ งประกอบการแสดง 1. เพลงตบั 2. เพลงเกรด็ 3. เพลงภาษา 4. เพลงเร่ือง  ~ 11 ~

ตารางวเิ คราะห์แบบทดสอบมาตรฐานชัน้ ปี วิชา ศิลปะ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 ชดุ ท่ี 2 มาตรฐานตัวชีว้ ดั ขอ้ มฐ ศ1.1 มฐ ศ1.2 มฐ ศ2.1 มฐ ศ2.2 มฐ ศ3.1 มฐ ศ3.2 123456123123456789 1 2 1 2345 1 2 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  ~ 12 ~

มาตรฐานตวั ชว้ี ดั ข้อ มฐ ศ1.1 มฐ ศ1.2 มฐ ศ2.1 มฐ ศ2.2 มฐ ศ3.1 มฐ ศ3.2 123456123123456789 1 2 1 2345 1 2 30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60   ~ 13 ~

ศลิ ปะ ชุดที่ 2 1 ชน้ั มธั ยมศึกษาปที 1่ี 1 90 ใหว้ ง ⃝ ลอ้ มรอบตวั เลขหน้าคาตอบที่ถกู ต้อง 1. เพราะเหตุใดมนุษย์จึงตอ้ งใช้ธรรมชาติเป็นแรงบนั ดาลใจในการสรา้ งสรรค์ผลงานทศั นศลิ ป์ 1. สามารถจบั ตอ้ งได้งา่ ย 2. มอี ยทู่ ว่ั ๆ ไปรอบๆ ตัว 3. มกั แฝงไวด้ ้วยความงดงาม 4. ตอ้ งการสรา้ งผลงานที่แปลกใหม่ 2. ธรรมชาตเิ ข้ามามีส่วนสาคัญในการสร้างสรรค์ผลงานทัศนศิลปไ์ ด้อย่างไร 1. เปน็ แรงขบั เคลอ่ื นใหม้ ีการสรา้ งสรรค์ผลงานทัศนศิลป์ในหลากหลายรปู แบบ 2. เป็นแนวทางในการแสวงหาความรู้เร่ืองเทคนิคการสร้างสรรค์ผลงาน 3. เปน็ สว่ นทช่ี ่วยสร้างวัสดุ อุปกรณม์ าใช้ในงานทัศนศลิ ป์ 4. เปน็ แรงบนั ดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงาน 3. ข้อใดจดั เป็นภาพท่แี สดงให้เหน็ ถงึ ความสมดลุ 1. 2. 3. 4. 4. ความกลมกลนื ในงานทศั นศิลป์หมายถึงสงิ่ ใด 1. การแบง่ ภาพท้งั 2 ด้าน ให้มีขนาดทเ่ี ทา่ กนั 2. การนารูปแบบท่มี ลี กั ษณะเหมือนกนั มาจัดให้สมั พนั ธ์กนั 3. การเคล่อื นไหวทเ่ี กิดจากการซา้ กันขององคป์ ระกอบภายในภาพ 4. การนาเอาสว่ นประกอบต่างๆ มาจัดให้ไดส้ ดั ส่วนทีม่ ีความเหมาะสม ~ 14 ~

5. “ ทศั นยี ภาพ ” จัดเปน็ การวาดภาพที่ตอ้ งการแสดงให้เห็นถงึ สง่ิ ใดเปน็ สาคัญ 1. การใช้เส้นชนิดต่างๆ 2. ขนาดของวตั ถสุ ิ่งของ 3. การถา่ ยทอดที่เหมือนจริง 4. ความเป็นมิติ แสดงระยะใกล-้ ไกล 6. การวาดภาพแสดงทัศนยี ภาพควรคานงึ ถึงเร่อื งใดมากทสี่ ดุ 1. ไมเ่ คร่งครัดในเรื่องของการใช้จนิ ตนาการและหลักการวาดภาพ 2. เนน้ หลกั การวาดภาพแสดงทศั นยี ภาพทุกขั้นตอนอยา่ งละเอยี ด 3. เน้นหลกั การวาดภาพเหมือนจรงิ ทุกขน้ั ตอน 4. การใชจ้ นิ ตนาการในการถ่ายทอดผลงาน 7. บคุ คลในข้อใดสรา้ งสรรค์ผลงานศิลปะแบบสอ่ื ผสม 1. ผกั บุ้ง ทาแป้งลงบนใบหนา้ ของตน แล้วกร็ ้องราทาเพลงอย่างสนกุ สนาน 2. ข้าวโพด นาภาพถ่ายจากหนงั สอื พมิ พ์ นิตยสารเกา่ ๆ มาปะตดิ ลงบนกระดาษ 3. หวั หอม ใช้สอี ะครลิ ิก สนี า้ มัน สีน้า และสเี ทียนผสมกันระบายลงบนแผ่นไมอ้ ดั 4. พริกไทย ถา่ ยวดิ โี อจากโทรศัพท์มือถือแสดงภาพของตนขณะกาลังทางานศิลปะ 8. การจดั แสดงผลงานป้ันและผลงานศลิ ปะแบบส่ือผสมกอ่ ใหเ้ กดิ ประโยชนอ์ ย่างไร 1. เพอ่ื ช่วยให้ผลงานปน้ั และงานศิลปะแบบส่อื ผสมมีคุณคา่ 2. เพื่อใหผ้ ู้อ่ืนร้จู กั ผลงานปน้ั และงานศิลปะแบบสื่อผสม 3. เพอ่ื สรา้ งชือ่ เสียงให้แก่ผู้สร้างสรรค์ผลงาน 4. เพื่อเป็นการประชาสัมพันธผ์ ลงาน 9. จากภาพจัดเป็นการออกแบบประเภทใด 1. การออกแบบโฆษณา 2. การออกแบบสง่ิ พมิ พ์ 3. การออกแบบสญั ลักษณ์สอ่ื ความหมาย 4. การออกแบบตกแต่งหนา้ ร้านค้าและเวที 10. งานกราฟกิ มคี วามสาคญั ตอ่ การออกแบบหรือไม่ เพราะเหตุใด 1. มี เพราะผลงานมคี วามสวยงามและทนั สมยั มากข้ึน 2. มี เพราะผูช้ มจะสามารถเข้าใจเรื่องราวในผลงานได้งา่ ยขน้ึ 3. ไมม่ ี เพราะในการออกแบบบางอย่างไมต่ อ้ งใชก้ ราฟิกเขา้ มาช่วย 4. ไมม่ ี เพราะเป็นงานทีล่ ะเอียดอ่อนมาก ทาให้เกิดความยุ่งยากในการออกแบบ ~ 15 ~

11. ข้อใดไมใ่ ช่หลักการประเมินคณุ ค่าของผลงานทัศนศลิ ป์ 1. พจิ ารณาเปรียบเทียบกับผลงานเดิมท่ีมอี ยู่ 2. ประเมินคา่ ความเป็นต้นแบบ 3. แสดงออกทางกลวิธีและฝีมือ 4. อธบิ ายความสาคญั ของงาน 12. ขอ้ ใดจดั เป็นเป้าหมายทส่ี าคัญที่สุดของการวิจารณผ์ ลงานทัศนศิลป์ 1. บ่งบอกถึงความช่ืนชมผลงานของศลิ ปนิ ในดวงใจ 2. นาเสนอแนวทางในการสร้างสรรคผ์ ลงานใหม้ ีความหลากหลาย 3. แสดงออกทางความคิดเห็น ตชิ มในเรอื่ งเก่ยี วกบั คณุ ค่าทางทศั นศิลป์ 4. ตาหนิ ตเิ ตียนศลิ ปนิ ผสู้ ร้างสรรคผ์ ลงานท่ีนาเทคนิคมาใช้มากจนเกินไป 13. จากภาพต้องการสือ่ ในเรื่องใดชดั เจนทสี่ ดุ 1. จิตรกรรมกับความศรัทธาในพระพทุ ธศาสนา 2. แสดงความแตกต่างของบุคคลจากใบหนา้ 3. เปน็ ภาพที่มีทัศนยี ภาพแบบตานกมอง 4. การใช้สแี บบเอกรงค์ 14. เพราะเหตุใดพระพุทธรูปในสมัยสุโขทัยจึงได้รับการยกย่องว่าเป็น “ พระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะ งดงามท่สี ุด ” 1. ใชว้ สั ดทุ ่นี าเข้ามาจากตา่ งประเทศ 2. มีลักษณะพระพักตร์เหมอื นมนุษย์ 3. มคี วามออ่ นช้อย งดงามเป็นพเิ ศษ 4. ไดร้ ับอิทธิพลมาจากประเทศเพอื่ นบ้าน 15. ผลงานทัศนศิลป์ภาคกลางส่วนใหญไ่ ด้รบั อทิ ธิพลมาจากส่งิ ใด 1. ความเจริญกา้ วหน้าทางเทคโนโลยี 2. รปู แบบงานทศั นศิลปต์ ะวันตก 3. แนวคิดของศิลปินท่มี ชี ื่อเสียง 4. คตคิ วามเชื่อทางพระพุทธศาสนา 16. ขอ้ ใดจัดเปน็ งานสถาปัตยกรรมลา้ นนา 1. 2. 3. 4. ~ 16 ~

17. ขอ้ ใดจดั เป็นลักษณะเด่นของบา้ นเรอื นในภาคใต้ 1. ใชต้ อกและหวายเป็นตัวยึดส่วนตา่ งๆ ของเรือน 2. ไม่นิยมทาหนา้ ตา่ งทางดา้ นหลังตวั เรือน 3. ยกพ้ืนใต้ถุนสงู จากพนื้ ดนิ เสมอศรี ษะ 4. นิยมวางเสาไวบ้ นตีนเสา 18. ข้อใดจดั เปน็ ลกั ษณะสาคญั ของการสร้างสรรค์ผลงานทัศนศลิ ป์ของไทย 1. ตอ้ งการสร้างผลงานท่ีสามารถสนองความตอ้ งการของชุมชน 2. แสดงให้เห็นถึงความเชอื่ และความศรทั ธาในศาสนา 3. นาเสนอผลงานท่มี ีการผสมผสานทางวฒั นธรรม 4. ถ่ายทอดประสบการณ์จากธรรมชาติ 19. ขอ้ ใดคอื เอกลกั ษณ์ท่โี ดดเด่นของงานทศั นศลิ ปใ์ นวัฒนธรรมสากล 1. แสดงออกด้านความเช่ือ 2. ผสมผสานแนวคดิ อยา่ งเป็นกลาง 3. ถา่ ยทอดผลงานจากประสบการณ์ 4. เน้นการสร้างจดุ ดงึ ดดู ความสนใจ 20. หากจาเป็นตอ้ งมกี ารเปรียบเทียบทัศนศิลป์ในวฒั นธรรมไทยและวัฒนธรรมสากลควรเลือกใช้วิธีการใด จงึ จะมีความเหมาะสมมากท่สี ดุ 1. ค้นคว้าทดลองตามหลักการทางวิทยาศาสตร์ 2. หาความรู้เกย่ี วกับสภาพทางภมู ศิ าสตร์ 3. ศกึ ษาในช่วงเวลาร่วมทเ่ี กิดตรงกัน 4. ใช้หลกั ฐานทางประวัตศิ าสตร์ 21. “ สัญกรณ์ทางดนตรีท่ีใช้แสดงถึงระดับเสียงของตัวโน้ต ” จากข้อความน้ีหมายถึงเครื่องหมาย ทางดนตรีประเภทใด 1. บันไดเสียง 2. บรรทัด 5 เสน้ 3. กญุ แจประจาหลกั 4. เครื่องหมายกากบั จังหวะ 22. การเขียนโน้ตกญุ แจซอลทถี่ กู ต้องหัวของกุญแจต้องอยูค่ าบเส้นใด 1. เสน้ ท่ี 1 2. เส้นที่ 2 3. เสน้ ท่ี 3 4. เสน้ ที่ 4 23. ระบบเสยี งดนตรีไทยกับเสียงดนตรีสากลมคี วามเหมือนหรือแตกตา่ งกันหรือไม่ เพราะเหตใุ ด 1. เหมอื นกัน เพราะจดั เป็นเสียงดนตรีเหมือนกนั 2. เหมอื นกัน เพราะมีการแบ่งช่วงทบเสียงเท่ากนั 3. แตกต่างกัน เพราะต้องการแบง่ แยกความแตกต่างทีช่ ัดเจน 4. แตกตา่ งกัน เพราะเสียงแต่ละเสยี งจะมคี วามถ่ีของเสียงไมเ่ ทา่ กัน ~ 17 ~

24. ไพลิน ได้รับมอบหมายให้จัดการแสดงดนตรีในงานประเพณีลอยกระทง ไพลินควรเลือกใช้บทเพลง ประเภทใดมาใช้ประกอบการจัดกิจกรรมในครั้งนี้จึงจะมคี วามเหมาะสมมากที่สุด 1. เพลงปลุกใจ 2. เพลงพนื้ บ้าน 3. เพลงไทยเดิม 4. เพลงประสานเสยี ง 2 แนว 25. “ พวกเราเหลา่ มาชมุ นมุ ต่างภูมิใจรักสมคั รสมาน ลว้ นมิตรจิตชน่ื บาน สราญเรงิ อยูท่ ุกผู้ทกุ นาม ” จากเนอื้ เพลงน้คี วรร้องด้วยน้าเสียงอย่างไร 1. สนุกสนาน 2. โกรธแคน้ 3. โศกเศร้า 4. ฮึกเหมิ 26. “ สาเนียงและทานองเพลงจะพล้ิวไหวตามบรรยากาศ ความนุ่มนวล และอ่อนละมุนของธรรมชาติ ” จากขอ้ ความนี้หมายถึงการบรรเลงดนตรีด้วยวงดนตรีพ้นื บา้ นของภาคใด 1. วงดนตรีพ้ืนบา้ นภาคอีสาน 2. วงดนตรพี ้นื บ้านภาคกลาง 3. วงดนตรพี ้ืนบา้ นภาคเหนือ 4. วงดนตรีพื้นบ้านภาคใต้ 27. เพราะเหตใุ ดจงึ มีคากล่าวว่า “ วงมโหรี เปน็ วงดนตรที ่ีมีความสมบูรณใ์ นด้านเสยี งสูงสุด ” 1. มีการนาวงป่ีพาทย์และวงเคร่ืองสายมาประสมวงกนั 2. เนน้ เฉพาะเคร่ืองดนตรีประเภทเคร่ืองตีเปน็ หลัก 3. ให้เสียงทมี่ คี วามอ่อนหวานและนมุ่ นวลสลบั กนั 4. ไม่มีการนาเครือ่ งกากับจังหวะมาใช้ 28. “ วงดนตรีขนาดเล็ก จะใช้เคร่ืองดนตรีตามสภาพของสังคม ” จากข้อความนี้หมายถึงวงดนตรี ประเภทใด 1. วงโฟลค์ ซอง 2. วงโยธวาทิต 3. วงแตรวง 4. วงสตริง 29. “ ความต่อเน่อื งของโนต้ ดนตรีทีเ่ รยี งรอ้ ยอยา่ งเหมาะสม ” จากข้อความนี้หมายถึงส่ิงใด 1. ตวั โน้ต 2. จงั หวะ 3. ทานอง 4. บันไดเสยี ง 30. ความดงั -เบาของเสียงดนตรสี ามารถสง่ ผลต่ออารมณ์ของผฟู้ ังเพลงได้อย่างไร 1. อารมณ์จะอยใู่ นระดับท่ีคงทีใ่ นช่วงแรกและจะเปลี่ยนแปลงในชว่ งทา้ ย 2. อารมณ์จะขน้ึ ลงไมค่ งทีม่ กี ารเปลี่ยนแปลงสลบั ไปมาตลอดทั้งบทเพลง 3. อารมณไ์ ม่เปลย่ี นแปลงไม่ว่าเสยี งจะดงั -เบาเพยี งใดก็ตาม 4. อารมณ์เปลี่ยนแปลงไปตามความดงั -เบาของเสียง ~ 18 ~

31. “ สังคมชนบท เป็นสังคมเกษตรกรรม ในสมัยก่อนเมื่อทางานในแต่ละวันเสร็จแล้วก็จะมารวมตัวกัน เพื่อร้องราทาเพลง สร้างความบันเทิงใจให้หายจากการเหน็ดเหน่ือย ” จากข้อความน้ีมีความเก่ียวข้อง กบั ขอ้ ใดมากทส่ี ดุ 1. การสร้างสรรค์เพลงเพอื่ การฟงั 2. เพลงประกอบการแสดง 3. เพลงสาหรับชาวบ้าน 4. การแขง่ ขนั ทางดนตรี 32. เพราะเหตใุ ดจึงตอ้ งมกี ารบรรเลงเพลงโหมโรงกอ่ นการแสดงทุกครั้ง 1. กระตุ้นนกั แสดงให้รีบแตง่ กายใหเ้ สร็จ 2. ประกาศใหท้ ราบว่างานกาลังจะเรม่ิ ข้นึ 3. เทยี บเสยี งเครื่องดนตรีก่อนแสดงจรงิ 4. แสดงความสามารถของนักดนตรี 33. การประเมินผลงานทางดนตรที ี่ดีควรประเมินในดา้ นต่างๆ ยกเว้นขอ้ ใด 1. คุณภาพด้านเสียง 2. คุณภาพดา้ นนกั ร้อง 3. คุณภาพดา้ นเนอ้ื หา 4. คุณภาพดา้ นองค์ประกอบของดนตรี 34. บุคคลในข้อใดสามารถทาหนา้ ทเ่ี ป็นผปู้ ระเมินคณุ ภาพของบทเพลงได้ดที ่สี ดุ 1. หน่า รกั ความยุตธิ รรม เท่ยี งตรง ไมเ่ อนเอียง 2. โหนง่ รบั จา้ งรอ้ งเพลงในร้านอาหาร 3. เหน่ง ชอบเกบ็ สะสมเครอื่ งดนตรี 4. หนอ่ ง เป็นนกั ดนตรีท่มี ีช่ือเสยี ง 35. กอ่ นนาเครอื่ งดนตรมี าใช้ควรปฏิบัติอย่างไร จึงจะเหมาะสมมากท่ีสดุ 1. ใชผ้ ้านมุ่ ชุบน้าเช็ดทาความสะอาดเครื่องดนตรี 2. ทาความสะอาดบริเวณท่ีเก็บเคร่ืองดนตรใี ห้เรียบรอ้ ย 3. วเิ คราะหค์ วามเหมาะสมของเคร่ืองดนตรกี บั เพลงที่ใชบ้ รรเลง 4. ตรวจสอบความเรยี บร้อยของส่วนประกอบต่างๆ ในเคร่ืองดนตรี 36. เพราะเหตใุ ดจงึ ตอ้ งมีการเกบ็ รกั ษาเคร่อื งดนตรีอย่างถูกวิธี 1. เครื่องดนตรมี ีราคาแพง 2. สามารถหยิบใชไ้ ด้สะดวก 3. ยืดอายุการใชง้ านของเครอื่ งดนตรี 4. แสดงใหเ้ หน็ อปุ นสิ ยั ทดี่ ขี องนักดนตรี 37. บุคคลในขอ้ ใดปฏบิ ตั ิตนไดเ้ หมาะสมในการเก็บรักษาเครื่องดนตรีอยา่ งถูกวธิ ี 1. นาย นากระดาษทรายมาขัดรอยดา่ งบนเครอื่ งดนตรี 2. ปาย เกบ็ เครื่องดนตรีใสใ่ นกล่องของเคร่อื งดนตรี 3. ซาย ใช้ผ้าเปียกชบุ น้ามาเชด็ ท่ีตวั เครื่องดนตรี 4. มาย วางเครื่องดนตรีไวบ้ นหลงั ตเู้ ย็น 38. ขอ้ ใดคือบทบาทสาคญั ของดนตรีต่อสงั คมไทย 1. เปน็ เครอ่ื งหมายอยา่ งหน่ึงทแี่ สดงลกั ษณะเฉพาะของชาตไิ ทย 2. แสดงความไพเราะในด้านเสยี งไม่ว่าจะผา่ นมานานเท่าใดกต็ าม 3. นาดนตรีจากหลากหลายวัฒนธรรมมาผสมผสานกนั ให้เกิดดนตรีแนวใหม่ 4. มกี ารนาดนตรไี ทยไปบรรเลงเพ่อื สรา้ งช่ือเสยี งใหเ้ ป็นท่ีร้จู กั ระดบั นานาชาติ ~ 19 ~

39. “ ดนตรเี ป็นทั้งศาสตรแ์ ละศลิ ปท์ ่ีชว่ ยให้มนษุ ยม์ ีความสุข ” จากข้อความนตี้ ้องการส่ือใหเ้ ห็นถึงสงิ่ ใด 1. มนุษยร์ ู้จักสร้างสรรค์งานดนตรีมาต้ังแต่อดตี 2. เสยี งดนตรที ี่ดีสามารถสรา้ งความประทับใจใหแ้ กผ่ ฟู้ งั ได้ 3. ดนตรีมีความเกย่ี วข้องกับชวี ติ มนุษย์จนแยกออกจากกันไม่ได้ 4. ดนตรถี ูกพฒั นาขนึ้ ไปพร้อมๆ กบั ความเจริญกา้ วหน้าทางเทคโนโลยี 40. สิ่งใดมคี วามสาคัญเปน็ อย่างมากในการสร้างความพรอ้ มเพรยี งและความกลมกลืนกนั ของเสยี งดนตรี 1. จังหวะ 2. ทานอง 3. เสียงดนตรี 4. การประสานเสียง 41. เพราะเหตุใดในการแสดงละครนกั แสดงจะต้องแสดงอย่างเตม็ ท่ี 1. เพราะผชู้ มจะสามารถเขา้ ใจรูปแบบการแสดงที่นักแสดงต้องการสอื่ ไดอ้ ยา่ งชัดเจน 2. เพราะจะต้องแสดงไดอ้ ย่างสมบทบาท ซึง่ เป็นการสรา้ งความเชือ่ ใหแ้ กผ่ ชู้ ม 3. เพราะบรรยากาศในการแสดงไมส่ ามารถสร้างความเช่อื ให้เกดิ ขึ้นได้ 4. เพราะการแสดงจะไดม้ คี วามสมั พนั ธก์ บั ความสวยงามของฉาก 42. การสมมติมีความสาคัญมากสาหรับการแสดง เพราะนักแสดงจาเป็นต้องสมมติบทบาทที่ตนเองกาลัง แสดงอย่เู พอ่ื ให้เกิดความสมจริง นกั เรียนเห็นด้วยหรอื ไม่ เพราะเหตใุ ด 1. เหน็ ด้วย เพราะนกั แสดงจะตอ้ งผา่ นการฝกึ ในเรื่องการสมมติมาก่อน 2. เหน็ ด้วย เพราะเป็นการสร้างความเชอื่ ให้เกดิ ขนึ้ กับผู้ชมขณะชมการแสดง 3. ไม่เห็นด้วย เพราะการสมมตไิ มส่ ามารถชว่ ยใหก้ ารแสดงละครเกิดความสมบูรณ์ 4. ไม่เห็นดว้ ย เพราะนกั แสดงทม่ี ีฝีมอื สามารถถ่ายทอดเร่ืองราวโดยใช้ตนเองเปน็ หลักได้ 43. ก่อนการยกเทา้ แตล่ ะครั้งจะตอ้ งปฏบิ ัตทิ ่านาฏยศัพทใ์ ดกอ่ นเสมอ 1. ประเท้า 2. จรดเทา้ 3. เขยง่ เทา้ 4. ถดั เทา้ 44. ภาษาทา่ ทแ่ี สดงถึง “ ความดใี จ ” มคี วามสัมพันธก์ บั ขอ้ ใด 1. โบกมือไปมา 2. ใชม้ ือบงั สายตา 3. ปรบมือเขา้ หากันระหวา่ งอก 4. ยกมือข้างใดข้างหนึง่ พร้อมกับชนู ว้ิ ชี้ 45. นักแสดงแสดงท่าทางโดยการใช้ “ ฝา่ มอื ถทู ีต่ ้นคอ ” แสดงว่าต้องการส่ือความหมายอยา่ งไร 1. เบือ่ หนา่ ย 2. ราคาญ 3. เครียด 4. โกรธ ~ 20 ~

46. เน้อื เพลงในขอ้ ใดเหมาะสาหรับนามาใช้กบั ท่ารายวั่ 1. ดวงจันทร์ขวัญฟ้า ชน่ื ชีวาขวัญพี่ 2. ชาวไทยเจา้ เอ๋ย ขออยา่ ละเลยในการทาหน้าท่ี 3. ขวญั ใจดอกไม้ของชาติ งามวิลาศนวยนาฏร่ายรา 4. ยามกลางเดือนหงาย เย็นพระพายโบกพลิ้วปลวิ มา 47. เพลงราวงมาตรฐานในข้อใดทม่ี กี ารใชท้ ่านาฏยศพั ท์ท่ีเหมอื นกนั 1. เพลงราซมิ ารา เพลงหญงิ ไทยใจงาม 2. เพลงงามแสงเดอื น เพลงคืนเดือนหงาย 3. เพลงบชู านกั รบ เพลงดวงจันทรว์ ันเพ็ญ 4. เพลงยอดชายใจหาญ เพลงดอกไมข้ องชาติ 48. ข้อใดเป็นเอกลกั ษณ์ทสี่ าคญั ของการแสดงนาฏศลิ ป์ไทย 1. เปน็ การแสดงสด 2. ไม่จาเปน็ ต้องมบี ทเจรจา 3. มที า่ ราท่อี ่อนช้อย งดงาม 4. ใช้นกั แสดงเป็นผู้หญงิ ทง้ั หมด 49. การแสดงนาฏศลิ ป์พ้นื เมอื งมักนยิ มนามาจัดแสดงเนื่องในโอกาสใด 1. งานรื่นเรงิ ต่างๆ 2. งานมงคลสมรส 3. งานคลา้ ยวนั เกิด 4. งานสวดอภิธรรมศพ 50. ส่ิงใดท่ีแสดงให้เห็นถึงความคล้ายคลึงกันระหว่างการแสดงนาฏศิลป์ตะวันออกและการแสดง นาฏศลิ ป์ไทย 1. เรื่องที่นามาแสดง 2. เคร่ืองแตง่ กาย 3. จดุ กาเนิด 4. ฉาก 51. ถ้านกั เรยี นต้องจดั การแสดงละครจะมีวธิ ีในการคัดเลือกนักแสดงอย่างไร 1. สนทิ สนมสว่ นตวั 2. มชี ือ่ เสยี งทางสงั คม 3. รูปร่างหนา้ ตาสมส่วน 4. บคุ ลกิ เหมาะสมกบั บท 52. ใครเปน็ บคุ คลสาคัญทีส่ ุดในการประเมินการแสดงละคร 1. ผชู้ ม 2. นักแสดง 3. ผกู้ ากับเวที 4. ผูอ้ านวยการแสดง 53. การที่ตวั ละครเคลื่อนไหวบนเวทเี ปน็ เสน้ โค้งแสดงให้เห็นว่าตัวละครตอ้ งการสื่ออารมณใ์ ด 1. โกรธ 2. สงสาร 3. หึงหวง 4. หลบหนี 54. เพราะเหตุใดการเคลอ่ื นไหวของตวั ละครบนเวทีจงึ ควรแสดงให้เหมือนกบั ชีวติ จรงิ มากทสี่ ดุ 1. ทาใหล้ ะครเกิดความสนุกสนาน 2. มผี ้ชู มเข้ามาชมการแสดงละครมากข้นึ 3. ละครไดร้ บั ความนิยมจากผู้ชมเป็นอยา่ งมาก 4. มผี ลตอ่ การส่ืออารมณ์ของตัวละครไปยงั ผู้ชม ~ 21 ~

55. การแสดงละครของทุกชาติ ทุกภาษามีสิ่งใดที่คล้ายคลงึ กัน 1. จานวนนักแสดง 2. การแตง่ กาย 3. บทละคร 4. ตน้ กาเนิด 56. ข้อใดมคี วามเก่ียวข้องกับคาวา่ “ มโนห์รา ” มากท่สี ดุ 1. นยิ มนามาใชแ้ สดงละครนอก 2. แต่งกายแบบยืนเครอื่ งพระ-นาง 3. นาเคร่ืองดนตรสี ากลมาบรรเลงร่วม 4. เป็นบทละครท่คี ้นพบในสมัยกอ่ นสุโขทยั 57. เอกลักษณท์ ีส่ าคญั ทแ่ี สดงใหเ้ หน็ ถึงรูปแบบการแสดงละครในสมยั สุโขทัยคอื ขอ้ ใด 1. การแสดงละครมคี วามหลากหลาย 2. นยิ มนาบทละครจากต่างประเทศมาแสดง 3. ได้มกี ารกาหนดแบบแผนแหง่ ศลิ ปะการแสดง 4. เครื่องแตง่ กายของตัวละครถกู ออกแบบมาอย่างสวยงาม 58. การละครไทยในสมยั อยธุ ยามกี ารพัฒนาขน้ึ จากในสมยั สุโขทัยอยา่ งไร 1. นยิ มใชน้ านกั แสดงชาย-หญิงมาแสดงร่วมกัน 2. บทละครทน่ี ามาแสดงสะท้อนให้เห็นวัฒนธรรมตะวันตก 3. มีการจัดระเบียบแบบแผนรูปแบบการแสดงให้มคี วามรัดกมุ มากขึ้น 4. จดั สร้างโรงละครขนาดใหญ่ เพือ่ ใช้เป็นสถานท่ใี นการจัดแสดง 59. เพราะเหตใุ ดการละครไทยในสมัยธนบรุ ีจงึ ไม่ค่อยได้รบั ความนยิ ม 1. อยใู่ นช่วงพ้นจากการทาสงคราม 2. ขาดการสนบั สนนุ จากเหล่าขุนนาง 3. ไม่มีการนาบทละครใหมๆ่ มาจดั แสดง 4. ประชาชนหนั มาสนใจการละครตะวันตก 60. พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลท่ี 1) เป็นบุคคลท่ีมีความสาคัญต่อวงการ ละครไทยอยา่ งไร 1. บรรเลงดนตรีประกอบการแสดง 2. ออกแบบเคร่ืองแตง่ กายละคร 3. เขา้ ร่วมการแสดงละคร 4. รวบรวมตาราฟ้อนรา  ~ 22 ~

เฉลยข้อสอบมาตรฐานช้ันปี มัธยมศกึ ษาปีที่ 1 ชดุ ท่ี 1 1. 2 2. 4 3. 1 4. 1 5. 3 6. 4 10. 3 11. 1 7. 2 8. 3 9. 4 15. 3 16. 2 20. 2 21. 4 12. 2 13. 2 14. 3 25. 3 26. 1 30. 2 31. 4 17. 1 18. 1 19. 4 35. 2 36. 4 40. 1 41. 1 22. 2 23. 1 24. 2 45. 2 46. 2 50. 3 51. 3 27. 4 28. 3 29. 2 55. 1 56. 4 60. 3 32. 1 33. 3 34. 1 37. 3 38. 4 39. 4 42. 4 43. 2 44. 3 47. 3 48. 4 49. 2 52. 3 53. 1 54. 2 57. 3 58. 2 59. 1 เฉลยขอ้ สอบมาตรฐานชั้นปี มัธยมศึกษาปีที่ 1 ชดุ ท่ี 2 1. 2 2. 4 3. 3 4. 2 5. 4 6. 1 10. 2 11. 4 7. 2 8. 1 9. 3 15. 4 16. 3 20. 3 21. 3 12. 3 13. 1 14. 2 25. 4 26. 3 30. 4 31. 3 17. 4 18. 1 19. 2 35. 4 36. 3 40. 1 41. 2 22. 2 23. 4 24. 2 45. 4 46. 3 50. 3 51. 4 27. 1 28. 3 29. 3 55. 4 56. 4 60. 4 32. 2 33. 2 34. 1 37. 2 38. 1 39. 3 42. 2 43. 1 44. 3 47. 2 48. 3 49. 1 52. 1 53. 2 54. 4 57. 3 58. 3 59. 1  ~ 23 ~

เฉลยแบบทดสอบมาตรฐานชั้นปี ชดุ ท่ี 1 เฉลยอย่างละเอยี ด 1. ตอบ ขอ้ 2. เพราะธรรมชาติกับการสร้างสรรค์ผลงานทัศนศิลป์ เป็นปัจจัยของความสัมพันธ์ที่มีความ เก้ือกูลส่งเสริมซึ่งกันและกัน มนุษย์ได้อาศัยเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงาน ทัศนศิลป์ในสาขาต่างๆ ซึ่งผลงานดังกล่าวส่วนหนึ่งจะเกิดจากการอาศัยธรรมชาติ หรือ สิ่งแวดล้อมเป็นแรงบันดาลใจ การสร้างรูปทรงลักษณะต่างๆ กัน ท้ังแบบรูปธรรม นามธรรม และก่งึ นามธรรม โดยมีธรรมชาติเป็นต้นแบบของแรงบันดาลใจ ทาให้ได้คิดใน แง่มุมต่างๆ กัน อย่างไม่มีวันจบสิ้นตราบเท่าท่ีมนุษย์ยังมีความคิดสร้างสรรค์และมี จินตนาการ โลกของงานทัศนศิลป์ก็จะเปิดกว้างให้กับผู้ท่ีมีใจรักทางทัศนศิลป์ และการ แสดงออก โดยใชก้ จิ กรรมเป็นชอ่ งทางของการถา่ ยทอดความร้สู กึ นึกคดิ ได้อยา่ งอิสระ 2. ตอบ ขอ้ 4. เพราะธรรมชาติได้เข้ามามีส่วนช่วยในการสร้างสรรค์ผลงานทัศนศิลป์ ดังน้ัน หน้าที่ของ ศิลปินท่ีสาคัญก็คือจะต้องมีความรู้ ความเข้าใจในธรรมชาติ รู้จักถ่ายทอดแรงบันดาลใจที่ เกดิ จากธรรมชาติใหเ้ ป็นรูปทรงและเรื่องราวที่ถูกต้องตรงตามความเป็นจริงเท่าท่ีความงาม ในธรรมชาตจิ ะสามารถเอือ้ อานวย 3. ตอบ ขอ้ 1. เพราะหลักการจัดองค์ประกอบศิลป์ จัดเป็นหลักการสาคัญสาหรับผู้สร้างสรรค์ผลงาน ทัศนศิลป์ อันเนื่องมาจากผลงานทัศนศิลป์ไม่ว่าจะช้ินใดๆ ก็ตาม ล้วนมีคุณค่าอยู่ด้วยกัน 2 ประการ คือ 1. คณุ ค่าทางด้านรูปทรง เกดิ จากการนาเอาองค์ประกอบต่างๆ ของทัศนศิลป์มาจดั รวมเข้าไว้ดว้ ยกนั เพ่อื ใหเ้ กิดความงาม 2. คุณค่าทางด้านเนื้อหา เป็นเรอ่ื งราวของผลงานที่ถูกสรา้ งสรรค์ขนึ้ ผู้ชมสามารถรับรู้ ได้ โดยอาศัยรปู ลักษณะทเ่ี กิดจากการจดั องคป์ ระกอบศิลป์ ถ้าองคป์ ระกอบท่ีจัดขึน้ ไม่มีความสัมพนั ธก์ บั เรอ่ื งราว ที่ต้องการนาเสนอ ผลงานชนิ้ นน้ั กจ็ ะขาดคณุ ค่าทาง ความงาม ดงั นั้น ในการจดั องค์ประกอบศลิ ป์ จึงมีความสาคัญต่อการสร้างสรรค์ผลงานทัศนศิลป์เป็น อยา่ งมาก เพราะจะทาให้ผลงานทศั นศลิ ปม์ ีคุณค่าทางความงามอย่างสมบรู ณ์ 4. ตอบ ขอ้ 1. เพราะจากภาพแสดงให้เห็นถึงหลักการจัดองค์ประกอบศิลป์ที่เรียกว่า “ เอกภาพ ” เนือ่ งจากภาพผลงานสะทอ้ นใหเ้ หน็ ถงึ ความเป็นอันหน่ึงอันเดียวกัน รวมท้ังความกลมกลืน เขา้ กนั ได้ เอกภาพในทางทัศนศิลป์จะหมายถึง การจัดภาพที่จะต้องทาให้เกิดความสัมพันธ์ อยู่ในกลมุ่ เดียวกัน ไม่กระจัดกระจาย หรือก่อให้เกิดความสับสน แต่จะมีความสัมพันธ์กัน อย่างไรนั้น ไม่มีกฎเกณฑ์ท่ีแน่นอนตายตัวขึ้นอยู่กับความคิด และการนาเสนอของ ผู้สร้างสรรค์ผลงานในการจดั ภาพ ~ 24 ~

5. ตอบ ขอ้ 3. เพราะการเขยี นภาพ เปน็ สง่ิ ทแี่ สดงออกถงึ ความสามารถในการสร้างสรรคผ์ ลงานทัศนศิลป์ ของมนุษย์ เปน็ สิ่งท่ีถ่ายทอดความคิด ความรู้สึกภายในจิตใจของตนเองออกมา มนุษย์รู้จัก การวาดภาพ เขียนภาพกันมาหลายยุคหลายสมัย นับตั้งแต่สมัยดึกดาบรรพ์ ซึ่งเป็น ระยะเวลายาวนานนับหมื่นปีมาแล้ว ดังจะเห็นได้จากภาพบนฝาผนังถ้าและเพดานถ้าที่ มนุษยอ์ าศัยอยู่ โดยส่วนใหญจ่ ะเป็นภาพเกยี่ วกบั สตั ว์ ทม่ี นุษย์สามารถพบเห็นได้อยู่เสมอๆ หรือสัตว์ท่ีมนุษย์ล่ามาเป็นอาหาร เช่น วัว กวาง ม้า ปลา เป็นต้น ภาพเขียนจึงเป็นภาพท่ี ถ่ายทอดความทรงจา เช่น ภาพเขียนในยุคหินเก่าภายในถ้าลาส์โกซ์ (Lascaux) ประเทศ ฝร่ังเศส เปน็ ต้น 6. ตอบ ขอ้ 4. เพราะการวาดภาพแสดงทศั นียภาพ เปน็ วิธีการสร้างภาพให้มีระยะใกล้-ไกล มีลักษณะเป็น ภาพ 3 มิติ ทาให้การมองเห็นภาพมีลักษณะคล้ายคลึงกับส่ิงท่ีตามองเห็น ที่ปรากฏอยู่จริง ในโลก การนาหลักการวาดภาพแสดงทัศนียภาพด้วยวิธีการกาหนดจุดรวมสายตา หรือใช้ วิธีการทางทัศนศิลป์มาสร้างความลึกลวงตา จะนิยมนามาใช้ในการวาดภาพ ระบายสีวัตถุ หรือทิวทัศน์ เพราะจะทาให้ภาพมีบรรยากาศของความใกล้-ไกล ตื้น-ลึก เป็นมิติท่ีให้ ความรสู้ กึ ทางสนุ ทรียะได้ โดยเฉพาะในการวาดภาพเหมือนจริงด้วยแล้ว หลักของการวาด ภาพแบบทศั นียภาพก็นับวา่ มคี วามเก่ยี วข้องและจาเป็นอยา่ งมาก 7. ตอบ ข้อ 2. เพราะงานป้ัน จัดเป็นผลงานทัศนศิลป์ท่ีถูกสร้างข้ึนจากการนาวัสดุที่มีเนื้ออ่อน เช่น ดินเหนียว ดินน้ามัน เป็นต้น มาผ่านกระบวนต่างๆ แล้วนามาปั้นให้เกิดเป็นรูปทรงต่างๆ ตามความต้องการ ส่วนงานสื่อผสม จัดเป็นผลงานทัศนศิลป์ที่เกิดจากการนาวัสดุ หลากหลายชนดิ เชน่ กระดาษ ไม้ โลหะ เป็นต้น มาผสมผสานกันด้วยความคิดสร้างสรรค์ จนไม่สามารถระบไุ ด้ว่าเป็นผลงานทัศนศลิ ป์อย่างใดอย่างหนงึ่ โดยเฉพาะ 8. ตอบ ขอ้ 3. เพราะเศษวสั ดุทีแ่ ปลกปลอมเขา้ มาอยใู่ นวตั ถทุ ีจ่ ะนามาใช้ในงานป้ันเหล่าน้ี จะทาให้พื้นผิว ของผลงานปั้นดูขรุขระ ไม่เรียบเนียน และเมื่อปฏิบัติผลงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผลงานที่ ออกมาจะดูไมส่ วยงามเท่าทีค่ วร นอกจากน้ี วัตถุเหล่าน้ันอาจก่อให้เกิดอันตรายในระหว่าง การป้ันได้ เช่น ถ้าวัตถุท่ีปนอยู่เป็นเศษแก้ว อาจทาให้บาดมือผู้สร้างสรรค์ผลงานได้ เป็นต้น ดังนั้น ก่อนการลงมือปฏิบัติงานป้ันทุกคร้ัง จึงควรมีการคัดแยกเศษวัสดุที่ แปลกปลอมออกกอ่ น 9. ตอบ ข้อ 4. เพราะการสรา้ งสรรคผ์ ลงานใดๆ ก็ตาม เพื่อต้องการให้ผลงานนั้นมีความแปลกใหม่ ไม่ซ้า กับของท่ีมีอยู่เดิม หรือต่อเติม ปรับปรุงส่ิงที่มีอยู่เดิมให้มีความสมบูรณ์มากยิ่งข้ึน ทั้งใน เรื่องของประโยชน์ใช้สอยและความงาม ดังจะพบเห็นได้จากส่ิงของเคร่ืองใช้ทั้งหลาย ท่ีรายล้อมอยู่รอบๆ ตัว ส่ิงใหม่ๆ ท่ีผลิตขึ้นมาย่อมมีความสวยงามทั้งในเร่ืองของการ ออกแบบ สีสัน วัสดุท่ีนามาใช้ เทคนิคที่ใช้ในการผลิต การออกแบบจึงนับว่าเป็นส่วน สาคัญอันดับแรกในการพัฒนาสิ่งต่างๆ เพ่ือตอบสนองความต้องการ ในด้านต่างๆ ของ ~ 25 ~

มนษุ ย์ ยงิ่ ในยคุ ปจั จบุ นั ทุกวงการท่เี กีย่ วข้องกบั การสรา้ งสรรค์ผลงาน ไมว่ ่าด้านศิลปะ หรือ ศิลปะประยุกต์ท่ีนาไปใช้ในชีวิตประจาวัน ได้มีการแข่งขันกันเป็นอย่างมาก นักออกแบบ จึงต้องพัฒนาความคิดริเร่ิมสร้างสรรค์ให้มีความก้าวหน้าอยู่เสมอ จึงจะสามารถสร้าง ผลงานให้เปน็ ท่ยี อมรบั ได้อยา่ งต่อเน่อื ง 10. ตอบ ขอ้ 3. เพราะการออกแบบ เป็นงานสร้างสรรค์ที่ต้องใช้ความคิดและจินตนาการ เพ่ือก่อให้เกิดสิ่ง ที่แปลกใหม่ หรือปรับปรุง เปลี่ยนแปลงส่ิงเดิมที่มีอยู่ให้ดียิ่งข้ึนด้วยวัสดุ โครงสร้าง เทคนิค ในการออกแบบที่ดีน้ัน จะต้องมีการนาองค์ประกอบทางทัศนศิลป์เข้ามาร่วมด้วย เพื่อชว่ ยให้การออกแบบบรรลุตรงตามวตั ถุประสงค์ดา้ นประโยชนใ์ ช้สอยและความงาม 11. ตอบ ขอ้ 1. เพราะการวิจารณ์ผลงานทัศนศิลป์ เป็นกระบวนการปฏิบัติท่ีสามารถช่วยให้ผู้วิจารณ์ มีประสบการณ์ตรงกบั ผลงานทางทัศนศิลปต์ ่างๆ ได้ สามารถอ่านและทาความเข้าใจคุณค่า และความหมายทางทัศนศลิ ป์ได้ โดยแสดงออกด้วยการพดู หรอื การเขียน ซ่ึงการวิจารณ์จะ ได้ผลดีมากน้อยเพียงใดน้ัน ผู้วิจารณ์ควรมีประสบการณ์กับผลงานทัศนศิลป์โดยตรง เพราะผู้วิจารณ์จะสามารถมองเห็นรูปลักษณะ เทคนิคแบบสมบูรณ์ สามารถวิเคราะห์และ ตคี วามจากผลงานจรงิ แบบตรงไปตรงมาได้อยา่ งสรา้ งสรรคแ์ ละถูกต้องเหมาะสม 12. ตอบ ข้อ 2. เพราะคุณสมบัติของผู้ท่ีจะสามารถวิจารณ์ผลงานทัศนศิลป์ได้นั้น จะต้องมีพื้นฐานความรู้ ในงานทัศนศิลป์แต่ละประเภทจากการศึกษาและได้พบเห็นมา ต้องมีความรู้ ความเข้าใจ งานทัศนศลิ ป์ในดา้ นทจี่ ะวจิ ารณ์ ซ่ึงจะทาให้ผลการวิจารณ์มีน้าหนัก และมีความน่าเชื่อถือ มากย่ิงข้ึน 13. ตอบ ข้อ 2. เพราะจิตรกรรมไทย นับเป็นวิจิตรศิลป์แขนงหน่ึง ท่ีนิยมถ่ายทอดเร่ืองราวผ่านภาพวาด โดยมีเนื้อหาส่วนใหญ่เป็นเร่ืองเก่ียวกับพระพุทธศาสนา ประวัติศาสตร์ โบราณคดี ชีวิตความเป็นอยู่ วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม ประเพณี ฯลฯ ที่เกิดข้ึนในแต่ละยุคสมัย ซึ่งนอกจากจะส่งผลสะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมอันดีงามของชาติแล้ว ยังมีคุณค่าทาง ทัศนศลิ ปท์ ี่ชว่ ยเสริมสร้างสนุ ทรียภาพใหเ้ กิดขึ้นภายในจิตใจของมนษุ ย์ และเป็นประโยชน์ ตอ่ การศกึ ษาเรอื่ งราวต่างๆ ในอดตี ไดเ้ ป็นอย่างดี 14. ตอบ ข้อ 3. เพราะพระทนี่ ง่ั วิมานเมฆ เป็นหน่งึ ในพระที่น่ังท่ีสร้างจากไม้สักทองท้ังหลัง ( การก่อสร้าง แล้วเสร็จเมอ่ื เดอื นมนี าคม พ.ศ. 2444 ) จัดว่ามีลักษณะทางสถาปัตยกรรมที่งดงาม ประณีต และละเอียดอ่อน โดยได้รับอทิ ธิพลการก่อสร้างมาจากตะวันตก 15. ตอบ ขอ้ 3. เพราะงานทัศนศิลป์ของชาติ เป็นงานทัศนศิลป์ที่ถูกถ่ายทอดและสร้างข้ึนโดยช่างจาก ราชสานัก หรอื ชา่ งหลวง โดยรูปแบบจะมีความแตกต่างกันออกไปตามลักษณะของการใช้ ส่ือ วัสดุ กรรมวิธี และพัฒนาการทางด้านทัศนศิลป์ในแต่ละยุคสมัย ตลอดจนอุดมคติของ ผู้สร้างสรรค์ผลงาน ซ่ึงผลงานแต่ละชิ้นล้วนสะท้อนให้เห็นถึงเอกลักษณ์ของความเป็น ชาติไทยได้เป็นอยา่ งดี ~ 26 ~

16. ตอบ ข้อ 2. เพราะงานทัศนศิลป์ของท้องถ่ิน เป็นศาสตร์ทางด้านศิลปกรรมในสาขาภูมิปัญญาไทย ทางด้านจิตรกรรม ประติมากรรม และสถาปัตยกรรม ท่ีเป็นผลงานการสร้างสรรค์ของ ท้องถิ่นท่ีเกิดข้ึนจากภูมิปัญญาของชาวบ้านท่ีได้ประดิษฐ์คิดค้นขึ้นมา มีเอกลักษณ์เฉพาะ ของตนทสี่ ามารถบ่งบอกได้ว่าเกิดจากสถานทีใ่ ด 17. ตอบ ขอ้ 1. เพราะจากภาพเป็นงานจิตรกรรมท้องถ่ินท่ีปรากฏอยู่บนฝาผนังวัดสระบัวแก้ว ตาบลหนองเม็ก อาเภอหนองสองห้อง จังหวัดขอนแก่น ซ่ึงผลงานจิตรกรรมที่เกิดขึ้น ภายในท้องถิน่ นน้ั จะเป็นผลงานการวาดภาพระบายสีลงบนพื้นผิวต่างๆ ตามความรู้สึกนึก คิดของชาวบ้าน มีลักษณะเรียบง่าย ไม่เน้นการแสดงรายละเอียดมากนัก แต่จะแสดงออก ให้เห็นถึงความทรงจา ตลอดจนแรงบันดาลใจจากส่ิงท่ีพบเห็นในธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม ผ่านภาพวาดจิตรกรรมในลักษณะต่างๆ เช่น จิตรกรรมฝาผนัง จิตรกรรม ประกอบเคร่ืองใช้ จิตรกรรมประเภทเครื่องเล่นต่างๆ จิตรกรรมที่เกิดจากความเช่ือ และความศรทั ธาในพระพุทธศาสนา เปน็ ตน้ 18. ตอบ ข้อ 1. เพราะในการสร้างงานทัศนศิลป์ในวัฒนธรรมไทย จะมีจุดประสงค์ในการสร้าง คือ เพ่ือต้องการถ่ายทอดประสบการณ์และความรู้สึก เพื่อความภาคภูมิใจของตนเองและ หมู่คณะ เพื่อดึงดูดความสนใจ เพื่อเป็นแนวทางในการออกแบบ เพ่ือสะดวก ในการดารงชวี ิต และเพ่อื แสดงออกดา้ นความเชอ่ื 19. ตอบ ข้อ 4. เพราะการสรา้ งสรรค์ผลงานทัศนศลิ ปใ์ นระยะแรกๆ ส่วนใหญ่จะเกิดข้ึนจากความเช่ือและ ความศรัทธาในอานาจลี้ลับต่างๆ ท่ีมองไม่เห็น และมีรูปแบบในการแสดงออกของผลงาน เป็นการเลียนแบบธรรมชาติและส่ิงต่างๆ ที่อยู่รอบๆ ตัว รวมท้ังมีการพัฒนารูปแบบตาม ความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ จนในที่สุดรูปแบบเหล่าน้ันก็ถูกพัฒนามาเป็นรูปแบบทาง ทศั นศิลปท์ ่ีมีเอกลักษณเ์ ฉพาะตวั 20. ตอบ ข้อ 2. เพราะทัศนศิลป์ในวัฒนธรรมไทยและวัฒนธรรมสากล มีจุดเริ่มต้นในการสร้างสรรค์ ผลงานต่างๆ ท่ีมีความเป็นมาคล้ายคลึงกัน จากปัจจัยพ้ืนฐานในการดารงชีวิตของมนุษย์ ที่ สะท้อนให้เห็นถงึ ความเชือ่ ความศรัทธาทางศาสนา รวมถึงลทั ธิ และปรชั ญาต่างๆ 21. ตอบ ข้อ 4. เพราะตวั โนต้ เพลงไทย เป็นสัญลักษณ์ที่ใช้แทนเสียงในการบรรเลงดนตรีไทย เป็นสื่อช่วย ในการสร้างความเข้าใจในกลุ่มของนักดนตรีด้วยกัน เปรียบเสมือนกับตัวอักษรไทย หรือ ภาษาไทยท่ีใช้เป็นเคร่ืองมือในการสื่อสารทาความเข้าใจระหว่างผู้ใช้ภาษาไทยด้วยกัน ไม่ว่าคีตกวี หรือผู้ประพันธ์เพลงจะเรียบเรียงท่วงทานองเพลงไว้ยากหรือง่าย ไพเราะ หรือไม่เพียงใด นักดนตรีไทยจะมีความเข้าใจที่ตรงกัน สามารถบรรเลงออกมาเป็น ท่วงทานองเดียวกัน แสดงให้เห็นถึงคุณค่าของตัวโน้ตในการถ่ายทอด ช่วยในการจดจา ทาให้เพลงไทยคงอยู่คู่ชาติไทย นอกจากน้ี ยังช่วยให้ชาวต่างชาติได้รู้จักและสนใจท่ีจะ ~ 27 ~

ศกึ ษา ฝึกหดั ดนตรไี ทยเพิ่มมากขน้ึ อนั เป็นอีกหนทางหน่ึงท่ีจะช่วยให้ดนตรีไทยเป็นท่ีรู้จัก แพรห่ ลายไปทวั่ โลก 22. ตอบ ขอ้ 2. เพราะเพลงไทยจะมีการแบ่งห้องเพลงออกเป็นเลขคู่ ใน 1 ชุด หรือ 1 แถวจะมี 8 ห้อง หรือ 4 ห้อง โดยแต่ละห้องจะมี 4 จังหวะ แต่ละจังหวะ คือ 1 ตัวโน้ต การบันทึกเสียงฉิ่งที่จะ ปรากฏในเพลงที่มีอัตราจังหวะ 2 ชั้น จึงมีลักษณะดังน้ี คือ | - - - ฉ่ิง|| - - - ฉับ|| - - - ฉิ่ง|| - - - ฉับ| 23. ตอบ ข้อ 1. เพราะการแบง่ เสียงของมนษุ ย์ สามารถแบ่งออกเป็น 6 ประเภท คอื ฝา่ ยหญงิ 3 ประเภท เรยี งจากเสียงสงู ไปหาเสียงตา่ คือ โซปราโน (Soprano) เมซโซโซปราโน (Mezzo-soprano) และอลั โต (Alto) ฝา่ ยชาย 3 ประเภท เรียงจากเสียงสูงไปหาเสียงต่า คือ เทเนอร์ (Tenor) บาริโทน (Baritone) และเบส (Bass) เหตุที่ต้องแบ่งเสียงออกเป็น 6 ประเภท ก็เพื่อนามาใช้ประโยชน์ในการขับร้อง ออราทอริโอ (Oratorio) และการแสดงอุปรากร (Opera) ของตะวันตกน่นั เอง 24. ตอบ ข้อ 2. เพราะเพลงไทยเดิม เป็นเพลงท่ีมีการขับร้องด้วยวิธีการแบบไทย มีเอกลักษณ์ที่สาคัญอยู่ท่ี การเอ้ือนเสียง ซ่ึงการเอ้ือนเสียงเป็นการเปล่งเสียงท่ีไม่มีความหมาย แต่เป็นทานอง ประกอบการขับร้อง โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้การขับร้องครบถ้วนตามจังหวะหน้าทับ ซึ่งวิธีการเอ้ือนโดยปกติ จะใช้เสียงอือ ฮือ เออ เฮอ เงอ เงย ใส่ทานองให้มีสัมพันธ์ กับคารอ้ ง 25. ตอบ ขอ้ 3. เพราะการขับร้องประสานเสียง เป็นการขับร้องในรูปแบบหน่ึงท่ีจะมีผู้ขับร้องต้ังแต่ 2 คน ขึน้ ไป โดยอาจจะขับรอ้ งเพลงทมี่ ีทานองเดยี วกันแตข่ ึ้นต้น หรือลงจบไม่พร้อมกัน อาจร้อง พร้อมกัน แต่มีทานองเพลงหลายทานอง หรือหลายแนว โดยมีแนวใดเป็นทานองหลัก ส่วนแนวอื่นๆ เป็นทานองประสานเสียง ซ่ึงในการขับร้องประสานเสียงให้เกิดความ ไพเราะน้ัน จะยึดหลักของความพร้อมเพรียงในการขบั รอ้ งเปน็ สาคัญ 26. ตอบ ขอ้ 1. เพราะวงต้มุ โมง เปน็ ช่ือของวงดนตรีที่นิยมนามาใช้บรรเลงประโคมในงานศพของคนไทย เชอ้ื สายเขมร และจะบรรเลงเฉพาะในเวลากลางคืนเท่านั้น เครื่องดนตรีจะประกอบไปด้วย กลองขนาดใหญ่ (กลองเพล หรือกลองทัด) ฆ้องหุ่ย และปี่ หัวใจสาคัญของการบรรเลง ดนตรีด้วยวงตุ้มโมงก็คือเสียงฆ้องท่ีจะตีส่งเสียงดังกังวานทั้งวันท้ังคืน เพ่ือเป็นการส่ง วิญญาณผู้ตาย ส่วนกลองจะนามาตีแทรกเป็นระยะ และเป่าปี่ดาเนินทานองเพลงโศกเป็น บางเวลา 27. ตอบ ขอ้ 4. เพราะวงเคร่ืองสาย เป็นวงดนตรีที่นิยมนามาบรรเลงในงานมงคลต่างๆ นิยมนามาแสดง ภายในสถานที่ในการจัดงานไม่ใหญ่โต กว้างขวางมากจนเกินไป อันเน่ืองมาจาก วงเครอ่ื งสายเมือ่ นามาบรรเลงแล้วจะให้เสยี งที่เบา ~ 28 ~

28. ตอบ ข้อ 3. เพราะวงชาโดว์ (The Shadow) เป็นวงเครอื่ งสายขนาดเล็ก ท่ีผสมวงด้วยเคร่ืองดนตรี 4 ชิ้น ได้แก่ กีตาร์ลีด กีตาร์คอร์ด กีตาร์เบส และกลองชุด วงดนตรีชนิดนี้เกิดข้ึนในประเทศ อังกฤษ และเหตุท่ีเรียกว่า “ วงชาโดว์ ” นั้น ก็เพราะเรียกตามชื่อของวงดนตรีชนิดนี้วงแรก ที่เผยแพร่เขา้ มาในประเทศไทย และยังได้รบั ความนยิ มนามาแสดงในงานตา่ งๆ 29. ตอบ ขอ้ 2. เพราะจังหวะ ( Rhythm ) สามารถบันทึกแทนด้วยตัวโน้ตและตัวหยุดในลักษณะต่างๆ กัน ได้ ลักษณะของจังหวะจะเป็นตัวกาหนดความสั้น-ยาวของเสียงตัวโน้ตแต่ละตัว ลักษณะ จังหวะจะปรากฏพร้อมกับตวั โน้ต ซง่ึ ผเู้ ล่นดนตรจี ะตอ้ งอา่ นทั้งระดบั เสียงของตัวโน้ต และ อ่านลักษณะจงั หวะของตัวโนต้ ไปพร้อมๆ กัน 30. ตอบ ขอ้ 2. เพราะเพลงพระราชนิพนธ์พรปีใหม่ เป็นเพลงที่มีจังหวะเร็ว ให้ความสนุกสนาน บรรเลง ดว้ ยเสยี งเบา และมอี ารมณ์ดา้ นบวก 31. ตอบ ข้อ 4. เพราะเพลงเถา เพลงตับ จัดอยู่ในประเภทของเพลงขับร้อง ซ่ึงเป็นเพลงที่มีการขับร้องและ บรรเลงดนตรปี ระกอบ ในภาษานกั ดนตรีจะเรียกเพลงขับร้องว่า “ เพลงรับร้อง ” เพราะใช้ ดนตรีรับ การขับร้อง หรือ “ การร้องส่ง ” เพราะใช้ร้องแล้วส่งให้ดนตรีรับ ส่วนคาตอบ ในขอ้ 1. - 3. จัดอย่ใู นประเภทของเพลงบรรเลง ซึ่งเป็นเพลงทใี่ ชด้ นตรีบรรเลงล้วนๆ 32. ตอบ ขอ้ 1. เพราะจากข้อความน้ี คือ เพลงเขมรเหลือง (พระร่วง) ซึ่งในเน้ือเพลงได้มีการกล่าวถึง เชื้อชาติต่างๆ จึงมีลักษณะการขับร้องที่เรียกว่า “ เพลงภาษา ” ซึ่งเพลงภาษา เป็นเพลงที่ บรมครทู างดา้ นดนตรไี ทยแต่งขึ้น โดยมีการเลยี นสาเนียงเพลงของชนชาติชนต่างๆ ให้เป็น แบบอย่างของไทย 33. ตอบ ข้อ 3. เพราะการประเมนิ คุณภาพดา้ นเสยี งในการขับร้อง ควรประเมนิ ในเร่ืองตา่ งๆ ดังตอ่ ไปนี้ 1. มีพลังเสยี งทสี่ มา่ เสมอ 2. มีอตั ลกั ษณ์ไม่ลอกเลียนแบบใคร 3. แก้วเสยี งใส สะอาดและกลมกล่อม 4. ขน้ึ สงู -ลงตา่ ได้ครบตามทานองโดยไม่มีเสยี งบอด 5. ควบคมุ ลมหายใจไดอ้ ย่างถูกตอ้ งตามประโยคเพลง 34. ตอบ ข้อ 1. เพราะจากข้อความทว่ี า่ “ สีสันของเสียงเครื่องดนตรีท่ีใชเ้ ล่นทานองสอดคล้องเหมาะสมกับ อารมณ์ของบทเพลง ” จัดอยู่ในการประเมินคุณภาพของบทเพลงในด้านคุณภาพด้าน องค์ประกอบของดนตรี ซึ่งจะต้องมีการประเมินให้สอดคล้องไปกับการบรรเลงทานอง สอดประสานในด้านต่างๆ ดงั ตอ่ ไปน้ี 1. ทานองสอดมีความไพเราะ 2. สอดกับทานองหลกั ในท่ีเหมาะสม 3. ความหนาแนน่ หรือไดนามิก (ดัง-เบา) สอดคลอ้ งกบั ทานองหลกั ~ 29 ~

4. ทานองสอดทกุ ทานองกลมกลืนเขา้ หากันตามหลักทฤษฎีการดาเนินคอร์ด 35. ตอบ ขอ้ 2. เพราะจะเขจ้ ะมีวธิ กี ารดแู ลรกั ษาเม่อื ใชเ้ สรจ็ แล้ว ดงั ต่อไปนี้ 1. เก็บไมด้ ีดจะเข้ไวใ้ นทีเ่ ก็บ 2. วางจะเข้ไวใ้ นรม่ เพอ่ื ป้องกันแสงแดด 3. ใชผ้ า้ เช็ดแหง้ เช็ดทาความสะอาดท่ตี วั จะเข้ 4. ระมดั ระวงั อยา่ ให้ถูกน้า หรือไดร้ ับความชื้น 36. ตอบ ข้อ 4. เพราะหลังจากการบรรเลงระนาดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก่อนนาไปเก็บควรมีการปลดเชือกที่ ร้อยผืนระนาดลงมาหนึ่งข้าง เพ่ือลดน้าหนักไม่ให้ตะขอหลุดง่าย และเพ่ือไม่ให้ผืนระนาด หย่อน หรือขาด จากนั้นเก็บไม้ตีระนาดไว้ในราง และนาระนาดไปเก็บไว้ในที่ที่เหมาะสม เพื่อความสะดวกในการนามาใช้ในครงั้ ต่อไป 37. ตอบ ข้อ 3. เพราะทบู า ทรอมโบน จดั เปน็ เครอื่ งดนตรสี ากลประเภทเครอ่ื งเป่าลมทองเหลืองเหมือนกัน ดงั น้นั จงึ มวี ิธใี นการเก็บดูแลรักษาท่ีเหมือนกนั กล่าวคอื ควรใช้ผ้านุ่มเช็ดทาความสะอาดท่ี ตัวเคร่อื งทั้งก่อนและหลงั การใช้งาน เมือ่ ใช้งานเสรจ็ เป็นทเี่ รยี บร้อยแล้วให้กดกระเดื่องเพื่อ ไล่น้าลาย เป่าลมแรงๆ เข้าไปตรงปากเป่า เพื่อไล่หยดน้าลายท่ีค้างอยู่ในท่อ ถอดปากเป่า ออกมาทาความสะอาดโดยใช้ผ้าเช็ด จากนั้นใช้เศษผ้าแตะครีมขัดโลหะนามาลูบบน ตัวเครื่องแล้วใช้ผ้านุ่มเชด็ ให้เกิดความเงางาม พร้อมท้งั เกบ็ ใสก่ ล่องใหเ้ รียบรอ้ ย 38. ตอบขอ้ 4. เพราะเพลงขวัญใจดอกไม้ของชาติ เป็นเพลงใช้ประกอบการราวงมาตรฐาน ซึ่งเป็น การละเล่นพ้ืนเมืองของชาวไทย ที่นิยมนามาใช้แสดงในงานรื่นเริงต่างๆ ซ่ึงจัดขึ้น เพอื่ ประกอบกจิ กรรมทางสังคม 39. ตอบ ข้อ 4. เพราะการทจ่ี ะสามารถรบั รู้ความงามของดนตรีและเข้าถึงความไพเราะของบทเพลงได้น้ัน อารมณ์และจิตใจถือว่าเป็นสิ่งที่สาคัญอย่างมาก ซ่ึงบุคคลแต่ละคนจะมีการรับรู้เรื่อง ความงามของดนตรีท่แี ตกต่างกนั ออกไป 40. ตอบ ข้อ 1. เพราะเสียงดนตรี คือ เสียงท่ีมนุษย์ประดิษฐ์ขึ้นมา โดยนาเสียงต่างๆ มาจัดระบบให้ได้ สัดสว่ นมคี วามกลมกลนื กัน โดยทัว่ ไปแล้วเสยี งดนตรจี ะเกดิ จากเสยี งเครื่องดนตรีและเสียง ร้องเพลงของมนุษย์ เสียงของดนตรีจะมีความไพเราะน่าฟังเพียงใดนั้นข้ึนอยู่กับทักษะ การเรยี บเรียงเสยี งประสานของศลิ ปิน 41. ตอบ ขอ้ 1. เพราะในการคัดเลือกนักแสดง เพ่ือนามาจัดการแสดงละครน้ัน ผู้จัดจะต้องคัดเลือกบุคคล ให้มคี วามเหมาะสมกับบุคลกิ ลักษณะของตวั ละครในเรือ่ ง 42. ตอบ ขอ้ 4. เพราะการเตรียมความพร้อมของประสาทสัมผัสท้ัง 5 เป็นการตอบรับของประสาทสัมผัส ว่าตนกาลงั ทาอะไร และแสดงท่าทางออกมาให้เกิดความน่าเชื่อถือ เสมือนอยู่ในเหตุการณ์ นั้นๆ ซ่ึงจะทาให้เกิดปฏิกิริยาตอบสนองในรูปแบบต่างๆ อันจะนาไปสู่การแสดงท่ี ~ 30 ~

แนบเนียน และมีชีวิตชีวา ดังนั้น นักแสดงท่ีดีจึงต้องหมั่นฝึกประสาทสัมผัสท้ัง 5 ของตนเองให้มคี วามพรอ้ มอยู่เสมอ 43. ตอบ ข้อ 2. เพราะการต้ังวงล่าง น้ิวมือท้ัง 4 จะวางเรียงชิดติดกัน ส่วนนิ้วหัวแม่มือหักเข้าหาฝ่ามือ โดยให้ปลายน้วิ มอื อยรู่ ะดับเอว หรือชายพก แต่วงล่างของตวั พระจะต้องกันข้อศอกออกไป ทางด้านข้างของลาตัว ส่วนวงล่างของตัวนางจะหนีบข้อศอกเข้าหาลาตัว ปลายนิ้วอยู่ ระดบั เอว ด้วยเหตนุ เ้ี องจึงทาใหก้ ารตง้ั วงล่างของตวั นางมลี ักษณะวงแคบกว่าของตวั พระ 44. ตอบ ข้อ 3. เพราะภาษาท่า เป็นการแสดงกิริยาท่าทางเพ่ือสื่อความหมายแทนคาพูด ส่วนมากนิยม นามาใชใ้ นการแสดงนาฏศิลป์และการแสดงละครต่างๆ เพราะต้องใช้การเคลื่อนไหวแทน คาพูดและความหมายต่างๆ เพ่ือใหเ้ กิดความสวยงามในการแสดง 45. ตอบ ขอ้ 2. เพราะการใช้ฝา่ มอื ซา้ ยแตะบริเวณหนา้ ผาก มือขวากมุ ท่ีชายพก (หัวเข็มขัด) พร้อมท้ังสะดุ้ง ลาตวั ขึ้น-ลง จัดเป็นการแสดงภาษาทา่ ทีเ่ รียกว่า “ ร้องไห้ ” 46. ตอบ ขอ้ 2. เพราะระบาไกรลาศสาเริง เป็นระบาท่ีปรากฏอยู่ในละครเร่ืองมโนห์รา ตอนสมโภช พิธีอภิเษกสมรสระหว่างพระสุธนกับนางมโนห์รา เนื้อร้องจะกล่าวถึงการขอพรจาก สรรพสิ่งต่างๆ ท่ีอยู่บนเขาไกรลาศ เพ่ืออวยพรให้ผู้ชมมีความสุข ซ่ึงระบาไกรลาศสาเริง จัดอยู่ในประเภทของระบาเบ็ดเตล็ด เพราะเป็นการแสดงท่ีถูกประดิษฐ์ คิดค้น หรือ ปรับปรุงขึ้นใหม่ตามเหตุการณ์ ตามสมัยนิยม ตามเนื้อเร่ืองที่ผู้ประพันธ์ต้องการ หรือเป็น ระบาท่ีใช้ประกอบการแสดงละคร ส่วนคาตอบในข้อ 2. - 4. จัดอยู่ในประเภทของระบา มาตรฐาน ซ่ึงเป็นการแสดงท่ีมีลักษณะการแต่งกายยืนเคร่ืองพระ-นาง ท่ารา บทเพลง และ ดนตรีถูกกาหนดไว้อย่างมีแบบแผน มีลักษณะเฉพาะตัวตามแบบฉบับของนาฏศิลป์ไทย ไม่สามารถปรบั ปรงุ เปลยี่ นแปลง แกไ้ ขท่าราได้ 47. ตอบ ขอ้ 3. เพราะจากเนื้อเพลงข้างต้น จัดเป็นเพลงที่ใช้ในการราวงมาตรฐาน คือ เพลง “ ดวงจันทร์ วันเพ็ญ ” ซึ่งท่าราที่ใช้จะเป็นท่าแขกเต้าเข้ารัง และท่าผาลาเพียงไหล่ ส่วนคาตอบใน ข้อ 1. ท่าพรหมส่ีหน้า และท่ายูงฟ้อนหาง เป็นท่าราท่ีใช้ในเพลงหญิงไทยใจงาม ข้อ 2. ท่าชะนีร่ายไม้ และท่าจ่อเพลิงกาฬ เป็นท่าราท่ีใช้ในเพลงยอดชายใจหาญ และข้อ 4. ทา่ ช้างประสานงา และทา่ จนั ทร์ทรงกลดแปลง เป็นทา่ ราทีใ่ ช้ในเพลงดวงจนั ทร์ขวัญฟ้า 48. ตอบ ขอ้ 4. เพราะนาฏศิลป์ เป็นส่วนหน่ึงของศิลปะสาขาวิจิตรศิลป์ อันประกอบไปด้วยจิตรกรรม สถาปัตยกรรม วรรณคดี ดนตรี และนาฏศิลป์ การศึกษานาฏศิลป์จึงเป็นการศึกษา วัฒนธรรมแขนงหนึ่ง ซ่ึงนอกจากจะแสดงถึงความเป็นอารยะของประเทศแล้ว นาฏศิลป์ ยังเป็นเสมือนแหล่งรวมศิลปะและการแสดงหลายรูปแบบเข้าไว้ด้วยกัน โดยมีมนุษย์เป็น ศูนย์กลาง การศึกษาความรู้พ้ืนฐานเก่ียวกับนาฏศิลป์ไทย ทักษะพื้นฐานในการฝึกหัด นาฏศิลป์ และการฝึกหัดนาฏศิลป์ไทยในชุดต่างๆ ล้วนเป็นสิ่งท่ีจะส่งเสริมให้บุคคลผู้น้ัน ~ 31 ~

เป็นเยาวชนที่มีจิตใจอ่อนโยน เห็นคุณค่าของภูมิปัญญาไทย และเกิดความภาคภูมิใจใน ความเป็นไทย สามารถทจี่ ะสร้างสรรค์ อนรุ ักษ์ และถ่ายทอดให้กับอนชุ นรุ่นหลงั สบื ต่อไป 49. ตอบ ขอ้ 2. เพราะการแสดงพ้นื เมอื งในแตล่ ะภมู ิภาคจะมีลกั ษณะที่คลา้ ยคลงึ กันในเร่ืองของมลู เหตุของ การแสดง ซ่งึ สามารถแบ่งออกเปน็ 4 ประการ คอื 1. จัดการแสดงเพื่อเป็นการบวงสรวง หรือบูชาเทพเจ้า เป็นการแสดงท่ีจัดขึ้น เพอ่ื แสดงความเคารพต่อสิง่ ศกั ดิส์ ทิ ธ์ิ หรอื บวงสรวงดวงวิญญาณท่ลี ว่ งลบั ไปแล้ว 2. จัดการแสดงเพ่ือความสนุกสนานในงานเทศกาลต่างๆ เป็นการแสดงท่ีจัดข้ึน เพ่ือสร้างความสนุกสนาน รื่นเริงของกลุ่มคนท่ีอาศัยอยู่ภายในหมู่บ้านเนื่องใน โอกาสสาคญั ต่างๆ หรือเพื่อเกย้ี วพาราสีกนั ระหว่างชาย-หญงิ 3. จดั การแสดงเพื่อความเป็นสิริมงคล เป็นการแสดงที่จัดข้ึน เพื่อแสดงความยินดีใน โอกาสต่างๆ หรอื ใชใ้ นโอกาสต้อนรับแขกผมู้ าเยือน 4. จัดการแสดงเพ่ือสอื่ ถงึ เอกลักษณ์ของท้องถิ่น เป็นการแสดงท่ีจัดขึ้น เพ่ือที่สะท้อน ใหเ้ หน็ ถึงชีวิตความเปน็ อยู่ การประกอบอาชีพ วัฒนธรรม ประเพณี ฯลฯ เพื่อสร้าง ชอื่ เสียงให้เปน็ ทรี่ ูจ้ ัก 50. ตอบ ขอ้ 3. เพราะนาฏศิลป์ตะวันออก สะท้อนให้เห็นรสนิยมท่ีมีบรรยากาศลึกลับ มีความศักดิ์สิทธ์ิ ลักษณะการแสดงไม่คานึงถึงความสมจริง ดังจะเห็นได้จากเครื่องแต่งกายที่หรูหรา อลังการ มีเคร่ืองประดับศีรษะ หน้ากาก มีการเขียนลวดลายด้วยสีต่างๆ บนใบหน้า แสดงถงึ อิทธิพลที่เกินจรงิ แต่ก็แฝงไว้ด้วยความสง่างาม และมีเสน่ห์เปน็ ท่นี า่ ประทับใจ 51. ตอบ ขอ้ 3. เพราะนักแสดง (Actor) คือ ผู้ที่สวมบทบาทเป็นตัวละคร เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวและ ความรู้สึกนึกคิดที่อยู่ในบทละครมาสู่ผู้ชม จึงมีความสาคัญมากท่ีสุดในการแสดงละคร ส่วนผกู้ ากับ ตวั ประกอบ และผู้ประพันธ์บทจะมคี วามสาคญั รองลงมา 52. ตอบ ข้อ 3. เพราะผู้กากับการแสดง (Director) เป็นบุคคลท่ีทาหน้าท่ีในการควบคุมนักแสดงให้ แสดงละครได้อย่างสมบทบาทตามบทที่กาหนดไว้ นอกจากนี้ ยังทาหน้าที่ใน การจัดองคป์ ระกอบตา่ ง ๆ ของละครให้มคี วามสมจริงอกี ดว้ ย 53. ตอบ ขอ้ 1. เพราะการเคลื่อนไหวเป็นเส้นตรง เป็นการเคลื่อนไหวท่ีมุ่งหมายจะแสดงบทบาทที่เข้มข้น แสดงออกซงึ่ อารมณ์โกรธ รักมาก หงึ หวง 54. ตอบ ขอ้ 2. เพราะการเคล่ือนไหวไปข้างๆ เป็นการเคล่ือนไหวในลักษณะที่แสดงบทบาทหลีกเล่ียง การถกู ทาร้าย พฤตกิ รรมท่หี นเี ล็ดลอดเข้ามายงั ทใ่ี ดท่หี นง่ึ หรือการแอบซ่อนตวั 55. ตอบ ขอ้ 1. เพราะละครเป็นการแสดงอย่างหนึ่งท่ีมนุษย์ได้สร้างสรรค์ขึ้น จัดเป็นมหรสพอย่างหนึ่งท่ี แสดงเป็นเร่ืองราว โดยมีจุดประสงค์เพื่อสร้างความบันเทิงเริงใจ ความสนุกสนาน เพลดิ เพลิน ผู้ชมละครกจ็ ะได้รบั แนวความคดิ คติธรรม และปรชั ญาท่แี ฝงมาในเน้อื เรอื่ ง ~ 32 ~

56. ตอบ ข้อ 4. เพราะละครชาตรี เปน็ ศิลปะการแสดงของไทยประเภทหนึ่ง ซ่งึ ในพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2552 ไดใ้ ห้ความหมายว่าเป็น “ ละครต้นแบบของละครรา เล่นกนั เป็นพนื้ บ้านทัว่ ไป มีตัวละครน้อย เดิมเป็นชายล้วน ตวั ละครที่ไม่สาคญั มกั ไม่ แตง่ ตัวยนื เครื่อง กระบวนราไมส่ ้งู ดงามประณตี นัก ” ซึง่ การแสดงละครชาตรใี นปจั จุบนั นิยมนามาแสดงเปน็ ละครแก้บนตามสถานท่ตี า่ งๆ 57. ตอบ ข้อ 3. เพราะการแสดงละครนอก มีวิวัฒนาการมาจากการแสดงละครชาตรี ซ่ึงจะมีรูปแบบและ ลักษณะของการแสดงคล้ายคลึงกับละครชาตรี โดยมากจะใช้ผู้ชายแสดงล้วน ดาเนินเร่ือง อยา่ งรวดเรว็ โลดโผน ตลกขบขนั ศิลปะการราจะคล่องแคลว่ ว่องไว กระฉับกระเฉง 58. ตอบ ขอ้ 2. เพราะการแสดงละครใน จัดเป็นการแสดงละครในราชสานัก นิยมใช้ผู้หญิงแสดงล้วน การแสดงมุ่งเน้นท่ีศิลปะการร่ายราที่ประณีต งดงาม มีการใช้ถ้อยคาที่สละสลวย ทั้งยังคง รักษาขนบธรรมเนียม ประเพณีอย่างเคร่งครัด เร่ืองท่ีนิยมนามาแสดง คือ เรื่องอิเหนา เรอ่ื งรามเกยี รติ์ เร่อื งอุณรทุ และเรอื่ งดาหลัง 59. ตอบ ขอ้ 1. เพราะผู้ท่ีจะได้รับคัดเลือกให้แสดงละครดึกดาบรรพ์จะต้องมีความสามารถพิเศษด้วย คุณสมบัติต่างๆ ดังต่อไปน้ี คือ เป็นผู้ท่ีมีเสียงดี ขับร้องเพลงไทยได้ไพเราะ และเป็นผู้ที่มี รูปร่างงาม ราสวย ย่ิงผู้ท่ีจะแสดงเป็นตัวเอกของเร่ืองด้วยแล้ว ต้องใช้ความพินิจพิเคราะห์ อย่างมาก ด้วยเหตุน้ีเองจึงทาให้การแสดงละครดึกดาบรรพ์ต้องมีการคัดเลือกนักแสดง เปน็ พเิ ศษ 60. ตอบ ขอ้ 3. เพราะในการแสดงละครพันทาง จะนิยมนาเรื่องราวท่ีมีเน้ือหาเกี่ยวกับชนชาติต่างๆ มาแสดง ดังนั้น บทเพลงท่ีสามารถนามาใช้ในการขับร้องประกอบการแสดงละครพันทาง จงึ เปน็ บทเพลงทีเ่ รียกว่า “ เพลงภาษา ” ซ่ึงเพลงภาษาน้ัน หมายถึง บทเพลงท่ีถูกประพันธ์ ขึ้นจากการสังเกต และการศึกษาบทเพลงของชนชาติต่างๆ ว่ามีสาเนียงอย่างไร แล้วจึง นามาประพันธ์ขึ้นใหม่โดยใช้ทานองเพลงไทย และได้มีการดัดแปลงทานองเพลงให้มี สาเนียงของภาษาของชนชาติน้ันๆ หรืออาจมีการนาสาเนียงของภาษาน้ันๆ มาแทรกไว้ เพื่อให้ผูฟ้ ังสามารถทราบและเข้าใจได้วา่ เป็นเพลงสาเนยี งใด  ~ 33 ~

เฉลยแบบทดสอบมาตรฐานชั้นปี ชดุ ท่ี 2 เฉลยอย่างละเอียด 1. ตอบ ขอ้ 2. เพราะธรรมชาติ เป็นสภาพแวดล้อมที่สาคัญของมนุษย์ สอนให้มนุษย์รู้จักกับทัศนศิลป์ ท้ังทางดา้ นรูปธรรม ซ่งึ หมายถึง สภาพแวดลอ้ มต่างๆ ทีม่ องเห็นได้ และทางด้านนามธรรม ซึ่งหมายถึง สภาพจิตสานึกของมนุษย์เองท่ีเป็นส่วนหน่ึงของธรรมชาติ การสร้างสรรค์ ผลงานทศั นศลิ ป์นับได้ว่าเป็นกระบวนการอันสาคัญที่ต้องอาศัยธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปน็ ปจั จยั ในการสรา้ งสรรค์ผลงานทศั นศิลป์ 2. ตอบ ข้อ 4. เพราะมนุษย์มีความสัมพันธ์และเก่ียวข้องกับธรรมชาติมาต้ังแต่บรรพกาล ได้อาศัยเป็น แหล่งเรียนรู้ทางความคิด ความเชื่อ การรักษาโรคภัยไข้เจ็บ ฯลฯ ด้วยการอาศัยส่ิงต่างๆ ทม่ี อี ยู่รอบตวั มาใช้ใหเ้ กิดประโยชน์ เช่น การเขียนภาพ การปั้น การร้องราทาเพลง เป็นต้น มนุษย์อาศัยแง่มุมแต่ละด้านมาคิดประดิษฐ์เป็นผลงานศิลปะรูปทรงต่างชนิดกัน ทั้งแบบ รูปธรรม นามธรรม และก่ึงนามธรรม โดยที่ธรรมชาติเป็นแรงบันดาลใจสาคัญและมี ผลงานปรากฏอย่างต่อเน่ืองมาต้ังแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ สมัยประวัติศาสตร์ และสมัย ปจั จุบนั เปน็ ภาพสะทอ้ นทางธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรอบๆ ตัว ได้อย่างมีความงาม และ มีความหมายไม่มที สี่ ิ้นสุด 3. ตอบ ข้อ 3. เพราะจากภาพแสดงใหเ้ ห็นถึงความสมดุลชัดเจนท่สี ุด ความสมดุลเปน็ คณุ สมบตั อิ ย่างหน่ึง ในการจดั ภาพ ซ่งึ การจัดภาพใหเ้ กดิ ความสมดลุ นัน้ จะตอ้ งยดึ เอาจุดกลางของภาพเป็นหลัก ในการแบ่งภาพ เน่ืองจากปกติงานทัศนศิลป์จะมีส่วนท่ีเป็นแกน หรือมีศูนย์กลางท่ี ทาให้สามารถแบ่งออกเป็นซ้าย-ขวา บน-ล่าง จึงมีความจาเป็นอย่างยิ่งท่ีจะต้องให้ ทั้ง 2 ด้าน โดยเฉพาะด้านซา้ ย-ขวา มีส่วนท่ีสมดุลกัน ส่วนภาพคาตอบในข้อท่ี 1. แสดงให้ เห็นถึงความมีเอกภาพ ภาพคาตอบในข้อที่ 2. แสดงให้เห็นถึงจังหวะและจุดสนใจ และ ภาพตอบในข้อท่ี 4. แสดงใหเ้ หน็ ถึงความกลมกลนื และความขดั แยง้ 4. ตอบ ข้อ 2. เพราะความกลมกลืน เป็นการนารูปแบบที่มีลักษณะเหมือนกัน หรือคล้ายกันมาจัดให้ ประสานกลมกลืน สอดคล้องสัมพันธ์และเข้ากันได้ ซ่ึงความกลมกลืนสามารถ แบ่งออกเป็น 6 ลักษณะคือ ความกลมกลืนด้วยขนาด ความกลมกลืนด้วยเส้น ความกลมกลืนด้วยลักษณะผิว ความกลมกลืนจากส่ิงท่ีเหมือนกัน ความกลมกลืนจากส่ิงท่ี คล้ายกนั และความกลมกลืนด้วยสี 5. ตอบ ขอ้ 4. เพราะการวาดภาพแสดงทัศนียภาพ มีหลักสาคัญในการสร้างสรรค์ผลงาน คือ การใช้ เทคนิคการวาดภาพที่มีความลึกลวงตาท่ีมีทั้งระยะใกล้-ไกล เพ่ือสร้างภาพแบบ 3 มิติ บนพ้ืนผิวระนาบ 2 มิติ เพื่อให้ภาพที่ถ่ายทอดออกมาจากมุมมองของผู้สร้างดูสมจริง คลา้ ยคลงึ กับภาพทีเ่ หน็ จริงดว้ ยสายตา ~ 34 ~

6. ตอบ ขอ้ 1. เพราะการวาดภาพแสดงทัศนียภาพ เป็นเรื่องของการเลียนแบบความจริง จึงไม่เคร่งครัด ในการใช้จินตนาการและหลักการวาดภาพ กล่าวคือ เมื่อเรามองออกไปในโลกขอ ง ความเป็นจริง เราจะพบว่าวัตถุมีขนาดเล็กลงเมื่ออยู่ห่างไกลออกไป และมีระยะห่าง สม่าเสมอ เช่น เสาร้ัว โดยอาจจะสังเกตได้ว่าเสาแต่ละต้นจะอยู่ใกล้กันมากขึ้นเมื่อแนวร้ัว อยหู่ ่างออกไป เป็นต้น 7. ตอบ ข้อ 2. เพราะงานส่ือผสม จัดเป็นผลงานทัศนศิลป์ที่เกิดข้ึนจากการนาผลงานจิตรกรรม ประติมากรรม ภาพพิมพ์ หรือจากการวาดเส้น โดยใช้วัสดุหลายๆ แบบ เช่น กระดาษ ไม้ โลหะ เป็นต้น หรือวิธีต่างๆ เพ่ือสร้างความผสมกลมกลืนด้วยการสร้างสรรค์ จนไม่ สามารถระบไุ ด้ว่าเปน็ งานอย่างได้อยา่ งหน่ึงโดยเฉพาะได้ 8. ตอบ ขอ้ 1. เพราะผลงานท่ีสร้างสรรค์เสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สามารถนามาจัดแสดงเป็นเร่ืองราว ต่างๆ ได้ ซ่ึงจะช่วยทาให้ผลงานมีคุณค่ามากย่ิงข้ึน อันเน่ืองมาจากผลงานท่ีได้สร้างสรรค์ เสร็จเปน็ ท่ีเรยี บร้อยแล้ว ถือวา่ มีคุณคา่ ระดบั หนงึ่ แตเ่ มื่อได้นาไปจัดแสดงกจ็ ะย่ิงเพ่ิมคุณค่า ในตัวของผลงานเอง เพราะผลงานชิน้ หนึ่งๆ สามารถนาไปผูกเป็นเรื่องราวแสดงออกมาได้ อีกมากมาย และยิ่งถ้ามีผลงานมากช้ินขึ้น ก็จะยิ่งมีความหลากหลายในการนามาจัดแสดง ได้หลายๆ เร่ือง ซ่ึงผลงานทีน่ ามาจดั แสดงเป็นเรื่องราวต่างๆ นั้น สามารถจะใช้เป็นผลงาน ปน้ั เพยี งอย่างเดียว หรอื นาไปจดั แสดงรวมกับผลงานสอ่ื ผสมกไ็ ด้ 9. ตอบ ข้อ 3. เพราะจากภาพจัดเป็นการออกแบบสัญลักษณ์ส่ือความหมาย เป็นการออกแบบท่ีส่ือ ความหมายเปน็ รปู แบบตา่ งๆ ให้ผู้พบเห็นเข้าใจได้โดยไม่จาเป็นต้องมีคาบรรยายประกอบ เชน่ เครื่องหมายจราจร เคร่ืองหมายสถาบัน สมาคม เครื่องหมายบริษัท เครื่องหมายสินค้า ผลติ ภณั ฑต์ ่างๆ ลกั ษณะของสิ่งต่างๆ เปน็ ตน้ 10. ตอบ ขอ้ 2. เพราะงานกราฟิกเป็นส่วนสาคัญที่มีบทบาทต่อการออกแบบ โดยเฉพาะสื่อที่ต้องการ การสมั ผัสรับรูด้ ้วยตา เช่น หนงั สอื นิตยสาร วารสาร ปา้ ยโฆษณา แผ่นพับ ใบปลิว เป็นต้น ซึ่งนักออกแบบจะใช้วิธีการทางทัศนศิลป์และหลักการออกแบบมาร่วมกันสร้างสรรค์ ผลงาน เพื่อให้เกิดคุณภาพสูงสุดในการที่จะส่ือความหมายระหว่างผู้ส่งสารและผู้รับสาร นกั ออกแบบกราฟิกจะทาหน้าที่ในการค้นหา รวบรวมข้อมูลต่างๆ มาวิเคราะห์หาแนวทาง และวางรูปแบบที่ดีที่สุดในการที่จะทาให้ส่ือน้ันสามารถดึงดูดกลุ่มเป้าหมาย ให้เกิดการ รับรู้ ยอมรับ และมีทศั นคตทิ ีด่ ีต่อการตอบสนองสือ่ ทม่ี องเห็น 11. ตอบ ขอ้ 4. เพราะการประเมินคุณค่าในผลงานทัศนศิลป์ เป็นขั้นตอนที่สาคัญข้ันตอนหน่ึง ทั้งนี้เกิด จากการจัดลาดับด้วยการวิเคราะห์เปรียบเทียบกับงานช้ินอ่ืนๆ ท่ีอยู่ในกลุ่มเดียวกันว่ามี คุณค่าทางศิลปะ และสุนทรียภาพมากน้อยกว่ากันเพียงใด การวิจารณ์เพ่ือการประเมิน คุณค่าค่อนข้างจะไม่จาเป็นถ้าการตีความได้ผลเป็นที่น่าพอใจ สามารถมองเห็นส่ิงที่ ซับซ้อน หรือคุณค่าทางทัศนศิลป์แสดงตัวออกมาอย่างชัดเจน จนเป็นท่ียอมรับและเข้าใจ ~ 35 ~

ตรงกันได้ ถ้าในข้ันการตีความท่ียังไม่ชัดเจนและทาให้เข้าถึงคุณค่าท่ีแท้จริงไม่ได้ เราจึง ตอ้ งอาศยั หลกั การดังตอ่ ไปน้ี 1. การพจิ ารณาเปรียบเทยี บกับผลงานเดิมท่มี อี ยู่ 2. การประเมนิ คา่ ความเป็นต้นแบบ 3. การแสดงออกทางกลวธิ ีและฝมี อื 12. ตอบ ข้อ 3. เพราะการวิจารณ์ผลงานทัศนศิลป์ เป็นการแสดงออกทางความคิดเห็น ติชม ในเร่ือง เกี่ยวกับคุณค่าทางทัศนศิลป์ โดยเฉพาะนักวิจารณ์จะปฏิบัติได้ต้องมีความรู้ในเรื่องของ กฎเกณฑ์ และทฤษฎีของความงาม นอกจากน้ียังต้องสามารถอ่านและเข้าใจความคิด สร้างสรรค์ กรรมวิธีของผลงานทัศนศิลป์ เพื่อทาให้ผู้วิจารณ์มีข้อมูล และความพร้อม ในเรื่องที่ตนจะวิจารณ์ โดยเฉพาะการพิจารณาประเมินคุณค่าในข้ันสุดท้าย ซ่ึงข้อวิจารณ์ และการพิจารณาตรวจสอบจะตอ้ งสมเหตสุ มผล และตรงกบั ความเปน็ จริง 13. ตอบ ขอ้ 1. เพราะจิตรกรรมไทยมีคุณค่าทางความงามและจิตใจเป็นอย่างมาก เน่ืองจากมีความผูกพัน กับศาสนา ความเช่ือ ความศรัทธาที่สืบทอดจากอดีตมาจนถึงปัจจุบัน งานจิตรกรรมไทย จึงเป็นงานที่ถูกสร้างสรรค์ข้ึนจากความงามตามอุดมคติ และมีลักษณะการแสดงออกใน รูปแบบเฉพาะ สร้างสรรคใ์ นแบบเหนือความจรงิ หรือดัดแปลงจากธรรมชาติ 14. ตอบ ข้อ 2. เพราะในสมยั สโุ ขทยั พระมหากษัตรยิ ์ได้ทรงทาการทานบุ ารุงพระพุทธศาสนา บ้านเมืองมี ความสงบร่มเยน็ จึงทาให้สกุลช่างสุโขทัยมีเวลาในการถ่ายทอดอุดมคติผ่านทางการสร้าง พระพุทธรูปได้อย่างเต็มท่ี ด้วยจิตวิญญาณท่ีมีความเล่ือมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา จงึ ทาใหพ้ ระพุทธรูปในสมัยนมี้ ีลักษณะเฉพาะตัว มีความวจิ ติ รงดงามมากกว่าในสมัยอน่ื ๆ 15. ตอบ ขอ้ 4. เพราะผลงานทัศนศิลป์ภาคกลางส่วนใหญ่จะถูกสร้างข้ึนตามคติความเช่ือทางพุทธศาสนา และศาสนาพราหมณ์-ฮินดู และรับอิทธิพลทางศิลปวัฒนธรรมจากชาติอื่นๆ เช่น วัฒนธรรมอินเดยี วฒั นธรรมเขมร เปน็ ตน้ เข้ามาผสมผสานกับผลงานทัศนศิลป์ของตนเอง จนกลายเปน็ รปู แบบทีเ่ ป็นลักษณะเฉพาะของช่างราชสานักของภาคกลาง 16. ตอบ ขอ้ 3. เพราะจากภาพ คือ วิหารลายคา วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร จังหวัดเชียงใหม่ จัดเป็น งานสถาปัตยกรรมล้านนาที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซ่ึงสามารถสังเกตได้จากโบสถ์ วิหาร ทสี่ ะทอ้ นถึงความโดดเดน่ ของผลงานท่ีจะนิยมสร้างเป็นวิหารท่ีมีขนาดใหญ่ มีเสาเรียงราย อยภู่ ายใน และมหี ลงั คาซ้อนกัน 3 ชั้น เปน็ ส่วนมาก 17. ตอบ ขอ้ 4. เพราะบา้ นเรอื นในภาคใต้ จะมีความสอดคล้องกบั สภาพแวดล้อมทางภมู ิศาสตร์ และสภาพ สังคม วัฒนธรรมเป็นอย่างย่ิง โดยมีการสร้างท่ีพักแยกออกจากกันเป็นหลังๆ เม่ือมีการ ขยายของครอบครวั และแยกครอบครวั ออกจากเรือนนอน โดยมีนอกชานเป็นตัวเช่ือม ส่วน ลักษณะของหลังคาเรือนจะนิยมสร้างเป็น 4 แบบ คือ หลังคาทรงจั่ว หลังคาทรงปั้นหยา หลังคาทรงบรานอร์ และหลังคาทรงมนิลา ลักษณะเด่นของเรือนในภาคใต้ จะนิยมวางเสา ~ 36 ~

ไว้บนตีนเสา (ตอม่อ) ท่ีก่ออิฐและฉาบปูน เม่ือในกรณีท่ีต้องการย้ายบ้านก็สามารถหาม และยา้ ยไปตง้ั ท่ีใหม่ไดอ้ ย่างสะดวก 18. ตอบ ข้อ 1. เพราะงานทัศนศิลป์ของไทย เป็นการสร้างสรรค์ผลงานทัศนศิลป์ท่ีเกิดจากการประดิษฐ์ คิดค้นและการแสดงออกของช่างศิลป์ หรือศิลปินไทยผ่านผลงานทัศนศิลป์ในรูปแบบ ต่างๆ ซ่ึงได้แก่ จิตรกรรม ประติมากรรม และสถาปัตยกรรม การสร้างสรรค์ผลงาน ทัศนศิลป์อาจจะเป็นไปเพ่ือตอบสนองความต้องการทางด้านจิตใจ โดยเน้นคุณค่าทาง ความคิด และความงาม เพื่อตอบสนองในเร่ืองของประโยชน์ใช้สอย เพ่ืออานวยความ สะดวกในชีวติ ประจาวัน 19. ตอบ ขอ้ 2. เพราะงานทัศนศิลป์ในวัฒนธรรมสากล เป็นผลงานท่ีเกิดจากการผสมผสานแนวความคิด ตลอดจนรูปแบบต่างๆ อย่างเป็นกลาง และกว้างขวาง การใช้วัสดุอุปกรณ์ และวิธีการ สร้างสรรคจ์ ะกระทาได้อย่างอสิ ระ ไมจ่ ากัดขอบเขตตายตัว ผลงานท่ีสาเร็จออกมาไม่นับว่า เป็นรูปแบบของชาติใดชาติหน่ึงโดยเฉพาะ ซ่ึงคนทุกชนชาติ ทุกภาษามองแล้วเข้าใจ ผลงานนัน้ ๆ ได้ เพราะมคี วามเปน็ นานาชาติ 20. ตอบ ข้อ 3. เพราะการเปรียบเทียบความแตกต่างของงานทัศนศิลป์ในวัฒนธรรมไทยและสากลให้เห็น เป็นภาพอย่างละเอียดและมีความเด่นชัด อาจเป็นไปได้ยากเน่ืองจากมีเน้ือหาสาระและ รายละเอียดมากซึ่งควรศึกษาโดยการเปรียบเทียบความแตกต่างของงานทัศนศิลป์ท้ัง 2 อย่าง เป็นแบบภาพรวม โดยการเปรียบเทียบจากลักษณะของผลงานที่มีความโดดเด่น แสดงเอกลกั ษณท์ ช่ี ดั เจนในแต่ละช่วงเวลาของไทย และสากลมาเปรียบเทียบกันว่ามีสิ่งใด ท่ีเกดิ ขนึ้ ในช่วงเวลาที่เกิดตรงกัน หรอื ช่วงเวลาร่วมสมัย 21. ตอบ ข้อ 3. เพราะกุญแจประจาหลัก (Clef) คือ สัญกรณ์ทางดนตรีชนิดหน่ึงท่ีใช้สาหรับแสดงให้เห็น ถงึ ระดบั เสียงของตัวโน้ตท่ีบันทึก หรือกากับไว้ท่ีตาแหน่งเร่ิมต้นของบรรทัด 5 เส้น ซ่ึงจะ เป็นตัวบอกชอื่ และระดบั เสียงของตวั โนต้ ท่อี ยบู่ นเส้นนั้นๆ 22. ตอบ ข้อ 2. เพราะในการเขียนกุญแจซอลบันทึกโดยหัวกุญแจให้คาบเส้นที่ 2 ของบรรทัด 5 เส้น โน้ต ทุกตัวท่ีคาบอยู่บนเส้นที่ 2 ของบรรทัด 5 เส้น จะมีเสียงเดียวกับช่ือกุญแจ คือ “ซอล” ดังภาพ กุญแจซอล เป็นเครื่องหมายประจาหลักท่ีใช้นิยมนามาใช้กันมาก เป็นอย่างมากสาหรับบันทึกระดับเสียงของเครื่องดนตรี หรือเสียงร้องที่มีระดับกลางถึงสูง ซง่ึ ในภาษาอังกฤษจะเรียกวา่ “ จี เคลฟ ” (G Clef ) หรือ “ เทรเบลิ เครฟ ” (Treble Clef) 23. ตอบ ข้อ 4. เพราะระบบเสียงดนตรีไทยกับเสียงดนตรีสากลนั้น แต่ละเสียงจะมีความถี่ไม่เท่ากัน เนื่องจากเสียงดนตรีไทย จะแบ่ง 1 ทบเสียง ออกเป็น 7 เสียง ที่มีความถ่ีห่างเท่าๆ กัน ส่วนเสียงดนตรีสากล จะแบ่ง 1 ทบเสียง ออกเป็น 7 เสียงเหมือนกัน แต่มีความถี่ห่างไม่ เท่ากันท้ังหมด กล่าวคือ จะมีเสียงเต็มอยู่ 5 เสียง และมีคร่ึงเสียงอยู่ 2 เสียง ท่ีเป็นเช่นน้ี ~ 37 ~

เพราะเสียงดนตรีสากลสามารถแบ่ง 1 ทบเสียง ออกเป็น 6 เสียงเต็ม ที่มีความถี่ห่างเท่าๆ กนั และยังแบ่งครึ่ง 1 เสียงเต็ม ออกเป็น 2 คร่ึงเสียง ดังนั้นใน 1 ทบเสียง จึงแบ่งได้อีกเป็น 12 ครง่ึ เสยี ง 24. ตอบ ขอ้ 2. เพราะเพลงพ้ืนบ้าน เป็นเพลงที่ชาวบ้านในท้องถิ่นต่างๆ ได้ประดิษฐ์ข้ึน โดยจะมีเน้ือหา ท่วงทานอง และลีลาการขับร้อง การเล่นเป็นแบบแผนตามความนิยมและสภาพแวดล้อม ของภายในท้องถิ่นนั้นๆ เพ่ือนามาใช้ร้องเล่นในโอกาสต่างๆ เช่น งานเทศกาลประเพณี วันตรุษสงกรานต์ อุปสมบท ทอดกฐิน ลอยกระทง เป็นต้น รวมถึงการทางาน หรือการ ประกอบอาชีพตา่ งๆ เชน่ การลงแขกเกีย่ วขา้ ว นวดข้าว เปน็ ตน้ 25. ตอบ ขอ้ 4. เพราะจากเนื้อเพลงจัดเป็นเพลงปลุกใจ คือ เพลงสามัคคีชุมนุม ประพันธ์เนื้อร้อง โดยเจ้าพระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบดี (ม.ร.ว.เปีย มาลากุล) ประพันธ์ทานองโดย Auld Lang Syne กล่าวคือ เน้ือร้องของเพลงปลุกใจจะมีความหมายเก่ียวข้องกับความรักชาติ ความเสียสละ และความสามัคคี ซึ่งผู้ขับร้องจะต้องขับร้องเพลงด้วยน้าเสียงที่ฮึกเหิม เพื่อให้ผู้ฟังเกิดอารมณ์และจินตนาการท่ีคล้อยตาม ส่วนการแสดงท่าทางประกอบการ แสดงนั้น จะใช้ภาษาท่าท่ีสื่อความหมายตามของเนื้อร้อง เป็นท่าท่ีแสดงออกถึงความ เข้มแขง็ เป็นหลกั 26. ตอบ ขอ้ 3. เพราะลักษณะเดน่ ของวงดนตรีพนื้ บา้ นภาคเหนือ คือ จะมกี ารนาเคร่อื งดนตรีประเภทดีด สี ตี และเป่า มาบรรเลงผสมวงกัน จึงก่อให้เกิดความสมบูรณ์ และไพเราะเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านสาเนียง และทานองเพลงท่ีมีความพลิ้วไหวตามบรรยากาศ ความนมุ่ นวล และอ่อนละมุนของธรรมชาติ 27. ตอบ ขอ้ 1. เพราะวงมโหรี เป็นการรวมกันของเครื่องดนตรีทุกประเภท คือ ดีด สี ตี และเป่า นามา รวมอยู่ในวงเดียวกันได้อย่างลงตัว ซึ่งเป็นวงดนตรีท่ีเกิดจากการประสมวงกันระหว่าง วงปี่พาทยแ์ ละวงเครอื่ งสาย และด้วยเหตุน้ีเองจึงทาให้วงมโหรีกลายเป็นวงดนตรีที่มีความ สมบูรณ์ในด้านเสียงสูงสุด คือ มีความละเอียดอ่อน ละเมียดละไม นุ่มนวล และไพเราะ วงมโหรจี ะนยิ มใช้บรรเลงในพิธีกรรมท่ีศักดส์ิ ทิ ธ์ิ และเป็นมงคลต่างๆ 28. ตอบ ขอ้ 3. เพราะวงแตรวง เป็นวงดนตรีพื้นบ้านท่ีสามารถพบเห็นกันได้บ่อยๆ ในชนบทของ ประเทศไทย นิยมนามาบรรเลงในงานเทศกาล งานรื่นเริงภายในท้องถ่ิน ทั้งในแบบ น่ังบรรเลงและเดินบรรเลงในขบวนแห่ต่างๆ เช่น แห่นาค แห่กฐิน แห่ขันหมาก เป็นต้น วงแตรวงเป็นวงดนตรีขนาดเล็ก จะใช้เครื่องดนตรีตามสภาพของสังคม ประสมวง ด้วยเคร่ืองดนตรีประเภททรัมเป็ต ทรอมโบน บาริโทน ยูโฟเนียม แซ็กโซโฟน คลาริเน็ต กลองใหญ่ และฉาบ อย่างไรก็ตาม เคร่ืองดนตรีที่กล่าวมานี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ท้ังน้ี ข้ึนอยกู่ บั ความนิยมของท้องถิ่นน้ันๆ ~ 38 ~

29. ตอบ ข้อ 3. เพราะทานอง (Melody) คือ ความต่อเน่ืองของโน้ตดนตรีที่ถูกเรียงร้อยมาอย่างเหมาะสม การใช้เสียงสูง-เสียงต่า เสียงยาว-เสียงสั้น นามาปะติดปะต่อกันเป็นชุด ทานองยังต้องมี จังหวะเป็นส่วนหน่ึงท่ีขาดไม่ได้ ทานองที่ดีต้องมีความหมาย มีเสียงท่ีสมดุล และมี เอกลกั ษณ์ สรา้ งความประทับใจใหแ้ กผ่ ฟู้ ัง 30. ตอบ ข้อ 4. เพราะความดัง-เบาของอารมณ์เพลง เกิดจากเนื้อดนตรีที่มีความหนาแน่นของตัวโน้ต หรือ แนวดนตรีท่ีแตกต่างกัน ยิ่งหนาแน่นมาก ก็ยิ่งดังมาก และอารมณ์ของผู้ฟังก็จะผันผวน หรือเปลี่ยนแปลงตาม เช่น ยิ่งเสียงดังย่ิงถ่ายทอดอารมณ์เครียด และต่ืนเต้น เสียงที่ค่อยๆ เบาลง จะถ่ายทอดอารมณค์ อ่ ยๆ ผ่อนคลาย เป็นตน้ 31. ตอบ ข้อ 3. เพราะเพลงสาหรับชาวบ้าน เป็นเพลงท่ีมีความเรียบง่าย สะท้อนชีวิตของชุมชนในด้าน การดารงชีวิต ความเช่ือ พิธีกรรมของชุมชน นิทานพื้นบ้าน ศาสนา ประวัติศาสตร์ หรือ ธรรมชาติใกล้ตัว เพลงประเภทนี้ศิลปินจะสร้างขึ้น และใช้ร้องเล่นกันเฉพาะกลุ่ม แนวทานองเพลงมีขนาดสั้น เน้นเน้ือความท่ีไม่ซับซ้อน สื่อความหมายอย่างตรงไปตรงมา เม่ือขับร้องออกมาอาจมีการปรบมือ หรือมีเครื่องดนตรีอ่ืนประกอบบ้าง แต่มีจานวน นอ้ ยชิน้ และเพลงบางเพลงอาจมลี กั ษณะของการรารว่ มอยู่ดว้ ย 32. ตอบ ขอ้ 2. เพราะเพลงโหมโรง คือ เพลงที่นิยมนามาใช้บรรเลงเป็นการเบิกโรง เพื่อเป็นการประกาศ ให้ผู้คนรับทราบว่าการแสดงกาลังจะเริ่มต้นขึ้น นอกจากน้ียังใช้บรรเลงเพื่อเป็นการ อัญเชิญสิ่งศักด์ิสิทธิ์ท้ังหลายทั้งปวงให้มาชุมนุมภายในงาน เพ่ือสร้างความเป็นสิริมงคล ให้แก่งานนนั้ ๆ อกี ดว้ ย 33. ตอบ ข้อ 2. เพราะในการประเมนิ ผลงานทางดนตรีทด่ี ี ผ้ปู ระเมินควรประเมินในด้านต่างๆ คือ คุณภาพ ด้านเสียง คุณภาพด้านเนือ้ หา และคุณภาพด้านองค์ประกอบของดนตรี 34. ตอบ ขอ้ 1. เพราะการประเมินคุณภาพของบทเพลง ผู้ประเมินต้องเปรียบเทียบคุณภาพของบรรเลงใน แต่ละส่วนว่าทาหน้าที่ผสมผสานกลมกลืน และสมดุลกับส่วนอ่ืนๆ มากน้อยเพียงใด โดยยึดคุณภาพของฝีมือชั้นครูเป็นหลักอ้างอิง โดยผู้ประเมินต้องมียุติธรรม เที่ยงตรง ไม่เอนเอียง ไม่มีฉันทาคติต่อผลงานเพลง คือ ตนชอบเพลงแนวใดของศิลปินคนใดก็ให้ คะแนนสงู กว่าผลงานแนวอ่นื ของศิลปนิ คนอืน่ ๆ 35. ตอบ ขอ้ 4. เพราะก่อนการนาเคร่ืองดนตรีมาใช้บรรเลง ควรมีการตรวจสอบความเรียบร้อยของ ส่วนประกอบต่างๆ ในเคร่ืองดนตรี ว่าเครื่องดนตรีชนิดนั้นมีความพร้อมท่ีจะนามาใช้ใน การบรรเลงหรือไม่ โดยเฉพาะเร่ืองของเสียง ซึ่งผู้บรรเลงจะต้องดูแลเป็นพิเศษ เพื่อให้ บทเพลงท่ีบรรเลงน้ันมีคุณภาพเสียงที่ดี ก่อให้เกิดความไพเราะ น่าฟัง เครื่องดนตรีไม่เกิด ความชารุดเสียหายในขณะที่บรรเลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสาหรับเคร่ืองดนตรีประเภท เคร่ืองสาย ซึ่งจะมีส่วนประกอบละเอียดอ่อน สามารถชารุดเสียหายง่ายกว่าเคร่ืองดนตรี ชนิดอ่ืน จงึ ตอ้ งมคี วามระวังเป็นพิเศษในขณะท่ใี ช้งาน ~ 39 ~

36. ตอบ ขอ้ 3. เพราะการเก็บรกั ษาเครอ่ื งดนตรีนน้ั จัดวา่ มีความสาคัญเป็นอย่างย่ิงไม่น้อยไปกว่าการดูแล ตรวจสอบความเรียบร้อยของส่วนประกอบต่างๆ ในเคร่ืองดนตรีก่อนการบรรเลง เครื่องดนตรมี ีอยู่ด้วยกันหลายชนิด แต่ละชนิดจะมีส่วนประกอบและหลักกลไกท่ีแตกต่าง กัน ดังน้ัน การเก็บรักษาให้ถูกวิธีจึงเป็นสิ่งสาคัญที่ผู้เล่นดนตรีจะต้องตระหนักอยู่เสมอ และต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามหลักการ จึงจะทาให้เคร่ืองดนตรีมีความคงทน สามารถใช้ งานไดอ้ ยา่ งค้มุ ค่า 37. ตอบ ข้อ 2. เพราะทุกครัง้ หลังเล่นเครื่องดนตรเี สรจ็ เป็นท่เี รียบรอ้ ยแลว้ ผู้เล่นดนตรีควรทาความสะอาด เครอ่ื งดนตรีด้วยน้า หรือน้ายาทาความสะอาด และอปุ กรณ์ท่ีเหมาะสมกับเครื่องดนตรีชนิด นั้นๆ จากนั้นเก็บเครื่องดนตรีใส่ในกล่องของเครื่องดนตรีท่ีมีลักษณะเฉพาะของเคร่ือง ดนตรีแต่ละชนิด และนาไปเก็บไว้ในที่ท่ีมีความเหมาะสม เพ่ือเป็นการสร้างความ สะดวกสบายในการนามาใช้ในครงั้ ต่อๆ ไป 38. ตอบ ขอ้ 1. เพราะดนตรีไทยเป็นสิง่ ท่ีบรรพบุรษุ ของเราได้สรา้ งสมไว้ และเป็นเครื่องหมายอย่างหน่ึงที่ แสดงลกั ษณะเฉพาะของชาตไิ ทยเช่นเดยี วกับภาษา ศลิ ปวฒั นธรรมดา้ นอน่ื ๆ ดนตรีไทยจะ สะท้อนให้เห็นถึงค่านิยม ความเช่ือ ประเพณี วัฒนธรรมของคนในท้องถิ่น ซ่ึงสะท้อน ออกมาในรปู แบบของดนตรีพืน้ บา้ นท่ีมคี วามหลากหลายแตกต่างกันไปตามท้องถิ่น ดนตรี เป็นสิง่ ที่อยคู่ ูม่ ากับมนุษย์ต้ังแต่เกิดจนกระทั่งตาย จัดเป็นส่วนหน่ึงของกิจกรรมของคนใน สังคม ซงึ่ ถือเป็นมรดกทางวฒั นธรรมของไทยทเ่ี ราทกุ คนควรร่วมมอื รว่ มใจในการช่วยกัน ทานุบารุง ส่งเสริม สืบสาน เผยแพร่ อนุรักษ์ดนตรีไทยให้คงอยู่คู่กับคนไทยตราบนาน เท่านาน 39. ตอบ ข้อ 3. เพราะในการใช้ชีวิตของมนุษย์ตั้งแต่เกิดจนตาย ดนตรีได้เข้ามามีส่วนเก่ียวข้องอยู่เสมอจน แยกออกจากกันไม่ได้ เช่น ดนตรีท่ีใช้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ดนตรีท่ีใช้ประกอบ งานประเพณใี นท้องถน่ิ เปน็ ต้น 40. ตอบ ข้อ 1. เพราะจังหวะ คอื การเคล่ือนไหวที่สม่าเสมอ อาจกาหนดไว้เป็นความช้า-เร็วต่างๆ กัน เช่น เพลงจังหวะช้า เพลงจงั หวะเร็ว เปน็ ต้น ในทางดนตรีการกาหนดความส้ัน-ยาวของเสียงท่ีมี ส่วนสัมพันธ์กับระยะเวลาในการร้องเพลงหรือเล่นดนตรี จะต้องมีจังหวะเป็นเกณฑ์ ถ้าร้องเพลง หรือเล่นดนตรีไม่ตรงจังหวะ ย่อมไม่มีความไพเราะเท่าท่ีควร ในกรณีที่ ร้องเพลง หรือเล่นดนตรีหลายคนในเพลงเดียวกัน จังหวะจะทาหน้าที่เป็นตัวกากับเพ่ือให้ การร้องเพลง หรือการเล่นดนตรีออกมาในลักษณะท่ีพร้อมเพรียงกัน และผสมผสาน กลมกลืนกนั อย่างเหมาะสม 41. ตอบ ข้อ 2. เพราะการสวมบทบาทของตัวละครในเร่ืองที่แสดง นักแสดงจะต้องทาให้ผู้ชมเกิดความ เชื่อให้ได้ว่าตน และอุปกรณ์ต่างๆ ท่ีใช้ประกอบฉากในเร่ืองเป็นเร่ืองจริง ซ่ึงการท่ี นักแสดงสามารถตีบทบาทของตัวละครไดอ้ ยา่ งสมจริงนั้น นักแสดงจะต้องศึกษาบทละคร ~ 40 ~

สถานการณ์ และตัวละครท่ีตนต้องแสดงอย่างละเอียด ตั้งแต่บุคลิก ลักษณะนิสัยของ ตวั ละคร กิรยิ าทา่ ทาง และอารมณ์ของตัวละคร รวมท้ังจินตนาการว่าถ้าเกิดเหตุการณ์ต่างๆ ข้นึ ตัวละครนัน้ จะแสดงทา่ ทางและมีอารมณอ์ ย่างไร 42. ตอบ ข้อ 2. เพราะการสมมติ จัดเป็นกระบวนการท่ีสาคัญอย่างหน่ึงที่นักแสดงจะต้องสามารถสร้าง อารมณ์ บทบาทเพื่อสะท้อนถึงความเป็นตัวตนของตัวละครได้อย่างสมจริง โดยนักแสดง จะตอ้ งสมมติตนเองวา่ “ ถา้ ตนเปน็ ตัวละครทเี่ ขาสวมบทบาทอยู่ จะต้องทาอย่างไรเม่ือต้อง พบเจอกบั สถานการณ์ตา่ งๆ ทกี่ าลงั เกดิ ขน้ึ ” 43. ตอบ ขอ้ 1. เพราะการยกเท้า จะยกเท้าข้างใดก่อนก็ได้ เป็นกิริยาต่อจากการประเท้า หรือจากการก้าว ด้วยเท้าหนึ่งแล้วยกเท้า โดยจะยกเท้าขึ้นทางด้านหน้า ฝ่าเท้าจะขนานกับพื้น ยกเท้าสูงข้ึน ระดับหน้าแข้งของเทา้ ทรี่ ับน้าหนักเชดิ ปลายนิว้ เท้าขนึ้ ให้เฉียงปลายเท้าเล็กน้อย 44. ตอบ ข้อ 3. เพราะการปฏิบัติภาษาท่าที่แสดงถึงความดีใจ ควรปฏิบัติในท่าต่อไปนี้ คือ การปรบมือ ทง้ั 2 ขา้ งเข้าหากันระหว่างอก 45. ตอบ ขอ้ 4. เพราะการใช้ฝ่ามือข้างใดข้างหนึ่งถูที่ก้านคอใต้ใบหูไปมา พร้อมกับกระทืบเท้าลงกับพื้น อยา่ งแรง จดั เป็นการแสดงภาษาทา่ ท่ีเรียกว่า “ โกรธ ” 46. ตอบ ขอ้ 3. เพราะท่าราย่ัว เป็นที่ราท่านามาใช้ในการราวงมาตรฐานคู่กับเพลงดอกไม้ของชาติท่ีมีเนื้อ ร้องว่า “ ขวัญใจดอกไม้ของชาติ งามวิลาศนวยนาฏร่ายรา ” ส่วนคาตอบในข้อ 1.ใช้ท่า ชา้ งประสานงาและทา่ จนั ทร์ทรงกลดแปลง ข้อ 2.ใชท่ ่าชักแป้งผัดหน้า และขอ้ 4.ใช้ท่าสอด สรอ้ ยมาลาแปลง 47. ตอบ ข้อ 2. เพราะเพลงงามแสงเดือน และเพลงคืนเดือนหงาย มีการใช้ท่านาฏยศัพท์ท่ีเหมือนกัน คือ ท่าสอดสร้อยมาลา และท่าสอดสร้อยมาลาแปลง ซึ่งลักษณะของนาฏยศัพท์ท่ีปรากฏ คือ วงบน นิ้วทั้ง 4 เรียงชิดติดกัน นิ้วหัวแม่มือหักเข้าหาฝ่ามือ ยกลาแขนขึ้นเป็นวงโค้งไป ทางด้านข้างของลาตัว ปลายนิ้วมือจะอยู่ระดับศีรษะ (ผู้ชาย) ระดับหางคิ้ว (ผู้หญิง) และ จีบ นิ้วหัวแม่มือจรดกับข้อที่ 2 ของนิ้วช้ี ส่วนที่เหลือให้กรีดออก หักข้อมือเข้าหาลาแขน ปลายนิ้วมอื จะอยู่ระดับชายพก (สะดอื ) 48. ตอบ ข้อ 3. เพราะนาฏศิลป์ไทยมีลักษณะเฉพาะตัว แสดงให้เห็นเอกลักษณ์ของความเป็นชาติไทย แม้ว่าบางอย่างเราได้มีการนาแบบอย่างมาจากต่างชาติบ้าง แต่ก็มีการนามาดัดแปลงให้เข้า กับนาฏศิลป์ไทยได้อย่างเหมาะสม กลมกลืน จนกลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะแบบไทย โดยเฉพาะเอกลักษณ์ที่สาคัญอย่างหนึ่งของการแสดงนาฏศิลป์ไทย ก็คือ ท่ารา การร่ายรา หรือการแสดงนาฏศิลป์ไทยจะมลี กั ษณะทีอ่ อ่ นชอ้ ย งดงาม และมที ่ารา หรือนาฏยศัพท์เป็น ของตนเองไมเ่ หมือนชาติใด ~ 41 ~

49. ตอบ ขอ้ 1. เพราะนาฏศิลป์พ้ืนเมือง เป็นการแสดงที่เกิดขึ้นภายในท้องถ่ินของแต่ละภูมิภาค โดยมี การพัฒนา ปรับปรุง เปลี่ยนแปลงมาจากการละเล่นพ้ืนเมืองของท้องถ่ินนั้นๆ จัดเป็น การแสดงที่เน้นสร้างความสนุกสนาน เพลิดเพลิน และความบันเทิงในรูปแบบต่างๆ นิยมนามาจดั แสดงในงานเทศกาลประเพณีสาคัญๆ และงานร่นื เริงตา่ งๆ ภายในท้องถน่ิ 50. ตอบ ขอ้ 3. เพราะนาฏศิลป์ตะวันออก มีจุดกาเนิดที่คล้ายกับการแสดงนาฏศิลป์ไทย คือ เร่ิมต้นจาก พิธีกรรมทางศาสนา วิถีชีวิตผูกพันอยู่กับความเชื่อ ความศรัทธาต่อเทวดา เทพเจ้า ภูตผี ปีศาจ มีการฝึกฝนด้วยระยะเวลาท่ียาวนานและต่อเน่ือง ลักษณะของการแสดงจะมี แบบแผนขนบธรรมเนียม ประเพณีในการปฏิบัติสืบต่อๆ กันมา จนกลายเป็นมรดก ทางวัฒนธรรมที่ยึดถือเป็นสมบัติของชาติ ท่ีประชาชนในชาติมีหน้าท่ีที่จะต้องอนุรักษ์ พฒั นา และเผยแพร่ต่อไป 51. ตอบ ข้อ 4. เพราะในการคัดเลือกนักแสดง เพื่อนามาจัดการแสดงละครน้ัน ผู้จัดจะต้องคัดเลือกบุคคล ให้มคี วามเหมาะสมกับบุคลกิ ลักษณะของตัวละครในเรอื่ ง 52. ตอบ ข้อ 1. เพราะในการประเมินผลการแสดงละคร ผู้ชมจัดเป็นบุคคลสาคัญที่จะช่วยประเมิน การแสดงละครว่ามีความสมบูรณ์หรือไม่ อย่างไร เป็นการฝึกให้นักแสดงและทีมงานมี ความพร้อมท่ีจะรับฟังคาวิพากษ์ วิจารณ์ของผู้อ่ืน เพื่อนามาปรับปรุงแก้ไขในการจัดการ แสดงละครในครั้งตอ่ ๆ ไป 53. ตอบ ข้อ 2. เพราะการเคล่ือนไหวเป็นเส้นโค้ง เป็นการเคลื่อนไหวของตัวละครท่ีมีจุดมุ่งหมายใน การเคลื่อนไหว เพ่ือแสดงบทบาทท่ตี อ้ งการแสดงออกซึ่งอารมณ์สงสาร น่าเห็นใจ มีท่วงที ทสี่ ง่างาม 54. ตอบ ข้อ 4. เพราะการเคลื่อนไหวของนักแสดงจะถูกผู้ชมอ่าน หรือตีความภาษาท่าทางของนักแสดง ดังนั้น การแสดงภาษาท่าทางต่างๆ ด้วยจังหวะช้า-เร็ว ควรให้เหมือนกับชีวิตจริงมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการเดิน การนั่ง การยืน การวิ่ง การนอนของตัวละคร เนื่องจากจะมีผลต่อ การส่ืออารมณ์ ความคิดของตัวละครไปยังผู้ชม เพราะระดับความช้า-เร็ว ของการ เคลอื่ นไหว มคี วามสาคัญท่ีสามารถให้ขอ้ มลู ตามบทบาทของตวั ละครได้ 55. ตอบ ขอ้ 4. เพราะต้นกาเนิดของละครทุกชาติ ทุกภาษา จะมีจุดกาเนิดที่คล้ายกัน คือ เร่ิมต้นจาก พิธีกรรมทางศาสนา รูปแบบในการแสดงจะยึดตามขนบธรรมเนียม ประเพณี มีแบบแผน ในการแสดงสืบทอดปฏิบัติต่อๆ กันมา จนกลายเป็นมรดกทางวัฒนธรรมท่ีสะท้อนความ เปน็ อยู่ คา่ นยิ ม ขนบธรรมเนยี ม ประเพณีจนกลายเปน็ เอกลกั ษณป์ ระจาชาติ 56. ตอบ ขอ้ 4. เพราะมีหลักฐานในสมัยก่อนต้ังสุโขทัยเป็นราชธานี บริเวณท่ีเป็นประเทศไทยในปัจจุบัน ได้มีการแสดงละครกันมาแลว้ สันนิษฐานว่าละครเร่ืองแรกๆ ท่ีนามาใช้ในการแสดงน่าจะ เป็นละครเร่อื งมโนห์รา ~ 42 ~

57. ตอบ ขอ้ 3. เพราะในสมัยสุโขทัย ไม่มีหลักฐานปรากฏเก่ียวกับการละครมากนัก เป็นสมัยที่เริ่มมีการ ติดต่อกับประเทศต่างๆ มากขึ้น ซ่ึงชาติไทยเองได้มีการนาเอาศิลปวัฒนธรรมที่ดีของชาติ ต่างๆ เข้ามาปรับปรุงแก้ไขให้เป็นแบบของไทย และเม่ือได้รับวัฒนธรรมด้านการละคร เข้ามา ศิลปะแห่งการละเล่นพื้นเมืองของไทย คือ ราและระบา ก็ได้วิวัฒนาการขึ้น มีการ กาหนดแบบแผนแห่งศลิ ปะการแสดงท้งั 3 ชนิดไวเ้ ปน็ ทแี่ น่นอน และบัญญัติคาเรียกศิลปะ แห่งการแสดงดังกลา่ วขัน้ ต้นแลว้ ว่า “ โขน ละคร ฟอ้ นรา ” 58. ตอบ ข้อ 3. เพราะการละครในสมัยอยุธยา ได้เริ่มมีการจัดระเบียบแบบแผนให้มีความรัดกุมยิ่งขึ้น มีการตั้งช่ือละครท่ีเล่นกันอยู่ให้เป็นไปตามหลักวิชานาฏศิลป์ เกิดการแสดงละครใน รูปแบบตา่ งๆ ขึน้ มากมาย เช่น ละครชาตรี ละครนอก ละครใน โขน เปน็ ต้น 59. ตอบ ขอ้ 1. เพราะในสมัยธนบุรี เป็นช่วงท่ีต่อเนื่องหลังจากที่เสียกรุงศรีอยุธยาให้แก่พม่า เหล่าศิลปิน ได้กระจัดกระจายไปยังที่ต่างๆ เพราะผลจากสงคราม บางส่วนเสียชีวิต บางส่วนถูก กวาดต้อนเป็นเชลยไปอยู่พม่า จึงทาให้การละครไทยในสมัยธนบุรีจึงไม่ค่อยได้รับความ นยิ มดังเชน่ ทผ่ี ่านมา 60. ตอบ ขอ้ 4. เพราะพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ 1) พระองค์ทรงฟื้นฟู และรวบรวมส่งิ ตา่ งๆ ท่ีกระจัดกระจายให้มีระเบียบแบบแผนมากข้ึน ในรัชสมัยน้ีได้มีการ รวบรวมตาราฟ้อนราขึ้นไว้เป็นหลักฐานสาคัญในประวัติการละครไทย มีบทละครที่ ปรากฏตามหลกั ฐานอยู่ด้วยกันท้ังหมด 4 เรื่อง คือ เร่ืองอุณรุท เร่ืองรามเกียรต์ิ เรื่องดาหลัง และเรือ่ งอเิ หนา  ~ 43 ~


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook