จดั ทำโดย ครูกัณชรำพร ยกย่งิ
สภาวิชาชีพบญั ชีในพระบรมราชปู ถมั ภ์: การบญั ชี หมายถึง ศิลปะของการเก็บ รวบรวม บนั ทกึ จาแนก และทาสรุปข้อมลู อนั เกี่ยวกบั เหตกุ ารณ์ทางเศรษฐกิจในรูปตวั เงิน ผลงานขนั้ สุดท้ายของการบญั ชีคือ การให้ข้อมลู ทางการเงิน ซึ่งเป็นประโยชน์แก่บุคคล หลายฝ่ายและผ้ทู ี่สนใจในกิจกรรมของกิจการ Stan Snyder (CPA and expert bean counter): การบญั ชี คือ การบนั ทกึ การ สรุปการรายงาน และการวิเคราะห์ธุรกรรมทางการเงิน (Accounting is the art of recording, summarizing, reporting and analyzing financial transactions) สมาคมผู้สอบบัญชีรับอนุญาตแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา (The American Institute of Certified Public Accountants: AICPA): การบญั ชี คือ การบนั ทกึ การจดั หมวดหมู่ และการสรปุ ในลกั ษณะที่มีนยั สาคญั ในด้านของการเงิน การทาธุรกรรม และ เหตกุ ารณ์เกี่ยวกบั ความเป็นจริงทางการเงินและแสดงผลออกมา (Accounting is the art of recording, classifying and summarizing in a significant manner and in terms of money, transactions and events which are in fact at least of a financial character and interpreting the results thereof)
ควำมหมำยของกำรบัญชี สรุปได้ดงั นี ้ 1. กำรจดบันทึกรำยกำรค้ำ คือ การรวบรวมข้อมูลเก่ียวกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ทางเศรษฐกิจในรูปของตวั เงินเพ่ือบนั ทึกในสมดุ บันทึกรายการ โดยเร่ิมตงั้ แต่สมดุ บันทึก รายการขนั้ ต้นอาจบนั ทึกด้วยมือ หรือบนั ทึกด้วยเคร่ืองคอมพิวเตอร์ อาจใช้ โปรแกรมชุด สานกั งานหรือโปรแกรมสาเร็จรูปบญั ชีกไ็ ด้ 2. กำรจำแนกหมวดหมู่ คือ การจดั ประเภทรายการค้าออกเป็นหมวดหม่โู ดย หลกั การบญั ชีสามารถจดั ได้ 5 หมวด การจดั ประเภทรายการค้าออกเป็นหมวดหมจู่ ะทาให้ รายการค้าประเภทเดียวกันหรือเหมือนกันรวมอยู่ที่เดียวกัน ทาให้การค้นหาและการ ประมวลผลทาได้สะดวกรวดเร็ว และลดข้อผิดพลาด 3. กำรสรุปผล คือ การสรุปผลการดาเนินงานและฐานะการเงินของกิจการ ณ รอบระยะเวลาบญั ชีหน่ึง อาจเป็นรายเดือน รายไตรมาส ราย 6 เดือน หรือรายปี แต่ตาม กฎหมายกาหนดไว้ว่าต้องสรุปผลหรือปิดบญั ชีอยา่ งน้อยปีละครัง้ หรือรอบระยะเวลา 12 เดือน 4. กำรตีควำมหมำย คือ การนาผลสรุปที่ได้ไปตีความหมายเพื่อเป็นข้อมลู ประกอบการตดั สินใจของผ้ทู ี่เกี่ยวข้อง
วตั ถปุ ระสงค์ของกำรบญั ชี มีดงั นี ้ 1. เพ่ือบนั ทกึ รายการค้าท่ีเกิดขนึ ้ 2. เพ่ือให้เจ้าของกิจการทราบฐานะการเงิน ณ วนั ใดวนั หนึง่ (พจิ ารณา จากสนิ ทรัพย์หนีส้ นิ และสว่ นของเจ้าของ) และผลการดาเนินงานของกิจการ (พจิ ารณาจากรายได้และคา่ ใช้จ่าย) 3. เพื่อปอ้ งกนั การทจุ ริต การถกู ยกั ยอก และการสญู หายของสินทรัพย์ 4. เพื่อเป็นข้อมลู ในการตดั สินใจลงทนุ /ขยายกิจการของเจ้าของกิจการ 5. เพ่ือเป็นข้อมลู ในการตดั สินใจให้สนิ เช่ือ/เครดติ ของสถาบนั การเงนิ 6. เพื่อให้เป็นไปตามข้อบงั คบั /ข้อกาหนดของกฎหมาย 7. เพ่ือประกอบการคานวณภาษีเงนิ ได้
ประโยชน์ภำยในกจิ กำร 1. ทาให้เจ้าของกิจการ/ผู้บริหารสามารถควบคุมดแู ลสินทรัพย์ ของกิจการไม่ให้เกิดการทจุ ริต 2. ทาให้เจ้าของกิจการ/ผู้บริหารทราบผลการดาเนินงานและ ฐานะการเงินของกิจการ 3. ทาให้เจ้าของกิจการ/ผ้บู ริหารสามารถกาหนดนโยบายในการ วางแผน การควบคมุ และการตดั สนิ ใจ 4. ชว่ ยในการตรวจสอบและหาข้อผิดพลาด
ระบบบญั ชีค่เู กิดขนึ ้ ในประเทศอิตาลี โดย ลกู า ปาซิโอลิ (Luca Pacioli) นกั คณิตศาสตร์ชาวอิตาเลียน เกิดในปี ค.ศ. 1445 ที่ Sansepolcro ใน Tuscany ประเทศ อิตาลี ค.ศ. 1494 ลกู า ปาซิโอลได้จดั พิมพ์หนงั สือเชิงคณิตศาสตร์ ช่ือ “Summa de Arithmetica, Geometria,Proportioniet Proportionalita„ (The Collected Knowledge of Arithmetic, Geometry, Proportion and Proportionality) เนือ้ หาสว่ นหน่ึงของ หนงั สอื เลม่ นีไ้ ด้กลา่ วถงึ หลกั การบญั ชีคู่ (Double Entry Accounting) โดยกาหนดศพั ท์ คาวา่ Debito และ Credito เป็นพืน้ ฐานของคาวา่ เดบิต (Debit) และเครดิต (Credit) ตามหลกั การบญั ชีคู่ หนงั สอื ดงั กลา่ วได้รับการยอมรับวา่ เป็นตาราวิชาการบญั ชีในระบบ บญั ชีค่เู ลม่ แรกของโลกและถูกแปลเป็นภาษาเยอรมนั รัสเซีย ดตั ช์ องั กฤษ และภาษา อ่ืน ๆ ในเวลาต่อมา เป็นท่ียอมรับและถือปฏิบตั ิกนั มาจนถึงปัจจุบนั ลกู า ปาซิโอลิจึง ได้รับการยกยอ่ งให้เป็นบดิ าแหง่ การบญั ชี (The Father of Accounting)
การบัญชีในประเทศไทย เริ่มมีมาตัง้ แต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ในช่วง พ.ศ. 2193-2231 ตรงกบั สมยั สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ในสมยั นนั้ ประเทศไทยได้มีการ เจริญสมั พนั ธไมตรีกบั กลมุ่ ประเทศทางยโุ รปได้มีการจดั ทาบญั ชีขนึ ้ เลม่ แรก คือ บญั ชี เงินสด และถือปฏิบตั ติ อ่ กนั มาจนกระทง่ั ถงึ สมยั กรุงรัตนโกสินทร์ ต่อมาประเทศไทยได้มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองในวันท่ี 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 ส่งผลกระทบต่อสภาวะเศรษฐกิจโดยรวมอันนาไปสู่การออกประมวล รัษฎากรจัดเก็บภาษี เงินได้ บุคคลธรรมดาและ ภาษี เงินได้ นิติบุคคล (ตาม พระราชบญั ญัติการบัญชี พ.ศ. ๒๔๘๒) และเร่ิมมีการศึกษาวิชาการบญั ชีเป็นครัง้ แรกในสมยั รัชกาลที่ 5 พระองค์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้บรรจเุ รื่องการบัญชีเป็น สาขา 1 ใน 8 อยา่ งของชนั้ ประโยค 2 ซง่ึ เป็นชนั้ เรียนสงู สดุ ของการเรียนในสมยั นนั้ แต่ เป็นการจัดทาบัญชีเก่ียวกับการเงินเท่านัน้ ยังไม่ใช่หลักการบัญชีคู่ ต่อมาหลัง สงครามโลกครัง้ ท่ี 1 รัชกาลท่ี 6 ทรงโปรดฯ ให้คดั เลือกและสง่ บตุ รข้าราชการไปเรียน ทางด้านพาณิชย์และบญั ชีที่ประเทศองั กฤษและโปรดฯ ให้ตงั้ โรงเรียนพาณิชยการขนึ ้ 2 แห่ง คือ วดั สามพระยาและวดั แก้วฟ้า โดยมีการสอนบญั ชีค่ขู นึ ้ เป็นครัง้ แรกโดยใช้ สมดุ บญั ชี 3 เลม่ คือ สมดุ บญั ชีเงินสด สมดุ รายวนั และสมดุ บญั ชีแยกประเภท
คำนิยำมของวิชำชีพบัญชีตามพระราชบญั ญัติวิชาชีพบญั ชี พ.ศ. ๒๕๔๗ หมายถึง วิชาชีพในด้านการทาบญั ชี ด้านการสอบบญั ชี ด้านการบญั ชีบริหาร ด้านการวางระบบบญั ชี ด้านการบญั ชีภาษีอากร ด้านการศึกษาและเทคโนโลยีการบญั ชี ทัง้ นีใ้ นภายหน้าหากเห็นว่ามี บริการเก่ียวกับการบัญชีด้ านใดที่มีความสาคัญ รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงพาณิชย์อาจออกกฎกระทรวงกาหนดบริการเกี่ยวกบั การบญั ชี ด้านนัน้ เพ่ิมเติมขึน้ ในคานิยามวิชาชีพบัญชีก็ได้ เช่น การตรวจสอบ ภายใน เป็นต้น
อำชีพของนักบญั ชีแบ่งตำมประเภทของธุรกจิ และลักษณะงำน คอื 1. กำรบัญชีสำธำรณะ คือ การทาบญั ชีของนกั บญั ชีที่ประกอบอาชีพ ส่วนตวั โดยจัดตงั้ สานักงานขึน้ มาและรับทางานทางด้านการบญั ชีท่ัวไป งานที่ เก่ียวกบั การสอบบญั ชีการวางระบบบญั ชี การยืน่ ชาระภาษีเงินได้ เป็นต้น 2. กำรบัญชีธุรกิจ คือ การทาบญั ชีของนักบญั ชีในกิจการหรือใน หน่วยงานธุรกิจ เช่น กิจการเจ้าของคนเดียว ห้างห้นุ ส่วน บริษัทจากัด หรือบริษัท มหาชนจากดั โดยเป็นพนกั งานประจาหรือลกู จ้างในตาแหน่งตา่ ง ๆ เชน่ พนกั งาน บญั ชี สมหุ ์บญั ชี ผ้อู านวยการบญั ชี ผ้ตู รวจสอบภายใน โดยได้รับผลตอบแทนเป็น เงินเดอื นประจา 3. กำรบัญชีส่วนรำชกำร คือ การทาบญั ชีของนกั บญั ชีในหน่วยงาน ราชการที่ไมไ่ ด้แสวงหาผลกาไร การบญั ชีสว่ นราชการแตกตา่ งจากธรุ กิจเอกชน คือ งานบัญชีส่วนราชการจะต้ องปฏิบัติตามกฎระเบียบท่ีกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ได้วางไว้ และทุกหน่วยงานราชการจะต้องยึดปฏิบัติให้ เป็น แนวทางเดยี วกนั
หน่วยงำนท่เี ก่ยี วข้องกับวิชำชีพบัญชีมีหลำยหน่วยงำน ได้แก่ 1. สภาวชิ าชีพบญั ชี 2. กรมสรรพากร 3. กรมพฒั นาธรุ กิจการค้า 4. หน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับวิชาชีพบัญชี เช่น สานักงาน คณะกรรมการกากบั หลกั ทรัพย์และตลาดหลกั ทรัพย์ ตลาดหลกั ทรัพย์แห่ง ประเทศไทย ธนาคารแห่งประเทศไทย กระทรวงการคลงั กรมศลุ กากร กรม สรรพสามติ
ข้อสมมติทำงบัญชีเป็นข้อกาหนดส่วนหน่ึงในแม่บทการบญั ชีของ สภาวิชาชีพบญั ชีแม่บทการบญั ชีกาหนดขนึ ้ เพ่ือเป็นการวางแนวคดิ พืน้ ฐานใน การจดั ทาและนาเสนองบการเงินแก่ผ้ใู ช้งบการเงินท่ีเป็นบคุ คลภายนอก แม่บทการบัญชีไม่ใช่มาตรฐานการบญั ชีและไม่ได้มีไว้เพ่ือกาหนด มาตรฐานในการวดั มลู ค่าหรือการเปิดเผยข้อมลู สาหรับการบญั ชีเรื่องใดเร่ือง หน่ึงโดยเฉพาะ แม่บทการบญั ชีจึงไม่สามารถใช้ หกั ล้างมาตรฐานการบญั ชีที่ ประกาศใช้เฉพาะเรื่องได้ แม่บทการบญั ชีอาจมีข้อขดั แย้งกบั มาตรฐานการบญั ชีท่ีมีอยู่ ในกรณี ดงั กลา่ วให้ถือปฏิบตั ิตามมาตรฐานการบญั ชีท่ีประกาศใช้
มำตรฐำนกำรบัญชี คือ หลกั การบญั ชีและวิธีปฏิบตั ิทางการบญั ชี ท่ีรับรองทวั่ ไป ประกอบด้วย คานิยาม กฎเกณฑ์ และวิธีปฏบิ ตั ิทางการบญั ชี จดั ทาโดยสภาวิชาชีพบญั ชีในพระบรมราชูปถัมภ์การจดั ทามาตรฐานจะมี คณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ มีความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ ร่วมกนั จดั ทาโดยการศกึ ษาและพฒั นาภายใต้สภาวะแวดล้อมทางเศรษฐกิจ กฎหมายสงั คม และการเมืองอย่างมีเหตมุ ีผลจนเป็นที่ยอมรับและนามาใช้ เป็นหลกั หรือแนวทางในการปฏิบัติงานทางการบญั ชีให้เป็นไปในทิศทาง เดยี วกนั ตวั อยา่ งมาตรฐานการบญั ชี
หน่วยงำนท่ีเก่ียวข้องกับวิชำชีพบัญชี 2 หน่วยงำน ได้ กาหนดจรรยาบรรณของผ้ปู ระกอบวิชาชีพบญั ชีไว้เพื่อเป็นแนวทางให้ ผ้ปู ระกอบวิชาชีพบญั ชีพงึ ปฏิบตั ิ หน่วยงานแรก คือ กรมพฒั นาธุรกิจ การค้าโดยบญั ญัติอยู่ในพระราชบญั ญัติวิชาชีพบญั ชี พ.ศ. ๒๕๔๗ หมวด ๗
ในการประกอบธุรกิจอาจดาเนินงานได้หลายรูปแบบขึน้ อยู่กับปัจจัย หลายอย่าง เช่น เงินทุน ลักษณะของธุรกิจ วิธีการดาเนินธุรกิจ ความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ และความพึงพอใจของผ้ปู ระกอบธุรกิจ รูปแบบ ของธรุ กิจในประเทศไทยแบง่ ออกเป็น 2 ประเภท ดงั นี ้ 1. เป็ นนิตบิ ุคคล คอื จดทะเบยี นจดั ตงั้ ตามกฎหมาย ได้แก่ 1.1 ห้างห้นุ สว่ นสามญั จดทะเบยี นและห้างห้นุ สว่ นจากดั 1.2 บริษัทจากดั และบริษัทมหาชนจากดั 1.3 องค์กรธุรกิจจดั ตงั้ หรือจดทะเบียนภายใต้กฎหมายเฉพาะ 2 ไม่เป็ นนิตบิ ุคคล คือ ไมต่ ้องจดทะเบียนจดั ตงั้ ตามกฎหมาย แตอ่ าจ ต้องจดทะเบียนตามพระราชบญั ญตั ิทะเบยี นพาณิชย์ ได้แก่ 2.1 กิจการร้านค้าเจ้าของคนเดียว 2.2 ห้างห้นุ สว่ นสามญั
ตวั เลขทางบัญชีส่วนใหญ่จะเป็นจานวนเงิน การเขียนตวั เลขควรเขียนให้ ถกู ต้องตามหลกั บญั ชีเพ่ือปอ้ งกนั การทจุ ริตและการผิดพลาด คาแนะนาในการเขียน ตวั เลขตามหลกั บญั ชี มีดงั นี ้ 1. เขียนให้ชดั เจน อา่ นง่าย ขนาดไม่เลก็ จนเกินไป 2. ถ้าตวั เลขเป็นจานวนเงินตงั้ แต่ 3 หลกั ขนึ ้ ไป ให้ใสเ่ คร่ืองหมายจลุ ภาคคนั่ เชน่ 2,000 50,000 1,000,000 เป็นต้น 3. ถ้าเขียนตัวเลขเรียงกันหลายแถวต้องเขียนให้หลักตรงกัน หากมีเศษ สตางค์ให้ใสจ่ ดุ คนั่ ระหวา่ งบาทและสตางค์ 4. ถ้าเขียนตวั เลขลงในช่องจานวนเงินให้เขียนชิดเส้นด้านขวา หากไม่มีเศษ สตางค์ให้ใสเ่ คร่ืองหมาย – ลงในชอ่ งสตางค์ 5. เขียนจานวนเงินเป็นตวั อกั ษรกากบั ยอดรวมทกุ ครัง้ 6. การแก้ไขตวั เลข ห้ามใช้ยางลบหรือนา้ ยาลบคาผิด แตใ่ ห้ขีดฆ่าและเขียน ตวั เลขที่ถกู ต้องพร้อมลงลายมือช่ือกากบั ไว้
คำนิยำมของสินทรัพย์ หนีส้ ิน และส่วนของเจ้ำของ ตามแม่บท การบญั ชี (ปรับปรุง ๒๕๕๒) กาหนดไว้ ได้แก่ สินทรัพย์ หมายถึง ทรัพยากรท่ีอยู่ในความควบคุมของกิจการ ทรัพยากรดังกล่าวเป็นผลของเหตุการณ์ในอดีตท่ีกิจการคาดว่าจะได้ รับ ประโยชน์เชิงเศรษฐกิจจากทรัพยากรนนั้ ในอนาคต หนีส้ นิ (Liabilities) หมายถงึ ภาระผกู พนั ในปัจจบุ นั ของกิจการที่เป็น ผลของเหตุการณ์ในอดีตโดยการชาระภาระผูกพันนัน้ คาดว่าจะส่งผลให้ กิจการสญู เสยี ทรัพยากรท่ีมีประโยชน์เชิงเศรษฐกิจ ส่วนของเจ้ำของ (Owner’s Equity) หมายถึง สว่ นได้เสียคงเหลือใน สนิ ทรัพย์ของกิจการหลงั จากหกั หนีส้ นิ ทงั้ สนิ ้ ออกแล้ว
ประเภทของสินทรัพย์ แบง่ ออกเป็น 2 ประเภท คือ 1. สินทรัพย์หมุนเวียน (Current Assets) กิจการต้องจดั ประเภท สนิ ทรัพย์หมนุ เวียนเม่ือสนิ ทรัพย์นนั้ เป็นไปตามเง่ือนไขข้อใดข้อหนง่ึ ตอ่ ไปนี ้ 1.1 สินทรัพย์นัน้ เป็นเงินสดหรือรายการเทียบเท่าเงินสดที่ไม่มี ข้อจากดั ในการใช้ 1.2 กิจการคาดว่าจะได้รับประโยชน์จากสินทรัพย์นนั้ หรือตงั้ ใจจะ ขายหรือใช้ภายในรอบระยะเวลาการดาเนนิ งานตามปกติของกิจการ 1.3 กิจการมีสนิ ทรัพย์นนั้ ไว้โดยมีวตั ถปุ ระสงค์เบอื ้ งต้น คือ มีไว้เพือ่ ค้า 1.4 กิจการคาดว่าจะได้รับประโยชน์จากสินทรัพย์นัน้ ภายใน ระยะเวลา 12 เดือนนบั จากรอบระยะเวลารายงาน 2. สินทรัพย์ไม่หมุนเวียน (Non-current Assets) ได้แก่ สินทรัพย์ท่ี ไมเ่ ป็นไปตามเงื่อนไขของสนิ ทรัพย์หมนุ เวียน
ประเภทของหนีส้ นิ แบง่ ออกเป็น 2 ประเภท คือ 1. หนีส้ ินหมุนเวียน (Current Liabilities) หนีส้ นิ ที่อย่ใู นประเภท เป็นหนีส้ นิ หมนุ เวียนเมื่อหนีส้ นิ เป็นไปตามเงื่อนไขข้อใดข้อหนงึ่ ตอ่ ไปนี ้ 1.1 กิจการคาดว่าจะชาระคืนหนีส้ ินภายในรอบระยะเวลา ดาเนินงานปกติ 1.2 หนีส้ ินนัน้ ถึงกาหนดชาระภายใน 12 เดือน นับจากรอบ ระยะเวลารายงาน 1.3 กิจการไม่มีสิทธิอนั ปราศจากเงื่อนไขในการเล่ือนการชาระ หนีอ้ อกไปอีกเป็นเวลาไมน่ ้อยกวา่ 12 เดือน นบั จากรอบระยะเวลารายงาน 2. หนีส้ ินไม่หมุนเวียน (Non-current Liabilities) ได้แก่ หนีส้ นิ ที่ ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขของหนีส้ นิ หมนุ เวียน
ประเภทของส่วนของเจ้ำของ แบง่ ออกเป็น 2 ประเภท คือ 1. ส่วนของเจ้ำของถำวร ได้แก่ ทุน-เจ้าของกิจการ ทุน-ผู้เป็น หุ้นส่วน ทุนเรือนหุ้น ซ่ึงแบ่งออกเป็นทุน-หุ้นสามัญและทุน-หุ้นบุริมสิทธิ 2. ส่วนของเจ้ำของช่ัวครำว ได้แก่ รายได้ ค่าใช้จ่าย และถอนใช้ สว่ นตวั หรือเงินถอน 2.1 รำยได้ การเพ่มิ ขนึ ้ ของประโยชน์เชิงเศรษฐกิจในรอบระยะเวลาบญั ชีใน รูปกระแสเข้า หรือการเพิ่มคา่ ของสินทรัพย์หรือการลดลงของหนีส้ ิน อนั ส่งผลให้สว่ นของ เจ้าของเพิ่มขนึ ้ ไม่รวมถงึ เงินทนุ ที่ได้รับจากผ้มู ีสว่ นร่วมในสว่ นของเจ้าของ 2.2 ค่ำใช้จ่ำย การลดลงของประโยชน์เชิงเศรษฐกิจในรอบะยะเวลาบญั ชีใน รูปกระแสออกหรือการลดค่าของสนิ ทรัพย์หรือการเพ่ิมขนึ ้ ของหนีส้ ินอนั สง่ ผลให้สว่ นของ เจ้าของลดลง ทงั้ นีไ้ มร่ วมถงึ การแบง่ ปันให้กบั ผ้มู ีสว่ นร่วมในสว่ นของเจ้าของ 2.3 ถอนใช้ส่วนตัวหรือเงินถอน การลดลงของประโยชน์เชิงเศรษฐกิจใน รอบระยะเวลาบญั ชีในรูปกระแสออกหรือการลดค่าของสินทรัพยโดยเจ้าของกิจการ อนั สง่ ผลให้สว่ นของเจ้าของลดลง
เอกสำรท่ีต้องใช้ประกอบกำรลงบัญชี คือ บนั ทึก หนังสือ หรือ เอกสารใด ๆ ที่ใช้เป็นหลักฐานในการลงบัญชี ประกอบด้วยเอกสารตาม พระราชบญั ญตั ิการบญั ชี พ.ศ. ๒๕๔๓ หมวด ๓ (ผ้ทู าบญั ชี) มาตรา ๒๐ “ผ้ ูทาบัญชี ต้ องจัดทาบัญชี เพื่อให้ มีการแสดงผลการ ดาเนินงาน ฐานะการเงิน หรือการเปล่ียนแปลงฐานการเงินของผู้มีหน้าท่ีจัดทาบญั ชีที่ เป็นอย่ตู ามความเป็นจริงและตามมาตรฐานการบญั ชี โดยมีเอกสารที่ต้องใช้ ประกอบการลงบญั ชีให้ถกู ต้องครบถ้วน” เชน่ ใบเสร็จรับเงิน ใบสาคญั จ่ายใบ สง่ ของ เป็นต้น และเอกสารตามประมวลรัษฎากร เช่น ใบกากบั ภาษี รายงาน ภาษีซอื ้ รายงานภาษีขาย เป็นต้น
เอกสำรท่ตี ้องใช้ประกอบกำรลงบญั ชี แบง่ ออกเป็น 2 ประเภท คอื 1. เอกสำรภำยใน (Internal Documents) เป็นเอกสารที่กิจการ จัดทาขึน้ เพ่ือบันทึกรายการเงินต่าง ๆ ภายในกิจการ และเก็บไว้เป็น หลักฐาน เอกสารบางชนิดจัดทาขึน้ เพื่อมอบให้กับบุคคลภายนอก เช่น ลูกหนีก้ ารค้า เจ้าหนีก้ ารค้า ได้แก่ ใบเบิกเงิน ใบเบิกสินค้ า ใบส่งสินค้า ใบสง่ั ซอื ้ ใบเสร็จรับเงนิ เป็นต้น 2. เอกสำรภำยนอก (External Documents) เป็นเอกสารท่ี กิจการได้รับจากบคุ คลภายนอก เชน่ ใบเสร็จรับเงนิ ใบกากบั ภาษี เป็นต้น
รำยกำรค้ ำ หมายถึง รายการท่ีเกิดขึน้ ในกิจการค้า และมี ผลกระทบต่อสินทรัพย์ หนีส้ ิน และส่วนของเจ้ าของ หรือมีผลทาให้ สินทรัพย์ หนีส้ ิน และสว่ นของเจ้าของเปล่ียนแปลง ส่วนรำยกำรท่ีเกิดขึน้ ในกิจกำรค้ำ แต่ไม่มีผลต่อสินทรัพย์ หนีส้ ิน และส่วนของเจ้ำของ ของกิจกำรเรียกว่ำ รำยกำรท่ีไม่ใช่ รำยกำรค้ำ
กำรวิเครำะห์รำยกำรค้ำ คือ การพิจารณาว่ารายการค้าที่เกิดขนึ ้ นนั้ มีผลกระทบต่อสินทรัพย์ หนีส้ ิน และส่วนของเจ้าของอย่างไร หรือทาให้ สินทรัพย์ หนีส้ ิน และส่วนของเจ้าของเปล่ียนแปลงไปอย่างไร กล่าวคือ เพมิ่ ขนึ ้ หรือลดลงเป็นจานวนเท่าใด การวเิ คราะห์รายการค้าให้ยดึ สมการบญั ชี เป็นหลกั กำรวิเครำะห์รำยกำรค้ำจะทำให้เกิดกำรเปล่ียนแปลงได้หลำยลักษณะ แต่จะเป็ นไปในลักษณะเท่ำกันทัง้ สองด้ำน เช่น ถ้ำสินทรัพย์เพ่ิมขึน้ หนีส้ ินหรือ ส่วนของเจ้ำของก็ต้องเพ่ิมขึน้ ถ้ำสินทรัพย์ ลดลงหนีส้ ินหรือส่วนของเจ้ำของก็ ต้องลดลง เป็ นต้น
สมกำรบัญชี (Accounting Equation)หรือสมกำรงบดลุ (Balance Sheet Equation) เป็นสมการที่แสดงความสมั พนั ธ์ระหวา่ งสนิ ทรัพย์ หนีส้ ิน และสว่ นของเจ้าของ (ทนุ ) จำกควำมหมำยของสินทรัพย์ หนีส้ ิน และส่วนของเจ้ำของ (ทุน) จะเห็นได้ว่าการคานวณส่วนของเจ้าของ (ทุน) จะมาจากส่วนได้เสีย คงเหลือในสินทรัพย์ของกิจการหลงั จากหกั หนีส้ ินทงั้ สิน้ ออกแล้ว ดงั นนั้ ส่วน ของเจ้าของ (ทนุ ) มาจากสนิ ทรัพย์ – หนีส้ นิ ซงึ่ เขียนเป็นสมการบญั ชีได้ ดงั นี ้
Search
Read the Text Version
- 1 - 25
Pages: