วจิ ัยในช้นั เรียน เรื่อง การพฒั นาทกั ษะการพดู ภาษาอังกฤษโดยใช้สถานการณจ์ าลอง ของนักเรียนช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 6 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 โดย นายบุญเสรฐิ จตุรธรรมวาที ตาแหนง่ พนกั งานราชการ กลุม่ สาระการเรยี นร้ภู าษาตา่ งประเทศ โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 อาเภอแม่แจ่ม จงั หวัดเชียงใหม่ สานกั บรหิ ารงานการศึกษาพเิ ศษ สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพน้ื ฐาน กระทรวงศึกษาธิการ
กิตติกรรมประกาศ โครงการวิจยั เร่ือง การพัฒนาทกั ษะการพูดภาษาอังกฤษโดยใช้สถานการณ์จาลอง สาหรับนักเรยี น ประถมศึกษาปีท่ี 6 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 อาเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ สาเร็จลุล่วงตาม วตั ถุประสงค์ดว้ ยความรว่ มมือจากหลายฝ่าย ขอขอบพระคุณ โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 อาเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ และเจ้าหน้าที่หน่วยงานอื่น ๆ ท่ีเก่ียวข้องที่มิได้กล่าวนาม ท่ีให้ความเอื้อเฟื้อในด้านต่าง ๆ มาโดยตลอด ขอขอบพระคุณท่ีปรึกษาโครงการวิจัยท่ีให้คาแนะนามาโดยตลอด คณะครูผู้บริหารโรงเรียน ที่ให้ การสนบั สนนุ การดาเนินงานวิจัยเปน็ อย่างดี บุญเสริฐ จตุรธรรมวาที ผวู้ ิจัย
หวั ขอ้ วิจัย การพฒั นาทักษะการพูดภาษาอังกฤษโดยใชส้ ถานการณจ์ าลอง ประถมศึกษาปที ่ี 6 โรงเรียน ราชประชานเุ คราะห์ 31 อาเภอแมแ่ จ่ม จงั หวดั เชียงใหม่ ชอื่ ผวู้ ิจยั บุญเสริฐ จตรุ ธรรมวาที ระยะเวลาการทาวิจยั 2563 บทคัดย่อ การวิจัยคร้ังนี้ มีวัตถุประสงค์ของการวิจัย คือ 1) การพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษโดยใช้ สถานการณ์จาลอง 2) การฝกึ ความกล้าแสดงออก โดยศึกษาจากกล่มุ ตัวอยา่ ง คือ นกั เรยี นชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 6 จานวน 15 คน โดยใช้แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง การพูดแนะนาตัวเองและผู้อ่ืนเป็นภาษาอังกฤษ การ สนทนาในร้านขายของ และการสนทนาเกยี่ วกับสภาพอากาศ แบ่งออกเป็น 3 แผน แผนละ 2 ชั่วโมง รวมเป็น 6 ชั่วโมง โดยมีแบบประเมินทักษะการพูดภาษาอังกฤษ จากน้ันเก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้การจดบันทึก ถ่ายภาพ และอภิปรายผลเป็นตารางรอ้ ยละและหาค่าเฉลย่ี พร้อมอธิบายใต้ตาราง ผลการวิจัย พบว่า ผลจาก การใช้สถานการณ์จาลอง เร่อื ง การแนะนาตวั เองและผ้อู ่ืนเปน็ ภาอังกฤษ การสนทนาในร้านขายของ และการ สนทนาเกี่ยวกับสภาพอากาศ สง่ ผลใหผ้ ู้เรยี นสามารถสนทนาในสถานการณ์ต่างๆได้ โดยมคี ะแนนประเมินหลัง เรียนเฉล่ียร้อยละ 68 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กาหนดไว้ และเมื่อเปรียบกับผลการทดสอบก่อนเรียน โดยผลการ ทดสอบมีคะแนนเฉล่ียร้อยละ 28 จะเห็นได้ว่ามีผลการประเมนิ หลังเรียนที่สูงกว่า โดยสรุป การพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษของนักเรยี นชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ 6 โดยใช้สถานการณ์ จาลองช่วยให้นักเรียนมีทักษะการพูดภาษาอังกฤษท่ีดีข้ึน สามารถนาไปใช้ เพ่ือพัฒนาทักษะการพูด ภาษาอังกฤษในกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศของนักเรียนใหบ้ รรลวุ ัตถุประสงค์ได้ ซ่ึงเป็นการพัฒนา ทกั ษะการพดู ภาษาองั กฤษทีม่ ีคุณค่าต่อผู้เรียน ชว่ ยเสริมสรา้ งการกล้าพูดและกล้าแสดงออกในการส่ือสารและ การนาไปใชแ้ กป้ ัญหาในชวี ิตประจาวนั ได้อกี ด้วย
สารบัญ หนา้ ก กติ ติกรรมประกาศ ข บทคดั ย่อภาษาไทย ค สารบัญ ซ สารบัญ (ต่อ) จ สารบญั ภาพ ฉ สารบัญตาราง 1 บทที่ 1 บทนา 1 1 บทนา ความเป็นมา และความสาคัญของปญั หา 1 วัตถปุ ระสงค์ของการวจิ ัย 2 ขอบเขตของการวจิ ัย 2 นยิ ามศพั ท์ 2 ประโยชน์ท่คี าดว่าจะไดร้ ับ 2 สถานที่ในการดาเนินการวจิ ัย 3 ระยะเวลาในการดาเนนิ การวิจัย 3 บทที่ 2 ทฤษฏี เอกสาร และงานวิจยั ทเี่ ก่ยี วขอ้ ง 6 ประติมากรรมภาคปฏบิ ัติ 7 ศลิ ปะประดิษฐ การแกะสลกั สบู่ 11 ประติมากรรม 12 จิวทิ ยาการศึกษา 15 การสรา้ งแบบฝึก 19 เอกสารและงานวิจยั ทเ่ี กี่ยวข้อง 19 บทที่ 3 วิธีดาเนนิ งานวิจัย 19 ประชากรและกลมุ่ ตวั อยา่ ง 19 การสุม่ ตวั อย่าง 20 เครื่องมอื ในการวิจัย วธิ ีการดาเนินการเก็บรวบรวมข้อมูล สารบญั (ต่อ)
การวเิ คราะห์ขอ้ มลู และอภิปรายผล หน้า บทที่ 4 ผลการวจิ ยั 20 การสรา้ งแผนจัดการเรยี นรู้ 21 ข้ันตอนการสร้างชุดฝกึ ทกั ษะ 21 สรา้ งแบบทดสอบก่อน-หลังเรยี น 23 นาชดุ ฝกึ ไปทดลองใช้ 23 บทท่ี 5 สรุปผลการวจิ ัย อภปิ รายผล และข้อเสนอแนะ 23 สรุปผลการวจิ ยั 29 อภิปรายผล 29 ขอ้ เสนอแนะ 30 บรรณานุกรม 31 ภาคผนวก ภาคผนวก ก แบบสอบก่อน-หลงั เรียน 33 แบบทดสอบกอ่ นเรียน 33 แบบทดสอบหลงเรยี น 38 ภาคผนวก ข การสรา้ งส่อื ผลงานนักเรียน 43 ภาคผนวก ค ประวัติผู้วจิ ยั 52
สารบญั ภาพ หนา้ ภาพที่ 4.1 การทดลองใช้สอื่ ประติมากรรมกระดาษ 24 ภาพที่ 1 การเตรียมวัสดอุ ปุ กรณป์ ระติมากรรมวสั ดุเหลือใช้ 43 ภาพที่ 2 การประกอบประติมากรรมวสั ดเุ หลือใช้ 43 ภาพที่ 3 ประตมิ ากรรมวสั ดุเหลือใช้ 44 ภาพที่ 4 การขน้ึ โครงประติมากรรมเส้นลวด 44 ภาพท่ี 5 ประตมิ ากรรมเสน้ ลวด 45 ภาพท่ี 6 การรา่ งภาพประตมิ ากรรมกระดาษ 45 ภาพที่ 7 การแกะภาพประติมากรรมกระดาษ 46 ภาพท่ี 8 ภาพประติมากรรมกระดาษ 46 ภาพที่ 9 การอธบิ ายขน้ั ตอนการสร้างสรรค์งานประติมากรรมกระดาษ 47 ภาพที่ 10 การร่างภาพแบบ 47 ภาพท่ี 11 ขนั้ ตอนการแกะผลงาน 48 ภาพท่ี 12 สาธติ การสร้าสรรค์งานประติมากรรมกระดาษ 48
สารบัญตาราง หนา้ 21 ตารางท่ี 4.1 รายละเอยี ดเกี่ยวกับแผนการจัดการเรยี นรู้ 24 ตารางที่ 4.2 คะแนนและค่าร้อยละของความรู้ จากการวดั ผลก่อนเรียน 25 ตารางที่ 4.3 คะแนนและค่าร้อยละของความรู้ จากการวดั ผลหลังเรียน 26 ตารางที่ 4.4 คะแนนและคา่ รอ้ ยละของทักษะการปฏิบตั ิ จากการวัดผลหลังเรยี น 26 ตารางท่ี 4.5 คะแนนและค่าร้อยละของความรู้ และทักษะการปฏิบัติ จากการวัดผลก่อนเรียน 27 ตารางที่ 4.6 คะแนนและคา่ รอ้ ยละของความรู้ และทักษะการปฏิบตั ิ จากการวัดผลหลงั เรียน
บทที่ 1 บทนา ความเปน็ มาและความสาคัญของปัญหา ทักษะการพูดนับว่ามคี วามสาคัญอย่างย่ิงท้ังในชีวิตประจาวันและชีวติ การทางานทั้งนี้เพราะมนษุ ย์ต้องใช้ คาพูดแสดงความรสู้ ึกนึกคิดของตนใหผ้ ู้อน่ื ได้ทราบและเข้าใจนอกจากน้ันการพดู ยงั เปน็ ทักษะการส่ือสารท่ีสะดวก และใช้มากที่สุดในชีวิตประจาวัน ทักษะการพูดภาษาอังกฤษท่ีมุ่งเน้นการใช้ภาษาอังกฤษเพ่ือการสื่อสารโดยใช้ สถานการณจ์ าลองเพื่อการส่ือสารโดยตรงท่ที ราบผลกว่าทักษะอ่นื อีกทงั้ ยังเปน็ เครื่องมือในการเข้าสังคมของมนุษย์ โดยใช้การพดู เปน็ เครือ่ งมือในการสื่อสารความหมายซึ่งกันและกนั ทาใหม้ นุษย์สามารถดารงอยู่เป็นชุมชนน้อยใหญ่ ทักษะการพูดเป็นทักษะการใชภ้ าษาท่ีสาคัญอีกทักษะหน่ึงในทักษะการใชภ้ าษาทั้ง 4 ทักษะ คือ ฟัง พูด อ่านและ เขียน เพราะมนษุ ย์เปน็ สัตว์สงั คมตอ้ งมกี ารพบปะสมาคมซ่ึงกันและกนั เพ่อื ทาภารกิจต่าง ๆ เพือ่ การติดตอ่ สื่อสาร ประจาวัน ท้ังการติดต่อส่ือสารโดยตรงคือ การพบประพูดคุยแบบตัวต่อตัว และการติดต่อสื่อสารผ่านสื่อต่าง ๆ เช่น การใช้โทรศัพท์ ซ่ึงปัจจุบันน้ีทาได้ง่าย สะดวก รวดเร็ว และค่าใช้จ่ายถูก ทาให้คนส่วนมากนิยมการ ติดต่อสื่อสารกันโดยใช้วิธีการพูดมากกว่าวิธีอ่ืน การพูดเป็นการถ่ายทอดความคิด ความเข้าใจและความรู้สึกให้ ผู้ฟังได้รับรู้ และเข้าใจจุดมุ่งหมายของผู้พูด ในการเรียนการสอนภาษา ต่างประเทศทักษะการพูดนับว่าเปน็ ทักษะ ที่สาคัญและจาเป็น เพราะผู้ท่ีพูดได้ย่อมสามารถฟังผู้อ่ืนพูดได้เข้าใจและจะช่วยให้การอ่านการเขียนง่ายข้ึน การ พูดเป็นการถ่ายทอดความคิด ความเข้าใจและความรู้สึกให้ผู้ฟังได้รับรู้ และเข้าใจจุดมุ่งหมายของผู้พูด ในการ เรียนการสอนภาษาต่างประเทศ ทักษะการพูดนับว่าเป็นทักษะที่สาคัญและจาเป็น เพราะผู้ท่ีพูดได้ย่อมสามารถ ฟังผอู้ ื่นพูดได้เขา้ ใจและจะชว่ ยใหก้ ารอา่ นการเขยี นง่ายขึ้นดว้ ย สุมิตรา อังวัฒนกุล (2546,น.167) ทักษะการพูดภาษาอังกฤษเป็นทักษะที่ทุกคนมุ่งหวังท่ีจะให้ประสบ ความสาเร็จ เพราะการเรียนภาษาใดๆก็ตามหากสามารถสื่อสารด้วยการพูดสนทนาในชีวิตประจาวันได้ ถือว่า เป็นการใช้ประโยชน์จากการเรียนภาษาน้ันๆได้อย่างแท้จริง แต่ความเป็นจริงการพูดภาษาอังกฤษของคนไทยยัง ประสบปัญหา น่ันคือคนไทยส่วนมากเรียนภาษาอังกฤษมาเป็นระยะเวลาหลายปี คือตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลถึง มหาวิทยาลัย แต่ก็ยังไม่สามารถพูดหรือสนทนากับชาวต่างประเทศได้อย่างคล่องแคล่วท้ัง ๆ ท่ีคร่าเคร่งเรียน ภาษาอังกฤษกันมาอย่างหนัก ซ่ึงในอดีตการเรียนจะเน้นที่การเรียนรู้กฎเกณฑ์ของภาษา การจาโครงสร้างของ ประโยค แม้ปัจจุบันสภาพการเรียนการสอนภาษาอังกฤษในประเทศไทยจะเปล่ียนไปจากเดิมมาก กล่าวคือ เด็กไทยจะเรียนภาษาอังกฤษด้วยความสนุกสนานมากข้ึน เนื่องจากมีกิจกรรมการเรียนการสอนแบบใหม่ท่ี น่าสนใจ มีเกมส์ มีเพลง มีอุปกรณ์การเรียนการสอนที่ทันสมัย จูงใจให้นักเรียนรักเรียน มีวิธีการสอนที่ใช้การ ส่ือสาร(Communication Approach) ซึ่งเน้นการสนทนา (Conversation) ตามสถานการณ์เป็นหลัก เพ่ือให้ นักเรียนเคยชินกบั คาศัพท์และประโยคต่างๆ เกดิ การเรียนรู้และสามารถนาไปใช้ในสถานการณ์ตา่ งๆอย่างถูกต้อง แมก้ ระนั้นเด็กร่นุ ใหม่ก็ยังไม่สามารถนาภาษาองั กฤษไปใชต้ ามสถานการณใ์ นสภาพความเป็นจริงได้
ประนอม สุรัสวดี (2539,น.56) กล่าวว่า นอกจากทักษะการพูดภาษาอังกฤษเป็นทักษะพ้ืนฐานในการรับ ข้อมลู และถ่ายทอดความรสู้ ึกนึกคิดใหผ้ ู้อ่ืนรบั รู้และเข้าใจ ผู้เรียนควรได้รับการฝึกฝนอย่างเพยี งพอเพื่อให้สามารถ ส่ือความหมายได้อย่างถูกต้องเหมาะสมก่อนทักษะการอ่านและเขียน ซึ่งเป็นหลักธรรมชาติการเรียนรู้ภาษาแต่ ปัจจบุ ันพบว่าความสามารถในการพดู ภาษาองั กฤษของเด็กไทยยังอยู่ในระดับต้องปรับปรงุ แก้ไข จึงสรุปได้ว่า การพูด คือ การส่ือความหมายโดยใช้ภาษาและกริยาท่าทางตลอดจนน้าเสียงสีหน้าแววตา เพื่อถ่ายทอดอารมณ์ ความรูส้ ึก ความรู้และความคดิ เพอ่ื ใหเ้ กิดความเขา้ ใจระหวา่ งกนั กระทรวงศึกษาธิการได้กาหนดให้ภาษาอังกฤษเป็นสาระพื้นฐานในการเรียนตลอดหลักสูตร ต้ังแต่ปี พุทธศักราช 2542 เป็นต้นมา ตามพระราชบัญญัติการศึกษาซ่ึงกาหนดให้มีการจัดการเรียนการสอนหลักสูตร ภาษาอังกฤษข้ึนต้ังแต่ระดับประถมศึกษาเพ่ือเป็นการสร้างพื้นฐานท่ีดีในการสนทนาภาษาอังกฤษให้แก่เด็กไทย โดยมุ่งเน้นให้นักเรียนมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารและใช้เป็นเคร่ืองมือในการแสวงหา ความรู้ต่างๆตลอดจนเป็นแนวทางในการศึกษาในระดับสูงข้ึนสาหรับการจัดหลักสูตรการเรีย นการสอนภาษา อังกฤษระดับมัธยมศึกษาน้ันมุ่งให้ผู้เรียนใช้ภาษาอังกฤษในระดับท่ีสูงขึ้นเพ่ือการศึกษาต่อการประกอบอาชีพและ การเข้าสู่สังคมโลกในอนาคตจัดกิจกรรมการเรียนการรู้ท่ีเน้นผู้เรียนเป็นศูนย์โดยใช้สื่ออุปกรณ์ท่ีหลากหลายใช้ วิ ธี ก า ร วั ด ผ ล ป ร ะ เ มิ น ผ ล ที่ เ ห ม า ะ ส ม มุ่ ง ใ ห้ ผู้ เ รี ย น ส า ม า ร ถ ใ ช้ ภ า ษ า เ พื่ อ ก า ร ส่ื อ ส า ร ไ ด้ ใ น ส ถ า น ก า ร ณ์ จ ริ ง มี ประสบการณ์ตรงในการใช้ภาษาอังกฤษมีเจตคติที่ดีมีความม่ันใจและกล้าแสดงออกท้ังนี้มีเป้าหมายท่ีจะพัฒนา ทักษะทั้ง 4 ด้าน คือ ด้านการฟัง การพูด การอ่าน และการเขียนไปพร้อมๆกันเพื่อให้ผู้เรียนสามารถนาความรู้ไป ใชป้ ระโยชน์ท้ังในชีวิตประจาวันและเพือ่ ความกา้ วหนา้ ในอนาคตได้อย่างแท้จรงิ จากปัญหาดังกล่าว กระทรวงศึกษาธิการ (2551,น.26) กล่าวว่า ผู้วิจัยในฐานะครูผู้สอนก็ได้พบปัญหา ลักษณะเช่นเดียวกันกับนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปี 2 ปีการศึกษา 2561 จานวน 15 คน โรงเรียนราชประชานุ เคราะห์ 31 ตาบลช่างเคิ่ง อาเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ จากการสังเกตพฤติกรรมทางการพูดภาษาอังกฤษของ นกั เรียนพบวา่ นกั เรียนสว่ นใหญ่ขาดทักษะในการพดู ภาษาองั กฤษและไม่กล้าใชภ้ าษาอังกฤษในการสนทนาโต้ตอบ โดยเฉพาะในด้านของการพูดส่ือความหมายเพื่อการสื่อสารและการเรียบเรียงประโยค อกี ท้ังยังขาดความเชือ่ มั่นใน การพูดภาษาอังกฤษทาให้ผู้เรียนไม่บรรลุเป้าหมายในการเรียนภาษาอังกฤษได้ ดังน้ันผู้วิจัยจึงสนใจท่ีจะศึกษา เก่ียวกับการใช้สถานการณจ์ าลองเพอ่ื พัฒนาทักษะการพดู ภาษาอังกฤษของนักเรยี น วตั ถุประสงค์ เพ่ือศึกษาหรือพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 2 โรงเรียนราชประชานุ เคราะห์ 31 โดยใช้สถานการณ์จาลองในวชิ าภาษาองั กฤษพืน้ ฐาน ขอบเขตของการวิจยั ประชากร
ประชากรท่ีใช้ในการศึกษาค้นคว้าครั้งน้ีเป็นนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2561 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 ตาบลชา่ งเคง่ิ อาเภอแมแ่ จม่ จังหวดั เชียงใหม่ จานวน 15 คน เนอื้ หา เน้ือหาในการวิจัยคร้ังนี้ คือผู้วิจัยจะใช้สถานการณ์จาลองเพื่อพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษของ นักเรียนโดยนาสถานการณ์จาลองมาปรับให้สอดคล้องกับเนื้อหาผู้เรียน และระยะเวลาที่ใช้ในการทดลองโดยมี หวั ข้อยอ่ ยดงั น้ี 1. การแนะนาตัวเองและแนะนาผู้อน่ื เบ้ืองต้น 2. การเลือกซื้อของ 3. การสนทนาเก่ียวกับสภาพอากาศ ตวั แปรในการวจิ ัย 1. ตัวแปรอสิ ระ (ตน้ ) ได้แก่ การใชส้ ถานการณ์จาลอง 2. ตัวแปรตาม ไดแ้ ก่ ทกั ษะการพูดภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 โรงเรียนราชประชานุ เคราะห์ 31 นยิ ามศพั ทเ์ ฉพาะ 1. ทักษะการพูดภาษาอังกฤษ หมายถงึ ทกั ษะในการพูดภาษาองั กฤษดว้ ยคาศัพท์และไวยากรณ์ท่ีถูกต้อง พูดโต้ตอบตรงตามสถานการณ์ท่ีเกิดขึ้น ตลอดจนมีความคล่องแคล่วในการใช้ภาษาเพ่ือส่ือความหมายให้ผู้ฟัง เขา้ ใจได้ โดยวัดความสามารถดา้ นการพดู จากการปฏิบตั ิสถานการณจ์ าลอง 2. สถานการณ์จาลอง หมายถึง การจาลองเหตุการณ์เพื่อเลียนแบบสถานการณ์ตามสภาพจริงสาหรับให้ นักเรียนแสดงบทบาทประกอบเหตุการณ์หรือสถานการณ์นั้นและให้นักเรียนฝึกพูดสนทนาโต้ตอบกับบุคคลอ่ืนท่ี แสดงบทบาทในสถานการณ์เดียวกันจากสถานการณ์จริงเพ่ือให้นักเรียนได้เรียนรู้และเข้าใจสถานการณ์ปัญหา ต่างๆท่ีเผชิญในสถานการณ์จาลองนั้นๆโดยมีการสนทนาโต้ตอบเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของการส่ือสารตามท่ี ผเู้ รียนตอ้ งการ ประโยชน์ทไี่ ด้รบั จากการวจิ ัย 1. ได้พัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 2. ไดบ้ ทเรียนที่ใช้กจิ กรรมสถานการณจ์ าลองเพ่ือพัฒนาทักษะการพดู สาหรับนักเรียนชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรยี นราชประชานเุ คราะห์ 31 3. เปน็ แนวทางสาหรับครูผสู้ อน ในการจดั กิจกรรมพัฒนาทกั ษะด้านการพดู ใหเ้ หมาะสมกบั ผเู้ รียน ใน กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาตา่ งประเทศตอ่ ไป
บทที่ 2 เอกสารและงานวิจัยทีเ่ ก่ยี วข้อง การศึกษาค้นคว้าการพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 2 โดยใช้ สถานการณ์จาลองครั้งน้ีผู้ศึกษาค้นคว้าได้ศึกษาเอกสารและงานวิจัยท่ีเกี่ยวข้องกับการศึกษาค้นคว้าโดยสรุป เป็นประเดน็ สาคญั และเสนอเนื้อหาตามลาดับ ดังน้ี 1.ทักษะการพูดภาษาองั กฤษ 1.1 ความสาคัญของทักษะการพูดภาษาองั กฤษ 1.2 แนวทางการพฒั นาทกั ษะการพูดภาษาองั กฤษ 1.3 ข้นั ตอนการจดั กิจกรรมทกั ษะการพดู ภาษาองั กฤษ 1.4 การจดั และการประเมินทกั ษะการพูดภาษาอังกฤษ 2.สถานการณ์จาลอง 2.1 ความหมายของสถานการณจ์ าลอง 2.2 ความมุง่ หมายในการใช้สถานการณจ์ าลอง 1. ทกั ษะการพูดภาษาองั กฤษ สุภัทรา อักษรรานุเคราะห์ (2532,น.21) แสดงถึงการพูดเป็นการถ่ายทอดความคิดความรู้สึกออกมา เป็นรหัสของภาษาพูดให้ผู้อ่ืนเข้าใจ นอกจากจะใช้การเน้นหนักในคาระดับเสียงสูงต่าในประโยคเพ่ือสื่อ ความหมาย ยงั แสดงถึงวฒั นธรรมและสถานภาพของผ้พู ดู ดว้ ยคอื แสดงจุดมุง่ หมายในการพูด ตอ้ งการอะไร พูด กบั ใคร สุมิตรา องั วัฒนกุล (2540,น.167) แสดงถงึ การพดู เปน็ การถ่ายทอดความคดิ ความเขา้ ใจและความรู้สึก ให้ผู้ฟังได้รับรู้และเข้าใจจุดมุ่งหมายของผู้พูด ดังนั้น ทักษะการพูดจึงเป็นทักษะที่สาคัญสาหรับบุคคลในการ สื่อสารในชีวิตประจาวัน ในการประกอบธุรกิจต่างๆ ในการเรียนการสอนภาษาต่างประเทศ ทักษะการพูดนับ ไดว้ ่าเป็นทักษะทีส่ าคญั ที่สุดและจาเป็นมากในชีวิตประจาวนั เพราะผูท้ พ่ี ูดไดย้ ่อมสามารถเข้าใจและฟังผู้อ่ืนได้ เข้าใจ และจะช่วยให้การอา่ นและการเขยี นง่ายขึน้ ดว้ ย อยา่ งไรก็ตามทกั ษะการพดู เป็นทกั ษะทซ่ี ับซอ้ นและเกิด จากการฝกึ ฝนเปน็ เวลานานไม่ไดเ้ กิดจากความเขา้ ใจและจดจา กองวิจัยทางการศึกษา (2542,น.20) แสดงถึงความหมายทักษะการพูดภาษาอังกฤษเป็นทักษะที่ สาคัญมากในการถ่ายทอดความรู้ ความนึกคิดและความเข้าใจให้ผู้ฟังเข้าใจจุดมุ่งหมายของผู้พูด ดังนั้นการ
พัฒนาทักษะการพูดจึงต้องใช้เวลาในการฝึกปฏิบัตินานต้องมีแรงจูงใจและเข้าใจความถนัดของนักเรียน ซ่ึง ครผู ู้สอนต้องมแี นวทางในการพฒั นาทักษะการพดู ภาษาองั กฤษ 1.1 ความสาคัญของทกั ษะการพูดภาษาองั กฤษ สุมิตรา อังวัฒนกุล (2540,น.55-65) แสดงถึงความสาคัญของทักษะการพูดภาษาอังกฤษเป็น จุดมุ่งหมายของการเรียนการสอนภาษาตามวิธีสอนแบบพูดมุ่งให้ผู้เรียนสามารถส่ือสารได้โดยใช้ ภาษาต่างประเทศท่ีเรียนได้ โดยผู้เรียนจะต้องฝึกภาษาที่เรียนน้ันซ้า ๆ จนเกิดเป็นนิสัยสามารถพูดได้โดยไม่ ต้องหยุดคิด ผู้สอนต้องเป็นแบบอย่างที่ดีในการใช้ภาษาท่ีเรียนให้แก่ผู้เรียนในการเลียนแบบ ส่วนผู้เรียนน้ัน เป็นผู้ลอกเลียนแบบและปฏิบัติตามผู้สอนวิธีสอนแบบพูด เน้นภาษาท่ีพูดในชีวิตประจาวัน ซ่ึงผู้สอนต้องจัด ระดับความซับซ้อนของภาษาผู้เรียนท่ีเพิ่งเรียนใหม่จะเรียนรู้รูปแบบง่ายๆ ก่อน โดยจะนาคาศัพท์และ โครงสร้างประโยคมาให้ฝึกในรูปแบบต่างๆเช่น พูดซ้าๆ ถามตอบ ซ่ึงทักษะท่ีผู้เรียนสนใจมากท่ีสุดคือ ทักษะ การพูดการฝึกออกเสียงต้งั แต่เริ่มแรกการเรยี นการสอนในห้องเรียนควรใชภ้ าษาต่างประเทศทีเ่ รียนไมใ่ ช้ภาษา แม่ของผู้เรียน การวิเคราะห์ความแตกต่างของภาษาของผู้เรียนและภาษาต่างประเทศท่ีเรียนจะทาให้ผู้สอน คาดได้ว่าจุดไหนที่นักเรียนประสบความยุ่งยากมากที่สุด การป้องกันไม่ให้ผู้เรียนทาผิดน้ันสาคัญเพราะ ความ ผิดพลาดจะก่อนิสัยที่ไม่ดี ฉะนั้นเมื่อผู้เรียนทาผิด ผู้สอนต้องรีบแก้ไขทันที วิธีสอนแบบนี้ต้องใช้อุปกรณ์ ประกอบการสอนเพือ่ ช่วยให้เกดิ ความเขา้ ใจรวดเรว็ ถูกต้องทาให้การเรยี นการสอนไมน่ า่ เบ่ือ สุภัทรา อักษรานุเคราะห์ (2532,น.19-21) แสดงถึงความสาคัญของการสอนทักษะพูด ภาษาอังกฤษในระยะทผี่ ่านมาเนน้ การฝึกการออกเสียง (Pronunciation) โดยการฝกึ การออกเสียงหนักเบาใน คา (Stress) ระดับเสียงสูงต่าในประโยค (Intonation) ตลอดจนการฝึกโครงสร้างประโยคหลายๆแบบ (Pattern drills) โดยเน้นความถูกต้อง (Accuracy) ตามหลักภาษาศาสตร์จนละเลยที่จะฝึกยุทธวิธีท่ีจะพูดให้ ผู้อื่นเข้าใจในสิ่งที่ตนพูดและสามารถได้ตอบในความเร็วปกติของเจ้าของภาษาได้ มาใช้โดยเฉพาะในด้านการ วิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างประโยค (Discourse analysis) ซึ่งเชื่อว่าภาษาไม่ได้เกิดโดดเด่ียวแต่ขึ้นอยู่กับ บริบททางสังคม (Social context) Eckardand Kearny (1981,p1) เน่ืองจากการพูดเป็นการปฏิสัมพันธ์ ระหว่างบุคคลในสังคมจึงมีการเปลย่ี นแปลงใหฝ้ ึกทักษะการพูดในระดับข้อความซ่ึงเน้นการเลือกประโยคมาใช้ ให้ถูกต้อง เหมาะสม(Use) แทนการนาบทสนทนา ในลักษณะที่เน้นโครงสร้างมาใช้ (Structural dialog) การ สอนทักษะพดู เพ่ือการสือ่ สารน้ี ผ้พู ดู จะต้องใช้ความสามารถทางภาษาทกุ ด้านทงั้ น้เี พราะนอกจากใช้ศัพท์และ โครงสร้างท่ีตนรู้จักแล้วยังต้องใช้ความสามารถตีความ เดาความหมาย ทานายเรื่องท่ีผู้พูดจะกล่าวถึงต่อไป ตลอดจนเข้าใจความหมายแฝงในคาพดู ได้ถงึ แม้ว่าผูพ้ ดู จะไมไ่ ด้พดู ออกมาโดยตรงก็ตาม อิทธิพล เหล็กกล้า (2545,น.27-28) แสดงถึงความสาคัญของทักษะการพูดภาษาอังกฤษเปน็ ทักษะพื้นฐานการสอนภาษาเพ่ือให้ได้ผลดีต้องสอนทักษะการพูดก่อน เพราะการพูดเป็นพฤติกรรมที่มนุษย์
แสดงออก เพือ่ โต้ตอบกับผู้อืน่ และสถานการณต์ า่ ง ๆ การพดู เปน็ เครอื่ งมอื ของคนในการใชภ้ าษา ดังน้ันครเู ปน็ เพียงผู้กระตุ้นให้นักเรียนพูดโดยการใช้กิจกรรมที่เหมาะสมให้นักเรียนฝึกปฏิบัติการสอนภาษาอังกฤษใน ปัจจุบันได้เน้นให้สามารถใช้ภาษาเพื่อการส่ือสารได้ การพูดจึงมีบทบาทสาคัญในการเรียนการสอน การฝึก ความเข้าใจ การฝึกความสามารถในการพูด การพูดผู้พูดจะต้องถ่ายทอดความคิดความรู้สึกออกมาเป็นรหัส ของภาษาหรือเป็น คาพูดให้ผู้อ่ืนเข้าใจนอกจากจะใช้การเน้นหนักในคา ระดับเสียงสูงต่าประโยคเพ่ือส่ือ ความหมายด้วยแล้วผู้พูดยังแสดงถึงวัฒนธรรมและสถานภาพของผู้พูดด้วยคือแสดงจุดมุ่งหมายในการพูดว่า ตนต้องการจะพูดอะไรพูดกับใคร พูด ท่ีไหน และพูดอย่างไร เป็นต้น ให้ถูกต้องเหมาะสมกับสถานการณ์ นอกจากน้ีผู้พูดยังต้องมีความคล่อง (Fluency) แสดงออกทางความหมายให้เป็นอย่างดีมีความถูกต้องชัดเจน (Accuracy) และไม่รีรอที่จะโต้ตอบ 1.2 แนวทางการพฒั นาทักษะการพดู ภาษาองั กฤษ ประนอม สุรัสวดี (2535,น.55) แสดงถึงแนวทางการพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษโดยธรรมชาติ ของมนุษย์เมื่ออยู่ในวัยเด็กก่อนจะพูดได้จะต้องฝึกพูดทีละคาๆ จนเป็นประโยคสั้นๆจะจดจาคาพูดเหล่าน้ัน และหดั พูด ทาให้เขา้ ใจจนสามารถพูดได้ ดงั นนั้ การพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษของนักเรียนจะต้องทาให้ นกั เรยี นเกดิ ความเคยชินกับภาษาอังกฤษ ดงั น้ี สรา้ งความเคยชนิ สรา้ งความสนกุ สนาน สร้างความถูกต้อง สรา้ งบรรยากาศ สรา้ งความมัน่ ใจ 1.3 ข้ันตอนการจดั กิจกรรมทักษะการพูดภาษาอังกฤษ สุมิตรา อังวฒั นกุล (2540,น.167-179) แสดงขัน้ ตอนการกจิ กรรมทักษะการพูดภาษาอังกฤษดงั นี้การ สอนทักษะการพูดซึง่ ผู้สอนอาจเลือกใช้ใหเ้ หมาะกบั ผเู้ รยี นแต่ละระดับดังน้ี 1. ให้ตอบคาถามซึ่งครูหรอื เพ่อื นในชนั้ เปน็ ผ้ถู าม 2. บอกใหเ้ พอ่ื นทาตามคาสัง่ 3. ให้นักเรียนถามหรือตอบคาถามของเพื่อนในช้ันเกี่ยวกับการแนะนาตัวหรือประสบการณ์ ตา่ งๆนอกช้ันเรยี น 4. ให้บอกลกั ษณะวัตถุส่ิงของตา่ งๆจากภาพ 5. ใหเ้ ล่าประสบการณต์ ่างๆของนักเรียนโดยครอู าจใหค้ าสาคัญต่างๆ
6. ใหร้ ายงานเร่อื งราวตา่ งๆตามทีก่ าหนดหัวข้อให้ 7. จัดสถานการณต์ า่ งๆในชั้นเรียน ให้นักเรยี นใชบ้ ทสนทนาตา่ งๆกันไป ไดแ้ ก่ ร้านขายของ ร้านอาหาร เป็นตน้ 8. ให้เล่นเกมตา่ งๆทางภาษา 9. ใหฝ้ ึกการสนทนาทางโทรศัพท์ 10. ให้แสดงบทบาทสมมติผสู้ อนควรจะบอกใหผ้ ู้เรียนรูถ้ งึ ส่งิ ทีจ่ ะเรียน นอกจากนั้น กิจกรรมการสัมภาษณ์ (Interview) เป็นกิจกรรมอย่างหนึ่งในการฝึกทักษะการพูด การ สมั ภาษณ์ หมายถงึ การพดู คุยซกั ถามเพ่ือรวบรวมข้อมลู ข้อความรู้และความคิดเห็นของผู้ให้สัมภาษณ์เก่ียวกับ เรื่องใดเรื่องหนึ่งหรืออาจเปน็ ข้อมลู เกีย่ วกับตัวผ้ใู หส้ ัมภาษณ์ การสมั ภาษณเ์ ปน็ กิจกรรมการสอนภาษาอังกฤษ ท่ีสามารถทาได้ทั้งในห้องเรียนและนอกห้องเรียนเป็นกิจกรรมท่ีมีประโยชน์สาหรับใช้ฝึกทักษะฟังและพูดและ สามารถใช้เปน็ กจิ กรรมเพ่ือเตรียมผู้เรียนสาหรบั ฝึกทกั ษะการเขยี น 1.4 การจัดและการประเมนิ ทกั ษะการพูดภาษาอังกฤษ การพูดภาษาอังกฤษ หมายถึง ความสามารถในการส่ือสารด้วยการพูดภาษาอังกฤษซึ่งประกอบไป ดว้ ยองค์ประกอบ 5 ด้าน ดงั น้ี 1. ความคล่องแคล่ว (Fluency) มิได้หมายถึงความเร็ว แต่หมายถึง ความราบรื่นและความต่อเนื่อง และความเป็นธรรมชาติในการพูด 2. ความเขา้ ใจ (Comprehensibility) หมายถงึ ความสามารถทจ่ี ะพูดใหผ้ อู้ น่ื เข้าใจในส่งิ ทต่ี นพูด 3. ปริมาณของข้อมูลท่ีสามารถส่ือสารได้ (Amount of communication) หมายถึงปริมาณของ ขอ้ ความหรือข้อมูลทสี่ ามารถพูดใหผ้ ู้ฟงั เขา้ ใจ 4. คุณภาพของข้อความที่นามาส่ือสาร (Quality of communication) หมายถึงความถูกต้องของ ภาษาทีพ่ ูดออกไป 5. ความพยายามในการส่ือสาร (Effort to communicate) หมายถึงความพยายามท่ีจะให้ผู้ฟังเข้าใจ ในส่ิงที่ตนพูดโดยใช้คาพูดและไม่ใช้คาพูดเพื่อส่ือสารองค์ประกอบที่นามาใช้เป็นหลักเกณฑ์ในการตัดสินใจให้ คะแนนในทกั ษะการพดู ภาษาอังกฤษของนักเรยี นประกอบด้วย 1. ความคล่องแคลว่ 1.1 พูดตะกกุ ตะกกั และไม่ปะตดิ ปะต่อกนั จนไมส่ ามารถสนทนากันได้ 1.2 พดู ชา้ มากและไม่สม่าเสมอยกเว้นประโยคสัน้ ๆหรือประโยคท่ีใช้กนั อยูป่ ระจา 1.3 มีความลังเลบ่อยและพดู ตะกุกตะกักบางประโยคไม่สมบรู ณ์
1.4 มีความลังเลในการพูดบางครั้งบางคราวมีตะกุกตะกักบ้างเพราะพดู ประโยคใหม่และต้อง จัดเรียงคา 1.5 พูดได้อย่างสบายและราบร่ืนแต่ยังไม่รู้ว่าไม่ใช่เจ้าของภาษาเมื่อพิจารณาจากความเร็ว และสม่าเสมอของการพดู 1.6 พูดไดท้ กุ หัวเรื่องอยา่ งสบายและราบรนื่ เหมอื นเจ้าของภาษา 2. ความสามารถพดู ใหผ้ อู้ นื่ เข้าใจ 2.1 ไม่สามารถเขา้ ใจส่ิงทีผ่ ู้เรยี นพูดเลย 2.2 เขา้ ใจเพยี งเล็กนอ้ ยท่เี ป็นสว่ นย่อยๆหรือคาเดีย่ วๆ 2.3 เขา้ ใจบางกลมุ่ คาและบางวลี 2.4 เข้าใจประโยค (simple sentences) ทสี่ ้ันๆ 2.5 เข้าใจคาพดู ท่ีผูเ้ รยี นพูดเป็นสว่ นใหญ่ 2.6 เขา้ ใจคาพูดท่ผี เู้ รียนพดู ท้งั หมด 3. ปริมาณของข้อความในการสอ่ื สาร 3.1 ผูเ้ รียนมิไดน้ าข้อความทีเ่ กี่ยวขอ้ งมาพดู เลย 3.2 ผเู้ รียนนาข้อความทเ่ี ก่ยี วข้องมาพดู น้อยมาก 3.3 ผ้เู รยี นนาข้อความที่เกี่ยวข้องมาพูดบ้าง 3.4 ผเู้ รยี นนาขอ้ ความที่เกยี่ วขอ้ งมาพดู พอสมควร 3.5 ผเู้ รียนนาขอ้ ความทีเ่ ก่ียวข้องมาพดู เปน็ ส่วนมาก 3.6 ผเู้ รยี นนาขอ้ ความที่เกย่ี วข้องมาพดู ทัง้ หมด 4. คณุ ภาพของขอ้ ความที่นามาสอ่ื สาร 4.1 คาพูดท่ผี ูเ้ รยี นพูดไมถ่ กู ตอ้ งเลย 4.2 มีคาพดู ท่ถี ูกตอ้ งตามโครงสรา้ งน้อยมาก 4.3 มคี าพูดทถ่ี กู ตอ้ งบ้างแตย่ งั มีปัญหาด้านโครงสร้างทางภาษาอยู่มาก 4.4 มีคาพดู ที่ถกู ตอ้ งมากแต่ยงั มปี ญั หาดา้ นโครงสร้างทางภาษาอยมู่ าก 4.5 คาพูดถูกต้องเป็นสว่ นมากและมีปัญหาดา้ นโครงสรา้ งน้อยมาก 4.6 คาพดู ถกู ต้องทัง้ หมด 5. ความพยายามในการส่อื สาร 5.1 ผเู้ รยี นหยดุ เงียบเปน็ เวลานานโดยไม่ใช้ความพยายามพดู ใหจ้ บความ 5.2 ผู้เรียนพยายามที่จะสอื่ สารน้อยมากแต่ยงั ขาดความกระตือรือรน้
5.3 ผ้เู รยี นพยายามที่จะสือ่ สารบา้ งแตย่ ังแสดงความไมส่ นใจ 5.4 ผ้เู รียนพยายามทจ่ี ะสือ่ สารแต่ไม่ร้จู กั ใชท้ า่ ทางหรือสหี นา้ 5.5 ผเู้ รียนพยายามท่ีจะสื่อสารอย่างแท้จรงิ และรจู้ กั ใช้ทา่ ทางช่วย 5.6 ผู้เรียนพยายามเปน็ พเิ ศษทจี่ ะสื่อสารโดยใชท้ ้งั ภาษาพูดและทา่ ทางเพ่ือการแสดงออก การวัดและประเมินทักษะการพูดภาษาอังกฤษ Clark (อัจฉรา วงศ์โสธร,2529,น.13) เสนอเกณฑ์การ ให้คะแนนตามระดับความสามารถทางการพูด 4 ระดบั เร่มิ จากระดับ 1 ซง่ึ เปน็ ระดบั เร่ิมเรียนไปจนถึงระดับ4 ซง่ึ เป็นระดับการส่ือสารโดยแบ่งหัวข้อดังนี้ การออกเสยี ง 1. ยงั พูดโตต้ อบไม่ได้ 2. ออกเสยี งผดิ ๆพดู เข้าใจยาก 3. ออกเสยี งผดิ เปน็ คร้งั คราว 4. ออกเสียงถูกตอ้ ง คาศพั ท์ 1. ใชค้ าศพั ท์ผดิ และโต้ตอบไม่ได้ 2. ใช้ศพั ท์ผดิ บ่อยๆแต่ยงั ใช้ศัพท์ในเหตกุ ารณ์นน้ั ได้ 3. สอ่ื ความหมายไดเ้ ป็นส่วนใหญ่ใชศ้ ัพท์ไดเ้ หมาะสม 4. ใชศ้ ัพทไ์ ด้เหมาะสมในทุกสถานการณ์ ความคล่อง 1. พดู แลว้ หยุดนานพูดไม่จบประโยคหรือโต้ตอบไม่ได้ 2. พดู แลว้ พูดตอ่ ไปไมไ่ ด้พยายามพดู ตอ่ โดยเร่มิ ตน้ ใหม่ 3. บทสนทนาเปน็ ธรรมชาติและต่อเนือ่ งบางคร้ังหยดุ ติดตะกุกตะกกั 4. บทสนทนาเปน็ ธรรมชาติหยดุ บ้างเชน่ เดียวกับเจ้าของภาษา การแสดงท่าทางประกอบการพูด 1. แสดงท่าทางการพูดไม่เป็นธรรมชาติ ติดขัด เขินอาย พูดไม่ตรงตามบทบาทและ สถานการณ์ ไมก่ ลา้ สบตากบั ผู้ฟัง 2. แสดงท่าทางการพูดไม่เป็นธรรมชาติ ติดขัด เขินอาย พูดไม่ตรงตามบทบาทและ สถานการณ์ สบตากบั ผูฟ้ งั บางครั้ง 3. แสดงท่าทางการพูดไม่เป็นธรรมชาติ ติดขัด เขินอายเล็กน้อย พูดได้ตรงตามบทบาทและ สถานการณ์ สบตากับผฟู้ งั บางครงั้
4. แสดงท่าทางการพูดเป็นธรรมชาติ ไม่ติดขัด เขินอาย พูดได้ตามบทบาทและสถานการณ์ สบตากบั ผู้ฟังบางครั้ง 5. แสดงท่าทางการพูดเป็นธรรมชาติ ไม่ติดขัด เขินอาย พูดได้ตามบทบาทและสถานการณ์ สบตากับผู้ฟังอย่างมั่นใจ องค์ประกอบดังกล่าวสอดคล้องกับเกณฑ์การประเมินผลสัมฤทธ์ิในการพูดของ FSI (Foreign Service Institute) ซง่ึ กาญจนา ปราบพาล (2530) และฮวิ จส์ (Hughes,1989อา้ งในบษุ บา สุวรรณ โสภณ,2539,น.24-27) ได้เสนอไว้ว่า การประเมินผลสัมฤทธ์ิด้านการพูดในด้านสาเนียนการออกเสียง (Accent)ไวยากรณ์ (Grammar) คาศัพท์ (Vocabulary) ความคล่องแคล่ว (Fluency) ความเข้าใจ (Comprehension) โดยในแตล่ ะด้านได้ประเมนิ ไว้ 4 ระดบั ดังตอ่ ไปน้ี ระดบั คะแนน เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน น้าหนัก/ คะแนน ประเด็น 32 รวม 4 1 ความ การประเมนิ สา้ คัญ 8 ออกเสยี ง การออกเสียง ถูกต้อง ออกเสียงผดิ ออกเสยี ง ยงั พูด 2 เปน็ ครั้งคราว ผิดๆ พูด โตต้ อบไม่ได้ เขา้ ใจยาก คาศัพท์ ใชศ้ พั ท์ได้ สือ่ ใชศ้ ัพท์ผดิ ใชค้ าศพั ท์ 2 8 เหมาะสมใน ความหมาย บอ่ ย ๆ แต่ ผดิ และ 1 4 ความ ไดเ้ ป็นส่วน ยังใช้ศัพท์ใน โต้ตอบไม่ได้ คลอ่ งแคล่ว ทุก ใหญ่ ใชศ้ ัพท์ เหตกุ ารณ์ สถานการณ์ ไดเ้ หมาะสม พูดแลว้ หยดุ น้นั ได้ นาน พดู ไม่ บทสนทนา บทสนทนา จบประโยค เป็น เป็น พูดแลว้ พูด หรือโต้ตอบ ต่อไปไม่ได้ ธรรมชาติ ธรรมชาติ พยายามพดู ไมไ่ ด้ หยุดบา้ ง และต่อเน่ือง ตอ่ โดย เชน่ เดียวกับ บางครั้งหยุด เริ่มต้นใหม่ เจา้ ของภาษา ตะกุกตะกัก
รวม 5 20 เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนการสนทนา 2. สถานการณจ์ าลอง 2.1 ความหมายของสถานการณจ์ าลอง นักวิชาการหลายท่านได้ใหค้ วามหมายของสถานการณจ์ าลองไว้ดงั นี้ ทิศนา แขมมณี (2522,น.202) แสดงถึงสถานการณ์จาลอง หมายถึง การจาลองสถานการณ์ให้ ใกล้เคียงกับความจริงมากท่ีสุด นักเรียนได้ปฏิบัติจริงอยู่ในสถานการณ์นั้น ทาให้นักเรียนได้ทดลองจริงและ กลา้ แสดงออก เพราะไมเ่ ส่ียงต่อผลท่ีได้รับ อัญชลี แจ่มเจริญ (2522,น.8) แสดงถึงสถานการณ์จาลอง หมายถึง การจัดสถานการณ์เลียนแบบ สถานการณจ์ รงิ ใหม้ ากท่สี ุดใหน้ กั เรียนฝึกแกป้ ญั หาและตัดสนิ ใจกบั ส่งิ ท่ีกาลงั เผชญิ อยู่ดว้ ยตนเอง สาเริง เวชสุนทร (2523,น.18) แสดงถงึ สถานการณ์จาลอง หมายถงึ การจาลองสถานการณจ์ ากสภาพ จริงในสังคมให้คล้ายคลึงมากท่ีสุด นักเรียนได้แสดงความคิดเห็น เลือกวิธีแก้ไขปัญหานั้น ๆ และเลือกหลัก ทฤษฎีมาใช้ในการตัดสินใจดว้ ยตนเองในสถานการณ์ท่ีจาลองขึ้น ซึ่งสถานการณ์จาลองท่ีจาลองข้ึนจะไม่ทาให้ นักเรียนได้รับอันตรายหรือผลเสียจากการปฏิบัตินอกจากนั้นนักเรียนเกิดประสบการณ์จากการจาลอง สถานการณ์ ชาญชัย ศรีไสยเพชร (2527,น.132) แสดงถึงสถานการณ์จาลอง หมายถึง การจัดสภาพแวดล้อม เลียนแบบของจริงให้ใกล้เคียงสภาพความเป็นจริงมากที่สุดและให้ผู้เรียนได้ฝึกการคิดแก้ปัญหาและตัดสินใจ จากสภาพการณท์ ีเ่ ขากาลังเผชิญ สุนทร จันทร์ตรี (2548,น.393) แสดงถึงสถานการณ์จาลอง หมายถึง การจัดสภาพแวดล้อมให้คล้าย ความเปน็ จรงิ มากทีส่ ุดนกั เรยี นไดฝ้ กึ การแกป้ ัญหาและตัดสินใจจากสถานการณ์ที่เผชญิ อยู่ กรมวชิ าการ (2544,น.70) แสดงถงึ สถานการณ์จาลอง หมายถึง การเรียนการสอนทีอ่ าศัยสถานการณ์ ที่สร้างข้ึนจากเน้ือหาในบทเรียนหรือการจาลองสถานการณ์ท่ีเป็นจรงิ มาใช้ในชั้นเรียน โดยจัดให้สอดคล้องกับ
จุดประสงค์ของการเรียนในแต่ละคาบ คาบละ 1 สถานการณ์ และสถานการณ์น้ันจะต้องง่ายต่อการทาความ เข้าใจของนักเรียน แล้วให้นักเรียนเข้าร่วมในสถานการณ์นั้น ๆ ตามบทบาท ความรับผิดชอบและหน้าท่ีท่ีครู มอบหมายให้ นักเรียนจะมีปฏสิ ัมพันธก์ ับบุคคลอ่นื ในสถานการณต์ ามท่ีได้รับรดู้ ว้ ยตนเอง ดนตรี แสงกล้า (2544,น.4) แสดงถึงสถานการณ์จาลอง หมายถึง การจาลองสถานการณ์ต่างๆ ข้ึนให้ เหมอื นสถานการณ์จริง เพื่อส่งเสรมิ ให้ผ้เู รียนมีปฏิสมั พนั ธ์กับเพื่อนในกลมุ่ และช่วยแก้ปัญหาหรือแสดงบทบาท ท่ไี ดร้ ับ จรีวรรณ วัฒนพงษ์ (2537,บทคัดย่อ) ได้ศึกษาเปรียบเทียบผลของกิจกรรมกลุ่มและสถานการณ์ จาลองทม่ี ีตอ่ ทกั ษะทางสังคมของนักเรยี นชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 6 พบว่านักเรียนมที ักษะทางสงั คมดีขน้ึ ภายหลัง เข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติที่ระดับ .01 นักเรียนมีทักษะทางสังคมดีข้ึนภายหลังได้เข้าร่วม สถานการณจ์ าลองอยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิตทิ ่ีระดับ .01นกั เรยี นทีเ่ ข้ารว่ มกจิ กรรมกลุ่มและสถานการณจ์ าลอง มีทักษะทางสงั คมแตกต่างกนั อยา่ งมนี ัยสาคัญทางสถิติท่ีระดบั .01 พุทธชาด เพชรสถิต (2535,น.57) ได้ทาการศึกษาเปรียบเทียบพฤติกรรมการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีท่ี 6 ที่ได้รับการพัฒนาพฤติกรรมการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมโดยการใช้ สถานการณ์จาลองกับการอภิปรายกลุ่มกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการทดลองเป็นนักเรียนช้ันประถมศึกษาปีที่ 6 ปี การศึกษา 2534 โรงเรียนวัดธรรมมงคลกรุงเทพมหานครที่มีเชาว์ปัญญาระดับปานกลางและพฤติกรรมการ แก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมต่าจานวน 24 คนโดยแบ่งกลุ่มทดลองที่ 1 จานวน 12 คนใช้สถานการณ์จาลองและกล่มุ ทดลองที่ 2 จานวนคนใชก้ ารอภิปรายกลมุ่ ผลการวิจยั พบว่ากลมุ่ ทดลองที่ 1 และกลุ่มทดลองท่ี 2 มีพฤติกรรม การแกป้ ญั หาสิง่ แวดลอ้ มสงู กวา่ กลุ่มทดลองท่ี 2 สรุป จากการศึกษางานวิจัยของนักการศึกษาหลายท่านพบว่าการนาเทคนิคการสอนโดยใช้ สถานการณ์จาลองมาใช้ในการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้สามารถพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษของนักเรียนให้ สูงข้นึ และสามารถพฒั นาการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้กลุม่ สาระตา่ งๆ ทริดเคท (Tridkett. 2004 : 5250-B) ได้ศึกษาครั้งน้ีเป็นการประยุกต์ใช้รูปแบบที่เก่ียวกับจิตใจ สถานการณ์จาลองด้านแนวคิดและสารวจนักวิทยาศาสตร์ใช้สถานการณ์จาลองในภาระงานของพวกอย่างไร เมื่อไหร่และทาไมเป็นการสมมติฐานทางการวิจัยทีน่ ักวิทยาศาสตรจ์ ะใชส้ ถานการณ์จาลองท่ีเกี่ยวกับแนวคิดใน สถานการณ์ที่ไม่เหมาะสมในเบื้องต้นเช่นใช้การประเมินสมมติฐานการศึกษาขั้นแรกได้แก่การศึกษาความ ชานาญของนักวิทยาศาสตร์ในการวิเคราะห์ข้อมลู ด้วยตนเองผลจาการศึกษาแสดงให้เห็นว่านักวิทยาศาสตร์ใช้ สถานการณ์จาลองท่ีเก่ียวกับความคิดในภาระงานท่ีสัมพันธ์กันบ่อยคร้ังโดยเปรียบเทียบกับยุทธวิธีในการ วิเคราะหผ์ ลเชิงปรมิ าณ
สวิทซ์เซอร์และคนอ่ืนๆ (Schweitzer and others,2001,3081-19) ได้ศึกษาเรื่องการใช้สถานการณ์ จาลองในการให้คาปรึกษาว่าผู้ให้คาปรึกษามืออาชีพกล่าวถึงการให้คาปรึกษาจะประสบผลสาเร็จน้ันผู้ให้ คาปรกึ ษาจะต้องสรา้ งสถานการณจ์ าลองข้ึนใช้ในห้องเรียนหรือใช้สาหรับการให้คาปรึกษากลุ่มแสดงให้เห็นว่า สถานการณ์จาลองเปน็ วธิ ีท่ีเป็นประโยชนต์ ่อการเรียนการสอนและการแนะแนว แชมบอร์ส (Chambers 1980,น.262-281) ได้ศึกษาการเปรียบเทียบการสอนโดยใช้สถานการณ์ จาลองกับการสอนแบบธรรมดาโดยมีความมุ่งหมายเพ่ือฝึกภาษาอังกฤษให้กับคนขายต๋ัวเคร่ืองบินผลการ ทดลองพบว่าวิธีการสอนแบบธรรมดาซึ่งผสู้ อนจะแบ่งเนื้อหาภาษาอังกฤษออกเป็นตอนๆตามหน้าที่ในการส่ือ ความหมายแล้วสอนฝึกทักษะต่างๆให้จบเป็นช่วงๆน้ันไม่เหมาะสมกับการสอนภาษาอังกฤษเพ่ือการส่ือสาร และยังพบว่าการใช้สถานการณ์จาลองนั้นทาให้สะดวกและประหยัดกว่าการนานักเรียนไปฝึกใช้ภาษาอังกฤษ ในห้องขายตั๋วเครื่องบินจริงนอกจากนี้ยังทาให้นักเรียนมีความกระตือรือร้นท่ีจะพยายามใช้ภาษาอังกฤษ ติดต่อส่ือสารและสามารถติดต่อสอื่ สารกันได้อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ เกลเลอร์ Geller (1978,น.219-235) ได้ทาการศึกษาการใช้สถานการณ์จาลองซ่ึงนามาแสดงเป็น บทบาทสมมติเพ่ือปลูกฝังความเชื่อของนักเรียนกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการทดลองเป็นนักเรียนจานวน 91 คนใน การแสดงบทบาทสมมติน้ันมีการใช้วิดีโอเทปเข้ามาช่วยผลการวิจัยพบว่านักเรียนที่เรียนโดยไม่ใช้สถานการณ์ จาลองอย่างมนี ยั สาคญั ทางสถิติทร่ี ะดบั .05 จากความหมายของสถานการณ์จาลองท่ีกล่าวมาแล้วสรุปได้ว่า สถานการณ์จาลอง หมายถึง การ จาลองสภาพแวดลอ้ มเลยี นแบบสภาพจรงิ ในสังคมให้เหมือนจรงิ มากท่ีสุด ใหน้ กั เรยี นไดเ้ รียนร้จู ากสถานการณ์ จาลอง เพ่ือแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เผชิญ นักเรียนทุกคนมีส่วนร่วมคิดวิธีแก้ไขด้วยตนเอง และเข้าใจสภาพที่ เกดิ ขึน้ จนสามารถนาไปใชใ้ นชีวิตจริงได้ 2.2 ความมุง่ หมายในการใชส้ ถานการณ์จาลอง นกั วชิ าการหลายท่านไดใ้ ห้ความม่งุ หมายในการใช้สถานการณจ์ าลองไว้ดังน้ี อัญชลี แจ่มเจริญ (2526,น.4) แสดงถึงความมุ่งหมายในการใช้สถานการณ์จาลองในการจัดกิจกรรม การเรยี นการสอน ดงั น้ี 1. เพ่ือให้นักเรียนได้พบและรู้จักปัญหา การแก้ปัญหา ซ่ึงอาจจะเกิดขึ้นในอนาคตได้อย่างมี ประสทิ ธิภาพ 2. เพือ่ ให้นักเรียนร้จู กั คิด วเิ คราะห์ และสามารถนาเหตุผลมาอภิปรายเพอื่ ประกอบกา ตัดสินปัญหา 3. เพ่ือพัฒนานักเรียนในการทางานร่วมกันเป็นกลุ่ม ให้รู้จักวิพากษ์วิจารณ์ยอมรับความคิดเห็นของ คนอ่นื มวี ินัยในตนเองหนา้ ที่ของตนเองและผู้อน่ื
4. เพ่ือเปล่ียนแปลงกิจกรรมการเรียนการสอน จากฟังครูอย่างเดียวมาเป็นการเรียนโดยนักเรียนมี ส่วนร่วมในการเรยี นการสอนมากข้นึ (ยอดขวัญ ก่งิ มณี (2542น.33) แสดงถงึ ความม่งุ หมายในการใช้สถานการณ์จาลอง ดงั น้ี 1. ใช้ในการสร้างบรรยากาศความเป็นกันเอง (To Break the Ice) ใช้สถานการณ์จาลองเพื่อให้ นักเรียนทาความคุ้นเคยและแนะนากันเอง ให้รู้จักกันมากข้ึน หรือใช้แนะนาวิชาท่ีเรียน จัดกิจกรรมเพื่อสร้าง บรรยากาศและส่งเสริมการมสี ว่ นรว่ มในห้องเรยี นจดุ มุ่งหมายในการใชส้ ถานการณ์จาลองควรตรงกัน ขอ้ จากัด เป็นกิจกรรมสัน้ ๆ ทาให้เสร็จภายในเวลา 1-2 ชว่ั โมง 2. เพอื่ ท่จี ะบอกความจริง (To Imparts Facts) สถานการณจ์ าลองมักไม่ใช้เด่ียวๆ ในการสอนความรู้ เกี่ยวกับข้อเท็จจริง มีสถานการณ์จาลองมากมายที่ออกแบบมาเพื่อใช้ในการให้ขอ้ มูล โดยมีความมุ่งหมายเพอ่ื ทาใหน้ ักเรยี นมคี วามรูแ้ ละประสบการณ์มากข้ึน 3. เพื่อพัฒนาความรู้ให้หนักแน่น (To Develop Emphatic Sensitivity) สถานการณจ์ าลองสว่ นมาก ออกแบบมาเพ่ือผูกมัดนักเรียนเก่ียวกับวัฒนธรรมความเป็นอยู่ การเลือกความกดดันหรือความขัดแย้งของคน ในบทบาทอื่น ๆ ในวัฒนธรรมและเวลาอ่ืน ๆ สถานการณ์ดังกล่าวช่วยให้นักเรียนมีสายตากว้างไกล ส่งเสริม พัฒนาการการรบั ร้ทู ี่ถกู ต้อง ทาให้เขา้ ใจและมเี หตุผลมากข้นึ 4. เพื่อสารวจอนาคต (To Explore the Future) ความซับซ้อนและความช่าชองของสถานการณ์ จาลองคอมพิวเตอร์ วัตถุประสงค์เพ่ือทานาย แต่สถานการณ์จาลองท่ีใช้ในห้องเรียนก็สามารถออกแบบเพื่อ ทานาย หรือเพ่ิมประสบการณ์ที่เก่ียวเน่อื งกับอนาคตใหแ้ ก่นักเรียน ฉากหรือสถานการณ์บางอย่างท่ีจะเกิดข้นึ ในอนาคต ถูกจาลองอยู่ในแบบจาลองหรือความคิดรวบยอดก่อให้เกิดความสร้างสรรค์ จินตนาการและเพ่ิม ความสามารถในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงที่ถูกควบคุม สถานการณ์จาลองทาให้เกิดความสามารถในการ แก้ปญั หามากขนึ้ และมีความสามารถในการประเมินผลระยะยาวของการกระทาตา่ ง ๆ สพุ นิ บุญชวู งศ์ (2536,น.56-59) กล่าวถึงวิธกี ารสอนด้วยสถานการณ์จาลองประกอบดว้ ย ดงั นี้ 1. สารวจวิเคราะห์ก่อนการสร้างสถานการณ์จาลองต้องศึกษาและสารวจจุดประสงค์ กาหนดให้ นักเรียนรู้เรื่องใด ศึกษาสถานการณ์ประเภทต่าง ๆ ประเภทใดเหมาะสมกับจุดประสงค์ที่กาหนดไว้กาหนด ขอบเขตเนื้อแล้วนามาวิเคราะห์ถึงความเหมาะสม สถานการณ์น้ันจะให้ผลดีต่อการเรียนรู้อะไรและให้ผลเสีย อะไรบ้าง สถานการณ์ท่ีวิเคราะห์น้ันใกลเ้ คียงกับความเป็นจริงแค่ไหน เช่นสอนเร่ืองความมีน้าใจไม่เอาเปรียบ เพ่ือนรว่ มงาน ถา้ ใช้สถานการณ์จาลองใหเ้ ห็นถึงความมนี ้าใจต้องวเิ คราะหว์ ่าสถานการณช์ นดิ ใดที่ใชป้ ระโยชน์ ตอ่ การเรียนรูม้ ากทส่ี ุด เม่อื วเิ คราะห์ราละเอียดดีแลว้ ใหพ้ ิจารณาข้นั ตอ่ ไป
2 . กาหนดจุดประสงค์ในการกาหนดจุดประสงค์นั้นมุ่งให้นักเรียนเปลี่ยนพฤติกรรมอะไรบ้างเมื่อ นักเรียนเรียนรู้จากสถานการณ์แล้ว นักเรียนจะเป็นอย่างไรการสร้างสถานการณ์การจาลองก็ต้องสร้างให้ตรง กับจดุ ประสงค์ ถ้าจุดประสงค์ชัดเจนการสร้างสถานการณจ์ าลองก็จะทาให้งา่ ยขึน้ 3. คัดเลือกสถานการณ์ท่ีเป็นจริงและสามารถจาลองมาใช้ในช้ันเรียนต้องสอดคล้องกับจุดประสงค์ที่ กาหนดไว้ พิจารณาเลือกและสามารถนาสถานการณ์ที่เปน็ จริงมาดัดแปลงให้เหมาะสมกับการจดั การเรียนการ สอนในชั้นเรียน โดยสถานการณ์น้ันเปิดโอกาสให้นักเรียนได้ฝึกวิเคราะห์ ตัดสินใจ ก่อให้เกิดการเรียนรู้และ ทกั ษะที่ตอ้ งการ และทใ่ี กล้เคยี งกับความจรงิ มากท่สี ุด 4. กาหนดโครงสร้างสถานการณ์การกาหนดโครงสร้างของสถานการณ์จาลอง ประกอบด้วยสิ่งสาคัญ ดงั นี้ 4.1 กาหนดจดุ ประสงค์ของสถานการณ์จาลอง 4.2 กาหนดบทบาทของผูร้ ว่ มกจิ กรรมแต่ละคน 4.3 เตรียมขอ้ มูลข่าวสารที่จาเป็นหรือเนอ้ื หา 4.4 กาหนดสถานการณ์ต่างๆ ให้เหน็ เหมือนจรงิ ในสังคม 4.5 ลาดบั ขั้นของเหตุการณ์ เวลาและปญั หาจากสถานการณ์ 4.6 จบสถานการณ์ สรปุ อภปิ รายผล การอภิปรายหลังจากการจบสถานการณ์จาลองเป็นขั้นตอนที่สาคัญที่สุดที่ทุกฝ่ายจะต้องร่วมกัน อภิปรายโดยพยายามค้นหาว่าจะเกิดขึ้น และทาไมจึงเกิดสภาพการณ์นั้นการอภิปรายจะช่วยให้ครูประเมิน ความสาเร็จและความล้มเหลวของสถานการณ์ และควรทาทันทีเมื่อจบสถานการณ์จาลองน้ัน ๆ ลักษณะของ การอภิปรายครูอาจใช้คาถามในลักษณะท่ีประเมินผลผู้ร่วมกิจกรรมโดยให้อภิปรายว่าเกิดความคิดอะไรบ้าง ในขณะที่เข้าร่วมกิจกรรมสถานการณ์น้ันๆและได้กระทาอะไรจากความคิดนั้นไปบ้าง ให้ผู้ร่วมกิจกรรมได้ อธิบายจากความรู้สึกท่ีเกิดขึ้นเพื่อเป็นการประเมินผลในการสรุปตอนท้ายควรอภิปรายเกี่ยวกับข้อดี ข้อเสีย และสงิ่ ท่ีควรปรบั ปรงุ เพ่อื จะใช้สถานการณจ์ าลองน้ันซ้าอีก 5. การสรา้ งและออกแบบสอ่ื การเรยี น การสรา้ งกฎเกณฑ์ การสร้างและออกแบบส่ือการเรียน เพ่ือใช้เป็นเครื่องมือในการประกอบกิจกรรม เช่น บัตรคา รูปภาพ บัตร คาสงั่ เป็นต้น สื่อการเรียนจะต้องสอดคล้องกบั จุดประสงค์ที่กาหนดในกิจกรรมการเรียนการสอน ต้องกาหนด ข้ันตอนให้แน่ชัดว่าให้ทาอะไรและไม่ให้ทาอะไรควรวางเงื่อนไขแต่ละขั้นตอนของการแสดงว่าต้องกาหนดการ เล่นตามลาดับเหตกุ ารณน์ น้ั ๆ อยา่ งไร
6. การทดลองใช้ เมอื่ สรา้ งสถานการณ์เสรจ็ แล้วควรนาสถานการณ์จาลองนั้นไปใชก้ ับนักเรียนกลุ่มอ่ืน เพอ่ื ตรวจข้อบกพรอ่ งด้วย วิธีการ ภาษา ตลอดจนการใช้ส่ือการเรียนการสอนและเง่ือนไขต่าง ๆ ว่าควรแก้ไขและปรับปรุงแง่ใดบ้าง เพื่อให้ไดส้ ถานการณ์จาลองท่สี มบรู ณ์และเหมาะสมท่จี ะนาไปใช้กบั นกั เรยี นแต่ละวัยได้อยา่ งเหมาะสม
บทที่ 3 วธิ ีการดาเนนิ การวิจัย การใช้สถานการณ์จาลองเพื่อพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปี ที่2 ผู้วจิ ัยไดด้ าเนนิ การวิจัยดงั รายละเอยี ดตอ่ ไปน้ี 1. ประชากรท่ีใชใ้ นการวิจัย 2. เครอ่ื งมอื ทใี่ ช้ในการวิจัย 3. การเกบ็ รวบรวมข้อมูล 4. การวิเคราะห์ข้อมลู 5. สถิตทิ ่ีใช้ในการวิจยั 6. สรปุ และอภปิ รายผลการวิจยั 1. ประชากรทใ่ี ช้ในการวิจยั ประชากร ประชากรท่ีใช้ในการศึกษาค้นคว้าครั้งน้ีเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 2 ที่กาลังศึกษาในภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2561 โรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 31 ตาบลชา่ งเคิง่ อาเภอแมแ่ จม่ จังหวัดเชยี งใหม่ กลุ่มตัวอยา่ ง นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ท่ีกาลังศึกษาในภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2561 โรงเรียนราชประชานุ เคราะห์ 31 ตาบลช่างเคิ่ง อาเภอแมแ่ จ่ม จงั หวัดเชยี งใหม่ จานวน 15 คน 2. เคร่ืองมอื ทใ่ี ชใ้ นการวจิ ยั 2.1 เคร่ืองมือที่ใช้ในการทดลอง คือ แผนการสอนท่ีใช้สถานการณ์จาลองจานวน 1 ชุด 3 แผน แผน ละ 2 คาบ คาบละ 1 ชว่ั โมงรวมทัง้ ส้นิ 6 คาบ การได้มาซงึ่ แผนการสอนมขี นั้ ตอนดังต่อไปน้ี 2.1.1 ศกึ ษาเอกสารและงานวจิ ัยท่เี กยี่ วขอ้ ง เพอื่ ศกึ ษาขัน้ การจัดสถานการณจ์ าลอง 2.1.2 ศึกษาหลกั สูตร วัตถุประสงคข์ องรายวิชาภาษาอังกฤษพื้นฐานชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 2 2.1.3 สร้างแผนการสอนที่ใช้สถานการณ์จาลอง ซ่ึงแผนการสอนท้ังหมดเก่ียวข้องกับ บทเรียนที่นักเรียนกาลังศึกษาอยู่ในชั้นเรียน ได้แก่ การพูดแนะนาตัวเองและแนะนาผู้อ่ืน โดยมีรูปแบบของ การลาดบั สถานการณจ์ าลองท้ัง 3 ข้ันตอนดงั นี้ ข้ันที่ 1 ข้ันเตรียมการ ผู้สอนสอนและฝึกทักษะทางภาษาและให้ข้อมูลสถานการณ์ ป้อนข้อมูลทางภาษาท่ีจาเป็น เช่น คาศัพท์ ประโยค และสานวนต่างๆแก่ผู้เรียนก่อน ในขั้นตอนน้ีใช้แผนการ
สอนที่ 1 และ 2 หลังจากสอนจบในแผนที่ 2 แลว้ ผู้สอนให้ขอ้ มลู และบทบาทแก่นักเรียนเพ่ือนาไปใช้ในขั้นการ ปฏิบตั ิสถานการณ์จาลอง ขั้นท่ี 2 ขั้นแสดง คือข้ันตอนของการปฏิบัติสถานการณ์จาลอง ผู้เรียนจะเปล่ียน บทบาทเป็นผู้ร่วมสถานการณ์ ส่วนผู้สอนจะเป็นผู้อานวยความสะดวก ผู้ควบคุม เพ่ือให้การแสดงสามารถ ดาเนินไปได้อย่างราบร่ืน โดยไม่เข้าไปแทรกแซงระหว่างที่เรียนผู้เรียนกาลังแสดง ระหว่างท่ีผู้เรียนกาลงั แสดง ผ้สู อนทาหนา้ ทเ่ี ปน็ ผู้สังเกต ตรวจตราดา้ นการใชภ้ าษาและพฤตกิ รรมของผู้เรียน ขั้นท่ี 3 ข้ันการอภิปราย ในข้ันนี้ผู้สอนจะทาหน้าที่อภิปรายและประเมินผลการใช้ ภาษาของผเู้ รียน เพ่ือแกไ้ ขการใช้ภาษาทบ่ี กพร่องเพือ่ ทาการซ่อมเสริมต่อไป 2.2. เคร่อื งมือที่ใชใ้ นการเก็บรวบรวมข้อมูล 2.2.1 แบบทดสอบวัดทักษะการพูดภาษาอังกฤษตามสภาพจริง เป็นแบบวัดตามสภาพจริง ของผูเ้ รยี นแต่ละคน โดยการให้คะแนน (Rubrics) การพดู ในสถานการณ์จาลอง ปรบั มาจากเกณฑ์การประเมิน ผลสัมฤทธิ์ในการพูดของสถาบันบริการทางภาษา FSI (Foreign Service Institute) (อ้างในบุษบา สุวรรณ โสภณ, 2539,น.24-27) 1. สาเนยี ง 2. ไวยากรณ์ 3. คาศพั ท์ 4. ความคลอ่ งแคล่ว 3. การเก็บรวบรวมขอ้ มลู การวิจัยในครั้งน้ีเปน็ การศึกษาทักษะการพูดภาษาอังกฤษโดยเปรียบเทียบทักษะการพูดภาษาอังกฤษ กอ่ นเรียนและหลงั เรยี นโดยใช้สถานการณ์จาลอง ซ่งึ มขี ้ันตอนดงั น้ี 1. ใชแ้ บบประเมนิ ทักษะการพูดภาษาองั กฤษตามสภาพจรงิ กอ่ นใชส้ ถานการณ์จาลอง 2. อธิบายและชี้แจงกิจกรรมการเรยี นให้นักเรียนเข้าใจ 3. ดาเนินการสอนตามแผนการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ทีใ่ ช้สถานการณจ์ าลองจานวน 3 แผน แผนละ 2 คาบ คาบละ 50 นาที รวมท้ังส้นิ 6 คาบ 4. หลงั จากทาการสอนจนครบทงั้ 3 แผน ผ้วู ิจัยไดท้ าการทดสอบวัดทักษะการพูดภาษาอังกฤษตาม สภาพจรงิ โดยใชแ้ บบประเมินทักษะการพดู ภาษาองั กฤษตามสภาพจริง 5. ผวู้ ิจัยไดน้ าคะแนนทีไ่ ด้จากการทดสอบวัดทกั ษะการพดู ภาษาองั กฤษตามสภาพจริง ไปวเิ คราะห์ ข้อมูล
4. การวเิ คราะห์ข้อมลู เม่ือรวบรวมข้อมูลที่ไดแ้ ล้วจงึ ทาการวิเคราะห์ขอ้ มูล โดยใช้รอ้ ยละค่าเฉลี่ยและค่าเบ่ียงเบนมาตรฐาน 5. สถติ ทิ ่ใี ช้ในการวเิ คราะหข์ อ้ มลู คา่ เฉล่ีย X X N X คา่ เฉลีย่ ของคะแนน X ผลรวมของคะแนน N จานวน ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน S.D. (X - X) N S.D. สว่ นเบยี่ งเบนมาตรฐาน (X - X) ผลรวมของคะแนนลบด้วยคะแนนเฉลยี่ N จานวน 6. สรปุ และอภปิ รายผลการวิจยั นาคะแนนความรูแ้ ละคะแนนทกั ษะการพูดภาษาอังกฤษโดยใชส้ ถานการณ์จาลอง เรือ่ ง การแนะนา ตัวเองและผูอ้ ื่น การสนทนาในการเลือกซือ้ ของ และการสนทนาเก่ียวกบั สภาพอากาศ มารวมกันแลว้ หาคา่ ร้อย ละ ค่าเฉล่ีย และเปรียบเทียบกับเกณฑ์ผ่านร้อยละ 65.00 นาเสนอข้อมูลในรูปแบบตารางประกอบการ บรรยายใตต้ าราง จากน้นั จึงนาเอาผลคะแนนการประเมนิ มาวิเคราะหข์ ้อมูล
บทที่ 4 ผลการวิเคราะหข์ อ้ มูล การวิจัยคร้ังน้ีมีวัตถุประสงค์เพ่ือศึกษาทักษะการพูดภาษาอังกฤษของนักเรียนโดย ใช้ สถานการณ์จาลอง กลุ่มเป้าหมายท่ีศึกษาเป็นนักเรียนช้ันมัธยมปีท่ี 2 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 ตาบลช่างเค่ิง อาเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ จานวน 15 คน ที่กาลังศึกษาวิชาภาษาอังกฤษ พื้นฐาน (Eng 22102) ในภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2561 ผู้วิจัยได้เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้ แบบทดสอบวัดทักษะทางการพูดภาษาอังกฤษตามสภาพจริง ต่อจากน้ันผู้วิจัยนาผลมาวิเคราะห์ด้วย วิธีทางสถิติดงั แสดงตอ่ ไปน้ี ผลการวเิ คราะหข์ ้อมูล 1.ผลการทดสอบสัมฤทธผิ ลทักษะการพูดภาษาอังกฤษทางการเรยี นโดยใชส้ ถานการณจ์ าลอง ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จากการประเมินผลก่อนเรียนและหลังเรียนวิชาภาษาอังกฤษ พ้นื ฐาน (Eng 22102) ของนกั เรยี นชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 2 จานวน 15 คน ปรากฏผลดงั ตารางตอ่ ไปน้ี ตารางท่ี 1 ผลการศึกษาทักษะการพูดภาษาอังกฤษของนักเรียนโดยใช้สถานการณ์จาลอง ก่อนเรยี นและหลงั เรียนวชิ าภาษาอังกฤษพน้ื ฐาน เลขท่ี กอ่ นเรยี น ( X ) หลังเรียน (X ) D คดิ เป็นรอ้ ยละ 12 คะแนนเต็ม (25) คะแนนเตม็ (25) 9 36 12 48 16 15 9 36 10 40 27 19 11 44 11 44 37 16 11 44 10 40 46 16 58 19 67 18 76 17 86 16
9 6 15 9 36 10 5 14 9 36 11 7 16 9 36 12 6 17 11 44 13 9 20 11 44 14 6 15 9 36 15 8 16 8 32 N = 15 40 x1= 100 x2 = 249 D = x2 = 17 x1 = 7 149 S.D.1 =1.23 S.D.2 =1.63 จากตารางท่ี 1 พบว่า คะแนนประเมินผลทักษะการพูดภาษาอังกฤษก่อนเรียนของนักเรียนช้ัน มัธยมศึกษาปี 2 มีค่าเฉลี่ยร้อยละ 28 ส่วนการประเมินผลทักษะการพูดภาษาอังกฤษหลังเรียนมีค่าเฉลี่ยร้อย ละ 68 เพ่ือเปรียบเทียบความแตกต่างของคะแนนการประเมินผลก่อนเรียนและหลังเรียนผู้วิจัยใช้ค่าร้อยละ ปรากฏในตารางท่ี 2 ตารางท่ี 2 ผลการเปรียบเทียบคะแนนเฉล่ียก่อนเรียนและหลังเรียน ร้อยละความก้าวหน้าทักษะ การพูดภาษาองั กฤษของนกั เรยี นช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 2 จานวน 15 คน การทดสอบ คะแนนฉลยี่ ร้อยละความกา้ วหนา้ ก่อนเรยี น 7 28 หลังเรียน 17 68 จากตาราง 2 พบว่า คะแนนทดสอบก่อนเรียน มีค่าเฉลยี่ 7 คะแนน สว่ นหลังการเรียนมีคะแนนเฉลี่ย ร้อยละ 17 คะแนน โดยมคี วามกา้ วหน้าของรอ้ ยละห่างกนั 40 เปอร์เซ็นต์ อย่างไรก็ตามการวิจัยในครั้งนี้ผู้วิจัยมีวัตถุประสงค์เพ่ือศึกษาและพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษของ นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 โดยใช้สถานการณ์จาลองในวิชาภาษาอังกฤษ พื้นฐานโดยมีแนวทางการพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษโดยธรรมชาติของมนุษย์เม่ืออยู่ในวยั เด็กก่อนจะพูดได้ จะต้องฝกึ พูดทีละคาๆ จนเปน็ ประโยคสั้นๆจะจดจาคาพูดเหลา่ น้นั และหัดพดู ทาใหเ้ ขา้ ใจจนสามารถพดู ได้ ดงั นนั้ การพฒั นาทกั ษะการพดู ภาษาอังกฤษของนกั เรยี นจะต้องทาให้นักเรยี นเกิดความเคยชินกับภาษาองั กฤษ ดงั นี้
สร้างความเคยชิน สร้างความสนกุ สนาน สร้างความถูกต้อง สร้างบรรยากาศ สร้างความมน่ั ใจ นอกจากนั้น กิจกรรมการสัมภาษณ์ (Interview) เป็นกิจกรรมอย่างหนึ่งในการฝึกทักษะการพูด การ สัมภาษณ์ หมายถึง การพูดคุยซักถามเพื่อรวบรวมข้อมูลความรู้และความคิดเห็นของผู้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับ เร่อื งใดเรื่องหนึ่งหรืออาจเปน็ ข้อมลู เกยี่ วกับตวั ผใู้ ห้สัมภาษณ์ การสัมภาษณ์เปน็ กิจกรรมการสอนภาษาอังกฤษ ที่สามารถทาได้ทั้งในห้องเรียนและนอกห้องเรียนเป็นกิจกรรมที่มีประโยชน์สาหรับใช้ฝึกทักษะการฟัง การพูด และสามารถใชเ้ ป็นกจิ กรรมเพอื่ เตรยี มผู้เรยี นสาหรบั ฝกึ ทกั ษะการเขยี น
บทที่ 5 สรุปผลการวจิ ยั อภิปรายผล และขอ้ เสนอแนะ การวิจัยเร่อื ง การใช้สถานการณจ์ าลองเพ่ือศึกษาและพัฒนาทักษะการพูดภาษาองั กฤษของนกั เรียน ชั้นประถมศึกษาปที ่ี 6 โรงเรียนราชประชานเุ คราะห์ 31 กล่มุ เปา้ หมายในการศึกษาวิจัยครั้งน้ีเปน็ นกั เรียนชั้นม ประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 ตาบลช่างเค่ิง อาเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ จานวน 15 คน ที่กาลังศึกษาวิชาภาษาองั กฤษพื้นฐาน (Eng 11106) ในภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2563 เครื่องมอื ท่ีใช้ ในการวิจัยประกอบด้วย เครื่องมือในการทดลอง ซ่ึงประกอบด้วย แผนการสอน จานวน 3 แผน แผนละ 2 ชว่ั โมง รวมเปน็ 6 ช่ัวโมง และเคร่ืองมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ซึ่งประกอบดว้ ย แบบประเมนิ ทักษะการ พูดภาษาอังกฤษตามสภาพจริง โดยกาหนดบทบาทให้ผู้เรียนปฏิบัติสถานการณ์จาลอง เมื่อดาเนินการสอน ครบ 3 แผนการสอนแลว้ จึงประเมินทักษะการพูดภาษาองั กฤษตามสภาพจริง หลงั จากน้ันจงึ นาคะแนนทักษะ การพูดภาษาองั กฤษมาวเิ คราะหห์ าคา่ เฉลีย่ ร้อยละสามารถสรุปผลการวิเคราะห์ข้อมูลไดด้ ังต่อไปน้ี สรปุ ผลการวิจัย จากการวิเคราะห์ขอ้ มลู การพัฒนาทักษะการพูดภาษาองั กฤษของนกั เรยี นช้นั ประถมศึกษา ปีที่ 6 โดยใช้สถานการณ์จาลอง ซง่ึ สามารถสรปุ ผลการวิเคราะหข์ ้อมลู ไดด้ งั น้ี 1. แผนการจัดกิจกรรมการเรยี นรทู้ ีไ่ ดส้ รา้ งขึ้นมปี ระสทิ ธิภาพเท่ากับ 78.23/79.66 แสดงว่าแผนการจัดการกจิ กรรมการเรยี นรูท้ ส่ี รา้ งข้ึนเพือ่ พัฒนาทักษะการพูดมปี ระสทิ ธภิ าพ สูงกว่าเกณฑ์ 75/75 2. ดชั นีประสิทธผิ ลของแผนการจดั กจิ กรรมการเรียนทักษะการพดู ภาษาอังกฤษของ นักเรยี นชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 6 โดยใชส้ ถานการณจ์ าลอง มคี ่าเท่ากับ 0.661 ซึง่ หมายความวา่ นกั เรยี น มีความกา้ วหนา้ ในการเรยี น รอ้ ยละ 40 3. นกั เรียนทเี่ รยี นโดยใชส้ ถานการณจ์ าลองมที กั ษะการพูดภาษาอังกฤษหลงั เรยี นสูง กวา่ กอ่ นเรยี น อย่างมนี ัยสาคญั ทางสถิติ ทีร่ ะดับ .01 อภิปรายผลการวิจยั จากผลการวจิ ัยดังกล่าว มีประเด็นทนี่ ่าสนใจและสามารถนามาอภิปรายไดด้ ังต่อไปนี้ 1. ทักษะการพดู ภาษาอังกฤษของผเู้ รยี นอยูใ่ นระดับที่ดีขึ้น ท้ังน้ีอาจเป็นเพราะวา่ 1.1 ผู้เรียนได้ใช้ภาษาในการพูดส่ือสาร การถาม-ตอบ การแนะนาตัวเองและผู้อื่นเบ้ืองต้น โดยผา่ นสถานการณ์จาลอง ซึ่งส่ิงเหลา่ นช้ี ว่ ยให้ผู้เรียนมีประการณ์จากการฝึกภาษาในสถานการณ์จาลองทาให้ ผู้เรียนใช้ภาษาอย่างคล่องแคล่วมากข้ึนในการพูดสื่อสาร ซ่ึงสอดคล้องกับคากล่าวของ ไมเคิล พี วอลเกอร์
(Michael P Walker,1977,p.3) กล่าวถึง การใช้สถานการณ์จาลองในการฝึกภาษาว่าสถานการณ์จาลอง สามารถชว่ ยให้ผู้เรียนพัฒนาทางการส่อื สารและสร้างความเข้าใจในเร่อื งการสอื่ สารอยา่ งลกึ ซ้ึง เพราะผู้เรียนได้ ฝึกใชภ้ าษาในสถานการณ์จาลองทผี่ ู้เรียนจะตอ้ งใชท้ ักษะภาษาต่างๆเหลา่ นน้ั จรงิ ๆในชีวิต 1.2 บรรยากาศในการเรียนของผู้เรียนที่ฝึกใช้ภาษาโดยใช้สถานการณ์จาลองมีการ เปลี่ยนแปลง ทาให้ผู้เรียนตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา และการที่จาลองสถานกรณีที่ผู้เรียนจะต้องพบในชีวิตยิ่งเป็น การส่งเสริมให้ผู้เรียนได้แสดงออกถึงอิริยาบถ ท่าทางต่างๆ นอกจากนี้ผู้เรียนยังกล้าท่ีจะออกสาเนียนท่ีชดั เจน โดยไมแ่ สดงอาการเขินอาย และผเู้ รียนมีโอกาสฝึกล้อเลียนแบบตวั อยา่ งที่ดีของเพ่ือนๆไดด้ ้วย 1.3 ความเช่ือม่ันในความสามารถท่ีเพ่ิมข้ึนของผู้เรียนภายหลังท่ีได้รับการสอนโดยใช้ สถานการณ์จาลอง เนื่องจากการปฏิบตั ิกิจกรรมดังกล่าวมีจุดเด่นท่ีผ้เู รียนเป็นศูนย์กลางของการเรยี นการสอน ผู้เรียนได้คิดได้ทาได้ปฏบิ ัติด้วยตนเองผู้เรียนจึงมีความกล้าที่จะแสดงความสามารถของตนใหเ้ พ่ือนได้เหน็ และ ยอมรับเป็นการนามาซ่ึงความภูมิใจ ซ่ึงสอดคล้องกับ (แบนดูร่า อ้างใน ประสาท อิศณปรีดาม,2538,น.281) กล่าวถึง ความรู้สึกเชื่อม่ันในความสามารถของตนเองท่ีว่า มีการพัฒนามาจากความสาเร็จในการปฏิบัติงาน ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ว่าตนเองมีความสามารถในระดับใดจากสิ่งที่ทาไปแล้ว นาไปสู่ความต้องการที่จะ พฒั นาการกระทาของตนเอง ขอ้ เสนอแนะ ข้อเสนอแนะในการนาไปใช้ 1. จากผลการวิจัยพบว่า ในการเรียนการสอนโดยใช้สถานการณ์จาลองเป็นกิจกรรมที่ผู้สอนควร คานึงถึงการควบคุมชัน้ เรียน ผสู้ อนตอ้ งควบคุมช้ันเรยี นได้ ให้สามารถดาเนินกจิ กรรมตามขั้นตอนทวี่ างไว้ โดย อธิบายชีแ้ จงถงึ ขัน้ ตอนการทากจิ กรรมใหช้ ัดเจน เพราะหลังจากผู้เรียนลงมือทากิจกรรมแล้วผู้เรียนไม่มี สมาธิในการฟงั คาช้แี จงจากผู้สอน 2. การจัดสถานการณ์จาลองควรแบ่งเวลาให้เหมาะสมในแตล่ ะข้ันตอน ไดแ้ ก่การนาเสนอ การฝกึ การ ประเมินผล และการให้มูลย้อนกลับ การใช้เวลามากน้อยเพียงใดในแต่ละขั้นตอนขึ้นอยูก่ ับแต่ละกิจกรรม การ ดาเนินกิจกรรมควรให้ทันเวลาที่กาหนดไว้ ถ้าดาเนินกิจกรรม ให้เป็นอย่างรวดเร็ว สนุกสนาน ผู้เรียนจะเกิด ความสนใจ กระตือรอื รน้ และมีใจจดจอ่ ทจี่ ะทากิจกรรม
3. สถานการณ์จาลอง เป็นกิจกรรมท่ีส่งเสริมให้ผู้เรียนได้แสดงออกทั้งท่าทางและคาพูด ดังน้ันผู้สอน ควรเป็นตัวอย่างที่ดี โดยการศึกษากระบวนการและ ทฤษฎี จนเกิดความมั่นใจ สามารถจดจาข้ันตอนได้อย่าง แมน่ ยา และกลา้ แสดงออก เพือ่ สรา้ งบรรยากาศให้ผู้เรยี นไม่เบือ่ หน่ายและผ้เู รยี นกจ็ ะไมต่ ิดขัดเขนิ อายเวลาพูด และแสดงออก ข้อเสนอแนะเพ่ือการวิจยั ครง้ั ตอ่ ไป 1. ควรมกี ารวจิ ัยเกย่ี วกับการสอนภาษาอังกฤษ โดยใช้สถานการณ์จาลองกับทกั ษะอ่ืน เชน่ ทกั ษะการ ฟัง การเขยี น และการอา่ น ความสามารถในการแกป้ ญั หา ความคดิ สรา้ งสรรค์ บรรยากาศในช้นั เรียนเป็นต้น
ง ภาคผนวก ประวตั ิผู้วิจยั ช่อื -นามสกุล บุญเสรฐิ จตรุ ธรรมวาที สาขาวชิ า ภาษาอังกฤษ คณะครศุ าสตร์ มหาวทิ ยาลัยราชภฏั เชียงใหม่ ประวัติการศกึ ษา ประถมศึกษา โรงเรียนบ้านปางองุ๋ สาขาแม่สะตอ๊ บ อาเภอแมแ่ จม่ จงั หวัดเชยี งใหม่ มัธยมศกึ ษาต้น โรงเรยี นบ้านปางอ๋งุ อาเภอแมแ่ จ่ม จงั หวดั เชียงใหม่ มธั ยมศึกษาปลาย โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31 อาเภอแมแ่ จ่ม จงั หวดั เชียงใหม่ ประวัติการทางาน พนักงานบริการรา้ นอาหาร ร้านธนโชติ พนกั งานเตมิ น้ามนั ความสามารถพิเศษ ดา้ นการเรยี น (คัดลายมอื ) ดา้ นกีฬา (ฟตุ บอล) การแสดง การแสดงละครสนั้ (ภาษาองั กฤษ) การแสดงละครส้ัน (ภาษาไทย) การโตว้ าที
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 สาระการเรยี นรู้ ภาษาต่างประเทศ รายวิชา ภาษาอังกฤษ ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 6 ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศึกษา 2563 หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 1 เรอื่ ง Greeting เวลา 2 ช่ัวโมง 1. ผลการเรยี นรู้ 1. สนทนาแลกเปลี่ยนข้อมูลเก่ยี วกบั ตนเอง กิจกรรมและสถานการณต์ า่ งๆ ในชวี ติ ประจาวัน 2. ใช้ภาษา น้าเสียง และกิริยาท่าทางสุภาพ เหมาะสมตามมารยาทสังคมและวัฒนธรรมของเจ้าของ ภาษา 3. พูดและเขียนแสดงความต้องการ ขอความช่วยเหลือ ตอบรบั และปฏิเสธการใหค้ วามช่วยเหลือใน สถานการณต์ า่ ง ๆ อย่างเหมาะสม 4. พูดและเขียนบรรยายเกยี่ วกับตนเอง กจิ วัตรประจาวันประสบการณ์ และสง่ิ แวดลอ้ มใกลต้ วั 5. พูดและเขียนแสดงความรู้สึก และความคิดเห็นของตนเองเก่ียวกับเรื่องต่าง ๆ ใกล้ตัวกิจกรรมต่าง ๆ พรอ้ มทงั้ ให้เหตผุ ลส้ัน ๆ ประกอบอย่างเหมาะสม 6. พูด/เขียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกิจกรรมหรือเรื่องต่าง ๆ ใกล้ตัวพร้อมทั้งให้เหตุผลสั้นๆ ประกอบ 2. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. เพื่อใหผ้ เู้ รยี นกลา่ วทักทายและสนทนาโตต้ อบได้อย่างถูกตอ้ งและเหมาะสมกับสถานการณ์ 2. เพือ่ ใหผ้ ูเ้ รียนกลา่ วลาและสนทนาโตต้ อบได้อยา่ งถูกต้องและเหมาะสมกับสถานการณ์ 3. เพื่อใหผ้ ู้เรยี นแนะนาตวั เองได้ 4. เพอ่ื ใหผ้ ้เู รียนแนะนาบุคคลอืน่ ได้ 5. เพ่อื ให้ผเู้ รยี นถามทุกขส์ ุขได้ 6. เพ่อื ให้ผู้เรียนกล่าวลาได้ 3. สาระสาคัญ การทักทายและการกลา่ วลาเป็นวัฒนธรรมทีจ่ าเป็นในการเข้าสงั คม การพดู ทักทายและกลา่ วลาใน ภาษาองั กฤษมีสานวนภาษาที่สามารถใชไ้ ด้หลายรูปแบบ เป็นพ้ืนฐานในการสื่อสารในชวี ติ ประจาวนั 4. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน 1.ความสารถในการคดิ 2.ความสามารถในการสอ่ื สาร 5. สาระการเรยี นรู้ 5.1 ความรู้(K)
Structure Vocabulary Hello! My name is …… Hello , Hi , Hey, Hi ! My name is …….. Good morning Hey! My name is…….. Good afternoon Good morning My name is…. Good evening Good afternoon My name is… Name Good evening My name is… Nice to meet you Hello! I am …… Hi ! I am …….. Hey! I am …… Good morning I am …… Good afternoon I am…. 5.2 ทักษะ/กระบวนการ/กระบวนการคดิ (P) - ทกั ษะการใช้ภาษาอังกฤษเพ่ือการสื่อสาร - ทกั ษะการนาเสนอ - กระบวนการคิด การวิเคราะห์ การคดิ สร้างสรรค์ การแก้ปญั หา - การสือ่ สาร การสรา้ งความตระหนัก 5.3 คุณลกั ษณะอันพึงประสงค(์ A) - กล้าแสดงออก - เออ้ื อาทรและแบง่ ปนั - เข้าใจตนเองและผู้อ่นื - ยอมรับความแตกตา่ งระหว่างบุคคล -ตระหนักและเหน็ คณุ คา่ ในการใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร 6. จุดเนน้ สกู่ ารพัฒนาคณุ ภาพผู้เรยี น 6.1 ความสามารถและทกั ษะ (ประถม) มีความสามารถในการแสวงหาความรู้เพ่ือการแกป้ ัญหา มีความสามารถในการใช้เทคโนโลยีเพ่ือการเรียนรู้ มีความสามารถในการใช้ภาษาต่างประเทศ (ภาษาองั กฤษ) มีทักษะการคดิ ชน้ั สูง ทกั ษะชีวติ ทกั ษะการส่ือสารอยา่ งสร้างสรรค์ตามชว่ งวยั 6.2 คุณลักษณะทช่ี ว่ ยเสริมผเู้ รยี นตามช่วงวยั (ประถม)
ใฝเ่ รยี นรู้ ใฝ่ดี มุ่งมน่ั ในการศกึ ษาและการทางาน 6.3 พัฒนาคุณภาพผูเ้ รียนตามศาสตรพ์ ระราชา ข้อที่ 1 จะทาอะไรต้องศึกษาข้อมูลให้เปน็ ระบบ ขอ้ ท่ี 13 ใช้ธรรมชาติช่วยธรรมชาติ ขอ้ ท่ี 2 ระเบดิ จากภายใน ขอ้ ท่ี 14 ใชอ้ ธรรมปราบอธรรม ขอ้ ที่ 3 แก้ปญั หาจากจุดเลก็ ขอ้ ท่ี 15 ปลูกป่าในใจคน ข้อที่ 4 ทาตามลาดับขนั้ ขอ้ ท่ี 16 ขาดทนุ คอื กาไร ขอ้ ที่ 5 ภมู สิ ังคม ภูมศิ าสตร์ สังคมศาสตร์ ขอ้ ที่ 17 การพึ่งตนเอง ข้อที่ 6 ทางานแบบองคร์ วม ขอ้ ท่ี 18 พออยู่พอกนิ ขอ้ ที่ 7 ไมต่ ดิ ตารา ขอ้ ที่ 19 เศรษฐกิจพอเพียง ขอ้ ท่ี 8 ประหยัด ข้อท่ี 20 ความซ่ือสตั ย์สุจรติ จริงใจ ตอ่ กนั ข้อท่ี 9 ทาให้งา่ ย ขอ้ ท่ี 21 ทางานอย่างมีความสุข ข้อที่ 10 การมีสว่ นร่วม ขอ้ ที่ 22 ความเพียร ขอ้ ท่ี 11 ตอ้ งยดึ ประโยชน์สว่ นรวม ข้อท่ี 23 รู้ รัก สามัคคี ข้อที่ 12 บรกิ ารที่จุดเดยี ว 7. ช้นิ งานหรอื ภาระงาน (หลกั ฐาน /รอ่ งรอยแสดงความรู)้ - การทักทายและการแนะนาตนเอง - การเขยี นทกั ทายแนะนาตนเอง 8. การจดั กิจกรรมการเรยี นการสอน กิจกรรมการจัดการเรยี นรู้ ชั่วโมงท่ี 1-2 เรื่อง Greeting formal 8.1 การนาเข้าสู่บทเรียน (Warm- up & Introduction) -Teacher greets the students. T: Good afternoon everybody. Ss: Good afternoon teacher T: How do you do? Ss: How do you do? thank you , and you? T: I am good, 1. นกั เรียนและครรู อ้ งเพลง Hello พรอ้ มท้งั แสดงท่าทางประกอบเพื่อให้นกั เรยี นเกดิ ความสนุกสนาน และความกระตือรือร้นในการเรียน โดยเมื่อร้องเพลงจบ 1 รอบ ให้ เปลี่ยน เนื้อร้อง Hello เป็น Hi ,Hey,
Good morning ,Good afternoon ต่อจากน้ัน ให้นักเรียนเปล่ียน การทักทายจาก Hello มาเป็นคาทักทาย ของประเทศต่างๆในอาเซยี น เชน่ สวัสดีของประเทศลาว คอื คาว่า (สบายดี)โดยมเี น้อื ร้องดังนี้ Good morning Good morning Today we see together You and I see and say “Good morning Good morning” คาแปล สวัสดี สวสั ดี วันน้ีเรามาเจอกนั เธอและฉนั พบกันสวัสดี 8.2 การนาเสนอเน้อื หา ทักษะ กระบวนการ (Presentation) 1.นักเรียนค้นหาคาศัพท์เกี่ยวกับการทักทาย เป็นทางการและไม่เป็นทางการภายในเวลา 10 ที แล้ว ให้ นกั เรียนแต่ละคนรวบรวมคาศพั ท์ ประโยคที่ตนเองหาได้ มานาเสนอ 2. ครูและนักเรียนรว่ มกนั นาเสนอคาศัพท์ ประโยคทเี่ ก่ยี วกับการทกั ทายทเี ปน็ ทางการ เชน่ Formal Greeting Meaning Good morning อรณุ สวัสด์ิ Good afternoon สวสั ดี (ช่วงบา่ ย) How are you? สบายดีหรอื เปล่า I ‘m fine , thank you . สบายดี ขอบคุณ I’m not very well. ไมค่ ่อยสบาย Nice to see you . ดใี จทไี่ ดเ้ จอกนั อีก 3.นักเรียนศกึ ษาคาศพั ทท์ ี่ตนเองไดร้ ับและพดู ประโยคทกั ทายพรอ้ มฝึกออกเสียงโดยใครทอ่ี อกเสยี งไม่ ถูกต้อง สาเนยี งไม่ได้ ใหใ้ ช้พจนานุกรมองั กฤษ-ไทย คน้ คว้า เช่น A : Good morning, Mr. Noi, how are you? สวสั ดคี รับ คุณน้อย สบายดหี รือ
B : I'm fine, thank you, Mr. Sek. And how are you? สบายดคี รับ คุณล่ะครบั เปน็ ยังไงคณุ เสก A : Very well, thank you. สบายดคี รบั ขอบคณุ 4. นกั เรียนบันทึกคาศพั ทเ์ กย่ี วกบั คาทักทาย และประโยคทีเ่ ป็นทางการลงในสมุด 8.3 การฝกึ เนือ้ หา ทกั ษะ กระบวนการ (Practice) - นกั เรียนฝกึ อา่ นออกเสียงคาทักทาย และประโยคแนะนาตนเองท่ีเป็นทางการ โดยท่คี รูเป็น คนชว่ ยฝกึ จนกวา่ นักเรียนอ่านออกเสยี งไดถ้ กู ตอ้ ง 8.4 การนาไปใช้ (Production) - นักเรียนแต่ละคนพูดทักทายพร้อมกับแนะนาตนเองโดยใช้คาทักทายท่ีเป็นทางการตนเอง ชอบ พร้อมกบั แสดงท่าทางประจาตวั ของตนเองหน้าชนั้ เรียน -นักเรียนเขียนคาทักทาย คาแนะนาตนเองที่เป็นทางการลงในกระดาษที่ครูแจกให้ และ ระบายสีตกแตง่ ให้สวยงาม 9.5 สรุป(Wrap up) -นักเรยี นนาเสนอผลงานหน้าช้ันเรียนเปน็ รายบุคคล ทง้ั น้เี พอื่ ใหน้ ักเรียนมีความภาคภูมิใจใน ผลงานของตนเอง - นกั เรยี นและครูสรปุ บทเรียนพร้อมกัน 10. สอื่ การสอน - Knowledge sheet 1: Hello song - Knowledge sheet 2 การทกั ทายที่เป็นทางการ - Work sheet 1: Greeting formal - พจนานุกรมองั กฤษ-ไทย ไทยอังกฤษ 11. แหล่งเรียนรูใ้ นหรอื นอกสถานท่ี - 12. การวัดและประเมินผล - นักเรียนผา่ นเกณฑ์การประเมินร้อยละ 80 . เกณฑก์ ารตดั สนิ /ระดับคุณภาพ คะแนน 9 - 10 คะแนน หมายถึง ดีเยยี่ ม คะแนน 7 - 8 คะแนน หมายถึง ดี คะแนน 5 - 6 คะแนน หมายถงึ พอใช้ คะแนน 1 - 4 คะแนน หมายถงึ ปรับปรงุ
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 2 สาระการเรยี นรู้ ภาษาต่างประเทศ รายวิชา ภาษาองั กฤษพนื้ ฐาน ชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี 6 ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2563 หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 2 เรอ่ื ง Shopping เวลา 2 ช่วั โมง 1. ผลการเรยี นรู้ 1. สนทนาแลกเปล่ียนข้อมูลเกี่ยวกบั ตนเอง กจิ กรรมและสถานการณ์ต่างๆ ในชีวติ ประจาวนั 2. ใชภ้ าษา น้าเสียง และกริ ิยาท่าทางสภุ าพ เหมาะสมตามมารยาทสงั คมและวัฒนธรรมของเจา้ ของ ภาษา
3. พดู และเขียนแสดงความต้องการ ขอความช่วยเหลอื ตอบรบั และปฏเิ สธการให้ความชว่ ยเหลอื ใน สถานการณต์ ่าง ๆ อย่างเหมาะสม 4. พดู และเขยี นบรรยายเกยี่ วกบั ตนเอง กจิ วตั รประจาวันประสบการณ์ และสิง่ แวดลอ้ มใกล้ตวั 5. พดู และเขยี นแสดงความรสู้ ึก และความคดิ เห็นของตนเองเกี่ยวกบั เรื่องตา่ ง ๆ ใกลต้ ัวกิจกรรมตา่ ง ๆ พรอ้ มทงั้ ให้เหตผุ ลส้นั ๆ ประกอบอย่างเหมาะสม 6. พดู /เขียนแสดงความคดิ เห็นเก่ียวกบั กิจกรรมหรอื เร่ืองต่าง ๆ ใกลต้ วั พร้อมทั้งใหเ้ หตผุ ลสัน้ ๆ ประกอบ 2. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. รจู้ กั คาศัพท์เก่ียวกับเกย่ี วกับเสื้อผา้ เครือ่ งแตง่ กาย ของผู้หญิงและผ้ชู าย 2. บอกขนาดของเสื้อผ้าเครอื่ งแต่งกายแบบในฤดูกาลต่างๆได้ 3. ใช้โครงสร้างภาษาในการเลือกซ้ือเสื้อผา้ เคร่ืองแตง่ กายไดถ้ ูกต้อง 4. เขยี นบทสนทนาเกีย่ วกบั การซอ้ื และการให้บริการเกย่ี วกบั เส้อื ผ้าเครื่องแตง่ กายได้ 3. สาระสาคญั การฝึกพูด สนทนา ในสถานการณก์ ารสอบถามราคา การต่อรองราคา ฝกึ อ่านปา้ ยโฆษณาสนิ คา้ โดย ใชก้ ระบวนการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ คิดอยา่ งมวี ิจารญาณในการตัดสินใจเลือกสนิ ค้า โดยใชศ้ ัพทส์ านวนท่ี เหมาะสมกบั กาลเทศะและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา 4. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน 1.ความสามารถในการส่อื สาร การคดิ การใชท้ ักษะชวี ติ 5. สาระการเรยี นรู้ 5.1 ความร้(ู K) Vocabulary Men’s wear, Women’s wear, Footwear, Accessories ขนาดเครื่องแต่งกาย S=small, M = medium, L = large คาศัพทเ์ กยี่ วกบั ความพอดี fit (พอดตี วั ) tight (คับ) loose, too large, too big (หลวม) Functions stativeverbs (การบอกสถานภาพของประธาน) เชน่ look, feel, sound, smell, taste This skirt looks very nice. This perfume smells terrible. การเสนอความชว่ ยเหลอื Can I help you find anything? Would you like to try a larger/smaller size? การแสดงความคดิ เห็น I think they were too short.
It looks OK, but I think it’s a little big. การสอบถามราคา How much does it cost? It is 199 baht. How much do the trainers cost? They are 1,200 baht. Grammar to be going to 5.2 ทักษะ/กระบวนการ/กระบวนการคดิ (P) - ทกั ษะการใชภ้ าษาองั กฤษเพ่อื การสอื่ สาร - กระบวนการคดิ การวิเคราะห์ การคดิ สร้างสรรค์ การแก้ปัญหา - การสอ่ื สาร การสร้างความตระหนัก 5.3 คุณลักษณะอนั พึงประสงค(์ A) - ผ้เู รียนมีเจตคติทีด่ ใี นการทางานเป็นกลุ่ม - ตระหนักและเหน็ คุณคา่ ในการใชภ้ าษาองั กฤษในการส่ือสาร 6. จดุ เน้นสูก่ ารพัฒนาคุณภาพผเู้ รียน 6.1 ความสามารถและทักษะ (ประถม) มคี วามสามารถในการแสวงหาความรเู้ พื่อการแก้ปัญหา มคี วามสามารถในการใช้เทคโนโลยเี พอ่ื การเรยี นรู้ มีความสามารถในการใชภ้ าษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) มที ักษะการคิดช้ันสูง ทกั ษะชวี ติ ทักษะการส่อื สารอยา่ งสรา้ งสรรค์ตามชว่ งวยั 6.3 คุณลักษณะที่ชว่ ยเสริมผูเ้ รยี นตามชว่ งวัย (ประถม) ใฝเ่ รียนรู้ ใฝด่ ี มงุ่ มั่นในการศึกษาและการทางาน 6.5 พัฒนาคุณภาพผ้เู รยี นตามศาสตรพ์ ระราชา ขอ้ ที่ 1 จะทาอะไรต้องศึกษาข้อมูลใหเ้ ป็นระบบ ขอ้ ที่ 13 ใช้ธรรมชาตชิ ว่ ยธรรมชาติ ข้อที่ 2 ระเบิดจากภายใน ขอ้ ที่ 14 ใชอ้ ธรรมปราบอธรรม ข้อที่ 3 แก้ปญั หาจากจุดเลก็ ข้อที่ 15 ปลกู ปา่ ในใจคน ขอ้ ที่ 4 ทาตามลาดับขัน้ ขอ้ ท่ี 16 ขาดทนุ คอื กาไร ข้อท่ี 5 ภมู ิสังคม ภูมิศาสตร์ สังคมศาสตร์ ขอ้ ที่ 17 การพึ่งตนเอง ข้อท่ี 6 ทางานแบบองคร์ วม ขอ้ ท่ี 18 พออยู่พอกิน ขอ้ ท่ี 7 ไมต่ ดิ ตารา ขอ้ ที่ 19 เศรษฐกจิ พอเพยี ง
ขอ้ ท่ี 8 ประหยดั ข้อท่ี 20 ความซื่อสัตย์สจุ รติ จริงใจ ต่อกัน ข้อที่ 9 ทาใหง้ า่ ย ข้อท่ี 21 ทางานอยา่ งมีความสุข ข้อที่ 10 การมีส่วนรว่ ม ข้อที่ 22 ความเพยี ร ขอ้ ท่ี 11 ต้องยึดประโยชนส์ ่วนรวม ข้อที่ 23 รู้ รัก สามคั คี ข้อท่ี 12 บริการทจี่ ุดเดียว 7. ช้นิ งานหรอื ภาระงาน (หลักฐาน /ร่องรอยแสดงความร้)ู - ผลงานนกั เรียนในการทาแบบฝึกสนทนา - การทาแบบฝกึ หดั ของนักเรียน - แบบประเมนิ จากการสนทนา 8. การจดั กิจกรรมการเรยี นการสอน กิจกรรมการจัดการเรยี นรู้ ช่วั โมงท่ี 3-4 เร่ือง Shopping in seasons 8.1 การนาเข้าส่บู ทเรียน (Warm- up & Introduction) 1. ครูทกั ทายนักเรยี นและนาเขา้ ส่บู ทเรียน T: Good ………..., everyone S: Good ……….., teacher. T: How are you today? S: I’m fine, thank you. And you? T: I’m great, thank you. Sit down, please. S: Thank you. 8.2 การนาเสนอเนอ้ื หา ทกั ษะ กระบวนการ (Presentation) 1. ระดมความคิดจากนักเรยี นเกย่ี วกับคาศพั ทเ์ คร่ืองแต่งกายใหน้ กั เรียนแบ่งคาศัพทเ์ ปน็ หมวดหมู่ 4 หมคู่ ือ Men’s wear Women’s wear Footwear Accessories - นักเรยี นศึกษาแบบฝกึ ชุดท่ี1โดยบอกชอ่ื เครอื่ งแตง่ กาย และออกเสียงคาใหถ้ ูกต้อง - พูดคุยกบั นักเรยี นเรือ่ งการบอกขนาดของเคร่ืองแต่งกายแบบอเมริกนั ตามแบบฝกึ ชุดท่ี 1 - ครูเขยี นประโยคและสงิ่ สาคัญในการซื้อเคร่ืองแต่งกายบนกระดานให้นกั เรยี นอ่านออกเสียง แลว้ ใหน้ ักเรยี นเลือกวา่ สง่ิ ใดสาคัญมากและน้อยสดุ - นกั เรยี นอา่ นบทสนทนาในแบบฝึกชดุ ที่2 ครูอธบิ ายว่าเปน็ การสนทนาระหว่างพนักงานขาย และ ลูกคา้ - ตรวจสอบความเขา้ ใจของนักเรียนโดยใหน้ ักเรียนบอกความหมายของข้อความโดย เปรียบเทยี บ กับสานวนไทย
- นกั เรยี นฟงั บทสนทนาจากครแู ละพดู ตาม - นักเรยี นฝกึ สนทนาพร้อมกันทัง้ ชนั้ แบง่ เปน็ clerk/customer สลบั บทบาทกนั - นักเรยี นจับคฝู่ กึ สนทนาโดยใช้เครื่องแต่งกายจากแบบฝึกชดุ ที่1 8.3 การฝึกเนือ้ หา ทักษะ กระบวนการ (Practice) 1.ครนู าเสนอประเภทของสินคา้ ออกเปน็ Clothes / Accessories / Stationery / Jewelry / Electronic gadgets 2.นกั เรยี นตอบคาถามเกี่ยวกบั การซื้อสนิ ค้าในแตล่ ะฤดูกาล T : What kind of product do you like most ? S : Clothes / Accessories / IT gadgets /etc. T : How often do you go shopping ? 3.นกั เรยี นเล่น Whispering Game เพ่ือฝกึ ทกั ษะการฟังและคดิ วิเคราะห์ - แบง่ นกั เรียนเปน็ 2 ทีม แต่ละทมี จะได้รับตารางประเภทของสนิ ค้า - ตัวแทนกลุ่มว่งิ มาฟังคาจากครคู ร้ังละ 1 คา และว่งิ ไปบอกสมาชิกในกลมุ่ สมาชิกในกลุ่ม บันทกึ คา ลงในShopping at the market ทถ่ี ูกต้อง แลว้ ใหส้ มาชิกคนต่อไปวง่ิ มาฟงั คาจาก ครอู กี จนครบ 40 คา - ใหต้ ัวแทนกลมุ่ มานาเสนอตาราง Shopping in season ของตนเอง - ตดิ ตารางShopping in seasonของท้งั 2 กล่มุ บนกระดานแลว้ ให้นักเรียนทุกคนชว่ ยกัน ตรวจสอบ ความถูกต้อง - นกั เรียนทุกคนฝึกอ่านออกเสยี งและแปลความหมาย และบันทกึ ตารางShopping in season ลง ในสมดุ 8.4 การนาไปใช้ (Production) - นักเรียนออกแบบบทสนทนาโดยสมมุติสถานการณ์และเคร่ืองแต่งกายท่ีตนเองต้องการซื้อ จรงิ จับคแู่ ลว้ เขียนเป็นบทสนทนาส้ันๆ - นกั เรียนฝกึ ออกเสยี งโดยครูเนน้ การออกเสยี งทเ่ี ปน็ ธรรมชาตแิ ละถกู ต้อง 8.5 สรุป(Wrap up) 1.ครูและนกั เรยี นสรปุ บทเรยี นรว่ มกนั ว่าวันน้ไี ด้รจู้ กั อาหารอะไรบ้างและวธิ กี ารสง่ั อาหารสงั่ ออย่างไร T: วันน้ีเราได้รจู้ ักอาหารอะไรไปบ้าง S: water, coffee, hamburger, French fries, coke, cheese burgers, tea, ice cream, cake, pizza, spaghetti, T: ประเภทอาหารมกี ีป่ ระเภทอะไรบ้าง S: 3 ประเภทคอื drink, food, dessert T: ถ้าเราเปน็ เจา้ ของร้านมคี นมารา้ นเราเราจะถามวา่ ……………………
S: Hi. May I take your order? T: ถ้าไมร่ บั เพิม่ พูดวา่ ให้นักเรียนชว่ ยกนั ตอบ No. Thank you. 10. สือ่ การสอน - Power point - บัตรคาศพั ท์ 11. แหล่งเรียนร้ใู นหรอื นอกสถานท่ี - 12. การวดั และประเมนิ ผล - นักเรียนผ่านเกณฑ์การประเมนิ ร้อยละ 80 . คะแนน 9 - 10 คะแนน เกณฑ์การตดั สนิ /ระดับคุณภาพ คะแนน 7 - 8 คะแนน หมายถึง ดเี ยย่ี ม คะแนน 5 - 6 คะแนน หมายถงึ ดี คะแนน 1 - 4 คะแนน หมายถึง พอใช้ หมายถงึ ปรบั ปรุง
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 3 สาระการเรยี นรู้ ภาษาต่างประเทศ รายวชิ า ภาษาอังกฤษพื้นฐาน ช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ 6 ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศึกษา 2563 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 2 เร่อื ง The Weather เวลา 2 ชั่วโมง 1. ผลการเรียนรู้ 1. สนทนาแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง กจิ กรรมและสถานการณ์ตา่ งๆ ในชวี ิตประจาวนั 2. ใช้ภาษา น้าเสียง และกิริยาทา่ ทางสภุ าพ เหมาะสมตามมารยาทสังคมและวัฒนธรรมของเจ้าของ ภาษา 3. พูดและเขยี นแสดงความต้องการ ขอความชว่ ยเหลือ ตอบรับและปฏิเสธการให้ความช่วยเหลอื ใน สถานการณต์ า่ ง ๆ อยา่ งเหมาะสม 4. พดู และเขียนบรรยายเก่ียวกับตนเอง กจิ วตั รประจาวนั ประสบการณ์ และสง่ิ แวดลอ้ มใกล้ตวั 5. พูดและเขียนแสดงความรู้สึก และความคดิ เหน็ ของตนเองเกย่ี วกบั เร่ืองตา่ ง ๆ ใกล้ตวั กิจกรรมตา่ ง ๆ พรอ้ ม ท้งั ให้เหตผุ ลสน้ั ๆ ประกอบอยา่ งเหมาะสม 6. พดู /เขยี นแสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั กิจกรรมหรอื เรื่องต่าง ๆ ใกล้ตัวพร้อมทั้งใหเ้ หตผุ ลสั้นๆ ประกอบ 2. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. ผเู้ รยี นสามารถพดู หรือเขียนเกีย่ วกับฤดูกาลในต่างประเทศได้ 2. ผเู้ รยี นสามารถแสดงความคิดเหน็ หรือให้ขอ้ มูลเกี่ยวกบั เสอื้ ผา้ ท่ีใสใ่ นแตล่ ะฤดูกาลได้ 3. สาระสาคัญ - การฝกึ สนทนาในสถานการณ์ และศึกษาเกย่ี วกับ คาศัพท์ สานวน ท่ีเกี่ยวข้องกับสภาพอากาศ และ บอกความแตกตา่ งในแตฤ่ ดูได้โดยใชก้ ระบวนการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ คดิ อยา่ งมีวจิ ารญาณในการตัดสินใจ เลอื กสนิ คา้ โดยใช้ศัพทส์ านวนทเี่ หมาะสมกบั กาลเทศะและวฒั นธรรมของเจ้าของภาษา 4. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน 1.ความสามารถในการส่อื สาร การคิด การใช้ทักษะชวี ติ 5. สาระการเรียนรู้
5.1 ความร(ู้ K) Vocabulary : summer , autumn , fall , winter , spring , cover coat , coat , sweater , vest , mink jacket , jacket , leather jacket , gloves , scarf , hood Structure : What is the weather like today ? It’s ………… .I think I will wear What’s the weather like in Summer ? 5.2 ทักษะ/กระบวนการ/กระบวนการคิด(P) - ทกั ษะการใชภ้ าษาองั กฤษเพื่อการสื่อสาร - กระบวนการคิด การวิเคราะห์ การคิดสร้างสรรค์ การแก้ปัญหา - การสอื่ สาร การสร้างความตระหนัก 5.3 คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์(A) - ผู้เรียนมเี จตคตทิ ่ดี ใี นการทางานเป็นกล่มุ - ตระหนกั และเห็นคุณค่าในการใชภ้ าษาองั กฤษในการส่ือสาร 6. จดุ เน้นสกู่ ารพฒั นาคุณภาพผู้เรียน 6.1 ความสามารถและทกั ษะ (ประถม) มคี วามสามารถในการแสวงหาความรเู้ พอ่ื การแกป้ ัญหา มีความสามารถในการใช้เทคโนโลยเี พอ่ื การเรียนรู้ มคี วามสามารถในการใชภ้ าษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) มที กั ษะการคิดชน้ั สูง ทกั ษะชีวติ ทักษะการส่อื สารอย่างสร้างสรรค์ตามช่วงวัย 6.4 คณุ ลักษณะทีช่ ่วยเสรมิ ผู้เรียนตามช่วงวยั (ประถม) ใฝเ่ รยี นรู้ ใฝ่ดี มุ่งมัน่ ในการศึกษาและการทางาน 6.3 พัฒนาคุณภาพผูเ้ รยี นตามศาสตร์พระราชา ข้อที่ 1 จะทาอะไรตอ้ งศึกษาข้อมูลให้เปน็ ระบบ ขอ้ ที่ 13 ใชธ้ รรมชาติช่วยธรรมชาติ ขอ้ ที่ 2 ระเบิดจากภายใน ขอ้ ที่ 14 ใชอ้ ธรรมปราบอธรรม ข้อท่ี 3 แกป้ ญั หาจากจดุ เลก็ ขอ้ ที่ 15 ปลูกป่าในใจคน ข้อท่ี 4 ทาตามลาดบั ขัน้ ขอ้ ที่ 16 ขาดทุนคอื กาไร ขอ้ ที่ 5 ภูมสิ ังคม ภมู ิศาสตร์ สงั คมศาสตร์ ขอ้ ที่ 17 การพ่ึงตนเอง ข้อที่ 6 ทางานแบบองค์รวม ข้อท่ี 18 พออยู่พอกนิ
ขอ้ ท่ี 7 ไม่ตดิ ตารา ข้อท่ี 19 เศรษฐกจิ พอเพียง ขอ้ ที่ 8 ประหยัด ข้อที่ 20 ความซื่อสัตย์สจุ รติ จรงิ ใจ ต่อกนั ขอ้ ที่ 9 ทาให้ง่าย ข้อที่ 21 ทางานอย่างมีความสุข ข้อที่ 10 การมีสว่ นรว่ ม ข้อที่ 22 ความเพยี ร ข้อท่ี 11 ต้องยึดประโยชน์สว่ นรวม ข้อที่ 23 รู้ รัก สามคั คี ขอ้ ที่ 12 บริการที่จดุ เดียว 7. ช้ินงานหรอื ภาระงาน (หลักฐาน /ร่องรอยแสดงความร)ู้ - ผลงานนกั เรยี นในการทาแบบฝกึ สนทนา - การทาแบบฝกึ หัดของนักเรียน - แบบประเมินจากการสมดุ 8. การจัดกิจกรรมการเรียนการสอน กิจกรรมการจัดการเรยี นรู้ เร่ือง The Weather and Temperature 8.1 การนาเข้าสบู่ ทเรียน (Warm- up & Introduction) 1. ครทู ักทายนักเรียนและนาเข้าสู่บทเรยี น T: Good ………..., everyone S: Good ……….., teacher. T: How are you today? S: I’m fine, thank you. And you? T: I’m great, thank you. Sit d own, please. S: Thank you. 8.2 การนาเสนอเนื้อหา ทักษะ กระบวนการ (Presentation) 1. ครแู ละนกั เรยี นสนทนาเก่ียวกบั สภาพอากาศประจาวนั และทผ่ี า่ นมา และสนทนาเกีย่ วกับรายการ พยากรณ์ อากาศในวทิ ยหุ รือโทรทัศน์ 2. ครูทกั ทายนักเรยี นและสนทนาเกยี่ วกบั สภาพลมฟ้าอากาศในต่างประเทศและให้นักเรียนรอ้ งเพลง season son 8.3 การฝึกเนอ้ื หา ทักษะ กระบวนการ (Practice) - ครูนาเสนอคาศัพท์เสื้อผ้าชนดิ ต่าง ๆ ใน Power point ใหน้ ักเรยี นฝกึ ออกเสียงท่ีควรใสใ่ นสภาพ อากาศของ แต่ละฤดูกาล โดยถามนักเรียน “What is the weather like today ? - นักเรียนตอบ “It is cold \\ hot \\ sunny .
- ครยู กตัวอย่างประโยคแสดงความคดิ เห็น It’s hot in summer . I think I will wear T- shirt. แลว้ ถามนักเรียนWhat’s the weather like in Summer ? - ใหน้ ักเรยี นเขียนประโยคท่ีต้องตอบลงในสมดุ - นักเรยี นจับคู่เพ่ือสนทนาถามตอบพรอ้ มทง้ั แสดงความคดิ เห็น 8.4 การนาไปใช้ (Production) - ครูสุ่มนักเรียน 3-5 คน ออกมานาเสนอฤดูกาลท่ีช่ืนชอบและให้เหตุผลว่าเพราะอะไร เป็น ภาษาอังกฤษ - นักเรียนฝกึ ออกเสียงโดยครเู นน้ การออกเสยี งคาศัพท์เกี่ยวกบั ฤดกู าลตา่ งๆ 8.5 สรปุ (Wrap up) - ครแู ละนกั เรียนร่วมกันอา่ นคาศพั ท์เส้ือผา้ ชนดิ ตา่ ง ๆ ทบทวนประโยคแสดความคดิ เหน็ 10. ส่อื การสอน - http://www.youtube.com/watch?v=IdZnasVZquQ - http://www.youtube.com/watch?v=00S7tBOmTL4 - http://www.youtube.com/watch?v=CHFlgePf9VU - power point เสือ้ ผ้าชนดิ ต่าง ๆ - ใบงาน 11. แหล่งเรียนรู้ในหรอื นอกสถานท่ี - 12. การวัดและประเมนิ ผล - นกั เรียนผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ร้อยละ 80 . เกณฑ์การตัดสนิ /ระดับคุณภาพ คะแนน 9 - 10 คะแนน หมายถงึ ดีเยีย่ ม คะแนน 7 - 8 คะแนน หมายถึง ดี คะแนน 5 - 6 คะแนน หมายถงึ พอใช้ คะแนน 1 - 4 คะแนน หมายถึง ปรบั ปรุง
แบบฝึกหัดการพัฒนาทักษะการพดู ภาษาองั กฤษพน้ื ฐาน กลุม่ สาระการเรียนรูภ้ าษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ 6 SHOPPING การซื้อของ ช่อื ………………………………………………..สกลุ ……………………………………..…… ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 6 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 31
Search