Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เส้นประธานสิบ แจก online

เส้นประธานสิบ แจก online

Published by kruphannipa2513, 2021-08-23 10:46:21

Description: เส้นประธานสิบ แจก online

Search

Read the Text Version

เส้นประธานสบิ

อ.ภารดี ถนอมใจ

อ.ภารดี ถนอมใจ

อ.ภารดี ถนอมใจ

อ.ภารดี ถนอมใจ

อ.ภารดี ถนอมใจ

อ.ภารดี ถนอมใจ

อ.ภารดี ถนอมใจ

อ.ภารดี ถนอมใจ

ความหมายของเส้นประธาน ๑. เสน้ ประธาน คือ เส้นซ่ึงเป็นหลกั สาคญั ของวชิ าการนวดไทย ตามที่บูรพาจารยไ์ ดถ้ ่ายทอดสืบต่อกนั มา เช่ือกนั วา่ มีเส้นอยใู่ น ร่างกายถึง ๗๒,๐๐๐ เส้น แต่ท่ีเป็นเส้นประธานแห่งเสน้ ท้งั ปวงมี เพยี ง ๑๐ เสน้ เท่าน้นั เสน้ ประธาน เป็นทางเดินของลม ซ่ึงเป็นพลงั ภายในที่หล่อ เล้ียงร่างกายใหท้ างานไดต้ ามปกติ อ.ภารดี ถนอมใจ

ความสาคญั ของเส้นประธาน เส้นประธาน มีความสาคญั ต่อการบาบดั รักษาโรคดว้ ยวธิ ีการนวดไทย เพราะเป็นโครงสร้างท่ีใชใ้ นการอธิบายถึงความเป็นปกติสุขและความ ผดิ ปกติของร่างกายได้ โดยเฉพาะความผดิ ปกติซ่ึงมีสาเหตุมาจากการติดขดั หรือกาเริบของลม จึงสามารถนามาใชใ้ นการตรวจวินิจฉยั หาสาเหตขุ องความผดิ ปกติน้นั วา่ มีความสัมพนั ธ์กบั เส้นประธานเสน้ ใด รวมท้งั สามารถกาหนดวธิ ีการ นวดรักษาสอดคลอ้ งสมั พนั ธก์ บั เสน้ ประธานน้นั ไดอ้ ยา่ งมีหลกั การ อ.ภารดี ถนอมใจ

โครงสร้างของเส้นประธาน ๑. ในตาราโรคนิทานคาฉนั ท์ ๑๑ ของพระยาวชิ ยาธิบดี (กล่อม) พรรณนาลกั ษณะของเสน้ ประธานวา่ “ เสน้ สิบทา่ นพรรณนา ในครรภาเป็ นนิไสย” ลอ้ มสูญพระเมรุ์ไว้ สถิตลึกสกั สองนิ้ว ลอ้ มเป็ นจกั ร์ทราสูนย์ ดูไพบูลยไ์ ม่แพลงพลิ้ว ดุจสายบรรทดั ทิว เป็นแนวแถวทอดเรียงกนั ” ซ่ึงแสดงใหเ้ ห็นวา่ เสน้ ประธานท้งั สิบน้นั มีศูนยก์ ลางออกมาจากโดยรอบสะดือลึก ลงไป ๒ นิ้วมือ ลกั ษณะการทอดออกจากศูนยก์ ลางน้นั เป็ นแนวแถวเรียงกนั อยา่ งเป็ น ระเบียบนอกจากน้ียงั พรรณนาอีกวา่ “ เส้นเอน็ ยอ่ มเป็ นรู ลมเลือดชูใหฟ้ ฟู อน กาเริบมกั รุมร้อน ให้ศุขทุกขท์ กุ ราตรี” อ.ภารดี ถนอมใจ

องค์ประกอบทสี่ ัมพนั ธ์กบั เส้นประธาน องคป์ ระกอบตามทฤษฎีเสน้ ประธาน มี ๓ องคป์ ระกอบท่ีสาคญั คือ ๑) เสน้ ซ่ึงมีเส้นประธาน และเส้นแขนงต่างๆ มีทางเดินของเสน้ ที่ แน่นอน ๒) ลม เป็นพลงั ซ่ึงแล่นไปตามเส้น หากลมแล่นไม่ปกติ มีการ ติดขดั ยอ่ มก่อโทษทาใหเ้ กิดความเจบ็ ป่ วยได้ ๓) จุด เป็นตาแหน่งบนร่างกายท่ีมีความสัมพนั ธก์ บั เส้น เม่ือกด หรือกระตุน้ ถูกจุดจะเกิดกระแสความรู้สึกแล่นของลมไปตามแนว เสน้ ได้ อ.ภารดี ถนอมใจ

ทางเดนิ ของเส้นประธาน ทางเดินของเสน้ ประธาน หมายถึง ทางเดินของพลงั ลมที่ แล่นภายในร่างกายสามารถรับรู้ไดเ้ มื่อกดจุดท่ีสมั พนั ธ์กบั เส้น ประธานน้นั ๆ ทางเดินดงั กล่าวมีทิศทางที่แน่นอน และมีลกั ษณะเป็นแนวแถว ทอดไปอยา่ งเป็นระเบียบ อ.ภารดี ถนอมใจ

ลาดบั เส้น ตามแผนนวดฉบับ ตามตาราโรค โครงการฟื้ นฟู ๑ หลวง ร.๕ นิทานคาฉันท์ ๑๑ การนวดไทย ๒ ๓ อิทา อิทา อิทา ๔ ๕ ปิ งคลา ปิ งคลา ปิ งคลา สุสุมนา สุมนา สุมนา กาลทารี กาลทารี กาลทารี สหศั รังสี สหศั รังสี สหศั รังสี อ.ภารดี ถนอมใจ

ลาดบั เส้น ตามแผนนวดฉบับ ตามตาราโรคนิทานคา โครงการฟื้ นฟูการนวด หลวง ร.๕ ฉันท์ ๑๑ ไทย ๖ ทวารี ทวารี ทวารี ๗ ลาวสุ งั อุรัง,ภสู าพวงั , สมั ปะสาโส จนั ทภสู งั ๘ อลุ งั กะ สุขมุ ,อุสามา รุชา ๙ นนั ทกระหวดั รัตคินี สุขมุ งั (ทวารคูธ , ทวารมตู ร) (ลึงคะชาติมตุ มกั )คือ การเสียด สีขา้ ง ขดั เบา ปัสสาวะข่นุ ๑๐ คิชณะ กงั ขงุ สิกขินี แล่นไปหวั เหน่าลงไปลา (กะหวดั รอบทวารมี คูตมกั คะ (แล่นไปยงั ทวารเบา) ลงั คน์ ้นั แล พนกั งาน) อ.ภารดี ถนอมใจ

ลาดบั เส้น ตามแผนนวดฉบบั หลวง ร.๕ ตามตาราโรค โครงการฟื้ นฟู นิทานคาฉันท์ ๑๑ การนวดไทย หมายเหตุ : ขอ้ สงั เกต หรือความตา่ งของตารา ๓ ฉบบั ๙. ทวารหนกั ทวารเบา ทวารหนกั ๑๐. ทวารเบาหรือลาลึงค์ ทวารหนกั ทวารเบา อ.ภารดี ถนอมใจ

เส้ นประธาน จุดเร่ิมต้น จุดสิ้นสุด ๑. เส้นอิทา ขา้ งสะดือดา้ นซา้ ย ๑ นิ้วมือ จมูกซา้ ย ๒. เส้นปิ งคลา ขา้ งสะดือดา้ นขวา ๑ นิ้วมือ จมูกขวา ๓. เส้นสุมนา เหนือสะดือ ๒ นิ้วมือ ๔. เส้นกาลทารี เหนือสะดือ ๑ นิ้วมือ โคนลิ้น ๕. เส้นสหศั รังสี นิ้วมือ นิ้วเทา้ ๖. เส้นทวารี ๗. เส้นจนั ทภูสัง ขา้ งสะดือซา้ ย ๓ นิ้วมือ ตาซา้ ย ๘. เส้นรุชา ขา้ งสะดือขวา ๓ นิ้วมือ ตาขวา ๙. เส้นสุขมุ งั ขา้ งสะดือซา้ ย ๔ นิ้วมือ หูซา้ ย ๑๐.เส้นสิกขินี ขา้ งสะดือขวา ๔ นิ้วมือ หูขวา ใตส้ ะดือ ๒ นิ้วมือเย้อื งซา้ ยเลก็ นอ้ ย ทวารหนกั ใตส้ ะดือ๒ นิ้วมือ เย้อื งขวาเลก็ นอ้ ย ทวารเบา อ.ภารดี ถนอมใจ

อ.ภารดี ถนอมใจ

๑. เส้นอิทา เร่ิมตน้ จากขา้ ง สะดือดา้ นซา้ ย ๑ นิ้วมือ แล่น ลงไปบริเวณหวั เหน่า ลงไป ตน้ ขาซา้ ยในค่อนไปดา้ นหลงั แลว้ เล้ียวข้ึนไปแนบขา้ ง กระดูกสนั หลงั ดา้ นซา้ ยข้ึน ไปบนศรีษะแลว้ กลบั ลงมา สิ้นสุดท่ีขา้ งจมูกซา้ ย อ.ภารดี ถนอมใจ

๒. เส้นปิ งคลา เริ่มตน้ จากขา้ ง สะดือดา้ นขวา ๑ นิ้วมือ แล่นลง ไปบริเวณหวั เหน่า ลงไปตน้ ขา ขวาดา้ นในคอ่ นไปดา้ นหลงั แลว้ เล้ียวข้ึนไปแนบขา้ งกระดูก สนั หลงั ดา้ นขวาข้ึนไปบนศรีษะ และกลบั ลงมาสิ้นสุดท่ีขา้ งจมูก ขวา อ.ภารดี ถนอมใจ

อ.ภารดี ถนอมใจ

๓. เสน้ สุมนา เริ่มตน้ จากเหนือ สะดือ ๒ นิ้วมือ แล่นข้ึนไปภายใน อก ผา่ นลาคอ ข้ึนไปสิ้นสุดท่ีโคน ลิ้น เรียกวา่ รากเส้นลิน้ อ.ภารดี ถนอมใจ

อ.ภารดี ถนอมใจ

๔. เส้นกาลทารี เริ่มตน้ จากเหนือ สะดือ๑ นิ้วมือ แลว้ แตกออกเป็น ๔ เส้น ๒ เสน้ บนแล่นข้ึนไปผา่ นขา้ งชาย โครง ผา่ นสะบกั ใน ไปยงั แขนท้งั ๒ ขา้ ง ลงไปที่ขอ้ มือตลอดถึงนิ้ว มือท้งั สิบ ๒ เสน้ ล่าง แล่นลงไปบริเวณตน้ ขา ดา้ นใน ผา่ นหนา้ แขง้ ดา้ นในท้งั ๒ ขา้ งลงไปท่ีขอ้ เทา้ ตลอดถึงนิ้วเทา้ ท้งั สิบ อ.ภารดี ถนอมใจ

อ.ภารดี ถนอมใจ

๕. เส้นสหศั รังสี เร่ิมตน้ จากขา้ ง อ.ภารดี ถนอมใจ สะดือดา้ นซา้ ย ๓ นิ้วมือ แล่นลง ไปบริเวณตน้ ขาซา้ ยดา้ นใน ผา่ น หนา้ แขง้ ดา้ นใน ขอบฝ่ าเทา้ ดา้ น ใน โคนนิ้วเทา้ ซา้ ยท้งั หา้ แลว้ ยอ้ นผา่ นขอบฝ่ าเทา้ ดา้ นนอก ข้ึนมายงั หนา้ แขง้ ดา้ นนอก ตน้ ขาดา้ นนอก ไปชายโครง หวั นม ซา้ ย แลว้ แล่นเขา้ ไปใตค้ าง ข้ึน ไปสิ้นสุดท่ี ตาซา้ ย

๖. เสน้ ทวารี เริ่มตน้ จากขา้ งสะดือ อ.ภารดี ถนอมใจ ดา้ นขวา ๓ นิ้วมือ แล่นลงไป บริเวณตน้ ขาขวาดา้ นในผา่ นหนา้ แขง้ ดา้ นใน ขอบฝ่ าเทา้ ดา้ นใน โคนนิ้วเทา้ ขวาท้งั หา้ แลว้ ยอ้ น ผา่ นขอบฝ่ าเทา้ ดา้ นนอก ข้ึนมายงั หนา้ แขง้ ดา้ นนอก ตน้ ขาดา้ นนอก ไปชายโครง หวั นมขวา แลว้ แล่น เขา้ ไปใตค้ าง ข้ึนไปสิ้นสุดที่ ตาขวา

อ.ภารดี ถนอมใจ

๗. เส้นจนั ทภูสัง เริ่มตน้ จาก ขา้ งสะดือดา้ นซา้ ย ๔ นิ้วมือ แล่นผา่ นราวนมซา้ ย ผา่ น ดา้ นขา้ งของคอ ข้ึนไปสิ้นสุดท่ี หูซา้ ย อ.ภารดี ถนอมใจ

๘. เส้นรุชา เริ่มตน้ จากสะดือ ดา้ นขวา ๔ นิ้วมือ แล่นผา่ นราวนมขวา ผา่ นดา้ นขา้ งของคอ ข้ึนไปสิ้นสุดที่ หูขวา อ.ภารดี ถนอมใจ

อ.ภารดี ถนอมใจ

๙. เสน้ สุขมุ งั เริ่มตน้ สุขมุ งั จากใตส้ ะดือ ๒ นิ้วมือ เย้อื งซา้ ยเลก็ นอ้ ย อ.ภารดี ถนอมใจ แล่นไปยงั ทวารหนกั

๑๐. สิกขินี เร่ิมตน้ จากใต้ สะดือ ๒ นิ้วมือ เย้อื งขวา เลก็ นอ้ ย แล่นไปยงั ทวารเบา สิกขินี อ.ภารดี ถนอมใจ

เส้นประธานสบิ อ.ภารดี ถนอมใจ

ความสัมพนั ธ์ระหว่างเส้นประธานกบั ลม ในคมั ภีร์แผนนวด ฉบบั หลวง ร.๕ พระราชทานเมื่อ จ.ศ. ๑๒๓๓ และ ตาราโรคนิทาน คาฉนั ท์ ๑๑ ของพระยาวชิ ยา ธิบดี (กล่อม) รวมท้งั ตาราแผนนวดฉบบั อ่ืนๆ ไดก้ ล่าวถึงลมซ่ึงเกิด จากเส้นประธานกาเริบ และมีอยหู่ ลายชนิดหลายอาการ สามารถ สรุปความสมั พนั ธ์ไดต้ ามตารางดงั น้ี อ.ภารดี ถนอมใจ

อทิ า ปวดหวั มาก วงิ เวยี น ตามืดมวั ตาวงิ ตอนกลางคืน เจบ็ ตา ไขจ้ บั ใหต้ วั ๑.ลมจนั ทะกลา ร้อนชกั ปากเบ้ียว เสียวหนา้ ตาเจบ็ สันหลงั (ลมปะกงั ) (ลมสรรนิบาต) เกิดเพราะกาเดาและปิ ดตะระคนกนั (มกั จบั ตอนเยน็ ) ถา้ เป็นถึง ๗ วนั จะถึงแก่ชีวติ ได้ อ.ภารดี ถนอมใจ

อทิ า เซ่ืองซึม สลบ คลา้ ยถูกงูลายสาบกดั ๒. ลมพหิ ทาใหม้ ือส่นั ตีนสัน่ เพราะกินอาหาร (ลมพหิตวาต) หวานมากเกินไป หรือกินอาหาร วนั ละ ๔-๕ เวลา ๓. ลมสัตตวาต อ.ภารดี ถนอมใจ

ปิ งคลา หนา้ ตาแดง ปวดหวั ตอนเชา้ ถึงเที่ยง ปวดหวั มากมกั เจบ็ ตา น้าตาไหล ชกั ๑. ลมสูริยกลา ปากเบ้ียว คดั จมูก น้ามูกไหล จาม (สุญทกลา) (มกั จบั วนั พฤหสั ) (ลมปะกงั ) (ลมสรรนิบาต) อ.ภารดี ถนอมใจ

ปิ งคลา สลบไม่รู้สึกตวั ไม่พดู ไม่จา คลา้ ยถูก งูทบั สมิงคลากดั ๒. ลมพหิ เม่ือยลา้ ขดั ทวั่ ทุกแห่ง เพราะกิน ๓. รัตนาวาต อาหารจาเจ เม่ือจะเป็นใหแ้ สบไสพ้ งุ อยากอาหารและของสดคาว อ.ภารดี ถนอมใจ

สุมนา (สุสุมนา) ๑. ลมชิวหาสดมภ์ ลิ้นกระดา้ ง คางแขง็ เซื่องซึม พูดไม่ชดั พูดไม่ได้ ๒. ดาลตะคุณ (ลมมหาอศั ดมภ์ ) จุกอกเอน็ เป็นลา จบั หวั ใจ ใหแ้ น่นอก (มกั จบั วนั อาทิตย)์ อ.ภารดี ถนอมใจ

สุมนา (สุสุมนา) ๓. ทะกรน ดวงจิตระส่าระสาย ๔. ลมบาทจติ ร์ เคลิบเคลิม้ พดู พรอด มกั อ้นั อน้ พูด ติดขดั หลงลืม จบั ดวงใจใหห้ ลงใหล คลุม้ คลง่ั แน่นอก อาเจียนเป็นลม เปล่า หนาวร้อน ตอ้ งฝืนกินอาหาร ไดก้ ลิ่นอาหารจะขยอ้ นออก อ.ภารดี ถนอมใจ

กาลทารี เหนบ็ ชาท้งั ตวั เจบ็ เยน็ สะทา้ น เกิด เพราะกินอาการแสลง ขนมจีน ขา้ ว ๑. ลมกาลทารี เหนียว ถว่ั (มกั จบั วนั อาทิตย์ , วนั จนั ทร์) ๒. ลมหสั รังษี (ลมสรรนิบาต) เม่ือแรกจบั ใหน้ อนแน่นิ่งไม่รู้สึกตวั อ.ภารดี ถนอมใจ

สหัศรังสี (หัสรังษ)ี (หัสฤด)ี ลมจักขนุ ิวาต ปวดกระบอกตา วงิ เวยี น ลืมตาไม่ ลมอคั นิวาตคุณ ข้ึน เกิดเพราะกินของมนั หวานมาก (มกั จบั วนั ศกุ ร์) อ.ภารดี ถนอมใจ

ทวารี (ทวาคตา) (ทวารจันทร์) (ฆานทวารี) ๑. ลมทพิ จกั ษุ ปวดกระบอกตา วงิ เวยี น ตาพร่ามวั ลืมตา ๒. ลมปัตฆาฎ ไม่ข้ึนอาจเป็นท้งั สองขา้ ง หรือขา้ งขวา ขา้ งเดียว เกิดจากเสน้ ทวารีพิการเร้ือรัง เกิดเพราะ กินน้ามะพร้าวอ่อนอนั มนั หวาน และมี กามสังโยค (มกั จบั วนั องั คาร) อ.ภารดี ถนอมใจ

จันทภูสัง (อุรัง) (ภูสาพวงั ) (สัมปะสาโส) (ลาวุสัง) ลมคะทาหุ เกิดเพราะอาบน้าเยน็ มาก ใหว้ งิ เวียน จึงเป็นแล (มกั จบั วนั พธุ ) อ.ภารดี ถนอมใจ

รุชา (สุขุมอสุ ะมา) (อุลงั กะ) ๑. ลมคะทาหุ ทาใหห้ ูตึง ลมออกจากหู เป็นท้งั สอง ๒. ลมทาระกรณ์ ขา้ ง เกิดเพราะมกั กินน้ามะพร้าว ของอนั มนั (มกั จบั วนั องั คาร) มกั ใหเ้ จบ็ ทอ้ งหนกั เพราะกินของ อนั มนั (มกั จบั วนั อาทิตย)์ อ.ภารดี ถนอมใจ

สุขุมัง (กงั ขุง) (กขุ ุง) เกิดเพราะกินอาหารมาก ลมกงุ ขุง เกิดเพราะกินอาหารโอชะมนั ทาให้ ตึงทวาร เจบ็ ทอ้ ง ราวทอ้ งจะแตก กินอาหารแมน้ อ้ ยกค็ บั ทอ้ ง ขดั อุจระ บางทีกล็ งเปล่า (มกั จบั วนั อาทิตย)์ อ.ภารดี ถนอมใจ

สิกขนิ ี (สังคนิ ี) (รัตคนิ ี) (สังข)ิ กินผดิ สาแดง ลมกจุ ฉิสยาวาตพดั ผดิ ปกติ ทาใหล้ งทอ้ ง ลมสังขิ ทอ้ งข้ึน ผะอืดผะอมทอ้ ง ลมราชยกั ษ์ (ลมแทรก) เสียดสีขา้ งท้งั สอง , ขดั เบา, ปัสสาวะ ขนุ่ , ปัสสาวะ รุ่มร้อน เจบ็ หวั เหน่า ผชู้ ายบงั เกิดในองคชาติ เป็นเพราะกามราคะน้นั หน่วงเอน็ ทาใหป้ ัสสาวะหยดยอ้ ย ,หนองใน เป็นอุปะทม ไส้ดว้ น ไส้ลาม ผหู้ ญิงเป็นเพราะโลหิตหรือเอน็ ในมดลูกพกิ าร เรียกวา่ ลมกามทุจริต เจบ็ ทอ้ ง สีขา้ ง สะเอว (ดุจดงั หกั กลาง) แลว้ แล่นเขา้ อ.ภารดี ถนอมใจ ทาใหเ้ ลือดจบั มูก มกั เป็นมุตกิด มุตคาต

อ.ภารดี ถนอมใจ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook