Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore e-book

e-book

Published by ISMAIL RAOB, 2020-11-25 15:26:07

Description: e-book

Search

Read the Text Version

ตารางท่ี 4.19 แสดงผลรวมของคา่ ระดบั คะแนนและลาดบั ของความคดิ เห็นของผู้ปกครองดา้ นเน้ือหาท่ี ต้องการใหส้ อนแก่บตุ รหลาน เน้อื หาทต่ี อ้ งการให้สอนแกบ่ ุตรหลาน ผลรวมของ ลาดบั ท่ี ค่าระดับคะแนน 1) ไวยากรณ์ภาษาญี่ปนุ่ 236 4 2) สนทนาภาษาญ่ปี นุ่ ในชีวติ ประจาวนั 143 1 3) ความรดู้ า้ นประเทศญี่ปุ่นและคนญีป่ นุ่ 202 2 4) ภาษาญี่ปนุ่ เกยี่ วกับการทางานอย่างง่ายๆ 216 3 5) เชอื่ มโยงภาษาญป่ี ุน่ กบั วิชาอนื่ ๆ 283 5 จากตารางที่ 4.19 พบว่าเนื้อหาที่ผู้ปกครองต้องการให้สอนมากที่สุดเป็นลาดับที่ 1 คือ สนทนาภาษาญี่ปุ่นในชีวิตประจาวัน มีผลรวมของค่าระดับคะแนนเท่ากับ 143 รองลงมา ลาดับที่ 2 คือ ความรู้ด้านประเทศญ่ีปุ่นและคนญี่ปุ่น มีผลรวมของค่าระดับคะแนนเท่ากับ 202 ลาดับที่ 3 คือ ภาษาญี่ปุ่น เก่ียวกับการทางานอย่างงา่ ยๆ มีผลรวมของค่าระดับคะแนนเท่ากับ 216 ลาดับที่ 4 คือ ไวยากรณ์ภาษาญ่ีปุ่น มีผลรวมของค่าระดบั คะแนนเท่ากับ 236 และ เน้ือหาด้านการเชื่อมโยงภาษาญ่ีปุ่นกับวิชาอ่ืนๆ ต้องการเป็น ลาดับสุดท้าย มีผลรวมของคา่ ระดบั คะแนนเท่ากับ 283 43

4 ขอ้ มูลเหตุผลของผู้ปกครองท่ีตอ้ งการใหโ้ รงเรียนจดั การสอนภาษาญี่ปุ่น ตารางท่ี 4.20 แสดงจานวนและรอ้ ยละของเหตุผลของผูป้ กครองที่ตอ้ งการให้โรงเรียนมีการสอน ภาษาญปี่ ุ่น เหตผุ ล จานวน รอ้ ยละ ลาดบั ท่ี 67 22.71 1 1. อยากใหบ้ ุตรหลานร้ภู าษาต่างประเทศเพิ่มขึ้นอีก 1 ภาษา นอกเหนือจากภาษาอังกฤษ 17 5.76 8 2. เหน็ บุตรหลานสนใจภาษาญ่ีปุน่ และวฒั นธรรมญ่ีปุ่น 21 7.12 7 25 8.47 6 3. ทา่ นทางานในโรงงานญี่ปุน่ 47 15.93 2 27 9.15 5 4. ท่านคดิ มานานแลว้ วา่ อยากใหโ้ รงเรยี นสอน 35 11.86 4 5. ในจงั หวัดอยธุ ยามโี รงงานญ่ีป่นุ คนญ่ปี ุ่น จานวนมาก 42 14.24 3 4 1.36 10 6. ในโรงเรียนมคี รทู ่ีสอนภาษาญป่ี นุ่ ได้ 10 3.39 9 7. โรงเรยี นอน่ื ๆมีสอนภาษาญีป่ นุ่ จงึ อยากใหส้ อนท่ี 295 100.00 โรงเรียนของตวั เองบา้ ง 8. บุตรหลานจะไดม้ ีความรภู้ าษาญ่ปี ่นุ ไปทางาน 9. ภาษาญีป่ ุ่นเปน็ วิชาใช้สอบเขา้ มหาวทิ ยาลยั ได้ 10. ภาษาญปี่ นุ่ เป็นภาษาท่ีสาคญั ในโลกปัจจุบนั รวม จากตารางที่ 4.20 พบว่า เหตุผลท่ีผู้ปกครองต้องการให้โรงเรียนจัดการสอนภาษาญ่ีปุ่นมาก ท่สี ดุ เป็นลาดับที่ 1 คือ อยากใหบ้ ตุ รหลานรู้ภาษาต่างประเทศเพิ่มข้ึนอีก 1 ภาษา นอกเหนือจากภาษาอังกฤษ มีจานวน 67 คน คิดเป็นร้อยละ 22.71 รองลงมา ลาดับท่ี 2 คือ ในจังหวัดอยุธยามีโรงงานญี่ปุ่น คนญ่ีปุ่น จานวนมาก มีจานวน 47 คน คิดเป็นร้อยละ 15.93 ลาดับท่ี 3 คือ บุตรหลานจะได้มีความรู้ภาษาญี่ปุ่นไป ทางาน มจี านวน 42 คน คิดเปน็ ร้อยละ 14.24 ลาดับที่ 4 คือ โรงเรียนอื่นๆมีสอนภาษาญี่ปุ่นจึงอยากให้สอน ที่โรงเรียนของตัวเองบ้าง มีจานวน 35 คน คิดเป็นร้อยละ 11.86 ลาดับท่ี 5 คือ ในโรงเรียนมีครูท่ีสอน ภาษาญีป่ ุน่ ได้ มจี านวน 27 คน คิดเป็นร้อยละ 9.15 ลาดับที่ 6 คือ คิดมานานแล้วว่าอยากให้โรงเรียนสอน มี จานวน 25 คน คิดเปน็ ร้อยละ 8.47 ลาดับท่ี 7 คอื ผ้ปู กครองทางานในโรงงานญี่ปุ่น มีจานวน 21 คน คิดเป็น ร้อยละ 7.12 ลาดบั ที่ 8 คือ เหน็ บุตรหลานสนใจภาษาญ่ีปุน่ และวัฒนธรรมญป่ี นุ่ มีจานวน 17 คน คดิ เป็นร้อย ละ 5.76 ลาดับที่ 9 คือ ภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาท่ีสาคัญในโลกปัจจุบัน มีจานวน 10 คน คิดเป็นร้อยละ 3.39 และลาดับสดุ ท้ายคอื ภาษาญ่ีปนุ่ เปน็ วิชาใช้สอบเข้ามหาวทิ ยาลัยได้ มจี านวน 4 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 1.36 44

สว่ นท่ี 3 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลความต้องการของครูที่มีต่อการจัดการสอนภาษาญีป่ ุน่ ในสถานศึกษาตาบล สามบัณฑิต อาเภออทุ ัย จงั หวดั พระนครศรอี ยุธยา ผู้วิจยั ไดแ้ จกแบบสอบถามแก่ครูรวมท้งั สน้ิ 38 ชุด ไดร้ ับแบบสอบถามกลบั คนื 38 ชดุ มี คาตอบท่สี มบรู ณ์ 38 ชดุ ผู้วิจยั ไดใ้ ชข้ ้อมลู จานวน 38 ชดุ ในการวเิ คราะห์ ผลการวิเคราะห์ความต้องการของครทู ่มี ตี ่อการจัดการสอนภาษาญปี่ นุ่ ประกอบด้วย 1) ข้อมูล ทวั่ ไปของผู้ตอบแบบสอบถาม 2) ข้อมลู ความตอ้ งการของครูทมี่ ีต่อการจดั การสอนภาษาญป่ี นุ่ ในโรงเรยี น 3) ข้อมลู ความคิดเห็นของครูด้านทกั ษะ เนอื้ หา ระดับชนั้ และจานวนคาบทตี่ ้องการให้สอน 4) ขอ้ มูลเหตผุ ลของ ครทู ี่ต้องการใหโ้ รงเรียนจัดการสอนภาษาญ่ปี ่นุ ดังตารางท่ี 4.21 – 4.35 1 ขอ้ มลู ทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม ตารางท่ี 4.21 แสดงจานวนและร้อยละของครจู าแนกตามเพศ ร้อยละ เพศ จานวน 23.68 ชาย 9 76.32 หญงิ 29 100.00 รวม 38 จากตารางท่ี 4.21 พบว่าครทู ่ีตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ เปน็ เพศหญิง จานวน 29 คน คิดเป็น รอ้ ยละ 76.32 และเปน็ เพศชาย จานวน 9 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 23.68 ตารางท่ี 4.22 แสดงจานวนและรอ้ ยละของครจู าแนกตามอายุ รอ้ ยละ อายุ จานวน นอ้ ยกว่า 25 ปี 2 5.26 25 – 30 ปี 11 28.95 31 – 40 ปี 14 36.84 41 – 50 ปี 3 7.89 มากกว่า 50 ปี 8 21.05 38 100.00 รวม จากตารางท่ี 4.22 พบว่า ครูท่ีมีอายุระหว่าง 31 – 40 ปี มีจานวนมากที่สุด คือ 14 คน คิดเป็น ร้อยละ 36.84 รองลงมามีอายุระหว่าง 25 – 30 ปี จานวน 11 คน คิดเป็นร้อยละ 28.95 ลาดับที่ 3 มีอายุ มากกว่า 50 ปี มีจานวน 8 คน คิดเป็นร้อยละ 21.05 ลาดับท่ี 4 มีอายุระหว่าง 41 – 50 ปี จานวน 3 คน คิด เป็นร้อยละ 7.89 และผทู้ ่มี อี ายุน้อยกว่า 25 ปี มีจานวนนอ้ ยที่สุด คือ 2 คน คิดเปน็ ร้อยละ 5.26 45

ตารางที่ 4.23 แสดงจานวนและรอ้ ยละของครูจาแนกตามคุณวุฒิ ร้อยละ คณุ วฒุ ิ จานวน ปริญญาตรี 32 84.21 ปริญญาโท 6 15.79 ปริญญาเอก -- 38 100.00 รวม จากตารางที่ 4.23 พบว่า ครูมีคุณวุฒิทางการศึกษาระดับปริญญาตรีมากที่สุด จานวน 32 คน คิดเป็นร้อยละ 84.21 ลาดับรองลงมามีคุณวุฒิทางการศึกษาระดับปริญญาโท จานวน 6 คน คิดเป็นร้อยละ 15.79 และไมม่ ีผูม้ ีคณุ วฒุ ิระดับปริญญาเอก ตารางท่ี 4.24 แสดงจานวนและร้อยละของครูจาแนกตามประสบการณ์ทางาน อาชีพ จานวน รอ้ ยละ 39.47 น้อยกว่า 5 ปี 15 26.32 13.16 6 – 10 ปี 10 5.26 15.79 11 – 20 ปี 5 100.00 21 – 30 ปี 2 มากกวา่ 30 ปี 6 รวม 38 จากตารางที่ 4.24 พบว่าครูท่ีมีประสบการณ์การทางานน้อยกว่า 5 ปี มีจานวนมากท่ีสุด คือ 15 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 39.47 รองลงมาคือ ครูที่มีประสบการณ์การทางานระหว่าง 6 – 10 ปี จานวน 10 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 26.32 ลาดบั ที่3 ครทู ่ีมีมปี ระสบการณก์ ารทางานมากกวา่ 30 ปีมีจานวน 6 คน คิดเป็นร้อยละ 15.79 ลาดับท่ี 4 ครูท่ีมีประสบการณ์การทางานระหว่าง 11 – 20 ปี จานวน 5 คน คิดเป็นร้อยละ 13.16 และครทู มี่ ปี ระสบการณ์การทางานระหว่าง 21 – 30 ปี มจี านวนน้อยท่ีสุดคอื 2 คน คิดเป็นร้อยละ 5.26 46

2 ข้อมลู ความต้องการของครูท่มี ีตอ่ การจัดการสอนภาษาญ่ปี ุ่นในโรงเรียน ตารางที่ 4.25 แสดงจานวนและร้อยละของความต้องการของครทู ่ีมีต่อการจัดการสอนภาษาญ่ีปุ่นในโรงเรยี น ความต้องการของครูทม่ี ีต่อ จานวน รอ้ ยละ ลาดับท่ี การจดั การสอนภาษาญ่ีป่นุ ในโรงเรยี น 3 7.89 3 1. ตอ้ งการมากท่ีสดุ 23 60.53 1 2. ตอ้ งการมาก 9 23.68 2 3. ต้องการปานกลาง 2 5.26 4 1 2.63 5 4. ตอ้ งการน้อย 5. ตอ้ งการน้อยทส่ี ุด จากตารางท่ี 4.25 พบวา่ ความตอ้ งการของครูท่ีมตี ่อการจัดการสอนภาษาญ่ีปนุ่ ส่วนใหญ่ คือ ต้องการมาก เป็นลาดับท่ี 1 มีจานวน 23 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 60.53 ลาดบั ที่ 2 คอื ต้องการปานกลาง มจี านวน 9 คดิ เป็นรอ้ ยละ 23.68 ลาดับที่ 3 ตอ้ งการมากท่ีสดุ มจี านวน 3 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 7.89 ลาดบั ที่ 4 ตอ้ งการ น้อย มีจานวน 2 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 5.26 และ ลาดบั สุดทา้ ย ตอ้ งการน้อยท่ีสดุ จานวน 1 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 2.63 ตารางท่ี 4.26 แสดงคา่ เฉลย่ี และส่วนเบยี่ งเบนมาตรฐานของความต้องการของครูที่มตี ่อการจัดการสอน ภาษาญ่ปี ุน่ ในโรงเรียน คาถาม ค่าเฉลี่ย ส่วนเบย่ี งเบน ระดบั ความ 3.66 มาตรฐาน ต้องการ ท่านตอ้ งการใหโ้ รงเรียนจดั การสอนภาษาญปี่ ุ่นให้ 0.815 มาก นกั เรียน หรอื ไม่ จากตารางท่ี 4.26 พบว่า ครูมีความต้องการให้จัดการสอนภาษาญี่ปุ่นในโรงเรียน อยู่ในระดับ มาก โดยมีค่าเฉลี่ย เท่ากับ 3.66 และสว่ นเบีย่ งเบนมาตรฐาน 0.815 47

3 ข้อมูลความคิดเหน็ ของครูด้านทกั ษะ เนือ้ หา ระดับชน้ั และจานวนคาบทต่ี อ้ งการให้สอน ตารางที่ 4.27 แสดงจานวนและรอ้ ยละของความคดิ เหน็ ของครูดา้ นทักษะที่ต้องการให้สอน ทกั ษะทตี่ ้องการให้สอนมากทส่ี ุดเรียงตามลาดบั ทกั ษะ ลาดับที่ 1 ลาดับที่ 2 ลาดับที่ 3 ลาดับที่ 4 จานวน รอ้ ยละ จานวน ร้อยละ จานวน รอ้ ยละ จานวน รอ้ ยละ 1) สอนพูดและฟงั 24 63.16 13 34.21 - - 1 2.63 2) สอนอา่ น - - 4 10.53 27 71.05 7 18.42 3) สอนเขียน - - 10 26.32 11 28.95 17 44.74 4) สอนพดู ฟัง อ่าน 14 36.84 11 28.95 - - 13 34.21 เขยี น ทุกดา้ น รวม 38 100 38 100 38 100 38 100 จากตารางท่ี 4.27 พบว่าทักษะที่ครูต้องการให้สอนมากที่สุดเป็นลาดับที่ 1 คือ ทักษะพูด และฟัง มีจานวน 24 คน คิดเป็นร้อยละ 63.16 รองลงมาได้แก่ทักษะพูด ฟัง อ่าน เขียน ทุกด้าน มีจานวน 14 คน คิดเป็นร้อยละ 36.84 ทักษะที่ครูต้องการสอนมากที่สุดเป็นลาดับที่ 2 คือ ทักษะพูดและฟัง มีจานวน 13 คน คิด เป็นร้อยละ 34.21 รองลงมาได้แก่ ทักษะพูด ฟัง อา่ น เขยี น ทกุ ดา้ น มีจานวน 11 คน คิดเป็นร้อยละ 28.95 และทักษะการเขียน มีจานวน 10 คน คิดเป็นร้อยละ 26.32 ตามลาดับ ทักษะท่ีครูต้องการสอนมากท่ีสุดเป็นลาดับท่ี 3 คือ ทักษะการอ่าน มีจานวน 27 คน คิดเป็น ร้อยละ 71.05 รองลงมาได้แก่ ทักษะการเขียน มีจานวน 11 คน คิดเป็นร้อยละ 28.95 ทักษะที่ครูต้องการสอนมากที่สุดเป็นลาดับที่ 4 คือ ทักษะการเขียน มีจานวน 17 คน คิด เป็นร้อยละ 44.74 รองลงมาได้แก่ ทักษะพดู ฟัง อ่าน เขยี น ทุกดา้ น มีจานวน 13 คน คิดเป็นร้อยละ 34.21 และทักษะการอ่าน มีจานวน 7 คน คิดเป็นร้อยละ 18.42 ตามลาดับ 48

ตารางท่ี 4.28 แสดงผลรวมของคา่ ระดบั คะแนนและลาดบั ของความคดิ เห็นของครูดา้ นทักษะทตี่ ้องการให้ สอน ควรสอนทักษะด้านใดมากที่สดุ ผลรวมของ อนั ดับท่ี ค่าระดับคะแนน 1) สอนพูดและฟงั 54 1 2) สอนอ่าน 117 3 3) สอนเขียน 121 4 4) สอนพูด ฟัง อ่าน เขยี น ทุกด้าน 88 2 จากตารางท่ี 4.28 พบว่าทักษะที่ครูต้องการสอนมากที่สุดเป็นลาดับที่ 1 คือ ทักษะพูดและ ฟัง มีผลรวมของค่าระดับคะแนนเท่ากับ 54 ลาดับที่ 2 คือทักษะพูด ฟัง อ่าน เขียน ทุกด้าน มีผลรวมของค่า ระดับคะแนนเท่ากับ 88 รองลงมา ลาดับที่ 3 คือทักษะการอ่าน มีผลรวมของค่าระดับคะแนนเท่ากับ 117 และลาดับสุดท้ายได้แก่ทักษะการเขียน มีผลรวมของค่าระดบั คะแนนเท่ากับ 121 ตารางท่ี 4.29 แสดงจานวนและรอ้ ยละของความคดิ เหน็ ของครูดา้ นเนื้อหาทีต่ ้องการให้สอน เน้อื หาทีต่ ้องการใหส้ อนมากทสี่ ุดเรยี งตามลาดบั เนือ้ หา ลาดบั ท่ี 1 ลาดับท่ี 2 ลาดบั ที่ 3 ลาดบั ที่ 4 ลาดบั ท่ี 5 1) ไวยากรณ์ จานวน ร้อยละ จานวน รอ้ ยละ จานวน ร้อยละ จานวน ร้อยละ จานวน รอ้ ยละ ภาษาญป่ี ุ่น 1 2.63 - - 10 26.32 10 26.32 17 44.74 2) การสนทนาภาษาญป่ี ุน่ 33 86.84 4 10.53 - - - - 1 2.63 ในชวี ิตประจาวัน - - 10 26.32 14 36.84 8 21.05 6 15.79 3) สงั คมและวฒั นธรรม ญปี่ นุ่ 4) ภาษาญ่ีปนุ่ เก่ยี วกับการ 4 10.53 17 44.74 9 23.68 8 21.05 - - ทางานอยา่ งง่ายๆ 5) บูรณาการภาษาญ่ปี ุ่น กับกลุ่มสาระการเรยี นรู้ - - 7 18.42 5 13.16 12 31.58 14 36.84 อ่นื ๆ รวม 38 100 38 100 38 100 38 100 38 100 จากตารางที่ 4.29 พบว่า เนื้อหาที่ครูต้องการให้สอนมากที่สุดเป็นลาดับที่ 1 คือ สนทนา ภาษาญ่ีปุ่นในชีวิตประจาวัน มีจานวน 33 คน คิดเป็นร้อยละ 86.84 รองลงมา คือ ศัพท์และการสนทนา 49

ภาษาญ่ีปุ่นเก่ียวกับการทางานอย่างง่ายๆ มีจานวน 4 คน คิดเป็นร้อยละ 10.53 และเน้นไวยากรณ์ ภาษาญี่ปุ่น มีจานวน 1 คน คิดเป็นร้อยละ 2.63 ตามลาดับ เนื้อหาที่ครูต้องการให้สอนมากที่สุดเป็นลาดับที่ 2 คือ ภาษาญ่ีปุ่นเก่ียวกับการทางานอย่าง ง่ายๆ มีจานวน 17 คน คิดเป็นร้อยละ 44.74 รองลงมาคือสังคมและวัฒนธรรมญ่ีปุ่น มีจานวน 10 คน คิด เป็นร้อยละ 26.32 และบูรณาการภาษาญี่ปุ่นกับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่นๆมีจานวน 7 คน คิดเป็นร้อยละ 18.42 เนื้อหาที่ครูต้องการให้สอนมากที่สุดเป็นลาดับที่ 3 คือ สังคมและวัฒนธรรมญี่ปุ่น มีจานวน 14 คน คิดเป็นร้อยละ 36.84 รองลงมาคือไวยากรณ์ภาษาญี่ปุ่น มีจานวน 10 คน คิดเป็นร้อยละ 26.32 และภาษาญ่ีป่นุ เกี่ยวกบั การทางานอยา่ งงา่ ยๆ มีจานวน 9 คน คิดเป็นร้อยละ 23.68 เนื้อหาที่ครูต้องการให้สอนมากที่สุดเป็นลาดับที่ 4 คือบูรณาการภาษาญี่ปุ่นกับกลุ่มสาระ การเรียนรู้อ่ืนๆ มีจานวน 12 คน คิดเป็นร้อยละ 31.58 รองลงมาคือไวยากรณ์ภาษาญี่ปุ่น มีจานวน 10 คน คิดเป็นร้อยละ 26.32 และเนื้อหาด้านสังคมและวฒั นธรรมญ่ปี ุ่น กับภาษาญี่ป่นุ เกีย่ วกับการทางานอยา่ งง่ายๆ มีจานวนเท่ากันคือ 8 คน คิดเป็นร้อยละ 21.05 เนื้อหาที่ครูต้องการให้สอนมากที่สุดเป็นลาดับที่ 5 ไวยากรณ์ภาษาญ่ีปุ่น มีจานวน 17 คน คิดเป็นร้อยละ 44.74 รองลงมา คือ บรู ณาการภาษาญ่ีปุ่นกับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่นๆ มีจานวน 14 คน คิด เป็นร้อยละ 36.84 และสงั คมและวฒั นธรรมญีป่ ุ่น มีจานวน 6 คน คิดเป็นร้อยละ 15.79 ตารางท่ี 4.30 แสดงผลรวมของค่าระดบั คะแนนและลาดบั ของความคดิ เห็นด้านเน้ือหาท่ีครตู ้องการให้สอน เน้ือหาที่ต้องการใหส้ อน ผลรวมของ ลาดับที่ คา่ ระดบั คะแนน 1) เน้นไวยากรณภ์ าษาญี่ปนุ่ 156 5 2) การสนทนาภาษาญป่ี ่นุ ในชวี ติ ประจาวัน 46 1 3) สังคมและวฒั นธรรมญปี่ ่นุ 124 3 4) ศัพท์และการสนทนาภาษาญป่ี ุ่นเกยี่ วกับการทางานอยา่ งงา่ ยๆ 97 2 5) บูรณาการภาษาญปี่ ุ่นกบั กลุ่มสาระการเรียนรู้อ่ืนๆ 147 4 จากตารางที่ 4.30 พบว่าเน้ือหาที่ครูต้องการให้สอนมากท่ีสุดเป็นลาดับท่ี 1 คือสนทนา ภาษาญ่ีปุ่นในชีวิตประจาวัน มีผลรวมของค่าระดับคะแนนเท่ากับ 46 รองลงมา ลาดับที่ 2 คือ ภาษาญี่ปุ่น เก่ียวกับการทางานอย่างง่ายๆ มีผลรวมของค่าระดับคะแนนเท่ากับ 97 ลาดับท่ี 3 คือ สังคมและวัฒนธรรม 50

ญี่ปุ่น มีผลรวมของค่าระดับคะแนนเท่ากับ 124 ลาดับที่ 4 คือ บูรณาการภาษาญ่ีปุ่นกับกลุ่มสาระการเรียนรู้ อ่ืนๆ มีผลรวมของค่าระดับคะแนนเท่ากับ 147 และไวยากรณ์ภาษาญ่ีปุ่น ต้องการเป็นลาดับสุดท้าย มีผลรวม ของค่าระดบั คะแนนเท่ากับ 156 ตารางที่ 4.31 แสดงจานวนและรอ้ ยละของความคดิ เห็นของครดู ้านระดับชัน้ ทค่ี วรสอน ระดับชั้นทคี่ วรสอนมากทีส่ ดุ เรยี งตามลาดับ ระดับชั้น ลาดับท่ี 1 ลาดับท่ี 2 ลาดบั ที่ 3 จานวน ร้อยละ จานวน ร้อยละ จานวน ร้อยละ 1) มัธยมศึกษาปีที่ 1 23 60.53 - - 15 39.47 2) มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 2 1 2.63 37 97.37 - - 3) มัธยมศกึ ษาปที ี่ 3 14 36.84 1 2.63 23 60.53 รวม 38 100 38 100 38 100 จากตารางที่ 4.31 พบว่าความคิดเห็นของครูด้านระดับชั้นที่ควรสอนมากเป็นลาดับท่ี 1 คือ ระดับช้ัน มัธยมศึกษาปีที่1 มีจานวน 23 คน คิดเป็นร้อยละ 60.53 รองลงมา คือ ระดับช้ัน มัธยมศึกษาปีที่ 3 มีจานวน 14 คน คิดเป็นร้อยละ 36.84 และสุดท้ายคือ ระดับชั้น มัธยมศึกษาปีท่ี 2 มีจานวน 1 คน คิดเป็น ร้อยละ 2.63 ระดบั ชัน้ ทีค่ วรสอนมากเป็นลาดับท่ี 2 คือ ระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 มีจานวน 37คน คิดเป็น รอ้ ยละ 97.37 รองลงมา คอื ระดับชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 3 มจี านวน 1 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 2.63 ระดับชั้นท่ีควรสอนมากเป็นลาดับท่ี 3 คือ ระดับชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 3 มีจานวน 23 คน คิด เปน็ รอ้ ยละ 60.53 รองลงมา คอื ระดับช้ัน มัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 มจี านวน 15 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 39.47 ตารางท่ี 4.32 แสดงผลรวมของคา่ ระดับคะแนนและลาดบั ของความคดิ เหน็ ของครดู า้ นระดับช้นั ทคี่ วรสอน ระดับชน้ั ทคี่ วรสอนมากที่สดุ ผลรวมของ ลาดบั ท่ี คา่ ระดับคะแนน 1) มธั ยมศึกษาปที ่ี 1 68 1 2) มธั ยมศึกษาปที ี่ 2 75 2 3) มธั ยมศึกษาปีท่ี 3 85 3 จากตารางที่ 4.32 พบว่าระดับช้ันที่ควรสอนมากเป็นลาดับท่ี 1 คือ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 1 มีผลรวมของค่าระดับคะแนนเท่ากับ 68 รองลงมาลาดับที่ 2 คือ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีผลรวมของ 51

ค่าระดับคะแนนเท่ากับ 75 และลาดับสุดท้ายคือ ระดับช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 3 มีผลรวมของค่าระดับคะแนน เท่ากับ 85 ตารางที่ 4.33 แสดงจานวนและรอ้ ยละของความคดิ เหน็ ของครดู า้ นจานวนคาบต่อสปั ดาห์ทคี่ วรสอน จานวนคาบต่อสปั ดาหท์ คี่ วรสอนเรียงตามลาดบั จานวนคาบ ลาดับที่ 1 ลาดบั ที่ 2 ลาดับที่ 3 ลาดบั ที่ 4 ลาดับท่ี 5 จานวน ร้อยละ จานวน ร้อยละ จานวน รอ้ ยละ จานวน ร้อยละ จานวน รอ้ ยละ 1) 1 คาบ 1 2.63 2 5.26 25 65.79 7 18.42 3 7.89 2) 2 คาบ 22 57.89 6 15.79 7 18.42 3 7.89 - - 3) 3 คาบ 5 13.16 15 39.47 3 7.89 15 39.47 - - 4) 4 คาบ 6 15.79 3 7.89 2 5.26 11 28.95 16 42.11 5) สอนเปน็ กิจกรรมชมรม 4 10.53 12 31.58 1 2.63 2 5.26 19 50 เทา่ น้นั รวม 38 100 38 100 38 100 38 100 38 100 จากตารางที่ 4.33 พบวา่ จานวนคาบท่ีควรสอนต่อสัปดาห์มากที่สุดลาดับท่ี 1 คือ ควรสอน 2 คาบต่อสัปดาห์ มีจานวน 22 คน คิดเป็นร้อยละ 57.89 รองลงมาได้แก่ 4 คาบต่อสัปดาห์ มีจานวน 6 คน คิดเป็นร้อยละ 15.79 และ ควรสอน 3 คาบต่อสัปดาห์ มีจานวน 5 คน คิดเป็นร้อยละ 13.16 ตามลาดับ จานวนคาบที่ควรสอนต่อสัปดาห์มากที่สุดลาดับที่ 2 คือ ควรสอน 3 คาบต่อสัปดาห์ มี จานวน 15 คน คิดเป็นร้อยละ 39.47 รองลงมาได้แก่ ควรสอนเปน็ กิจกรรมชมรมเท่าน้ัน มีจานวน 12 คน คิด เป็นร้อยละ 31.58 และ ควรสอน 2 คาบต่อสัปดาห์ มีจานวน 6 คน คิดเป็นร้อยละ 15.79 ตามลาดับ จานวนคาบที่ควรสอนต่อสัปดาห์มากที่สุดลาดับที่ 3 คือ ควรสอน 1 คาบต่อสัปดาห์ มี จานวน 25 คน คิดเป็นร้อยละ 65.79 รองลงมาได้แก่ ควรสอน 2 คาบต่อสัปดาห์ มีจานวน 7 คน คิดเป็น ร้อยละ 18.42และ ควรสอน 3 คาบต่อสัปดาห์ มีจานวน 3 คน คิดเป็นร้อยละ 7.89 ตามลาดับ จานวนคาบที่ควรสอนต่อสัปดาห์มากที่สุดลาดับที่ 4 คือ ควรสอน 3 คาบต่อสัปดาห์ มี จานวน 15 คน คิดเป็นร้อยละ 39.47 รองลงมาได้แก่ ควรสอน 4 คาบต่อสัปดาห์ มีจานวน 11 คน คิดเป็น ร้อยละ 28.95และ ควรสอน 1 คาบต่อสัปดาห์ มีจานวน 7 คน คิดเป็นร้อยละ 18.42 ตามลาดับ จานวนคาบที่ควรสอนต่อสัปดาห์มากที่สุดลาดับที่ 5 คือ ควรสอนเป็นกิจกรรมชมรมเท่านั้น มีจานวน 19 คน คิดเป็นร้อยละ 50 รองลงมาได้แก่ ควรสอน 4 คาบต่อสัปดาห์ มีจานวน 16 คน คิดเป็น ร้อยละ 42.11และ ควรสอน 1 คาบต่อสัปดาห์ มีจานวน 3 คน คิดเป็นร้อยละ 7.89 ตามลาดับ 52

ตารางที่ 4.34 แสดงผลรวมของคา่ ระดบั คะแนนและลาดับของความคดิ เหน็ ของครดู า้ นจานวนคาบต่อสปั ดาห์ ทคี่ วรสอน จานวนคาบควรสอนต่อสปั ดาห์ ผลรวมของ ลาดบั ท่ี ค่าระดบั คะแนน 1) 1 คาบ 3 2) 2 คาบ 123 1 3) 3 คาบ 67 2 4) 4 คาบ 104 5 5) สอนเป็นกจิ กรรมชมรมเทา่ นัน้ 142 4 134 จากตารางที่ 4.34 พบว่าจานวนคาบท่ีควรสอนต่อสัปดาห์มากเป็นลาดับท่ี 1 คอื ควรสอน 2 คาบต่อสัปดาห์ มีผลรวมของคา่ ระดับคะแนนเท่ากับ 67 รองลงมาลาดับท่ี 2 คือ ควรสอน 3 คาบต่อสัปดาห์ มีผลรวมของคา่ ระดบั คะแนนเท่ากับ 104 ลาดับที่ 3 คอื ควรสอน 1 คาบต่อสัปดาห์ มีผลรวมของคา่ ระดบั คะแนนเท่ากับ 123 ลาดบั ท่ี 4 คือ ควรสอนเป็นกิจกรรมชมรมเท่าน้ัน มีผลรวมของค่าระดับคะแนนเท่ากับ 134 และลาดับสดุ ท้ายคือควรสอน 4 คาบต่อสัปดาห์ มีผลรวมของค่าระดับคะแนนเท่ากับ 142 53

4 ข้อมูลเหตุผลของครูท่ตี ้องการใหโ้ รงเรยี นจัดการสอนภาษาญีป่ นุ่ ตารางท่ี 4.35 แสดงจานวนและร้อยละของเหตผุ ลของครูท่ีตอ้ งการใหโ้ รงเรียนจดั การสอนภาษาญปี่ ุน่ เหตผุ ล จานวน รอ้ ยละ ลาดบั ท่ี 1. นักเรยี นมโี อกาสเรยี นรภู้ าษาตา่ งประเทศเพม่ิ ข้ึนอกี 1 ภาษา 38 26.76 1 นอกเหนอื จากภาษาองั กฤษ 2. เหน็ นักเรียนสนใจภาษาญปี่ ุ่นและวฒั นธรรมญ่ปี นุ่ 9 6.34 6 3. ผ้ปู กครองของนกั เรียนทางานในโรงงานญ่ปี ุ่น 11 7.75 5 4. ผูป้ กครองตอ้ งการใหค้ รสู อน 1 0.70 9 5. ในจงั หวดั อยุธยามโี รงงานญปี่ ุ่น คนญี่ปุ่น จานวนมาก 30 21.13 2 6. ในโรงเรยี นมีครทู มี่ ีความรู้ภาษาญ่ีปุ่นอยู่บา้ ง 0 0.00 10 7. พฒั นาศักยภาพการสอนของโรงเรยี นให้แข่งขนั กับโรงเรยี นอื่นได้ 6 4.23 7 8. นักเรยี นนาความรูภ้ าษาญีป่ นุ่ ไปทางาน 30 21.13 3 9. ภาษาญีป่ ่นุ เปน็ วชิ าใช้สอบเขา้ มหาวิทยาลยั ได้ 0 0.00 11 10. ภาษาญป่ี ุน่ เปน็ ภาษาทส่ี าคญั ในโลกปจั จบุ ัน 2 1.41 8 11. ครสู นใจภาษาญป่ี ่นุ และวฒั นธรรมญปี่ นุ่ 0 0.00 12 12. ตอบสนองนโยบายระดบั สงู 15 10.56 4 142 100.00 รวม จากตารางที่ 4.35 พบว่าเหตุผลที่ครูต้องการให้โรงเรียนจัดการสอนภาษาญ่ีปุ่นมากที่สุดเป็น ลาดับที่ 1 คือ นักเรียนมีโอกาสเรียนรู้ภาษาต่างประเทศเพ่ิมขึ้นอีก 1 ภาษา นอกเหนือจากภาษาอังกฤษมี จานวน 38 คน คิดเป็นร้อยละ 26.76 รองลงมา ลาดับที่ 2 คือ ในจังหวัดอยุธยามีโรงงานญ่ีปุ่น คนญ่ีปุ่น จานวนมาก และนักเรยี นนาความรูภ้ าษาญป่ี นุ่ ไปทางาน มีจานวน 30 คน คิดเป็นร้อยละ 21.13 ลาดับที่ 4 คอื ตอบสนองนโยบายระดับสูง มีจานวน 15 คน คิดเป็นร้อยละ 10.56 ลาดับที่ 5 คอื ผ้ปู กครองของนักเรียน ทางานในโรงงานญ่ีปุ่น มีจานวน 11 คน คิดเป็นร้อยละ 7.75 ลาดับที่ 6 คือ เห็นนักเรียนสนใจภาษาญี่ปุ่น และวัฒนธรรมญ่ีปุ่น มีจานวน 9 คน คิดเป็นร้อยละ 6.34 ลาดับท่ี 7 คือ พัฒนาศักยภาพการสอนของ โรงเรียนให้แข่งขันกับโรงเรียนอื่นได้ มีจานวน 6 คน คิดเป็นร้อยละ 4.23 ลาดับที่ 8 คือ ภาษาญี่ปุ่นเป็น ภาษาทสี่ าคญั ในโลกปัจจุบัน มจี านวน 2 คน คิดเป็นร้อยละ 1.41 ลาดับท่ี 9 คือ ผู้ปกครองต้องการให้ครูสอน มจี านวน 1 คน คิดเป็นร้อยละ 0.70 และลาดับสดุ ท้ายคือ ภาษาญีป่ นุ่ เปน็ วิชาใชส้ อบเข้ามหาวิทยาลัยได้ ใน โรงเรยี นมคี รูทม่ี ีความรภู้ าษาญ่ีปุน่ อยบู่ า้ ง ครูสนใจภาษาญี่ปุ่นและวัฒนธรรมญ่ีปนุ่ ไมม่ ีผตู้ อบ 54

ส่วนท่ี 4 ผลการเปรียบเทียบความตอ้ งการให้จดั การสอนภาษาญ่ีปนุ่ ในสถานศกึ ษาตาบลสามบณั ฑติ อาเภออทุ ยั จังหวดั พระนครศรีอยธุ ยา ระหวา่ งนกั เรียน ผูป้ กครอง และครู ตารางท่ี 4.36 แสดงการเปรียบเทยี บความต้องการให้จัดการสอนภาษาญ่ีปุ่นในสถานศึกษาตาบลสามบัณฑิต อาเภออุทยั จังหวดั พระนครศรีอยธุ ยา ระหว่างนักเรยี น ผปู้ กครอง และครู ความตอ้ งการ จานวน ค่าเฉล่ยี ส่วนเบย่ี งเบน มาตรฐาน นกั เรียน 74 3.82 0.97 ผปู้ กครอง 72 3.81 0.82 ครู 38 3.66 0.82 รวม 184 3.76 0.87 จากตารางที่ 4.36 พบว่า ค่าเฉล่ียของความต้องการให้มีการสอนภาษาญี่ปุ่นในโรงเรียน มีค่า ใกลเ้ คยี งกันคือ ความตอ้ งการของนักเรยี นมคี ่าเฉลย่ี 3.82 ความต้องการของผู้ปกครองมีค่าเฉลี่ย 3.81 และ ความตอ้ งการของครูมคี ่าเฉลีย่ 3.66 จากค่าเฉลย่ี ทใี่ กลเ้ คียงกันดังกลา่ วแสดงว่า นักเรียน ผู้ปกครองและครูมี ความตอ้ งการให้มกี ารสอนภาษาญ่ีปนุ่ ในโรงเรียนไม่แตกต่างกนั มาก 55

ส่วนท่ี 5 ผลการสัมภาษณ์ข้อมูลความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษาตาบลสามบัณฑิต อาเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยาที่มีตอ่ การจดั การสอนภาษาญ่ีปุ่น ความพร้อมในการจัดการสอนเพ่ือตอบสนอง ความต้องการ และความต้องการการมีส่วนร่วมจากมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยาในการจัดการ สอนภาษาญ่ีป่นุ ในสถานศึกษาตาบลสามบัณฑติ อาเภออทุ ยั จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในส่วนนี้จะแสดงผลการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพจากการสัมภาษณ์ ผู้อานวยการโรงเรียน รองผู้อานวยการฝ่ายวิชาการ และหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ของแต่ละโรงเรียน ซึ่ง สามารถสรุปได้เป็น 3 ประเด็น ได้แก่ความคิดเห็นด้านความต้องการให้มีการจัดการสอนภาษาญี่ปุ่น ความ พร้อมของโรงเรียนในการจัดการสอนเพื่อตอบสนองความต้องการ และความต้องการการมีส่วนร่วมจาก มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา เพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึกจากผู้บริหารสถานศึกษา และตอบโจทย์ วตั ถปุ ระสงค์การวิจัยในข้อ 3 ในการที่จะสามารถตอบสนองต่อความต้องการได้ มีผู้บริหารให้สัมภาษณ์รวม 7 คน ผลจากการสมั ภาษณ์สรุปได้ดงั ตอ่ ไปน้ี 5.1 ประเดน็ ความต้องการให้มีการจัดการสอนภาษาญี่ปุ่น ผู้บริหารโรงเรียนจานวน 6 คนมี ความคิดเห็นว่าต้องการให้มีการจัดการสอนภาษาญี่ปุ่นในโรงเรียน เพราะเป็นประโยชน์ต่อการนักเรียน เช่น เป็นการเรียนรู้ในส่ิงท่ีไม่เคยเรียนมาก่อน และจะเป็นประโยชน์ต่อไปในอนาคตด้านการทางานเพราะการมี ความรู้ภาษาต่างประเทศจะทาให้ได้เปรียบกว่าผู้ท่ีไม่มีความรู้ แต่มีผู้บริหาร 1 คนท่ีมีความเห็นว่าการเรียน ภาษาต่างประเทศท่ีสองในตอนนี้ยังไม่มีความจาเป็น นักเรียนควรเรียนภาษาต่างประเทศท่ีหนึ่งคือ ภาษาอังกฤษใหไ้ ด้ดีกอ่ น 5.2 ประเด็นความพร้อมของโรงเรียนในการจัดการสอนเพื่อตอบสนองความต้องการ ผู้บริหารทั้ง 7 คนตอบว่าหากผลการสารวจช้ีว่าท้ังนักเรียน ผู้ปกครอง และครูส่วนใหญ่ต้องการให้สอน โรงเรียนมีความพร้อมใน 2 ด้านคือ การบริหารจัดการ เช่นการจัดชั่วโมงเรียนลงในหลักสูตร และด้าน ทรพั ยากรสือ่ การสอน เชน่ สอื่ โสตทศั นูปกรณ์ และเงนิ ทนุ สนบั สนนุ การจดั ซอ้ื ตาราเรียน หนังสือ แต่ขาดความ พร้อมในด้านครูผู้สอนไม่มีความรู้ด้านภาษาญ่ีปุ่นหรือมีความรู้มาบ้าง แต่ไม่มีความลึกซึ้งมากพอท่ีจะสอน นักเรียนได้ ผู้บริหารจานวน 6 คน ตอบว่าไม่พร้อมที่จะส่งเสริมให้ครูไปพัฒนาศักยภาพเพ่ิมเติมท้ังในเวลา ราชการและนอกเวลาราชการ เพราะจานวนครูมีจากัด จะก่อให้เกิดปัญหาการท้ิงห้องเรียน รวมทั้งครูมี 56

ภาระหน้าท่ีทางครอบครัว หรือบ้านอยู่ไกล มีผู้บริหาร 1 คนตอบว่าสนับสนุนให้ไปพัฒนาศักยภาพ โดยให้ครู ตกลงชัว่ โมงสอนกับเพ่อื นร่วมงาน 5.3 ประเด็นความต้องการการมีส่วนร่วมจากมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา ผู้บริหาร 7 คนมีความเห็นตรงกันว่า ถึงแม้ว่ามหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยาจะมีหลักสูตรการสอน ภาษาญี่ปุน่ และเปิดโอกาสให้ครูไปศึกษาร่วม แต่ผู้บริหารเห็นว่าไม่พร้อมจากปัญหาการทิ้งช้ันเรียนที่ได้กล่าว มาข้างตน้ นอกจากน้ีเหตุผลที่สาคัญคือ การไปศึกษาร่วมอาจไม่เกิดความต่อเน่ือง ได้รับความรู้ไม่เข้มข้น และ ไม่สามารถนามาใช้สอนจริงได้ จึงมองว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ โดยสรุปผู้บริหารต้องการให้มหาวิทยาลัยราชภัฏ พระนครศรีอยุธยา ส่งอาจารย์ผู้มีความเช่ียวชาญด้านภาษาญ่ีปุ่นมาสอนให้นักเรียนที่โรงเรียนก่อน เพ่ือให้ครู ได้ศึกษาแนวทางการจัดการสอน และให้นักเรียนได้เปิดโลกทัศน์ กระตุ้นความสนในในการเรียนรู้ก่อนท่ีจะ จดั การสอนจริงในโรงเรียน ความคิดเห็นเพ่ิมเติมคือ ในช่วงแรกไม่ควรตั้งความหวังกับผลการเรียนรู้ไว้สูง ควร จะประเมนิ ความสนใจการเรยี นรู้ของนักเรียนกอ่ น สรุป สรุปผลการวิเคราะหไ์ ดด้ ังนี้ 1. ผลการวิเคราะห์ความต้องการของนักเรียน ผู้ปกครอง และครูท่ีมีต่อการจัดการสอน ภาษาญปี่ นุ่ ในสถานศกึ ษา ตาบลสามบณั ฑติ อาเภออทุ ยั จงั หวัดพระนครศรีอยุธยา พบว่า ความต้องการของนักเรียนที่มีต่อการจัดการสอนภาษาญี่ปุ่นในโรงเรียนอยู่ในระดับมาก ด้านทักษะท่ีต้องการให้สอนมากเป็นอันดับหนึ่งคือ ทักษะการฟัง พูด อ่าน และเขียนทุกด้าน ส่วนเนื้อหาท่ี ต้องการให้สอนมากเป็นอันดับหน่ึงคือ สนทนาภาษาญ่ีปุ่นในชีวิตประจาวัน และเหตุผลท่ีนักเรียนต้องการให้ จัดการสอนภาษาญี่ปุ่นที่ตอบมากท่ีสุดได้แก่ อยากรู้ภาษาต่างประเทศเพ่ิมข้ึนอีก 1 ภาษานอกเหนือจาก ภาษาองั กฤษ ความต้องการของผู้ปกครองที่มีต่อการจัดการสอนภาษาญี่ปุ่นในโรงเรียนอยู่ในระดับมาก ด้านทักษะที่ต้องการให้สอนมากเป็นอันดับหน่ึงคือ ทักษะการฟัง พูด อ่าน และเขียนทุกด้าน ส่วนเน้ือหาที่ ตอ้ งการใหส้ อนมากเป็นอันดบั หนึ่งคือ สนทนาภาษาญี่ปุ่นในชีวิตประจาวัน และเหตุผลที่ผู้ปกครองต้องการให้ 57

จัดการสอนภาษาญี่ปุ่นที่ตอบมากที่สุดได้แก่ อยากให้บุตรหลานรู้ภาษาต่างประเทศเพิ่มขึ้นอีก 1 ภาษา นอกเหนอื จากภาษาองั กฤษ ความต้องการของครูที่มีต่อการจัดการสอนภาษาญ่ีปุ่นในโรงเรียนอยู่ในระดับมาก ด้าน ทักษะท่ีต้องการให้สอนมากเป็นอันดับหน่ึงคือ ทักษะการฟังและพูด ส่วนเนื้อหาท่ีต้องการให้สอนมากเป็น อันดับหน่ึงคือ สนทนาภาษาญี่ปุ่นในชีวิตประจาวัน ระดับช้ันเรียนท่ีครูเห็นว่าควรสอนมากท่ีสุดคือ ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 1 และควรสอน 2 คาบต่อสัปดาห์ ด้านเหตุผลท่ีครูต้องการให้จัดการสอนภาษาญ่ีปุ่นที่ตอบ มากที่สดุ ได้แก่ นักเรียนมโี อกาสเรียนรภู้ าษาตา่ งประเทศเพิม่ ขึน้ อีก 1 ภาษานอกเหนอื จากภาษาอังกฤษ 2. ผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบความต้องการของนักเรียน ผู้ปกครองและครู ที่มีต่อการ จัดการสอนภาษาญ่ีปุ่นในสถานศึกษาตาบลสามบัณฑิต อาเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พบว่า นกั เรยี น ผปู้ กครอง และครูมีความต้องการใหจ้ ัดการสอนภาษาญี่ปุ่นไม่แตกต่างกันมาก 3. ผลการศึกษาความพร้อมของสถานศึกษาตาบลสามบัณฑิต อาเภออุทัย จังหวัดพระนคร ศรี อยุธยาในการจัดการสอนภาษาญ่ีปุ่น พบว่าผู้บริหารมีความต้องการให้มีการจัดการสอนภาษาญ่ีปุ่นใน โรงเรยี น แต่ขาดความพร้อมด้านครู และการส่งเสริมพัฒนาศักยภาพเพื่อพัฒนาครูให้สามารถสอนภาษาญ่ีปุ่น ได้ในอนาคตอาจไม่เพียงพอที่จะสอน จึงต้องการความร่วมมือจากมหาวิทยาลัยเพื่อส่งบุคคลากรลงไปช่วย จดั การทดลองสอนในโรงเรียน 58

บทที่ 5 สรปุ อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ การวิจัยเรื่องการศึกษาความต้องการของนักเรียน ผู้ปกครอง และครู ท่ีมีต่อการจัดการสอน ภาษาญี่ปุ่นในสถานศึกษาตาบลสามบัณฑิต อาเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา ความต้องการของนักเรียน ผู้ปกครอง และครูท่ีมีต่อการจัดการสอนภาษาญ่ีปุ่นในสถานศึกษา ตาบลสาม บัณฑิต อาเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และเปรียบเทียบความต้องการของประชากรทั้ง 3 กลุ่ม ดังกล่าว ตลอดจนศึกษาความพร้อมของสถานศึกษาตาบลสามบัณฑิต อาเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในการจัดการสอนภาษาญ่ีปุ่น ดาเนินการวิจัยโดยการเก็บข้อมูล 2 วิธีคือใช้แบบสอบถามและการสัมภาษณ์ แบบสอบถามเกบ็ จากประชากร 3 กลมุ่ ได้แก่ นักเรียนจานวน 120 คน ผู้ปกครองจานวน 120 คน และครใู นสถานศึกษาดงั กล่าวจานวน 38 คนโดยไม่มีการสุ่มตัวอย่างประชากรท้ังสามกลุ่ม ถามคาถามใน เร่ืองความต้องการของนักเรียน ผู้ปกครอง และครูที่มีต่อการจัดการสอนภาษาญี่ปุ่นในสถานศึกษา ความ ตอ้ งการด้านทกั ษะ เน้ือหา และเหตผุ ลที่ต้องการให้สอน จากนั้นได้ประมวลผลโดยโปรแกรมสาเร็จรูปเพ่ือการ วิจัยทางสังคมศาสตร์ ใช้สถิติค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตราฐาน และทาการเปรียบเทียบความ ตอ้ งการของประชากรทั้ง 3 กลมุ่ การสัมภาษณ์ดาเนินการโดยการสัมภาษณ์ผู้บริหารสถานศึกษาจานวน 7 คนในประเด็นเรื่อง ความคิดเห็นท่ีมีต่อการจัดการสอนภาษาญี่ปุ่น ความพร้อมของสถานศึกษาในการจัดการสอน และความ ตอ้ งการการมีส่วนร่วมจากมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรอี ยุธยา จดบันทึกแล้วคาการวิเคราะหเ์ นอ้ื หา 59

สรุปผลการวจิ ยั จากการดาเนินงานวิจัยเร่ืองการศึกษาและเปรียบเทียบความต้องการของนักเรียน ผู้ปกครอง และครูทม่ี ีต่อการจดั การสอนภาษาญี่ปนุ่ ในสถานศึกษาตาบลสามบณั ฑติ อาเภออทุ ัย สรปุ ผลได้ดังนี้ 1. ผลการวิเคราะห์ความต้องการของนักเรียน ผู้ปกครองและครูท่ีมีต่อการจัดการสอน ภาษาญปี่ ่นุ ในสถานศึกษาตาบลสามบัณฑิต อาเภออทุ ัย จงั หวัดพระนครศรอี ยธุ ยา พบวา่ นักเรียนที่ตอบแบบสอบถามเป็นเพศหญิงมากกว่าเพศชาย คือร้อยละ 59.46 เพศชาย ร้อยละ 40.54 ศกึ ษาอยูช่ น้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 1 ร้อยละ 36.49 มัธยมศึกษาปีที่ 3 ร้อยละ 32.43 มัธยมศึกษาปีท่ี 2 ร้อยละ 31.08 ความคิดเห็นด้านความต้องการให้จัดการสอนภาษาญ่ีปุ่นในโรงเรียนอยู่ในระดับมาก มี ค่าเฉลีย่ 3.82 ด้านทักษะที่ต้องการให้สอนมากเป็นอันดับหนึ่งคือ ทักษะการฟัง พูด อ่าน และเขียนทุกด้าน มี ค่าเฉลี่ย 3.32 ส่วนเน้ือหาท่ีต้องการให้สอนมากเป็นอันดับหน่ึงคือ สนทนาภาษาญ่ีปุ่นในชีวิตประจาวัน มี ค่าเฉล่ีย 4.20 และเหตุผลท่ีนักเรียนต้องการให้จัดการสอนภาษาญ่ีปุ่นท่ีตอบมากที่สุดได้แก่ อยากรู้ ภาษาต่างประเทศเพ่ิมข้ึนอีก 1 ภาษานอกเหนือจากภาษาอังกฤษ รองลงมาคือ สนใจภาษาและวัฒนธรรม ญป่ี ุ่น ผู้ปกครองท่ีตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศหญิงคือ ร้อยละ 70.83 มีอายุระหว่าง 41-50 ปีมากที่สุดคือ ร้อยละ 43.06 รองลงมาคือ ระหว่าง 31-40 ปี ร้อยละ 37.50 มีคุณวุฒิทางการศึกษา ระดับต่ากว่าปริญญาตรีมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 97.22 ประกอบอาชีพ พนักงานบริษัทมากท่ีสุด คิดเป็นร้อย ละ 31.94 รองลงมาไดแ้ กอ่ าชพี รบั จา้ งทัว่ ไป รอ้ ยละ 26.39 และเกษตรกร ร้อยละ 20.83 ความคิดเหน็ ด้านความต้องการให้จัดการสอนภาษาญ่ีปุ่นของผู้ปกครองอยู่ในระดับมาก มี ค่าเฉลย่ี 3.81 ด้านทักษะที่ต้องการให้สอนมากเป็นอันดับหน่ึงคือ ทักษะการฟัง พูด อ่าน และเขียนทุกด้าน มี ค่าเฉล่ีย 3.44 ส่วนเน้ือหาที่ต้องการให้สอนมากเป็นอันดับหน่ึงคือ สนทนาภาษาญ่ีปุ่นในชีวิตประจาวัน มี ค่าเฉลี่ย 4.01 และเหตุผลท่ีผู้ปกครองต้องการให้จัดการสอนภาษาญ่ีปุ่นท่ีตอบมากท่ีสุดได้แก่ อยากให้บุตร หลานรู้ภาษาต่างประเทศเพ่ิมข้ึนอีก 1 ภาษานอกเหนือจากภาษาอังกฤษ รองลงมาคือ ในจังหวัดอยุธยามี โรงงานญี่ปุ่น คนญป่ี ุ่นจานวนมาก และตอ่ มาคือบุตรหลานจะไดม้ คี วามรูภ้ าษาญปี่ ุน่ ไปทางาน ครูท่ีตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศหญิงคือ ร้อยละ 76.32 มีอายุระหว่าง 31-40 ปี มากท่ีสุดคือ ร้อยละ 36.84 รองลงมาคือ ระหว่าง 31-40 ปี ร้อยละ 28.95 มีคุณวุฒิทางการศึกษาระดับ 60

ปริญญาตรมี ากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 84.21 มีประสบการณ์การทางานน้อยกว่า 5 ปีมีจานวนมากท่ีสุด คิดเป็น รอ้ ยละ 39.47 รองลงมา ระหว่าง 6-10 ปี รอ้ ยละ 26.32 ครมู คี วามต้องการให้จดั การสอนภาษาญี่ปุ่นอยู่ในระดับมาก มีค่าเฉล่ีย 3.66 ด้านทักษะที่ ต้องการให้สอนมากเป็นอันดับหนึ่งคือ ทักษะการฟังและพูด มีค่าเฉลี่ย 3.58 รองลงมาคือทักษะการฟัง พูด อ่าน และเขียนทุกด้าน มีค่าเฉล่ีย 2.68 ส่วนเนื้อหาที่ต้องการให้สอนมากเป็นอันดับหน่ึงคือ สนทนา ภาษาญี่ปุ่นในชีวิตประจาวัน มีค่าเฉลี่ย 4.79 รองลงมาได้แก่ภาษาญี่ปุ่นเก่ียวกับการทางานง่ายๆ มีค่าเฉลี่ย 3.45 ระดับชั้นเรียนท่ีครูเห็นว่าควรสอนมากที่สุดคือ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และควรสอน 2 คาบต่อสัปดาห์ ด้านเหตุผลที่ครูต้องการให้จัดการสอนภาษาญี่ปุ่นท่ีตอบมากท่ีสุดได้แก่ นักเรียนมีโอกาสเรียนรู้ ภาษาตา่ งประเทศเพมิ่ ขึ้นอกี 1 ภาษานอกเหนอื จากภาษาอังกฤษ รองลงมาคอื ในจังหวัดอยุธยามีโรงงานญ่ีปุ่น คนญี่ป่นุ จานวนมาก และนกั เรยี นนาความรูภ้ าษาญ่ีปนุ่ ไปทางาน 2. ผลการเปรียบเทียบความต้องการให้จัดการสอนภาษาญี่ปุ่นในสถานศึกษาตาบลสาม บัณฑติ อาเภออุทยั จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ระหว่างนักเรียน ผู้ปกครอง และครู พบว่า นักเรียน ผู้ปกครอง และครูมคี วามต้องการใหจ้ ดั การสอนภาษาญป่ี นุ่ ไมแ่ ตกตา่ งกนั 3. ผลการศึกษาความความพร้อมในการจัดการสอนเพื่อตอบสนองความต้องการ และความ ตอ้ งการการมสี ่วนร่วมจากมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยาในการจัดการสอนภาษาญี่ปุ่นในสถานศึกษา ตาบลสามบัณฑิต อาเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พบว่าในภาพรวมผู้บริหารมีความต้องการให้มีการ จัดการสอนภาษาญ่ีปุ่นในโรงเรียน เพราะเป็นการเรียนรู้ท่ีก่อให้เกิดประโยชน์แก่นักเรียน แต่ขาดความพร้อม ด้านครู และการส่งเสริมพัฒนาศักยภาพครูเพ่ือให้สามารถสอนภาษาญ่ีปุ่นได้ในอนาคตอาจทาได้ไม่เต็มที่ เพราะขาดความตอ่ เนื่อง จงึ ตอ้ งการความรว่ มมือจากมหาวิทยาลัยราชภฏั พระนครศรีอยุธยาเพื่อส่งบุคคลากร ลงไปช่วยจัดการทดลองสอนในโรงเรียน อภปิ รายผล จากผลการศึกษาครั้งน้ีพบว่า นักเรียน ผู้ปกครอง และครูมีความต้องการให้จัดการสอน ภาษาญี่ปุ่นในสถานศึกษาตาบลสามบัณฑิต อาเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สามารถอภิปรายผล การศึกษาไดว้ ่า 61

1. ด้านความต้องการให้จัดการสอนภาษาญี่ปุ่น นักเรียน ผู้ปกครอง และครูมีความต้องการ ให้จัดการสอนภาษาญ่ีปุ่นในระดับมาก และมีความคิดเห็นไม่แตกต่างกัน ตลอดจนเหตุผลที่ต้องการให้สอน อันดบั แรกไมม่ ีความแตกตา่ งกัน คืออยาก (ให้) เรียนรู้ภาษาต่างประเทศอื่นๆนอกเหนือจากภาษาอังกฤษ การ ทป่ี ระชากรท้ัง 3 กลุ่มมีความคดิ เหน็ ท่ีไมแ่ ตกตา่ งกนั ทง้ั ในเรือ่ งความต้องการและเหตุผลท่ตี อ้ งการนั้น อภิปราย ได้ว่าความต้องการน้ี เป็นไปตามแนวคิดของ แบรดชอว์ (1972) เรื่องความต้องการเกิดข้ึนจากความรู้สึกหรือ มุมมองของบุคคลใดบุคคลหน่ึง วิเคราะห์ได้จากระดับความต้องการมาก และต้องการปานกลาง แต่ไม่ใช่ ต้องการมากทสี่ ดุ แสดงว่าผู้ตอบแบบสอบถามไม่รู้สึกว่าเป็นสิ่งที่จาเป็นขาดไม่ได้ และเม่ือพิจารณาจากเหตุผล ที่ตอ้ งการ ทัง้ ๆทผี่ ้ตู อบแบบสอบถามไมเ่ คยมคี วามรู้เกีย่ วกับภาษาญี่ปุ่นมาก่อนแต่อยากเรียนรู้ ดังนั้นในแง่ของ นักเรียนจึงน่าจะเป็นความรู้สึกอยากทดลองเรียนรู้ในส่ิงใหม่ และในแง่ของผู้ปกครองและครูจึงน่าจะเป็น ความรู้สึกท่ีคิดว่าบุตรหลานหรือลูกศิษย์จะได้ทดลองเรียนรู้ภาษาใหม่ๆ โดยท่ีประชากรทั้ง 3 กลุ่มน้ีไม่ได้ คานงึ ถงึ วา่ ภาษาญีป่ ุ่นจะมีลกั ษณะเปน็ อยา่ งไร เหมือนหรือแตกต่างจากภาษาอังกฤษซ่ึงเป็นภาษาต่างประเทศ ท่ีเคยเรียนรู้มาแล้ว นักเรียนจะเรียนรู้ภาษาญ่ีปุ่นได้ยากหรือง่ายเพียงใด กล่าวได้ว่าเป็นความต้องการที่ไม่ได้ คานงึ ถงึ ปจั จยั ใดๆในการเรยี นรู้ เหตุผลที่ต้องการอันดับรองลงมา นักเรียนมีความคิดเห็นท่ีแตกต่างจากผู้ปกครองและครู คือนักเรียนต้องการเรียนเพราะสนใจภาษาและวัฒนธรรมญี่ปุ่น ในขณะที่ผู้ปกครองและครูมีเหตุผลท่ีตรงกัน คอื ในจังหวัดอยธุ ยามโี รงงานอุตสาหกรรมของชาวญี่ปุน่ หากบตุ รหลานเรียนภาษาญ่ีปนุ่ แลว้ จะได้นาความรู้ไป ใช้ในการทางาน จะเห็นได้ว่าปัจจัยด้านพื้นที่สภาพแวดล้อมของโรงเรียน และปัจจัยเร่ืองการมีงานทา มี อิทธิพลต่อผู้ปกครองและครูซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการจัดการศึกษา ในการวางแผนการศึกษาให้บุตร หลานและลูกศิษย์ ดังที่ได้กล่าวไว้ในบทท่ี 1 ว่าในพื้นท่ีตาบลสามบัณฑิต กาลังปรับเปล่ียนจากสังคม เกษตรกรรมไปสู่สังคมอุตสาหกรรม ความคดิ เหน็ นสี้ ะทอ้ นให้เห็นว่าแนวความคิดด้านการศึกษาก็เปลี่ยนแปลง ไปตามสภาพสังคมและเศรษฐกจิ ที่เปลยี่ นไป แตส่ าหรับนกั เรียนมเี หตผุ ลเพียงแคค่ วามสนใจส่วนตัว สะท้อนถึง อิทธิพลการหลั่งไหลของวัฒนธรรมต่างประเทศที่มีต่อเยาวชน และความคิดเห็นน้ีไม่แตกต่างจากที่ ทัศนีย์ เมธาพสิ ฐิ , นา้ ทิพย์ เมธเศรษฐ, สมเกยี รติ เชวงกิจวณิช และ สุณียร์ ัตน์ เนียรเจริญสุข (2547, หน้า 223-233 ) ได้เคยสารวจไว้ว่านกั เรียนมัธยมศกึ ษาทวั่ ประเทศจานวน 68 แห่ง เลือกเรียนภาษาญี่ปุ่นเพราะชอบภาษาและ วัฒนธรรมญ่ปี ุน่ เป็นอันดับต้นๆ แสดงให้เห็นว่าสาหรับนักเรียนแล้วความสนใจส่วนตัวยังเป็นเหตุผลที่สาคัญ สาหรับการตดั สนิ ใจเรยี น 62

กล่าวโดยสรุปนักเรียน ผู้ปกครองและครูต่างมีความต้องการให้จัดการสอนภาษาญี่ปุ่น เป็นไปตามความรู้สึกที่จะได้เรียนรู้สิ่งใหม่ แต่ถ้าพิจารณาถีงเหตุผลด้านอื่นที่ไม่ใช่ความรู้สึกแล้ว นักเรียนใน ฐานะที่เป็นผู้รับการศึกษาต้องการเรียนเพราะสนใจภาษาและวัฒนธรรมญ่ีปุ่น ในขณะที่ผู้ปกครองและครูใน ฐานะทเี่ ปน็ ผใู้ หก้ ารศกึ ษาคานึงถงึ เหตผุ ลด้านเศรษฐกจิ เปน็ หลัก 2. ด้านทักษะท่ีต้องการให้สอน นักเรียนและผู้ปกครอง มีความคิดเห็นท่ีสอดคล้องกันคือ ตอ้ งการให้สอนทักษะฟัง พดู อ่าน เขียนทุกดา้ น แตกตา่ งจากความคิดเห็นของครูท่ีต้องการสอนเพียงทักษะฟัง และพูดเท่าน้ัน วิเคราะห์ได้ว่า ประการแรกความต้องการของครูดังกล่าวสอดคล้องกับหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 มาตรฐานการเรียนรู้ ต 1.2 ระดับมัธยมศึกษาปีท่ี 1 ข้อ 1 คือ สนทนาแลกเปล่ียนข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง กิจกรรม และสถานการณ์ต่างๆในชีวิตประจาวัน ซึ่งเน้นการสนทนา เปน็ ลาดบั แรก ประการท่สี องครูมคี วามเขา้ ใจในกระบวนการเรยี นรู้มากกว่านักเรียนและผู้ปกครอง จึงมองเห็น วา่ การเรยี นรูส้ ามารถเรียนเฉพาะทกั ษะได้ มีความสัมพันธ์กับความต้องการด้านเนื้อหา ( กล่าวถึงในข้อ 3 ) ที่ ครูต้องการให้สอนมากที่สุดคือการสนทนาภาษาญ่ีปุ่นในชีวิตประจาวัน และภาษาญี่ปุ่นเกี่ยวกับการทางาน เนื้อหาดังกล่าวนี้สามารถเรียนรู้ได้โดยเน้นเฉพาะทักษะฟังและพูดเพ่ือให้สามารถเจรจาสื่อสารได้ สามารถ เรยี นรไู้ ดใ้ นระยะเวลาอันส้นั ได้ 3. ด้านเนื้อหาทต่ี ้องการให้สอน นกั เรยี น ผปู้ กครองและครูมีความคดิ เห็นท่ีไมแ่ ตกตา่ งกันคือ ต้องการใหส้ อนการสนทนาภาษาญปี่ นุ่ ในชวี ิตประจาวันเป็นอันดับแรก ความคิดเหน็ น้ีสอดคล้องกบั ผลการวิจยั ของนรีนุช ดารงชัย (ม.ป.ป., บทคดั ย่อ) ท่ีระบุว่า บณั ฑติ จะคาดหวงั และใหค้ วามสาคัญกับระดบั ความสามารถ และทกั ษะการใช้ภาษามากท่ีสุด ในการวิจัยนี้ นักเรยี น ผูป้ กครองและครู กน็ า่ จะคาดหวังเช่นเดยี วกนั ว่าเรียน ภาษาญีป่ นุ่ แลว้ ก็น่าจะมคี วามสามารถทางการสนทนา สอดคล้องกับความคิดเหน็ ดา้ นทักษะทตี่ ้องการใหส้ อน คือการฟังและพูด และสอดคล้องกับความคดิ เหน็ ด้านเหตุผลทีก่ ล่าวข้างตน้ ว่าถา้ สนทนาไดแ้ ลว้ จะสามารถนา ความรู้ไปประกอบอาชพี ได้ เน้ือหาที่ต้องการให้สอนอันดับรองลงมา มีความคิดเห็นท่ีแตกต่างระหว่างนักเรียน ผู้ปกครอง กับครู ทางด้านนักเรียนและผู้ปกครองมีความคิดเห็นว่า ต้องการให้สอนด้านสังคมและวัฒนธรรม ญ่ปี ่นุ ในขณะท่คี รมู คี วามคิดเหน็ ว่าควรจะสอนภาษาญ่ปี ุ่นเกย่ี วกบั การทางาน ความแตกต่างน้ีสอดคล้องกับ เหตุผลท่ีต้องการให้สอนภาษาญี่ปุ่นในข้อ 1 ท่ีกล่าวว่าครูมีความเห็นว่านักเรียนจะได้นาความรู้ไปทางานได้ ในขณะที่นักเรียนต้องการให้สอนเพราะสนใจภาษาและวฒั นธรรมญปี่ ุ่น 63

สรุปได้ว่า นักเรียน ผู้ปกครอง กับครูให้ความสาคัญกับเน้ือหาการสนทนาภาษาญ่ีปุ่นสูง กว่า ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสังคมและวัฒนธรรมญี่ปุ่น ผลการวิจัยน้ีชี้ให้เห็นว่าความคิดเห็นของฝ่ายที่ เก่ียวข้องกบั การศึกษาไม่ตรงกับความคาดหวังของผู้ประกอบการ ดังที่ผลการวิจัยของนรีนุชท่ีกล่าวว่า “สถาน ประกอบการชาวญี่ปุ่นคาดหวังบุคคลากรท่ีมีความสามารถในการทาความเข้าใจและตัดสินใจ อีกท้ังนา ภาษาญี่ปุ่นมาใช้ในการดาเนินธุรกิจและปฏิบัติจริงได้อย่างถูกต้อง โดยมองว่าทักษะด้านภาษาญ่ีปุ่นโดยรวม เปน็ เพียงพืน้ ฐานอย่างหนึ่งในการทางานเทา่ นั้น” (นรนี ุช ดารงชัย, ม.ป.ป., บทคัดยอ่ ) 4. ด้านระดับชั้นเรียนและจานวนคาบเรียนท่ีควรสอน ครูมีความคิดเห็นว่าควรสอนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 1 สัปดาห์ละ 2 คาบ มีความเหมาะสม เนื่องจากหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 กาหนดให้ชั้นระดับมัธยมศึกษาตอนต้น กลุ่มสาระภาษาต่างประเทศมีเวลาเรียนรวม 120 ช่วั โมง 40 ชัว่ โมงตอ่ ภาคเรียน 5. ด้านความพร้อมในการจัดการสอนภาษาญ่ีปุ่นเพื่อตอบสนองต่อความต้องการ ผู้บริหารมี ความคดิ เห็นว่ายงั ไมม่ คี วามพรอ้ มด้านบุคคลากรในการสอน ประเด็นน้ีนับว่ามีความสาคัญเป็นอย่างย่ิง เพราะ บุคคลากรเป็นหนึ่งปัจจัยของการบริหารจัดการการศึกษา นอกจากนี้ผู้บริหารมีความคิดเห็นว่าต้องการความ รว่ มมอื จากมหาวทิ ยาลยั ราชภัฏพระนครศรอี ยุธยาในการส่งบุคคลากรไปชว่ ยทดลองสอน การร่วมมือกับชุมชน ถือเป็นพันธกิจหนึ่งของมหาวิทยาลัย ดังน้ันเพ่ือตอบสนองต่อผลการศึกษาความต้องการของนักเรียน ผู้ปกครอง และครูที่มีต่อการจัดการสอนภาษาญี่ปุ่นในสถานศึกษาตาบลสามบัณฑิต อาเภออุทัย จังหวัด พระนครศรีอยุธยา การดาเนนิ ภารกิจดงั กลา่ วของมหาวิทยาลัยจึงมคี วามจาเปน็ อยา่ งยง่ิ ข้อเสนอแนะ 1. ประชากรในการวิจัยครัง้ น้ีไดแ้ ก่ นักเรียน ผปู้ กครองและครูเท่าน้ัน แต่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่ เก่ยี วขอ้ งกับการศกึ ษาท่ตี ้องคานึงถงึ อกี สว่ นหนงึ่ ได้แก่ ผปู้ ระกอบการทีเ่ ปน็ ผู้ใช้ผสู้ าเรจ็ การศึกษา ดังน้ันจึงควร มีการศึกษาความต้องการของผ้ปู ระกอบการท่ีมีส่วนเกี่ยวข้องกับชาวญี่ปุ่นและภาษาญ่ีปุ่น เช่น ผู้ประกอบการ โรงงานอุตสาหกรรม ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก อพาตเมนต์ ในเขตจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเพ่ิมเติม เพ่อื ใหม้ ีขอ้ มูลทค่ี รอบคลมุ มากยงิ่ ข้ึน 2. ผลจากการวิจัยครั้งน้ีทาให้ได้ทราบถึง เน้ือหา ทักษะ จานวนชั่วโมง ที่ควรสอน จึงควรมี การพัฒนาให้เปน็ หลกั สตู รสถานศึกษาเพ่ือสามารถนามาใชใ้ นการจดั การสอนได้อย่างเปน็ รูปธรรม 64

บทที่ 5 สรปุ อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ การวิจัยเรื่องการศึกษาความต้องการของนักเรียน ผู้ปกครอง และครู ท่ีมีต่อการจัดการสอน ภาษาญี่ปุ่นในสถานศึกษาตาบลสามบัณฑิต อาเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา ความต้องการของนักเรียน ผู้ปกครอง และครูท่ีมีต่อการจัดการสอนภาษาญ่ีปุ่นในสถานศึกษา ตาบลสาม บัณฑิต อาเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และเปรียบเทียบความต้องการของประชากรทั้ง 3 กลุ่ม ดังกล่าว ตลอดจนศึกษาความพร้อมของสถานศึกษาตาบลสามบัณฑิต อาเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในการจัดการสอนภาษาญ่ีปุ่น ดาเนินการวิจัยโดยการเก็บข้อมูล 2 วิธีคือใช้แบบสอบถามและการสัมภาษณ์ แบบสอบถามเกบ็ จากประชากร 3 กลมุ่ ได้แก่ นักเรียนจานวน 120 คน ผู้ปกครองจานวน 120 คน และครใู นสถานศึกษาดงั กล่าวจานวน 38 คนโดยไม่มีการสุ่มตัวอย่างประชากรท้ังสามกลุ่ม ถามคาถามใน เร่ืองความต้องการของนักเรียน ผู้ปกครอง และครูที่มีต่อการจัดการสอนภาษาญี่ปุ่นในสถานศึกษา ความ ตอ้ งการด้านทกั ษะ เน้ือหา และเหตผุ ลที่ต้องการให้สอน จากนั้นได้ประมวลผลโดยโปรแกรมสาเร็จรูปเพ่ือการ วิจัยทางสังคมศาสตร์ ใช้สถิติค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตราฐาน และทาการเปรียบเทียบความ ตอ้ งการของประชากรทั้ง 3 กลมุ่ การสัมภาษณ์ดาเนินการโดยการสัมภาษณ์ผู้บริหารสถานศึกษาจานวน 7 คนในประเด็นเรื่อง ความคิดเห็นท่ีมีต่อการจัดการสอนภาษาญี่ปุ่น ความพร้อมของสถานศึกษาในการจัดการสอน และความ ตอ้ งการการมีส่วนร่วมจากมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรอี ยุธยา จดบันทึกแล้วคาการวิเคราะหเ์ นอ้ื หา 59

สรุปผลการวจิ ยั จากการดาเนินงานวิจัยเร่ืองการศึกษาและเปรียบเทียบความต้องการของนักเรียน ผู้ปกครอง และครูทม่ี ีต่อการจดั การสอนภาษาญี่ปนุ่ ในสถานศึกษาตาบลสามบณั ฑติ อาเภออทุ ัย สรปุ ผลได้ดังนี้ 1. ผลการวิเคราะห์ความต้องการของนักเรียน ผู้ปกครองและครูท่ีมีต่อการจัดการสอน ภาษาญปี่ ่นุ ในสถานศึกษาตาบลสามบัณฑิต อาเภออทุ ัย จงั หวัดพระนครศรอี ยธุ ยา พบวา่ นักเรียนที่ตอบแบบสอบถามเป็นเพศหญิงมากกว่าเพศชาย คือร้อยละ 59.46 เพศชาย ร้อยละ 40.54 ศกึ ษาอยูช่ น้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 1 ร้อยละ 36.49 มัธยมศึกษาปีที่ 3 ร้อยละ 32.43 มัธยมศึกษาปีท่ี 2 ร้อยละ 31.08 ความคิดเห็นด้านความต้องการให้จัดการสอนภาษาญ่ีปุ่นในโรงเรียนอยู่ในระดับมาก มี ค่าเฉลีย่ 3.82 ด้านทักษะที่ต้องการให้สอนมากเป็นอันดับหนึ่งคือ ทักษะการฟัง พูด อ่าน และเขียนทุกด้าน มี ค่าเฉลี่ย 3.32 ส่วนเน้ือหาท่ีต้องการให้สอนมากเป็นอันดับหน่ึงคือ สนทนาภาษาญ่ีปุ่นในชีวิตประจาวัน มี ค่าเฉล่ีย 4.20 และเหตุผลท่ีนักเรียนต้องการให้จัดการสอนภาษาญ่ีปุ่นท่ีตอบมากที่สุดได้แก่ อยากรู้ ภาษาต่างประเทศเพ่ิมข้ึนอีก 1 ภาษานอกเหนือจากภาษาอังกฤษ รองลงมาคือ สนใจภาษาและวัฒนธรรม ญป่ี ุ่น ผู้ปกครองท่ีตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศหญิงคือ ร้อยละ 70.83 มีอายุระหว่าง 41-50 ปีมากที่สุดคือ ร้อยละ 43.06 รองลงมาคือ ระหว่าง 31-40 ปี ร้อยละ 37.50 มีคุณวุฒิทางการศึกษา ระดับต่ากว่าปริญญาตรีมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 97.22 ประกอบอาชีพ พนักงานบริษัทมากท่ีสุด คิดเป็นร้อย ละ 31.94 รองลงมาไดแ้ กอ่ าชพี รบั จา้ งทัว่ ไป รอ้ ยละ 26.39 และเกษตรกร ร้อยละ 20.83 ความคิดเหน็ ด้านความต้องการให้จัดการสอนภาษาญ่ีปุ่นของผู้ปกครองอยู่ในระดับมาก มี ค่าเฉลย่ี 3.81 ด้านทักษะที่ต้องการให้สอนมากเป็นอันดับหน่ึงคือ ทักษะการฟัง พูด อ่าน และเขียนทุกด้าน มี ค่าเฉล่ีย 3.44 ส่วนเน้ือหาที่ต้องการให้สอนมากเป็นอันดับหน่ึงคือ สนทนาภาษาญ่ีปุ่นในชีวิตประจาวัน มี ค่าเฉลี่ย 4.01 และเหตุผลท่ีผู้ปกครองต้องการให้จัดการสอนภาษาญ่ีปุ่นท่ีตอบมากท่ีสุดได้แก่ อยากให้บุตร หลานรู้ภาษาต่างประเทศเพ่ิมข้ึนอีก 1 ภาษานอกเหนือจากภาษาอังกฤษ รองลงมาคือ ในจังหวัดอยุธยามี โรงงานญี่ปุ่น คนญป่ี ุ่นจานวนมาก และตอ่ มาคือบุตรหลานจะไดม้ คี วามรูภ้ าษาญปี่ ุน่ ไปทางาน ครูท่ีตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศหญิงคือ ร้อยละ 76.32 มีอายุระหว่าง 31-40 ปี มากท่ีสุดคือ ร้อยละ 36.84 รองลงมาคือ ระหว่าง 31-40 ปี ร้อยละ 28.95 มีคุณวุฒิทางการศึกษาระดับ 60

ปริญญาตรมี ากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 84.21 มีประสบการณ์การทางานน้อยกว่า 5 ปีมีจานวนมากท่ีสุด คิดเป็น รอ้ ยละ 39.47 รองลงมา ระหว่าง 6-10 ปี รอ้ ยละ 26.32 ครมู คี วามต้องการให้จดั การสอนภาษาญี่ปุ่นอยู่ในระดับมาก มีค่าเฉล่ีย 3.66 ด้านทักษะที่ ต้องการให้สอนมากเป็นอันดับหนึ่งคือ ทักษะการฟังและพูด มีค่าเฉลี่ย 3.58 รองลงมาคือทักษะการฟัง พูด อ่าน และเขียนทุกด้าน มีค่าเฉล่ีย 2.68 ส่วนเนื้อหาที่ต้องการให้สอนมากเป็นอันดับหน่ึงคือ สนทนา ภาษาญี่ปุ่นในชีวิตประจาวัน มีค่าเฉลี่ย 4.79 รองลงมาได้แก่ภาษาญี่ปุ่นเก่ียวกับการทางานง่ายๆ มีค่าเฉลี่ย 3.45 ระดับชั้นเรียนท่ีครูเห็นว่าควรสอนมากที่สุดคือ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และควรสอน 2 คาบต่อสัปดาห์ ด้านเหตุผลที่ครูต้องการให้จัดการสอนภาษาญี่ปุ่นท่ีตอบมากท่ีสุดได้แก่ นักเรียนมีโอกาสเรียนรู้ ภาษาตา่ งประเทศเพมิ่ ขึ้นอกี 1 ภาษานอกเหนอื จากภาษาอังกฤษ รองลงมาคอื ในจังหวัดอยุธยามีโรงงานญ่ีปุ่น คนญี่ป่นุ จานวนมาก และนกั เรยี นนาความรูภ้ าษาญ่ีปนุ่ ไปทางาน 2. ผลการเปรียบเทียบความต้องการให้จัดการสอนภาษาญี่ปุ่นในสถานศึกษาตาบลสาม บัณฑติ อาเภออุทยั จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ระหว่างนักเรียน ผู้ปกครอง และครู พบว่า นักเรียน ผู้ปกครอง และครูมคี วามต้องการใหจ้ ดั การสอนภาษาญป่ี นุ่ ไมแ่ ตกตา่ งกนั 3. ผลการศึกษาความความพร้อมในการจัดการสอนเพื่อตอบสนองความต้องการ และความ ตอ้ งการการมสี ่วนร่วมจากมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยาในการจัดการสอนภาษาญี่ปุ่นในสถานศึกษา ตาบลสามบัณฑิต อาเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พบว่าในภาพรวมผู้บริหารมีความต้องการให้มีการ จัดการสอนภาษาญ่ีปุ่นในโรงเรียน เพราะเป็นการเรียนรู้ท่ีก่อให้เกิดประโยชน์แก่นักเรียน แต่ขาดความพร้อม ด้านครู และการส่งเสริมพัฒนาศักยภาพครูเพ่ือให้สามารถสอนภาษาญ่ีปุ่นได้ในอนาคตอาจทาได้ไม่เต็มที่ เพราะขาดความตอ่ เนื่อง จงึ ตอ้ งการความรว่ มมือจากมหาวิทยาลัยราชภฏั พระนครศรีอยุธยาเพื่อส่งบุคคลากร ลงไปช่วยจัดการทดลองสอนในโรงเรียน อภปิ รายผล จากผลการศึกษาครั้งน้ีพบว่า นักเรียน ผู้ปกครอง และครูมีความต้องการให้จัดการสอน ภาษาญี่ปุ่นในสถานศึกษาตาบลสามบัณฑิต อาเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สามารถอภิปรายผล การศึกษาไดว้ ่า 61

1. ด้านความต้องการให้จัดการสอนภาษาญี่ปุ่น นักเรียน ผู้ปกครอง และครูมีความต้องการ ให้จัดการสอนภาษาญ่ีปุ่นในระดับมาก และมีความคิดเห็นไม่แตกต่างกัน ตลอดจนเหตุผลที่ต้องการให้สอน อันดบั แรกไมม่ ีความแตกตา่ งกัน คืออยาก (ให้) เรียนรู้ภาษาต่างประเทศอื่นๆนอกเหนือจากภาษาอังกฤษ การ ทป่ี ระชากรท้ัง 3 กลุ่มมีความคดิ เหน็ ท่ีไมแ่ ตกตา่ งกนั ทง้ั ในเรือ่ งความต้องการและเหตุผลท่ตี อ้ งการนั้น อภิปราย ได้ว่าความต้องการน้ี เป็นไปตามแนวคิดของ แบรดชอว์ (1972) เรื่องความต้องการเกิดข้ึนจากความรู้สึกหรือ มุมมองของบุคคลใดบุคคลหน่ึง วิเคราะห์ได้จากระดับความต้องการมาก และต้องการปานกลาง แต่ไม่ใช่ ต้องการมากทสี่ ดุ แสดงว่าผู้ตอบแบบสอบถามไม่รู้สึกว่าเป็นสิ่งที่จาเป็นขาดไม่ได้ และเม่ือพิจารณาจากเหตุผล ที่ตอ้ งการ ทัง้ ๆทผี่ ้ตู อบแบบสอบถามไมเ่ คยมคี วามรู้เกีย่ วกับภาษาญี่ปุ่นมาก่อนแต่อยากเรียนรู้ ดังนั้นในแง่ของ นักเรียนจึงน่าจะเป็นความรู้สึกอยากทดลองเรียนรู้ในส่ิงใหม่ และในแง่ของผู้ปกครองและครูจึงน่าจะเป็น ความรู้สึกท่ีคิดว่าบุตรหลานหรือลูกศิษย์จะได้ทดลองเรียนรู้ภาษาใหม่ๆ โดยท่ีประชากรทั้ง 3 กลุ่มน้ีไม่ได้ คานงึ ถงึ วา่ ภาษาญีป่ ุ่นจะมีลกั ษณะเปน็ อยา่ งไร เหมือนหรือแตกต่างจากภาษาอังกฤษซ่ึงเป็นภาษาต่างประเทศ ท่ีเคยเรียนรู้มาแล้ว นักเรียนจะเรียนรู้ภาษาญ่ีปุ่นได้ยากหรือง่ายเพียงใด กล่าวได้ว่าเป็นความต้องการที่ไม่ได้ คานงึ ถงึ ปจั จยั ใดๆในการเรยี นรู้ เหตุผลที่ต้องการอันดับรองลงมา นักเรียนมีความคิดเห็นท่ีแตกต่างจากผู้ปกครองและครู คือนักเรียนต้องการเรียนเพราะสนใจภาษาและวัฒนธรรมญี่ปุ่น ในขณะที่ผู้ปกครองและครูมีเหตุผลท่ีตรงกัน คอื ในจังหวัดอยธุ ยามโี รงงานอุตสาหกรรมของชาวญี่ปุน่ หากบตุ รหลานเรียนภาษาญ่ีปนุ่ แลว้ จะได้นาความรู้ไป ใช้ในการทางาน จะเห็นได้ว่าปัจจัยด้านพื้นที่สภาพแวดล้อมของโรงเรียน และปัจจัยเร่ืองการมีงานทา มี อิทธิพลต่อผู้ปกครองและครูซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการจัดการศึกษา ในการวางแผนการศึกษาให้บุตร หลานและลูกศิษย์ ดังที่ได้กล่าวไว้ในบทท่ี 1 ว่าในพื้นท่ีตาบลสามบัณฑิต กาลังปรับเปล่ียนจากสังคม เกษตรกรรมไปสู่สังคมอุตสาหกรรม ความคดิ เหน็ นสี้ ะทอ้ นให้เห็นว่าแนวความคิดด้านการศึกษาก็เปลี่ยนแปลง ไปตามสภาพสังคมและเศรษฐกจิ ที่เปลยี่ นไป แตส่ าหรับนกั เรียนมเี หตผุ ลเพียงแคค่ วามสนใจส่วนตัว สะท้อนถึง อิทธิพลการหลั่งไหลของวัฒนธรรมต่างประเทศที่มีต่อเยาวชน และความคิดเห็นน้ีไม่แตกต่างจากที่ ทัศนีย์ เมธาพสิ ฐิ , นา้ ทิพย์ เมธเศรษฐ, สมเกยี รติ เชวงกิจวณิช และ สุณียร์ ัตน์ เนียรเจริญสุข (2547, หน้า 223-233 ) ได้เคยสารวจไว้ว่านกั เรียนมัธยมศกึ ษาทวั่ ประเทศจานวน 68 แห่ง เลือกเรียนภาษาญี่ปุ่นเพราะชอบภาษาและ วัฒนธรรมญ่ปี ุน่ เป็นอันดับต้นๆ แสดงให้เห็นว่าสาหรับนักเรียนแล้วความสนใจส่วนตัวยังเป็นเหตุผลที่สาคัญ สาหรับการตดั สนิ ใจเรยี น 62

กล่าวโดยสรุปนักเรียน ผู้ปกครองและครูต่างมีความต้องการให้จัดการสอนภาษาญี่ปุ่น เป็นไปตามความรู้สึกที่จะได้เรียนรู้สิ่งใหม่ แต่ถ้าพิจารณาถีงเหตุผลด้านอื่นที่ไม่ใช่ความรู้สึกแล้ว นักเรียนใน ฐานะที่เป็นผู้รับการศึกษาต้องการเรียนเพราะสนใจภาษาและวัฒนธรรมญ่ีปุ่น ในขณะที่ผู้ปกครองและครูใน ฐานะทเี่ ปน็ ผใู้ หก้ ารศกึ ษาคานึงถงึ เหตผุ ลด้านเศรษฐกจิ เปน็ หลัก 2. ด้านทักษะท่ีต้องการให้สอน นักเรียนและผู้ปกครอง มีความคิดเห็นท่ีสอดคล้องกันคือ ตอ้ งการให้สอนทักษะฟัง พดู อ่าน เขียนทุกดา้ น แตกตา่ งจากความคิดเห็นของครูท่ีต้องการสอนเพียงทักษะฟัง และพูดเท่าน้ัน วิเคราะห์ได้ว่า ประการแรกความต้องการของครูดังกล่าวสอดคล้องกับหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 มาตรฐานการเรียนรู้ ต 1.2 ระดับมัธยมศึกษาปีท่ี 1 ข้อ 1 คือ สนทนาแลกเปล่ียนข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง กิจกรรม และสถานการณ์ต่างๆในชีวิตประจาวัน ซึ่งเน้นการสนทนา เปน็ ลาดบั แรก ประการท่สี องครูมคี วามเขา้ ใจในกระบวนการเรยี นรู้มากกว่านักเรียนและผู้ปกครอง จึงมองเห็น วา่ การเรยี นรูส้ ามารถเรียนเฉพาะทกั ษะได้ มีความสัมพันธ์กับความต้องการด้านเนื้อหา ( กล่าวถึงในข้อ 3 ) ที่ ครูต้องการให้สอนมากที่สุดคือการสนทนาภาษาญ่ีปุ่นในชีวิตประจาวัน และภาษาญี่ปุ่นเกี่ยวกับการทางาน เนื้อหาดังกล่าวนี้สามารถเรียนรู้ได้โดยเน้นเฉพาะทักษะฟังและพูดเพ่ือให้สามารถเจรจาสื่อสารได้ สามารถ เรยี นรไู้ ดใ้ นระยะเวลาอันส้นั ได้ 3. ด้านเนื้อหาทต่ี ้องการให้สอน นกั เรยี น ผปู้ กครองและครูมีความคดิ เห็นท่ีไมแ่ ตกตา่ งกันคือ ต้องการใหส้ อนการสนทนาภาษาญปี่ นุ่ ในชวี ิตประจาวันเป็นอันดับแรก ความคิดเหน็ น้ีสอดคล้องกบั ผลการวิจยั ของนรีนุช ดารงชัย (ม.ป.ป., บทคดั ย่อ) ท่ีระบุว่า บณั ฑติ จะคาดหวงั และใหค้ วามสาคัญกับระดบั ความสามารถ และทกั ษะการใช้ภาษามากท่ีสุด ในการวิจัยนี้ นักเรยี น ผูป้ กครองและครู กน็ า่ จะคาดหวังเช่นเดยี วกนั ว่าเรียน ภาษาญีป่ นุ่ แลว้ ก็น่าจะมคี วามสามารถทางการสนทนา สอดคล้องกับความคิดเหน็ ดา้ นทักษะทตี่ ้องการใหส้ อน คือการฟังและพูด และสอดคล้องกับความคดิ เหน็ ด้านเหตุผลทีก่ ล่าวข้างตน้ ว่าถา้ สนทนาไดแ้ ลว้ จะสามารถนา ความรู้ไปประกอบอาชพี ได้ เน้ือหาที่ต้องการให้สอนอันดับรองลงมา มีความคิดเห็นท่ีแตกต่างระหว่างนักเรียน ผู้ปกครอง กับครู ทางด้านนักเรียนและผู้ปกครองมีความคิดเห็นว่า ต้องการให้สอนด้านสังคมและวัฒนธรรม ญ่ปี ่นุ ในขณะท่คี รมู คี วามคิดเหน็ ว่าควรจะสอนภาษาญ่ปี ุ่นเกย่ี วกบั การทางาน ความแตกต่างน้ีสอดคล้องกับ เหตุผลท่ีต้องการให้สอนภาษาญี่ปุ่นในข้อ 1 ท่ีกล่าวว่าครูมีความเห็นว่านักเรียนจะได้นาความรู้ไปทางานได้ ในขณะที่นักเรียนต้องการให้สอนเพราะสนใจภาษาและวฒั นธรรมญปี่ ุ่น 63

สรุปได้ว่า นักเรียน ผู้ปกครอง กับครูให้ความสาคัญกับเน้ือหาการสนทนาภาษาญ่ีปุ่นสูง กว่า ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสังคมและวัฒนธรรมญี่ปุ่น ผลการวิจัยน้ีชี้ให้เห็นว่าความคิดเห็นของฝ่ายที่ เก่ียวข้องกบั การศึกษาไม่ตรงกับความคาดหวังของผู้ประกอบการ ดังที่ผลการวิจัยของนรีนุชท่ีกล่าวว่า “สถาน ประกอบการชาวญี่ปุ่นคาดหวังบุคคลากรท่ีมีความสามารถในการทาความเข้าใจและตัดสินใจ อีกท้ังนา ภาษาญี่ปุ่นมาใช้ในการดาเนินธุรกิจและปฏิบัติจริงได้อย่างถูกต้อง โดยมองว่าทักษะด้านภาษาญ่ีปุ่นโดยรวม เปน็ เพียงพืน้ ฐานอย่างหนึ่งในการทางานเทา่ นั้น” (นรนี ุช ดารงชัย, ม.ป.ป., บทคัดยอ่ ) 4. ด้านระดับชั้นเรียนและจานวนคาบเรียนท่ีควรสอน ครูมีความคิดเห็นว่าควรสอนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 1 สัปดาห์ละ 2 คาบ มีความเหมาะสม เนื่องจากหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 กาหนดให้ชั้นระดับมัธยมศึกษาตอนต้น กลุ่มสาระภาษาต่างประเทศมีเวลาเรียนรวม 120 ช่วั โมง 40 ชัว่ โมงตอ่ ภาคเรียน 5. ด้านความพร้อมในการจัดการสอนภาษาญ่ีปุ่นเพื่อตอบสนองต่อความต้องการ ผู้บริหารมี ความคดิ เห็นว่ายงั ไมม่ คี วามพรอ้ มด้านบุคคลากรในการสอน ประเด็นน้ีนับว่ามีความสาคัญเป็นอย่างย่ิง เพราะ บุคคลากรเป็นหนึ่งปัจจัยของการบริหารจัดการการศึกษา นอกจากนี้ผู้บริหารมีความคิดเห็นว่าต้องการความ รว่ มมอื จากมหาวทิ ยาลยั ราชภัฏพระนครศรอี ยุธยาในการส่งบุคคลากรไปชว่ ยทดลองสอน การร่วมมือกับชุมชน ถือเป็นพันธกิจหนึ่งของมหาวิทยาลัย ดังน้ันเพ่ือตอบสนองต่อผลการศึกษาความต้องการของนักเรียน ผู้ปกครอง และครูที่มีต่อการจัดการสอนภาษาญี่ปุ่นในสถานศึกษาตาบลสามบัณฑิต อาเภออุทัย จังหวัด พระนครศรีอยุธยา การดาเนนิ ภารกิจดงั กลา่ วของมหาวิทยาลัยจึงมคี วามจาเปน็ อยา่ งยง่ิ ข้อเสนอแนะ 1. ประชากรในการวิจัยครัง้ น้ีไดแ้ ก่ นักเรียน ผปู้ กครองและครูเท่าน้ัน แต่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่ เก่ยี วขอ้ งกับการศกึ ษาท่ตี ้องคานึงถงึ อกี สว่ นหนงึ่ ได้แก่ ผปู้ ระกอบการทีเ่ ปน็ ผู้ใช้ผสู้ าเรจ็ การศึกษา ดังน้ันจึงควร มีการศึกษาความต้องการของผ้ปู ระกอบการท่ีมีส่วนเกี่ยวข้องกับชาวญี่ปุ่นและภาษาญ่ีปุ่น เช่น ผู้ประกอบการ โรงงานอุตสาหกรรม ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก อพาตเมนต์ ในเขตจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเพ่ิมเติม เพ่อื ใหม้ ีขอ้ มูลทค่ี รอบคลมุ มากยงิ่ ข้ึน 2. ผลจากการวิจัยครั้งน้ีทาให้ได้ทราบถึง เน้ือหา ทักษะ จานวนชั่วโมง ที่ควรสอน จึงควรมี การพัฒนาให้เปน็ หลกั สตู รสถานศึกษาเพ่ือสามารถนามาใชใ้ นการจดั การสอนได้อย่างเปน็ รูปธรรม 64

บรรณานกุ รม กระทรวงศกึ ษาธิการ. (2551). หลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน พทุ ธศักราช 2551. สบื ค้นเมือ่ 18 ก.ค. 56 จาก www.curriculum51.net/viewpage.php?t_id=64 ‎ จอมพงศ์ มงคลวนชิ . (2555). การบรหิ ารองค์กรและบคุ คลากรทางการศกึ ษา. กรุงเทพ: สานกั พิมพ์แห่ง จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลัย. จงั หวดั พระนครศรอี ยุธยา. (2552). แผนพัฒนาจงั หวัดพระนครศรีอยุธยา พ.ศ. 2554 – 2556. สืบค้นเมือ่ 18 ม.ี ค. 56 จาก human.aru.ac.th/www/images/stories/Font_Goverment/8.pdf ‎ทัศนยี ์ เมธาพสิ ฐิ , นา้ ทพิ ย์ เมธเศรษฐ, สมเกยี รติ เชวงกิจวณชิ และ สุณยี ร์ ัตน์ เนียรเจรญิ สุข. (2547). การ ส้ารวจความตอ้ งการของนกั เรยี นท่เี รียนภาษาญปี่ ุ่นในมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย ระยะที่ 2. วารสารเจ แปนฟาวนเ์ ดชนั่ กรงุ เทพ, (1), 223-233 นภสินธ์ุ แผลงศร. (2549). แนวการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ภาษาญ่ีปุ่นแก่ผูเ้ รียนชาวไทย. วารสารเจแปน ฟาวนเ์ ดชนั่ กรงุ เทพ, (3), 65-74 นภาภรณ์ จนั ทรศัพทแ์ ละคณะ. (2549). วธิ ีการวิจัยเบื้องตน้ (พิมพ์ครั้งท่ี6). กรงุ เทพ: โรงพมิ พ์หาวิทยาลยั ธุรกจิ บัณฑติ นโยบายรฐั บาล. (2554). คาแถลงการณ์นโยบายรฐั บาลของนางสาวยงิ่ ลกั ษณ์ ชนิ วตั ร เมอ่ื วนั อังคารที่ 23 สิงหาคม 2554. สบื คน้ เมอื่ 18 ม.ี ค. 56 จาก www.mcru.ac.th/m1/fileUpload/b55-policy- gov.pdf นรนี ุช ด้ารงชัย. (ม.ป.ป.). “ความคาดหวังและความพงึ พอใจตอ่ คุณสมบตั ิของผ้จู บการศึกษาดา้ นญ่ีปนุ่ ศึกษาในประเทศไทย” รายงานการวิจยั สานกั วิจัย สถาบนั บัณฑติ พัฒนบรหิ ารศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏพระนครศรอี ยธุ ยา. (2555). แผนกลยุทธ์ระยะ5ปี พ.ศ. 2555-2559 มหาวิทยาลัยราช ภัฏพระนครศรอี ยธุ ยา. สืบคน้ เมอื่ 31 ม.ค. 2557 จาก http://gallery.aru.ac.th/_plan/plan%20- 2556/6planstrastgic55-59pd เยาวลกั ษณ์ รอดงาม. (2542). “สภาพปญั หาและความต้องการการนเิ ทศดา้ นการแปลงหลกั สูตรภาษา อังกฤษไปสูก่ ารสอนระดับประถมศึกษาของโรงเรียนคาทอลกิ สังกดั อัครสังฆมณฑลกรุงเทพ มหานคร” วทิ ยานพิ นธค์ รุศาสตรม์ หาบัณฑิต ภาควิชาการบริหารการศึกษา จุฬาลงกรณ มหาวิทยาลยั 65

รัชดา คงคาหลวง. (2550). “การศึกษาความตอ้ งการและแนวทางการจัดกจิ กรรมการเรยี นรทู้ างการศึกษา นอกระบบโรงเรยี นและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั ของบา้ นหนงั สือ กรุงเทพมหานคร” วทิ ยานิพนธ์ ปริญญาครศุ าสตร์มหาบัณฑติ ภาควิชานโยบาย การจัดการและความเป็นผ้นู าทางการศกึ ษา จฬุ าลงกรณมหาวิทยาลัย โรงเรยี นวดั ดอนพุดซา (2556). สืบค้นเมอ่ื 25 ม.ค. 2556 จาก http://data.bopp_obec. info/web/ index_view.php โรงเรียนวดั พรานนก (2556). สบื คน้ เมือ่ 25 ม.ค. 2556 จาก http://soc_ay1.aru.ac.th/14104386 โรงเรียนวัดหนองไมซ้ ุง (2556). สืบค้นเม่อื 25 ม.ค. 2556 จาก http://school.obec.go.th/ watnongmaisung/ สุพรพนั ธ์ จิตรบรรเทา. (2553). การศึกษาความเชื่อ (Belief) ในการเรียนภาษาญ่ีปนุ่ ของนักเรียนระดับมธั ยม ศกึ ษาตอนปลายชาวไทย กรณศี กึ ษาโรงเรียนมัธยมศึกษาในเขตกรุงเทพมหานคร. วารสารเจแปน ฟาวนเ์ ดชนั่ กรุงเทพ, (7), 21-30 สุภางค์ จันทวานขิ . (2549). วิธีการวิจัยเชิงคุณภาพ (พิมพค์ ร้ังท่ี14). กรงุ เทพ: สานักพิมพ์แหง่ จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย องค์การบรหิ ารสว่ นตาบลสามบณั ฑิต อาเภออุทยั จงั หวดั พระนครศรีอยธุ ยา. (2556). แผนพัฒนาตาบลสาม ปี (2556-2558). เอกสารเย็บเล่ม Japan Foundation. (2556). ผลสารวจสถาบันสอนภาษาญีป่ นุ่ ในต่างประเทศประจาปี2012. ตะวัน, 61, 1-3 Japanese Chamber of Commerce. (2012). สืบค้นเมอื่ 16 ก.พ.2557 จาก http://www.jcc. or.th/ modules/doc1/content0007.html Mihara Ryushi, นพวรรณ บุญสม และประภาแสงทองสขุ . (2541). ผลการสา้ รวจจากแบบสอบถามเกี่ยวกับ คอรส์ ภาษาญี่ปุ่นทเี่ ปิดสอนในโรงเรยี นระดับมธั ยมปลาย. วารสารศนู ยภ์ าษา มลู นธิ ญิ ป่ี นุ่ กรงุ เทพ, (1), 153-157 Spicker,Paul. (n.d.) An Introduction to Social Policy สบื คน้ เมอ่ื 2 พ.ค.2556 จาก http://www2.rgu. ac.uk./publicpolicy/introduction/needf.html 66

Steinbach, Rebecca. (2009). Concepts of Need and Social Justice. สืบค้นเม่ือ 2 พ.ค.2556 จาก http://www.healthknowledge.org.uk/public-health-textbook/medical-sociology-policy- economics/4c-equality-equity-policy/concepts-need-sjustice 吉川景子.(2011). タイ中等教育における日本語学習意欲を高める要因と学習行動との関係―日 本語教師の日本語指導時の内発的動機づけ要因―. วารสารเจแปนฟาวนเ์ ดชน่ั กรงุ เทพ, (8), 75- 84 67


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook