Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

one

Published by tokwee, 2018-03-28 23:42:47

Description: one

Search

Read the Text Version

วชิ าการพยาบาลครอบครัวและชุมชน 2 อ.วรี ะชัย อมิ่ นา้ ขาว พยาบาลศาสตรมหาบัณฑิต (การพยาบาลชุมชน) พยาบาลวชิ าชีพชานาญการพเิ ศษ

บทท่ี 1 แนวคิด ทฤษฎี เก่ียวกบั ชุมชนวตั ถปุ ระสงค์1.บอกความหมาย ประเภทของชุมชนไดถ้ กู ตอ้ ง2.บอกสถานการณแ์ ละแนวโนม้ สถานะสขุ ภาพ ปัญหาสขุ ภาพได้ถกู ตอ้ ง3.บอกนโยบายและแผนพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติได้ถกู ตอ้ ง4.บอกนโยบายและแผนพฒั นาสุขภาพแห่งชาติไดถ้ กู ตอ้ ง

ความหมายของชุมชน “ชุมชน” มีความหมายที่หลากหลาย “ชุมชน” มีนยั และความหมายท่ีเป็ นไปตามพลวตั หรือกระแสของสงั คม มีการเปลี่ยนแปลงและเคลื่อนไหวอย่ตู ลอดเวลา การนิยามความหมายของตนเพื่อผลประโยชน์ ประการใดประการหน่ึง

การจดั กลุ่มตามนยั หรือความหมาย 1) แนวคิดทางสงั คมวิทยา (Sociological Perspective) 2) แนวคิดทางมานุษยวิทยา (Humanistic Perspective) 3) แนวคิดเกี่ยวกบั ชุมชนประชาคม (Civil Society Perspective) 4) แนวคิดเก่ียวกบั ชุมชนในรปู แบบใหม่ (Virtual Community Perspective)

แนวคิดทางสงั คมวิทยา (คน:สิ่งแวดลอ้ ม) หมายถึง หน่วยทางสงั คมและกายภาพ ไดแ้ ก่ ละแวกบา้ น หมู่บา้ น เมือง มหานคร องคป์ ระกอบ 1.กลุ่มคนท่ีมาอยู่ร่วมกนั ในพ้ืนท่ีหรือบริเวณหนึ่ง 2.สมาชิกมีการติดต่อระหว่างกนั ทางสงั คม 3.สมาชิกมีความสมั พนั ธต์ ่อกนั ทางสงั คม (Social Relationship) 4.มีความผกู พนั ทางดา้ นจิตใจต่อระบบนิเวศ 5.มีกิจกรรมส่วนรวม เพื่อใชป้ ระโยชน์

 สาระสาคัญของแนวคดิ เก่ียวกับชุมชนทางทาง สังคมวิทยา คือ ชุมชนในฐานะหน่วยทาง ภมู ศิ าสตร์ (Community as a territorial unit) การพจิ ารณาชุมชนใน มติ นิ ี้มีความสาคัญ คือ ทาให้ชุมชนมีลักษณะ เป็ นรูปธรรม มีหลักแหล่งทตี่ ั้งแน่นอนและ สมาชิกสามารถระบุทอ่ี ยู่ของตนได้

แนวคิดทางมนุษยนิยม (คน:คน) แนวคดิ ชุมชนตอ้ งก่อมติ รภาพ ความเอ้ืออาทร ความม่นั คง และความผูกพนั ระหว่างคนในชุมชน 1.ไมไ่ ดใ้ หค้ วามสนใจหรือความสาคญั กบั อาณาบริเวณทาง ภูมศิ าสตรห์ รือพ้ืนที่ 2.เนน้ ความสัมพนั ธร์ ะหว่างเพือ่ นมนุษย์ 3.เนน้ ลกั ษณะความรูส้ ึกเชิงอตั วสิ ัยของความเป็ นชุมชน หรือแบบแผนในอุดมคตซิ ึ่งเกีย่ วกบั นาเสนอลกั ษณะชุมชน ที่ควรจะเป็ นชุมชนที่ดีหรือชุมชนในอุดมคตนิ ่ันเอง

แนวคิดเก่ียวกบั ชุมชนประชาคม (Civil Society Perspective) ประชาสงั คม หมายถึง การรวมตวั พบปะของคน หลากหลาย ซึ่งไม่ใช่เฉพาะคนที่รจู้ กั คนุ้ เคยเพียงกล่มุ เดียว แต่รวมถึงคนแปลกหนา้ ท่ีสนใจในประเด็น ส่วนรวม (สาธารณะ) ประเด็นใดประเด็นหน่ึงร่วมกนั เพ่ือดาเนินการใหบ้ รรลุเป้าหมาย ไม่ใช่การรวมตวั กนั เพื่อแกไ้ ขปัญหาเฉพาะของกลุ่มใด กลุ่มหนึ่ง สถานท่ีรวมตวั พบปะเรียกว่า เวทีประชาคม

แนวคิดเกี่ยวกบั ชุมชนประชาคม (Civil Society Perspective) ชุมชน-ประชาสงั คม หมายถึง ชุมชนแห่งสานึก (Conscious Community) เป็ นหนุ้ ส่วนกนั (Partnership) ประชาสงั คมจะก่อใหเ้ กิด “อานาจท่ีสาม” มีความเช่ือมโยงกนั เป็ นเครือข่ายย่อย ๆ (Civic Network)

ลกั ษณะของประชาสงั คม 1.มีความหลากหลายทงั้ ในรปู แบบของการรวมตวั พ้ืนที่ รปู แบบของกิจกรรม ประเด็นของความสนใจปัญหา 2.มีความเป็ นชุมชนท่ีอาจจะมีขนาดใหญ่หรือเล็กก็ได้ 3.ประกอบดว้ ยจิตสานึกสาธารณะ 4.เป็ นสงั คมแห่งการเรียนรู้ 5.มีกิจกรรมบนพ้ืนฐานของกระบวนการกลุ่มและพ้ืนฐานของ การเรียนรรู้ ่วมกนั 6.มีเครือข่ายและการติดต่อสื่อสาร

องคป์ ระกอบร่วมท่ีสาคญั ของประชาสงั คม 1.การมีวิสยั ทศั นร์ ่วมกนั ของสมาชิกกลุ่ม 2.การมีส่วนร่วมของสมาชิกอย่างกวา้ งขวาง 3.การมีความรกั ความเอ้ืออาทรต่อกนั 4.การมีองคค์ วามรแู้ ละความสามารถ รวมทงั้ วิธีการ ใหม่ ๆ ในการแสวงหาความรู้ 5.มีการเรียนรแู้ ละเครือข่ายการเรียนรู้ ซ่ึงประสานกนั อย่างเป็ นระบบภายใตก้ ารจดั การที่มีประสิทธิภาพ

สาระสาคญั ของแนวคิดน้ี ก็คือการรวมกลุม่ ของปัจเจกชน โดยมองวา่ ประชาสังคมเป็ นโครงสรา้ งทางสงั คมที่อยู่ กึง่ กลางระหวา่ งรฐั และปัจเจกชนที่เรียกวา่ Mediating Structure ที่เกิดจากจิตสานึก

แนวคิดเกี่ยวกบั ชุมชนในรปู แบบใหม่ ชุมชน คือ สายใย (web) แนวคิดเกี่ยวกบั ชุมชนในรปู แบบใหม่เกิดข้ึนพรอ้ มกบั การ พฒั นาเทคโนโลยีและปัญหาของสงั คมสมยั ใหม่ท่ีทวีความ ซบั ซอ้ นและรุนแรงข้ึน ชุมชนในรปู แบบใหม่ จึงอาจมีลกั ษณะเป็ น “ชุมชนทาง อากาศ” ชุมชนไม่จาเป็ นตอ้ งมีพ้ืนที่ทางกายภาพและไม่จาเป็ นว่า สมาชิกตอ้ งพบปะหนา้ ตากนั โดยตรง ชุมชนที่อาศยั เทคโนโลยีการสื่อสารและเทคโนโลยี สารสนเทศ

กล่าวโดยสรุป ความเป็ นชุมชนไม่ไดม้ ีความหมายที่ตายตวั แต่มีความ เคล่ือนไหวเปล่ียนแปลง การใหค้ วามหมายเก่ียวกบั ชุมชนจึงเป็ นส่ือท่ีใชใ้ นการอธิบาย ความสมั พนั ธท์ างสงั คมหรือการจดั ระบบความสมั พนั ธใ์ หม่ทง้ั กบั ภายในและภายนอกชุมชน ความเป็ นชุมชนจึงมิไดม้ ีเพียงหน่วยเดียว หากแต่เป็ นสายใยของ ความสมั พนั ธท์ ี่สานข้ึนจากความสมั พนั ธต์ ่าง ๆ และมีเครือข่าย ของความสมั พนั ธท์ ่ีซอ้ นทบั กนั อยู่ การสรา้ งใหม่ของความเป็ น ชุมชนจึงเป็ นการแสดงออกถึงความเป็ นตวั ตนอนั เป็ นการโตต้ อบ ของคนในชุมชนหรือสงั คม และเป็ นท่ีช่วยใหผ้ ูค้ นยกระดบั ความรู้ ความสามารถ การรบั รแู้ ละความเขม้ แข็งหรือพลงั ที่เกิดข้ึนจาก การรวมตวั กนั ผ่านการสานสมั พนั ธต์ ่าง ๆ เขา้ ดว้ ยกนั

แผนพฒั นาเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติ ฉบบั ท่ี1-10แผนพฒั นาเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติ ฉบบั ท่ี 11

สำนักงำนพฒั นำเศรษฐกจิ และสงั คม แหง่ ชำติ

แผนพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ ฉบบั ที่1-10 ไม่ใช่กฎหมาย แต่เป็ นทิศทางในการพฒั นาประเทศ ระยะเวลาแต่ละฉบบั 5 ปี ยกเวน้ ฉบบั ที่ 1 6 ปี แผนฯ 1 (2504 - 2509) ยุคทองของการวางแผน เศรษฐกิจ แผนฯ 2 (2510 - 2514) ยุคทองของการพฒั นา แผนฯ 3 (2515-2519) : การพฒั นาสงั คมควบค่เู ศรษฐกิจ แผนฯ 4 (2520 – 2524) : เร่งฟ้ื นฟเู ศรษฐกิจและสงั คม แผนฯ 5 (2525 - 2529) : การแกไ้ ขปัญหาและปรบั ส่กู าร พฒั นายุคใหม่

แผนพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ ฉบบั ที่1-10 แผนฯ 6 (2530 – 2534) : การจดั ทาแผนส่รู ะดบั กระทรวง แผนฯ 7 (2535 – 2539) : การพฒั นาที่ยงั่ ยืน แผนฯ 8 (2540 – 2544) :“คน” เป็ นศนู ยก์ ลางการพฒั นา แผนฯ 9 (2545 – 2549) :อญั เชิญปรชั ญาของเศรษฐกิจ พอเพียง แผนฯ 10 (2545 – 2549) การปฏิบตั ิตามปรชั ญาของ เศรษฐกิจพอเพียงเพื่อสรา้ งสมดลุ และมีความอย่เู ย็นเป็ นสุข ร่วมกนั

พฒั นาการแผนพฒั นาฯ แผน 1-3 เนน้ พฒั นาสาธารณูปโภคขนั้ พ้ืนฐาน แผน 4-7 เนน้ พฒั นาเศรษฐกิจ แผน 1-7 “เศรษฐกิจดี สงั คมมีปัญหา การพฒั นาไม่ ยงั่ ยืน” ปี 2539 ในช่วงปลายแผนฯ 7 ประเทศไทยกา้ วเขา้ สู่ วิกฤตเศรษฐกิจ แผน 8-10 พฒั นาคน สงั คม เนน้ ความยงั่ ยืน ความ พอเพียง

สถานการณโ์ ลกปลายแผน 10 1. กฎ กติกาใหม่ ของโลกหลายดา้ นส่งผลใหท้ กุ ประเทศตอ้ ง ปรบั ตวั วิกฤตเศรษฐกิจ และการเงินของโลกท่ีผ่านมาได้ ส่งผลใหเ้ กิดการปรบั เปลี่ยนกฎระเบียบในการบริหารจดั การ 2. การปรบั ตวั เขา้ ส่เู ศรษฐกิจโลกแบบหลายศนู ยก์ ลาง รวมทงั้ ภูมิภาคเอเชียซ่ึงทวีความสาคญั เพ่ิมข้ึน 3. การเขา้ ส่สู งั คมผูส้ งู อายุของโลก 4. การเปล่ียนแปลงภมู ิอากาศโลก 5. ความมนั่ คงทางอาหารและพลงั งานของโลกมีแนวโนม้ จะ เป็ นปัญหาสาคญั

แผนพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ ฉบบั ท่ี 11 ความกา้ วหนา้ ทางเทคโนโลยี ทง้ั เทคโนโลยีสารสนเทศและ การส่ือสาร นาโนเทคโนโลยี เทคโนโลยีชีวภาพ การก่อการรา้ ยสากลเป็ นภยั คกุ คามประชาคมโลกการก่อการ รา้ ยและอาชญากรรมขา้ มชาติ

สถานการณใ์ นประเทศปลายแผน 10 1. การเปลี่ยนแปลงสภาวะดา้ นเศรษฐกิจ อตั ราการขยายตวั และ เสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศไทยอย่ใู นเกณฑด์ ี 2. การเปล่ียนแปลงสภาวะดา้ นสงั คม ประเทศไทยกา้ วส่สู งั คม ผูส้ งู อายุจากการมีโครงสรา้ งประชากรทีวยั สงู อายุเพ่ิมข้ึน วยั เด็ก และวยั แรงงานลดลง ปัญหาดา้ นคณุ ภาพการศึกษาและสติปัญญาของเด็ก มีพฤติกรรม เสี่ยงต่อสุขภาพ และคุณภาพแรงงานตา่ ความเส่ือมถอยดา้ นคุณธรรมและจริยธรรม และมีการ เปล่ียนแปลงทางวฒั นธรรมท่ีหลากหลาย การแพร่ระบาดยาเสพติดและการเพิ่มข้ึนของการพนนั โดยเฉพาะ ในกลุ่มเด็ก

สถานการณใ์ นประเทศปลายแผน 10 3. การเปลี่ยนแปลงสภาวะดา้ นทรพั ยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดลอ้ มทนุ ทรพั ยากรธรรมชาติ เส่ือมโทรมการ เปล่ียนแปลงสภาพภูมิอากาศ 4. การเปลี่ยนแปลงดา้ นการบริหารจดั การการพฒั นาประเทศ ประชาชนมีความต่ืนตวั ทางการเมืองสงู ข้ึน แต่ความขดั แยง้ ทางการเมืองและความไม่สงบในจงั หวดั ชายแดนภาคใต้

ความเสี่ยงประเทศไทย 1.การบริหารภาครฐั อ่อนแอ ไม่สามารถขบั เคลื่อนการบริหาร จดั การไดอ้ ย่างมีประสิทธิภาพ 2.โครงสรา้ งทางเศรษฐกิจไม่สามารถรองรบั การเจริญเติบโต อย่างยงั่ ยืน เศรษฐกิจไทยมีความอ่อนไหวต่อความผนั ผวน ของเศรษฐกิจโลก (น้ามนั ) 3.โครงสรา้ งประชากรที่มีวยั สงู อายุเพิ่มข้ึน ขณะที่ประชากรวยั เด็กและวยั แรงงานลดลง ประเทศไทยจะเป็ นสงั คมผูส้ งู อายุ อย่างสมบรู ณใ์ นปี ๒๕๖๘ 4.ค่านิยมที่ดีงามของไทยเส่ือมถอยกระแสโลกาภิวตั นม์ ี ผลกระทบต่อวฒั นธรรมประเพณี ดงั้ เดิมท่ีดีงาม

ความเส่ียงประเทศไทย 5.ฐานทรพั ยากรธรรมชาติและสภาพแวดลอ้ มของประเทศมี แนวโนม้ เสื่อมโทรมรนุ แรง 6.ประเทศไทยยงั คงมีความเสี่ยงดา้ นความมนั่ คง ทง้ั ท่ีมาจาก ปัญหาการก่อความไม่สงบในประเทศ และปัญหาการก่อการ รา้ ยระหว่างประเทศ

การสรา้ งภูมิคมุ้ กนั ของประเทศ 1.ประเทศไทยมีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอนั มี พระมหากษตั ริยท์ รงเป็ นประมุข 2.การพฒั นาประเทศใหอ้ ยู่บนฐานความรแู้ ละเทคโนโลยีที่ทนั สมยั 3.สงั คมไทยมีค่านิยมและวฒั นธรรมท่ีดี งาม วฒั นธรรมไทยท่ีดี งามสามารถยึดโยงคนไทยใหเ้ ป็ นเอกภาพ 4.ภาคการเกษตรเป็ นฐานรายไดห้ ลกั และความมนั่ คงดา้ นอาหาร ของประเทศก่อใหเ้ กิดประโยชน์ หลายดา้ น 5.ชุมชนเป็ นกลไกท่ีมีความสามารถในการบริหารจดั การ มีส่วน ร่วมในการพฒั นาคณุ ภาพชีวิตและเช่ือมโยงกนั เป็ นสงั คม สวสั ดิการ

ยุทธศาสตรก์ ารพฒั นา 4.การพัฒนาปัจจยั สนับสนุนท่เี ออื้ ต่อการปรับโครงสร้าง เศรษฐกจิ เพ่อื เพ่มิ ขีดความสามารถในการแข่งขันและ ระบบการแข่งขนั ท่เี ป็ นธรรม 5.การส่งเสริมความร่วมมืออย่างเป็ น ห้นุ ส่วนการพัฒนา ทงั้ ในระดบั อนุภมู ิภาคและภมู ภิ าคเน้นสร้างความ เช่ือมโยงด้านการขนส่งและระบบโลจสิ ตกิ ส์ 6.การเตรียมความพร้อมของไทยเข้า สู่ประชาคมอาเซียน



พนั ธกิจ1.สรา้ งสงั คมเป็ นธรรมและเป็ นสงั คมที่มีคณุ ภาพทกุ คนมีความมนั่ คงในชีวิต2.พฒั นาคณุ ภาพคนไทยใหม้ ีคณุ ธรรม เรียนรตู้ ลอดชีวิตมีทกั ษะและการดารงชีวิตอย่างเหมาะสมในแต่ละช่วงวยั 3.พฒั นาฐานการผลิตและบริการใหเ้ ขม้ แข็งและมีคณุ ภาพ บนฐานความรู้ ความคิดสรา้ งสรรค์ และภมู ิปัญญา สรา้ งความมนั่ คงดา้ นอาหารและพลงั งาน 4.สรา้ งความมนั่ คงของฐานทรพั ยากรธรรมชาติและ ส่ิงแวดลอ้ ม สนบั สนุนการมีส่วนร่วมของชุมชน

เป้ าหมายหลกั 1.ความอยู่ เย็นเป็ นสุขและความสงบสขุ ของสงั คมไทย เพิ่มข้ึนความเหล่ือมลา้ ในสงั คมลดลง และภาพลกั ษณก์ าร คอรร์ ปั ชนั่ ดีข้ึน 2.คนไทยมีการเรียนรอู้ ย่างต่อเน่ือง มีสขุ ภาวะดีข้ึน และ สถาบนั ทางสงั คมมีความเขม้ แข็งมากข้ึน 3. เพ่ือพฒั นาเศรษฐกิจใหเ้ ติบโตอย่างมีเสถียรภาพ คณุ ภาพ และยงั่ ยืน 4.คณุ ภาพส่ิงแวดลอ้ มอย่ใู นเกณฑม์ าตรฐาน

ยุทธศาสตรก์ ารพฒั นา 1.การเตรียมคนไทยให้มีการเรียนรู้ตลอดชีวติ มุ่งพฒั นาคน ไทยให้มีศักยภาพในการคดิ วเิ คราะห์สังเคราะห์ มีความคิด สร้างสรรค์ ใฝ่ เรียนรู้ มีคุณธรรมจริยธรรม ค่านิยมท่ีดีงาม รู้จกั สทิ ธิหน้าท่ขี องตนเองและผู้อ่ืน 2.การสร้างความม่ันคงทางเศรษฐกจิ และสังคมให้ทุกคนใน สังคมไทยมุ่งปรับโครงสร้างเศรษฐกจิ ท่มี ีคุณภาพและย่งั ยนื มีฐานการพัฒนาท่ที ่วั ถงึ 3. การเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชน และส่งเสริมบทบาท ภาคประชาสังคมและธุรกจิ เอกชนให้เป็ นพลังร่วมในการ พฒั นาสังคมไทย

ยุทธศาสตรก์ ารพฒั นา 7.การบริหารจดั การน้าและที่ดินเพื่อสนบั สนุนความมนั่ คง ดา้ นอาหารและการปรบั โครงสรา้ งทางเศรษฐกิจ 8. การยกระดบั ขีดความสามารถในการปรบั ตวั รองรบั การ เปล่ียนแปลงสภาพภมู ิอากาศ และภยั พิบตั ิทางธรรมชาติ 9.การบริหารจดั การประเทศเพ่ือสรา้ งความเป็ นธรรมในสงั คม พฒั นาระบบราชการและขา้ ราชการโดยยึดหลกั ธรรมาภิบาล

แผนพัฒนาสุขภาพ ฉบบั ท่ี 10 วิสยั ทศั น์ สขุ ภาพดีเป็ นผลมาจากสงั คมดี ม่งุ สรา้ งระบบสุขภาพพอเพียง ใหป้ ระชาชนมีสขุ ภาพดี บริการดีสงั คมดี ชีวิตมีความสขุ อย่างพอเพียง

แนวคิดหลกั 2 ประการ1.แนวคิดระบบสขุ ภาพพอเพียง 1.ยึดทางสายกลาง 2.มีความสมดลุ พอดี 3.รจู้ กั พอประมาณ 4.การมีเหตุผล 5มีระบบภมู ิคมุ้ กนั 6.รเู้ ท่าทนั โลก 7.มีคณุ ธรรมและจริยธรรม

แนวคิดหลกั 2 ประการ 2. แนวคิดสขุ ภาพดีเป็ นผลจากสงั คมดี หรือสงั คมแห่ง สขุ ภาวะ เป็ นสงั คมที่เป็ นธรรม เอ้ือเฟ้ื อเก้ือกลู กนั ไม่กดขี่หรือเอารดั เอาเปรียบกนั เคารพในคณุ ค่าความเป็ นมนุษยเ์ สมอกนั ไม่เบียดเบียนตนเอง ผูอ้ ่ืน และไม่เบียดเบียนธรรมชาติ การสรา้ งระบบสขุ ภาพพอเพียงจะเป็ นจริงได้ ก็ดว้ ยภาคีร่วม พฒั นาทกุ ภาคส่วน

ยุทธศาสตรก์ ารพฒั นา 1.การสรา้ งเอกภาพและธรรมาภิบาลในการจดั การระบบสุขภาพ 2.การสรา้ งวฒั นธรรมสขุ ภาพและวิถีชีวิตท่ีมีความสุขในสงั คมแห่ง สุข 3.การสรา้ งระบบบริการสุขภาพและการแพทยท์ ี่ผูร้ บั บริการอุ่นใจ ผูใ้ หบ้ ริการมีความสขุ 4.การสรา้ งระบบภูมิคุม้ กนั เพื่อลดผลกระทบจากโรคและภยั คุกคามสุขภาพ 5.การสรา้ งทางเลือกสขุ ภาพท่ีหลากหลายผสมผสานภูมิปัญญา ไทยและสากล 6.การสรา้ งระบบสขุ ภาพฐานความรดู้ ว้ ยการจดั การความรู้