เอกสารประกอบการเรยี น ลทั ธขิ องชาวจนี ในประเทศไทย ภาษาจีนพนื้ ฐาน ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี4 ครูนิลรตั น์ชา แจค้ า(คศ.1) โรงเรยี นสาวน้อยมหศั จรรย์ 2564
เอกสารประกอบการเรยี น ลัทธิของชาวจีนในประเทศไทย ภาษาจนี พื้นฐาน ช้ันมัธยมศึกษาปที ี่4 ครูนลิ รตั น์ชา แจค้ า(คศ.1) โรงเรยี นสาวน้อยมหัศจรรย์ 2564
คานา รายวิชาภาษาจีนพ้นื ฐานช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่4 รหัสวิชา จ31201 เปน็ รายวิชาท่มี ุ่งเนน้ ให้ ผเู้ รียนทราบถงึ ประวัติและความเป็นมาของลทั ธขิ องชาวจีนในประเทศไทย การนบั ถอื เทพเจา้ การเคารพบูชาและมุ่งเน้นให้ผู้เรียนเข้าใจถึงความแตกต่างของลัทธิจีนกับไทย ดังน้ัน เอกสารประกอบการเรียนการสอนเล่มนี้จะอธิบายถึงหลักคาสอนของลัทธิต่า งๆเพ่ือให้ ผู้เรียนได้ศึกษา ค้นคว้า ได้ทาความเข้าใจมากยิ่งขึ้นและผู้จัดทาคาดหวังว่าเอกสาร ประกอบการเรยี นการสอนเลม่ นจ้ี ะทาใหผ้ ้เู รยี นท่ีไดอ้ า่ นเกิดความรู้ความเขา้ ใจเพม่ิ มากขึน้ โดยเอกสารประกอบการเรียนการสอนวิชาภาษาจีนพ้ืนฐานประกอบด้วย 4บทเรียนคือ บทเรียนท่ี1 เร่ืองลัทธิของขงจ๊ือ บทเรียนที่2 เรื่องลัทธิเต๋า บทเรียนที่3 เรื่องพุทธ มหายาน และบทเรียนที่4 เรื่องการนับถือเทพเจ้า ซ่ึงในแต่ละบทเรียนจะมีแบบฝึกหัด เพอื่ ที่จะให้ผู้เรียนทาความเข้าใจและเกิดกระบวนการคิดมากขึ้น หากมีขอ้ ผดิ พลาดประการใด ผจู้ ดั ทาขออภยั ณ ท่ีนด้ี ้วย ผจู้ ดั ทา นิลรตั น์ชา แจ้คา
สารบญั เรอ่ื ง หนา้ คานา ก สารบญั ข บทท1่ี ลัทธขิ งจื๊อ 儒家 1 แบบฝกึ หัดท1ี่ .1 7 แบบฝกึ หัดท1่ี .2 10 บทท2่ี ลทั ธิเตา๋ 道家 11 แบบฝึกหัดท2่ี .1 15 แบบฝึกหัดท2่ี .2 18 บทท3่ี พุทธมหายาน 19 แบบฝกึ หดั ท3ี่ .1 26 แบบฝึกหัดท3ี่ .2 29 บทที่4 การนบั ถือเทพเจา้ 30 แบบฝกึ หัดท4่ี .1 37 แบบฝกึ หัดท4่ี .2 39 อา้ งอิง 41 ภาคผนวก 43
จุดประสงค์ 1. เพ่ือให้ผเู้ รียนทราบถงึ ประวตั ิความเป็นมาของลทั ธิจนี ท่ีเกดิ ในประเทศไทย 2. เพอื่ ให้ผเู้ รียนทราบถึงความเช่ือของลทั ธจิ นี กับการนับถอื พระพุทธศาสนาในประเทศไทย 3. เพื่อใหผ้ ้เู รยี นได้ทราบและเขา้ ใจถงึ หลกั คาสอนของลัทธิจีนทย่ี ังคงดารงอยใู่ นประเทศไทย
บทที่1 ลทั ธขิ งจ๊ือ 儒家 第 จดุ ประสงค์ 一 1. เพ่ือให้ผ้เู รียนไดท้ ราบถึงประวตั ิและความเปน็ มาของขงจอ๊ื 2. เพื่อให้ผู้บเรียนได้ทราบและเข้าใจถึงหลักคาสอน ความเช่ือและ พิธีกรรมของลัทธขิ งจื๊อ 课
ประวตั แิ ละความเปน็ มาของขงจือ๊ บรรพชนของขงจื๊อสืบเชื้อสายหนึ่งในสายราชนิกุล แห่งราชวงศ์ซาง ทาให้บรรพชนรุ่นต่อมาได้รบั ราชการเป็นขุน นางชั้นสูงของแคว้นซ่งมาหลายช่วั คน แต่ด้วยเหตุความวุ่นวาย ทางการเมอื งจงึ ล้ีภยั มาอยทู่ ่แี คว้นหลู่ ภาพท1ี่ .1 https://sites.google.com บิดาของขงจ๊ือมีนามว่า 孔纥 Kǒng gē หรือ 叔梁纥 Shū liáng gē เป็นผู้มีการศึกษาและ ชานาญยุทธ์รูปร่างสูงใหญ่กายา รับราชการในแคว้นหลู่ และเคยเข้าร่วมกับกองทัพปกป้องบ้านเมืองจา การรุกรานของต่างแคว้นถึง 2 คร้ัง เขามีภรรยา 3 คน โดยภรรยาคนแรกให้กาเนิดบุตรสาว 9 คน ส่วนภรรยาคนท่ีสอง ให้กาเนิดบุตรชายพิการทางขาต้ังแต่ยังเด็ก และแต่งงานกับ 颜征在 Yán zhēng zài ภรรยาคนทีส่ าม(มารดาของขงจอื๊ ) เพ่ือมที ายาทสืบสกุลอย่างสมบูรณ์ ขงจ๊ือเดิมช่ือว่า 丘 Qiū ชื่อรอง 仲尼 Zhòng ní เป็นชาวเมือง 陬义 Zōu yìในแคว้นหลู่ ปัจจุบันคือเมือง 曲阜 Qūfù ในมณฑล 山东 Shāndōng ท่านเกิดในสมัยชุนชิว (551 - 479 ปี ก่อนค.ศ ) ใน 史记 Shǐjì,孔子世家 Kǒngzǐ shìjiāบันทึกประวัติศาตร์สื่อจ้ี บทตระกูลขงจ๊ือ ไดบ้ นั ทึกไวว้ า่ ขงจือ๊ สูงประมาณ 2 เมตร เรียกได้วา่ เป็น ‘ผูส้ งู ใหญ่’อย่างแทจ้ รงิ ตามคาร่าลือกาลงั แขน ของขงจอ๊ื แข็งแรงยิ่งนกั คุณลักษณะทางกายภาพเหล่าน้ี ขงจือ๊ ได้รบั ถา่ ยทอดจากผู้เป็นบิดาซึ่งไม่ตรงกับ ภาพลักษณ์ที่คนรุ่นหลังกล่าวกันว่า ขงจ๊ือเป็นปัญญาชนท่ีรา่ งกายอ่อนแอ เพราะท่านชานาญทั้งเกาทัณฑ์ และขี่ม้า นอกจากน้ี ความสามารถในการด่มื สุรากเ็ หนือกว่าใคร เม่ือบิดาก็เสียชีวิต(ขงจ๊ืออายุ 3 ขวบ) เหยียนเจิงไจ้ถูกกดขี่โดยภรรยาหลวงจนทนไม่ไหว จงึ พาบุตรชายหนีไปใช้ชวี ิตตามลาพัง นางอบรมเลี้ยงดบู ุตรท้ังสองอย่างดีและให้บุตรได้รับการศึกษาท่ีดี ทีส่ ุดในชนบท โดยได้รบั ความช่วยเหลอื จากบิดาของนาง มารดาและตาเป็นผู้ปลูกฝังความใฝ่รใู้ ห้กบั ขงจื๊อ ตั้งแต่เยาว์วัย จนเมื่อขงจื๊ออายุ 15 ปี ก็ตั้งปณิธานใฝ่ศึกษาศิลปวิชาแขนงต่างๆดังที่มีบันทึกในหนังสือ ‘论语 วาทะวิจารณ์ของขงจ๊ือ’ ว่า “吾十有五而志于学”wú shí yǒu wǔ ér zhì yú xué ข้า อายุ 15 กต็ ง้ั มน่ั ในการศึกษา” 1
พออายุ 17 มารดาก็จากไป ขงจ๊ือเล้ียงชีพด้วยการเป็นเจ้าพนักงานดูแลคลังเสบียงและ เจ้าหน้าทปี่ ศสุ ัตว์ ตามลาดับ นอกจากน้ี เม่อื ขนุ นางหรือคหบดีคนใดมีงานมงคลหรืออวมงคลกจ็ ะเป็น ผทู้ าพธิ ีกรรมให้ ด้วยอุปนสิ ัยที่ใฝ่รูท้ ่านจึงมุ่งมานะหมน่ั ศกึ ษามาโดยตลอด กระทั่งอายุ 20 กว่ากส็ นใจ เกี่ยวกับการเมืองการปกครอง มัการปัญหาและให้ข้อคิดเห็นเกี่ยวกับบ้านเมืองแก่บรรดานักปกครอง จนไดร้ ับการยกยอ่ งให้เป็น “ผ้รู อบร้แู ละสนั ทัดในนติ ิธรรมเนียม” 礼 lǐ ความขยันหม่ันเพียรศึกษาเล่าเรียนต้ังแต่เยาว์วัย เป็นการสั่งสมความรู้ความสามารถสาหรับการ สร้างระบบแนวคิด และปูพื้นฐานที่มั่นคงในการถ่ายทอดความรู้แก่ลูกศิษย์ ทาให้ขงจ๊ือเป็นผู้รอบรู้ใน ยุคสมัยน้นั และมผี ู้มาฝากตัวเปน็ ศษิ ยเ์ พิ่มขึน้ เรอ่ื ยๆ ครั้นอายุ 35 แคว้นหลเู่ กิดศกึ การเมืองภายใน ขงจื๊อจึงเดินทางไปยังแคว้นฉีด้วยความคาดหวัง ว่า เจ้าผุ้ปกครองแคว้นฉีจะสนใจแนวคิดการปกครองของตน แต่ผู้ปกครองแคว้นไม่ได้ให้ความสาคัญ เท่าทค่ี วร ทั้งยงั มีขนุ นางคอยกลั่นแกล้งและกีดกนั ท่านจึงกลับมายงั แคว้นหลู่ และดาเนินชีวิตเป็นครู ผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาให้แก่บรรดาสานุศิษย์ท้ังหลาย ขงจ๊ือใช้ชีวิตวัยกลางคนคลุกคลีกับการ ปกครองบ้านเมืองอย่างเต็มตัว ด้วยการดูแลท้องที่เล็กๆ แห่งหน่ึง จากน้ันไม่นานก็ได้เป็นผู้คุมการ โยธา และ ผู้ดูแลกฎหมายและการลงทัณฑ์ของแคว้นหลู่ ตามลาดับ ต่อมาเกิดปัญหาการเมืองภายใน แคว้นอีกครั้ง ท่านจึงไดล้ าออกและเดินทางเยือนแคว้นตา่ งๆ เพื่อเผยแพร่แนวความคิดทางการปกครอง จนกระทั่งอายุได้ 67 ปี จึงเดินทางกลับแคว้นหลู่ และเสียชีวิตเม่ืออายุ 72 ปี ซ่ึงในระหว่างท่ี เดินทางเยือนแคว้นต่างๆ ขงจ๊ือประสบกับอุปสรรคนานัปการ ท้ังการถูกดูหมิ่นเหยียดหยาม ใส่ร้าย ป้ายสี ปองร้าย ควบคุมตัว และแนวความคิดก็ไม่เป็นที่ยอมรับ เน่ืองจากสวนทางกับสภาพบ้านเมือง และสังคมในขณะนั้น แต่ท่านก็ไม่ลดละความมุ่งม่ันที่ต้องการมีส่วนร่วมสร้างสังคมที่ดี ยินดีที่จะอุทิศ ตนเพ่ือประชาชน คาสอนของขงจ๊อื หลักเกณฑก์ ารวางตนในสังคมสาหรบั ผู้ทต่ี อ้ งการอยู่ร่วมกับเพอื่ นมนุษยอ์ ย่างมีสันติสขุ และเป็น แนวทางครองชีวิตของผ้ใู ฝร่ ู้เพื่อพัฒนาจติ ใจของตนเองซึง่ ดาเนนิ การตามหลัก ๕ ประการ ดงั นี้ ศรัทธา (ศรัทธาในธรรมชาติของมนุษย์) : คนเรามีธรรมชาติทดี่ ีมาแต่กาเนดิ เราจึงควรศึกษา ธรรมชาติของคน เพือ่ จะได้เขา้ ใจความดแี ละความสมบูรณแ์ บบของธรรมชาตมิ นุษย์ 2
ความรักเรียน : การศึกษาจะช่วยให้คนเข้าใจกันดีข้ึน ท้ังยังช่วยให้คนประพฤติตัวดีเป็น แบบอยา่ งแก่ผอู้ ่นื ได้ด้วย การบาเพ็ญประโยชน์ : การมเี มตตาจติ ตอ่ กนั จะทาใหส้ ังคมเป็นสุข การสร้างลักษณะนสิ ยั และทัศนคติที่ดี (เราต้องพัฒนาตนเองก่อนจะไปปฏริ ปู สงั คม การติดต่อ กับคนอ่ืนต้องอยู่บนรากฐานของความถูกต้องและมนุษยธรรม) : ถ้านักปกครองวางตัวไม่ดี ราษฎรกจ็ ะประพฤติตัวไม่ดีไปด้วย ดังหลักการท่ีจะนามาปฏบิ ตั ิว่า “จงอยา่ ปฏิบัติต่อผอู้ ื่น ในส่ิง ทท่ี ่านไม่ตอ้ งการใหผ้ อู้ ื่นปฏิบัตติ อ่ ท่าน” ขนบธรรมเนียมและจารีตประเพณี : สังคมจะพัฒนาได้ต้องมีระเบียบแบบแผน และระเบียบ แบบแผนท่ดี ที จี่ ะชว่ ยพฒั นาปัจเจกบคุ คลกค็ ือการศึกษาบทกวแี ละดนตรี 《论语》“三人行,必有我师焉;择其善者而从之,其不善者而改之。 ในหลายคนท่ีกาลงั ร่วมเดินกนั อย่นู น้ั จะตอ้ งมีคนหนึง่ ท่เี ป็นครูของเรา จงเลือกศึกษาในสว่ นดี ของเขา สว่ นไม่ดีจงแก้ไขเสีย ภาพท1่ี .2 http://www.ci.au.edu/th/index.php/about/2015-08-24-11-58-20 3
知之者不如好之者,好之者不如乐之者。 คนทม่ี ีความรู้ส้คู นทีช่ อบการเรยี นร้ไู มไ่ ด้ คนทช่ี อบการเรียนรสู้ คู้ นที่เรยี นอย่างมีความสขุ ไมไ่ ด้ ภาพท1่ี .3 https://www.google.com/url?sa=i&url=https%3A%2F%2Fth.lovepik.com 躬自厚而薄责于人,则远怨矣。 ตเิ ตยี นตนเองให้มาก และตเิ ตยี นผู้อ่ืนให้นอ้ ย เช่นน้ียอ่ มจะหลกี เล่ียงความแคน้ เคอื งกนั ได้ ภาพท1่ี .4 https://www.google.com/url?sa=i&url=https%3A%2F%2Fth.lovepik.com 4
คมั ภรั ์ของศาสนาขงจอื๊ เกงทั้ง 5 [ เกงหรือกิง แปลว่า “เล่ม” (Volume) หรือ “วรรณคดีชั้นสูง” (Classics) ] และซูท้ัง 4 [ ซู แปลวา่ “หนังสือตารา” (Books) ] เกงหรือกิงทง้ั 5 1.ยิกิง (Yi-King) คัมภีรแ์ ห่งความเปล่ียนแปลงวา่ ด้วยจักรวาล เป็นการรวบรวมตาราเก่าแก่และมีขอ้ เขียน ทีข่ งจอ๊ื ขยายความ ภาพท1ี่ .5 https://www.google.com/url?sa=i&url=http%3A%2F%2Fwww.thaizhouyi.com 2.ซูกิง (Shu-King) คัมภีร์แห่งประวัติศาสตร์ กล่าวถึงเหตุการณ์และการปกครองประเทศในสมัย ประมาณ 2400 ปีกอ่ นครสิ ตศักราช 3.ซกี ิง (Shi-King) คัมภรี แ์ หง่ บทกวี เช่น บทกวีสาหรบั ทาพิธีบชู าฟ้าดิน 4.ลิกิง (Li-King) คมั ภรี แ์ ห่งพิธกี รรม มใิ ชว่ ่าดว้ ยศาสนพธิ ีเทา่ นน้ั แต่ยังรวมถงึ มารยาททางสงั คมดว้ ย 5.ชุนชิว (Chun-Tsiu) คัมภีร์แห่งจดหมายเหตุฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง เปน็ บนั ทึกเหตุการณ์ในแคว้น ลู้ ที่ขงจ๊ือเคยอยู่ กลา่ วถึงบา้ นเมอื งท่ีผูป้ กครองมศี ีลธรรม ร้หู รือไม่?? คัมภรี ์ท้ัง 5 นไ้ี ด้รับความยกยอ่ งใหเ้ ป็นวรรณคดีชนั้ สงู ของจนี ดว้ ยนะ 5
ซูทัง้ 4 1.ต้าเซ่ียว (Ta Hsio) คัมภีร์แห่งการศึกษาข้ันสูง มีข้อความเกี่ยวกับศีลธรรม เชื่อกันว่าเป็นข้อเขียนของ ขงจอ๊ื 2.จุนยงุ (Chun-Yung) คาสอนเรื่องทางสายกลาง มขี อ้ ความเกี่ยวกบั ความร้จู ักประมาณตน 3.ลนุ ยู (Lun-Yu) เปน็ ประมวลคาสอนของขงจอ๊ื ซึง่ บรรดาศิษย์ของขงจือ๊ รวบรวมไว้ 4.เม่งจอ๊ื (Meng Tze) ขอ้ เขยี นเกย่ี วกบั ขงจอ๊ื ทีเ่ มง่ จ๊ือ (ศษิ ย์ของขงจื๊อ) เขยี นไว้ ในสมยั 100 ปีต่อมา พิธกี รรม ขงจ๊ือได้รวบรวมและเรียบเรียงไว้เป็นจานวนมาก ทั้งประเพณีการบูชาฟ้าดิน และบูชาบรรพบุรุษด้วย พธิ ีกรรมในการบูชาแบง่ ออกเป็น 2 อยา่ ง ดงั นี้ 1. พิธีบชู าขงจือ๊ เรม่ิ ตน้ เม่อื ปี 195 กอ่ นค.ศ. (พ.ศ. 348) พระจักรพรรดิจีนไดน้ าสัตว์ท่ีฆา่ แล้ว ไปทาพิธีบูชาทห่ี ลมุ ฝังศพของขงจ๊ือ และมีคาส่ังเป็นทางการ ให้มีการเซ่นไหว้ขงจื๊อเป็นประจา และให้สร้างศาลของขงจื๊อข้ึนในหัวเมืองสาคัญ เพ่ือทาพิธีเซ่นไหว้ กาหนดให้วันท่ี 27 สิงหาคมซ่ึงถือเป็นวันเกิดของขงจ๊ือและเป็นวันหยุดราชการประจาปีของจีน โดย ต่อมาไดเ้ ปลี่ยนเป็นวันท่ี 28 กันยายน ภาพท1่ี .6 https://www.google.com/url?sa=i&url=https%3A%2F%2Fmgronline.com 6
2. พิธีบูชาฟ้า ดิน พระอาทิตย์ และพระจันทร์ซ่ึงมีมานานก่อนสมัยของขงจื๊อ แต่ขงจ๊ือเล็งเห็น คุณประโยชน์ต่อจิตใจ จึงรวบรวมประเพณีพิธีกรรมเหล่านี้ไว้ในตาราของท่าน กลายเป็นส่วนหนึ่งของ ลทั ธิขงจอ๊ื ไปดว้ ย ในปีหน่งึ จะมีรัฐพิธี 4 ครั้ง ดงั นี้ 2.1 พิธีบูชาฟา้ ประมาณวนั ท่ี 22 ธันวาคม พระจักรพรรดทิ รงเป็นประธานในพิธี มกี ารแสดง ดนตรี แห่โคมไฟ มีเครื่องเซ่นไหว้ เช่น อาหาร ผ้า ไหม เหล้า เสร็จแล้วจะเผาเครื่องเซ่นไหว้ แท่น บูชาอยทู่ างทิศใตข้ องกรงุ ปกั ก่งิ ทาด้วยหินออ่ นสีขาว มีระเบียงลดหลั่นเป็นชน้ั 3 ชัน้ 2.2 พิธีบูชาดิน เป็นการบูชาธรรมชาติหรือเทพประจาธรรมชาติ ประมาณวันท่ี 21 หรือ 22 มถิ ุนายน ผปู้ ระกอบพิธีเป็นขุนนางหรือข้าราชการ กระทาเปน็ งานประจาปี แทน่ บูชาอยู่ทางทิศเหนอื ของ กรงุ ปกั กงิ่ สถานที่บชู ามีลกั ษณะเปน็ สเี่ หลี่ยมมีน้าลอ้ มรอบ 2.3 พิธีบูชาพระอาทิตย์ ประมาณวันที่ 21 มีนาคม กระทาเป็นทางราชการประจาปี ณ ที่บูชา ทางประตูด้านตะวนั ออกของกรงุ ปกั ก่ิง 2.4 พิธีบูชาพระจันทร์ ประมาณวันท่ี 22 หรือ 23 กันยายน กระทาเป็นทางราชการประจาปี ณ ที่บูชาดา้ นทศิ ตะวนั ตกของกรุงปกั กิ่ง แบบฝึกหัด (一) 请阅读课文,并回答问题。 1.บิดาของขงจอื๊ มนี ามว่า ……………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………… 2.ภรรยาคนทส่ี ามหรอื มารดาของขงจือ๊ มนี ามวา่ ……………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………… 7
3.ขงจอ๊ื เกิดในช่วงรัชสมยั ใด ……………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………… 4.บทตระกลู ขงจือ๊ ได้บันทึกไว้ว่าขงจ๊ือสูงประมาณ 2 เมตร จึงไดร้ บั สมญานามว่า ……………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………… 5.บรรดานักปกครองยกย่องขงจ๊ือว่าเปน็ คนอยา่ งไร ……………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………… 6.หลกั คาสอนของขงจ๊อื มกี ป่ี ระการ อะไรบ้าง ……………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………… 7.ยกตวั อย่างของหลกั คาสอนของขงจอื๊ ท่สี นใจ (1หลกั คาสอน) ……………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………… 8.วรรณคดชี ้นั สงู ของขงจื๊อมกี เ่ี ลม่ อะไรบ้าง ……………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………… 8
9.คมั ภรี ซ์ ูกิง (Shu-King) เป็นคัมภีรเ์ ก่ียวกบั เร่อื งใด ……………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………… 10.หนงั สอื ตาราจนุ ยุง (Chun-Yung) เป็นหนงั สอื เกี่ยวกบั เรอื่ งใด ……………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………… 11.อธิบายพิธีกรรมขงจอ๊ื โดยสงั เขป ……………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………… 12.อธิบายพิธบี ูชาฟ้า ดิน พระอาทติ ย์ และพระจนั ทร์โดยสังเขป ……………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………… (二)ใส่เครือ่ งหมายผิด-ถกู จากเน้อื เรอ่ื งทีไ่ ดอ้ ่าน ………1.บรรพชนของขงจ๊อื สบื เชอ้ื สายราชวงคถ์ ัง ………2.ขงจอ๊ื เป็นชาวเมือง 陬义 Zōu yì ในแคว้นหลู่ ………3.ขงจื๊อได้รับการยกยอ่ งใหเ้ ป็น “ผู้รอบรู้และสันทดั ในนิตธิ รรมเนยี ม”礼 lǐ ………4.คาสอนของขงจื๊อคือหลกั เกณฑก์ ารวางตนในสงั คมสาหรับผู้ท่ีตอ้ งการอยูร่ ว่ มกบั เพอ่ื นมนุษย์ อยา่ งมสี ันติสขุ 9
………5.หนงั สือตาราซูทั้ง4เรยี กวา่ “วรรณคดชี ั้นสงู ” ………6.พธิ บี ูชาขงจอ๊ื เริ่มต้นเม่ือปี 159 ก่อนค.ศ. ………7.แทน่ บชู าอยู่ทางทิศใต้ของกรุงปักก่ิงทาดว้ ยหินออ่ นสขี าว มีระเบียงลดหล่นั เป็นช้นั 3 ช้ัน ………8.พิธีบชู าพระจนั ทร์ ประมาณวันท่ี 22 หรือ 23 กนั ยายน กระทาเป็นทางราชการประจาปี ณ ที่บชู าด้านทศิ ตะวันตกของกรงุ ปกั ก่งิ บทสรปุ เป็นเร่ืองท่ีเก่ียวกับลัทธิของขงจ๊ือประวัติความเป็นมาหลักคาสอนต่างๆท่ี ประเทศไทยนั้นได้นามาสอนหรือให้ข้อคิดในด้านต่างๆ และอธิบายถึงพิธีกรรมท่ีถูก รวบรวมไว้ในบนั ทึกของขงจ๊ือ 10
บทท่ี2 ลัทธิเตา๋ 道家 第 จดุ ประสงค์ 二 1. เพือ่ ให้ผเู้ รยี นไดท้ ราบถงึ ประวตั แิ ละความเปน็ มาของลัทธเิ ตา๋ 2. เพื่อให้ผู้เรียนได้ทราบและเข้าใจถึงคุณสมบัติของลัทธิเต๋าและ อิทธิพลของลทั ธิเต๋าท่มี ีตอ่ สงั คมจีน 课
ประวัติและความเปน็ มาของลทั ธิเตา๋ นักปรชั ญาในลทั ธิเต๋า ภาพท2่ี .1 https://asinnaw.wordpress.com นักปราชญ์ที่สาคัญในปรัชญาเต๋าคือ เล่าจ๊ือ 老子 Lǎozi ผู้ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นศาสดา และจวงจ๊ือ 庄子 Zhuāngzi ศิษย์คนสาคัญของเล่าจื๊อ เป็นผู้สืบ ทอดและขยายความหมายของเต๋าจนกลายเป็นปรัชญา เต๋าท่ีสมบูรณ์ โดยมี “เต๋าเต๋อจิง” 道德经 Dàodé jīng เป็นคัมภีรท์ ี่สาคัญของปรัชญาเตา๋ ประวัติความเป็นมาและต้นกาเนดิ ของลทั ธเิ ต๋า ผูก้ อ่ ตงั้ ลทั ธเิ ต๋ามีชอ่ื เดมิ ว่า 李耳 Lǐ ěr แต่รู้จัก กันท่ัวไปว่าเล่าจื้อ เล่าจื้อเป็นนักปรัชญาท่ีมีชื่อเสียงมากผู้หนึ่ง ความคิดเห็นส่วนใหญ่ของเล่าจื้อปรากฎ อยู่ในหนังสือ เต๋าเตอเชง ปรัชญาในหนังสือน้ีมีอิทธิพลแก่ความคิดและศิลปวิทยาของจีนเป็นอย่างย่ิง หนังสือเต๋าเตอเชงน้ีส่วนใหญ่บรรจุขอ้ เขียนเกย่ี วกบั แนวปฏิบัติในชวี ติ อาทิเช่น ผทู้ ี่รอบรู้มกั จะไมพ่ ูดมาก และผู้ท่พี ูดมากมกั จะไม่รู้ เปน็ ต้น คาสอนของลทั ธิเตา๋ ปรัชญาเต๋า ความเชื่อถือบูชาธรรมชาติ ปรชั ญาเต๋า (Taoism) เกิดข้ึนจากความเชือ่ ถอื บชู าพระเจ้าประจาธรรมชาติ ซึ่งเป็นความเชื่อดั้งเดมิ ของจีน คาว่า “เต๋า” ในความหมายทางปรัชญาและศาสนาหมายถึง “ส่ิงสมบูรณ์สูงสุด” เต๋าเป็นต้นกาเกิดของ ส่ิงทั้งปวง และครอบคลุมทุกอย่างเอาไว้ ท้ัง จักรวาล โลก สังคมและชีวิต เต๋าเป็นกฎธรรมชาติ สรรพสง่ิ จึงดาเนินไปตามวิถีของเต๋า 11
《道德经》:知者不言。言者不知 ผู้ร้ไู ม่พดู ผู้พูดไมร่ ู้ ภาพท2่ี .2 https://www.google.com/url?sa=i&url=https%3A%2F%2Fth.wikipedia.org คณุ สมบัตขิ องลทั ธเิ ต๋า เต๋าเป็นสิ่งทีเ่ รียกขานดว้ ยชื่อไม่ได้ เปน็ สง่ิ นามธรรม ไมม่ รี ปู ร่างลกั ษณะ อยูเ่ หนืออานาจของกาลเวลา เต๋าเป็นต้นกาเนิดของส่ิงทั้งปวง สรรพส่ิงในโลกล้วนเกิดจาก “ภาวะ” และภาวะคือ ฟ้า ดินและ “อภาวะ” ซง่ึ กค็ ือเต๋า เต๋ามีอยู่ในทุกหนทุกแหง่ เตา๋ เปน็ ต้นตอให้สรรพสิ่งเกิดข้ึน เม่อื มีสิ่งต่างๆย่อมมเี ต๋า อยู่เสมอการรู้จักกฎธรรมชาติของชีวิต การปฏิบัติตามกฎธรรมชาติของชีวิตจนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับ ธรรมชาติ ความรสู้ ึกท่เี ตม็ เป่ยี มอยูภ่ ายใน ทง้ั หมดคอื อดุ มคตแิ หง่ เต๋า 12
อทิ ธพิ ลของลทั ธเิ ต๋าทม่ี ตี ่อสังคมจีน ภาพท2ี่ .3 https://www.inclusivechurch.net ลัทธิเต๋าของเล่าจ้ือ ได้รับการสนับสนุนจากคนส่วนใหญผ่ ู้ถูกกดข่ี แต่คนชนช้ันทีม่ ีการศึกษาดี ไม่มีใคร นยิ มชมชอบนัก ผลก็คือลทั ธิเตา๋ จงึ ค่อยๆ เสือ่ มไป ต่อมาคนสว่ นมากยังศรัทธาในลทั ธแิ บบเชอ่ื ในโชคลาง และไสยศาสตร์อีกด้วย ทาให้พวกนับถือลัทธิของขงจื้อพากันเหยียดหยาม ก็เพราะลัทธิเหยียดหยามลัทธิ เต๋าน่ีเอง คนเลยไม่สนใจวิทยาศาสตร์ ดังนั้นประเทศจีนจึงเจริญก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์น้อยเกินไป เพราะไปหลงตาหนิลทั ธเิ ตา๋ ลทั ธิเต๋านนั้ ค้นพบเรื่องทางวิทยาศาสตร์มาก่อนชนชาติใด เชน่ การประดิษฐ์ ดินปืน นอกจากน้ีความปรารถนาของผนู้ ิยมลัทธิเตา๋ ในอันทีจ่ ะคน้ หาความจรงิ เกย่ี วกบั ชวี ิต และหนปี ัญหา ต่างๆ ด้วยการไปชีวิตใกล้ธรรมชาติ ทาให้ค้นพบการบาบัดรักษาโลกด้วยสมุนไพร ซ่ึงทาให้เกิด วิวัฒนาการด้านความรู้ทางแพทย์อีกด้วย ภาพท2ี่ .4 https://www.inclusivechurch.net 13
ความหมายของหยนิ และหยาง ภาพท2ี่ .5 https://sites.google.com/site/xarythrrmxecheiy ลัทธเิ ตา๋ เป็นลัทธทิ ่ที าความเขา้ ใจไดย้ าก เพราะต้องใช้สัมผสั พเิ ศษในการเข้าถึง เลา่ จ้อื ไดก้ ลา่ วไว้ ”เต๋าเป็นธรรมชาติอนั มิอาจมองเห็นไดด้ ว้ ยการดู จะเงย่ี หฟู ังก็มอิ าจไดย้ ิน จะสมั ผัสก็กระทบมิได้ จะวิจัยอย่างไรกอ็ บั จน” กว่า 3,000ปี ที่ขาวจีนเคารพนับถือธรรมชาติ มีความเชื่อว่าวิญญาณสิงสถิตย์อยู่ โดยเล่าจ้ือได้ค้นพบว่า เอกภาพนีม้ พี ลงั ตรงขา้ มกนั สองอยา่ งคอื หยนิ และหยาง หยาง (Positive Power) เป็นพลังบวกสัญลักษณ์สีขาว แทนเพศชาย แทนพลังความอบอุ่น สดใส สว่าง หยิน (Negative power) เป็นพลังลบสัญลักษณ์สีดา แทนเพศหญิง แทนพลังความหนาวเย็น ความมดื ลึกลบั สญั ลักษณข์ องหยนิ และหยางน้ัน มีลักษณะผสานกันเป็นวงกลมเคลื่อนเข้าหากัน ซ่ึงความหมายของการมี อยู่คู่กันของทุกส่งิ บนโลก เช่น หญิงคชู่ าย มเี กิดย่อมมดี ับ มีมดื ย่อมมีสว่าง มีร้อนย่อมมหี นาว ซึ่งหลัก ของหยินและหยางน้ีนามาซ่ึงความสมดุลของธรรมชาติหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของระบบนิเวศน์ จานวนประชากร 14
สถานที่ตา่ งๆก็ควรจะมหี ยินและหยางทส่ี มดุลกัน หากไม่สมดลุ เชน่ บรเิ วณใดท่ีขาดแคลนน้ามากก็จะแห้ง ผาดเป็นทะเลทรายสิ่งมีชีวิตยากท่ีจะมีชีวิตอยู่ได้ แต่หากบริเวณใดมีน้ามากเกินไปก็ยากท่ีจะใช้ชีวิตอยู่ได้ เช่นกัน ทุกอย่างต้องอยู่ในความเป็นกลาง และความพอดี หยินและหยางมีอยู่ทุกที่หากมองสิ่งที่ใกล้ตัว ทส่ี ุดคือ ร่างกายเราเอง คนที่มีสุขภาพดี แขง็ แรง สมบรู ณจ์ ะต้องมีหยินและหยางในภาวะสมดลุ สภาวะ ไม่สมดุลเช่น ร่างกายร้อนมากเกินไป ก็จะไม่สบายเป็นไข้ นอกจากเรื่องของร่างกายแล้ว จิตใจก็ยังมี ส่วนเก่ียวข้องเช่นกัน อารมณ์ร้อนมาก แสดงว่ามีหยางมาก ทาให้บุคคลน้ันเป็นคนเกร้ียวกราด ไม่น่า เข้าหา อาจทาใหเ้ ปน็ โรคเครียด เส้นเลอื ดในสมองแตกได้ ควรบาบัดด้วยหยิน ทาใหใ้ จเยน็ ลง โดยการ ควบคมุ สมาธิ ส่ิงเหล่านถ้ี ูกค้นพบมาหลายพันปแี ละยังใช้ไดจ้ ริงในปัจจุบนั ไม่วา่ จะด้านการแพทย์ ระบบ นิเวศน์ของโลก ส่ิงท่ีมองไม่เห็นท่ีเรียกว่าหลักฮวงจุ้ย ไม่แปลกที่ลัทธิเต๋าจะสามารถดารงอยู่ สืบทอดมา ได้ยาวนาน แบบฝึกหัด (一) 请阅读课文,并回答问题。 1.นกั ปราชญ์ทสี่ าคัญของลทั ธเิ ต๋าคอื ใคร …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… 2.ผกู้ ่อตัง้ ลัทธเิ ต๋ามชี ือ่ เดิมวา่ …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… 3.อธิบายคุณลกั ษณะของลัทธเิ ตา๋ โดยสังเขป …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… 15
4.”เต๋า”ในความหมายของปรัชญาและศาสนาหมายถงึ …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… 5.ยกตวั อย่างของหลักคาสอนของลทั ธเิ ต๋า (1หลักคาสอน) …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… 6.อธิบายอทิ ธิพลของลัทธเิ ตา๋ ท่มี ีตอ่ สังคมจนี โดยสังเขป …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… 7.ลทั ธิเต๋าเป็นลัทธทิ ี่ทาความเข้าใจไดย้ าก เพราะต้องใช้สัมผัสพิเศษในการเข้าถงึ เล่าจอื้ ไดก้ ลา่ วไว้ว่า …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… 8.”หยนิ ”หมายถึง …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… 9.”หยาง”หมายถงึ …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… 10.ประโยค “ความหมายของการมอี ย่คู ู่กันของทกุ สิง่ บนโลก” …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… 16
11.หยินและหยางมีความเก่ียวขอ้ งอย่างไรกบั ร่างกาย …………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………… 12.วาดรูปหยินและหยาง (二)ใส่เครือ่ งหมายผดิ -ถกู จากเนอ้ื เรื่องทไ่ี ดอ้ ่าน ………1. 庄子 Zhuāngzi คอื ศิษย์คนสาคญั ของเล่าจื๊อ ………2. 道德经 Dàodé jīng เป็นคมั ภรี ์ท่สี าคัญของปรชั ญาเตา๋ ………3.ชื่อเดมิ ของเล่าจ๊อื คอื 耳利 Ěr lì ………4.เต๋าเปน็ ตน้ กาเกิดของสิง่ ท้งั ปวง ครอบคลุมทุกอย่าง 17
………5. หยาง (Positive Power) เป็นพลังบวกสัญลักษณ์สขี าว แทนเพศหญงิ ………6.หยนิ (Negative power) เป็นพลงั ลบสญั ลักษณ์สีดา แทนเพศชาย ………7.เตา๋ เป็นสิ่งที่เรียกขานดว้ ยช่อื ไม่ได้ เป็นสิง่ นามธรรม ไมม่ ีรูปร่างลักษณ ………8.หยนิ และหยางมอี ยู่ทกุ ท่หี ากมองส่ิงทีใ่ กลต้ วั ทส่ี ุดคอื ร่างกาย บทสรปุ เป็นเร่ืองราวเกี่ยวกับลัทธิเต๋าที่กล่าวถึงประวัติความเป็นมาและหลักคาสอนอีก ทั้งยังพูดถึงอิทธิพลของลัทธิเต๋าท่ีมีต่อสังคมจีน ความหมายของหยินและหยางที่เป็น พลังบวกและพลังลบเป็นสัญญาลักษณ์เพศชายและเพศหญิง หยินและหยางเป็นสิ่งท่ี อยู่ใกลต้ ัวเราท่ีสุดคือร่างกายของเรา 18
บทท่ี3 พุทธมหายาน 第 จุดประสงค์ 三 1. เพื่อให้ผู้เรียนได้ทราบถึงประวัตแิ ละความเปน็ มาของพุทธมหายาน 2. เพือ่ ให้ผเู้ รยี นได้ทราบถงึ ที่มาของนิกายมหายานของอินเดยี และจนี 课
ประวัติและความเปน็ มาของพทุ ธมหายาน เริ่มตั้งแต่สมัยพุทธกาล ผู้ประกาศศาสนาและเป็นศาสดาของ ศาสนาพุทธคือพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้เมื่อวันข้ึน 15 ค่าเดือนวิสาขะหรือเดือน 6 ณ ใต้ต้นพระศรีมหาโพธ์ิ ตาบลอุรุเวลาเสนานิคม แค้วนมคธ ประเทศอินเดีย45 ปี ก่อนพทุ ธศักราชปัจจุบนั สถานทีน่ ้ี เรยี กว่าพุทธคยา อยู่ ภาพท3่ี .1 https://th.wikipedia.org/wiki หา่ งจากเมอื งคยาประมาณ 11 กโิ ลเมตร ประวัติความเป็นมาของพุทธศาสนาหลังจากการแพร่หลายไปท่ัวอินเดีย หลังพุทธปรินิพพาน 1๐๐ ปี จึงแตกเป็นนิกายย่อย โดยนิกายท่ีสาคัญคือ เถรวาทและมหายานนิกายมหายานได้แพร่หลายไปท่ัวเอเชีย กลางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียตะวันออก เมื่อศาสนาพุทธในอินเดียเสื่อมลง พุทธศาสนา มหายานในเอเชียกลางและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้เสื่อมตามไปด้วย ยังคงเหลือในจีน ทิเบต ญี่ปุ่น เวียดนามส่วนนิกายเถรวาทได้เฟื่องฟูข้ึนอีกครั้งในศรีลังกาและแพร่หลายไปในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พทุ ธศาสนา ได้แพรห่ ลายไปยังโลกตะวนั ตกต้ังแตค่ รง้ั โบราณแตช่ าวตะวันตกหนั มาสนใจพุทธศาสนามาก ขนึ้ ในยุคจักรวรรดินยิ มและหลังสงครามโลกครั้งท่ี 2 การกาเนิดมหายาน พระพุทธศาสนามหายานเริ่มก่อตัวขึ้นเมื่อราวพุทธศตวรรษที่ 6-7 โดยเป็นคณะสงฆ์ท่ีมีความเห็นต่าง จากนิกายเดิมท่ีมีอยู่18-20 นิกายในขณะนั้น แนวคิดของมหายานพัฒนามาจากแนวคิดของนิกาย มหาสังฆิกะและนิกายที่แยกไปจากนิกายนี้จุดต่างจากนิกายดั้งเดิมคือคณะสงฆ์กลุ่มนี้ให้ความสาคัญกับ การเป็นพระโพธิสัตว์และเนน้ บทบาทของคฤหสั ถม์ ากกว่าเดิม จึงแยกออกมาตัง้ นกิ ายใหม่ 19
เหตทุ ีม่ กี ารพัฒนาลัทธิมหายานขนึ้ น้นั เนอื่ งจาก 1.แรงผลักดนั จากการปรบั ปรุงศาสนาพราหมณ์ มีการแต่งมหากาพย์รามายณะและมหาภารตะเพื่อดงึ ดดู ใจ ผู้อ่านให้ภักดีต่อพระผู้เป็นเจ้า กาหนดให้มีพระเจ้าสูงสุด3องค์ คือพระพรหม พระนารายณ์ พระอิศวร ประกอบกับได้รับการสนับสนุนจากกษัตริย์ ศาสนาพราหมณจ์ ึงฟ้ืนตัวอย่างรวดเร็ว ฝา่ ยพุทธศาสนาจึง จาเป็นตอ้ งปรบั ตวั 2.แรงบันดาลใจจากบุคลิกภาพของพระพุทธองค์ ฝ่ายมหายานเห็นว่าพระพุทธองค์เป็นบุคคลที่ย่ิงใหญ่ ไม่ควรส้ินสุดหลังจากปรินิพพาน ทาให้เมือนกับชาวพุทธขาดท่ีพึ่ง จึงเน้นคุณความดีของพระองค์ ในฐานะท่ีเป็นพระโพธิสัตว์ เน้นให้ชาวพุทธปรารถนาพุทธภูมิ บาเพ็ญตนเป็นพระโพธิสัตว์ช่วยเหลือผู้อ่ืน ภายหลังจงึ เกดิ แนวคิดตรีกายของพระพุทธเจ้า 3.เกิดจากบทบาทของพุทธบริษัทท่ีเป็นคฤหัสถ์ เพราะลัทธิมหายานเน้นที่การบาเพ็ญบารมีของพระ โพธิสัตว์ ซึ่งพระโพธิสัตว์เป็นคฤหัสถ์ได้จึงเป็นการเปิดโอกาสให้คฤหสั ถ์เข้ามามีบทบาทมากขึ้นคณะจารย์ ท่ีสาคัญของนิกายมหายานคือ พระอัศวโฆษ พระนาคารชุน พระอสังคะ พระวสุพันธุ เป็นต้น หลังจาการกอ่ ตัว พุทธศาสนามหายานซ่งึ มจี ดุ เด่นคอื สามารถปรับตวั ให้เข้ากับความเช่ือดัง้ เดมิ ทแ่ี ตกต่างไป ในแต่ละท้องถิ่นได้ง่ายกว่าพุทธศาสนาเถรวาทซ่ึงเป็นแบบดั้งเดิมได้แพร่กระจายออกจากอินเดียไปในทวีป เอเชยี หลายประเทศ พระอัศวโฆษ ภาพท3ี่ .2 https://www.google.com/url?sa=i&url=https%3A%2F%2Fwww.matichonweekly.com 20
พระนาคารชุน ภาพท3ี่ .3 https://www.gonghoog.com/main/images/Guru/26414821.jpg จดุ มงุ่ หมายของพุทธมหายาน หลักสาคัญของพระพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน คือหลักแห่งพระโพธิสัตวภูมิซึ่งเป็นหลักที่พระพุทธศาสนา ฝ่ายมหายานแต่ละนิกายยอมรับนับถือ มหายานทุกนิกายย่อมมุ่งหมายโพธิสัตวภูมิ ซ่ึงเป็นเหตุที่ให้บรรลุ พุทธภูมิ บุคคลหนึ่งบุคคลใดท่ีจะบรรลุถึงพุทธภูมิได้ ต้องผ่านการบาเพ็ญจริยธรรมแห่งพระโพธิสัตว์มา กอ่ น เพราะฉะนั้น จึงถอื ว่าโพธสิ ัตวภูมเิ ป็นเหตุ พุทธภูมิเป็นผล เม่ือบรรลพุ ุทธภูมิเป็นพระสัมมาสัมพุทธ เจ้าย่อมโปรดสัตว์ให้ถึงความหลุดพ้นได้กว้างขวาง และขณะบาเพ็ญบารมีเป็นพระโพธิสัตว์ ก็ยังสามารถ ช่วยเหลือสรรพสัตว์ท่ีตกทุกข์ในสังสารวัฏได้มากมาย อุดมคติอันเป็นจุดหมายสูงสุดของมหายานจึงอยู่ที่ การบาเพญ็ บารมีตามแนวทางพระโพธิสัตว์ เพื่อนาพาสรรพสตั วส์ คู่ วามหลดุ พน้ จากวฏั สงสารให้หมดสิ้น นิกายย่อยของอินเดีย นิกายมัธยมกะ นิกายโยคาจาร นกิ ายจิตอมตวาท นกิ ายตนั ตระ 21
นิกายมัธยมกะ เป็นนิกายในศาสนาพุทธฝ่าย มหายานยุคแรกท่ีก่อต้ังโดยท่านนาคารชุนะ คา ว่ามัธยมกะมาจากคาว่ามัชฌิมาปฏิปทา บางคร้ัง เรียกนิกายน้ีว่าศูนยตา เพราะคาสอนของนิกาย น้ีเนน้ ท่ีความว่างเปล่าของสรรพส่งิ และเรยี กผู้ที่ นับถือนิกายนี้เรียกว่า มาธยมิกะ คณาจารย์ สาคัญของนกิ ายน้ี เชน่ จนั ทรกรี ติ ภาพท3ี่ .4 https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/6/6d/Nagardjuna.jpg นิกายโยคาจาร ต้ังข้ึนโดยเมตตรัยนาคซึ่งเกิด ภาพท3่ี .4 https://www.astroneemo.net/images/Dramma/asanga2.jpg หลังนาคารชนุ ราว100 ปี ช่ืออน่ื ๆของนกิ ายนค้ี ือ นิกายวิญญาณวาท หรือนิกายวิชญาณวาท ส า นุ ศิ ษ ย์ ท่ี สื บ ต่ อ นิ ก า ย นี้ คื อ พ ร ะ อ สั ง ค ะ แ ล ะ พระวสุพันธุ พระทินนาคะ และพระธรรมปาละ เป็นต้น แนวคิดที่สาคัญของนิกายโยคาจาร คือ “จิตเท่านั้นที่เป็นจริง” สิ่งอื่นนอกเหนือจาก จติ เป็นเพียงมายา ไมใ่ ช่สิ่งจรงิ แท้ เป็นเพียงภาพ สะท้อนหรืออาการ กิริยาของจิต เท่าน้ัน วัตถุ ภายนอกไม่อาจจะพิสูจน์ได้เพราะวัตถุภายนอก เป็นเพียงมายาจาก ดวงจิต มีอยู่เป็นอยู่เพราะ การคิดของจิต เท่าน้ัน จิตจึงเป็นสารัตถะของ สรรพสิ่ง โยคาจารถือว่าปรมัตถ์คือจิตเท่าน้ัน ความคิด และส่ิงทั้งมวลคือจิตและ “จิตภายใน สรา้ งโลกภายนอก” 22
นิกายจิตอมตวาท นิกายน้ีได้เจริญขึ้นในราชวงศ์คุปตะ ไม่พบผู้ก่อตั้งนิกาย พระสูตรที่สาคัญในนิกายเช่น ศรีมาลาเทวีสิงหนาทสูตร ศูรางคมสมาธิสูตร ตถาคตครรภสูตร สุวรรณประภาสสูตร พุทธยานสาครสมาธิสตู ร อจินไตยยสตู ร วิเศษจินตาพรหมปริปฤจฉาสูตร เป็นต้น คาสอนในนิกายน้ีตรงข้ามกับศูนยวาท และโยคาจาร ข้อแตกต่างที่สาคัญคอื จักรภพมปี ทฏั ฐานจากสมบูรณภาพ จากส่ิงน้ี คือสมบูรณภาพจึงก่อเกิดจักรภพชีวิตขึ้น ภาวะอันเป็นแก่นเดิมของโลกคือความจริง แท้ สิง่ ท่เี ปน็ มายามีรากฐานมาจากภาวะอันแท้จริงไม่แปรผัน นิกายตันตระหรือลัทธิตันตระ ในอินเดีย ภาพท3ี่ .4https://f.ptcdn.info/631/004/000/1367216787-1362047206-o.jpg ยัง คง มี ช น ช้ั นต่ า ที่ ป ฏิ บั ติ ตั นต ร ะโ ด ย คลุกเคล้าไปกับประเพณีของคนเหล่านั้น จนในที่สุดก็หมดคุณค่ากลายเป็นลัทธิไสย ศาสตร์ ซึ่งไม่ได้รับความเชื่อถือจากนัก ปฏิบัติตันตระที่แท้จริง การปฏิบัติตันตระ แต่เก่าก่อนของชาวพุทธ ได้มีอิทธิพลต่อ ศาสนาฮินดูอย่างมากมาย และความจริงจัง ของชาวฮินดูในการใช้การปฏิบัติตันตระ ส่งผลให้นักปราชญ์ในการต่อมาเข้าใจว่า ตันตระนั้นเกิดจากฮินดูและนิกายต่าๆของ พระพุทธศาสนายอมรับและนาเข้ามาใช้ใน ภายหลงั สาระเพ่มิ เติม นิกายตันตระในอินเดียหลังพุทธปรินิพพานไปหลายร้อยปี เร่ิมเส่ือมถอยเกิดนิกายต่างๆมากมาย แรกเร่ิมเป็นมหาสังฆิกะ แล้วเกิดเป็นมนตรยาน (เน้นมนตรา ของขลัง)จากนั้นมนตรยานก็ แยกตัวเป็นวัชรยาน ที่เป็นนิกายในทิเบตแล้วก็แยกตัวเป็นตันตระ ในตันตระเองก็มีสองพวก พวกท่ียังอยู่ในวินัย กับพวกท่ีไม่เอาวินัยพวกหลังนี่ทาตัวเหมือนพ่อมดหมอผี เรียกตัวว่านักสิทธิ์ ครองเพศฆราวาสเสพกาม กินเหล้า 23
นกิ ายย่อยของจีน นกิ ายโกศะ หรอื จว้ีเสอ่ จง นิกายสตั ยสทิ ธิ หรอื เฉิงซ่ือจง นกิ ายตรีศาสตร์ หรือซานหลุ่นจง นิกายทศภมู ิกะ หรือตหี้ ลุ่นจง นกิ ายนพิ พาน หรือเน่ียผ่านจง นิกายสงั ปริคระศาสตร์ หรือเซ่อหลุน่ จง นิกายสุขาวดี หรือจง้ิ ถู่ นกิ ายฌาน หรือฉานจง หรือเซน นกิ ายสทั ธรรมปุณฑรีกะ หรือเทยี นไถ นกิ ายซนั เฉีย หรือซันเจียเจี้ยว นิกายอวตงั สกะ หรอื หัวเหยียน นิกายธรรมลักษณะ หรอื นิกายฝ่าเซยี ง นกิ ายวนิ ัย หรอื ลวื้อจง นกิ ายเจนิ้ เหยยี น หรอื มนตรยาน หรอื วัชรยาน นิกายโกศะ หรือจวี้เส่อจง เป็นพุทธศาสนาหลังสมัยพุทธกาล มีสานักนิกายเกิดข้ึนมากมาย เฉพาะนิกายฝ่ายหินยานมีถึงกว่าท้ัง 18 นิกาย แต่ทุกวันน้ีมีหลงเหลือแต่เพียงคาสอนของ 2 นิกายเท่าน้ันท่ีตกทอดมาถึงเรา น่ันคือนิกายเสาตรานติกะ และนิกายสรวาสติวาท นิกาย แรกสืบทอดต่อมาเป็นนิกายสัตยสิทธิส่วนนิกายหลังสืบทอดโดยนิกายโกศะ แต่ท้ังน้ี คาสอน หลักคือคัมภีร์อภิธรรมโกศะศาสตร์น้ันมีความลุ่มลึก รวบรวมไว้ซึ่งสรรพทัศนะของนานานิกาย เอาไว้อยา่ งพรอ้ มครบถว้ น ไมอ่ ิงแอบกับท้ังทศั นะเฉพาะของนิกายเสาตรานติกะ หรอื นิกายสรวา สติวาท นิกายใดนิกายหน่ึง 24
นกิ ายเฉิงซอ่ื มาจากคาภาษาสนั สกฤตว่า “สตั ยสทิ ธิ” ซึ่งมที ี่มาจากคมั ภีรช์ อ่ื เดียวกนั คือ คมั ภีร์ สัตยสิทธิศาสตร์ รจนาโดยท่านหริวรมัน ที่ใช้ช่ือนิกายตามคัมภีร์น้ีก็เน่ืองจากคัมภีร์สัตยสิทธิ ศาสตร์ คือคาสอนหลักของนกิ าย ในภาษาจีนนัน้ คาว่า “เฉิง” แปลว่า สิทธิ หรือ สัมฤทธิ์ ผล ส่วนคาว่า “ซอื่ ” แปลว่า สัจจะ หรือ สัตย์ นามเรียกขานคัมภีร์สตั ยสิทธิศาสตร์ บง่ นัย ว่า คาสอนน้ีมุ่งเน้นความสัตย์จริงอันสูงสุดเป็นท่ีตั้ง อาจารย์นันโจ บุนยู อธิบายว่า ท่ีเรียกว่า \"สัตยสิทธิ\" ก็เพราะทาความจริงให้ปรากฎ คือความจริงอันแน่นอนว่า อาตมันเป็น ศนู ย์ ธรรมเปน็ ศนู ย์ อกี ประการคอื กล่าวถึงความจริงสงู สุด หรอื อริยสจั 4 เชน่ น้ีจงึ เรยี กว่า ประสทิ ธิประสาท (สทิ ธิ) ความจรงิ (สัตย์) ให้สมั ฤทธ์ิ นิกายตรีศาสตร์ นิกายน้ีอาศัยศาสตร์ ๓ ปกรณ์ คือ มาธยมิกศาสตร์ ศตศาสตร์ และทวา ทศนิยายศาสตร์รวมกันเป็นชื่อของนิกาย อาจารย์นาคารชุนเป็นปฐมาจารย์แห่งนิกายน้ี (บ้างว่า พระมัญชุศรีโพธิสัตว์) คาสอนกล่าวไว้ว่าอาจารย์นาคารชุนได้ประกาศทฤษฎีศูนยตวา ทินด้วยอาศัยหลักปัจจยาการ และอนัตตาของพระพุทธองค์เป็นปทัฏฐาน ท่านกล่าวว่า สังขต ธรรม อสังขตธรรม มีสภาพเท่ากัน คือ สูญ (สรฺวมฺ ศูนฺยมฺ) ไม่มีอะไรท่ีมีอยู่เป็นอยู่ด้วยตัว ของมันเองได้อย่างปราศจากเหตุปัจจัยปรุงแต่ง แม้กระทั้งพระนิวราณ เพราะฉะนั้น อย่าว่าแต่ สงั ขตธรรมเป็นมายาไร้แก่นสารเลย พระนิรวาณก็เป็นมายาด้วย สิง่ ทอ่ี าจารย์นาคารชุนคดั คา้ น ปฏิเสธก็คือ สิ่งท่ีมีอยู่ด้วยตัวมันเอง ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นอยู่โดยสมมติหรือปรมัตถ์ ก็สิ่งที่มีอยู่ ด้วยตัวของมนั เองอย่นู ัน้ กินความหมายกว้าง พระเถระฮุ่ยหย่วน นิกายทศภูมิกะ หรือต้ีหลุ่นจง (มีช่วงชีวิตระหว่างปีค.ศ. 523-592) ผู้สถิต ณ วัดจ้ิงอ่ิง ได้ตาแนกธรรมของนิกายต่างๆโดยสังเขป เรียกว่า จตุรนิกายดังน้ี 1. นิกายท่ีกล่าวว่าสรรพสิ่งดารงอยู่จริง สรรพส่ิงมีสวภาวะ คือดารงอยู่ด้วยตัวมันเอง (立性宗) Lì xìng zōng เช่น นิกายสรวาสตวิ าท ถอื เปน็ นกิ ายฝา่ ยหนี ยานระดบั ล่าง 2. นกิ ายท่ีสอนว่าสรรพสิ่งปราศจากสวภาวะ (破性宗) Pò xìng zōng เชน่ นกิ ายสตั ยสทิ ธิ ศาสตร์ ถอื เปน็ นกิ ายฝา่ ยหีนยานระดับบน 25
3. นิกายท่ีสอนว่า สรรพสิ่งล้วนว่างเปล่า ปราศจากตัวตน (破相宗) Pò xiàng zōng เชน่ นิกายมาธยมิกะ ถอื เปน็ นกิ ายฝ่ายมหายานระดบั ล่าง 4. นิกายที่สอนว่า สรรพสงิ่ ล้วนมีมลู มาจากภูตตถตา หรอื มาจากตถาคตครรภ์ หรอื ธรรมธาตุ (願實宗) Yuàn shí zōng เช่นนิกายอวตังสกะ หรือนิกายนิพพาน ถือเป็นนิกายฝ่าย มหายานระดบั บน สาระเพม่ิ เติม คาว่าหีนยานไม่ได้หมายถึงนิกายหรือคณะ แต่หมายถึงหลักการ หีนยานในที่น้ีคือฝ่ายที่ยังมอง ว่าสรรพส่งิ มีและไมม่ ี คือเกิดข้นึ จากเหตุปัจจัยบ้าง อย่เู หนือเหตปุ ัจจยั บ้าง ทศั นะน้ีมหายานมอง วา่ ยังไมส่ มบูรณ์ จึงเปน็ ฝ่ายเล็กน้อย แบบฝึกหดั (一) 请阅读课文,并回答问题。 1.อธบิ ายประวตั แิ ละความเป็นมาของพทุ ธมหายานโดยสงั เขป ……………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………… 26
2.หลงั พุทธปรินิพพาน 1๐๐ ปจี ึงแตกเปน็ นิกายยอ่ ย โดยนิกายทส่ี าคัญคือ ……………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………… 3.แนวคิดของมหายานพฒั นามาจากแนวคดิ ใด ……………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………… 4.คณะจารยท์ ส่ี าคญั ของนกิ ายมหายานคือ ……………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………… 5.อธบิ ายจุดมงุ่ หมายของพุทธมหายานโดยสงั เขป ……………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………… 6.นกิ ายย่อยของอนิ เดยี มอี ะไรบา้ ง ……………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………… 7.นกิ ายมัธยมกะมหี ลักคาสอนท่ีเน้นเกีย่ วกับอะไร ……………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………… 27
8.ผ้กู อ่ ต้งั นกิ ายจิตอมตวาทคอื ใคร ……………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………… 9.นิกายย่อยของจนี มอี ะไรบ้าง ……………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………… 10.อธิบายนกิ ายโกศะหรอื จวีเ้ สอ่ จงโดยสังเขป ……………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………… 11.อธิบายนิกายตรีศาสตร์หรือซานหล่นจงโดยสังเขป ……………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………… 12.จตุรนกิ ายของนกิ ายทศภมู กิ ามีกข่ี ้อ พรอ้ มอธบิ าย ……………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………… 28
(二)ใสเ่ ครื่องหมายผิด-ถูกจากเนื้อเร่อื งท่ีได้อ่าน ………1.พระสัมมาสัมพุทธเจา้ ตรัสรูเ้ มื่อวนั ขน้ึ 15ค่าเดอื นวิสาขะ ………2.นิกายทสี่ าคญั คือเถรวาทและมหายาน ………3.ลัทธมิ หายานเน้นท่ีการบาเพญ็ บารมขี องพระโพธสิ ัตว์ ………4.พุทธศาสนาเถรวาทได้แพร่กระจายออกจากอนิ เดยี ไปยังฮ่องกง ………5.แนวคิดทีส่ าคัญของนกิ ายโยคาจารคอื “จติ เทา่ นน้ั ท่เี ปน็ จรงิ ” ………6.นกิ ายตนั ตระเริ่มเสื่อมถอยเกิดเปน็ นกิ ายต่างๆมากมาย ………7.นกิ ายโยคาจารเป็นนกิ ายย่อยของจนี ………8.นกิ ายสุขาวดีหรือจ้งิ ถูเป็นนิกายยอ่ ยของอินเดีย บทสรปุ เป็นเร่ืองราวเกี่ยวกับพุทธมหายานความเป็นมาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า การ เผยแพร่ศาสานามหายานจากอินเดียไปเอเชียหลายประเทศและกาเกิดมหายานเริ่มกอ่ ตัว ขน้ึ เม่อื ราวพทุ ธศตวรรษท่ี6-7 29
บทที่4 การนบั ถอื เทพเจา้ 第 四 课
ประวตั แิ ละความเปน็ มาของเทพเจ้าจีนท่อี ย่ใู น ประเทศไทย ภาพท4่ี .1 https://www.tqm.co.th/gallery/3033.jpg การสรา้ งวัดและศาสนสถาน ก็เพ่ือให้เป็นสถานที่ ที่เอ้ือต่อการประกอบศาสนพิธี หรืออีกประการ หนึ่ง อาจเป็นผลสืบเน่ืองจากคาสอนใน \"ไตร ภูมิ\" ท่ี พระยาลิไท แห่งกรุงสุโขทัย ทรงนิพนธ์ ขึน้ เมื่อประมาณปี พ.ศ.1888 โดยเนื้อหาส่วนใหญ่จะเน้นเร่ืองของ ‘ปุพเพกตปุญญตา’ อันเป็นเรื่องเกี่ยวกับสวรรค์และนรก จึงเป็น มูลเหตุกระตุ้นให้เกิดความกลัวเรื่องผลของการกระทาช่ัว และส่ิงท่ีจะได้รับเมื่อสั่งสมกรรมดี กล่าวโดย สรุปแล้ว การสร้างวัดในพุทธศาสนานั้น ถือตามคติความเช่ือที่ว่า เป็นการทาบุญท่ีให้ได้มาถึงซึ่ง อานิสงสม์ ากทสี่ ุดน่ันเอง แตก่ ็ไม่ใช่ใครกไ็ ดท้ ่ีสามารถสร้างวดั ถ้าบารมีไม่ถึงจริงๆ ก็ต้องรวบรวมผู้มีจิต ศรัทธาเป็นหมู่คณะเพ่ือร่วมกันสร้างอานิสงส์ ไม่เช่นนั้นก็จะไม่สาเร็จดังประสงค์ อันเป็นความเชื่อที่มีมา แต่โบราณกาล นอกจากน้ีแล้ว ในประเทศไทยยังมีการสร้าง “ศาลเจ้า” และ “เทพเจ้าจีน” กันอย่าง แพร่หลาย ซึ่งอาจสืบเนื่องจากความสัมพันธ์ของไทยกับจีนท่ีมีมาช้านาน มีการอพยพของชาวจีนเช้ือสาย ต่างๆ เข้าสู่ประเทศไทยและต้ังรกรากแบบเป็นล่าเป็นสันมาแต่ครั้งบรรพบุรุษ จนปัจจุบันมีชาวไทยเช้ือ สายจีนอยเู่ ตม็ บ้านเต็มเมือง และด้วยชาวจีนเองก็มคี วามเชอื่ เรอื่ งเทพเจ้าและการสร้างศาลเจา้ เช่นเดยี วกับท่ี คนไทยสร้างวัดและพระพุทธรูป ทาให้ศาลเจ้าและเทพเจ้าจีนมีอยู่แทบทุกจังหวัดทั่วประเทศ ไม่เว้นแม้แต่ วัดวาอารามของไทยก็ยังมีการสร้างศาลเจ้าภายในอาณาบริเวณ หรือสร้างเทพเจ้าประดิษฐานอยู่ด้วย เช่นกัน “เทพเจ้า” ตามคตคิ วามเช่อื ของชาวจีน มอี ย่หู ลายองค์ เช่น ทต่ี ่ีแป่บ้อ (เทพยดาฟ้าดิน) เจา้ แม่ สร้อยดอกหมาก (องค์ปฐมเหตุแห่งการสร้างหลวงพ่อโต) เทพเจ้ากวนอู (เทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์) เทพเจ้าอุ่ยท้อ (เทพเจ้าผู้รักษาพระพุทธศาสนา) พระสังกัจจายน์ (เทพเจ้าแห่งความสมบูรณ์พูลสุข) เจ้าแม่กวนอิม (เทพเจ้าแห่งความเมตตา) หลวงปู่ไต่ฮ่องกงโจวซือ (เทพเจ้าผู้อนุเคราะห์สัตว์โลก) และ เทพเจ้าไฉ่ส่ิงเอี้ย (เทพเจ้าแห่งโชคลาภ) เป็นต้น ซ่ึงต่อมากลายเป็นส่ิงศักดิ์ที่เป็นท่ีเคารพนับถือของท้ัง ชาวไทยเช้ือสายจนี และชาวไทยพุทธทนี่ ิยมไปกราบสักการะขอพรในโอกาสตา่ งๆ อยา่ งกว้างขวาง 30
พระสังกจั จายน์ ภาพท4ี่ .2 http://www.arjanram.com/content_detail.php?id=223 พุทธสาวกที่ถูกนามาสร้างเพ่ือเป็นพุทธบูชา มีเพียงองค์เดียวที่โดดเด่นและเป็นท่ียอมรับท้ังแบบมหายาน และหินยาน “พระสังกัจจายน์โพธิสัตว์” เป็นคาเรียกของพุทธฝ่ายมหายาน ซึ่งเป็นองค์เดียวกับคาเรียก ทางพุทธศาสนาฝ่านหินยานคือ “พระอาริย”์ หรือ “พระศรีอาริยเมตไตรย” โดยเชื่อกันว่าเป็นสญั ลักษณ์ แหง่ ความสขุ สมหวัง ความอุดมสมบูรณ์และม่งั ค่ัง และมคี วามหมายทด่ี ีสาหรับใช้อวยพรใหแ้ ก่กนั และกัน เพื่อใหก้ ารดาเนนิ ชีวติ สาเรจ็ สมประสงคต์ ลอดไป เจา้ พ่อเสือ ภาพท4่ี .3 http://www.arjanram.com/content_detail.php?id=223 \"เสือ\" เป็นสัตว์ท่ีคนจีนเช่ือว่ามีฤทธิ์เดชมาก สามารถปราบผีหรือส่ิงเลวร้ายของชีวิตได้ หากบ้านใคร ตั้งอยู่บริเวณทางสามแพร่ง หรือจุดท่ีถือกันว่าจะมีวิญญาณเลวร้ายพุ่งเข้าบ้าน จะนิยมเอาเสือคาบดาบไป แขวนไว้ที่หน้าบ้านเพ่ือขจัดสิ่งเลวร้ายหรือเคราะห์ร้ายท่ีจะมากล้ากรายชีวิตของเราให้พ้นไปหรือว่าบรรเทา ลงได้ 31
กล่าวถึง ศาลเจ้าพ่อเสือ ที่ถนนตะนาว ซึ่งเป็นที่นิยมไปกราบไหว้กันทั้งชาวไทยและชาวไทยเชื้อสาย จนี โดยเฉพาะผทู้ เ่ี กิดปชี ง และผู้ที่กาลงั มีคดีความตอ้ งขึน้ โรงข้ึนศาลน้ัน สรา้ งตามรูปแบบ ‘ศาลเจ้า’ ที่ นยิ มทางภาคใต้ของจีน เทพเจา้ ประจาศาล คือ เสียนเทียนซงั่ ต้ี หรือ เจ้าพ่อเสอื โดยจะเอากระดูกเสือ บรรจุในแท่นปนั้ รูปเสือประดษิ ฐานบนแท่น อัญเชิญดวงวญิ ญาณเสือขอให้ปกปักรกั ษาประชาราษฎร์ให้อยู่ ร่มเย็นเป็นสุข ของบูชาที่ขาดไม่ได้ คือ เนื้อหมูและไข่ และต้องลูบมันหมูใส่ปากเจ้าพ่อเสือด้วย ถือว่า ถวายของต้องโฉลกจะมโี ชคมชี ัยได้ลาภผลพูนทวี พระโพธสิ ัตวก์ วนอมิ หรอื เจา้ แม่กวนอมิ ภาพท4ี่ .4 http://www.arjanram.com/content_detail.php?id=223 “กวนอิม” ตามสาเนียงฮกเก้ียน หรอื ‘กวนอิน’ ตามสาเนียงกลาง เป็นองค์เดียวกันกับ ‘พระอวโลกิ เตศวรโพธิสัตว์’ ในภาษาสันสกฤต ซึ่งมีต้นกาเนิดจากพระสูตรมหายานในอินเดีย ผสมผสานกับ ตานานเร่ือง “พระธิดาเมี่ยวซ่าน” ซึ่งเป็นความเชื่อท้องถ่ินด้ังเดิมของจีนว่า เป็นชาติสุดท้ายของพระ โพธิสัตว์กวนอิมที่จุติลงมายังโลกมนุษย์ เพ่ือมาช่วยปลดเปล้ืองทุกข์ภัยแก่มวลมนุษย์ จนก่อให้เกิดเป็น พระโพธสิ ัตวก์ วนอมิ ในภาคสตรีขึน้ พระโพธิสตั วก์ วนอิมมปี างต่างๆ มากมาย ได้แก่ ปางพนั เนตรพนั กร ปางเหยียบมงั กร ปางเหยยี บปลามังกร ปางประทานพร ปางอมุ้ บาตร ฯลฯ นบั เป็นพระโพธสิ ัตวท์ ่ีมคี น นับถือกันมาก ช่วยให้คนพ้นทุกข์ ขอให้มีจิตใจเคารพบูชาอย่างซ่ือตรง พร้อมท่องชื่อท่าน จะได้รับการ คุ้มครองให้เป็นสุข หากตอ้ งการขอบุตร ให้บูชา ‘กวนอิมสง่ บตุ ร’ อยากหายไข้ บูชา ‘กวนอิมกง่ิ หยก’ เป็นตน้ 32
เทพเจ้ากวนอู ภาพท4ี่ .5 http://www.arjanram.com/content_detail.php?id=223 “กวนอู” เป็นเทพท่ีชาวฮ่องกง ไต้หวัน และสิงคโปร์ นับถือกันมาก ถือเป็นเทพสัญลักษณ์แห่ง ความซ่ือสัตย์ ความกตัญญูรู้คุณ ความจงรักภักดี และความกล้าหาญ นอกจากน้ียังเชื่อว่าสามารถขจัด ภูตผีปีศาจได้ ดังน้ัน ตามร้านค้า บ้านเรือน ส่วนใหญ่จะนิยมบูชา เพ่ือให้คนพาลถอยห่างและทรัพย์ สมบัติเจริญรุ่งเรือง วิธีการสักการะเทพเจ้ากวนอูจะแตกต่างกันไปตามแต่ละท้องถิ่น ไม่มีข้อกาหนด เคร่งครดั ส่วนมากมักบูชาดว้ ยน้าชาหรือสรุ า รวมท้ังอาหารคาวหวานและผลไม้ เทพเจ้าแปดเซียนหรอื โปย๊ เซยี น ภาพท4ี่ .6 http://www.arjanram.com/content_detail.php?id=223 33
‘โป๊ยเซียน’ เป็นเทพเจ้าทีช่ าวจนี นับถือมาช้านาน นับเป็นหนึ่งกลุ่มในบรรดาเซียนนับร้อยๆ องค์ของจีน ประกอบด้วย 1. ทิก๋วยลี้ เซียนแห่งยาและการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ 2. ฮั่นเจงหลี เซียนแห่งโชคลาภ การบริหาร การปกครอง 3. ล่อื ทงบนิ เซียนแห่งการรักษาโรค 4. เจียงก๋วั เล้า เซยี นแห่งความมน่ั คง อายุยืน สุขภาพดี 5. น่าใช้หัว เซียนแห่งมวลบุปผาชาติและความอุดมสมบูรณ์ 6. นางฮ่งเซียนไกว เซียนแห่งความดีงาม ความซื่อสัตย์ 7. ฮั่นเซียงจื้อ เซียนพยากรณ์ ผู้หยั่งรู้ และการดนตรี และ 8. เชา่ ก๊กกู่ เซยี นแห่งยศฐาบรรดาศักด์ิ โดยเชอ่ื กันวา่ เม่ือบชู าร่วมกันแล้วจะเกดิ ความเข้มแขง็ และม่ันคง จากตัวอย่างเทพเจ้าจีนท่ีกล่าวมาน้ี จะเห็นได้ว่าไม่ได้มีเฉพาะที่ศาลเจ้าของจีนเท่าน้ัน แทบทุกอาคาร บ้านเรือน ร้านคา้ กระทั่ง ‘วดั ไทย’ ก็ปรากฏเทพเจ้าทง้ั หลายน้ี ใหพ้ ุทธศาสนิกชนได้กราบไหวบ้ ูชา เพ่อื ความเป็นสิริมงคลตามคตคิ วามเชอื่ ซ่งึ ปัจจุบนั ผสมกลมกลืนจนแยกไม่ออกว่าเปน็ ของไทยหรอื จนี สาระเพมิ่ เตมิ 5เทพจนี สายมเู ตลู เจ้าแม่กวนอิม เทพจีนยอดฮิตท่ีคนไทยเช้ือสายจีนนิยมบูชา เจ้าแม่กวนอิมท่านทรงเปี่ยมไปด้วยความรักความเมตตาต่อ สรรพสตั ว์ ถือว่าเป็นพระโพธิสตั ว์อีกปางหน่ึง อีกทั้งยังเป็น เทพจีนที่โดดเด่นในเรื่องของความรัก ความมีเมตตา ความอ่อนโยนโอบอ้อมอารดี ่ังแม่ที่มตี ่อลูก เจ้าแม่กวนอมิ ทา่ น ยงั เป็นสัญลกั ษณ์แหง่ เมตตามหาการณุ ย์เพื่อโปรดสตั ว์ให้หลุด พ้นจากหว้ งทุกข์อีกด้วย ควรขอเร่ืองอะไร? เทพจีนองค์นี้ช่วยเสริมดวงในเรื่องของ ธุรกิจการงาน พบเจอลูกค้าดี ๆ และมีเมตตาต่อเรา หรือ ถา้ ใครอยากมลี กู ก็สามารถขอลูก หรือขอให้มลี กู งา่ ยจากเจ้า แมก่ วนอมิ ไดเ้ ลย ภาพท4ี่ .7 https://helenathailand.com 34
ภาพท4ี่ .8 https://helenathailand.com จี้กง เทพจีนท่ีเป็นพระอรหันต์ ชาวจีนนิยมกราบไหว้มาก ภาพท4ี่ .8 https://helenathailand.com ทีส่ ุดองค์หนึ่ง เทพจีนท่ีมีจิตที่เป็นมหาโพธิสัตว์ท่ีสละแล้วซึ่ง ทางโลกอย่างแท้จริง ไม่กลัวท้ังที่ต่าและท่ีสูง ศีรษะโล้น เท้าเปลือยเปล่า ไม่หนาวไม่ร้อน ไม่ต้องบิณฑบาตเพราะไม่ หิวไม่กระหาย เม่ือพบคนเป็นทุกข์ก็ยินดีช่วยเหลือ เพราะ จติ ใจทา่ นเปีย่ มไปด้วยจติ ไมตรี ควรขอเรื่องอะไร? สาว ๆ ท่ีอยากขอพรให้คนท่ีบ้านหรือ ตัวเองมีสุขภาพร่างกายท่ีแข็งแรง ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ ตอ้ งหาเทพจนี อย่างจ้ีกงมาบูชาด่วน ๆ ไฉ่ซิงเอี้ย หรือ จ่ายสินเอี้ย เป็นเทพจีนที่ชาวจีนถือว่ามี ความสาคัญมากทสี่ ดุ ในการเร่ิมเขา้ สปู่ นี ักษตั รใหม่ (ตรุษจนี ) เนื่องจากไฉ่ซิงเอ๊ียเป็นเทพจีนท่ีจะได้รับการกราบไหว้เป็น องคแ์ รก ควรขอเร่ืองอะไร? ไฉ่ซิงเอ้ียเป็นเทพจีนที่ให้คุณทางด้านเงิน ทอง และโชคลาภ ไดร้ ับการขนานนามว่าเป็นเทพเจ้าแห่งโชค ลาภกันเลยทเี ดียว ถ้าหากเป็นปีชงของสาว ๆ เราขอแนะนา ให้บูชาเทพไฉ่ซิงเอ้ีย องค์ท่ี 36 ท่านเป็นเทพคุ้มครองดวง ชะตา และแกป้ ีชงโดยตรง 35
เจ้าแมท่ ับทมิ หรือเทพธิดาแห่งท้องทะเล ตามตานานกล่าวว่า ในสมัยราชวงศ์ฮัน่ เจ้าแม่ทับทิมได้รับการยกย่องและแตง่ ต้ัง ให้เป็นเทพยดาแห่งความเมตตาการุณย์ ช่วยคุ้มครองมวล มนุษย์ให้พ้นจากสรรพภัยและขจัดความทุกข์ยาก อีกท้ังชาว ไทยเชื้อสายจีนยังศรัทธาท่านในฐานะเทพจนี ท่ีคอยคุ้มครองผู้ เดนิ ทางทางเรือ เป็นท่ีเคารพบูชาในหมู่ชาวเรือและชาวประมง หรอื คนท่ีตอ้ งเดนิ ทางทางน้า ควรขอเร่อื งอะไร? แนะนาให้ขอใหก้ ารเดินทางใหท้ ริปนน้ั แล้ว รอดปลอดภัย ไม่ว่าจะออกเดินทางไปทะเลหรือล่องเรือใน แมน่ ้า อีกท้งั ยังสามารถขอให้มงั่ มีพลงั มงั่ คั่งความสาเร็จได้ ภาพท4่ี .9 https://helenathailand.com เทพเจ้ากวนอู เป็นอีกหน่ึงเทพจีนช่ือดังที่มีคนกราบไหว้บูชา จานวนไม่น้อย เทพเจ้ากวนอูขึ้นชื่อในเร่ืองการต่อสู้ เป็นนักรบฝีมือเด่น และข้ึนชื่อในเรื่องของความซื่อสัตย์ จะกราบไหวเ้ พ่อื ยดึ เหนีย่ วจิตใจก็ยอ่ มได้ ควรขอเรื่องอะไร? แนะนาใหส้ าว ๆ ขอพรเกย่ี วกับหน้าทก่ี าร งาน หรือถ้าใครอยากเสริมโชคลาภบารมี ก็อย่าลืมขอให้ ตัวเองชนะอุปสรรคต่าง ๆ ท่ีกาลังเข้ามา สายเดินทางจะ ขอใหแ้ คลว้ คลาดปลอดภยั จากภยนั ตรายต่างๆ กไ็ ด้ ภาพท4่ี .10 https://helenathailand.com 36
แบบฝกึ หดั (一) 请阅读课文,并回答问题。 1.ปุพเพกตปุญญตา เป็นเร่ืองเกี่ยวกบั อะไร ……………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………… 2.ทาไมประเทศไทยยงั มีการสรา้ ง “ศาลเจ้า” ……………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………… 3.เทพเจ้ากวนอูเป็นเทพเจ้าเกยี่ วกบั ดา้ นใด ……………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………… 4.เทพเจ้าอ่ยุ ท้อเปน็ เทพเจา้ เก่ยี วกบั ด้านใด ……………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………… 5.พระสังกจั จายนเ์ ปน็ เทพเจ้าเก่ยี วกบั ด้านใด ……………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………… 37
6.อธิบายท่มี าของศาลเจ้าพ่อเสอื โดยสงั เขป ……………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………… 7.อธบิ ายทม่ี าของพระโพธสิ ัตว์กวนอิมหรือเจา้ แม่กวนอิมโดยสังเขป ……………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………… 8.เทพเจา้ แปดเซียนหรือโป๊ยเซียนมีองคเ์ ซียนอะไรบา้ ง ……………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………… 9.เจ้าแม่กวนอมิ ควรขอเร่ืองอะไร ……………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………… 10.ไฉ่ซงิ เอ้ยี ควรขอในเร่อื งอะไร ……………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………… 11.เจ้าแมท่ บั ทิมควรขอเร่ืองอะไร ……………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………… 38
12.อธบิ ายเทพเจา้ ที่นกั เรียนสนใจมากที่สดุ (1องค์) ……………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………… (二)ใสเ่ ครื่องหมายผิด-ถูกจากเน้อื เรือ่ งทไ่ี ด้อา่ น ………1.ไตรภมู ทิ ่ีพระยาลิไททรงนิพนธ์ข้ึน เมอ่ื ประมาณปีพ.ศ1889 ………2.ที่ต่ีแปบ่ ้อ เป็นเทพเจ้าแหง่ ความซือ่ สัตย์ ………3.เจ้าแมส่ ร้อยดอกหมาก เป็นเทพเจ้าผูร้ ักษาพระพุทธศาสนา ………4.หลวงปไู่ ต่ฮ่องกงโจวซือ เป็นเทพเจา้ ผอู้ นุเคราะห์สัตวโ์ ลก ………5.เจา้ แม่กวนอิม เป็นเทพเจ้าแหง่ ความเมตตา ………6. “เสือ” เปน็ สัตว์ทีค่ นจีนเช่ือว่ามีฤทธ์ิเดชมาก ………7.โปย๊ เซียน เม่อื บูชาร่วมกันแลว้ จะเกดิ ภัยอันตราย ………8.จี้กง เป็นเทพจีนอรหนั ต์ ควรขอในเร่ืองปราศจากโรคภัยไขเ้ จ็บ มีสุขภาพร่างกายท่ีแขง็ แรง 39
บทสรุป เป็นเร่ืองราวเก่ียวกับเทพเจ้าของจีนที่ยังดารงอยู่ในประเทศไทยชาวจีนเองก็มี ความเช่ือเรื่องเทพเจ้าและการสร้างศาลเจ้าเช่นเดียวกับที่คนไทยสร้างวัดและ พระพุทธรูป ทาให้ศาลเจ้าและเทพเจ้าจีนมีอยู่แทบทุกจังหวัดท่ัวประเทศ ไม่เว้นแม้แต่ วัดวาอารามของไทยก็ยังมีการสร้างศาลเจ้าภายในอาณาบริเวณ หรือสร้างเทพเจ้า ประดษิ ฐานอยดู่ ้วยเช่นกนั 40
บรรณานกุ รม หนงั สอื : พจนา จันทรสันติ.(2525).วิถีแหง่ เตา๋ หรือ คมั ภีรเ์ ตา๋ เตก็ เก็งของปราชญเ์ หลาจอื๊ .พมิ พ์ครั้งที่ 5.กรงุ เทพฯ:เคลด็ ไทย Jantarasanti,P.D.(1982).Way of Taoism or The Tao Tek Keng scripture of the philosopher Lao Tzu. (5 th ed.) Bangkok:kedthai Website: ณัฐพร วิระวงค์ และ ภูมิฤทัย ช่มุ ใจ๋ (ม.ป.ป).เรือ่ ง อารยธรรมจีน Chinese Civilization https://sites.google.com/a/samakkhi.ac.th/natthaporn-chinese-civilization/phu-cad-tha Nattaporn Wilawong And Phumruethai Chumjai (M.P.A). On Chinese Civilization https://sites.google.com/a/samakkhi.ac.th/natthaporn-chinese-civilization/phu-cad-tha วิกพิ ิเดีย สารานกุ รมเสรี (ม.ป.ป). เรื่อง มหายาน https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%99 Wikipedia Saranukhomsaree (M.P.A). On Mahayana https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%99 สานกั งานพระพุทธศาสนาแหง่ ชาติ (ม.ป.ป). เรอ่ื ง พระพทุ ธศาสนาในโลก https://www.onab.go.th/th/content/category/detail/id/82/iid/4126 National Office of Buddhism (M.P.A). On World Buddhism https://www.onab.go.th/th/content/category/detail/id/82/iid/4126 อาจารยร์ าม วัชรประดิษฐ์ แฟนพันธุแ์ ท้พระเครอื่ ง (ม.ป.ป). เรอื่ ง เทพเจา้ จนี ในประเทศไทย http://www.arjanram.com/content_detail.php?id=223 Dr. Ram Watcharapradid (M.P.A). On Chinese gods in Thailand http://www.arjanram.com/content_detail.php?id=223 By WordPress.(2562.18 มถิ ุนายน). เร่อื ง ลัทธิเตา๋ จากความเชือ่ สู่สมดลุ ของธรรมชาติ https://www.inclusivechurch.net/%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%95 %E0%B9%8B%E0%B8%B2-%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%80%E 0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%AA/ By WordPress.(2018.18 June). On Taoism from belief to the balance of nature https://www.inclusivechurch.net/%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%95 %E0%B9%8B%E0%B8%B2-%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%80%E 0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%AA/ 41
Search