ประเทศสมาชกิ อาเซียน 10 ประเทศ ธงประจําชาติ ตราประจําประเทศ ประเทศ/เมอื งหลวง 1. บรูไน ดารสุ ซาลาม (Brunei Darussalam) เมอื งหลวง : บันดาร์ เสรี เบกาวนั 2. ราชอาณาจกั รกัมพชู า (Kingdom of Cambodia) เมอื งหลวง : กรงุ พนมเปญ 3. สาธารณรัฐอนิ โดนีเซีย (Republic of Indonesia) เมืองหลวง : จาการต์ า 4. สาธารณรัฐประชาธปิ ไตยประชาชนลาว (Laos People’s Democratic Republic) เมอื งหลวง : นครหลวงเวยี งจนั ทร์
ธงประจาํ ชาติ ตราประจาํ ประเทศ ประเทศ/เมอื งหลวง 5. มาเลเซีย (Malaysia) เมอื งหลวง : กรงุ กัวลาลมั เปอร์ 6. สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ (Republic of The Union of Myanmar) เมอื งหลวง : เนปีดอ(Naypyidaw) 7. สาธารณรฐั ฟลิ ิปปินส์ (Republic of The Philippines) เมอื งหลวง : กรุงมะนิลา 8. สาธารณรฐั สงิ คโปร์ (Republic of Singapore) เมืองหลวง : สงิ คโปร์ 9. ราชอาณาจกั รไทย (Kingdom of Thailand) เมอื งหลวง : กรุงเทพมหานคร 10. สาธารณรัฐสงั คมนิยมเวียดนาม (Socialist Republic of Vietnam) เมอื งหลวง : กรุงฮานอย
สถานภาพของอาเซียน อาเซยี นเป็นองคก์ รระหว่างประเทศท่ีมีสถานภาพเปน็ นิติบคุ คล ซึ่งประกอบดว้ ยองคก์ รยอ่ ย ( Organs) ดังต่อไปน้ี องคก์ รอาเซยี น อํานาจหน้าที่ ผ้เู ข้ารว่ มการประชุม 1. ทปี่ ระชมุ สุดยอด กําหนดนโยบายและตัดสนิ ใจใน ผูน้ ําของแตล่ ะประเทศ (ASEAN Summit) เรื่องสาํ คญั รวมถึงกรณีทีม่ ีการ ละเมิดพนั ธกรณีตามกฎบัตรอยา่ ง รัฐมนตรตี า่ งประเทศอาเซยี น 2. คณะมนตรีประสานงานอาเซยี น รุนแรง ผูแ้ ทนทีป่ ระเทศสมาชกิ แตง่ ตง้ั ให้ (ASEAN Coordinating Council : ACC) เตรียมการประชุมผ้นู ําประสานงาน เป็นผ้รู ับผดิ ชอบในแต่ละเสาหลัก ระหวา่ งเสาหลักทัง้ 3 ด้าน (เศรษฐกจิ การเมอื ง สังคม 3. คณะมนตรีประชาคมอาเซยี น ตดิ ตามการทาํ งานตามนโยบายผู้ วฒั นธรรม) (ASEAN Community Councils) โดยเสนอรายงานและข้อเสนอแนะ รัฐมนตรเี ฉพาะสาขา ตอ่ ผู้นาํ 4. องค์กรระดบั รัฐมนตรีอาเซยี นเฉพาะสาขา เลขาธิการอาเซียนเปน็ ผ้บู รหิ าร (ASEAN Sectoral Ministerial Bodies) นําความตกลง/มตขิ องผนู้ ําไป ปฏบิ ัติ ให้ขอ้ เสนอแนะตอ่ คณะ ผูแ้ ทนระดับเอกอัครราชทูตที่ 5. สาํ นกั เลขาธกิ ารอาเซียน มนตรปี ระชาคมอาเซียน แตง่ ตัง้ จากประเทศสมาชิกให้ (ASEAN Secretariat) เปรยี บได้กบั ผบู้ ริหารสูงสุดของ ประจาํ ท่สี ํานกั งานใหญ่อาเซยี น อาเซยี น ตดิ ตามการปฏบิ ัติตามคาํ ณ กรงุ จาการต์ า 6. คณะผ้แู ทนถาวรประจําอาเซยี น ตัดสนิ ของกลไกระลับขอ้ พิพาท (Committee of Permanent เป็นตัวแทนประเทศสมาชกิ - คณะทํางานยงั ไม่ได้ข้อสรุปใน Representatives to ASEAN : CPR) ประสานงานและสนบั สนุนภารกิจ เรือ่ งน้ี ของอาเซียนในประเทศนน้ั ๆ 7. สาํ นักงานเลขาธิการอาเซยี นแห่งชาติ สง่ เสรมิ และคมุ้ ครองสทิ ธิมนุษยชน - (ASEAN National Secretariat) ในภูมิภาค ทงั้ ให้คําปรกึ ษา ติดตาม และประเทศประเมินสถานะสิทธิ 8. องคก์ รสทิ ธมิ นุษยชนของอาเซยี น มนษุ ยชนส่งเสริมการศึกษาและ (ASEAN Human Rights Body : AHRB) ความตื่นตัวของหน่วยงานรัฐและ ประชาชน 9. มูลนธิ ิอาเซียน (ASEAN Foundation)
บทบาทของอาเซยี นในเวทีโลก นับตั้งแต่กอ่ ต้ังมา อาเซยี นสถาปนาความสัมพันธป์ ระเทศคเู่ จรจากับประเทศตา่ งๆ ทั้งในทวีปเดียวกนั และ ตา่ งทวปี หลายประเทศ ดังนค้ี ือ พ.ศ. 2517 สถาปนาความสมั พันธอ์ ย่างเปน็ ทางการกบั ประเทศออสเตรเลยี เป็นประเทศแรก พ.ศ. 2518 สถาปนาความสัมพันธ์อยา่ งเป็นทางการกบั ประเทศนวิ ซีแลนด์ พ.ศ. 2520 สถาปนาความสมั พนั ธ์อยา่ งเป็นทางการกบั ประเทศญีป่ ุ่นหลงั จากมคี วามสมั พันธ์อย่างไมเ่ ป็น ทางการกนั มาตั้งแต่ พ.ศ.2516 พ.ศ. 2520 สถาปนาความสัมพนั ธอ์ ยา่ งเปน็ ทางการกบั ประเทศแคนาดา สหรัฐอเมริกา และสหภาพยุโรป พ.ศ. 2534 สถาปนาความสมั พนั ธอ์ ยา่ งเป็นทางการกบั ประเทศจนี และประเทศเกาหลีใต้ พ.ศ. 2535 สถาปนาความสมั พนั ธ์อยา่ งเป็นทางการกับประเทศอินเดยี พ.ศ. 2539 สถาปนาความสมั พันธ์อยา่ งเปน็ ทางการกับรสั เซีย อาเซยี นกบั ออสเตรเลยี ออสเตรเลยี เปน็ ประเทศแรกทีไ่ ด้สถาปนาความสัมพันธ์กบั อาเซียนในฐานะประเทศคู่เจรจาเมอ่ื พ.ศ. 2517 และดาํ เนนิ ความสมั พนั ธ์อย่างราบร่นื มาโดยตลอด มคี วามรว่ มมอื กันในหลายด้านๆ เชน่ การลงนามใน ปฏิญญา รว่ มอาเซียน-ออสเตรเลียเพอ่ื ต่อตา้ นการก่อการรา้ ย (ASEAN-Australia Joint Declaration for Cooperation to Combat International Terrorism) เมอ่ื ปี พ.ศ.2547 ความตกลงเร่อื งเขตการคา้ เสรีอาเซยี น -ออสเตรเลยี และนวิ ซแี ลนด์ (ASEAN-Australia-New Zealand Free Trade Agreement : AANZFTA) เมื่อปี พ.ศ.2552 ออสเตรเลยี เสนอให้มีการประชุมสุดยอดอาเซยี น -ออสเตรเลยี เปน็ คร้งั แรก ในปี พ.ศ. 2553 เพอื่ ยกระดับ ความสมั พันธก์ บั อาเซียนใหแ้ นน่ แฟ้นย่งิ ขน้ึ อาเซียนกับนวิ ซีแลนด์ เดิมนวิ ซีแลนด์กบั อาเซยี นมคี วามสัมพนั ธ์ในฐานะผ้ใู ห้และผู้รับ ต่อมาจงึ สถาปนาความสมั พันธใ์ นฐานะคู่ เจรจากบั อาเซยี นเปน็ ลาํ ดับท่ีสองตอ่ จากประเทศออสเตรเลีย อาเซยี นและนวิ ซแี ลนดร์ ว่ มมอื กนั ในหลายๆ ด้าน เช่นเดียวกบั ประเทศออสเตรเลยี เชน่ การลงนามใน ปฏิญญารว่ มอาเซียน -นวิ ซีแลนด์เพื่อตอ่ ตา้ นการก่อการร้าย (ASEAN-New Zealand Joint Declaration for Cooperation to Combat International Terrorism) เม่ือปี พ.ศ.2548 ความตกลงเร่ืองเขตการคา้ เสรอี าเซยี น-ออสเตรเลยี และนวิ ซีแลนด์ (ASEAN-Australia-New Zealand Free Trade Agreement : AANZFTA) เม่ือปี พ.ศ.2552
ประเทศไทยเสนอใหน้ วิ ซีแลนด์เขา้ มามบี ทบาทเรอื่ งการเชอ่ื มโยงในอาเซยี นในดา้ นการเชอ่ื มโยงทางทะเล การพัฒนาเทคโนโลยีสะอาด และการจัดการส่ิงแวดลอ้ มทย่ี งั่ ยนื โดยนิวซีแลนดเ์ สนอโครงการสําคญั เพ่ือรองรับ ยทุ ธศาสตร์ตา่ งๆ นี้ 4 โครงการ ได้แก่ โครงการใหท้ ุนนักศึกษาอาเซียน ปีละ 170 ทุน เปน็ เวลา 5 ปี โครงการ แลกเปล่ียนนกั ธรุ กจิ รนุ่ ใหม่ โครงการจดั การภยั พบิ ตั ิ และโครงการแลกเปลีย่ นความรูแ้ ละแนวปฏิบตั ทิ ี่เป็นเลศิ ด้าน การเกษตร อาเซียนกับญปี่ นุ่ ญป่ี ุ่นมีความสัมพันธก์ ับอาเซยี นอยา่ งไมเ่ ปน็ ทางการมาต้ังแต่ ปีพ.ศ. 2516 และสถาปนาความสัมพันธ์ อยา่ งเป็นทางการเมื่อ พ.ศ.2520 ในฐานะที่ญ่ปี ุ่นเป็นคู่คา้ อันดบั หนง่ึ และผลู้ งทุนอันดบั สองของอาเซียน จงึ ได้จัดตงั้ ศูนย์อาเซียน-ญ่ปี ่นุ เพ่อื สง่ เสรมิ การค้า การลงทุน และการทอ่ งเทยี่ ว ทีก่ รงุ โตเกยี ว ประเทศญีป่ นุ่ เม่ือปีพ.ศ.2523 พ.ศ.2546 มกี ารประชมุ สุดยอดอาเซยี น -ญีป่ นุ่ สมยั พิเศษ (ASEAN-Japan Commemorative Summit) เนือ่ งในโอกาสครบรอบ 30 ปคี วามสมั พันธอ์ าเซียนกับญปี่ นุ่ นอกจากความรว่ มมือทางดา้ นการเมอื งและเศรษฐกิจแลว้ ญ่ปี ุ่นยังใหค้ วามสาํ คญั กบั การแลกเปลีย่ นวฒั นธรรม โดยจัดตง้ั โครงการแลกเปลีย่ นเยาวชนระหวา่ งประเทศญปี่ ุน่ และกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออก (Japan East Asia Network of Exchange for Students and Youths : JENESYS) โดยเชิญเยาวชนจากประเทศในเอเชยี ตะวันออกมาแลกเปลี่ยนท่ญี ี่ปุ่น ปลี ะประมาณ 6,000 คน ตอ่ เนอื่ งกนั เป็นเวลา 5 ปี (พ.ศ.2550-2555) อาเซียนกับแคนาดา แมว้ า่ อาเซียนและแคนาดาได้สถาปนาความสมั พันธม์ าตงั้ แต่ ปีพ.ศ. 2520 ทวา่ ก็ประสบภาวะชะงกั งนั ไป ในปพี .ศ.2540 เน่ืองจากอาเซียนรบั เมยี นมาร์ (หรือชอ่ื เดิมในเวลาน้นั คือพม่า) เข้าเป็นสมาชกิ ซง่ึ แคนาดาไม่เหน็ ดว้ ยและควา่ํ บาตรพม่า เนอ่ื งจากพม่าปกครองดว้ ยระบอบเผด็จการทหาร โดยเฉพาะอย่างยงิ่ การปฏิเสธผลการ เลือกตั้งท่พี รรคฝา่ ยคา้ นไดร้ ับชยั ชนะ รวมทงั้ ได้กักขงั นางอองซาน ซูจี หัวหนา้ พรรค มาอยา่ งตอ่ เนื่องยาวนาน อาเซียนและแคนาดาร้ือฟน้ื ความสัมพันธ์อีกครง้ั ในปีพ.ศ. 2547 จนกระทัง่ มกี ารจัดประชมุ รัฐมนตรี ตา่ งประเทศอาเซยี นกันแคนาดา [ASEAN Post Ministerial Conference (PMC)+1] ในปพี .ศ.2552 โดยที่ ประชุมใหค้ วามเหน็ ชอบ ปฏิญญารว่ มวา่ ดว้ ยความเป็นหุน้ สว่ นทีเ่ พิ่มพูนระหวา่ งอาเซยี นกบั แคนาดา ( Joint Declaration on the ASEAN-Canada Enhanced Partnership) ซ่ึงเปน็ แผนแม่บทในการดาํ เนนิ ความสมั พันธ์ กันในอนาคต โดยประเทศไทยรบั หน้าทป่ี ระเทศผปู้ ระสานงานความสัมพันธอ์ าเซยี น -แคนาดา เปน็ เวลา 3 ปี (พ.ศ.2552-2554) ปีพ.ศ.2553 ประเทศไทยจงึ เปน็ ผู้ประสานงานเปน็ เจา้ ภาพจดั ประชุมหารือระหวา่ งอาเซียนและแคนาดา (ASEAN-Canada Dialogue) ครั้งท่ี 7 ท่กี รุงเทพมหานคร เปน็ การประชมุ ระดบั เจา้ หน้าทีอ่ าวโุ ส เพอ่ื หารือและ แลกเปลยี่ นความคิดเห็นในประเด็นทางยทุ ธศาสตร์ท้ังในดา้ นการเมอื ง ความม่นั คง และเศรษฐกจิ
อาเซียนกับสหรัฐอเมรกิ า อาเซยี นกบั สหรฐั อเมรกิ ามคี วามสมั พันธ์เปน็ ทางการครง้ั แรกเมื่อ พ.ศ. 2520 ในระยะแรกสหรัฐอเมรกิ า เนน้ การหารอื และสง่ เสรมิ ดา้ นการเมอื งและความมัน่ คงกบั อาเซียน ในขณะท่อี าเซยี นต้องการความชว่ ยเหลอื ดา้ น การพัฒนาและเศรษฐกิจ ปัจจุบันสหรัฐอเมริกายงั คงใหค้ วามสาํ คญั กับอาเซียนในดา้ นการเมอื ง เศรษฐกจิ และ ยุทธศาสตรโ์ ดยมีการแถลงวิสัยทศั น์วา่ ดว้ ยความเป็นหุ้นสว่ นท่ีเพิม่ พนู ขึน้ เมื่อ พ.ศ.2548 ระหว่างทไี่ ทยทําหนา้ ที่ประสานงานความสมั พนั ธ์อาเซียน -สหรัฐอเมรกิ า อาเซียนและสหรฐั อเมรกิ าได้ จดั ทาํ ปฏญิ ญาร่วมอาเซียน -สหรัฐอเมริกาเพือ่ ความรว่ มมือในด้านการตอ่ ตา้ นการก่อการรา้ ยระหว่างประเทศ (ASEAN-United States of America Joint Declaration for Cooperation to Combat International Terrorism) ในปี พ.ศ.2545 รวมทง้ั รว่ มลงนามในความร่วมมือด้านเศรษฐกจิ ใน กรอบความตกลงการคา้ และการ ลงทนุ (ASEAN-US Trade and Investment Framework Arrangement-TIFA) ในปีพ.ศ.2549 อาเซียนและสหรฐั อเมริกาจัดใหม้ กี ารประชมุ ผนู้ ําอาเซียน -สหรัฐอเมริกา ครงั้ แรกเมื่อ พ.ศ. 2552 ที่ ประเทศสงิ คโปร์ เพ่อื กระชับความสมั พนั ธใ์ ห้แน่นแฟน้ ในฐานะหุ้นส่วนในการเผชิญและรว่ มกันแกป้ ัญหาตา่ งๆ อาเซียนกบั สหภาพยโุ รป สหภาพยโุ รปถือเปน็ คเู่ จรจาอย่างไม่เป็นทางการของอาเซยี นมาตง้ั แต่ ปีพ.ศ. 2515 ตลอดระยะเวลาทผี่ า่ น มาท้ังสองฝ่ายมีความร่วมมือกันในทุกดา้ นและเนอื่ งในโอกาสครบรอบ 30 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์อาเซียน ทง้ั สองฝ่ายจึงจดั ให้มกี ารประชุมสดุ ยอดสมยั พเิ ศษอาเซียน -สหภาพยุโรป (ASEAN-Commemorative Summit) เมื่อปีพ.ศ.2550 ท่ีสงิ คโปร์ ปัจจุบันสหภาพยโุ รปให้ความสําคัญกบั อาเซียนมากข้ึน โดยในปี พ.ศ. 2550 ทั้งสองฝา่ ยได้รับรอง ปฏิญญา นูเรมเบิร์กว่าดว้ ยการเป็นหุ้นส่วนท่เี พม่ิ พูนระหว่างสหภาพยุโรปกบั อาเซียน ( Nuremberg Declaration on an EU-ASEAN Enhanced Partnership) เพ่อื เปน็ แนวทางในการดาํ เนินความสัมพนั ธแ์ ละความร่วมมอื ทงั้ ในด้าน การเมือง เศรษฐกิจ ความมัน่ คง สังคมและวัฒนธรรมในอนาคต อาเซียนกับจนี อาเซยี นกับจีนเรมิ่ ความสมั พันธก์ ันเม่อื พ.ศ. 2534 และยกสถานะเปน็ คู่เจรจาอย่างสมบรู ณใ์ นปี พ.ศ.2549 มีความร่วมมอื กันอยา่ งใกลช้ ดิ ในทุกดา้ นโดยเมอื่ ปี พ.ศ.2546 จนี เป็นประเทศทค่ี รอบครองอาวธุ นวิ เคลียรป์ ระเทศ
แรกท่แี สดงความพร้อมในการลงนาม พธิ สี ารตอ่ สนธสิ ัญญาว่าดว้ ยเขตปลอดอาวธุ นวิ เคลยี รใ์ นเอเชียตะวนั ออก เฉยี งใต้ (Protocol to the Treaty on Southeast Asia Nuclear Weapon-Free Zone) ในดา้ นเศรษฐกจิ จีนกเ็ ป็นประเทศแรกทีเ่ สนอให้มกี ารจัดตั้งเขตการคา้ เสรีกับอาเซยี น ซ่งึ มผี ลสมบรู ณไ์ ป แลว้ เมอ่ื ปี พ.ศ. 2553 (เฉพาะประเทศสงิ คโปร์ อนิ โดนเี ซีย มาเลเซีย ฟลิ ปิ ปนิ ส์ บูรไน และไทย) และจีนเปน็ ประเทศที่ 3 ทีร่ ่วมลงนามจดั ตั้งศูนยอ์ าเซยี นในประเทศของตน นอกจากน้เี มอ่ื ปี พ.ศ. 2553 อาเซียนกบั จนั ยงั ไดล้ งนามในแฟนพัฒนาร่วมกนั ในอนาคต โดยประเทศไทย ไดเ้ สนอแนะในเร่อื งสาํ คญั เชน่ การพฒั นาโครงสร้างพื้นฐานดา้ นการคมนาคมขนสง่ และการปฏิบัตกิ ารทาง การแพทย์ฉกุ เฉนิ ในเหตกุ ารณภ์ ยั พบิ ตั ิ เป็นต้น อาเซียนกบั เกาหลใี ต้ หลังจากสถาปนาความสัมพันธอ์ ย่างเป็นทางการเม่อื ปีพ.ศ. 2534 อาเซยี นและเกาหลใี ต้ได้ร่วมลงนามใน ปฏญิ ญาว่าด้วยความรว่ มมอื การเปน็ หนุ้ ส่วนทางเศรษฐกิจเมื่อปี พ.ศ. 2547 เพือ่ ส่งเสรมิ ความสมั พันธ์และความ รว่ มมอื ที่รอบดา้ น ตอ่ มาในปี พ.ศ. 2552 อาเซียนและเกาหลีใตไ้ ด้ลงนามจัดตัง้ ศูนย์อาเซยี น -เกาหลี ท่ีกรุงโซล เพอื่ ส่งเสริม ความรว่ มมอื ดา้ นการคา้ การลงทนุ การทอ่ งเทีย่ ว และการแลกเปล่ยี นทางวัฒนธรรมระหว่างกัน ในปี พ.ศ. 2553 อาเซียน -เกาหลใี ตย้ กระดบั ความสมั พนั ธ์ดว้ ยการจดั ทําปฏญิ ญาร่วมว่าดว้ ยการเปน็ หุน้ ส่วนทางยทุ ธศาสตร์และแผนปฏิบัตกิ ารเพือ่ กาํ หนดทศิ ทางการส่งเสรมิ ความรว่ มมอื อาเซยี น -เกาหลีใตใ้ น อนาคต อาเซียนกบั อินเดีย อาเซยี นกบั อนิ เดียมีความสมั พนั ธก์ ันอยา่ งเปน็ ทางการเม่อื ปี พ.ศ. 2535 โดยมี เอกสารความเปน็ หนุ้ สว่ น ระหว่างอาเซียน-อินเดยี เพือ่ สนั ติภาพความก้าวหน้า และความเจรญิ รงุ่ เรอื งร่วมกนั (ASEAN-India Partnership for Peace, Progress and Shared Prosperity) ปจั จบุ ันอยู่ภายใตแ้ ผนปฏบิ ัตกิ าร พ.ศ.2553-2558 โดยทงั้ สอง ฝ่ายไดจ้ ดั ตง้ั กองทุนอาเซียน -อนิ เดีย และได้ตัง้ เป้าหมายขยายการค้าเป็น 700,000 ลา้ นดอลลาร์สหรฐั ในปี พ.ศ. 2555 อีกด้วย นอกจากนอี้ ินเดียยงั แสดงความพร้อมในการสนบั สนุนการเช่อื มโยงระหว่างกนั ดว้ ยการขยายทางหลวง สามฝ่าย คือ ไทย -พม่า-อินเดยี ไปยังลาว และกมั พูชา รวมทั้งสนับสนุนการพฒั นาการเชื่อมโยงดา้ นเทคโนโลยี สารสนเทศ แกป่ ระเทศสมาชิกอาเซยี นประเทศละ 100 ทุน เป็นระยะเวลา 5 ปีอกี ดว้ ย
อาเซยี นกบั รัสเซีย อาเซียนและรสั เซยี สถาปนาความสมั พันธ์ในฐานะค่หู ารือ ( Consultative Relations) กบั อาเซียนเมื่อปี พ.ศ.2534 และพฒั นาเปน็ คู่เจรจาเมือ่ ปี พ.ศ. 2539 มีความรว่ มมือกันในหลายๆ ดา้ น เชน่ ปฏิญญารว่ มอาเซียน - รัสเซีย ว่าดว้ ยความเป็นห้นุ ส่วนเพื่อสนั ติภาพ ความมั่นคง ความมั่งคงั่ และการพฒั นาในภูมภิ าคเอเชยี -แปซฟิ กิ (Joint Declaration of the Foreign Ministers of the Russian Federation and the Association of Southeast Nations on Partnership for Peace and Security, Prosperity and Development in the Asia-Pacific Region) ในปี พ.ศ.2546 แถลงการณร์ ่วมอาเซียน-รสั เซีย ว่าด้วยความร่วมมือในการต่อต้านการก่อ การรา้ ย (ASEAN-Russia Joint Declaration for Cooperation to Combat International Terrorism) นอกจากน้ีรสั เซียยงั ไดม้ อบเงนิ ประมาณ 1 ล้านดอลลาร์สหรฐั เพอื่ จัดตัง้ กองทนุ ASEAN-Russia Dialogue Partnership Financial Fund : DPFF เพ่อื ใชด้ ําเนนิ กิจกรรมความรว่ มมือตา่ งๆ อีกดว้ ย อาเซียนกบั สหประชาชาติ อาเซียนกบั สหประชาชาตเิ ริม่ ความสัมพนั ธ์กนั เมื่อปี พ.ศ. 2513 โดยเป็นความรว่ มมอื ด้านวิชากร ตอ่ มา สหประชาชาตพิ ยายามส่งเสริมการเปน็ หนุ้ สว่ นกบั องคก์ รระดับภูมภิ าคทั่วโลก เพือ่ ชว่ ยแก้ไขปญั หาในระดับ ภมู ภิ าค อาเซียนและสหประชาชาตเิ คยจดั การประชุมสุดยอดอาเซยี น-สหประชาชาติมาแล้ว 3 ครัง้ โดยครงั้ ลา่ สดุ จัดเมอื่ ปีพ.ศ. 2553 ซ่งึ ทัง้ สองฝา่ ยได้หารือกนั ในเรอื่ งความรว่ มมอื ระหว่างอาเซียนกับสหประชาชาติ เพือ่ ช่วยให้ ประเทศสมาชิกอาเซยี นสามารถบรรลุเปา้ หมายการพัฒนา โดยเฉพาะการลดช่องวา่ งระหวา่ งประเทศสมาชกิ รวมถงึ การให้ความสําคัญเรื่องการพฒั นาทรพั ยากรมนษุ ย์ ท้ังในด้านสาธารณสขุ การศกึ ษา และสทิ ธิมนษุ ยชน การปอ้ งกันปญั หาอาชญากรข้ามชาติ การกอ่ การร้าย และยาเสพตดิ การเสริมสรา้ งศกั ยภาพประเทศสมาชิก อาเซยี นในการปฏิบัตกิ ารรักษาสนั ติภาพและการบริหารจดั การภัยพบิ ตั ิ
ระบอบการปกครอง ประเทศ ระบอบการปกครอง ประมขุ ของประเทศ หัวหนา้ คณะรฐั บาล 1. บรไู น ดารุสซาลาม สมบรู ณาญาสิทธิราชย์ พระราชาธิบดี พระราชาธบิ ดี (Brunei Darussalam) ประชาธิปไตย (กษัตรยิ ์) (กษัตรยิ ์) ประชาธิปไตย 2. ราชอาณาจักรกัมพูชา พระมหากษตั ริย์ นายกรัฐมนตรี (Kingdom of Cambodia) สงั คมนิยม ประธานาธบิ ดี ประธานาธบิ ดี ประชาธิปไตย 3. สาธารณรฐั อนิ โดนีเซีย ประธานาธบิ ดี นายกรฐั มนตรี (Republic of Indonesia) ประชาธปิ ไตย พระมหากษตั ริย์ นายกรัฐมนตรี 4. สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชน ประชาธปิ ไตย ลาว ประธานาธิบดี ประธานาธบิ ดี (Laos People’s Democratic ประชาธิปไตย Republic) ประชาธปิ ไตย ประธานาธบิ ดี ประธานาธบิ ดี ประชาธปิ ไตย ประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรี 5. มาเลเซีย สงั คมนิยม พระมหากษตั ริย์ นายกรฐั มนตรี (Malaysia) ประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรี 6. สาธารณรฐั แห่งสหภาพเมียนมาร์ (Republic of The Union of Myanmar) 7. สาธารณรัฐฟลิ ิปปินส์ (Republic of The Philippines) 8. สาธารณรัฐสงิ คโปร์ (Republic of Singapore) 9. ราชอาณาจักรไทย (Kingdom of Thailand) 10. สาธารณรฐั สังคมนยิ มเวยี ดนาม (Socialist Republic of Vietnam)
AASSEEAANN CCuurrreennccyy::สสกกุลุลเเงงินินขขอองงปปรระะเเททศศสสมมาาชชิกิกออาาเเซซียียนน 1. บรูไน ดารุสซาลาม ดอลลา่ ร์บรไู น ดารสุ ซาลาม เปน็ สกุลเงินของประเทศบรูไน ดารสุ ซาลาม* 1 ดอลล่ารบ์ รูไน เทา่ กบั ประมาณ 25 บาท 2. ราชอาณาจักรกมั พูชา เรียล (Riel) เป็นสกลุ เงนิ ของประเทศกัมพูชา* 127 เรียล เท่ากบั ประมาณ 1 บาท 3. สาธารณรัฐอนิ โดนเี ซีย รเู ปยี ห์ (Rupiah) เป็นสกลุ เงนิ ของประเทศอินโดนเี ซยี * 1,000 รเู ปยี ห์ เท่ากับประมาณ 3 บาท 4. สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว กีบ (Kip) เปน็ สกลุ เงินของประเทศลาว* 1,000 กีบ เท่ากับประมาณ 4 บาท 5. มาเลเซยี ริงกติ (Ringgit) เปน็ สกุลเงนิ ของประเทศมาเลเซยี 1 รงิ กิตมาเลเซียเท่ากบั ประมาณ 10 บาท
6. สาธารณรัฐแหง่ สหภาพเมียนมาร์ จา๊ ด (Kyat) เปน็ สกุลเงินของประเทศพมา่ * 26 จ๊าดเทา่ กบั ประมาณ 1 บาทไทย 7. สาธารณรฐั ฟลิ ปิ ปินส์ เปโซ (Peso) เป็นสกลุ เงินของประเทศฟลิ ิปปินส์* 1.40 เปโซ เท่ากับประมาณ 1 บาท 8. สาธารณรัฐสิงคโปร์ ดอลลาร์ (Dollar) เปน็ สกุลเงินของประเทศสงิ คโปร์* 1 ดอลลา่ ร์สิงคโปร์ เทา่ กับประมาณ 25 บาท. 9. ราชอาณาจกั รไทย บาท (Baht) เปน็ สกุลเงนิ ของประเทศไทย 10. สาธารณรฐั สงั คมนยิ มเวียดนาม ด่อง (Dong) เป็นสกลุ เงินของประเทศเวียดนาม* 652 ดอ่ ง เท่ากบั ประมาณ 1 บาท
อาหารของชาตอิ าเซียน อาหารยอดนยิ มของประเทศบรูไน ดารุสซาลาม “อัมบูยตั ”(Ambuyat) มลี ักษณะเดน่ คือ เหนยี วขน้ คล้ายข้าวตม้ หรือโจ๊ก ไมม่ ีรสชาติ มีแปง้ สาคเู ป็นส่วนผสมหลัก วิธที านจะใช้ แท่งไมไ้ ผ่ 2 ขาซง่ึ เรยี กวา่ chandas ม้วนแป้งรอบๆ แลว้ จุ่มในซอสผลไม้เปรย้ี วทเี่ รยี กว่า cacah หรือซอสท่ี เรยี กวา่ cencalu ซึง่ ทําจากกะปิ ทานคกู่ บั เคร่ืองเคียงอีก 2-3 ชนิด เช่น เนอื้ ห่อใบตองยา่ ง เน้อื ทอด เปน็ ต้น การ รบั ประทานอมั บูยัตให้ได้รสชาติ ตอ้ งทานรอ้ นๆ และกลืน โดยไม่ตอ้ งเคี้ยว อาหารยอดนยิ มของราชอาณาจักรกมั พูชา “อามอ็ ก”(Amok) เป็นอาหารคาวยอดนยิ มของกัมพชู า มลี ักษณะคล้ายห่อหมกของไทย นยิ มใชเ้ นือ้ ปลาปรงุ ดว้ ยน้ําพรกิ เคร่ืองแกงและกะทิ ทําให้สุกโดยการนาํ ไปนึง่ แต่ทน่ี ยิ มใช้เนอ้ื ปลาเพราะหาได้งา่ ยซ่งึ นอกจากจะใชเ้ น้ือปลาแล้ว อาจใช้เนื้อไก่หรอื หอยแทนได้ ส่วนสาเหตทุ ค่ี นในประเทศกัมพูชานยิ มรับประทานปลา เนื่องจากสภาพภมู ิประเทศ ของกัมพชู ามแี หล่งนาํ้ อดุ มสมบูรณ์ ทําให้ปลาเปน็ อาหารทีห่ ารับประทานได้ง่ายนน่ั เอง
อาหารยอดนิยมของสาธารณรัฐอนิ โดนเี ซยี “กาโด กาโด”(Gado Gado) อาหารสําหรบั ผู้ท่รี กั สขุ ภาพ ประกอบไปด้วยผกั และธญั พืชหลากหลายชนิด เช่น มันฝรง่ั กะหล่าํ ปลี ถ่ัวงอก ถว่ั เขียว เสริมโปรตนี ดว้ ยเตา้ หู้และไขต่ ้ม รับประทานคกู่ ับซอสถั่วทค่ี ลา้ ยกบั ซอสสะเต๊ะ ด้วยเครือ่ ง สมนุ ไพรในซอส อาทิ รากผักชี หอมแดง กระเทียม ตะไคร้ ทําให้เม่ือรับประทานแลว้ จะไม่รูส้ กึ เลี่ยนกะทิมาก จนเกนิ ไปน่นั เอง ซ่งึ ใกลเ้ คยี งกับสลดั แขก ของประเทศไทย อาหารยอดนยิ มของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว “ซปุ ไก”่ (Chicken Soup) แกงรสชาติหวานอรอ่ ยกลมกล่อม ทีม่ ีสว่ นผสมสาํ คัญ ไดแ้ ก่ ตะไคร้ ใบสะระแหน่ กระเทียม หอมแดง รวมถงึ รสชาติเปร้ียว เผด็ จากมะนาวและพรกิ รับประทานร้อนๆ กับขา้ วเหนยี ว ได้คุณค่าทางโภชนาการอาหาร และความอร่อยไปพร้อมๆ กนั
อาหารยอดนยิ มของมาเลเซีย “นาซิ เลอมัก” (Nasi Lemak) อาหารยอดนยิ มของประเทศมาเลเซยี โดยนาซิ เลอมกั จะเป็นข้าวหงุ กบั กะทิ และใบเตย ทานพรอ้ ม เครือ่ งเคยี ง 4 อย่าง ได้แก่ ปลากะตกั ทอดกรอบ แตงกวาหัน่ ไขต่ ม้ สุก และถ่ัวอบ ซึ่งนาซิ เลอมกั แบบดั้งเดมิ จะ หอ่ ด้วยใบตอง และมักทานเป็นอาหารเช้า แตใ่ นปจั จุบนั กลายเป็นอาหารยอดนยิ มทท่ี านได้ทุกมื้อ และแพร่หลาย ในประเทศเพ่ือนบ้านอกี หลายแห่ง เชน่ สงิ คโปร์ และภาคใตข้ องไทยด้วย อาหารยอดนิยมของสาธารณรฐั แห่งสหภาพเมียนมาร์ หลา่ เพด็ (Lahpet) เปน็ อาหาร ยอดนยิ มของพม่า โดยการนาํ ใบชาหมกั มา ทานกับเครื่องเคยี ง เช่น กระเทียมเจยี ว ถ่ัวชนดิ ต่างๆ งาคว่ั กุ้งแหง้ ขิง มะพรา้ วค่วั เรียกได้วา่ มลี กั ษณะคล้ายคลึงกับเมยี่ งคาํ ของ ประเทศไทย ซง่ึ หล่าเพด็ น้ี จะเป็นเมนอู าหารทข่ี าดไมไ่ ดใ้ นโอกาสพิเศษหรือเทศกาลสําคญั ๆ ของประเทศพม่า โดยกลา่ วกันว่า หากงานเล้ยี ง หรอื งานเฉลมิ ฉลองใด ไม่มีหลา่ เพ็ด จะถอื ว่าการนนั้ เป็นงานทขี่ าดความสมบูรณ์ไป เลยทเี ดียว
อาหารยอดนยิ มของสาธารณรัฐฟลิ ิปปินส์ “อโดโบ”้ (Adobo) เป็นอาหารยอดนิยมของประเทศฟลิ ิปปนิ ส์ ทําจากเน้อื หมู หรอื เนอื้ ไก่ ที่ผา่ นการหมัก และปรุงรส โดยจะ ใส่นํา้ สม้ สายชู ซอี ๊ิวขาว กระเทียมสบั ใบกระวาน พรกิ ไทยดํา นาํ ไปทําใหส้ ุกโดยอบในเตาอบ หรือทอด แล้วนํามา รบั ประทานกบั ข้าวสวยร้อน ๆ ในอดตี อาหารจานนี้เป็นที่นิยมในหม่นู ักเดนิ ทาง เนอ่ื งจากส่วนผสมของอโดโบส้ ามารถเกบ็ รักษาไวไ้ ดน้ าน เหมาะสําหรบั พกไวเ้ ป็นเสบยี งอาหารระหว่างการเดินทาง ซึง่ ปจั จุบนั อโดโบไ้ ดก้ ลายเปน็ อาหารยอดนยิ มท่นี าํ มา รบั ประทานกนั ได้ทกุ ทีท่ ุกเวลา อาหารยอดนิยมของสาธารณรฐั สงิ คโปร์ “ลกั ซา” (Laksa) อาหารขึ้นชื่อของประเทศสิงคโปร์ ลกั ซามีลกั ษณะคลา้ ยก๋วยเตี๋ยวตม้ ยาํ ใสก่ ะทิ ทาํ ใหร้ สชาตเิ ข้มข้น คล้ายคลึงกบั ขา้ วซอยของไทย โดยลกั ซาจะมสี ว่ นผสมของ กงุ้ แหง้ พริก กงุ้ ต้ม และหอยแครง เหมาะสาํ หรบั คนท่ี ชอบรับประทานอาหารทะเลเปน็ อย่างยิง่ อย่างไรกต็ าม ลักซามที ัง้ แบบท่ใี สก่ ะทิ และไมใ่ สก่ ะทิ ทว่า แบบทใ่ี ส่กะทิ จะเป็นท่ีนิยมมากกวา่
อาหารยอดนยิ มของราชอาณาจกั รไทย “ตม้ ยําก้งุ ” (Tom Yam Goong) แค่เอ่ยช่ือก็เปน็ ท่ีทราบกันดีอย่แู ลว้ วา่ ตม้ ยํากุง้ เป็นอาหารคาวทเี่ หมาะสําหรบั รับประทานกบั ขา้ วสวย รอ้ นๆ กล่นิ หอมของสมุนไพรท่ีเปน็ สว่ นประกอบในตม้ ยํากงุ้ นอกจากจะทาํ ให้รสู้ กึ สดชื่นแลว้ ยังชว่ ยกระตุ้นการ เจริญอาหารได้เป็นอยา่ งดี และเนื่องจากตม้ ยํากุง้ เป็นอาหารทมี่ รี สเปรย้ี ว และเผด็ เป็นหลัก ทําให้รับประทานแล้วไม่เลีย่ น จึงทําให้ต้ม ยาํ กุ้งเปน็ อาหารท่ีไดร้ ับความนิยมในทว่ั ทุกภาคของประเทศไทย รวมถึงชาวต่างชาตเิ องก็ตดิ อกติดใจในความอรอ่ ย ของตม้ ยาํ กงุ้ เช่นเดียวกัน อาหารยอดนิยมของสาธารณรฐั สงั คมนยิ มเวยี ดนาม “เปาะเปยี๊ ะเวยี ดนาม” (Vietnamese Spring Rolls) ถอื เปน็ หนึ่งในอาหารพน้ื เมืองที่โดง่ ดงั ทีส่ ดุ ของประเทศเวียดนาม ความอร่อยของเปาะเปี๊ยะเวียดนาม อยู่ ทีก่ ารนําแผ่นแป้งซง่ึ ทําจากข้าวจ้าวมาห่อไส้ ซงึ่ อาจจะเป็นไก่ หมู กุง้ หรือหมยู อ โดยนาํ มารวมกบั ผกั สมุนไพรอกี หลายชนดิ เชน่ สะระแหน่ ผักกาดหอม และนํามารับประทานค่กู บั น้ําจม้ิ หวาน โดยจะมถี ่ัวค่วั แครอทซอย ไชเทา้ ซอย ให้เติมตามใจชอบ และบางครงั้ อาจมเี ครือ่ งเคียงอยา่ งอน่ื เพมิ่ ดว้ ย
ดอกไม้ประจาํ ชาติอาเซยี น ดอก Simpor หรือทีเ่ รารจู้ กั กันในช่อื ดอก Dillenia เปน็ ดอกไม้ ประจําชาติของ บรไู น ดารุสซาลาม ดอก Rumdul กค็ อื ดอก ลาํ ดวน เปน็ ดอกไมป้ ระจําชาติของ ราชอาณาจกั รกมั พชู า ดอก Moon Orchid (กล้วยไมร้ าตรี) เปน็ กล้วยไม้ในสายพนั ธุ์ ของ Phalaenopsis เปน็ ดอกไมป้ ระจําชาตขิ อง สาธารณรฐั อินโดนเี ซยี ลลี าวดี หรอื ล่นั ทม เป็นดอกไม้ประจําชาติของ สาธารณรฐั ประชาธปิ ไตยประชาชนลาว Hibiscus หรือ ชบา เป็นดอกไมป้ ระจาํ ชาติของ มาเลเซีย
Padauk ประดู่ เปน็ ดอกไมป้ ระจําชาตขิ อง สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ Sampaguita Jasmine ดอกพดุ แก้ว เป็นดอกไมป้ ระจาํ ชาตขิ อง สาธารณรัฐฟลิ ปิ ปินส์ Vanda Miss Joaquim เปน็ กลว้ ยไม้ในกลมุ่ แวนดา้ เปน็ ดอกไมป้ ระจาํ ชาติของ สาธารณรฐั สิงคโปร์ ราชพฤกษ์ หรอื ดอกคนู เปน็ ดอกไม้ประจาํ ชาติของ ราชอาณาจกั รไทย บวั เปน็ ดอกไมป้ ระจําชาติของ สาธารณรัฐสังคมนยิ มเวียดนาม
การแต่งกายของสมาชิกอาเซยี น 10 ประเทศ 1. บรไู น ดารสุ ซาลาม (Brunei Darussalam) ชุดประจาํ ชาตขิ องบรไู นคลา้ ยกบั ชุดประจําชาติของ ผชู้ ายประเทศมาเลเซยี เรยี กว่า บาจู มลายู (Baju Melayu) สว่ นชุดของผู้หญิงเรียกว่า บาจกู ุรุง (Baju Kurung) แตผ่ หู้ ญิง บรูไนจะแตง่ กายดว้ ยเสอื้ ผา้ ทีม่ สี ีสนั สดใส โดยมากมักจะเปน็ เสอ้ื ผา้ ท่คี ลมุ ร่างกายตงั้ แต่ศรี ษะจรดเท้า สว่ นผู้ชายจะแตง่ กายดว้ ยเสอื้ แขนยาว ตวั เสอื้ ยาวถงึ เขา่ นุ่งกางเกงขายาวแล้ว นงุ่ โสรง่ เปน็ การสะท้อนวัฒนธรรมสังคมแบบอนุรักษ์นิยม เพราะบรไู นเปน็ ประเทศมสุ สมิ จึงตอ้ งแตง่ กายมดิ ชิดและ สุภาพเรียบรอ้ ย 2. ราชอาณาจักรกัมพชู า (Kingdom of Cambodia) ชุดประจําชาตขิ องกมั พชู าคือ ซัมปอต (Sampot) หรอื ผา้ นุ่งกมั พูชา ทอดว้ ยมือ มีทง้ั แบบหลวม และแบบพอดี คาดทับเสื้อบรเิ วณเอว ผา้ ที่ใชม้ ักทาํ จาก ไหมหรอื ฝา้ ย หรอื ท้ังสองอยา่ งรวมกัน ซัมปอตสําหรับ ผูห้ ญงิ มคี วามคล้ายคลงึ กับผ้าน่งุ ของประเทศลาวและ ไทย ท้งั นี้ ซมั ปอดมหี ลายแบบซึง่ จะแตกตา่ งกันไปตาม ชนชน้ั ทางสังคมของชาวกมั พูชา ถ้าใช้ในชีวิตประจาํ วัน จะใชว้ สั ดุราคาไมส่ ูง ซง่ึ จะส่งมาจากประเทศญี่ปุ่น นิยม ทาํ ลวดลายตามขวาง ถา้ เปน็ ชนิดหรหู ราจะทอด้ายเงนิ และดา้ ยทอง 3. สาธารณรัฐอินโดนเี ซีย (Republic of Indonesia) เกบาย่า (Kebaya) เป็นชุดประจําชาติของ ประเทศอินโดนีเซยี สําหรับผหู้ ญิง มีลักษณะเป็นเสือ้ แขน ยาว ผา่ หน้า กลดั กระดุม ตัวเสือ้ จะมสี ีสนั สดใส ปักฉลุ เปน็ ลายลูกไม้ ส่วนผา้ ถุงทใ่ี ช้จะเป็นผา้ ถงุ แบบบาติก สว่ น การแตง่ กายของผู้ชายมักจะสวมใส่เส้อื แบบบาตกิ และนงุ่ กางเกงขายาวหรอื เตลกุ เบสคาพ (Teluk Beskap) ซง่ึ เปน็ การแตง่ กายแบบผสมผสานระหวา่ งเสอื้ คลมุ ส้นั แบบ ชวาและโสรง่ และนุ่งโสร่ง เมอ่ื อยบู่ ้าน หรอื ประกอบพิธีละหมาดท่ีมัสยดิ
4. สาธารณรฐั ประชาธิปไตยประชาชนลาว L( aos People’s Democratic Republic) ผหู้ ญิงลาวนุ่งผ้าซนิ่ และใสเ่ สือ้ แขนยาวทรงกระบอก สําหรบั ผูช้ ายมักแต่งกายแบบสากล หรอื นงุ่ โจง กระเบน สวมเสอ้ื ชน้ั นอกกระดุมเจ็ดเม็ด คลา้ ยเส้อื พระราชทานของไทย 5. มาเลเซยี (Malaysia) สําหรบั ชดุ ประจําชาตมิ าเลเซยี ของผชู้ าย เรียกว่า บาจู มลายู (Baju Melayu) ประกอบด้วยเสอ้ื แขนยาวและ กางเกงขายาวทท่ี ําจากผ้าไหม ผา้ ฝ้าย หรือโพลีเอสเตอร์ที่มี สว่ นผสมของผา้ ฝา้ ย ส่วนชดุ ของผหู้ ญงิ เรยี กว่า บาจกู ุรงุ (Baju Kurung) ประกอบดว้ ยเสอื้ คลมุ แขนยาว และ กระโปรงยาว 6. สาธารณรัฐแหง่ สหภาพเมียนมาร์ (Republic of The Union of Myanmar) ชดุ ประจําชาตขิ องชาวพม่าเรียกว่า ลองยี (Longyi) เปน็ ผ้าโสรง่ ที่น่งุ ทั้งผูช้ ายและผูห้ ญงิ ในวาระพเิ ศษต่าง ๆ ผู้ชายจะใส่เสื้อเชต้ิ คอปกจีนแมนดารินและเสื้อคลุมไม่มีปก บางครัง้ จะใส่ผ้าโพกศรี ษะทีเ่ รียกวา่ กอง บอง (Guang Baung) ด้วย ส่วนผู้หญิงพมา่ จะใสเ่ ส้ือตดิ กระดมุ หน้าเรียกว่า ยินซี (Yinzi) หรอื เสอื้ ติดกระดมุ ข้างเรียกว่า ยินบอน (Yinbon) และใส่ผ้าคลุมไหลท่ บั 7. สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ (Republic of The Philippines) ผ้ชู ายจะนุง่ กางเกงขายาวและสวมเสอื้ ทเ่ี รียกว่า บารอง ตากาลอ็ ก (barong Tagalog) ซง่ึ ตดั เยบ็ ดว้ ยผา้ ใย สปั ปะรด มีบา่ คอตงั้ แขนยาว ที่ปลายแขนเสอ้ื ทขี่ ้อมอื จะ ปกั ลวดลาย สว่ นผูห้ ญิงน่งุ กระโปรงยาว ใสเ่ สอ้ื สีครมี แขน สัน้ จบั จบี ยกต้ังขน้ึ เหนอื ไหล่คลา้ ยปกี ผีเส้อื เรียกว่า บาลิน ตาวัก (balintawak) 8. สาธารณรัฐสงิ คโปร์ (Republic of Singapore) สิงคโปร์ไมม่ ีชดุ ประจาํ ชาติเปน็ ของตนเอง เนอื่ งจากประเทศสิงคโปรแ์ บง่ ออกเป็น 4 เช้ือชาตหิ ลัก ๆ
ไดแ้ ก่ จนี มาเลย์ อนิ เดีย และชาวยโุ รป ซง่ึ แตล่ ะเชอ้ื ชาติกม็ ชี ดุ ประจาํ ชาตเิ ปน็ ของตนเอง เชน่ ผูห้ ญิงมลายใู น สงิ คโปร์ จะใส่ชุดเกบายา่ (Kebaya) ตวั เสอื้ จะมีสีสันสดใส ปักฉลเุ ปน็ ลายลูกไม้ หากเป็นชาวจีน ก็จะสวมเส้ือแขน ยาว คอจนี เสอื้ ผา้ หนา้ ซอ่ นกระดุม สวมกางเกงขายาว โดยเส้ือจะใช้ผ้าสีเรียบหรอื ผา้ แพรจนี ก็ได้ 9. ราชอาณาจักรไทย (Kingdom of Thailand) สําหรับชดุ ประจาํ ชาตอิ ยา่ งเปน็ ทางการ ของไทย รูจ้ กั กันในนามวา่ \"ชุดไทยพระราช นิยม\" โดยชดุ ประจําชาตสิ ําหรับสภุ าพบุรุษ จะ เรียกวา่ \"เสอื้ พระราชทาน\" สําหรับสภุ าพสตรจี ะเป็นชดุ ไทยท่ี ประกอบดว้ ยสไบเฉยี ง ใชผ้ ้ายกมเี ชงิ หรือยก ทัง้ ตัว ซนิ่ มจี บี ยกข้างหนา้ มชี ายพกใชเ้ ข็มขดั ไทยคาด ส่วนทอ่ นบนเป็นสไบ จะเยบ็ ให้ติดกบั ซ่นิ เป็นท่อนเดียวกนั หรอื จะมีผา้ สไบห่ม ต่างหากก็ได้ เปิดบ่าข้างหนึ่ง ชายสไบคลุมไหล่ ทิ้งชายด้านหลังยาวตามที่เห็นสมควร ความสวยงามอย่ทู ่ี เนื้อผา้ การเย็บและรูปทรงของผูท้ สี่ วม ใช้เครือ่ งประดบั ได้งดงามสมโอกาสในค่ําคืน 10. สาธารณรฐั สังคมนยิ มเวียดนาม (Socialist Republic of Vietnam) อ่าวหญา่ ย (Ao dai) เปน็ ชดุ ประจาํ ชาติของ ประเทศเวยี ดนามทป่ี ระกอบไปด้วยชดุ ผา้ ไหมที่พอดตี วั สวมทับกางเกงขายาวซงึ่ เป็นชดุ ท่มี กั สวมใส่ในงาน แต่งงานและพธิ กี ารสาํ คญั ของประเทศ มลี กั ษณะคล้าย ชดุ ก่เี พ้าของจนี ในปจั จบุ ันเป็นชุดทไ่ี ด้รับความนิยม จากผหู้ ญงิ เวียดนาม สว่ นผูช้ ายเวียดนามจะสวมใส่ชดุ อา่ วหญา่ ยในพธิ ีแตง่ งาน หรือพิธศี พ ประเพณีและวัฒนธรรมของอาเซียน นอกจากสภาพภูมปิ ระเทศ ภูมอิ ากาศ และเชอื้ ชาติจะทาํ ใหผ้ ูค้ นอาเซยี นมวี ถิ ีชีวติ คล้ายคลงึ กันเป็นพื้นฐาน แล้ว นับแตโ่ บราณกาลมาประเทศต่างๆ ในภูมภิ าคนย้ี งั มีการตดิ ต่อค้าขายแลกเปลย่ี นวัฒนธรรมกนั มา โดยตลอด ประเพณีและวฒั นธรรมหลายๆ อยา่ งจงึ มีลกั ษณะคลา้ ยคลงึ กนั โดยแบง่ กลมุ่ วัฒนธรรมซง่ึ มีความ เก่ียวขอ้ งใกลช้ ิดกนั ออกเปน็ 3 กลุ่มใหญ่ คือ
1. กลุ่มวัฒนธรรมลุม่ แม่น้ําโขง ได้แก่ ไทย ลาว กัมพูชา เมียนมาร์ และเวยี ดนาม ศาสนา ผคู้ นในลมุ่ แม่นา้ํ โขงส่วนใหญน่ บั ถอื ศาสนาพทุ ธ นิกายเถรวาท ภาษา โดยเฉพาะไทยและลาว มคี วามคล้ายคลึงกนั ท้ังภาษาพูดและภาษาอาเซียน สามารถส่อื สารกันได้ อาหาร อาเซียนนับเปน็ แหล่งปลูกขา้ วสาํ คัญของโลก และประเทศสมาชิกในอาเซียนกล็ ว้ นแต่ รับประทานขา้ วเป็นอาหารหลัก สง่ิ แตกตา่ งกันคอื พันธ์ุขา้ วและวธิ กี ารทํานาของแตล่ ะประเทศ ซ่ึงกอ่ ให้เกิดประเพณีและวฒั นธรรมทคี่ ล้ายคลึงกนั อีกหลายประการ เชน่ พธิ กี รรมเก่ยี วกบั ฝน ฟา้ อากาศ เพ่ือผลผลิตทสี่ มบรู ณห์ รือการละเลน่ หลังฤดูทาํ นา เปน็ ต้น ประเพณสี งกรานต์ มีท้งั ในไทย ลาว กัมพูชา และพมา่ ในชว่ งเดอื นเดียวกัน แต่วนั อาจไม่ ตรงกนั เสียทีเดียว กจิ กรรมท่ที ําก็คล้ายกัน คอื ทาํ บุญตักบาตร รดน้ําผ้ใู หญ่ และการเล่นสาด น้าํ นอกจากนย้ี งั ถือวา่ เทศกาลสงกรานต์ เปน็ การขนึ้ ปใี หม่ของประเทศสมาชิกในล่มุ แมน่ ้าํ โขง นาฏศลิ ป์-ดนตรี ทงั้ การแสดงและเครือ่ งดนตรีของไทย ลาว พม่า และกมั พูชา ต่าง แลกเปลย่ี นและไดร้ ับอิทธิพลซงึ่ กนั และกันมาแตโ่ บราณ เช่น แต่ละประเทศจะมีเครือ่ งดนตรี ประเภทฆอ้ ง พิณ และและซอ คล้ายๆ กนั การทอผา้ เปน็ วัฒนธรรมร่วมกันของผคู้ นในภูมภิ าคนี้มานานหลายร้อยปี วธิ ีการทอผา้ ของ แต่ละประเทศจึงไม่แตกต่างกันมากนัก สิ่งทแี่ ตกต่างกันคอื ลายผ้าอันเป็นเอกลกั ษณ์เฉพาะของ แต่ละท้องถ่นิ รามายณะ เป็นวรรณคดขี องอนิ เดยี ทม่ี ีอทิ ธิพลต่อวรรณคดี นาฏศลิ ป์การแสดงของผู้คนใน ภมู ิภาคอาเซ๊ยน และไมเ่ ฉพาะแตใ่ นประเทศกลมุ่ วัฒนธรรมลุ่มแม่นา้ํ โขงเท่าน้นั แต่ยังรวมถงึ กล่มุ วัฒนธรรมของมาเลเซยี อินโดนีเซยี บรูไน ดารุสซาลาม และสิงคโปรด์ ว้ ย 2. กลมุ่ วฒั นธรรมของประเทศมาเลเซีย อนิ โดนเี ซยี บรูไน ดารสุ ซาลาม และสงิ คโปร์ กลุม่ ประเทศทางตอนใตข้ องภมู ิภาคอาเซยี น ประชาชนส่วนใหญน่ บั ถือศาสนาอิสลาม จึงมีความ คลา้ ยคลึงกันท้งั ในดา้ นภาษา ประเพณี และวัฒนธรรม อันสืบเนื่องจากศาสนา เช่น ภาษา กลุ่มประเทศเหล่าน้ี รวมถงึ ส่จี งั หวดั ภาคใต้ของไทยส่วนใหญใ่ ชภ้ าษามลายู และ สามารถสอ่ื สารกันได้ การแต่งกายและอาหาร เน่อื งจากนบั ถอื ศาสนาอสิ ลามเหมือนกัน การปฏิบตั ติ นและวิถีชีวติ หลายๆ อย่างจงึ เปน็ ไปตามหลักศาสนา เชน่ การแต่งกายท่คี ลา้ ยคลงึ กนั หรอื อาหารสว่ นใหญ่ ทีไ่ มใ่ ชเ่ นอื้ หมใู นการปรงุ และมักมสี ่วนผสมของมะพรา้ ว ซงึ่ เปน็ พชื ท่ีพบมากและเปน็ พชื เศรษฐกิจอย่างหนง่ึ ในภมู ภิ าคน้ี การแสดงหนงั ตะลุง เปน็ การแสดงการเชดิ หนงั และหุ่น มตี น้ กาํ เนิดมาจากอินโดนเี ซยี ก่อนจะ แพรก่ ระจายไปท่ัวคาบสมุทรมลายูและหมู่เกาะในภูมิภาคอาเซยี น รวมถงึ ภาคใตข้ องประเทศ ไทยด้วย 3. กลมุ่ วฒั นธรรมฟิลปิ ปินส์ แม้ว่าลักษณะกายภาพของฟิลปิ ปนิ ส์จะเป็นหมูเ่ กาะคล้ายกับประเทศอินโดนเี ซีย แตเ่ นือ่ งจากเป็น อาณานคิ มของประเทศสเปนมาอยา่ งยาวนาน รวมทัง้ ประชาชนสว่ นใหญน่ ับถือศาสนาครสิ ต์ นกิ ายโรมนั คอทอลิค ดงั น้นั วัฒนธรรม ประเพณี ความเช่อื จงึ เป้ฯการผสมผสานกนั ระหว่างตะวนั ออกกับตะวนั ตก อย่างไรกต็ าม ประเทศฟลิ ิปปนิ สก์ ็ยังมีลกั ษณะร่วมกับประเทศในภมู ภิ าคอาเซยี นหลายประการ เชน่ รปู ร่างหน้าตา อาหารการ กนิ เพราะฟิลปิ ปินส์นิยมรบั ประทานข้าวเป็นอาหารหลกั เหมือนกับประเทศอ่ืนๆ ในภูมิภาคอาเซียนไทยด้วย
สถานทอ่ี ันเป็นสญั ลกั ษณ์ของแตล่ ะประเทศอาเซียน 1. บรูไน ดารุสซาลาม (Brunei Darussalam) มสั ยดิ สลุ ตา่ นโอมาร์ อาลี ไซฟดุ ดนิ ตงั้ ชอ่ื ตามสุลตา่ นโอมาร์ อาลี ไซฟุดดินทสี่ าม สุลตา่ นองคท์ ี่ 28 ของ บรไู น มัสยดิ แห่งน้อี อกแบบโดย Cavaliere Rudolfo Nolli สถาปนิกชาวอติ าลรี ูปแบบสถาปัตยกรรมเป็นแบบ อสิ ลามสมยั ใหมท่ ผี่ สมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมโมกลุ กบั อิตาลี ประกอบกับการก่อสร้างและประดบั ตกแต่งดว้ ย วสั ดชุ ้ันดที ี่นาํ เข้าจากต่างประเทศ ทาํ ให้มสั ยดิ แห่งนีส้ วยงาม เปน็ ทีน่ ่าประทบั ใจแกบ่ รรดาผทู้ ีไ่ ดพ้ บเห็น ภาพทสี่ ะกดทุกสายตาคือ ความสวยงามของมสั ยิดสุลต่านโอมาร์ อาลี ไซฟุดดินซ่งึ ต้ังตระหง่านอย่รู ิม อา่ วที่ขุดขนึ้ ในแม่น้ําบรไู น มีเรือหลวงลาํ งามจอดนิ่งอยู่ด้านหนา้ ตัวมสั ยิดรายลอ้ มไปดว้ ยสวนสวยทีป่ ระดบั ประดา ด้วยน้าํ พุและต้นไมด้ อกไม้นานาพนั ธซุ์ ึง่ ชาวมสุ ลิมถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของสรวงสวรรค์ หอสงู ยอดแหลมและโดม ใหญโ่ ดดเด่นบนเสน้ ขอบฟา้ สามารถมองเหน็ ได้จากทุกมุมในเมืองบนั ดาร์เสรีเบกาวัน หอสูงนนั้ มีความสงู 52 เมตร ภายในมีลฟิ ต์ สามารถขน้ึ ไปชมทวิ ทัศนข์ องเมืองได้ ส่วนยอดโดมใหญข่ องมัสยดิ เป็นทีส่ นอกสนใจของนกั ท่องเท่ยี ว มากเปน็ พเิ ศษเพราะยอดโดมนน้ั ถูกฉาบไว้ดว้ ยทองคําบรสิ ุทธ์ิ นอกจากน้ี หากใครมีโอกาสไดไ้ ปเยย่ี มชมมัสยิดสุลต่านโอมาร์ อาลี ไซฟุดดินแลว้ ยงั สามารถถอื โอกาส แวะไปเท่ยี วKampong Ayer หรอื Water Village หมบู่ า้ นรมิ นํ้าซ่ึงเปน็ แหลง่ ทอ่ งเทยี่ วทมี่ ชี ่ือเสยี งอกี แหง่ หนึ่งของ บรูไน ซงึ่ ตัง้ อยใู่ กล้ ๆ กันได้อีกด้วยครับ แลว้ คณุ จะพบวา่ ความม่ังคง่ั อยู่ดีกนิ ดไี ม่จาํ เป็นต้องแสดงออกด้วยการสรา้ ง ตึกระฟา้ หรอื ศูนยก์ ารคา้ ขนาดมโหฬารเสมอไป 2. ราชอาณาจกั รกมั พูชา (Kingdom of Cambodia)
นครวดั เปน็ ศาสนสถานต้ังอยใู่ นเมอื งพระนคร จงั หวัดเสียมเรียบ ประเทศกัมพชู า สรา้ งในรัชสมัยของ พระเจ้าสรุ ยิ วรมนั ท่ี 2 ในช่วงต้นครสิ ต์ศตวรรษท่ี 12 โดยเป็นศาสนสถานประจาํ พระนครของพระองค์ ตวั เทวส ถานได้รบั การอนรุ กั ษ์ไวเ้ ป็นอย่างดี จนเป็นศูนยก์ ลางทางศาสนาท่ีสาํ คญั เพยี งแหง่ เดียวท่ยี งั เหลอื รอดมาจนถงึ ปัจจุบันนบั ตงั้ แต่กอ่ สรา้ งแลว้ เสร็จ แตเ่ ดิมนครวัดเปน็ เทวสถานของศาสนาฮนิ ดู ซึง่ สรา้ งขึน้ เพ่ือถวายแด่พระวษิ ณุ ก่อนที่จะเปล่ียนเปน็ ศาสนาพุทธ นครวัดเปน็ สิง่ ก่อสร้างทางศาสนาที่มีขนาดใหญท่ ี่สดุ ของโลก ตัวเทวสถานถือเป็น ท่สี ุดของสถาปัตยกรรมเขมรสมัยคลาสสกิ รุ่งเรอื ง และได้กลายมาเปน็ สัญลักษณ์ของประเทศกัมพูชา โดยปรากฏใน ธงชาติ และเปน็ จดุ ท่องเทย่ี วหลักของประเทศ ตลอดจนได้รับลงทะเบียนเปน็ มรดกโลกภายใตช้ อ่ื เมอื งพระนคร ปราสาทนครวดั ไดเ้ ริม่ สร้างในกลางพุทธศตวรรษที่ 17 ในรชั สมยั ของ พระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 เพอื่ บชู าแด่ พระวิษณหุ รือ พระนารายณ์ ในปี พ.ศ. 1720 ชาวจามไดบ้ ุกรุกขอม ทาํ ให้พระเจา้ ชยั วรมนั ท่ี 7 ตอ้ งย้ายเมอื งหลวง ไปทเี่ มืองนครหลวง หรือ เสยี มราฐ ในปจั จุบนั หลังจากน้นั พระองคจ์ งึ สรา้ งเมอื งนครธม และ ปราสาทบายน ห่าง จากปราสาทนครวัดไปทางเหนือ เพ่ือเปน็ เมอื งหลวงแห่งใหมข่ องชาวขอม ในปี ค.ศ. 1586 (พ.ศ. 2129) ไดม้ นี ักบวชจากโปรตเุ กส นามวา่ อนั โตนโิ อ ดา มกั ดาเลนา เปน็ ชาวตะวนั ตก คนแรกทไ่ี ด้ไปเยอื นปราสาทนครวัด แตท่ ีจ่ ะถอื วา่ เป็นการเปดิ ประตใู ห้แกป่ ราสาทนครวดั สสู่ ายตาชาวโลกนั้น คือ การค้นพบของ อองรี มูโอต์ นักสะสมแมลงและนักสาํ รวจชาวฝรั่งเศส เม่ือประมาณร้อยกวา่ ปที ่ีแล้วมา ที่จรงิ ชาว กมั พูชาไมเ่ คยละท้งิ นครวดั ไปเพราะหลงั จากมีการยา้ ยเมอื งหลวงมาอยู่ทพี่ นมเปญแลว้ ชาวบ้านกไ็ ด้เขาไปต้งั รกรากภายในเขตนครวดั เรื่อยมา ปราสาทนครวัดเป็นสง่ิ กอ่ สรา้ งในยคุ ส้นิ สุดของราชอาณาจกั รขะแมร์ โดยมีหนิ ทรายเปน็ วสั ดกุ ่อสรา้ งหลกั ปราสาทนครวัดมขี นาดใหญม่ ากถึง 200,000 ตารางเมตร ตัวปราสาทสงู 60 เมตร ยาว 100 เมตร และ กวา้ ง 80 เมตร มีแผนผงั ทถ่ี ือว่าเปน็ ววิ ฒั นาการข้นั สุดยอดของปราสาทขอม มปี ราสาท 5 หลังต้งั อยู่บนฐานสงู ตาม คติของศนู ยก์ ลางจักรวาล ใช้หินรวม 600,000 ลกู บาศก์เมตร ใช้แรงงานชา้ งกว่า 40,000 เชอื ก และแรงงานคนนบั แสนขนหินและชกั ลากหนิ มาจากเขาพนมกุเลน ช่ึงอยหู่ า่ งออกไปกวา่ 50 กิโลเมตร มาสรา้ ง ปราสาทนครวดั มีเสา 1,800 ตน้ หนกั ต้นละกว่า 10 ตนั ใชเ้ วลาสรา้ งร่วม 100 ปี ใชช้ ่างแกะสลกั 5,000 คน
และใชเ้ วลาถึง 40 ปี หอสงู 60 กวา่ เมตรศนู ย์กลางของกลมุ่ ปราสาท อันเปรียบเสมอื นศูนยก์ ลางของจักรวาลนน้ั มีทางเดนิ ข้ึนท่ีชัน มาก (ราว 50 องศา) แตก่ ก็ ลับเป็นจดุ สาํ คญั ทน่ี ักท่องเท่ียวทกุ เพศทุกวัยจะตอ้ งปีนข้ึนไปและไตล่ งมา ทจี่ ุดบนสุด ของหอนจี้ ะมองเหน็ วิวทส่ี วยสดุ ของปราสาทนครวดั ทางดา้ นกาํ แพงช้ันนอกรอบปราสาทน้ัน มีความยาวกวา่ 800 เมตร มงี านแกะสลักเก่ยี วกับพระราชกรณยี กจิ ของพระเจ้าสุริยวรมนั ที่ 2 และเร่ืองราวจากวรรณคดีเรื่อง รามายณะ รูปแกะสลักทีม่ ีชือ่ ท่สี ดุ ก็คอื รูปท่ีเทวดากบั อสูรกวนเกษยี รสมทุ รดว้ ยเขาพระสเุ มรุ และยังมรี ปู แกะสลักนางอปั สรอกี ถงึ 1,635 นาง ทีท่ ้งั หมดแตง่ กายและ ทรงผมไมซ่ ้าํ กนั เลย สว่ นนอกสดุ ของนครวัดกั้นดว้ ยคูเมอื งขนาดใหญ่ ยาว 1.5 กิโลเมตร กวา้ ง 1.3 กโิ ลเมตร มพี ื้นท่ที ั้งหมดเกอื บ 2 ตารางกโิ ลเมตร หรือประมาณ 1,219 ไร่ 3. สาธารณรัฐอินโดนเี ซีย (Republic of Indonesia) บุโรพทุ โธ ( Borobudur ) บโุ รพทุ โธ หรือ บโู รบูดรู ์ หรอื ท่ชี าวชวาเขียนว่าบาราบดู ูร์ (Barabudur) เป็น ภาษาสนั สกฤต โดยคําว่า Bara มาจากคําว่า Biara มีความหมายถึงวหิ าร (Vihara) หรอื วดั ส่วนคําวา่ Budur มี ความหมายว่า ภูเขาสงู เมอื่ รวมกันจึงหมายถึง วิหารที่สร้างข้ึนบนภูเขาสูง บโุ รพุทโธคอื สถาปตั ยกรรมทสี่ ําคัญอีก แหง่ หนึง่ ของศาสนาพุทธลทั ธมิ หานยานท่มี ชี อื่ เสียงมากกวา่ เป็นพทุ ธศาสนาท่ีเก่าแก่แห่งหนงึ่ ของโลก กษตั ริยแ์ ห่ง ราชวงศ์ไศเลนทราแห่งชวาเป็นผกู้ ําหนดให้ก่อสรา้ งขึ้น ดว้ ยแรงศรัทธาทม่ี ีตอ่ พระพุทธเจ้า บุโรพทุ โธจึงเปน็ ศูนย์ รวมใจชาวพุทธในชวารวมทั้งชาวเอเชียในซกี โลกตะวันออก และนบั เปน็ สถาปตั ยกรรมที่เชิดหนา้ ชตู าอนิ โดนีเซยี มากที่สุดมาทุกยคุ ทุกสมัย บโุ รพุทโธตัง้ อย่ใู นชวาภาคกลาง ห่างจากเมืองยอ็ กยาหรอื ย็อกยาการต์ าไปทางทิศตะวนั ตกเฉยี งเหนือ ประมาณ 40 กโิ ลเมตรเศษ เป็นสิ่งกอ่ สรา้ งที่ทําดว้ ยหินแอนดไี ซต์ (Andesite) ซงึ่ เปน็ หนิ ภูเขาไฟขนาดใหญ่ มหมึ า บุโรพุทโธตั้งอย่บู นเนินดินธรรมชาตทิ อี่ ยสู่ ูงกวา่ ระดับพื้นดินประมาณ 15 เมตร รูปทรงภายนอกเป็น รปู ทรงดอกบวั อันเป็นสัญลักษณช์ องพทุ ธศาสนา ดอกบัวขนาดมหมึ านี้ลอยอยู่ในบงึ ใหญ่ ตามหลักฐานใน ประวัตศิ าสตร์ โบราณสถานแห่งนี้และบรเิ วณรอบๆ เป็นท่ลี ุม่ และถูกลอ้ มรอบดว้ ยนาํ้ ท่ีทว่ มมาจากแม่นาํ้ โปรโก (Progo River) ทําใหเ้ จดีย์โบราณบุโรพทุ โธเป็นเสมอื นดอกบัวลอยอยู่ในนํา้ ลกั ษณะทางสถาปตั ยกรรม ของบุโรพุทโธแสดงออกถึงความเป็นอัจฉรยิ ะสงู สดุ ทางศิลปะสมยั ไศ เลนทรา ทต่ี ่างไปจากโบราณสถานทุกแห่งในชวา ประวตั ิการก่อสรา้ งมอี ย่วู า่ ในปี ค.ศ. 732 กษัตริย์ชวา ราชวงศส์ ญั ชัย (Sanjaya) ซึง่ นบั ถือศาสนาพราหมณ์ (ฮินดู) ท่ีมาจากอินเดียในยุคนัน้ ราชวงศ์ไศเลนทรานับถอื ศาสนาพทุ ธนกิ ายมหายาน จงึ กอ่ สรา้ งโบสถ์ วิหาร และเจดียไ์ ว้หลายแหง่ ท่ียิ่งใหญท่ ส่ี ดุ คอื เจดยี ์บุโรพทุ โธซง่ึ กษัตรยิ ว์ ษิ ณุแหง่ ราชวงศ์ไศเลนทราทรงเร่ิมสรา้ งขึน่ ในปี ค.ศ. 775 จนกระทง่ั มาเสร็จสมบรู ณ์ในสมัยของกษัตริย์
อนิ ทราเมือ่ ปี ค.ศ. 847 ใชเ้ วลากอ่ สร้างนานถงึ 70 ปีเศษ ความมหศั จรรย์ของบุโรพุทโธเกดิ จากความคดิ สร้างสรรค์ดว้ ยรูปแบบและรายละเอียดของศลิ ปะจากความคดิ ของชา่ งในสมยั นั้นโดยสร้างตามแบบศิลปะฮนิ ดู- ชวา หรือ ศลิ ปะชวาภาคกลาง ท่ผี สมผสานศลิ ปะระหว่างอนิ เดียกบั อินโดนเี ซยี เข้าไว้ดว้ ยกันอย่างกลมกลนื บุโรพทุ โธสรา้ งขนึ้ กอ่ นปราสาทนครวัดของกมั พชู าประมาณ 300 ปี ทําเลที่ตั้งเปน็ เนินเขากวา้ งใหญ่ จาํ ลองมา จากสถานท่ีศักดส์ิ ิทธิ์แห่งแมน่ าํ้ คงคาและแม่นํ้ายมุนาไหลมาบรรจบกนั เช่นทปี่ ระเทศอนิ เดยี ตน้ กาํ เนดิ แหง่ ศาสนา พุทธบรเิ วณทม่ี ีแม่น้าํ 2 สายไหลผา่ น น่ันกค็ อื แม่นํ้าโปรโกและแม่นํา้ อโี ล บุโรพทุ โธมีลักษณะเด่นทางสถาปตั ยกรรมคือเป็นสถูปต้งั อยู่บนพรี ะมดิ ทรงขน้ั บนั ได มีความสงู กวา่ 42 เมตรจากฐานช้ันล่าง บุโรพุทโธมที ้งั หมด 10 ชั้น ซง่ึ แตล่ ะชน้ั จะมภี าพสลกั นนู ต่าํ แสดงคตธิ รรมทางพทุ ธศาสนา ด้วยทศั นคตเิ กย่ี วกบั จักรวาลตามพทุ ธศาสนาและการเข้าสนู่ ิพพาน 6 ช้นั นับจากฐานเป็นลักษณะสเี่ หล่ยี มแบบย่อ มุม คลา้ ยพรี ะมิดขน้ั บนั ไดชั้นท่ี 7 เป็นฐานวงกลมขนาดใหญ่ ข้ึนไปอีก 3 ช้ัน ประดบั เจดีย์ทรงระฆงั โปร่งฉลลุ าย เป็นรูปสีแ่ หลีย่ มข้าวหลามตัด ครอบองคพ์ ระพุทธรปู องคเ์ ลก็ ข้างใน ส่วนนี้ มีความเชือ่ กนั ว่าหากย่นื มอื ไปจนถึง และสมั ผัสพระพทุ ธรปู ภายในได้พรอ้ มอธิษฐานแลว้ จะสมหวังและโชคดี เจดยี ์เหลา่ นี้มจี าํ นวน 72 องค์ เรยี งเปน็ แนวลอ้ มรอบสถูปของชนั้ ท่ี 10 ซึ่งมลี ักษณะเป็นฐานวงกลมใหญข่ องเจดยี ์องคป์ ระธานสงู 150 ฟุต เดิมเคยเปน็ ท่ี ประดิษฐานพระพุทธรปู อยขู่ ้างใน แตป่ ัจจุบันว่างเปล่า บุโรพุทโธเปรียบเสมือนศูนย์กลางของจกั รวาล แบง่ ได้เป็น 3 ชัน้ คอื ส่วนฐานของเจดีย์เป็นข้ันบนั ไดใหญ่ 4 ขั้น โดยรอบเป็นรปู สีเ่ หล่ยี มกําแพงรอบฐานมภี าพสลักนูนตา่ํ ราว 160 ภาพอยูใ่ นสว่ นกามาฐานหรอื ขน้ั ทีม่ นุษยย์ งั ผูกพันอยา่ งใกลช้ ิดกบั ความสขุ ทางโลกและถกู ครอบงําดว้ ยกเิ ลส ตัณหา ส่วนท่ี 2 คอื ส่วนบนของฐานทีม่ ีขั้นบนั ไดรูปกลม ฐาน 6 ขน้ั ทม่ี ีรูปสลักนูนตํ่าเกอื บ 1,400 ภาพ ที่แสดง พทุ ธประวตั ิ ถือเป็นข้นั รูปธาตุ หรือ ขัน้ ที่มนุษย์หลดุ พ้นจากกเิ ลส ทางโลกมาไดบ้ างสว่ น และสว่ นท่ี 3 คอื ส่วน ของฐานกลมทีม่ ีเจดยี เ์ ล็กๆ 3 ช้นั ลอ้ มรอบสถูปองค์ใหญท่ ส่ี ดุ หมายถึงจกั รวาล คอื ข้ันอธูปธาตุ ท่มี นษุ ยไ์ ม่ ผูกพันกับทางโลกอกี ตอ่ ไป ในชน้ั อธูปธาตนุ ี้สร้างเป็นฐานระเบยี งวงกลม 3 ชนั้ มีเจดยี ท์ รงระฆงั โปรง่ ฉลุลายเปน็ ชอ่ ง สเี่ หลยี่ มขา้ วหลามตัดเรยี งรายโดยรอบ ชั้นบนสดุ เป็นฐานวงกลมใหญข่ องเจดีย์องค์ประธาน ต้งั อยู่กงึ่ กลางของ สถปู ดว้ ยลักษณะของเขาพระสุเมรุมาตามปรัชญาทางศาสนาทว่ี า่ พ้นื ฐานเจดยี ค์ ือ โลกมนุษยท์ ีย่ ังเต็มไปดว้ ยกเิ ลส ตณั หา ส่วนยอดสงู สดุ คือ ช้ันสรวงสวรรคห์ รอื นิพพานในคตคิ วามเช่อื ของศานาพทุ ธ บโุ รพทุ โธถูกทิง้ รา้ งเปน็ ป่ารกมาตัง้ แตศ่ ตวรรษที่ 19 และประสบกบั ภัยธรรมชาติคอื แผน่ ดนิ ไหว จนจม อยใู่ ตเ้ ถา้ ถา่ นของภูเขาไฟซ่งึ ระเบิดอย่างต่อเนือ่ ง กระทงั่ ศตวรรษที่ 20 ยังเกดิ น้าํ ทว่ มซา้ํ จากเหตกุ ารณ์ฝนตก ต่อเนอื่ งจนจมอยใู่ นน้าํ ลึกถึง 3 เมตร เปน็ เหตุให้ดินภูเขาไฟทค่ี รอบสถปู บโุ รพุทโธอย่ชู ้นื แฉะจนทรุดตวั ทําให้ โบราณสถานแห่งนที้ รุดตัวตามไปด้วย กระท้ังสแตมฟอร์ด แรฟเฟลิ ส์ ผู้ถูกสง่ มาประจําการเปน็ ผสู้ าํ เรจ็ ราชการ ของอังกฤษเพื่อปกครองอาณานคิ มชวาในช่วงนัน้ ได้เห็นความสาํ คัญของบโุ รพุทโธจึงเรม่ิ บรู ณะขนึ้ เปน็ ครงั้ แรกเม่อื ปี ค.ศ. 1855 และสามารถเรมิ่ เปดิ ให้ผคู้ นทว่ั โลกเข้ามาเย่ียมชม ต่อมาอินโดนเี ซียไดข้ อความช่วยเหลอื จากองค์การ ยเู นสโกในการบรู ณะอย่างละเอยี ดอีกหลายคร้งั เพอื่ ท่จี ะแก้ปญั หาโครงสร้างทเ่ี ป็นโพรงเพราะภูเขาดินภายในทรุด ถล่มจากสาเหตอุ ทุ กภยั การบูรณะแลว้ เสร็จเมื่อปี ค.ศ. 1983 ดว้ ยงบประมาณ 25 ลา้ นเหรยี ญสหรฐั ฯ ในบรเิ วณบโุ รพุทโธมพี ิพิธภณั ฑ์เกบ็ ข้อมลู เกย่ี วกับประวัตศิ าสตรก์ ารกอ่ สรา้ งและความเปน็ มาเมอื่ องคก์ ารยูเนสโก ของสหประชาชาติเขา้ ไปช่วยบํารงุ รักษาบโุ รพุทโธไวเ้ พือ่ ไมใ่ หล้ ่มสลายไปกบั กาลเวลา รวมทั้งภยั ทเี่ กิดจากนํา้ ทว่ ม ขงั เนอ่ื งจากการกอ่ สร้างบโุ รพุทโธเดมิ ไม่มีการวางระบบระบายน้ําทีด่ ีพอ ทําใหพ้ ทุ ธสถานแห่งนที้ รดุ ลง เร่อื ยๆ ยเู นสโกเ้ ข้าไปจัดการทาํ ช่องทางระบายนํ้าและเสริมฐานเจดียใ์ หแ้ ข็งแรงม่นั คงข้ึนนอกจากพิพิธภัณฑน์ ้แี ล้ว ยงั มรี ถไฟเลก็ บรกิ ารพาชมบรเิ วณรอบๆ บุโรพทุ โธทกุ ๆ 10 นาที คา่ รถไฟคนละ 1,000 รเู ปียห์ คงเปน็ การดีหาก มโี อกาสไปเยือนพทุ ธศาสนาสถานแหง่ น้ใี นวันวิสาชบชู า เพราะจะมพี ระสงฆ์และนกั แสวงบุญทวั่ สารทศิ มาแสวง บุญโดยการเดนิ ทกั ษิณาวตั รต้งั แตป่ ระตใู หญด่ ้านทิศตะวนั ออกซ่งึ กว่าจะถงึ ยอดก็รวมระยะทางทง้ั สิ้นราว 5 กิโลเมตรนบั เป็นภาพที่งดงามจับตามากสําหรับศาสนิกชนชาวไทย
4. สาธารณรฐั ประชาธิปไตยประชาชนลาว L( aos People’s Democratic Republic) วัดเชยี งทอง เป็นวดั ทเี่ ก่าแก่มากทสี่ ดุ วัดหนึง่ ในหลวงพระบาง สรา้ งในระหวา่ ง พ.ศ. 2102-2103 โดย พระเจ้าไชยเชษฐาธิราช กษัตรยิ ผ์ ู้ครองอาณาจกั รล้านชา้ ง และ ลา้ นนา ก่อนทพ่ี ระองค์จะยา้ ยเมืองหลวงมายังนคร หลวงเวยี งจันทนไ์ มน่ านนัก วัดนีถ้ อื วา่ เป็น “วดั ประตูเมอื ง” และยังเปน็ ท่าเทียบเรอื ด้านเหนอื สําหรบั การเสดจ็ ประพาสทางชมมารถ ของกษัตรยิ ห์ ลวงพระบาง วัดเชยี งทองจึงได้รับการอปุ ถัมภ์มาโดยตลอด โดยเฉพาะ ในสมยั เจ้ามหาชีวิต ศรสี วา่ งวงศแ์ ละเจา้ มหาชวี ิตศรีสว่างวัฒนา กษตั ริย์สอง พระองค์สดุ ทา้ ยของลาวดว้ ย นอกจากนว้ี ดั เชยี งทองยงั เป็นวดั หนึ่งทรี่ อดพ้นจากอคั คีภัยคร้ังใหญท่ ี่ เผาผลาญเมือง ในปี พ.ศ.2430 สง่ิ ก่อสร้างทีส่ าํ คัญ ซุม้ ประตูโขง พระธาตุ พทุ ธสมี า หอไหวน้ ้อย หอไหว้สีกหุ ลาบ หอไหวห้ ลังสิม หอกลอง หอราชโกศเจา้ มหาชวี ติ ศรี สว่างวงศ์ ในบรรดาวัดท้ังหลายในหลวงพระบาง สิมของวดั เชยี งทองได้รบั การยกยอ่ งวา่ มคี วามงดงามและไดร้ บั การ กลา่ วขานมากทีส่ ดุ เปรยี บประดจุ อัญมณแี หง่ งานสถาปัตยกรรมลาว สมิ ของวดั น้ีถือวา่ เปน็ แบบหลวงพระบางแท้ สรา้ งด้วยการกอ่ อฐิ ถอื ปูน มโี ครงสรา้ งท่ีไมส่ งู นักตามแบบฉบับหลวงพระบาง งดงามดว้ ย สดั สว่ นและการประดับ ตกแต่ง สิ่งท่ีเดน่ มากคอื หลังคาซ้อน 3 ตบั ซง่ึ ดดั ออ่ นโคง้ และลาดต่ําลงมามาก ท้งั นเี้ พ่อื ปอ้ งกนั ฝนสาด บนกลาง สันหลงั คาคามกี ารทาํ “ช่อฟา้ ” รูปเขาพระสุเมรแุ ละทวิ เขาสัตบรภิ ณั ฑ์ทลี่ อ้ มรอบ 7 ชั้น รองรับด้วยปลาอานนท์ อันเป็นรปู การจาํ ลองจกั รวาลตามคตทิ างพทุ ธศาสนา เชน่ เดยี วกับท่ีปรากฏ ใน จติ รกรรมของล้านนา และอยธุ ยา หน้าบันแกะสลักเป็นรปู ดอกตาเว็นหรือลายดวงอาทิตย์ ทด่ี คู ล้าย ลายดอกจอกของไทยเมื่อเดนิ ขึน้ บนสิมจะพบกับ มุขโถงด้านหน้ากว้างใชส้ าํ หรบั เป็นทวี่ างเครือ่ งบวช และ ท่นี ่ังของศรทั ธา ทม่ี าทาํ บุญบางคร้ังเมอื มีแขกคนสาํ คัญ มาเยือนจะใช้เป็นที่ทําพิธีผกู ขวญั ขอ้ มอื อกี ดว้ ย ผนังด้านนอกทิศเหนือทางแม่นํา้ โขงมเี ศียรช้างชูงวงประดบั กระจก ใชเ้ ป็นช่อง ให้นํา้ พระพทุ ธมนตท์ ี่ รดผา่ นรางรดสรงมายงั พระพทุ ธรูปในสมิ ไหลผา่ นทอ่ ที่ฝงั ไว้และไปออกที่เศยี ร ช้าง เพือ่ ใหป้ ระชาชนนํา นํา้ มนต์ศักด์สิ ทิ ธิ์น้ีไปประพรมรา่ งกายเพ่ือความเปน็ ศริ ิมงคลในวันสงกรานตส์ มิ แหง่ นี้ ไดร้ ับการบรู ณะเม่ือ พ.ศ.2471 บนผนงั ท้ังดา้ นนอกและด้านในประดับด้วยลายรดน้ําปิดทองบนพืน้ สีดาํ เรียกลาย ฟอกคํา ด้านนอกได้แก่เรอ่ื งท้าวสีสทุ น (พระสธุ น-มโนราห์) และเรอ่ื งทา้ วสุดตะโสม ส่วนดา้ นในเปน็ เร่ือง พระยา จนั ทะพานชิ สถิตสวุ ันนะพมู พ่อคา้ ขายหมากพลูจากเวียงจนั ทนท์ ่ีเดินเรอื มา และประชาชน ได้เลอื ก ให้มาเป็น กษตั ริยเ์ มอื งหลวงพระบาง และเรอ่ื งพระเจา้ สิบชาติยกเว้นแนวฝาผนังด้านทิศตะวันตก ทย่ี ังคงรักษารอ่ งรอย ดัง้ เดิมที่ประดบั ลาย ทองบนพื้นสีแดง ส่วนดา้ นหลังสิม ตกแต่ง ดว้ ยภาพประดับ กระจกทต่ี ดิ เป็นชนิ้ เล็ก ๆ นาํ มา ประติดปะต่อกนั เปน็ ภาพรูปต้นทองซงึ้ เปน็ ความเช่อื ดัง้ เดมิ เรอื่ งการสร้าง เมอื งเชียงดง-เชียงทอง ทมี ฤี าษี 2 องค์ ได้มาปักหมายเขตแดนท่จี ะเป็นท่ตี ้งั ของเมือง ในอนาคตใกล้กบั ต้น ทองด้านบนเป็น ภาพพระพุทธองคเ์ สดจ็ ลงมา จากดาวดงึ ส์ และนิทานพน้ื บา้ นงดงามเทคนิคการประดับ กระจกเช่นน้ียงั พบได้ท่ีในทอ้ งพระโรง ของ พระราชวงั
เจา้ ชีวิตลาว ภาพประดบั กระจกนี้ดูงดงามเม่อื ต้องแสงจงึ เป็นมุมหน่ึงทน่ี กั ทอ่ งเทยี่ วนยิ มมาถา่ ยรูปมากหอไหว้น้อย ตัง้ อยู่ดา้ นหนา้ ของสมิ เป็นหอ ไหว้ขนาดเล็กท่มี ีหลงั คารปู ดว้ ยใบโพธิ์ตดั ครงึ่ อนั เป็นรปู แบบของลาวดง้ั เดิม ซง่ึ ประดับกระจกสีงดงามายในประดษิ ฐานพระพุทธ รูปหลาย องคท์ พ่ี ระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หวั ฯได้พระราชทาน ให้แก่เจ้ามหาชีวติ ศรีสว่างวงศ์ หอไหวส้ ีกหุ ลาบ ตงั้ อยู่ด้านทิศตะวันออกเฉยี งใต้ ของสิมเปน็ หอไหวเ้ กา่ แก่ ทไ่ี ดร้ ับ การ บรู ณะ ครัง้ ใหญ่โดยทา้ วคาํ ม้าว เม่อื พ.ศ.2500 เพอ่ื เปน็ การฉลอง 25 พทุ ธศตวรรษของพระพุทธศาสนาจงึ มี การประดบั ด้วยกระจกตดั เป็นภาพ เล่าเร่อื งตา่ ง ๆ เชน่ เรื่องท้าวเสียวสวาด ซงึ่ เปน็ วรรณกรรมชน้ั เอกของลาว ภายในมีพระพุทธรปู ปางไสยาสน์สาํ ริด อายกุ วา่ 400 ปี สร้างในสมยั พระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ใน ปี พ.ศ. 2112 ฝรงั่ เศสเคยอัญเชญิ พระพทุ ธรูป องคน์ ้ีไปแสดงไวท้ ีก่ รุงปารสี และเจา้ สุวรรณภูมาทรงขอกลบั คืนมา ประดิษฐานเมอ่ื 70 ปีทแ่ี ล้ว และท่ดี แู ปลกตาคอื ช่องบรรจุ พระพทุ ธรปู ขนาดเล็ก จํานวนนบั พนั องค์บน ผนงั ภายใน หอไหว้ เชื่อวา่ เป็นความคิดเรอ่ื งพระอนนั ตพระพทุ ธเจ้า 5. มาเลเซยี (Malaysia) อาคารหอคอยค่เู ปโตรนาส (อังกฤษ: Petronas Twin Towers) เปน็ สถาปัตยกรรมที่โดดเด่นของเมืองกวั ลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ออกแบบโดย เซซาร์ เปลลี ตั้งอยู่บรเิ วณใจ กลางย่านธุรกจิ ของเมือง ที่แวดลอ้ มด้วยสวนสาธารณะ และ สว่ นอาคารคอนเวนชัน่ เซน็ เตอร์ (KLCC-Kuala Lumpur Convention Center) อาคารเปโตรนาส มี 2 อาคารหอคอย ซ่งึ นับเป็นอาคารทส่ี ูงอันดับ 3 และ 4 ของโลก รองจากอาคาร เซ่ียงไฮ้เวิลดไ์ ฟแนนเชียลเซ็นเตอร์เมอื งเซี่ยงไฮ้ และอาคาร ไทเป101 ประเทศไต้หวัน มีความสูงท้ังหมด452เมตร 88ชน้ั อาคารเปโตรนาสเปน็ อาคารสาํ นกั งาน ประกอบด้วย สาํ นกั งานของบริษทั พลงั งานและนํา้ มนั ทีม่ ีรัฐบาลมาเลเซียเป็น หนุ้ หลักไดแ้ ก่ บรษิ ัทเปโตรนาส (ปิโตรเลียมนาชันแนลเบอร์ ฮาด) คอื บริษัท ปโิ ตรเลยี มแห่งชาติ จาํ กดั ของมาเลเชีย สว่ น อ่ืนๆให้บรษิ ัทอน่ื ๆเป็นผูเ้ ชา่ ได้แก่ บริษทั ทางการเงนิ และ ธนาคาร บรษิ ัทผลิตภณั ฑเ์ คมีท่เี กี่ยวขอ้ งอ่นื ๆ ลกั ษณะเดน่ เม่อื เปรียบเทยี บกบั ตึกระฟา้ อ่นื ๆของโลก คอื การท่ีเปน็ อาคารหอคอย 2 อาคาร เช่อื มโดยสะพานลอยฟ้า (skybridge) อาคารแฝดใชบ้ รษิ ทั รบั เหมากอ่ สรา้ งจาก 2 ประเทศ คอื ญีป่ ุน่ และเกาหลี โดยมีนยั ยะเปน็ การแข่งขนั กนั เป็นผนู้ ําทางดา้ นเทคโนโลยีการกอ่ สร้างอาคารตกึ ระฟ้า สะพานลอยฟ้านี้เคยใชเ้ ป็นทถี่ ่ายทําภาพยนตรฮ์ อลวี ูดมาแล้ว ปัจจุบนั เปิดใหจ้ องลงทะเบียนขนึ้ ไปชมวิวท่ีจดุ นี้ (จาํ นวนจํากดั ) โดยไม่เสียค่าใช้จา่ ย เปิดอนญุ าตใหล้ งทะเบียนในช่วงเช้า เมอื่ ครบจาํ นวนจะหยดุ ใหล้ งทะเบยี น ทนั ที บรเิ วณฐานของอาคารมหี ้างทันสมยั หลายหา้ ง เชน่ อเิ ซตัน และนอกจากน้ยี ังมีส่วนประกอบรอบๆเป็น อาคารคอนเวนชัน่ เซน็ เตอร์ (ศนู ย์ประชุม) สวนสาธารณะ สวนนา้ํ สระน้าํ พดุ นตรี พพิ ิธภัณฑ์การเรยี นรู้ (Discovery museum) และพิพิธภณั ฑ์สตั ว์นาํ้ อควาเรยี (Aquaria) 6. สาธารณรฐั แหง่ สหภาพเมียนมาร์ (Republic of The Union of Myanmar)
เจดียช์ เวดากอง (Shwedagon Pagoda) เปน็ แหลง่ ท่องเที่ยวอนั ดบั แรกทีน่ ักทอ่ งเทยี่ วทกุ คนท่ีเดนิ ทางไปพม่าจะต้องเขา้ ไปเย่ยี มชมและ สักการะ เจดีย์ชเวดากองทแี่ ปลวา่ พระเจดยี ท์ องคําแห่งเมอื งตะเกิง เปน็ พระเจดียท์ องคาํ ทสี่ ร้างขึ้นบนเนินเขาที่ ช่ือว่า Thienguttara Hill หรอื Singuttara Hill เจดียน์ ี้จงึ เป็นสงิ่ ก่อสร้างทีม่ คี วามโดดเดน่ มากในย่างกุ้ง โดย ขนาดของเจดียช์ เวดากองนม้ี ีความสูงทงั้ หมดประมาณ 48 เมตร มีความกวา้ งโดยประมาณ 105 เมตร เจดียช์ เวดากองนั้นเปน็ เจดียท์ ่มี ลี กั ษณะซง่ึ สวยงามมาก เนื่องด้วยความศรทั ธาในองค์พระเจดยี ข์ อง ชาวพม่า ท่มี กั จะนยิ มการบรจิ าคเพชรพลอยของมีคา่ ตา่ งๆ ใหก้ บั พระเจดยี ์ ทําใหเ้ จดยี ์องค์นม้ี เี คร่อื งประดับมคี า่ เป็นจาํ นวนมากกว่า 5,000 ชิ้น โดยเฉพาะเพชรที่ประดบั อยูบ่ นยอดเจดยี ์น้ัน กล่าวกันวา่ ขนาดใหญเ่ ท่าฝา่ มือคน เลยทีเดยี ว สว่ นด้านลา่ งรอบๆ เจดยี ์จะเป็นที่ประดษิ ฐานของพระพทุ ธรปู จํานวนมาก และมีไมแ้ กะสลกั ประดบั อยู่ อย่างสวยงาม ขอกล่าวถงึ ตํานานในการก่อสรา้ งเจดยี ์ชเวดากองคอื มีพ่อคา้ ชาวมอญ 2 คน คือ ตปสุ สะและภลั ลิ กะ ทเ่ี กิดความเลื่อมใสในคาํ สอนของพระพทุ ธเจา้ จากการทีไ่ ดไ้ ปเขา้ เฝา้ ถวายขา้ วสัตตูและถวายตวั เปน็ ปฐม อบุ าสก เมือ่ จะจากมากก็ ราบทูลขอให้พระพทุ ธองคป์ ระทานสิง่ ใดเปน็ อนสุ รณ์สําหรบั บชู าแทน พระองค์ พระพุทธเจ้าจงึ ไดป้ ระทานเสน้ พระเกศาธาตุ 8 เสน้ ของพระองค์ให้ เมอื่ ชาวมอญทั้งสองกลบั มาจึงได้ กอ่ สร้างเจดียบ์ นเนนิ ตะเกงิ เพอื่ บรรจพุ ระเกศาธาตุและใหน้ ามเจดียว์ า่ เจดยี ์พระเกศาธาตุ ประวัตคิ วามเปน็ มาของมหาเจดีย์องค์สําคญั นี้ทีม่ ผี ู้ค้นควา้ และบนั ทกึ ไว้อยา่ งนา่ อ่านก็คือ ขอ้ มูลจาก หนงั สือ \"พม่า\" ในชดุ \"หนา้ ต่างส่โู ลกกวา้ ง\" ตามตํานานกวา่ 2,500 ปี ของเจดยี แ์ ห่งน้ีกล่าวไว้วา่ เปน็ ทบ่ี รรจพุ ระเกศาธาตุทงั้ แปดเสน้ ของพระ พทุ ธเจา้ และพระบริโภคเจดยี ์ของพระอดีตพระพุทธเจ้าทัง้ สามองค์ องค์สถปู หมุ้ ด้วยทองคําท้งั หมด 8,688 แท่ง แตล่ ะแทง่ มีคา่ มากกวา่ 400 ยูเอสดอลลาร์ ปลายยอดสถปู ประดบั ด้วยเพชร 5,448 เมด็ ทบั ทมิ นลิ และบษุ ราคมั อีก 2,317 เมด็ มมี รกตเมด็ เขื่องอยู่ตรงกลาง เพื่อรบั ลําแสงแรกและลาํ แสงสดุ ท้ายของดวงอาทิตย์ ทง้ั หมดนี้ประดบั อยู่ ด้านบนเหนือฉตั รขนาด 10 เมตร ซึ่งสรา้ งขึ้นบนไมห้ ุ้มทองเจด็ เส้น ประดบั ด้วยกระด่ิงทองคาํ 1,065 ลกู และ กระดงิ่ เงิน 420 ลูก รอบองคส์ ถูปรายลอ้ มไปด้วยส่งิ ปลูกสรา้ งกวา่ 100 หลงั มีทงั้ สถูปบรวิ าร วิหารทศิ วิหารราย และศาลาอาํ นวยการ เจดยี แ์ ห่งน้ถี ูกสร้างขึน้ ในสมยั พวก บะกนั เรอื่ งอํานาจ พระเจา้ อโนรธา เคยเสด็จประพาสชเวดากองระหว่าง การรบพุง่ ทางใต้ในศตวรรษที่ 11 พระเจ้าบญาอู แหง่ พะโค กท็ รงบรู ณะเจดยี ์แหง่ นี้ในปี พ.ศ.1925 และ 50 ปี ต่อมา พระเจา้ เบยี นยาเกยี นก็โปรดให้ยกองคส์ ถูปให้สงู ขึน้ ไปถึง 90 เมตร ผู้สืบราชบลั ลังก์ต่อจาก พระเจ้าเบียนยาเกยี น คือ พระนางฉน่ิ ซอปู้ หรอื นางพญาตะละเจ้าทา้ ว ไดท้ รง
สร้างลานและกําแพงล้อมรอบองคส์ ถปู และพระราชทานทองคําเท่านํา้ หนกั พระองคเ์ อง 40 กิโลกรัม ใหน้ ําไปตี เปน็ แผ่นทองหมุ้ สถูป เปน็ แบบอยา่ งใหก้ ษัตรยิ ร์ ุ่นหลงั ๆ ทรงประพฤติปฏบิ ัติตาม ท้งั นเี้ พราะพายุลมฝนในช่วง มรสุมนัน้ โหมแรง จนทาํ ใหแ้ ผน่ ทองคําชาํ รดุ หลดุ รว่ งลงมาอยบู่ อ่ ย ๆ พระเจา้ ธรรมเซดี ผูส้ บื ราชสมบัตติ อ่ จากพระ นางก็ไดท้ รงบรจิ าคทองคําหนกั เปน็ ส่ีเทา่ ของนํ้าหนัก พระองคเ์ อง เพือ่ บูรณะซอ่ มแซมพระเจดยี ์ ในปี พ.ศ.2028 พระเจา้ ธรรมเซดที รงสรา้ งศลิ าจารึกสามหลงั เอาไว้บนบนั ไดด้านตะวนั ออกของ เจดยี ์ชเวดา กอง บอกเลา่ ประวตั ิของเจดียเ์ ปน็ ภาษามอญ พม่า และบาลี จารกึ นัน้ ยังคงมีให้เห็นอยจู่ นทกุ วันน้ี เจดยี ช์ เวดากองตกอยู่ภายใตก้ ารยดึ ครองขององั กฤษนานถงึ 77 ปี ตั้งแตป่ ี พ.ศ.2395-2472 แตช่ าวพมา่ ก็ ยังสามารถเขา้ มาสักการะเจดียไ์ ด้ ในปี พ.ศ.2414 พระเจ้ามนิ ดง แห่งมณั ฑะเลย์ ทรงส่งฉตั รฝงั เพชรอนั ใหม่มาถวายเป็นพทุ ธบชู า มีการจัด งานฉลองและมชี าวพม่ากว่าแสนคนมาเทีย่ วชมงาน พระองค์จึงทรงถือโอกาสน้ปี รารถนาเรอื่ งเอกราชของพมา่ สร้างความไมพ่ อใจให้กับองั กฤษเป็นอยา่ งย่งิ แต่ก็ไม่อาจทําอะไรได้ ช่วงศตวรรษที่ 20 มีภบิ ัตทิ างธรรมชาตเิ กิดขึ้นกับพมา่ หลายครั้ง โดยเร่ิมจากปี พ.ศ.2473 เกดิ แผ่นดินไหว ขึ้น แตก่ ส็ ร้างความเสยี หายเพียงเล็กน้อยเท่านน้ั ในปี พ.ศ.2474 เกดิ ไฟไหม้ครั้งใหญ่จากฐานบันไดทางทิศ ตะวนั ตก ลกุ ลามตอ่ ไปยงั ปีกด้านเหนือ ดชคดที ี่ดับไฟได้เสียกอ่ น แต่ก็ได้เผาผลาญศาสนสถานสําคัญไปไมน่ ้อย ใน ปีพ.ศ.2513 เกดิ แผน่ ดินไหวรุนแรง นับเปน็ ภยั แผน่ ดินไหวครัง้ ที่ 9 ทเี่ กดิ ขึน้ ตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 สง่ ผลใหท้ าง ภาครัฐตอ้ งจัดทาํ โครงพเิ ศษเพือ่ เสรมิ ยอดเจดียใ์ หแ้ ข็งแรงข้ึน เม่ือใดกต็ ามที่เจดียแ์ หง่ นช้ี าํ รดุ เสียหายก็จะไดร้ บั การบรู ณะให้งดงาม รุง่ โรจน์ยิ่งกว่าเดมิ เจดยี ์ชเวดากองสัญลกั ษณ์ของประเทศพมา่ ตัง้ อยูบ่ นเนนิ เขาเชียงกุตตระ สามารถมองเหน็ ได้จากทกุ มุมเมอื ง เพราะสงู เดน่ เปน็ สง่า ขอ้ สําคัญไม่มีตึกหรืออาคารสูงมาตงั้ บดบังได้ นอกจากสถูปทองที่สอ่ งอร่ามไปท่ัวแล้ว ยังมีองค์ประกอบโดยรวมอีก ตั้งแตป่ ระตูทางข้นึ สูบ่ ันไดท้ัง 4 ทิศที่ ใหญโ่ ตมโหฬาร ตัวหลงั คาระเบียงวดั ท่ที อดขึ้นสู่ฐานขององค์เจดยี ก์ ็มลี วดลายสลักเสลาเหมอื น ปราสาทลดหล่ันกัน เป็นชนั้ ๆ เจดีย์ชเวดากองเปิดให้ชมทกุ วันตัง้ แตเ่ วลา 04.00-21.00 น. การเปดิ ให้เข้าชมเปน็ ช้าวงเวลายาวขนาดนี้ ก็ เพ่อื ใหผ้ ู้มจี ติ ศรทั ธาสามารถเข้าไปกอ่ นอรณุ รุ่งและกลับออกมาหลังตะวนั ยอ แสง จะได้มเี วลาชมเต็มที่ บริเวณโดยรอบของทางเข้าทางทิศใต้ ซึ่งเปน็ ทางข้ึนสเู่ จดยี ์ชเวดากองท่ผี ูค้ นนยิ มใชก้ ัน มีบนั ไดทง้ั หมด 104 ขัน้ ทอดขน้ึ สูบ่ รเิ วณลานของเจดยี ์ ตามสองขา้ งทางบนั ได เต็มไปดว้ ยรา้ นคา้ ทไ่ี ด้รบั อนุญาตจากทางวัดใหเ้ ขา้ มาตง้ั แผงขายของใหก้ ับผู้ คนท่มี า สกั การะบชู าด้วยความเลอ่ื มใส สนิ ค้าสว่ นใหญจ่ ะเกย่ี วกบั การทาํ บญุ และก็มีสินคา้ ทร่ี ะลึกวางขายด้วย หน้าบรเิ วณทางเขา้ มีรูปป้นั สัตวใ์ นตํานวนปรมั ปราสองตวั ทําหน้าทเ่ี ปน็ ทวารบาล คอื ชนิ เต้ หรือสตั ว์คร่ึง สงิ โตคร่งึ นก เรยี กอีกอยา่ งหนึ่งว่า สีหปักษที วารบาล และ ยกั ษท์ วารบาล รายรอบด้วยเจดยี ์องค์เลก็ องคน์ อ้ ย ผคู้ นจาํ นวนมากยงั เดินทางมาท่นี ีเ่ พ่อื กราบไหว้ สักการะ สรงน้ําองค์ ปฏมิ า และทาํ ทกั ษิณาวตั ร ไม่ใช่เฉพาะคนแก่คนเฒ่า แต่ทง้ั เดก็ เล็ก วยั รุ่น ผใู้ หญ่ ท้ังชายและหญงิ พากันมาน้อมใจ สู่พระรตั นตรัยทน่ี ่ี นอกจากจะมที วารบาลทหี่ นา้ ประตูแล้ว ยังมีเหลา่ เด็ก ๆ ชาวพมา่ วิ่งท้วงตงิ ผทู้ ใ่ี สร่ องเท้าเข้ามาบริเวณวัด ใหถ้ อดรองเทา้ ถุงเท้า แล้วใหซ้ ้อื ถงุ กอ๊ บแก๊บใสร่ องเท้าถือเขา้ วดั ไปด้วย 7. สาธารณรฐั ฟิลปิ ปนิ ส์ (Republic of The Philippines)
อินทรามรู อส (Intramuros) จะมลี กั ษณะคลา้ ยๆ ปอ้ มปราการและยงั มีกําแพงคเู มือง ในการเป็น ศนู ย์กลางในการปกครอง การศึกษา วฒั นธรรม ศาสนา และยังมเี ร่ืองของการคา้ ในช่วงศตวรรษที่ 16 ถงึ ปลาย ศตวรรษที่ 19 และยังมีพน้ื ที่ ภายในประมาณ 395 ไร่ ที่ได้ลอ้ มรอบดว้ ยกาํ แพงหินสูง และยังประกอบไปดว้ ยที่ อยู่อาศยั โบสถ์ โรงเรียน และสถานท่ีราชการ รวมทง้ั สถานทท่ี ่นี า่ ดู ตงั้ อยู่ ณ รมิ แมน่ าํ้ ฟาร์ซิกไรซัล (Rizal Park) ถูกสร้างข้ึนตั้งแตป่ คี .ศ.1571 โดยกล่มุ ชาวสเปนทม่ี ผี ู้นาํ ในการก่อสรา้ งคอื Miguel Lopez de Legazpi เพ่อื ป้องกันการรุกรานจากกลมุ่ โจรสลัด อนิ ทรามรู อส เคยถกู เปล่ียนมือไปสูก่ ารดแู ลของอังกฤษในชว่ งปีค.ศ.1762 กอ่ นทสี่ เปนจะตคี ืนมาไดใ้ น 2 ปีถดั มา และ อินทรามูรอส กถ็ ูกเปล่ยี นมอื อีกครง้ั ไปสสู่ หรฐั อเมรกิ าในปีค.ศ.1898 กอ่ นทีจ่ ะถกู ญี่ปุ่นเขา้ ทาํ ลายและยดื ครองในช่วงสงครามโลกครง้ั ท่ี 2 หลงั จากท่ีผา่ นท้งั พายุ แผ่นดนิ ไหว ไฟไหม้ และภัยสงคราม อนิ ทรามรู อส ก็แทบจะไมเ่ หลอื อะไรให้เห็น กระทัง่ กลายเปน็ เมืองร้างในชว่ งระยะเวลาหนึง่ ก่อนทที่ างการจะย่นื มอื เขา้ มาบูรณปฏิสงั ขรณ์ จนมสี ภาพดีขน้ึ อยา่ งท่ีเห็นในปจั จบุ นั และกลายเปน็ สถานทท่ี ่องเทยี่ วยอดนิยมเมือ่ มาเยอื นมะนิลา ภายใน ปอ้ มอินทรามูรอส ถูก สรา้ งข้นึ มาเพือ่ เปน็ ศนู ย์กลางในการปกครองการศึกษา วฒั นธรรม ศาสนา และการคา้ ฯลฯลักษณะทาง สถาปตั ยกรรมเหมือนเมืองในสมัยยุโรปยุคกลางท่มี กี าํ แพงลอ้ มรอบและค่ายปอ้ มยามมดิ ชดิ ภายในพ้นื ท่ีเกอื บ 400 ไร่ ถูกล้อมด้วยกําแพงหนิ สงู ที่มโี บสถ์ โรงเรยี นและสถานท่รี าชการต้ังอย่ภู ายใน 8. สาธารณรฐั สิงคโปร์ (Republic of Singapore)
สงิ คโปร์ เปน็ ชาตสิ มาชกิ อาเซยี นทม่ี ขี นาดพน้ื ท่ีเลก็ ท่สี ุดในบรรดา 10 ประเทศ เป็นเกาะที่รวบรวมเกาะ นอ้ ยใหญใ่ นอาณาเขตใกลเ้ คียง 63 เกาะ คิดเปน็ พืน้ ท่ี 682.7 ตารางกโิ ลเมตร หรอื เทยี บเท่ากับเกาะภเู กต็ ในบ้าน เรา โดยมเี กาะสงิ คโปรเ์ ป็นเกาะใหญท่ ส่ี ุด เมอื งสิงคโปรต์ ัง้ อยปู่ ลายสดุ ของแหลมมลายู เดิมเรยี กในภาษาชวาว่า “เทมาเสก็ ” แปลวา่ เมืองทะเล ตอ่ มาตามบนั ทึกของชาวมาเลย์ ระบุว่า ค.ศ.ที่ 11 เจ้าชายซางนลิ าอตุ ามะ เดนิ ทางแสวงหาดินแดนใหมเ่ พื่อสรา้ ง เมือง แต่เรือเกิดอับปางลง พระองค์ได้วา่ ยนํ้าขึ้นฝง่ั แล้วเห็นสตั วช์ นิดหน่งึ มรี ปู ร่างลาํ ตัวสีแดงหวั ดาํ หวั คลา้ ยสิงโต หน้าอกขาว พระองคจ์ งึ ถามคนตดิ ตามวา่ สตั ว์ตวั นนั้ คอื อะไร คนตดิ ตามตอบวา่ คอื “สงิ โต” พระองค์จึงเปลีย่ นช่อื เทมาเส็กเสียใหม่ว่า “สงิ หปรุ ะ” ภาษาสนั สกฤตแปลว่าเมอื งแหง่ สิงโต หลายรอ้ ยปตี อ่ มา เมอื่ คณะกรรมการการทอ่ งเที่ยวของสงิ คโปร์ มีแนวคดิ จะจัดสรา้ งสญั ลกั ษณข์ อง คณะกรรมการในปี 2507 นายฟราเซอร์ บรนู เนอร์ สมาชิกคณะกรรมการฝา่ ยของท่รี ะลกึ และผ้ดู ูแลพิพิธภณั ฑ์สัตว์ นา้ํ แวนคลีฟ เปน็ ผูอ้ อกแบบสญั ลักษณใ์ ห้เป็นรูปสงิ โตทะเล โดยมี นายลิมนงั เซง็ ชา่ งฝีมือชาวสิงคโปรเ์ ป็นผู้สร้างรปู ป้ันท่ีมีหวั เป็นสงิ โต แตร่ า่ งเปน็ ปลา ยนื อยู่บนยอดคล่นื นายลมิ นงั เซ็งสร้างสิงโตค่เู ป็นแมล่ ูกกัน สิงโตตวั แมส่ ูง 8.6 เมตร มีน้ําหนัก 70 ตัน ทาํ จากวัสดุจาํ พวก ซเี มนต์ สว่ นรูปปนั้ สงิ โตทะเลตวั ทสี่ องมีขนาดเลก็ กว่า ขนาดสงู 2 เมตร หนกั 3 ตนั ตวั สงิ โตทาํ จากวสั ดุจาํ พวก ซเี มนต์ ผิวหนงั ทาํ จากแผน่ กระเบอ้ื ง และตาทําจากถ้วยชาสแี ดงขนาดเลก็ จากนัน้ มาคนสงิ คโปรจ์ ึงร้จู ักรูปป้นั นว้ี า่ “เมอร์ไลออ้ น” หรือ “สิงโตทะเล” นาย ลกี วนยู นายกรัฐมนตรีของสงิ คโปร์ในขณะนัน้ ไดป้ ระกอบพธิ ีตดิ ต้งั รูปป้นั สงิ โตในวนั ที่ 15 กันยายน 2515 พร้อมตดิ ป้ายทองแดงเพ่ือเปน็ ทรี่ ะลกึ ของโอกาสพิเศษนี้ โดยมีถ้อยคาํ จารกึ ไว้วา่ “สิงโตทะเลสร้างข้ึนเพื่อ เปน็ สญั ลกั ษณแ์ หง่ การต้อนรับนกั ทอ่ งเทย่ี วทกุ คนที่ มาเยอื นสิงคโปร์” แตเ่ ดิมนั้นแม่สิงโตและสงิ โตนอ้ ยตัง้ อยู่ทปี่ ากแมน่ ํ้าสงิ คโปร์ ตรงข้ามกับเอลซิ าเบธ วอล์ก ห่างจากทต่ี ้ังปัจจบุ นั เพียง 120 เมตร แต่ตอ่ มายา้ ยเมอร์ไลออ้ นและลกู นอ้ ยไปทีใ่ หมใ่ นวันท่ี 23-25 เม.ย.2545 การขนย้ายรปู ปนั้ หนักหลายตนั ทําโดยการขนสง่ ทางเรือขนาดใหญ่ไปยงั ใต้สะพานเอสพลา นาด ยกรปู ป้ัน ขึน้ เหนอื สะพาน แลว้ วางลงบนเรือเหมือนเดมิ จากน้ันวางรปู ป้ันไวต้ รงท่ตี ั้งแห่งใหม่ หมดค่าขนยา้ ยไป 225 ล้าน บาท พรอ้ มกบั ติดตัง้ สงิ โตน้อยใหอ้ ยู่ด้านหลังของแม่สิงโต ระยะหา่ ง 28 เมตร ด้วยระบบปมั๊ นํา้ ทาํ ให้สิงโตท้งั สอง สามารถพน่ นํา้ ไดต้ ลอดทัง้ วนั ทัง้ คนื บา้ นแหง่ ใหม่ของสงิ โตทะเลเรียกว่า “สวนเมอรไ์ ลอ้อน” ตดิ กบั อาคาร One Fullerton เปน็ สวนหย่อม ขนาด 2,500 ตารางเมตรท่เี พง่ิ สรา้ งขึน้ ใหม่ ภายในตวั อาคาร One Fullerton ยงั ประกอบดว้ ยภตั ตาคารรมิ นํ้า เลานจ์ และแดนซค์ ลบั รูปปั้นนี้ดึงดูดนักทอ่ งเท่ยี วมากกวา่ หนึ่งลา้ นคนต่อปใี ห้มาท่ีสวนเมอรไ์ ลออ้ น เพอ่ื ถ่ายรปู กับ สญั ลักษณข์ องประเทศสงิ คโปร์ 9. ราชอาณาจกั รไทย (Kingdom of Thailand)
วดั พระศรีรัตนศาสดาราม หรือทีช่ าวบ้านเรียกวา่ วดั พระแกว้ น้ัน พระบาทสมเดจ็ พระพุทธยอดฟ้าจฬุ า โลก โปรดเกลา้ ฯ ให้สรา้ งขน้ึ พร้อมกบั การสถาปนากรงุ รัตนโกสินทร์ เมอ่ื พ.ศ.2325 แลว้ เสร็จในปี พ.ศ.2327 เปน็ วดั ทีส่ ร้างข้นึ ในเขตพระบรมมหาราชวัง ตามแบบวัดพระศรีสรรเพชญ สมัยอยธุ ยา วดั นอี้ ย่ใู นเขตพระราชฐาน ชน้ั นอก ทางทิศตะวันออก มพี ระระเบยี งล้อมรอบเปน็ บริเวณ เปน็ วดั คูก่ รงุ ทไี่ ม่มีพระสงฆจ์ ําพรรษา ใช้เป็นทบี่ วช นาคหลวง และประชุมข้าทูลละอองพระบาทถอื น้าํ พระพิพฒั น์สัตยา รชั กาลท่ี 1 โปรดเกล้าใหเ้ ป็นท่ปี ระดษิ ฐานพระพทุ ธมหามณรี ัตนปฏิมากรหรือพระแก้วมรกต พระพทุ ธรปู คบู่ ้านคู่เมอื งของไทย มาประดษิ ฐาน ณ ท่ีน้ี วดั พระศรรี ตั นศาสดารามน้ี ภายหลังจากการสถาปนาแลว้ ก็ได้รับการ ปฏสิ ังขรณส์ ืบตอ่ มาทกุ รัชกาล เพราะเปน็ วดั สําคญั จึงมีการปฏิสงั ขรณใ์ หญท่ ุก 50 ปี คือในสมัยพระบาทสมเดจ็ พระนง่ั เกล้าเจา้ อยหู่ ัว พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอย่หู ัว พระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจ้าอยู่หวั และสมัย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั ภมู ิพลอดุลยเดช รัชกาลปจั จุบนั เน่ืองในโอกาสสมโภชกรงุ รตั นโกสินทรค์ รบ 200 ปี ในปี พ.ศ.2525 ท่ีผา่ นมา การบรู ณปฏสิ ังขรณ์ทผ่ี ่านมา มงุ่ อนุรกั ษ์สถาปตั ยกรรมและศิลปกรรมอนั เป็นมรดกช้นิ เอกของชาติ ใหค้ งความงามและรักษาคณุ คา่ ของช่างศิลปไทย ไว้อย่างดที ส่ี ดุ เพ่ือให้วัดพระศรีรตั นศาสดารามนีอ้ ย่คู ูก่ ับกรุงรัตนโกสนิ ทร์ตลอดไป 10. สาธารณรฐั สงั คมนิยมเวียดนาม (Socialist Republic of Vietnam) อ่าวฮาลอง (Vịnh Hạ Long) หรอื ฮาลอง เบย์ (Halong Bay) เปน็ อ่าวแหง่ หนงึ่ ในพนื้ ทขี่ องอา่ วตังเกย๋ี ทาง ตอนเหนือของสาธารณรฐั สงั คมนิยมเวียดนาม ใกล้ชายแดนตดิ ต่อกบั สาธารณรฐั ประชาชนจนี ชอ่ื ในภาษา เวียดนาม หมายถึง \"อา่ วแห่งมังกรผู้ดาํ ด่ิง\" อ่าวฮาลองมเี กาะหนิ ปนู จาํ นวน 1,969 เกาะ โผล่พน้ ข้ึนมาจากผวิ ทะเล บนยอดของแต่ละเกาะมีตน้ ไม้ขนึ้ อยู่ อยา่ งหนาแน่น หลายเกาะมีถํ้าขนาดใหญอ่ ย่ภู ายใน เกาะท่มี ีขนาดใหญท่ ี่สุดในบรเิ วณอ่าว 2 เกาะ คอื เกาะกัดบา
และเกาะ Tuan Chau ทั้งสองเกาะนม้ี ีคนตัง้ ถ่ินฐานอยอู่ ย่างถาวร มโี รงแรมและชายหาดจาํ นวนมากคอยใหบ้ รกิ าร นกั ทอ่ งเทยี่ ว บางเกาะเปน็ ท่ตี ง้ั ของหมู่บ้านชาวประมง และบางเกาะยงั เปน็ ถน่ิ อาศัยของสตั ว์หลายชนิด เช่น ไกป่ า่ ละม่ัง ลิง และกิง้ ก่าหลายชนดิ เกาะเหลา่ น้มี ักจะได้รบั การตัง้ ชอื่ จากรูปร่างลักษณะทแ่ี ปลกตา เชน่ เกาะชา้ ง (Voi Islet) เกาะไก่ชน (Ga Choi Islet) เกาะหลังคา (Mai Nha Islet) เปน็ ตน้ อ่าวฮาลองไดร้ บั การขึ้นทะเบยี นเป็นมรดกโลก เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2537
Search
Read the Text Version
- 1 - 34
Pages: