บทท่ี ๔ ปฏจิ จสมุปบาท (The dependent origination)
สังเขปรายวชิ า Theravada Buddhist Philosophy ศกึ ษาหลักธรรมเรอื่ งโลก มนุษย์ ปฏิจจสมุปบาท กรรม สังสารวัฏ ไตรลกั ษณ์ และนิพพาน
ปฏจิ จสมุปบาท ปฏจิ จสมปุ บาทคืออะไร ปฏิจจสมปุ บาทมคี วามหมายวา่ อยา่ งไร ทาไมตอ้ งศกึ ษา เร่ืองราวของปฏจิ สมปุ บาท การศึกษา แล้วไดผ้ ลอะไร ปฏจิ จสมุปบาทมีบาทบาทในการชว่ ยพระพทุ ธศาสนาอยา่ งไร
คาวา่ ปฏจิ จสมุปบาท มาจากศพั ท์วา่ ปฏิจจ ส และอปุ ปาท ปฏจิ จ หมายถงึ เก่ียวเน่อื งกนั สมั พนั ธ์กัน ส หมายถงึ พรอ้ มกัน หรอื ด้วยกนั อปุ ปาท หมายถงึ การเกดิ ข้ึน
• “ ภิกษุทั้งหลาย ปฏิจจสมุปบาทคืออะไร คือ การท่ีอวิชชาเป็นปัจจัยให้เกิดสังขาร สังขารเป็นปัจจัยให้เกิดวิญญาณ วิญญาณเป็นปัจจัยให้เกิดนามรปู นามรูปเป็นปัจจัยให้ เกิดสฬายตนะ สฬายตนะเป็นปัจจัยให้เกิดผัสสะ ผัสสะเป็นปัจจัยให้เกิดเวทนา เวทนา เป็นปัจจัยให้เกิดตณั หา ตัณหาเป็นปัจจัยให้เกิดอุปาทาน อปุ าทานเป็นปัจจัยให้เกิดภพ ภพเปน็ ปัจจัยให้เกิดชาติ ชาติเปน็ ปัจจยั ใหเ้ กดิ ชรามรณะ” • จากนัน้ พระสัมมาสัมพุทธเจา้ ไดต้ รสั ถงึ ผลทเ่ี กดิ จากการท่ีธรรมท้งั หลายได้อาศัยกัน เกิดขึน้ • “ โสกปรเิ ทวทกุ ขโทมนสั และอุปายาส ความเกดิ ขนึ้ แหง่ กองทกุ ข์ท้งั มวลน้ี ยอ่ มมดี ้วย”
ในปจั จยสตู ร พระสัมมาสมั พทุ ธเจ้าไดต้ รสั ว่า • “ พระตถาคตทั้งหลายเสด็จอุบัติขึ้นก็ตาม ไม่เสด็จอุบัติขึ้นก็ตาม ธาตุอันนั้น คือ ธัมมฐิติ ธัมมนิยาม อิทัปปัจจัย ก็ยังดารงอยู่ พระตถาคตย่อมตรัสรู้ ย่อม ตรัสรู้ท่ัวถึงธาตุอันนั้น ครั้นแล้วย่อมตรัสบอก ทรงแสดงบัญญัติ แต่งต้ัง เปิดเผย จาแนก กระทาให้ต้ืน และตรัสว่า ท่านท้ังหลาย จงดูดังน้ี เพราะ อวิชชาเป็นปัจจัย จึงมีสังขาร ภิกษุทั้งหลาย ความจริงแท้ ความไม่ คลาดเคลื่อน ความไม่เป็นอย่างอื่น มูลเหตุอันแน่นอนในธาตุอันน้ัน ดัง พรรณนามาฉะน้ีแล เราเรียกว่า ปฏิจจสมุปบาท” จากพุทธดารัสน้ีสรุปได้ว่า ปฏจิ จสมุปบาท นี้มชี ่อื เรยี กอืน่ ๆ ไดอ้ กี ดังน้ี คอื
จากพทุ ธดารสั น้สี รปุ ปฏจิ จสมปุ บาท มีชอ่ื เรียกอน่ื ๆ ดงั น้ี 1. ธมั มฐิตตา หรอื ธัมมฐติ ิ แปลวา่ ความดารงอยแู่ ห่งธรรม 2. ธัมมนิยามตา หรอื ธมั มนิยาม แปลวา่ ความแนน่ อนแห่งธรรม ความแนน่ อนตาม ธรรม 3. อทิ ปั ปัจจยตา แปลว่า ความมีส่งิ นเ้ี ปน็ ปจั จัย 4. ตถตา แปลว่า ความเปน็ เช่นนน้ั เอง 5. อวติ ถตา แปลวา่ ความไมผ่ ิดจากความเปน็ เช่นนัน้ 6. อนญั ญถตา แปลวา่ ความไม่เปน็ อยา่ งอื่น 7. ปัจจยาการ แปลว่า อาการแห่งปจั จยั
ความสาคญั ของปฏิจจสมปุ บาท • หลักธรรมสาคัญท่ีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงเก่ียวกับกฎธรรมชาติ หรือหลักความจริงที่มีอยู่ตามกฎธรรมชาติ ท่ีไม่มีใครสร้างหรือดลบันดาล ขึ้น หากแต่มีอยู่ตามธรรมชาติอย่างแท้จริง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรง ค้นพบกฎธรรมชาติน้ีแล้วได้ทรงนามาประกาศแก่ชาวโลกให้รู้ตาม ดังท่ี พระพุทธองค์ได้ตรัสไว้ในปจั จยสูตรนั้น
องคป์ ระกอบของชีวติ ซึง่ มีความสมั พันธ์กัน ตามหลักของปฏจิ จสมปุ บาทนี้ อวชิ ชา เปน็ ปัจจยั ใหม้ ี สงั ขาร ตณั หา เป็นปัจจยั ให้มี อปุ าทาน สังขาร เปน็ ปัจจยั ให้มี วญิ ญาณ อุปาทาน เป็นปัจจัยใหม้ ี ภพ นามรปู เป็นปจั จัยให้มี สฬายตนะ ภพ เปน็ ปจั จัยใหม้ ี ชาติ สฬายตนะ เป็นปจั จยั ใหม้ ี ผสั สะ ชาติ เป็นปจั จัยให้มี ชรามรณะ ผสั สะ เป็นปัจจัยให้มี เวทนา ชรามรณะ เป็นปจั จัยให้มี โสกะ , เวทนา เปน็ ปจั จัยให้มี ตณั หา ปรเิ ทวะ
ภวจกั ร แห่งสงั สารวฏั
ปฏิจจสมุปบาทในฐานะเป็นวัฏฏะ 1. กเิ ลสวฏั คอื แรงผลักดันของกิเลส อันเปน็ เหตใุ ห้เกดิ การกระทา ตา่ งๆ 2. กรรมวัฏ คือ การกระทาตา่ งพร้อมท้งั เจตนา หรอื เจตจานง ซ่ึง ก่อให้เกดิ ผลต่อไป 3. วปิ ากวัฏ คือ สภาพชวี ิต หรอื ความเป็นไปอันเปน็ ผลของกรรม
ปฏิจจสมุปบาท จดั ลงในวฏั ฏะ 3 ไดด้ งั นี้ 1. อวชิ ชา ตณั หา อปุ าทาน จดั เป็นกิเลสวฏั 2. สังขาร(กรรม) ภพ(ส่วนทีเ่ ปน็ กรรมภพ) จัดเปน็ กรรมวฏั 3. วญิ ญาณ นามรปู อายตนะ ผัสสะ เวทนา ภพ(ส่วนท่เี ป็นอุปัตติ ภพ) ชาติ ชรามรณะ จัดเป็นวิปากวัฏ
กง วฏั ฏะ
ปฏิจจสมปุ บาท จึง หมายถึง สงิ่ ที่องิ อาศยั กันเกดิ ข้นึ
การจดั กลมุ่ ปฏิจจสมุปบาท • ตามหลักของปฏจิ จสมุปบาท การปฏสิ นธิต่อเนอื่ งกันระหวา่ ง อดตี กบั ปัจจุบนั ปัจจุบนั กบั อนาคต
ปฏจิ จสมุป บาทกับยุค 4.0
ปฏิจจสมปุ บาทกับยุค 4.0 เทคโนโลยี กับผลกระทบ ทไี่ ม่มที ่สี ิน้ สุด • เทคโนโลยเี พื่อความสะดวก ทาใหค้ นหลงในวตั ถุ • เทคโนโลยเี พ่อื ความสะดวก ทาให้คนขาดความการพิจารณา • เทคโนโลยเี พือ่ ความสะดวก ทาให้คนไม่สนใจสภาพจติ ใจ • เทคโนโลยีเพ่ือความสะดวก ทาให้เข้าไม่ถึงธรรม และห่างเหินธรรม ไม่มั่นคงใน อารมณ์ • เทคโนโลยเี พ่ือความสะดวก สมาธสิ ัน้
การค้าทอี่ าศยั พระพุทธศาสนา • หลกั ธรรมทเ่ี ปน็ พทุ ธพาณิชย์ • วัตถุพาณิชย์
แหลง่ ทอ่ งเที่ยวเชิงพทุ ธ
ชวี ิตปัจจุบนั เกดิ จากเหตใุ นอดตี กลา่ วคือ • อดีตเหตุ = อวชิ ชา สงั ขาร ปจั จบุ นั ผล = วญิ ญาณ นามรูป ปจั จุบันเหตุ สฬายตนะ ผสั สะ เวทนา อนาคต = ตัณหา อปุ าทาน ภพ = ชาติ ชรา มรณะ
ชีวิตปจั จบุ นั เกิดจากเหตใุ นอดตี กล่าวคือ • อดีตเหตุ = อวชิ ชา สังขาร ปจั จบุ ันผล = วิญญาณ นามรูป ปัจจุบันเหตุ สฬายตนะ ผสั สะ เวทนา อนาคต = ตัณหา อปุ าทาน ภพ = ชาติ ชรา มรณะ
Search
Read the Text Version
- 1 - 26
Pages: