เป็ นของหวานที่ทาและรับประทานกนั ในอาณาจกั รไทย มีเอกลกั ษณ์ดา้ นวฒั นธรรม ประจาชาติไทยคือ มีความละเอียดอ่อนประณีตในการเลือกสรรวตั ถุดิบ วธิ ีการทา ที่พิถีพถิ นั รสชาติ อร่อยหอมหวาน สีสันสวยงาม รูปลกั ษณ์ชวนรับประทาน ตลอดจนกรรมวิธีการรับประทานที่ ปราณีตบรรจงของขนมแต่ละชนิด ซ่ึงยงั แตกต่างกนั ไปตามลกั ษณะของขนมชนิดน้นั ๆ สาหรับ \"เขา้ หนม\" น้นั พระราชวรวงศเ์ ธอ กรมหม่ืนจรัสพรปฏิญาณไดท้ รงต้งั ขอ้ สันนิษฐานไวว้ า่ \"หนม\" เพ้ียนมาจาก \"ขา้ วหนม\" เน่ืองจาก \"หนม\" น้นั แปลวา่ หวาน แต่กลบั ไม่ ปรากฏความหมายของ\"ขนม\" ในพจนานุกรมไทย มีเพียงบอกไวว้ า่ ทางเหนือเรียกขนมวา่ \"เขา้ หนม\" แต่ถึงอยา่ งไรกไ็ ม่พบความหมายของคาวา่ \"หนม\" ในฐานะคาทอ้ งถิ่นภาคเหนือเม่ืออยโู่ ดด ๆ ในพจนานุกรมเช่นกนั เขา้ หนม แปลวา่ ขา้ วหวาน เรียกส้ันๆ เร็วๆ กก็ ลายเป็น ขนม ไป (คาวา่ เขา้ เขียนตามแบบโบราณ ในปัจจุบนั เขียนวา่ ขา้ ว) อีกขอ้ สันนิษฐานหน่ึงกน็ บั วา่ น่าสนใจไม่นอ้ ย คาวา่ \"ขนม\" อาจมาจากคาในภาษาเขมร วา่ \"หนม\" ท่ีหมายถึงอาหารท่ีทามาจากแป้ง เมื่อลองพิจารณาดูแลว้ พบวา่ ขนมส่วนใหญ่ลว้ นทามา จากแป้งท้งั น้นั โดยมีน้าตาลและกะทิเป็นส่วนผสม ดงั น้นั จึงอาจกล่าวไดว้ า่ \"ขนม\" เพ้ียนมาจาก \"ขนม\" ในภาษาเขมรกเ็ ป็นได้ ไม่วา่ ขนมจะมีรากศพั ทม์ าจากคาใดหรือภาษาใด ขนมกไ็ ดเ้ ขา้ มามี บทบาทสาคญั ในสงั คมไทยดว้ ยฐานะของขนมไทยอยา่ งเตม็ ภาคภูมิ และคนไทยเองกไ็ ดช้ ื่อวา่ เป็น ชนชาติหน่ึงท่ีชอบกินขนมเป็นชีวติ จิตใจ หลกั ฐานเก่าแก่ที่สุดที่แสดงถึงความสมั พนั ธ์ระหวา่ งขนมไทยกบั คนไทยกค็ ือ วรรณคดีมรดกสุโขทยั เร่ืองไตรภูมิพระร่วง ซ่ึงกล่าวถึงขนมตม้ ที่เป็นขนมไทยชนิดหน่ึง ไว้ คาวา่ ขนม มีใชม้ าหลายร้อยปี ยากจะสนั นิฐานแน่นอนได้ เช่นเดียวกบั ไม่มีหลกั ฐาน
ยนื ยนั แน่นอนวา่ \"ขนมไทย\" เกิดข้ึนมาต้งั แต่สมยั ใดเป็นคร้ังแรก แต่ตามประวตั ิศาสตร์ ไทยมีหลกั ฐานตอนหน่ึงวา่ มีการจารึกชื่อขนมในแท่งศิลาจารึก เป็นการจารึกแบบลาย แทงสมยั โบราณ ขนมที่ปรากฏคือ \"ไขก่ บ นกปล่อย บวั ลอย อา้ ยต้ือ\" ถามผใู้ หญด่ ูถึงไดร้ ู้ วา่ ไข่กบ หมายถึง เมด็ แมงลกั นกปล่อย หมายถึง ลอดช่อง บวั ลอย หมายถึง ขา้ วตอก อา้ ย ต้ือ หมายถึง ขา้ วเหนียว ขนมท้งั ส่ีใชน้ ้ากระสายอยา่ งเดียวกนั คือ \"น้ากะทิ\" โดยใชถ้ ว้ ยใส่ ขนม ซ่ึงเราเรียกการเล้ียงขนม 4 อยา่ งน้ีวา่ \"ประเพณี 4 ถว้ ย\" ขนมไทยเริ่มแพร่หลายมากข้ึนในสมยั อยธุ ยา ดงั ปรากฏขอ้ ความในจดหมายเหตุ หลายฉบบั บางฉบบั กล่าวถึง \"ยา่ นป่ าขนม\" หรือตลาดขนม บางฉบบั กล่าวถึง \"บา้ น หมอ้ \" ท่ีมีการป้ันหมอ้ และรวมไปถึงกระทะ ขนมเบ้ือง เตาและรังขนมครก แสดงใหเ้ ห็น วา่ ขนมครกและขนมเบ้ืองน้นั คงจะแพร่หลายมากจนถึงขนาดมีการป้ันเตาและกระทะ ขาย บางฉบบั กล่าวถึงขนมชะมด ขนมกงเกวยี นหรือขนมกง ขนมครก ขนมเบ้ือง ขนม ลอดช่อง ยคุ ทองของขนมไทย ในสมัยสมเด็จพระนารายณม์ หาราชถอื ไดว้ า่ เป็ นยคุ ทองของการทาขนมไทย เมอื่ สตรชี าวโปรตเุ กสเชอื้ สายญป่ี ่ นุ นามวา่ \"มารี กมี าร\"์ ผเู ้ ป็ นภรรยาเจา้ พระยาวชิ าเยนทร์ หรอื บรรดาศักดว์ิ า่ \"ทา้ วทองกบี มา้ \" เขา้ รับราชการเป็ นตน้ เครอ่ื งขนม ของหวานในวัง ทา่ นไดน้ าไข่ และ น้าตาลทราย มาเป็ นสว่ นผสมสาคญั ในขนมไทยและทา่ นไดด้ ดั แปลง สตู รขนมตา่ งๆ เชน่ ขนมทองหยบิ ทองหยอด ฝอยทอง ขนมหมอ้ แกง ซง่ึ ไดร้ บั ความ นยิ มมาจนถงึ ปัจจบุ นั น้ี แบ่งตามวธิ ีการทาใหส้ ุกไดด้ งั น้ี [2] ขนมที่ทาใหส้ ุกดว้ ยการกวน ส่วนมากใชก้ ระทะทอง กวนต้งั แต่เป็นน้าเหลวใสจนงวด แลว้ เท ใส่พิมพ์หรือถาดเมื่อเยน็ จึงตดั เป็ นชิ้น เช่น ตะโก้ ขนมลืมกลืน ขนมเปี ยกปูน ขนมศิลา อ่อน และผลไมก้ วนต่าง ๆ รวมถึงขา้ วเหนียวแดง ขา้ วเหนียวแกว้ และกะละแม
ขนมท่ีทาใหส้ ุกดว้ ยการน่ึง ใช้ลงั ถึง บางชนิดเทส่วนผสมใส่ถว้ ยตะไลแลว้ น่ึง บางชนิดใส่ ถาดหรือพมิ พ์ บางชนิดห่อดว้ ยใบตองหรือใบมะพร้าว เช่น ช่อม่วง ขนมช้นั ขา้ วตม้ ผดั สาล่ี อ่อน สังขยา ขนมกลว้ ย ขนมตาล ขนมใส่ไส้ ขนมเทียน ขนมน้าดอกไม้ ขา้ วเกรียบปาก หมอ้ ขนมที่ทาให้สุกด้วยการเชื่อม เป็ นการใส่ส่วนผสมลงในน้ าเชื่อมท่ีกาลังเดือดจนสุก ไดแ้ ก่ ทองหยอด ทองหยบิ ฝอยทอง เมด็ ขนุน กลว้ ยเช่ือม จาวตาลเช่ือม ขนมที่ทาให้สุกดว้ ยการทอด เป็ นการใส่ส่วนผสมลงในกระทะที่มีน้ามนั ร้อนๆ จนสุก เช่น กลว้ ยทอด ขา้ วเม่าทอด ขนมกง ขนมคา้ งคาว ขนมฝักบวั ขนมนางเลด็ ขนมท่ีทาใหส้ ุกดว้ ยการน่ึงหรืออบ ไดแ้ ก่ ขนมหมอ้ แกง ขนมหนา้ นวล ขนมกลีบลาดวน ขนม ทองมว้ น สาล่ีแขง็ นอกจากน้ี อาจรวม ขนมครก ขนมเบ้ือง ขนมดอกลาเจียกท่ีใชค้ วามร้อน บนเตาไวใ้ นกลุ่มน้ีดว้ ย ขนมท่ีทาใหส้ ุกดว้ ยการตม้ ขนมประเภทน้ีจะใชห้ มอ้ หรือกระทะตม้ น้าใหเ้ ดือด ใส่ขนมลงไป จนสุกแลว้ ตกั ข้ึน นามาคลุกหรือโรยมะพร้าว ไดแ้ ก่ ขนมถวั่ แปบ ขนมตม้ ขนมเหนียว ขนม เรไร นอกจากน้ียงั รวมขนมประเภทน้า ที่นิยมนามาตม้ กบั กะทิ หรือใส่แป้งผสมเป็ นขนม เปี ยก และขนมที่กินกับน้ าเชื่อมและน้ ากะทิ เช่น กล้วยบวชชี มันแกงบวด สาคู เปี ยก ลอดช่อง ซ่าหร่ิม
ทองหยบิ ทองหยบิ (โปรตเุ กส: trouxas das Caldas, โตรชชั ดชั กลั ดชั ) เป็นขนมโปรตเุ กสท่เี ผยแพรใ่ นประเทศไทยในสมยั กรุงศรอี ยธุ ยาโดย ทา้ วทองกีบมา้ จนเป็นท่แี พรห่ ลายมาจนถงึ ปัจจบุ นั ทาจากไข่แดงตี ใหจ้ นฟู ก่อนนาไปหยอดลงในนา้ เช่ือมเดือดเพ่อื ทาใหส้ กุ เม่อื สกุ แลว้ จงึ นามาจบั จีบ ใสถ่ ว้ ยตะไล ทองหยิบ
ขนมชนั้ ขนมชนั้ คาดวา่ เกิดขนึ้ จากการแลกเปลย่ี นวฒั นธรรมกบั ประเทศ เพ่อื นบา้ น เพราะชนมชนั้ มหี ลายรูปแบบในแถบเอเชีย โดยสตู รจะ ต่างกนั อย่าง Bánh Da Lợn ขนมชนั้ ในเวยี ดนาม นิยมนาถ่วั เขยี วเลาะเปลอื กมาทาชนั้ สีเหลอื ง แลว้ ก็ Kueh Lapis ขนมชนั้ โดง่ ดงั ในประเทศมาเลเซีย อินโดนีเซีย และสงิ คโปร์ ท่อี าจไดร้ บั แรง บนั ดาลใจจากขนมเคก้ ชนั้ ๆ ทีใ่ ชก้ ารอบ
ขนมพระพาย ประวตั ิขนมพระพาย มตี านาน เลา่ วา่ หลงั จากสมเดจ็ พระเพทราชา จดั การปัญหาความวนุ่ วายในช่วงเสด็จขนึ้ ครองราชฯใหมๆ่ เสรจ็ เรยี บรอ้ ย ขนุ พทิ กั ษร์ าชกิจ ขนุ ทหารคใู่ จไดร้ บั การอวยยศเป็นพระ พทิ กั ษร์ าชกิจ ไดจ้ ดั พธิ ีแตง่ งานขนึ้ เหลา่ ชาววิเสทซง่ึ มกั คนุ้ กบั พระ พิทกั ษร์ าชกิจเป็นอย่างดีก็ไดค้ ดิ คน้ สตู รขนมง่ายๆขนึ้ มาเพ่อื ใชใ้ นพิธี แตง่ งานโดยเฉพาะ
ทองมว้ น ทองมว้ น เป็นอกี หน่งึ วฒั นธรรมอาหารท่ไี ดม้ าจากโปรตเุ กส โดย “ทา้ วทองกีบมา้ ” ท่ชี ว่ งชีวิตหน่งึ ไดร้ บั ราชการ ในตาแหนง่ “หวั หนา้ หอ้ งเครอ่ื งตน้ ” เป็นผดู้ แู ลเครอ่ื งเงินเครอ่ื งทองของหลวง เป็นหวั หนา้ เก็บพระภษู าฉลองพระองค์ และเก็บผลไมข้ องเสวย มี พนกั งานอยใู่ ตบ้ งั คบั บญั ชาเป็นหญิงลว้ น จานวน 2,000 คน ซง่ึ ระหวา่ งท่รี บั ราชการน่ีเอง
ทาไมถึงเรยี กกลว้ ยบวชชี ������ สาเหตทุ ่ไี ดช้ ่ือนีม้ าอาจจะเน่ืองจาก สมยั กอ่ นชายท่ถี งึ เกณฑแ์ ตย่ งั ไมไ่ ดบ้ วชจะถือวา่ เป็น “คนดบิ ” ตอ้ ง บวชใหเ้ ป็น “คนสกุ ” เสยี ก่อนจึงจะครองเรอื นได้ คาว่า ดิบ นี้ ไมใ่ ช่ หมายถึง เนือ้ หนงั มงั สานีด้ ิบ แตท่ า่ นหมายถงึ “จิตใจ” ยงั ดบิ อยู่ คอื ยงั มิไดอ้ บรมในดา้ นพระธรรมวนิ ยั มาก่อน
ลำดับ ชนิดของขนมไทย สขี องขนมไทย หมำยเหฅุ 1 ขนมทองหยิบ สีเหลอื ง 2 ขนมทองหยอด สเี หลือง 3 ลกู ชบุ สแี ดง 4 ขนมชนั้ สเี ขียว 5 ขนมทองมว้ น สนี า้ ตาล 6 ขนมทบั ทิม สีชมพู 7 ขมนถว้ ย สีขาว
Search
Read the Text Version
- 1 - 9
Pages: