Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ภาษาไทยวรรณคดีและวรรณกรรม ม.5 หน่วย1_มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี

ภาษาไทยวรรณคดีและวรรณกรรม ม.5 หน่วย1_มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี

Published by Mc Phee, 2022-01-09 03:15:11

Description: ภาษาไทยวรรณคดีและวรรณกรรม ม.5 หน่วย1_มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี

Search

Read the Text Version

๑หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ มหาเวสสนั ดรชาดก กณั ฑ์มทั รี ตวั ช้ีวัด • การวเิ คราะห์และประเมินคุณค่าวรรณคดีและวรรณกรรม เร่อื ง มหาเวสสนั ดรชาดก กณั ฑ์มทั รี

เอะ๊ ! ภาพผหู้ ญิงหาบตะกร้าผลไม้ นน่ั สิ แล้วเพอ่ื น ๆ ร้ไู หมจะ๊ มาเจอเสอื หลาย ๆ ตัว นอ่ี ยใู่ น ว่าภาพนี้อยู่ในวรรณคดีเรื่องอะไร วรรณคดเี ร่ืองอะไรนะ

ความเป็นมาของมหาเวสสนั ดรชาดก กัณฑ์มทั รี คัมภีร์จรยิ าปฎิ ก มหาเวสสันดรชาดก คัมภรี ช์ าดก วรรณคดีพระพุทธศาสนา พระพุทธเจา้ เสด็จไปทีเ่ มืองกบิลพสั ดุ์ เพ่อื เทศนาโปรดพระบิดาและพระประยรู ญาติหลงั จากพระองค์ตรัสรู้ พระพุทธเจ้าแสดงปาฏหิ ารยิ ์ โดยการเหาะเหนิ เดนิ อากาศให้เปน็ ที่ประจกั ษ์ เน่ืองจากพระประยรู ญาติเกดิ อตั ตาด้วยทฐิ มิ านะ ไมย่ อมไหวพ้ ระองค์ ฝนโบกขรพรรษตกลงมาเพอื่ แสดงความปราโมทยย์ ินดี หลังจากพระประยูรญาตเิ กดิ ความเล่ือมใสและถวาย อภิวาทบงั คม พระพทุ ธเจ้าไดต้ อบพระอรหันต์ที่เห็นเหตุการณ์วา่ ฝนน้ีเคยเกดิ มาแลว้ ในครง้ั ทพ่ี ระองค์ทรงเปน็ พระโพธิสัตว์ เสวยพระชาตเิ ป็นพระเวสสนั ดร พระพทุ ธเจา้ จึงทรงเทศนเ์ ร่ืองมหาเวสสันดรชาดก

พระเวสสันดรชาดกเปน็ พระชาติสดุ ทา้ ยในสิบพระชาติหรือที่เรียกว่า ทศชาตชิ าดก ทศชาติ เป็นชอ่ื คมั ภรี ์ชาดก ซึ่งในแตล่ ะพระชาตพิ ระองค์ทรงบาเพญ็ บารมี ดังนี้ วา่ ดว้ ยเรอ่ื งของพระพทุ ธเจ้า ๑. เตมยิ ชาดก ๒. มหาชนกชาดก ๓. สวุ รรณสามชาดก ๔.เนมิราชชาดก คร้ันยงั เป็นพระโพธสิ ตั ว์ ใน ๑๐ พระชาตกิ อ่ นท่ีจะตรัสรู้ พระเตมยี ์ พระชนกกมุ าร พระสวุ รรณสาม พระเนมิราชกุมาร บําเพ็ญ บําเพญ็ บาํ เพญ็ บาํ เพญ็ เปน็ พระสมั มาสมั พทุ ธเจ้า เนกขมั มบารมี วริ ยิ บารมี เมตตาบารมี อธิษฐานบารมี ๕. มโหสถชาดก ๖. ภรู ทิ ตั ชาดก ๗. จันทกมุ ารชาดก มโหสถกมุ าร พญานาค พระจนั ทกุมาร บาํ เพญ็ ชอ่ื ภูรทิ ัต บาํ เพญ็ ศีลบารมี บําเพญ็ ปัญญาบารมี ขันติบารมี ๘. พรหมนารทชาดก ๙. วิธุรชาดก ๑๐. มหาเวสสนั ดรชาดก พระพรหมนารทกุมาร พระวธิ ุรบณั ฑติ พระเวสสันดร บําเพ็ญ บําเพ็ญ สจั จบารมี บําเพ็ญ อุเบกขาบารมี ทานบารมี

ประวตั ิผ้แู ต่ง เจ้าพระยาพระคลงั (หน) นามเดิมคือ หน เปน็ บตุ รของเจา้ พระยาบดนิ ทร์สุรนิ ทรฦ์ ๅชยั กับท่านผูห้ ญงิ เจริญ ในสมยั กรงุ ธนบุรีรบั ราชการเปน็ เสนาบดจี ตุสดมภก์ รมทา่ มีบรรดาศักด์ิ เป็นหลวงสรวชิ ิต ช่วงสมัยปลายธนบรุ ี หลวงสรวชิ ิตมีสว่ นสําคญั ในการช่วยราชการ เม่ือเกิดการจลาจลวุ่นวายในบ้านเมือง พระบาทสมเดจ็ พระพุทธยอดฟา้ จฬุ าโลกมหาราชทรงเหน็ ในความดีความชอบ โดยเฉพาะการเรยี บเรยี งหนังสือ จงึ โปรดเกล้าฯ ตง้ั เปน็ พระยาพพิ ฒั โกษา เมอื่ ตําแหน่งพระยาพระคลงั ว่างลง จงึ ได้รบั โปรดเกล้าจากรัชกาลท่ี ๑ แตง่ ตั้งขน้ึ เป็นเจา้ พระยาพระคลัง (หน)

ผลงานประพันธ์ นอกจาก มหาชาติกลอนเทศนห์ รือเวสสันดรชาดก กณั ฑก์ มุ าร และกณั ฑม์ ัทรีท่เี ปน็ ผลงานท่ีสาคัญแลว้ ยงั มีผลงานอ่นื ๆ อีกมากมาย ดังตวั อยา่ ง ลลิ ติ เพชรมงกุฎ ราชาธิราช สามกก๊ กากคี ากลอน อิเหนาคาฉันท์ ลิลติ ศรีวิชัยชาดก สมบตั อิ มรินทรค์ ากลอน เพลงยาวเลน่ ว่าความ

ลกั ษณะคาประพันธ์ ๑ บท ไม่จากัดจานวนวรรค นยิ ม ๕ วรรคขนึ้ ไป ๑ วรรคไม่จากดั จานวนคา ร่ายยาวทม่ี ีคาถาบาลนี า แต่ไมน่ อ้ ยกวา่ ๕ คา (คาถา) คาสุดท้ายของวรรคหน้าจะสัมผัส (คาสรอ้ ย) คาใดกไ็ ดใ้ นวรรคหลัง ยกเวน้ คาสุดท้าย จบด้วย คาสรอ้ ย เช่น นั้นแล ดังนี้ น้ันเถิด ดว้ ยประการฉะน้ี

เร่อื งยอ่ พระนางมัทรีเข้าป่าหาผลไม้ แล้วเกิดเหตุการณ์แปลก ประหลาดมหัศจรรยต์ ่าง ๆ นางจึงรีบย้อนกลับมายังอาศรม แต่ก็เกิด พายุใหญ่ มืดคร้ึมไปทั่วทั้งป่า ท้องฟ้าเป็นสีแดงเหมือนเลือด ทําใหย้ ิ่ง เกิดความกังวลว่าจะเกิดภัยร้ายกับกัณหาและชาลี เมื่อพระนางมัทรี เดินทางไปถึงช่องแคบระหว่างเขาได้พบกับสัตว์ร้ายท่ีมาขวางทางไว้ เพ่ือไม่ให้พระนางติดตามกัณหาและชาลีได้ทัน แต่ด้วยความเป็นห่วง ลูกอย่างมาก พระนางจึงกราบขอร้องเทวดาท่ีแปลงร่างเป็นสัตว์ร้าย ยอมให้กลับไปยังอาศรมจนได้ เม่ือมาถึงอาศรม พระนางมัทรีหาลูก ทงั้ สองไม่พบ จงึ เข้าไปถามจากพระเวสสันดร แต่กลับถกู ตัดพ้อ ทําให้ เสียพระทัยมากจนสลบไป หลังจากฟ้ืนคืนสติกลับมา พระเวสสันดร ได้เล่าความจริงว่าได้ยกลูกทั้งสองให้กับชูชกไปแล้ว พระนางก็ อนุโมทนากับพระเวสสันดรดว้ ย

ตวั อย่างเรอื่ ง ส่วนเทพยเจ้าจอมสากล จึงมีเทวยุบล บังคับแก่เทพอันดับท้ังสามองค์ อันทรงมหิทธิฤทธิ ศักดาว่า ท่านเอยจงนิรมิตบิดเบือนกาย กลายอินทรีย์ เป็น พยัคฆราชสีห์ สองเสือสามสัตว์สกัดหน้า นางพญามัทรีไวก้ ่อนทพิ ากรคลาไคล คล้อยเยน็ เห็นดวง จันทร์ข้ึนมาอยู่ราง ๆ ท่านจงลุกหนีหนทางให้แก่ นางงาม ...ส่วนเทพเจ้าท้ังสามก็อาลาลีลาศผาด แผลง จาแลงเป็นพญาไกรสรราช ผาดแผดเสียงสน่ัน องค์หนึ่งเป็นพยัคฆพญาเสือโคร่งคารนร้อง องค์หนึ่ง เป็นพญาเสือเหลืองเน่ืองคะนองย่องหยัด

ตวั อยา่ งเร่อื ง ท้งั ฤๅษสี ิทธ์วิ ิทยาธรคนธรรพ์เทพารักษ์ ผู้มพี ักตรอ์ นั เจริญ หลังจากท่ีพระนางมัทรีตรัสรําพึงรําพันกับ ฤๅษี โยคี = สทิ ธิ์ พระเวสสันดรด้วยความเศร้าโศก พระเวสสันดรจึงตรัส ตอบ ทาํ ใหพ้ ระนางคลายโศกเพราะเจบ็ ใจไปได้ เออน่ีเจ้าเท่ียวพเนจรนอนตามสนุกใจ ชมนก ชมไม้ในไพรวันสารพันท่ีจะมี ทั้งฤๅษีสิทธ์ิวิทยาธร คนธรรพ์เทพารักษ์ ผู้มีพักตร์อันเจริญ เห็นแล้วก็น่า เพลิดเพลินไม่เมินได้ หรือเจ้าปะผลไม้ประหลาดรสสดสุก ทรามเสวยไมเ่ คยกนิ เจา้ ฉวยชมิ ชอบล้ินกห็ ลง ฉนั จึงอย่ชู า้

เกร็ดความรู้ : เขาพระสเุ มรุ แหล่งท่ีอยู่ฤๅษี คนธรรพ์ วิทยาธร ผู้ปกครองสวรรค์ ชั้นแรกสุด “จาตมุ หาราชิกา” ทา้ วธตรฐ ถนดั ด้านศิลปะ ดนตรี การละคร วรรณกรรม กวีนพิ นธ์ วทิ ยาธร คนธรรพ์ มีเวทมนตร์ คาถา อาคม ต่าง ๆ เหาะได้

การวเิ คราะหว์ รรณคดี ๑. คุณค่าด้านเนื้อหา ๒. คุณค่าดา้ นวรรณศิลป์ ลกั ษณะคาํ ประพันธ์ การสรรคํา องคป์ ระกอบของเรอ่ื ง การใชโ้ วหาร ๓. คณุ ค่าด้านสงั คม ค่านยิ มของสงั คมไทย ความเช่อื ของสงั คมไทย ธรรมชาติของมนุษย์ ขนบธรรมเนียมประเพณี

คณุ ค่าดา้ นเน้อื หา ๑. ลกั ษณะคาประพนั ธ์ เป็นรา่ ยยาวสาหรับเทศนน์ าด้วยคาถาบาลีขน้ึ ก่อนแล้วจึงมีรา่ ยยาว ทแี่ ทรกดว้ ยคาบาลีค่นั เปน็ ระยะ โดยคาบาลีเหลา่ นั้นจะมคี วามหมายเกยี่ วกบั เนื้อเร่อื งในตอนนัน้ ๆ สาระสาคญั ๒. องค์ประกอบของเร่ือง โครงเร่ือง ความรกั ทีย่ ่งิ ใหญ่ ทีแ่ มม่ ตี อ่ ลกู จดั วางโครงเร่ืองไดอ้ ย่างดี มกี ารผูกเรอ่ื ง และการพลดั พรากจากลูกยอ่ ม สร้างความขัดแย้งซงึ่ เป็นปมเรื่อง โดยความ ขัดแย้งนั้นได้เสนอถงึ ความเป็นเหตเุ ป็นผล นาํ มาซง่ึ ความทุกข์ ในเหตุการณท์ เี่ กดิ ข้ึน

คณุ ค่าดา้ นเน้อื หา ๒. องคป์ ระกอบของเรือ่ ง (ต่อ) มตี ัวละครท่สี ําคัญ คอื พระเวสสนั ดร และพระนางมทั รี พระเวสสันดร พระนางมทั รี มีคุณธรรมสงู เหนือมนุษย์ มีความจงรักภักดีตอ่ พระสวามี เปน็ ยอดกุลสตรี มีความเข้าใจ มีความอดทน ในธรรมชาติของมนุษย์ มจี ติ กศุ ล

คณุ คา่ ด้านเน้อื หา ๒. องค์ประกอบของเรื่อง กลวิธีการแต่ง (ตอ่ ) ฉากและบรรยากาศ ทีต่ ง้ั อาศรมอยใู่ นบริเวณปา่ ผู้แต่งเน้นใหผ้ ูอ้ า่ นเกดิ ความซาบซึ้งในการพรรณนา ซึง่ ผแู้ ตง่ บรรยายไดส้ มจริง ความรกั ของแม่ท่ีต่อลกู โดยลีลาของคาํ ประพันธ์ และสอดคล้องกับเนื้อเร่อื ง หรือรสทางวรรณคดที ีป่ รากฏเดน่ ชดั คือ สลั ปงั คพิสยั ทพ่ี บมากในบทของพระนางมทั รีที่คราํ่ ครวญหา ลกู ทั้งสอง และรองลงมา คือ พิโรธวาทัง ท่ีพบมากใน การใชอ้ ารมณ์และความโกรธอยบู่ ่อยครั้ง

คณุ ค่าดา้ นวรรณศิลป์ การสรรคา ผแู้ ตง่ เลอื กใชถ้ ้อยคําท่สี ือ่ ถงึ ความคิดไดเ้ หมาะสมกบั อารมณ์ทตี่ ้องการจะถ่ายทอด ซึ่งทาํ ให้ผู้อา่ นรับร้แู ละเกดิ อารมณส์ ะเทือนใจ ดงั น้ี การใชถ้ ้อยคาราพงึ พัน การใช้ถอ้ ยคาสานวนเชิงตดั พอ้ การใช้ถ้อยคาแสดงอารมณ์หงึ หวงใหเ้ จ็บแค้น การใชค้ าซา้ และคาท่ีมเี สียงพยญั ชนะตน้ เหมือนกนั การใช้อปุ มาโวหาร การใชโ้ วหาร การใชค้ าอิงสานวนสุภาษติ

คณุ คา่ ด้านสงั คม ๑. สะท้อนค่านิยมในสงั คมไทย บทบาทของผู้ชายในฐานะสามแี ละพ่อ มอี านาจและสิทธมิ ากทสี่ ดุ ในครอบครัว บทบาทของผหู้ ญงิ ในฐานะภรรยาและแม่ ต้องเช่ือฟัง ดูแล ปรนนิบตั สิ ามี ซ่อื สตั ยต์ อ่ สามี บทบาทของลูก ต้องเชื่อฟังและเคารพพ่อแม่ ๒. สะท้อนให้เห็นธรรมชาตขิ องมนษุ ย์ มนุษยท์ ุกคนยอ่ มมีความรสู้ ึก รกั โลภ โกรธ หลง เมื่อเกดิ ความรกั กจ็ ะนามาซงึ่ ความทกุ ข์ ความเศร้าโศกเสียใจได้

คณุ คา่ ด้านสงั คม ๓. สะทอ้ นความเช่ือของสังคมไทย ความเช่อื เรือ่ งลางร้าย เป็นความเชื่อของคนไทยทใี่ ชพ้ ยากรณ์ เหตุการณท์ จี่ ะเกดิ ข้ึนในอนาคต หากเกิดเหตกุ ารณ์ท่ไี มด่ ี มกั จะมสี งิ่ ทผี่ ิดปกติเกดิ ขน้ึ เพื่อเปน็ การเตอื นหรือบอกกลา่ วให้ได้รูล้ ่วงหน้า ๔. สะท้อนในขนบธรรมเนียมประเพณี พุทธศาสนิกชนนิยมเลา่ ขานเรอ่ื งพระเวสสนั ดรชาดก เป็นเทศนม์ หาชาติประจาทกุ ปีมาตั้งแต่ในอดตี จนถงึ ปัจจบุ นั