Zika virus 2559

1 แนวทางการวนิ จิ ฉัย ดูแลรกั ษาโรคไขซ้ ิกา (Zika virus disease) สาํ หรบั แพทย์ และบคุ ลากรทางการแพทยแ์ ละสาธารณสขุ ฉบบั ที่ 1 วนั ท่ี 23 กุมภาพนั ธ์ 2559----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ความรูท้ ่วั ไปเกยี่ วกบั โรคไขซ้ กิ า (Zika virus disease) • โรคไข้ซิกา (Zika virus disease) เกิดจากการติดเชือ้ ไวรัสซิกา (Zika Virus-ZIKV) ถกู แยกเชอ้ื ได้ครงั้ แรกจาก น้ําเหลืองของลงิ รีสัส (Rhesus) เมือ่ ปี พ.ศ. 2490 ในป่าซกิ า ประเทศยกู นั ดา • เชอ้ื ไวรสั ซกิ าจดั อยใู่ นวงศ์ (Family) Flaviviridae ตระกูล (Genus) Flavivirus มรี หัสพนั ธกุ รรมชนดิ อาร์เอน็ เอสายเดยี่ ว มีลักษณะคลา้ ยคลึงกบั ไวรสั ไขเ้ หลอื ง ไวรสั เดงกี ไวรสั เวสตไ์ นลล์ และไวรสั เจอี • มียงุ ลาย (Aedes) เป็นพาหะนาํ โรค • ช่วงปี พ.ศ. 2556-2558พบรายงานการระบาดของโรคไขซ้ กิ าในประเทศบราซลิ เฟรนช์โปลินเี ซยี เอลซัลวาดอร์ โคลมั เบีย เวเนซเุ อลา และซรู นิ าม ซง่ึ อาจมีความเกี่ยวขอ้ งกับการเพิ่มขน้ึ ของภาวะศรี ษะเลก็ แต่ กาํ เนดิ (Microcephaly) ในทารกแรกเกิด(1,2) และอาการอักเสบของเสน้ ประสาท GBS (Guillain-Barre Syndrome)ในดินแดนท่ีมกี ารระบาดระยะฟักตวั มรี ะยะฟกั ตวั 4-7 วันอาการและอาการแสดง ผู้ทต่ี ดิ เชือ้ อาจมอี าการไข้ ปวดศรี ษะ มผี ่ืนแดงแบบ maculopapular ท่บี ริเวณลําตวั แขนขา เยื่อบตุ าอักเสบตาแดง (แตไ่ มม่ ขี ต้ี า) ปวดข้อ ออ่ นเพลยี อาจจะมีอาการต่อมการดแู ลรักษา นาํ้ เหลืองโต และอุจจาระรว่ ง ผูป้ ว่ ยสว่ นใหญม่ ีอาการไมร่ นุ แรงให้การดูแลรกั ษาตามอาการ และ Supportive treatment ห้ามให้ Aspirin และ NSAID เปน็ ยาแกป้ วดหรือแก้ไข้แนวทางการวนิ ิจฉัย ดแู ลรักษาโรคไขซ้ ิกา ฉบับที่ 1 วนั ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2559 โดย คณะกรรมการวิชาการด้านการรกั ษาพยาบาลโรคอุบัติใหม่อบุ ัตซิ าํ้กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสขุ ร่วมกับราชวิทยาลัยสูตนิ รีแพทยแ์ ห่งประเทศไทย และคณะแพทย์ศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยต่างๆ

2คาํ นยิ ามผปู้ ่วยท่ตี ้องดําเนนิ การสอบสวนโรคไข้ซกิ า (Patient Under Investigation, PUI)(ทม่ี า สาํ นกั ระบาดวทิ ยา กรมควบคมุ โรค)3 1. ผปู้ ่วยมีไขห้ รือครั่นเนือ้ คร่ันตัว รว่ มกับอาการ 2 อย่างดงั ต่อไปนี้ ผนื่ แดง maculopapular ตามตัวและแขน ขา เยอ่ื บตุ าอักเสบ ปวดกล้ามเนอื้ ปวดขอ้ ประมาณ 2-7 วนั (สาํ หรับเดก็ โรคไขอ้ อกผ่นื พบบอ่ ยมากดงั นน้ั ควรมีอาการไข+้ MP rash+ non-exudative Conjunctivitis เป็นอย่างน้อยในการเฝ้าระวงั โรคไขซ้ กิ า้ ) 2. ผู้ปว่ ย PUI ในหญงิ ตงั้ ครรภ์ หมายถงึ ก. หญิงตงั้ ครรภ์ทม่ี ผี ื่น maculopapular และมอี าการอยา่ งน้อย 1 ใน 3 ของอาการ ดงั น้ี 1) ไข้ 2) ปวดข้อ และ 3) ตาแดง หรอื ข. หญงิ ตง้ั ครรภท์ ม่ี ีไข้ และมอี าการ 2 ใน 3 ของอาการ 1) ปวดศีรษะ 2) ปวดข้อ 3) ตาแดง 3. ทารกทมี่ ีศีรษะเลก็ (Neonatal Microcephaly) หมายถึง ทารกทคี่ ลอดมาไม่เกนิ 1 เดือน และวัดรอบ ศรี ษะแลว้ มีคา่ ความยาวเส้นรอบวงนอ้ ยกว่า 3 Standard Deviation หรอื ตกเกณฑ์ตาํ่ กวา่ 3 Percentile ของค่าปกติในเพศและกลุ่มอายุครรภข์ องทารกนั้นโดยกมุ ารแพทย์เป็นผ้วู นิ จิ ฉัย 4. หากแพทยส์ งสยั หรอื ยืนยันผู้ปว่ ยที่มีอาการอักเสบของเสน้ ประสาท GBS (Guillain-Barre Syndrome) และ/หรือ สงสยั โรคเส้นประสาทอกั เสบอน่ื ๆ 5. ผูป้ ว่ ยทมี่ ไี ข้ หรอื ออกผื่นชนิด MP rash ร่วมกบั อาการอื่นๆทเี่ ปน็ กล่มุ กอ้ น (มากกว่า 1 ราย ขน้ึ ไป) หมายถงึ ก. ผปู้ ่วยทอ่ี อกผน่ื และมอี าการอยา่ งน้อย 1 ใน 3 ของอาการ 1) ไข้ 2) ปวดข้อ และ 3) ตาแดง หรอื ข. ผ้ปู ว่ ยท่ีมไี ขแ้ ละมีอาการ 2 ใน 3 อาการ 1) ปวดศีรษะ 2) ปวดขอ้ 3) ตาแดงหมายเหตุ กรณที ่ีทราบสาเหตุของอาการหรือโรคดงั กล่าวข้างตน้ ใหก้ ารรกั ษาตามสาเหตุ ไม่ตอ้ งเขา้ ระบบการเฝา้ ระวังและการวนิ จิ ฉยั ไข้ซิกาการวินจิ ฉัยโรคไขซ้ ิกา  วนิ ิจฉยั จากประวัติ และอาการของผู้ป่วย  วินิจฉัยทางหอ้ งปฏบิ ตั ิการ: เก็บตวั อย่างเลอื ด ปสั สาวะและสารคัดหลง่ั เชน่ นาํ้ ลาย  การเกบ็ ตวั อยา่ งในผ้ปู ่วยสงสัย - ภายใน 5 วัน นบั จากวนั เร่มิ ป่วย เกบ็ serum, ปัสสาวะ ส่งตรวจโดยวิธี Reverse Transcriptase Polymerase Chain Reaction (RT-PCR) - ชว่ งระยะ 5-14 วัน นบั จากวันเริ่มป่วย ใหเ้ ก็บปัสสาวะเพ่ือสง่ ตรวจหาเชอื้ ซกิ าโดยวธิ ี RT-PCR  การเกบ็ ตวั อย่างในทารกแรกเกดิ - ทารกท่มี คี วามผิดปกติศรี ษะเล็ก เกบ็ serum ท้งั ของมารดาและทารกเพื่อตรวจหาภมู คิ ้มุ กัน (IgM)แนวทางการวนิ ิจฉัย ดแู ลรักษาโรคไขซ้ ิกา ฉบบั ที่ 1 วันท่ี 23 กุมภาพนั ธ์ 2559 โดย คณะกรรมการวชิ าการด้านการรกั ษาพยาบาลโรคอุบตั ิใหมอ่ ุบัตซิ าํ้กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสขุ ร่วมกับราชวทิ ยาลยั สูตินรีแพทยแ์ ห่งประเทศไทย และคณะแพทยศ์ าสตร์ จากมหาวิทยาลัยตา่ งๆ

3การวินิจฉยั ทางคลนิ ิกของหญงิ ต้ังครรภโ์ รคไขซ้ ิกา ตามรายละเอยี ดข้างตน้การดูแลรกั ษาหญงิ ตงั้ ครรภท์ ส่ี งสัย/ยนื ยนั การตดิ เชอ้ื ไวรัสซิกา 1. การดแู ลหญงิ ตัง้ ครรภ์ ในระดบั โรงพยาบาลจังหวัด 1) Maternal surveillance ติดตามหญงิ ตั้งครรภ์ทีม่ าฝากครรภ์ (ANC) ตามท่สี ตู ิแพทย์ และ อายรุ แพทย์โรคติดเชือ้ ไดน้ ัดหมาย 2) Psychosocial support (counselling) โดยเฉพาะในช่วง first or second trimester 2. การดูแลทารกในครรภ์ 1) ทํา ultrasound ครง้ั แรกทพี่ บ ในหญงิ ตัง้ ครรภท์ ส่ี งสยั /ยนื ยนั วา่ ตดิ เชื้อไวรสั ซิกา 2) Fetal Surveillance ตดิ ตาม serial ultrasound biometry ทกุ 4 สปั ดาห์ ในกรณที พี่ บ ความผดิ ปกติ ใหพ้ ิจารณาปรกึ ษาทีมแพทยผ์ เู้ ช่ยี วชาญตามความเหมาะสมนิยาม Microcephaly4 โดยการวัดเสน้ รอบศีรษะทารก มีคา่ ความยาวเสน้ รอบวงต่ํากว่า 3 Percentile ของคา่ ปกติในเพศและกลมุ่ อายคุ รรภ์ของทารกนนั้ โดยกมุ ารแพทยเ์ ปน็ ผู้วนิ จิ ฉัย โดย 1. ทารกเกดิ กอ่ นกําหนด (Preterm infant) หรือ ทารกแรกเกิดทม่ี ีอายคุ รรภ์นอ้ ยกวา่ 37 สัปดาห์ วัดเส้นรอบศรี ษะตา่ํ กว่า 3 Percentile ของ Fenton preterm growth chart ในเพศและ กลุม่ อายุครรภข์ องทารกน้ัน(รปู ท1่ี และรูปท2่ี ) 2. ทารกแรกเกิดครบกําหนด (Term/Mature infant) หรอื ทารกแรกเกดิ ทมี่ ีอายุครรภ์ 37 สปั ดาห์ หรอื มากกวา่ วัดเส้นรอบศรี ษะต่าํ กวา่ 3 Percentile ตามตารางมาตรฐานเส้นรอบ ศีรษะขององค์การอนามยั โลกในเพศและกลมุ่ อายคุ รรภข์ องทารกนนั้ (WHO Child Growth Standards) (ตารางที่ 1 และตารางท่ี 2)แนวทางการวนิ ิจฉัย ดูแลรักษาโรคไข้ซกิ า ฉบบั ที่ 1 วันที่ 23 กุมภาพนั ธ์ 2559 โดย คณะกรรมการวชิ าการดา้ นการรกั ษาพยาบาลโรคอุบัติใหม่อุบัติซ้ํากรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสขุ ร่วมกับราชวิทยาลยั สูตนิ รแี พทย์แห่งประเทศไทย และคณะแพทยศ์ าสตร์ จากมหาวทิ ยาลัยต่างๆ

4รปู ที่ 1 Fenton preterm growth chart ในทารกเพศชาย5แนวทางการวนิ ิจฉยั ดแู ลรักษาโรคไข้ซกิ า ฉบบั ท่ี 1 วันท่ี 23 กุมภาพนั ธ์ 2559 โดย คณะกรรมการวิชาการดา้ นการรกั ษาพยาบาลโรคอุบัตใิ หมอ่ บุ ตั ซิ ํา้กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับราชวิทยาลยั สตู นิ รีแพทย์แห่งประเทศไทย และคณะแพทยศ์ าสตร์ จากมหาวิทยาลัยตา่ งๆ

5รปู ที่ 2 Fenton preterm growth chart ในทารกเพศหญิง5แนวทางการวนิ ิจฉยั ดแู ลรักษาโรคไข้ซกิ า ฉบบั ท่ี 1 วันท่ี 23 กุมภาพนั ธ์ 2559 โดย คณะกรรมการวิชาการดา้ นการรกั ษาพยาบาลโรคอุบัติใหมอ่ บุ ตั ซิ ํา้กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกบั ราชวิทยาลยั สตู นิ รีแพทย์แหง่ ประเทศไทย และคณะแพทย์ศาสตร์ จากมหาวทิ ยาลยั ต่างๆ

6ตารางท่ี 1 WHO Child Growth Standards, ในทารกเพศชาย6ตารางท่ี 2 WHO Child Growth Standards, ในทารกเพศหญงิ 6แนวทางการวนิ ิจฉยั ดูแลรักษาโรคไขซ้ กิ า ฉบบั ที่ 1 วนั ที่ 23 กมุ ภาพนั ธ์ 2559 โดย คณะกรรมการวชิ าการดา้ นการรักษาพยาบาลโรคอุบตั ใิ หมอ่ บุ ตั ซิ าํ้กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสขุ ร่วมกับราชวทิ ยาลยั สตู นิ รีแพทย์แหง่ ประเทศไทย และคณะแพทยศ์ าสตร์ จากมหาวิทยาลยั ต่างๆ

7การตรวจทางหอ้ งปฏบิ ัติการเพือ่ ยืนยนั การติดเชื้อไวรสั ซกิ า7 1. ตรวจหาสารพันธกุ รรมด้วยวิธี RT-PCR ก) ในช่วง 5 วัน หลงั เรม่ิ มอี าการปว่ ย เก็บ Serum หรือพลาสมาที่ใช้ EDTA เปน็ สารกันเลือดแข็ง ปริมาตร 1-3 มลิ ลิลิตร และปัสสาวะ ข) ในชว่ ง 5-14 วนั หลังเรมิ่ มอี าการป่วย เกบ็ ปสั สาวะ สง่ ตรวจไดท้ ส่ี ถาบนั วจิ ยั วิทยาศาสตรส์ าธารณสขุ กรมวทิ ยาศาสตรก์ ารแพทย์*, ศูนยโ์ รคติดต่ออบุ ตั ิใหม่ สภากาชาดไทย จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย, สถาบนั บําราศนราดรู , มหาวทิ ยาลยั มหดิ ล และ AFRIMS 2. ตรวจหาแอนตบิ อดี IgM ด้วยวธิ ี ELISA สําหรับเด็กทารกแรกเกิด เก็บตัวอยา่ งเลือด 2 คร้งั หา่ งกนั 1 เดือน ส่งตวั อย่างตรวจทีส่ ถาบนั วจิ ัยวิทยาศาสตรส์ าธารณสุข กรมวทิ ยาศาสตรก์ ารแพทย์*หมายเหตุ * ส่งตวั อย่างทศ่ี ูนย์ประสานงานการตรวจวิเคราะห์และเฝ้าระวังโรคทางหอ้ งปฏิบตั ิการ (ศปส.) กรมวทิ ยาศาสตรก์ ารแพทย์ โทร 02-9511485 หรอื 098-5525200 ประสานผา่ นสาํ นกั ระบาดวิทยา โทร 0-2590-1882 หรอื 0-2590-1779 เพือ่ เข้าระบบเฝ้าระวังและสอบสวนโรคไข้ซกิ ารายชื่อแพทยผ์ ู้เชยี่ วชาญที่ใหค้ ําปรกึ ษาโรคไขซ้ กิ าลาํ ดับ ชือ่ -สกุล สงั กดั เฉพาะทาง เบอรโ์ ทรศพั ท์1. รศ.(พเิ ศษ)นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์2. ศ.นพ.ธรี ะวฒั น์ เหมะจุฑา สถาบันสุขภาพเดก็ แหง่ ชาติมหาราชนิ ี กุมารแพทย์ 081 819 81723. ศ.พญ.กุลกญั ญา โชคไพบูลยก์ จิ4. ศ.คลินกิ .นพ.ชาญชยั วันทนาศิริ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย อายุรกรรม 081 622 77665. ศ.นพ.ภเิ ศก ลุมพิกานนท์6. รศ.นพ.เอกชยั โควาวสิ ารชั คณะแพทยศาสตร์ ศิรริ าชพยาบาล กุมารแพทย์ 081 611 03717. พญ.เด่นนพพร สุดใจ8. พ.อ.นพ.เพิ่มศักด์ิ สุเมฆศรี โรงพยาบาลศริ ริ าช สตู นิ รีแพทย์ 081 849 18819. พญ.พจมาน ศิริอารยาภรณ์10. นพ.โรม บัวทอง มหาวทิ ยาลยั ขอนแกน่ สตู ินรแี พทย์ 081 871 903911. พญ.นฤมล สวรรค์ปัญญาเลศิ โรงพยาบาลราชวถิ ี สูตนิ รีแพทย์ 089 491 7371 โรงพยาบาลราชวถิ ี สตู นิ รีแพทย์ 081 836 6901 โรงพยาบาลพระมงกฎุ สูตินรีแพทย์ 081 454 9690 สาํ นักระบาดวทิ ยา กรมควบคุมโรค ระบาดวิทยา 089 637 9012 สาํ นกั ระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ระบาดวทิ ยา 081 340 6720 กรมการแพทย์ ระบาดวทิ ยา/ฉุกเฉิน 081 842 4148แนวทางการวนิ ิจฉัย ดแู ลรักษาโรคไข้ซิกา ฉบับท่ี 1 วันที่ 23 กุมภาพนั ธ์ 2559 โดย คณะกรรมการวชิ าการด้านการรักษาพยาบาลโรคอุบตั ิใหมอ่ บุ ัตซิ ้ํากรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสขุ ร่วมกับราชวทิ ยาลยั สตู นิ รแี พทย์แห่งประเทศไทย และคณะแพทย์ศาสตร์ จากมหาวทิ ยาลยั ต่างๆ

8 แนวทางการวนิ ิจฉัย และดูแลรกั ษาโรคไขซ้ กิ า (Zika virus disease) สาํ หรบั แพทย์ และบุคลากรทางการแพทยแ์ ละสาธารณสุข ฉบับที่ 1 วันที่ 15 กุมภาพนั ธ์ 2559เฝ้าระวังในโรงพยาบาล 1. ผู้ป่วยมีไขห้ รือคร่ันเนือ้ ครน่ั ตัว ร่วมกับอาการอย่างนอ้ ย 2 อย่าง ดงั น้ี ผนื่ แดง เย่อื บุตาอักเสบ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อ ประมาณ 2-7 วนัแผนกเวชระเบียน- คดั กรองประวัติผปู้ ่วย 2. ผู้ปว่ ย PUI ในหญงิ ตั้งครรภ์ หมายถงึ- OPD/ER ก. หญงิ ตัง้ ครรภท์ ี่มีผืน่ maculopapular และมีอาการอยา่ งน้อย 1 ใน 3 ของอาการ ดงั น้ี 1) ไข้ 2) ปวดขอ้ และ 3) ตาแดง หรอื ข. หญิงตั้งครรภท์ ีม่ ีไข้ และมีอาการ 2 ใน 3 ของอาการ 1) ปวดศรี ษะ 2) ปวดขอ้ 3) ตาแดง 3. ทารกท่มี ีศรี ษะเล็ก (Neonatal Microcephaly) ทารกหลังคลอดไม่เกิน 1 เดือน มคี วามยาว เสน้ รอบวงศีรษะต่าํ กวา่ 3 Percentile ของค่าปกติในเพศและกล่มุ อายคุ รรภ์ของทารกนัน้ โดยกมุ ารแพทยเ์ ปน็ ผู้วินจิ ฉยั 4. หากแพทยส์ งสัยหรือยืนยนั ผปู้ ่วยท่มี อี าการอกั เสบของเสน้ ประสาท GBS (Guillain-Barre Syndrome) และ/หรอื สงสยั โรคเส้นประสาทอกั เสบอนื่ ๆ 5. ผปู้ ว่ ยท่ีมีไข้ออกผนื่ เป็นกลมุ่ ก้อน (มากกว่า 1 ราย ขึน้ ไป) หมายถงึ ก. ผปู้ ่วยท่อี อกผื่นและมอี าการอยา่ งน้อย 1 ใน 3 ของอาการ 1) ไข้ 2) ปวดข้อ 3) ตาแดง หรอื ข. ผู้ป่วยที่มีไขแ้ ละมอี าการ 2 ใน 3 อาการ 1) ปวดศรี ษะ 2) ปวดขอ้ 3) ตาแดง แพทย์ซกั ประวัติตรวจรา่ งกาย และ Investigate ตามที่เหน็ สมควร ส่งตรวจทางหอ้ งปฏิบัติการเพือ่ หาเชอ้ื ไวรสั ซกิ า* ไมพ่ บการติดเชอ้ื ไวรสั ซกิ า พบการติดเช้ือ/สงสยั วา่ ติดเชอื้ ไวรสั ซกิ า รักษาตามอาการและ ผู้ปว่ ยทั่วไป หญงิ ตัง้ ครรภ์และทารกใน คาํ แนะนําท่เี หมาะสม 1. ติดตามการฝากครรภ์ (ANC) ตามทีส่ ูติแพทย์และอายุรแพทยโ์ รคติดเช้ือนัด 2. Psychosocial support (counselling) เน้นในช่วง first or second trimester 3. ทาํ fetal ultrasound ครัง้ แรกทพ่ี บ และติดตาม serial ultrasound biometry ทุก 4 สัปดาห์ ในกรณที ีพ่ บความผิดปกติ ใหพ้ ิจารณาปรกึ ษาทีมแพทย์ผู้เช่ียวชาญตามความเหมาะสม*สง่ ตรวจหาเชื้อไวรัสซิกาด้วยวิธี RT-PCR ท่ีสถาบนั วจิ ัยวิทยาศาสตรส์ าธารณสุขกรมวทิ ยาศาสตร์การแพทย์ โดยแจ้งผา่ นสาํ นกั ระบาดวทิ ยาแนวทางการวินิจฉยั ดูแลรักษาโรคไขซ้ กิ า ฉบับท่ี 1 วันท่ี 23 กมุ ภาพันธ์ 2559 โดย คณะกรรมการวิชาการดา้ นการรักษาพยาบาลโรคอุบตั ใิ หม่อบุ ตั ิซ้าํกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสขุ ร่วมกบั ราชวิทยาลยั สตู นิ รีแพทย์แหง่ ประเทศไทย และคณะแพทย์ศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยตา่ งๆ

9เอกสารอา้ งองิ 1. Schuler-Faccini L, Ribeiro EM, Feitosa IM, et al. Possible association between Zika virus infection and microcephaly-Brazil, 2015. MMWR Morb Mortal Wkly Rep 2016;65:59-62 2. Mlakar J, Korva M, Tul N, et al. Zika virus associated with microcephaly. N Engl J Med. DOI: 10.1056/NEJMoa1600651 3. สํานักระบาดวทิ ยา กรมควบคมุ โรค 4. PAHO/WHO. Preliminary guidelines for the surveillance of microcephaly in newborns in settings with risk of Zika virus circulation. January 21, 2016. Available at: http://www.paho.org/hq/index.php?option=com_topics&view=rdmore&cid=7917&Itemid=4 1484&lang=en. Accessed February, 2016 5. University of Calgary. Growth Charts. Calgary, 2013. Available at: http://ucalgary.ca/fenton/2013chart. Accessed February, 2016 6. WHO. WHO Child Growth Standards. Geneva: WHO. Available at: http://www.who.int/childgrowth/standards/en/. Accessed February, 2016 7. ฝ่ายอาโบไวรสั สถาบนั วจิ ยั วทิ ยาศาสตรส์ าธารณสุข กรมวทิ ยาศาสตรก์ ารแพทย์แนวทางการวนิ ิจฉยั ดแู ลรักษาโรคไข้ซกิ า ฉบับที่ 1 วนั ท่ี 23 กุมภาพันธ์ 2559 โดย คณะกรรมการวิชาการดา้ นการรกั ษาพยาบาลโรคอุบัตใิ หมอ่ บุ ตั ิซา้ํกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสขุ ร่วมกับราชวทิ ยาลัยสูตนิ รแี พทย์แหง่ ประเทศไทย และคณะแพทยศ์ าสตร์ จากมหาวิทยาลยั ต่างๆ