ก รายงานผลการดำเนนิ งาน โครงการสรา้ งความปรองดองสมานฉันท์ โดยใช้หลกั ธรรมทางพระพุทธศาสนา หมูบ่ ้านรักษาศลี 5 วดั พุน้ำรอ้ น หมู่ 4 บ้านพุน้ำร้อน ตำบลด่านช้าง อำเภอดา่ นช้าง จังหวัดสพุ รรณบรุ ี
ข คำนำ ด้วยหมบู่ ้านพุนำ้ ร้อน ตำบลด่านช้าง อำเภอด่านช้าง จังหวดั สุพรรณบุรี มีประชาชนสมคั รเข้ารว่ มโครงการสรา้ งความปรองดองสมานฉันท์ โดยใช้หลักธรรมทาง พระพทุ ธศาสนา “หมบู่ ้านรักษาศีล ๕” ตามมติมหาเถรสมาคม/คสช./รัฐบาล และ ตามนโยบายของจังหวัด ในปัจจุบันมีผลเป็นท่ียินดี สมควรจัดทำรายงานเพื่อแจ้ง ผเู้ กยี่ วขอ้ งทราบตามลำดับ และเป็นเกียรตปิ ระวตั ิแกห่ มู่บ้านสืบไป คณะกรรมการชุมชนบ้านพุนำ้ รอ้ น
สารบญั ค ขอ้ มลู พน้ื ฐานของหมูบ่ า้ น หน้า โครงการและกิจกรรมท่ีหมู่บา้ นดำเนนิ การ รางวัลเกยี รติคุณที่หมบู่ ้านไดร้ ับในรอบ 3 ปี ๕ กิจกรรมสง่ เสรมิ การรกั ษาศีล 5 ของหมู่บา้ น ๑๓ กจิ กรรมต่างๆตามภารกจิ ทงั้ 8 ด้าน 2๖ ๓๒ 4๗
1 หลักเกณฑ์และประเดน็ การตรวจเยี่ยมการดำเนินโครงการหมบู่ ้านรกั ษาศลี ๕ หมู่บา้ นพนุ ำ้ รอ้ น หม่ทู ี่ 4 ตำบลด่านช้าง อำเภอด่านช้าง จงั หวัดสพุ รรณบรุ ี วนั ท่ี 22 เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2563 หมวดท่ี 1 ขอ้ มูลพน้ื ฐานหม่บู า้ น ที่ รายการ ข้อมูล/กจิ กรรมหมู่บา้ น หมายเหตุ 1.1 ขอ้ มูลพื้นฐานหมู่บา้ น ชื่อหมู่บ้านพุน้ำร้อน หมู่ท่ี 4 ตำบลดา่ นช้าง อำเภอด่าน ชา้ ง จงั หวัดสุพรรณบุรี มี ครอบครวั 412 หลังคาเรือน ประชากร 1,200 คน ผใู้ หญ่บา้ น นายชมุ นนั ทา วัดประจำหม่บู ้าน วดั พุนำ้ รอ้ น นามเจ้าอาวาสพระครวู ิสิฐสวุ รรณคุณ 1.2 กจิ กรรมท่ีหมบู่ ้าน 1.กลุ่มวฒั นธรรมชมุ ชน ดำเนินการ 2.กลุ่มการเกษตร และนารวม 3.กลมุ่ ท่องเทยี่ วและป่าไม้ 4.กลมุ่ การค้าและผลติ ภัณฑ์ 5.กลมุ่ สภาชุมชนบา้ นพนุ ำ้ ร้อน 1.3 รางวัลเกียรตคิ ุณทห่ี มู่บ้าน รางวัลเกยี รตคิ ุณท่หี มู่บ้านพนุ ้ำรอ้ น ได้รบั ในรอบ 3 ปี 1.4 ข้อมลู เกย่ี วกบั คดีความใน มี จำนวน 6 คดี รอบ 3 ปี 1.5 ข้อมูลเกี่ยวกับคดีความยา มี จำนวน 6 คดี เสพติดในรอบ 3 ปี 1.6 ขอ้ มลู เกี่ยวกับการทะเลาะ ไม่มี วิวาทในรอบ 3 ปี 1.7 ข้อมูลเกย่ี วกบั สาธารณสขุ หมู่ 4 จำนวน จำนวน 7 คน ในรอบ 3 ปี
2 หมวดที่ 2 กจิ กรรมการสง่ เสรมิ การรักษาศลี 5 ของหมู่บา้ น ท่ี รายการ ขอ้ มลู /กิจกรรมหม่บู า้ น หมายเหตุ 2.1 กจิ กรรมการรกั ษาศลี 1.การทำกจิ กรรมวนั สำคญั ตา่ งๆ ขอ้ ที่ ๑ 2.การไถช่ วี ิตโค กระบอื 3.เขตอภัยทาน 2.2 กิจกรรมการรกั ษาศลี 1.การต้งั คณะการรักษาความปลอดภัยในชุมชนในช่วง ข้อท่ี 2 สถานการณ์ เชือ้ ไวรัส Covid -19 2.กจิ กรรมส่งเสรมิ อาชพี / กลุม่ เศรษฐกิจพอเพียง 2.3 กจิ กรรมการรักษาศีล 1.กจิ กรรมสร้างความสมั พันธใ์ นชุมชน ขอ้ ท่ี 3 2.4 กิจกรรมการรกั ษาศีล 1.กจิ กรรมป้องกนั การทะเลาะววิ าทและแตกแยก ขอ้ ท่ี 4 2.5 กิจกรรมการรกั ษาศลี 1.กิจกรรมการไม่ดืม่ สรุ าเมรยั ของมึนเมาให้โทษ และเล่น ขอ้ ที่ 5 การพนนั
3 หมวดท่ี 3 กิจกรรมส่งเสรมิ ที่ รายการ ขอ้ มูล/กจิ กรรมหมู่บา้ น หมายเหตุ 3.1 กิจกรรมประเพณี 1.ปฏิทินวัฒนธรรมของชมุ ชนบ้านพุน้ำร้อน วัฒนธรรมทางพทุ ธ 3.2 ประเพณแี ละอตั ลักษณ์ 1.ประเพณแี บกบุษบกหามพระพุทธรูปแหธ่ งสงกรานต์ ท่ีโดดเด่นของหม่บู า้ น 2.ผ้าซ่นิ ตีนจก 3.3 บคุ คลตัวอยา่ งของ นายสรศกั ดิ์ มงั คุด บุคคลตัวอยา่ งด้านเกษตรกรรม หมูบ่ า้ น
4 หมวดท่ี 4 กิจกรรมการบูรณนาการกจิ การคณะสงฆ์และการสร้างเครอื ขา่ ย ที่ รายการ ข้อมูล/กิจกรรมหมูบ่ ้าน หมายเหตุ 4.1 การสง่ เสรมิ กิจกรรม 1.กลมุ่ วฒั นธรรมชุมชน ของชุมชน 2.กลุ่มการเกษตร และนารวม 3.กลุม่ ทอ่ งเท่ยี วและป่าไม้ 4.กลมุ่ การค้าและผลิตภัณฑ์ 5.กลมุ่ สภาชมุ ชนบ้านพนุ ำ้ รอ้ น 4.2 การส่งเสรมิ การศกึ ษา 1. ป่าชุมชน และการเรยี นรู้ของ 2.พิพธิ ภัณฑ์ชมุ ชนบา้ นพนุ ้ำร้อน ชุมชน 3.กลุ่มผา้ ทอตนี จกลายโบราณ 4.ศนู ย์เรียนรูป้ ราชญ์ เพอ่ื ความมนั่ คงตามโครงการอัน เน่ืองมาจากพระราชดำริ 4.3 การจดั การ 1.กจิ กรรมการคัดแยกขยะ สงิ่ แวดลอ้ ม/ขยะ 2.ฝายชะลอน้ำหบุ เขาวงตามรอยพอ่ 4.4 ผลิตภัณฑ์ชมุ ชน 1.ผ้าซิน่ ตนี จก (otop)ทสี่ รา้ งรายได้ ให้กบั หมูบ่ ้าน 4.5 การจดั สวสั ดิการสงั คม 1.ตลาดประชารัฐ หมูบ่ ้าน 2.กองทุนหมบู่ า้ น 3.การทำนารวม 4.6 การเสรมิ สรา้ ง หนว่ ยงานภาครฐั เครอื ข่ายในพืน้ ที่ (ใน หนว่ ยงานภาคเอกชน รอบ 3 ป)ี 1.สภาชมุ ชนบ้านพนุ ำ้ ร้อน 2.ป่าไม้ชุมชนบา้ นพุนำ้ ร้อน 3.กลุ่มวฒั นธรรมชมุ ชนบา้ นพนุ ำ้ รอ้ น 4.กลุ่มการท่องเทยี่ วชมุ ชนบา้ นพนุ ำ้ ร้อน 5.กลุม่ การเกษตรชุมชนบา้ นพนุ ้ำร้อน 6.กลมุ่ การคา้ และผลติ ภัณฑช์ ุมชนบ้านพุน้ำร้อน 7.อาสาสมัครป้องกนั ภัยฝ่ายพลเรอื น(อปพร.) 8.อาสาสมัครสุขประจำหมู่บ้า(อสม.) 9.อาสาสมัครตำรวจบ้าน(อส.ตร.) 10.ชดุ รกั ษาความปลอดภยั ประจำหมู่บ้าน(ชรบ.)
5 หมวดที่ 1 ขอ้ มลู พื้นฐานของหม่บู า้ น สภาพข้อมูลทว่ั ไป ชมุ ชนบา้ นพนุ ้ำรอ้ นมถี นิ่ ฐานจากการบันทกึ ความเป็นมาของลาวคร่ังน้ัน จากหลักฐานทาง ประวัติศาสตร์ พบวา่ บรรพบุรุษได้อพยพมาจากอาณาจกั รเวียงจันทร์ และหลวงพระบางพร้อมกบั ลาวกลุ่ม อืน่ ๆได้อพยพเข้ามาท่ีประเทศไทยด้วยเหตผุ ลท่ีทางการเมอื งและเปน็ เชลยศกึ ยามสงคราม อาศัยอยู่บริเวณ ภาคกลางของประเทศไทย ลาวครงั่ มักจะเรียกตนเองว่า \"ลาวข้ีครัง่ \" หรอื \"ลาวค่งั \" ความหมายของคำว่า \"ลาว ครง่ั \" ยงั ไมท่ ราบความหมาย ชุมชนพนุ ำ้ รอ้ นได้นบั เป็นลูกหลานของลาวคั่ง ชมุ ชนพนุ ้ำร้อน เปน็ หม่บู ้าน ท่ี 4 ของ ตำบล ด่านช้าง อำเภอ ดา่ นช้าง จงั หวดั สพุ รรณบรุ ี และมีพ้ืนทข่ี นาดใหญ่ จนสามารถ แยกไปเปน็ อกี 3 หมู่บ้านไดแ้ ก่ 1.หมู่บ้านหินลาด หมู่ ๑๕ 2.หมบู่ า้ นหนองแก หมู่ ๑๖ 3.หมู่บ้านโปง่ ข่อยสมอทอง หมู่ ๒๐ ซ่ึงมผี ู้ใหญบ่ า้ นมาแลว้ 7 คน คนที่ 7 คนปจั จุบนั คือ นายชุม นันทา ปัจจบุ นั มี ครอบครวั 412 หลงั คาเรือน ประชากร 1,200 คน แผนทีก่ ารเดินทางมาบา้ นพนุ ้ำรอ้ น บอ่ พนุ ำ้ รอ้ น ใน บา้ นพนุ ำ้ รอ้ นสมยั อดตี
6 คำขวญั คือ มรดกป่าไม้ มากมายประเพณี หน่อไม้ดเี หด็ โคนหวาน แหล่งขวานหิน ถ่นิ ผา้ ทอ บอ่ นำ้ ร้อน
7 โครงสรา้ งชุมชนบา้ นพนุ ้ำรอ้ น จากทีท่ างวัดพนุ ำ้ ร้อนได้มแี นวคดิ ในการพฒั นาแบ่งโครงสร้างชุมชนออกเป็นชมุ ตา่ งๆเพอ่ื ให้เกิดการพฒั นาและ ทำงานงานอยา่ งเป็นระบบเพือ่ การพฒั นาและเกดิ ความสามัคคเี ปน็ ชุมชนทีเ่ ขม้ แขง็ และกายเป็นรางฐานให้กับ คนรุ่นต่อไป โครงสร้างชมุ ชนบา้ นพนุ ้ำรอ้ น วัดพนุ ำ้ ร้อน เปน็ ศนู ยก์ ลางสนบั สนุนสง่ เสรมิ ในการพัฒนา สภาชมุ ชนบ้านพนุ ำ้ รอ้ น เปน็ ตัวประสานรับฟังปัญหา วัฒนธรรม การท่องเที่ยวและป่าไม้ ผใู้ หญ่ อำพร ยาสุวรรณ ผ้ใู หญ่ ชุม นนั ทา ➢ วัฒนธรรมฝา่ ยชาย ➢ อา่ งเกบ็ นำ้ หบุ เขาวง ➢ วัฒนธรรมฝา่ ยหญิง ➢ พิพธิ ภณั ฑ์ชมุ ชนบา้ นพนุ ้ำร้อน ➢ จิตอาสา ➢ ดนตรกี ารขับรอ้ ง ➢ อาสาสมัครพทิ ักษ์ป่า การเกษตร การค้าและผลติ ภัณฑ์ ผูใ้ หญ่ ณรงค์ กองจำปา ผ้ชู ว่ ย วริ ัตน์ อดุ มกิจกลุ ➢ ศูนย์เรยี นรูเ้ ศรษฐกิจพอเพยี ง ➢ ผา้ ทอตีนจก ➢ ตลาดประชารฐั ผู้ใหญ่ ขวัญเรอื น คำพา ➢ กล่มุ ผลติ ภัณฑ์ ➢ การทำนารวม เข้ารว่ มกิจกรรมต่างๆ/ไดร้ ับการสนบั สนนุ โรงเรยี นบา้ นพนุ ำ้ รอ้ น อนามยั บา้ นพนุ ำ้ ร้อน
8 ดา้ นการประกอบอาชีพ ส่วนใหญป่ ระกอบอาชีพเกษตรกร คา้ ขาย รบั จ้างท่ัวไป สถาบันการศึกษาและสาธารณสขุ โรงเรียนบา้ นพนุ ำ้ ร้อน โรงพยาบาลสง่ เสรมิ สุขภาพประจำตำบลบ้านพุนำ้ ร้อน ความปลอดภัยและทรัพยส์ นิ อยู่ในพืน้ ทดี่ ูแลของสภ.ด่านช้าง และจุดพกั สายตรวจบา้ นเขาช่องคับ การแต่งกายของวัฒนธรรม ประเพณีแบกบุษบก สภาพธรรมชาตใิ นชุมชน แหล่งน้ำตามธรรมชาตใิ นชมุ ชน
9 ผลิตภณั ฑท์ อ้ งถน่ิ ผลิตภัณฑ์ในชมุ ชนจดั ขายที่ตลาดประชารัฐ ผลิตภัณฑข์ นม ผ้าซนิ่ จนี ตก OTOP ของชุมชน การทำอิฐมอญ เคร่ืองเงิน การทำไม้กวาด
10 ประวตั ิวัดพุนำ้ รอ้ น เมื่อประมาณปี 2445 ได้มีวัดพุน้ำร้อนได้ก่อตั้งข้ึน อยู่เลขท่ี 485 หมู่ 4 ตำบล ด่านช้าง อำเภอ ดา่ นช้าง จังหวดั สุพรรณบุรี ไดม้ ีเจ้าอาวาสมาทั้งหมด 11 รูป รูปแรก คือ หลวงพ่อหม่อง และ รูปที่ 11 คือ พระครวู ิสิฐสุวรรณคุณ วัดพุน้ำร้อนได้จัดเป็นศูนย์กลางของชุมชน และช่วยเหลอื ในการพฒั นาชุมชนอย่างยัง ยืน ด้วยมุ่งเน้น ศีล 5 รู้รักสามัคคีสร้างความปรองดองสมานฉันท์ เป็นน้ำหนี่งใจเดียวกันและ ปลกู ฝังคำสอน ทางหลกั ธรรมศาสนาและอนรุ ักษ์วฒั นธรรมประเพณีในทอ้ งถ่ิน พระอโุ บสถ ศาลาการเปรียญ หอวฒั นธรรม เมรุ
11 ศาลาอเนกประสงค์ ศาลาอเนกประสงค์ วหิ าร พิพธิ ภณั ฑ์ชมุ ชน
12 กฎุ พิ ระสงฆ์ วิหาร หอ้ งน้ำ ศาลาการเปรยี ญ
13 โครงการและกิจกรรมทีห่ มู่บา้ นดำเนนิ การ ทางวัดพุนำ้ ร้อนได้มกี ารประชุมปรกึ ษาหารอื เร่ืองการวางโครงสร้างในการบรหิ ารจดั การชุมชนเพ่อื การพฒั นา ชมุ ชนอยา่ งยังยืนและเกดิ ประโยชนส์ งู สุดอย่างสดุ จึงไดเ้ กิดการจัดต้งั กลมุ่ ต่างๆ ชุมชนบ้านพุน้ำร้อนได้แบง่ โครงสรา้ งออกเป็นแต่ละกลุ่มเพอ่ื จะได้พฒั นาชมุ ชนและมีการดำเนนิ โครงการอยา่ งชัดเจนโดยช่วงแรกๆทางวดั พุน้ำร้อนให้การสนบั สนนุ งบประมาณ 1.กลุม่ วฒั นธรรมชุมชน 2.กลมุ่ การเกษตร และนารวม 3.กลมุ่ ท่องเทีย่ วและป่าไม้ 4.กลุม่ การค้าและผลิตภณั ฑ์ 5.กลุม่ สภาชมุ ชนบา้ นพนุ ้ำรอ้ น
14 1.กลุม่ วัฒนธรรมชมุ ชน ปีพ.ศ 2556 พระครูวิสิฐสุวรรณคุณ เจา้ อาวาสวดั พนุ ้ำร้อนและ คณะกรรมการได้มกี ารประชุมโดยมี ความคิดว่า หากชุมชนเราเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยว ย่อมมีเร่ืองดีและช่ัวเปรียบเป็นดาบสองคมเพราะฉะนั้น สมควรป้องกันความเสียหายท่ีจะเกิดขึ้น ในด้านวัฒนธรรม ประเพณี จารีต ท่ีดีงามของชุมชนให้ฝังลึกไว้ใน รากเง้าของวถิ ีชีวติ ของชมุ ชนและเยาวชน ทำใหเ้ กิดความภาคภูมใิ จจึงใหม้ ีการจดั การระบบวฒั นธรรมในทางที่ ดขี ้ึน และไดม้ ีการแต่งตั้งคณะกรรมการในทกุ ฝ่ายขึ้นเพ่ือพัฒนาและรักษาประเพณีท่ีดีงามไว้ ชุมชนพุน้ำร้อน มีมรดกทางวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่นของตนเอง ชาวชุมชนพุน้ำร้อนได้เชิดชูคุณค่าและจิตวิญญาณ ของความเป็นวถิ ชี ุมชน ตลอดสรา้ งความสามัคคี เอื้ออาทร และมคี วามสมานฉันท์ จุดประสงค์ 1.เพือ่ ให้ประชาชนในชุมชุน ไดร้ ว่ มทำกิจกรรมวันสำคญั และเกิดความสามัคครี ะดบั ชมุ ชนและประเทศชาติ 2.เพื่อให้ประชาชนในชุมชุน นำความรู้จากการปฏิบัติมาใชใ้ นชีวติ ประจำวัน 3.เพือ่ ใหป้ ระชาชนในชมุ ชนุ สร้างจิตสำนึกในการรักท้องถ่ิน 4.เพอื่ สบื ทอดเจตนารมณว์ ิถีชวี ิตสูเ่ ยาวชน การแต่งกายชุดประจำท้องถิ่น ประเพณีแบกบษุ บก
15 2.กลมุ่ การเกษตร และนารวม ทางวัดพุน้ำร้อนจึงและคณะกรรมการชุมชนได้ทำการประชามติเพ่ือทำโครงการศูนย์เรียนรู้ปราชญ์ เพื่อความมั่นคงตามโครงการอันเน่ืองมาจากพระราชดำริ โดยใช้เงินจากรางวัลที่ชนะเลิศและเงินเปอร์เซ็นต์ จากการบริหารการท่องเท่ียวของชุมชน มาทำผาติกรรมทีด่ ินจำนวน 23 ไร่ และทำแผนการพัฒนาศนู ย์เรยี นรู้ ปราชญ์ เพ่ือความม่ันคงตามโครงการอันเน่ืองมาจากพระราชดำริ โดยมุ่งหวังให้ศูนย์เรียนรู้เป็นโรงเรียน ของชมุ ชนในการท่ีจะทำแผนพฒั นาเปน็ ตัวนำร่องของชุมชนในพื้นท่แี ละชุมชนในบรเิ วณใกล้เคียง โดยสโลแกน ทำเอง กินเอง เหลือขาย เพื่อเป็นจุดมุ่งหมายของศูนย์การเรียนรู้ และในอนาคตทางชุมชนยังต้องการ ความช่วยเหลือจากหน่วยงานต่างๆ ที่จะช่วยกันผลักดันโครงการของชุมชนน้ี ให้ได้รับการบรรจุในโครงการ พระราชดำริ เพอ่ื ความม่ันคงของโครงการและเป็นการคมุ้ ครองป่าชุมชนใหม้ เี สถยี รภาพมัน่ คงในการดแู ลรกั ษา ผืนป่า และโครงการต่างๆของชุมชนในการขับเคล่ือนไปในทิศทางที่ดี ซึ่งจะเป็นผลในการช่วยรักษา ทรัพยากรธรรมชาติ อกี ท้ังความม่ันคงทางด้านเศรษฐกิจและการสร้างเสริมอาชพี สร้างรายได้ และเป็นแหล่ง เรียนรู้นอกห้องเรียนให้กับนักเรียนโรงเรียนบ้านพุน้ำร้อนและผู้ที่มีความสนใจในอนาคต ซ่ึงสอดคล้องกับ แผนพฒั นาประเทศไทย 4.0 โมเดลพัฒนาเศรษฐกิจ การทำแปลงผักสาธิต การเลย้ี งไก่ไขอ่ ารมณ์ดี การรบั มอบเมลด็ พนั ธผ์ ักพระราชทาน
16 การทำนารวม เปน็ การรเิ รมิ่ มาจากทางวัดพนุ ำ้ รอ้ นได้มีการใชท้ ด่ี ินในวดั ทำนาและใหพ้ ระภกิ ษสุ งฆ์มาลงมือทำ เพราะทางวัดมีแนวคิดวา่ เนื่องจากอาหารเปน็ ส่งิ ทที ุกคนต้องบรโิ ภคโดยเฉพาะขา้ ว เนื่องดว้ ยในชมุ ชนบา้ นพุ นำ้ ร้อนเปน็ พืน้ ที่ราบสงู จงึ มีพน้ื ที่ปลกู ข้าวคอ่ นขา้ งนอ้ ยชุมชนจึงต้องซ้ือจ่ายอย่างเดยี วเปน็ การเพิ่มภาระ รายจ่าย และข้าวท่ีเราบรโิ ภคกันทั่วไปมกั จะมสี ารพิษเจือปนเพราะเราไม่มีคลังอาหารเป็นของชุมชน ชมุ ชนจงึ ต้องสร้างคลงั อาหารให้แก่ชุมชนเองโดยเรมิ่ การทำนารวมจากทนี่ าของวดั 2 ไร่ และปจั จุบันใช้เวลา 4 ปี มี พื้นท่เี พมิ่ ข้นึ มากถงึ 80 ไร่ ซึ่งในปจั จบุ ันยงั มีกองทุนดา้ นอาหาร(ขา้ ว) 40 ตัน สำหรบั คนในชุมชนโดยเปน็ การ สรา้ งความร่วมมอื ภายในชุมชนโดยไม่ใช้งบประมาณของหน่วยงานใดเลยและยังมวี ธิ กี ารปันผลสำหรับผู้ทีม่ ามี สว่ นรว่ มในการทำนาเปน็ ข้าวสารและนำไปจำหน่ายแบบเป็นการกยู้ มื และยังแบ่ง 10 เปอร์เซน็ ต์ ใหผ้ ้ปู ว่ ยติด เตียง คนชรา ภายในชมุ ชนบา้ นพุนำ้ รอ้ น จึงเรยี กได้ว่า ทำเอง กนิ เอง ขายเอง แบ่งคนอน่ื เอง การทำนารวมในวัดพุน้ำรอ้ นในช่วงแรกจำนวน 2 ไร่ การทำนารวมในวดั พุนำ้ ร้อนปัจจุบนั จำนวน 80 ไร่
17 3.กลุ่มทอ่ งเทย่ี วและปา่ ไม้ ปีพ.ศ. เหตกุ ารณ์ ปี 2517 ไดม้ กี ารสมั ปทานตดั ป่าไม้ และคนในชุมชนบกุ รุกพ้ืนท่ปี า่ ตัดไมท้ ำลายป่าและนำไปเผา ปี 2533 เปน็ ถ่าน ปี 2539 ได้มกี ารสมั ปทานโรงโม่หนิ ข้ึนที่ ชุมชนบ้านหนิ ลาดและส่งผลกระทบมากมายต่อชมุ ชนทั้ง ปี 2543 ด้านมลพษิ มลภาวะ โดยคนในชุมไมไ่ ด้มีสว่ น ปี 2547 เจ้าอาวาสวัดพนุ ำ้ รอ้ น ได้ปรารภถึงการตดั ไม้ทำลายปา่ โดยรู้เท่าไม่ถงึ การณข์ องชมุ ชน ปี 2556 โดยการเผาถ่านเป็นอารองจากการทำไร่ ทำใหผ้ ืนปา่ ถูกทำลายอย่างชพี รวดเร็ว จนภเู ขา กลายเปน็ เขาหัวโล้น และเปน็ ชว่ งของการทำสมั ปทานเหมืองหนิ แกรนติ ของบริษทั เอกชน หากไม่มีการดำเนนิ การยบั ย้ังและฟน้ื ฟูปา่ จะสง่ ผลกระทบใหญห่ ลวงต่อความเปน็ อยแู่ ละ การทำกินของชาวบา้ น ทางวัดพนุ ้ำร้อนจึงมกี ารประชุมปรกึ ษาหารอื ระหวา่ งผูน้ ำชุมชน และหาวิธีการแกไ้ ข ซ่ึงแรกๆจะใช้การดแู ลรว่ มกนั แต่ไม่เปน็ ระบบ ใช้จิตอาสาเป็นหลัก ทางวัดพนุ ำ้ รอ้ นและคณะกรรมการไดน้ ำข้อมลู โครงงานขอจดั ต้ังป่าชุมชนบา้ นพุน้ำรอ้ น มีเจา้ หนา้ ที่ป่าไมม้ าศกึ ษาเอกสารเก่าและแนะนำใหเ้ ข้าโครงการหมบู่ า้ นปา่ ไม้ แผนใหม่ ตามแนวพระราชดำริ เฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา พระบรมราชนิ ีนาทการดำเนินการ ประชมุ ประชาคมชาวบ้านรว่ มกบั หนว่ ยงานทีเ่ กยี่ วข้อง ขอจดั ต้ังปา่ ชุมชนบ้านพนุ ำ้ รอ้ น เสนอกรมปา่ ไม้ตามข้ันตอน และได้รับการอนมุ ตั จิ ากกรมป่าไม้เมอื่ วันท่ี 27 กรกฎาคม 2547 มพี ้นื ที่ 4,113 ไร่ ทางคณะกรรมการป่าชุมชน จงึ ได้มาปรกึ ษากบั เจ้าอาวาสท่ีจะจดั หารายได้เสริมข้ึน เพอื่ ให้ อาสาสมัครอย่ไู ด้ และป่าอย่รู อด จงึ เสนอใหม้ ีจัดทำอาชพี เสรมิ ระหว่างเขา้ เวรดแู ลป่า ชุมชน โดยการให้เล้ยี งปลาในกระชังเพ่อื สรา้ งรายได้ จึงมกี ารระดมทนุ ทัง้ เงนิ และแรงงาน ภายในชุมชน แลว้ มกี ารรวมกล่มุ แล้วทำแพเล้ียงปลากระชังข้นึ แต่ไมป่ ระสบความสำเรจ็ เท่าท่ีควรเกิดภาวะขาดทนุ เพราะขาดความร้ผู ู้อำนวยการการท่องเทีย่ วแหง่ ประเทศไทย นายวศิ รุต อนิ แหยม มาให้แนวคดิ ใหร้ ึเรม่ิ ทำเป็นแหล่งท่องเทีย่ วโดยการยกจุดเด่นของ ชุมชนขึน้ มาและชุมชนจงึ มแี นวคดิ ทจ่ี ะพัฒนาป่าชุมชนให้เป็นแหล่งท่องเท่ียวระบบเชงิ นเิ วศโดยเรม่ิ จากเจ้าอาวาสวัดบา้ นพุน้ำร้อนและผู้นำชุมชนไดล้ งมือพัฒนาป่าชุมชนใหเ้ ปน็ แหล่งท่องเทย่ี วงบประมาณในการก่อต้งั คร้ังแรกมาจากทางวัดบ้านพนุ ำ้ รอ้ นทั้งหมดและ แรงงานมาจากคนในชมุ ชนโดยไมม่ คี า่ ตอบแทนจงึ จะเห็นได้ว่าการท่จี ะมแี หล่งทอ่ งเทีย่ ว ระบบเชงิ นเิ วศชุมชนต้องต่อสู้และแก้ปัญหาด้วยตนเองโดยมพี ระครวู สิ ิฐสวุ รรณคุณเป็นจุด ศนู ย์กลางของชุมชน
18 พ้ืนที่ป่าในอดตี พื้นทปี่ า่ ในปจั จุบัน คณะกรรมการป่าชุมชน การทำฝายในปา่ ชมุ ชน
19 การท่องเท่ยี ว นกั เรยี นเข้าไปมีสว่ นรว่ มในการอนุรกั ษ์ ป่า พิพธิ ภัณฑ์ชุมชนบา้ นพุน้ำร้อน ทางวัดพุน้ำร้อนได้มีวัตถุโบราณเป็นจำนวนมากเน่ืองด้วยพ้ืนที่ชุมชนบ้านพุน้ำร้อนและบริเวณ ใกลเ้ คยี งเป็นแหล่งโบราณคดที ่ีมีอายเุ กา่ แก่ ประมาณ 3000 – 4000 ปี ซึง่ มีชาวบา้ นพบเจอวตั ถุโบราณเป็น จำนวนมากและได้นำไปบริจาคให้กับ ทางวัดพุน้ำร้อน ทางวัดพุน้ำร้อน จึงได้เล็งเห็นความสำคัญ และได้ ประสานงานกบั กรมศิลปกรที่ 2 ของจังหวดั สุพรรณบุรี ใหม้ าตรวจสอบข้อมูลและความเกา่ แก่ของโบราณวัตถุ หลังจากนั้นทางวัดพุน้ำร้อน ได้ทำการร้องขอไปยังหน่วยงานท้องถิ่นเป็นเวลา 4 ปี ถึงได้รับการอนุมัติ งบประมาณในการจดั สร้างพิพธิ ภณั ฑ์เปน็ เงนิ ประมาณ 900,000 วัตถุโบราณในพพิ ิธภัณฑช์ มุ ชนบ้านพนุ ้ำรอ้ น
20 นักเรยี นมีการฝกึ เป็นมคั คุเทศกน์ ้อย อ่างเกบ็ นำ้ หบุ เขาวง จากพัฒนาตอ่ ยอดของทางวัดพนุ ำ้ รอ้ นที่ได้พัฒนาป่าชุมชนให้สมบรูณ์เป็นอีกส่วนหน่ึงของปา่ ชมุ ชนซึ่ง เหมาะกบั การพกั ผ่อนและสัมผัสวถิ ีชีวติ ของชุมชนอยา่ งแท้จรงิ พรอ้ มทำกจิ กรรมต่างๆเป็นการรบั นกั ท่องเทย่ี ว ไปพร้อมกับความรับผิดชอบต่อธรรมชาติ โดยไม่ก่อให้เกิดการรบกวนหรือทำ ความเสียหายแก่ ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดล้อม ทงั้ นีค้ วรศึกษากฏระเบียบของสถานท่ีกอ่ นเดินทางและทางวดั พนุ ้ำร้อนได้ เสนอการจดั การบริหารรายไดข้ องระบบท่องเท่ียวจะถกู แบง่ ออกเปน็ ดงั นี้ 65% สำหรบั เจ้าหนา้ ท่ีท่ีมาปฏบิ ัติงาน 18% บญั ชีกองกลางสำหรบั คา่ ใชจ้ ่ายการบรหิ ารจัดการภายในสถานท่ี 10% เปน็ บัญชกี องกลางชุมชน สำหรบั สาธารณะประโยชนข์ อง 4 หมบู่ ้าน 5% บัญชเี งนิ ทุนสำรองจา่ ยในการจัดการภายในสำหรับเปิดในปีถดั ไป 2% ใช้สนบั สนุนวัฒนธรรมและประเพณขี องชมุ ชน
21 บรรยากาศในอ่างเก็บนำ้ หบุ เขาวง 4.กลมุ่ การค้าและผลิตภณั ฑ์ ตลาดประชารัฐ ตลาดประชารัฐ เริ่มมาจากโครงการพัฒนาตำบลโดย คสช. ตำบลละ 5 ล้าน 4 หมู่บ้านรวมขอ โครงการสร้างโดยได้งบประมาณมาท้ังหมด 6.9 แสน และสบทบโดยทางวัดพุน้ำร้อน มูลค่าการก่อสร้าง ทัง้ หมด 2.8 ล้าน และรับบริจาคจากชุมชนเป็นบางส่วนและไดท้ ำการเปิดวันท่ี 3 สิงหาคม 2559 เนื่องจาก ชุมชนบ้าน พุน้ำร้อนมีการผลิตสินค้าภายในชุมชนแต่ไม่มีแหล่งจัดจำหน่ายสินค้าจึงจัดตั้งตลาดประชารัฐเพื่อ เป็นแหล่งค้าขายผลิตภัณฑ์ของชมุ ชน และอกี ท้งั ยังเปิดโอกาสให้ชุมชนใกล้เคยี งเข้ามามีส่วนร่วมในการค้าขาย เพอ่ื เปน็ การเพ่ิมรายได้ และเป็นการหารายได้ให้กับชุมชน ทางวัดพนุ ้ำร้อนจึงเล็งความสำคัญของตลาดประชา รัฐ แมค่ า้ ในตลาดประชารฐั กลุ่มผลติ ภัณฑ์เตรียมสนิ ค้ามาขาย
22 สินค้าจากท้องถ่ิน ผา้ ซ่นิ ตนี จก ทางวัดพุน้ำร้อนได้มีการรวมรวบและศึกษาผ้าซ่ินตีนจกซึ่งเป็นมรดกทางวัฒนธรรมในชุมชนชุมชนบ้าน พนุ ้ำร้อนมีผลิตภัณฑ์ที่ขึ้นช่ือ คือ ลายผ้าซิน่ ตนี จกของบรรพบุรุษทม่ี าอย่างยาวนานและมคี วามเป็นเอกลักษณ์ โดยเฉพาะ ผ้าซ่ินตีนจกสีแดงเป็น เสมือนการเล่าเร่ืองประวัติศาสตร์ของกลุ่มชาติพันธ์ุลาวคร่ังเลยก็ว่าได้ เพราะเดมิ ทีสีแดงได้มาจากตวั คร่ัง ที่เกาะอยู่ตามต้นไมใ้ นธรรมชาติแล้วนำมาย้อมเป็นสแี ดงของตนี ซนิ่ จงึ เป็น ทมี่ า ของคำวา่ “ลาวครัง่ ”และไดม้ กี ารออกไปแสดงผลงานตา่ งๆ มากมายอกี ท้งั สร้างรายได้
23 ภาพการนำเสนอผลงานผา้ ซิน่ ตีนจก ในสถานท่ี ตา่ งๆ และได้มีการจดั ต้ังหอวฒั นธรรมคนไทยเช้ือสายลาวคร่ังเพือ่ เกบ็ ผลงานเพอ่ื เป็นมรดกของผา้ ซ่นิ ตนี จกที่มาสืบ เน่ืองมาจาก ปพี .ศ. เหตกุ ารณ์ ปี 2534 ทางวัดพนุ ้ำรอ้ นไดผ้ ้าผืนแรกมาจากในงานทญ่ี าติโยมมาถวายบังสุกลุ ในงานศพของ ยา่ แสน คำสุริวร ซึง่ เสยี ชวี ติ อายุ 101 ปี ในขณะน้นั และทางวัดพุน้ำร้อนไดม้ ีการเก็บสะสมมา เรอ่ื ย ปี 2555 ทางวดั พนุ ำ้ รอ้ นไดม้ กี ารจดั ต้งั กลมุ่ ทอผ้าของชมุ ชุนโดยใหก้ ารสนับสนนุ งบประมาณและความรู้ ในด้านการทอผ้าแก่สมาชกิ ในกลุ่มเพ่ือเปน็ การอนรุ กั ษล์ ายผ้าด่ังเดิมของชุมชนมิให้สูญหาย และเป็นการถ่ายทอดใหก้ ับคนรนุ่ หลงั อีกทั้งยงั เป็นการสรา้ งรายได้ให้กบั ชมุ ชนบ้านพนุ ้ำร้อน ปี 2557 จำนวนผ้าท่ีสะสมเร่ิมมีจำนวนมากข้นึ ทางวดั พุนำ้ รอ้ น จงึ มแี นวคดิ ทจ่ี ะสรา้ งสถานที่เก็บสะสม ผ้าทอและเปน็ สถานที่ใหส้ ามารถเข้าเยย่ี มชมได้จงึ เกดิ แนวคดิ ในการสร้างหอวฒั นธรรมคนไทย เชื้อสายลาวครั่ง ปี 2560 ได้เรมิ่ การเทโครงสรา้ งฐานลา่ ง โดยใช้งบประมาณ 800,000 บาท ซึ่งเป็นเงนิ ทไี่ ด้มาจากการ ทอดกฐนิ และงบประมาณสว่ นตวั ของ พระครูวิสิฐสวุ รรณคณุ ปี 2562 ในวนั ท่ี 21 เมษายน 2562 ไดม้ ีการทอดผ้าปา่ สามัคคขี ึน้ โดยมี คุณบรรณสาร จนั ทรส์ มศกั ด์ิ เลขาธิการสมาคมไทย-ลาวเพือ่ มติ รภาพ เปน็ ผู้ประสานงาน ระหว่างไทย และ ลาว นางนาลี สี สลุ ิด แม่บ้านท่านทองลุน นายกฯสปป.ลาว จัดผ้าปา่ หาเงินมา 700,000 บาท มอบเป็นทนุ ประเดิมโดยมอบตัวแทน นายเหียม พรมจันทร์ ประธานสมาคมลาวไทยเพอ่ื มติ รภาพ และ ทา่ นเหวต เจ้าอาวาสวดั สีสะเกด เวียงจนั ทน์ รองสงั ฆราชลาว ประธานฝ่ายสงฆ์ และผวู้ า่ ราชการจงั หวดั สุพรรณบุรี นายนิมิต วนั ไชยธนวงศ์ นายอำเภอ ดา่ น และมีหน่วยงานอน่ื ทีม่ า ร่วม
24 การแสดงพน้ื บ้านของพนี่ อ้ งฝง่ั ลาว ทา่ นเหวต เจ้าอาวาสวดั สีสะเกด เวยี งจนั ทน์ รองสงั ฆราชลาว ขบวนทอดผา้ ปา่ สามคั คี ไทย ลาว พิธีทอดถวายผ้าป่าสามัคคี ไทย ลาว ณ วดั พนุ ้ำร้อน หอวัฒนธรรมคนไทยเชื้อสายลาวครง่ั ปจั จุบนั กำลังกอ่ สรา้ ง
25 5.กลมุ่ สภาชุมชนบา้ นพนุ ำ้ รอ้ น ทางวัดพุน้ำรอ้ นได้มีการวางระบบในการดแู ลและบริหารชมุ ชนขนึ้ มาทางสภาชมุ ชนจะมหี น้าท่ีดแู ล ประสานงาน รบั ฟังปญั หา ส่งเสริม สนับสนุน กลุ่มตา่ งๆ โดยมวี ดั พุน้ำร้อนเป็นศนู ยก์ ลางในการส่งเสรมิ สนับสนนุ ด้านต่างๆ สภาชมุ ชนสนบั สนนุ งบประมาณหนว่ ยงานอนื่ ๆ การประชมุ กลุ่มตา่ งๆในชมุ ชน การประชุมปรึกษาหารือร่วมกนั วางแผนในการทำงานกจิ กรรมในชุมชน
26 รางวลั เกียรติคณุ ทหี่ มู่บา้ นได้รับในรอบ 3 ปี รางวัลเกยี รตคิ ณุ หมบู่ ้านพุน้ำรอ้ น สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี พระราชทานรางวลั ชนะเลิศ โครงการ คนรักษป์ า่ ปา่ รักชมุ ชน ประจำปี 2559 ระดบั ประเทศ ปา่ ชมุ ชนบ้านพุน้ำรอ้ น จัดทำโดย กรมป่าไม้ รว่ มกับ บริษัทผลติ ไฟฟา้ ราชบุรโี ฮลดง้ิ จำกัด (มหาชน) ปพี .ศ. 2559
27 ประกาศเกียรติคณุ รางวลั ลกู โลกสเี ขยี ว ครง้ั ท่ี 18 ไดร้ ับจาก ดร. สเุ มธ ตนั ติเวชกลุ ประธานกรรมการ สถาบันลูกโลกสเี ขียว วันท่ี 28 สงิ หาคม พ.ศ. 2561 โล่เกยี รตยิ ศ รางวัล ลูกโลกสเี ขยี ว คร้ังท่ี 18 ไดร้ ับจาก ดร.สุเมธ ตันติเวชกลุ ประธานกรรมการ สถาบนั ลกู โลกสีเขยี ว วนั ท่ี 28 สงิ หาคม พ.ศ. 2561
28 รางวลั ชมุ ชนทอ่ งเท่ยี วเชิงวฒั นธรรม ประจำปี 2561 ระดับ ดี ไดร้ ับจาก นายวรี ะ โรจนพ์ จนรัตน์ รฐั มนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม วนั ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2561 รางวลั วฒั นคุณากร ไดร้ ับจาก นายวรี ะ โรจนพ์ จนรตั น์ รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงวฒั นธรรม วนั ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2561
29 รางวลั ศูนย์ทอ่ งเทยี่ ว OTOP นวตั วิถตี ้นแบบ ภายใตโ้ ครงการไทยนยิ ม ย่งั ยืน ไดร้ ับจาก พลเอกอนุพงษ์ เผา่ จินดา รัฐมนตรวี า่ การกระทรวงมหาดไทย วนั ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 เกยี รติบตั ร เข้ารว่ มโครงการชุมนมทอ่ งเท่ยี ว OTOP นวตั วิถี จงั หวดั สุพรรณบุรี ประจำปี 2561 ไดร้ ับจาก นายนิมิต วนั ไชยธนวงศ์ ผวู้ ่าราชการจงั หวัดสุพรรณบรุ ี วันท่ี 19 กันยายน พ.ศ. 2561
30 รางวลั สาขาการบริหารจดั การป่าไม้ จากกรมปา่ ไม้ 18กันยายน 2562 เหรยี ญอนรุ กั ษ์มรดกไทย จากพระเทพรัตนราชสดุ า
ข้อมูลเกย่ี วกับคดีความของหมู่บา้ นในรอบ 3 ปี 31 ท่ี รายการ ปี 2560 ปี 2561 ปี 2562 ทม่ี าข้อมลู - - ผนู้ ำชุมชน 1 ทะเลาะววิ าท - - - ผู้นำชุมชน - - ผนู้ ำชุมชน 2 การพนนั - - - ผู้นำชมุ ชน 2 1 ผนู้ ำชมุ ชน 3 ลกั ทรัพย์ - 2 1 4 อาชญากรรม - 5 ยาเสพตดิ 3 รวม 3 จำนวนขอ้ มูลเกยี่ วกับผสู้ ูงอายุ- ผพู้ ิการ ในชมุ ชน หมู่ 16 จำนวน 13 คน หมู่ 20 จำนวน 6 คน หมู่ 15 จำนวน 7คน หมู่ 14 จำนวน 6 คน หมู่ 4 จำนวน จำนวน 7 คน
32 กิจกรรมส่งเสรมิ การรกั ษาศีล 5 ของหม่บู า้ น กิจกรรมส่งเสรมิ ใหป้ ระชาชนรักษาศีลขอ้ ที่ ๑ ทางวดั พนุ ำ้ ร้อนได้มีการเชิญชวนสง่ เสรมิ การทำกจิ กรรมสำคัญในวนั สำคัญทางศาสนาอย่างตอ่ เน่อื ง และยดึ รักษาประเพณดี ้ังเดิมของทอ้ งถน่ิ การตกั บาตรเทโวโรหณะ การตำขนมจีนเพอ่ื ความสามัคคี การทำบุญบอ่ พนุ ำ้ รอ้ น การเวยี นเทียน เขตอภัยทานในวัดพุนำ้ รอ้ น ซง่ึ เพาะพันธ์ปลาไว้มากมาย การไถช่ ีวิตโค กระบอื และใหช้ าวบ้านนำไปเล้ียง
33 กจิ กรรมส่งเสริมให้ประชาชนรักษาศลี ขอ้ ที่ ๒ ทางวัดพนุ ้ำร้อนได้สง่ เสริมใหม้ กี ารตง้ั คณะการรักษาความปลอดภยั ในชุมชนในชว่ งสถานการณ์ เชอ้ื ไวรัส Covid -19 และยงั ใหก้ ารสนบั สนนุ ในดา้ นอาหารและนำ้ ด่ืมกับเจ้าหนา้ ทม่ี มี ารักษาความปลอดภัยใน ชุมชนเพอื่ เป็นขวญั และกำลงั ในการทำงานของชมุ ชน การทำงานของเจา้ หนา้ ที่รักษาความปลอดภัยในชุมชนในช่วงสถานการณ์ เชือ้ ไวรสั Covid -19 ทางวดั พุนำ้ ร้อนใหก้ ารสนับสนุนอาหารและนำ้ ดมื่ กบั เจ้าหน้าท่ี
34 กิจกรรมส่งเสรมิ อาชพี / กลุ่มเศรษฐกิจพอเพียง ทางวดั พนุ ำ้ รอ้ นได้มีการสนับสนุนในด้านงบประมาณและสถานท่เี พอื่ ให้คนในชมุ ชนได้มาฝกึ การทำ อาชีพเพื่อให้มรี ายได้เพ่ิมและสามารถประกอบอาชพี ได้จงึ ไดแ้ ละยังไดม้ ีการเชญิ ชวนคนในชุมชนให้แบ่งเปน็ กลมุ่ ต่างในการสร้างรายได้ดงั นี้ กลมุ่ เปลญวน กลมุ่ เล้ียงสตั ว์ กลมุ่ ผา้ ทอตีนจก กลุ่มเพาะเห็ด กลมุ่ โรงอิฐ กลมุ่ ขนม กลุม่ ร้านคา้ ร้านอาหาร กลมุ่ หน่อไมด้ อง กลมุ่ ไมก้ วาด กลุม่ ทาเครื่องเงิน กลุม่ พรมเชด็ เทา้ กลมุ่ ถนอมอาหาร กล่มุ สินคา้ เกษตรแปรรูป
35 ผลิตภัณฑใ์ นชมุ ชนจัดขายท่ีตลาดประชารฐั ผลติ ภัณฑข์ นม ผา้ ซิ่นจีนตก OTOP ของชมุ ชน การทำอฐิ มอญ เคร่อื งเงิน การทำไม้กวาด
36 การจัดแสดงเครอ่ื งเงนิ การจดั ตลาดพอเพียงของโรงเรียนบา้ นพนุ ำ้ รอ้ น การทำเปลญวน ทางวดั พุน้ำรอ้ นจดั ประชุมปรึกษาหารอื ปัญหาแต่ละกลุ่มอาชพี ทางวดั พนุ ้ำร้อนจัดเป็นศนู ยก์ ลางของการฝึกอาชพี ต่างๆ
37 กจิ กรรมสง่ เสรมิ ใหป้ ระชาชนรักษาศีลข้อที่ ๓ ส่งเสรมิ สัมพันธใ์ นครอบครัว วัดพนุ ้ำรอ้ นถือว่าเป็นศูนย์กลางของชมุ ชนในการจดั กจิ กรรมตา่ งๆซง้ึ เป็นกิจกรรมทีท่ ำร่วมกันภายใน ครอบครัวหรือการรว่ มกล่มุ ครอบครัวเพือ่ สง่ เสริมความรักความผกู ผันในสงั คมในครอบครัวมากข้ึน การทำบญุ รว่ มกนั ในชุมชน การรวมกลมุ่ ทำพิธีทางศาสนาในวนั สำคัญ การแบกบุษบกซ่งึ เปน็ การแสดงออกถงึ ความสามคั คีในชุมชน การทำขนมจนี รว่ มกันทีว่ ดั พนุ ้ำรอ้ น การประชุมร่วมกันระหวา่ งวัดและโรงเรียน การประชมุ ปรึกษาหารือระหว่าง วัด และชุมชน
38 กจิ กรรมส่งเสริมใหป้ ระชาชนรักษาศีลข้อที่ ๔ ปอ้ งกันการทะเลาะววิ าทและแตกแยก ทางวดั พนุ ำ้ ร้อนได้เปน็ ศูนยก์ ลางของชมุ ชนในการจัดกิจกรรมต่างๆเพ่ือใหช้ ุมชนบ้านพนุ ้ำรอ้ นได้มีการ ทำกจิ กรรมตา่ งมากมายเพื่อสร้างความสามัคคีในชุมชนร้รู กั และหวงแหนในวฒั นธรรมของตนเอง ชว่ ยกันดำนาภายในวัดพุนำ้ รอ้ น ทางวดั พุน้ำรอ้ นและชมุ ชนชว่ ยกันทำนา ชว่ ยกนั ทำขา้ วหลาม การแบกบุษบก การแสดงของแตล่ ะหมูบ่ า้ นในชมุ ชน ใหก้ ารสนบั สนนุ อาหารการกนิ ทกุ กจิ กรรมในชมุ ชน
39 กิจกรรมสง่ เสรมิ ใหป้ ระชาชนรักษาศีลขอ้ ที่ ๕ การไม่ดม่ื สุราเมรยั ของมึนเมาให้โทษ และเลน่ การพนัน ทางวัดพนุ ้ำร้อนได้มีการหา้ มด่มื สุราในวัด และไม่มกี ารเล่นการพนนั ทุกชนดิ ในวัดอย่างเด็ดขาดเพื่อเปน็ แบบอยา่ งทด่ี ี และยงั สนับสนุนให้มกี ารเลน่ กีฬาเพ่ือต้าน ภยั ยาเสพตดิ ภายในชุมชน การทำบญุ ในวันสำคญั ตา่ งๆ มอบหนังสอื สวดมนต์ใหน้ ักเรยี นไว้ฝกึ สวด ทางวดั พุน้ำรอ้ นประชุมบอกขอ้ ห้าม ทางวัดพุนำ้ ร้อนให้งบประมาณ หา้ มด่ืมสรุ าในวดั และไม่มีการเล่นการ สนับสนนุ พนนั ทกุ ชนดิ ในการแขง่ กฬี าภายในชมุ ชน ทางวดั พุนำ้ ร้อนไดส้ อนสงั่ ปลูกฝงั เยาวชนใหเ้ หน็ โทษยาเสพติด
40 กจิ กรรมการสง่ เสรมิ วถิ ีวฒั นธรรมชาวพุทธ กิจกรรมประเพณวี ฒั นธรรมทางพุทธศาสนา จากแนวคิดรเิ ริ่มของทางวัดพนุ ้ำร้อนได้เห็นความสำคัญของวัฒนธรรมชุมชนและต้องการจะอนุรักษ์ให้สบื ต่อไว้ จงึ ไดม้ ีการรอื ฝนื ใหก้ ารสนับสนุนในเรอ่ื งตา่ งๆจนกลบั มา จนชมุ ชนพุน้ำร้อนมีมรดกทางวฒั นธรรมและภมู ิ ปญั ญาทอ้ งถน่ิ ของตนเอง ชาวชมุ ชนพนุ ำ้ ร้อนไดเ้ ชดิ ชูคุณค่าและจิตวิญญาณของความเป็นวถิ ชี ุมชน ตลอด สรา้ งความสามัคคี เออื้ อาทร และมีความสมานฉันท์และมกี ารทำบญุ ตามวนั สำคัญต่างๆตามประเพณี ตาม หลักศลี 5 ปฏทิ นิ วัฒนธรรมของชุมชนบา้ นพุน้ำร้อน
41 งานบุญขนมจนี ประเพณสี งกานต์ การทำบญุ หม่บู ้าน การตกั บาตรเทโว
42 การสวดมนตข์ ้ามปแี ละเผาข้าวหลาม การลงแขกเกย่ี วขา้ ว การสวดมนต์ท่ียอดเขาเจดีย์
43 ประเพณีและอตั ลกั ษณ์ทโี่ ดดเดน่ ของหมบู่ า้ น ประเพณแี บกบษุ บกหามพระพทุ ธรปู แหธ่ งสงกรานต์ จากทางท่วี ดั พุนำ้ ร้อนได้มีแนวคิดอนุรักษ์และตอ้ งการสืบทอดประเพณเี กา่ แก่ของลาวครัง่ ที่หาชมได้ ยากในปัจจบุ นั ซึ่งจดั กนั มาอยา่ งต่อเน่อื งในช่วงเดือนเมษายนประจำทกุ ปชี าวบา้ นจะชว่ ยกันตกแตง่ ขบวนแห่ บษุ บกหามพระ ชมขบวนแห่คันธงการประกวดเสาธงโดยมี วฒั นธรรมฝ่ายชายเป็นคนแบกบุษบกหาม พระพทุ ธรูปแห่ธงสงกรานต์ และวฒั นธรรมฝา่ ยหญิงเปน็ นางรำในขบวนพิธี และมีกลุ่มนักดนตรีคอยขับร้อง และยังมสี ่วนรว่ มจากนกั เรยี นโรงเรยี นบ้านพุน้ำรอ้ นเข้ามาร่วมประเพณีแบกบุษบกหามพระพทุ ธรูปแหธ่ ง สงกรานต์ ประเพณแี บกบุษบกแบกบุษบกหามพระพทุ ธรปู แหธ่ งสงกรานต์ ผูว้ ่าราชการจงั หวัดสพุ รรณบรุ ี นายนายนิมติ วันไชยธนวงศ์ ไดม้ าเข้าร่วมเปน็ แขกผูม้ ีเกยี รติรับชมขบวนประเพณีแบกบุษบก
44 ผา้ ซิน่ ตนี จก ปี 2555 ทางวดั พุน้ำรอ้ นไดม้ ีการจัดตั้งกลมุ่ ทอผา้ ของชุมชุนโดยใหก้ ารสนบั สนุนงบประมาณและ ความรู้ในดา้ นการทอผา้ แก่สมาชกิ ในกลมุ่ เพ่ือเป็นการอนรุ กั ษ์ลายผ้าด่งั เดิมของชมุ ชนมิให้สูญหายและเป็นการ ถา่ ยทอดให้กบั คนร่นุ หลงั อีกทั้งยงั เปน็ การสร้างรายได้ใหก้ บั ชมุ ชนบา้ นพนุ ้ำร้อน ทางวัดพุนำ้ รอ้ นไดม้ กี ารรวม รวบและศกึ ษาผา้ ซิน่ ตนี จกซ่ึงเป็นมรดกทางวฒั นธรรมในชมุ ชนชมุ ชนบา้ นพุนำ้ รอ้ นมีผลิตภัณฑ์ที่ข้นึ ช่ือ คือ ลายผ้าซิน่ ตีนจกของบรรพบรุ ษุ ทมี่ าอย่างยาวนานและมีความเป็นเอกลกั ษณ์โดยเฉพาะ ผ้าซิน่ ตีนจกสแี ดงเป็น เสมือนการเลา่ เร่อื งประวัติศาสตรข์ องกลุ่มชาติพนั ธลุ์ าวคร่ังเลยก็วา่ ได้ เพราะเดิมทีสีแดงได้มาจากตัวคร่ัง ท่ี เกาะอยตู่ ามตน้ ไม้ในธรรมชาตแิ ลว้ นำมายอ้ มเป็นสีแดงของตีนซิ่น จึงเป็นทม่ี า ของคำว่า “ลาวครัง่ ”และไดม้ ี การออกไปแสดงผลงานต่างๆมากมายอกี ทัง้ สร้างรายได้ การแสดงผลงานในสถานทต่ี า่ งๆ
45 การแสดงผลงานในสถานท่ตี า่ งๆ ทางวัดพนุ ้ำรอ้ นส่งเสริมสนับสนนุ ให้นกั เรียนไดเ้ ขา้ ไปศึกษาการทอผ้า
46 บุคคลตวั อยา่ งของชมุ ชนบ้านพุน้ำรอ้ น นายสรศักดิ์ มังคดุ บุคคลตัวอย่างด้านเกษตรกรรม ไดม้ กี ารทำเกษตรผสมผสานมาใช้ในการดำเนินชวี ิตและประกอบอาชพี อีกทงั้ เปน็ แหลง่ การเรยี นร้ขู อง ชมุ ชน ผู้สนใจ และ นักเรยี น เปน็ แหลง่ เรยี นรู้ในดา้ นเกษตรผสมผสานและ เศรษฐกจิ พอเพยี งให้กบั คณะครูและนกั เรยี น โรงเรียนบา้ นพนุ ำ้ รอ้ น
47 กจิ กรรมต่างๆตามภารกจิ ทงั้ 8 ด้าน 1.ดา้ นศีลธรรมและวัฒนธรรม ปพี .ศ 2556 ทา่ นเจ้าอาวาสวดั พุน้ำร้อนและ คณะกรรมการไดม้ กี ารประชมุ ถ้าชุมชนเราเปิดเป็นแหลง่ ทอ่ งเท่ียว ยอ่ มมเี ร่อื งดแี ละชัว่ เปรียบเปน็ ดาบสองคมเพราะฉะน้ัน สมควรปอ้ งกันความเสยี หายที่จะเกิดขึ้น ใน ด้านวฒั นธรรม ประเพณี จารตี ท่ีดงี ามของชมุ ชนใหฝ้ ังลกึ ไว้ในรากเง้าของวิถชี วี ิตของชมุ ชนและเยาวชน ทำให้ เกิดความภาคภูมใิ จจงึ ให้มีการจดั การระบบวัฒนธรรมในทางท่ีดีข้ึน และไดม้ ีการแตง่ ต้งั คณะกรรมการในทกุ ฝา่ ยขึน้ เพอ่ื พฒั นาและรกั ษาประเพณที ่ดี ีงามไว้ ชุมชนพนุ ้ำร้อนมมี รดกทางวฒั นธรรมและภมู ิปัญญาท้องถ่นิ ของตนเอง ชาวชุมชนพุนำ้ รอ้ นได้เชดิ ชูคณุ คา่ และจิตวญิ ญาณของความเปน็ วิถีชมุ ชน ตลอดสร้างความสามัคคี เออื้ อาทร และมีความสมานฉนั ท์ ปฏทิ ินวัฒนธรรมของชมุ ชนบ้านพนุ ำ้ รอ้ น
Search