Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore B-P เบสทรายท่าผา

B-P เบสทรายท่าผา

Published by Pandee Komala, 2022-05-15 07:42:24

Description: B-P เบสทรายท่าผา

Search

Read the Text Version

๑ Best Practice การส่งเสรมิ การเรยี นรู้ ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งและเกษตรทฤษฎใี หม่ นางสาววนั วิภา ร้วิ งาม กศน.อาเภอบา้ นโป่ ง ศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อาเภอบา้ นโป่ ง

๒ บทนำ กำรส่งเสริมกำรเรียนรู้ “ปรัชญำของเศรษฐกจิ พอเพยี งและเกษตรทฤษฎใี หม่” ควำมเป็ นมำ ในขณะท่ีทั่วโลกกำลังเผชิญวิกฤตต่ำงๆ ท้ังด้ำนเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และยังไม่สำมำรถหำวิธี บรรเทำและแก้ไขปัญหำต่ำงๆที่เหมำะสมและยั่งยืน ปรัชญำของเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ เน้น กำรพัฒนำท่ีมุ่งสร้ำงควำมสมดุลทำงเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรม ตลอดจนสร้ำงควำมสุขแบบ ยั่งยืนภำยใต้หลัก 3S ได้แก่ Survival (กำรอยู่รอด) Sufficiency (พอเพียง) และ Sustainability (ยั่งยืน) โดย กำรสง่ เสริมใหช้ ุมชนอยรู่ อด มีรำยไดท้ ่ีมนั่ คงในระยะยำว และเปิดโอกำสใหผ้ ู้มสี ว่ นไดส้ ่วนเสียภำยในทอ้ งถ่ินทุก คนเข้ำมำมีส่วนร่วมในทุกๆ ข้ันตอนกำรพัฒนำ เพ่ือสร้ำงควำมรู้สึกเป็นเจ้ำของ โดยเร่ิมจำกกำรระบุปัญหำ ควำมต้องกำร และสิ่งที่เป็นควำมจำเป็นเร่งด่วน และร่วมกันออกแบบโครงกำร วิธีกำรดำเนินงำน และกำร ประเมินผล กระตุ้นให้ชำวบ้ำนในพื้นที่ร้จู ักคดิ และลงมือทำเอง เพื่อสร้ำงควำมเข้มแข็งใหก้ ับผู้มีสว่ นได้สว่ นเสีย ในทอ้ งถิน่ ใหส้ ำมำรถขบั เคล่อื นกระบวนกำรพฒั นำไดด้ ว้ ยตัวเอง หลักกำรสำคัญอีกประกำรของปรัชญำของเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ คือ “กำรพัฒนำ แบบองค์รวมและกำรบูรณำกำร” เพื่อปูทำงไปสู่โครงกำรพัฒนำในระยะยำว นอกจำกนั้นยังได้ให้ควำมสำคัญ กับเรื่องของกำรพัฒนำคน สุขภำวะ กำรดำรงชีวิต และกำรศึกษำ อย่ำงมีบูรณำกำรและเป็นองค์รวม เพื่อให้ เกิดกำรแก้ปัญหำท่รี อบด้ำนและยง่ั ยนื จึงได้เล็งเห็นคุณค่ำและควำมสำคัญดังกล่ำวข้ำงต้น จึงได้จัดทำโครงกำรกำรส่งเสริมกำรเรียนรู้ “ปรัชญำของเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่” เพื่อเผยแพร่องค์ควำมรู้ที่เป็นประโยชน์ให้กับนักศึกษำ ประชำชน ชุมชน เพื่อเป็นหลักปฏิบัติและแนวทำงในกำรพัฒนำคุณภำพชีวิตของตนเองและชุมชนอย่ำงยั่งยืน ต่อไป วัตถปุ ระสงค์ เพ่อื จดั สรำ้ งและเชื่อมโยงแหล่งเรยี นรู้“ปรชั ญำของเศรษฐกจิ พอเพยี งและเกษตรทฤษฎใี หม่” ในตำบล ท่ำผำ ใหเ้ ป็นแหล่งเรยี นรูท้ ย่ี ังยนื และกำรใชป้ ระโยชนส์ งู สุดแก่ผเู้ รียน ประชำชน ชุมชน สงั คม กจิ กรรม/วิธีการ/ขน้ั ตอนสาคัญ/ระยะเวลาดาเนินการ กาหนดการดาเนินงานเปน็ 2 ช่วงระยะเวลา คอื ระยะที่ 1 ระหวำ่ งเดือน ตุลำคม 2563 – มนี ำคม 2564 ระยะท่ี 2 ระหว่ำงเดอื น เมษำยน 2564 – กนั ยำยน 2564

๓ ระยะที่ 1 ระหว่างเดอื น ตลุ าคม 2563 – มีนาคม 2564 กจิ กรรมหลกั วิธีการหลัก ขนั้ ตอนสาคญั ระยะเวลา ดาเนินการ 1. ขออนุมตั ิ 1.1 จดั ทำโครงกำรและเสนอขอ 1.1.1 ศึกษำเก่ยี วกบั “ปรัชญำของเศรษฐกจิ ตุลำคม 2563 โครงกำรและวำง อนุมัตโิ ครงกำร พอเพียงและเกษตรทฤษฎใี หม”่ และ พฤศจกิ ำยน แผนกำรดำเนิน 1.2 วำงแผนกำรดำเนนิ โครงกำร แนวนโยบำยท่ีเกยี่ วข้อง เพ่อื จดั ทำกรอบ 2563 - มีนำคม โครงกำร (P) แนวคิดของโครงกำร 2564 โดยนำหลกั ปรชั ญำ 1.1.2 ยกรำ่ งและจดั วำงโครงกำร และเสนอ กมุ ภำพนั ธ์ – มนี ำคม 2564 ของเศรษฐกจิ ขออนมุ ัติโครงกำร พอเพียงไปปรับใช้ 1.1.3 ออกแบบกระบวนกำร และจัดวำง กบั ทกุ ๆโครงกำร ขั้นตอนกำรดำเนินงำนโครงกำร และทกุ กจิ กรรม 1.2.1 วำงแผนกำรปฏบิ ตั ิงำนตำม กระบวนกำรและขัน้ ตอนกำรดำเนนิ งำน 2.ปฏิบัตงิ ำนตำม 2.1 คน้ คว้ำ หำขอ้ มลู เครือข่ำย 2.1.1 ศึกษำ คน้ คว้ำ รวบรวม องค์ควำมร้ทู ี่ แผนงำน แหล่งเรยี นรู้ “ปรชั ญำของ เก่ยี วกบั แหลง่ เรยี นร“ู้ ปรชั ญำของเศรษฐกิจ กระบวนกำรและ เศรษฐกิจพอเพยี งและเกษตร พอเพยี งและเกษตรทฤษฎใี หม”่ ในตำบล ข้ันตอนกำร ทฤษฎใี หม่”ในตำบล 2.2.1 จัดหำสื่อเอกสำร และสอ่ื ดำเนนิ งำน (D) 2.2 รวบรวม สอ่ื “ปรัชญำของ อิเลคทรอนคิ ส์ โดยนำหลกั ปรชั ญำ เศรษฐกจิ พอเพยี งและเกษตร 2.3.1 ดำเนินกำรพัฒนำศูนยเ์ รียนรูฯ้ และ ของเศรษฐกจิ ทฤษฎีใหม่” ดำเนินกำรจัดกิจกรรมกำรเรยี นรปู้ รชั ญำของ พอเพยี งไปปรบั ใช้ 2.3 พัฒนำศูนย์เรยี นรฯู้ และ เศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ ใน กับทุกๆโครงกำร ดำเนนิ กำรจดั กจิ กรรมกำรเรยี นรฯู้ ตำบลตำมแผนกำรปฏบิ ตั ิงำนประจำปี และทุกกจิ กรรม ในตำบลตำมแผนกำรปฏบิ ตั งิ ำน งบประมำณ 2.4 ดำเนนิ กำรเผยแพรผ่ ลกำรจดั 2.4.1 ดำเนนิ กำรเผยแพรผ่ ลกำรจดั กิจกรรม กจิ กรรม ในชอ่ งทำงท่หี ลำกหลำย ในช่องทำงที่หลำกหลำย เชน่ ส่อื 2.4 เช่ือมโยงเครือข่ำยแหล่ง อิเลคทรอนิคสอ์ อนไลนเ์ ผยแพร่บน เรยี นรฯู้ ในชุมชน Facebook Group/page และ Youtube และ อน่ื ๆ 3.ติดตำมผลกำร 3.1 ตรวจสอบผลลพั ธ์ (Output 3.1.1 กำหนดเป้ำหมำย ผลลพั ธ์ และเกณฑ์ ดำเนนิ งำน (C) โดย Outcome) ของโครงกำร กำรประเมิน เปำ้ หมำย ผลลพั ธ์ นำหลักปรัชญำของ 3.2 ตรวจสอบกระบวนกำร 3.1.2 ตดิ ตำมผลกำรดำเนนิ งำน โดยใช้ เศรษฐกิจพอเพยี งไป (Process) ของโครงกำร แบบสอบถำมหรอื จำกกำรสังเกตตดิ ตำมผลท่ี ปรับใช้กบั ทกุ ๆ เกิดข้ึนจริง โครงกำรและทกุ 3.2.1 กำหนดเปำ้ หมำย และเกณฑก์ ำร กิจกรรม ประเมนิ กระบวนกำร 3.2.2 ตดิ ตำมผลกำรดำเนินงำน โดยใช้ แบบสอบถำมหรอื จำกกำรสังเกตติดตำมผลที่ เกดิ ข้นึ จริง

๔ 3.3 ตรวจสอบปจั จยั ป้อน (Input) 3.3.1 กำรสนับสนุนโครงกำร กำรดำเนนิ โครงกำร 3.3.2 ทักษะกำรดำเนนิ งำนของผจู้ ัดทำ 3.4 จดั ทำสรุปผล รำยงำน และ โครงกำร เผยแพร่ Best Practice (รอบที่ 3.4.1 จัดทำสรปุ ผลรำยงำน Best Practice กมุ ภำพันธ์ – 1) (รอบท่ี 1) มีนำคม 2564 3.4.2 เผยแพร่ Best Practice (รอบที่ 1) ทัง้ แบบเอกสำรกระดำษ และเอกสำร อิเลคทรอนคิ ส์ 4. ปรับปรุงพัฒนำ 4.1 นำผลจำกกำรตรวจสอบ 4.1 นำผลจำกกำรตรวจสอบตดิ ตำมผลกำร มีนำคม 2564 (A) โดยนำหลกั ติดตำมผลกำรดำเนินงำน มำ ดำเนนิ งำน ในข้นั ตอนที่ 3 (Check) มำคดิ ค้น ปรชั ญำของ คดิ ค้นและวำงแผนปรบั ปรงุ และวำงแผนปรับปรุง พฒั นำกำรดำเนนิ งำน เศรษฐกจิ พอเพยี งไป พฒั นำคุณภำพกำรดำเนินงำน 4.2 ดำเนนิ กำรพัฒนำ ปรบั ปรงุ คณุ ภำพอย่ำง ปรบั ใช้กบั ทกุ ๆ อยำ่ งต่อเน่ือง ตอ่ เนือ่ ง ตำมวงจรคณุ ภำพ P D C A โครงกำรและทกุ กิจกรรม ระยะที่ 2 ระหวา่ งเดือน เมษายน – กนั ยายน 256๔ กิจกรรมหลัก วธิ ีการหลกั ขั้นตอนสาคญั ระยะเวลา ดาเนนิ การ 1. วำงแผน 4.1 นำผลจำกกำรตรวจสอบ 4.1.1 นำผลจำกกำรดำเนินงำนในระยะที่ เมษำยน 2564 ปรับปรงุ พฒั นำ ติดตำมผลกำรดำเนินงำน มำ 1 มำคดิ ค้นและวำงแผนปรบั ปรุง พฒั นำ จำกกำร คดิ ค้นและวำงแผนปรบั ปรงุ คุณภำพกำรดำเนินงำน (A ) ดำเนนิ งำนใน พัฒนำคณุ ภำพกำรดำเนนิ งำน 4.1.2 วำงแผนกำรดำเนินงำนในระยะที่ ระยะที่ 1 อย่ำงต่อเน่อื ง (A P) 2 (P2) (P2)โดยนำหลัก ปรัชญำของ เศรษฐกจิ พอเพียง ไปปรบั ใช้กับทุกๆ โครงกำรและทกุ กิจกรรม 2.ปฏิบตั งิ ำนตำม 2.1 คน้ คว้ำ หำข้อมลู 2.1.1 ศกึ ษำ คน้ ควำ้ รวบรวม ควำมรทู้ ี่ เมษำยน- แผนงำน เครือข่ำยแหลง่ เรยี นรู้ เกี่ยวกบั แหล่งเรียนรู้“ปรชั ญำของ กนั ยำยน กระบวนกำรและ “ปรชั ญำของเศรษฐกจิ เศรษฐกิจพอเพยี งและเกษตรทฤษฎใี หม่” 2564 ขัน้ ตอนกำร พอเพียงและเกษตรทฤษฎี ในตำบล ดำเนนิ งำน (D2) ใหม่”ในตำบล 2.2.1 จัดหำสอ่ื เอกสำร และสือ่ โดยนำหลกั 2.2 รวบรวม สื่อ “ปรัชญำ อเิ ลคทรอนิคส์ ปรัชญำของ ของเศรษฐกิจพอเพยี งและ 2.3.1 ดำเนินกำรพัฒนำศนู ย์เรยี นรู้ฯ เศรษฐกิจพอเพยี ง เกษตรทฤษฎใี หม่” และดำเนนิ กำรจดั กิจกรรมกำรเรียนรู้ ไปปรับใชก้ บั ทุกๆ ปรชั ญำของเศรษฐกิจพอเพยี งและเกษตร

๕ โครงกำรและทกุ 2.3 พัฒนำศนู ย์เรียนร้ฯู และ ทฤษฎีใหม่ ในตำบลตำมแผนกำร กิจกรรม ดำเนินกำรจดั กิจกรรมกำร ปฏิบัติงำนประจำปีงบประมำณ เรยี นรู้ฯในตำบลตำมแผนกำร 2.4.1 ดำเนนิ กำรเผยแพร่ผลกำรจดั ปฏิบัติงำน กจิ กรรม ในชอ่ งทำงท่หี ลำกหลำย เช่น สอ่ื 2.4 ดำเนินกำรเผยแพรผ่ ล อเิ ลคทรอนคิ ส์ออนไลนเ์ ผยแพร่บน กำรจดั กิจกรรม ในช่องทำงที่ Facebook Group/page และ Youtube หลำกหลำย และ อ่ืนๆ 2.5 เชื่อมโยงเครือข่ำยฯ ท้ัง 2.5.1 เชอ่ื มโยงเครอื ขำ่ ยฯ ทั้งในพ้นื ท่ี ในพ้ืนท่ตี ำบลทำ่ ผำ และนอก ตำบลท่ำผำ และนอกพืน้ ท่ใี นอำเภอบ้ำน พื้นทใี่ นอำเภอบ้ำนโปง่ โป่ง 3.ติดตำมผลกำร 3.1 ตรวจสอบผลลัพธ์ 3.1.1 กำหนดเปำ้ หมำย ผลลพั ธ์ และ เมษำยน- ดำเนินงำน (C2) (Output Outcome) ของ เกณฑ์กำรประเมิน เป้ำหมำย ผลลพั ธ์ กนั ยำยน โดยนำหลกั โครงกำร 3.1.2 ตดิ ตำมผลกำรดำเนินงำน โดยใช้ 2564 ปรัชญำของ แบบสอบถำมหรือจำกกำรสังเกตติดตำม เศรษฐกจิ พอเพยี ง ผลทเี่ กดิ ขึ้นจริง ไปปรับใชก้ บั ทุกๆ 3.2 ตรวจสอบกระบวนกำร 3.2.1 กำหนดเป้ำหมำย และเกณฑ์กำร โครงกำรและทกุ (Process) ของโครงกำร ประเมนิ กระบวนกำร กิจกรรม 3.2.2 ตดิ ตำมผลกำรดำเนนิ งำน โดยใช้ แบบสอบถำมหรอื จำกกำรสงั เกตติดตำม ผลที่เกดิ ขนึ้ จรงิ 3.3 ตรวจสอบปจั จยั ป้อน 3.3.1 กำรสนับสนุนโครงกำร (Input) กำรดำเนนิ โครงกำร 3.3.2 ทักษะกำรดำเนินงำนของผ้จู ดั ทำ โครงกำร 3.4 จัดทำสรุปผล รำยงำน 3.4.1 จดั ทำสรุปผลรำยงำน Best เมษำยน- และเผยแพร่ Best Practice Practice (รอบที่ 2) กันยำยน (รอบที่ 1) 3.4.2 เผยแพร่ Best Practice (รอบที่ 2564 2) ท้ังแบบเอกสำรกระดำษ และเอกสำร อเิ ลคทรอนคิ ส์ 4. ปรบั ปรุง 3.4 จดั ทำสรปุ ผล รำยงำน 4.1 นำผลจำกกำรตรวจสอบตดิ ตำมผล กนั ยำยน พฒั นำ (A2) โดย และเผยแพร่ Best Practice กำรดำเนนิ งำน ในขนั้ ตอนท่ี 3 (Check) 2564 นำหลกั ปรัชญำ (รอบที่1) มำคดิ คน้ และวำงแผนปรบั ปรุง พัฒนำกำร ของเศรษฐกจิ 4.1 นำผลจำกกำรตรวจสอบ ดำเนินงำน พอเพียงไปปรบั ใช้ ตดิ ตำมผลกำรดำเนนิ งำน มำ 4.2 ดำเนินกำรพัฒนำ ปรบั ปรุงคุณภำพ กบั ทกุ ๆโครงกำร คดิ ค้นและวำงแผนปรบั ปรงุ อยำ่ งต่อเนื่อง ตำมวงจรคุณภำพ P D C A และทกุ กิจกรรม พฒั นำคุณภำพกำรดำเนนิ งำน อย่ำงต่อเนือ่ ง

๖ ผลท่ีคาดวา่ จะไดร้ ับ ผู้เข้ำร่วมโครงกำรในทุกกิจกรรมที่จัดในปีงบประมำณ ๒๕๖๔ ได้รับควำมรู้ และสำมำรถนำ “ปรัชญำ ของเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่” ไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน ถ่ำยทอดควำมรู้ให้บุคคลอ่ืน และสำมำรถนำไปพัฒนำคุณภำพชีวติ ของตนเอง ครอบครัว ชมุ ชนไดต้ ่อไป

๗ กรอบแนวคดิ และกระบวนการ การสง่ เสรมิ การเรียนรู้ “ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่” กรอบแนวคดิ ในขณะที่ท่ัวโลกกำลังเผชิญวิกฤตต่ำงๆ ท้ังด้ำนเศรษฐกิจ สังคม ส่ิงแวดล้อม และและกำรพัฒนำที่ไม่ ย่งั ยนื ตลอดจนยังไม่สำมำรถหำวธิ บี รรเทำและแกไ้ ขปญั หำตำ่ งๆท่เี หมำะสมและยงั่ ยนื ได้ “ปรัชญำของเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่” เน้นกำรพัฒนำท่ีมุ่งสร้ำงควำมสมดุลทำง เศรษฐกิจ สงั คม สง่ิ แวดล้อม และวัฒนธรรม ตลอดจนสร้ำงควำมสุขแบบยงั่ ยืนภำยใตห้ ลัก 3S ไดแ้ ก่ Survival (กำรอยู่รอด) Sufficiency (พอเพียง) และ Sustainability (ย่ังยืน) โดยกำรส่งเสริมให้ชุมชนอยู่รอด มีรำยได้ที่ มั่นคงในระยะยำว และเปิดโอกำสให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภำยในท้องถิ่นทุกคนเข้ำมำมีส่วนร่วมในทุกๆ ขั้นตอน กำรพฒั นำ เพือ่ สรำ้ งควำมรู้สึกเป็นเจ้ำของ โดยเรม่ิ จำกกำรระบปุ ญั หำ ควำมต้องกำร และสิ่งท่ีเป็นควำมจำเป็น เร่งด่วน และร่วมกันออกแบบโครงกำร วิธีกำรดำเนินงำน และกำรประเมินผล กระตุ้นให้ชำวบ้ำนในพ้ืนที่รู้จัก คิดและลงมอื ทำเอง เพอื่ สร้ำงควำมเข้มแข็งให้กับชุมชนท้องถ่นิ ใหส้ ำมำรถขับเคลอื่ นกระบวนกำรพฒั นำท่ีย่ังยืน ได้ด้วยตัวเอง ดังน้ัน จึงมีควำมสำคัญและจำเป็นอย่ำงย่ิง ท่ีทุกฝ่ำยจะได้ร่วมมือกัน ส่งเสริมกำรเรียนรู้และเผยแพร่ “ปรัชญำของเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่” เพ่ือเป็นแหล่งเรียนรู้ที่เป็นประโยชน์ให้กับนักศึกษำ ประชำชน ชุมชน สังคม เพื่อเป็นหลักปฏิบัติและแนวทำงในกำรพัฒนำคุณภำพชีวติ ของตนเองและชุมชนอยำ่ ง ยัง่ ยนื ต่อไป กระบวนการดาเนนิ การ ขั้นตอนดาเนนิ งานตามกระบวนการ ขั้นที่ 1 วางแผนการดาเนินงาน (Plan) 1.1 ศึกษำเกีย่ วกับ “ปรชั ญำของเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎใี หม่” และแนวนโยบำยที่ เก่ียวขอ้ ง เพอ่ื จัดทำกรอบแนวคดิ ของโครงกำร 1.2 ยกร่ำงและจดั วำงโครงกำร และเสนอขออนุมัติโครงกำร 1.3 ออกแบบกระบวนกำร และจดั วำงขน้ั ตอนกำรดำเนินงำนโครงกำร 1.4 วำงแผนกำรปฏิบัติงำนตำมกระบวนกำรและข้ันตอนกำรดำเนนิ งำนโครงกำร ขั้นท่ี 2 ปฏบิ ัติงานตามแผนการดาเนินงาน (Do) 2.1ศกึ ษำ คน้ คว้ำ รวบรวบเครอื ข่ำยและสื่อ “ปรชั ญำของเศรษฐกิจพอเพยี งและเกษตรทฤษฎีใหม่” 2.1.1 ส่ือเอกสำร 2.1.2 สือ่ อเิ ลคทรอนิคส์ 2.1.3 เครือข่ำยเอกชน ภูมิปญั ญำท้องถิน่ ,แปลงไรน่ ำ-สวนผสม,แปลงผักอนิ ทรยี ์ ฯลฯ 2.1.4 เครือข่ำยภำครฐั เช่น หนว่ ยงำนเทศบำล,แปลงสำธติ เกษตรฯ,หมบู่ ้ำน ฯลฯ 2.2ดำเนินกำรพฒั นำศนู ยเ์ รียนรู้ฯ 2.2.1 พัฒนำเรอื ข่ำยและดำเนินกจิ กรรมตำมแผนปฏิบตั งิ ำนประจำปงี บประมำณ 2.2.2 ดำเนนิ กำรเผยแพรผ่ ลกำรจดั กจิ กรรม ในช่องทำงทีห่ ลำกหลำย

๘ 2.2.3 เชื่อมโยงเครอื ขำ่ ยฯ ทั้งในพืน้ ที่ตำบลท่ำผำ และนอกพื้นท่ีในอำเภอบ้ำนโป่ง ขนั้ ท่ี 3 การตรวจสอบตดิ ตามผลการดาเนินงาน (Check) 3.1 ตรวจสอบผลลพั ธ์ (Output Outcome) ของโครงกำร 3.2 ตรวจสอบกระบวนกำร (Process) ของโครงกำร 3.3 ตรวจสอบปัจจยั ป้อน (Input) กำรดำเนนิ โครงกำร ข้นั ที่ 4 การปรบั ปรงุ พฒั นา (Act) 4.1 นำผลจำกกำรตรวจสอบติดตำมผลกำรดำเนินงำน ในขั้นตอนท่ี 3 (Check) มำคิดค้นและวำงแผน ปรับปรงุ พัฒนำกำรดำเนินงำน 4.2 ดำเนินกำรพฒั นำ ปรับปรงุ อย่ำงต่อเนอ่ื ง ตำมวงจรพัฒนำคณุ ภำพ P D C A

๙ รายงานผลการดาเนินการ (Best Practice) การส่งเสริมการเรยี นรู้ “ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่” เป็นกำรสรุปรำยงำนผลกำรดำเนินงำน กำรสง่ เสรมิ กำรเรียนรู้และเผยแพร่ “ปรัชญำของเศรษฐกิจ พอเพยี งและเกษตรทฤษฎใี หม่” ระยะท่ี 2 ระหวำ่ งเดือน เมษำยน 2564 – กนั ยำยน 2564 ดังนี้ วางแผนการดาเนินงาน (Plan) 1. ค้นคว้า ศึกษาเก่ียวกับ “ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่” และ แนวนโยบายทีเ่ กี่ยวขอ้ ง เพอื่ จดั ทากรอบแนวคดิ ของโครงการ เป็นเวลำเกือบ 20 ปีที่คนไทยรู้จัก “หลักปรัชญำเศรษฐกิจพอเพียง” ที่ “พระบำทสมเด็จพระ เจ้ำอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช” พระรำชทำนเป็นแนวทำงในกำรนำพำประเทศไทยให้ข้ำมพ้นวิกฤตเศรษฐกิจครั้ง ใหญท่ ่เี กิดขึ้นเมื่อปี 2540 หรอื “วิกฤตต้มยำก้งุ ” หรอื ช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ “ฟองสบู่แตก” จนหลำยภำคส่วน นอ้ มนำหลักปรัชญำนี้ไปเป็นแนวทำงปฏิบัติ โดยอำจำรย์ยกั ษ์ หรือ ดร.ววิ ฒั น์ ศลั ยกำธร ผ้เู ด็ดเด่ียวตำมรอยใน หลวงให้เศรษฐกิจพอเพยี งเล้ียงชวี ติ ไดศ้ ึกษำและเขยี นเร่ืองเศรษฐกจิ พอเพยี ง มำตลอดต้ังแตป่ ี 2540 จวบจน ทุกวันน้ี ปรชั ญำเศรษฐกจิ พอเพยี งไดร้ ับกำรนำไปประยุกต์ใชอ้ ย่ำงแพรห่ ลำย ทัง้ ในภำคเกษตรกรรม ธุรกจิ กำร จัดกำรทำงเศรษฐกิจและส่ิงแวดล้อม และสถำนศึกษำ จนประสบควำมสำเร็จอย่ำงเป็นรูปธรรม ของกำรนำ หลกั ปรัชญำของเศรษฐกิจพอเพียงไปประยุกตใ์ ชใ้ นกำรบรรลเุ ปำ้ หมำยกำรพฒั นำท่ีย่ังยืน สมเด็จพระเทพรัตนรำชสุดำฯ มีพระรำชดำรัส เมื่อปี 2554 ว่ำ “เป้ำหมำยในกำรพัฒนำของ พระบำทสมเด็จพระเจ้ำอยู่หัว คือ ‘กำรพัฒนำที่ย่ังยืน’ เพ่ือปรับปรุงชีวิตควำมเป็นอยู่ของคน โดยไม่ทำลำย สิ่งแวดล้อม ให้คนมีควำมสุข โดยต้องคำนึงเร่ืองสภำพภูมิศำสตร์ ควำมเช่ือทำงศำสนำ เช้ือชำติ และภูมิหลัง ทำงเศรษฐกิจ สังคม แม้ว่ำวิธีกำรพัฒนำมีหลำกหลำย แต่ท่ีสำคัญคือนักพัฒนำจะต้องมีควำมรัก ควำมห่วงใย ควำมรับผิดชอบ และกำรเคำรพในเพื่อนมนุษย์ จะเห็นได้ว่ำกำรพัฒนำเก่ียวข้องกับมนุษยชำติ และเป็นเร่ือง ของจติ ใจ” ใช่หรอื ไมถ่ ้ำจะกล่ำวว่ำ “ศำสตรพ์ ระรำชำ...ศำสตร์เพอ่ื กำรพฒั นำทีย่ ัง่ ยนื ” เมื่อ 28 ตุลำคม 2559 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชำ นำยกรัฐมนตรี ได้กล่ำวในรำยกำร “ศำสตร์ พระรำชำสู่กำรปฏิบัติอย่ำงยั่งยืน” ในกำรพัฒนำเศรษฐกิจสู่ยุคไทยแลนด์ 4.0 รวมท้ังกำรพัฒนำประเทศเพื่อ ก้ำวเข้ำสู่สังคมโลกท้ังในระดับภูมิภำค และ ในระดับโลก เพื่อน้อมนำพระรำชดำรัสขององค์พระบำทสมเด็จ พระเจ้ำอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช ท่ีให้ “ประชำชนเป็นศูนย์กลำง” ของกำรพัฒนำ มำเป็นแนวทำงในกำร ดำเนินงำน เพ่ือไม่ให้เกิดควำมขัดแย้งในพ้ืนท่ี ประชำชนมีส่วนร่วม และได้ประโยชน์จำกกำรพัฒนำอย่ำง แท้จริง ให้มีควำม อยูด่ ี กินดี รัฐบำล ฯพณฯ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชำ นำยกรัฐมนตรีได้เชื่อมโยง “ศำสตร์พระรำชำ”ในเร่ือง หลักปรัชญำของเศรษฐกิจพอเพียง (SEP - Sufficiency Economy Philosophy) กับเป้ำหมำยกำรพัฒนำท่ี ย่ังยืน (SDGs - Sustainable Development Goals) ประสบควำมสำเร็จ ในกำรสร้ำงควำมตระหนักและกำร ยอมรับในเวทีระหว่ำงประเทศในระดับหนึ่ง ยกตัวอย่ำง ได้แก่ (1) ศูนย์สำธิตสหกรณ์โครงกำรหุบกะพง เพื่อ แกป้ ัญหำกำรขำดนำ้ กินและน้ำใช้, กำรขำดที่ดินทำกิน ซ่ึงมกี ำรส่งเสริมกำรใชเ้ ทคโนโลยีอย่ำงงำ่ ย (2) ธนำคำร อำหำรเปน็ กจิ กรรมจำกกองทุนอำหำรกลำงวันแบบย่ังยืน ใหเ้ ด็กนักเรยี นทกุ คนนำไปลงทุน เพอ่ื ประกอบอำชีพ ทำกำรเกษตรและปศุสัตว์ขนำดเล็ก (3) โรงเรียนพระดำบส จัดให้มีกำรสอนวิชำชีพ หลักสูตร 1 ปี มุ่งให้

๑๐ สำมำรถนำไปประกอบอำชีพได้จริง เสริมด้วยทักษะชีวิต ให้สำมำรถดำรงตน ได้อย่ำงเหมำะสม (4) กังหันชัย พัฒนำ เป็นกำรเพ่ิมปริมำณออกซิเจนในน้ำ ลดกล่ิน น้ำไม่เน่ำเสีย เป็นที่อยู่อำศัยของสัตว์น้ำได้ (5) บริษัท ประชำรฐั รกั สำมคั คี จำกัด ดำเนนิ กำรตำมรูปแบบ “วิสำหกจิ เพือ่ สงั คม” บนกลไก “ประชำรฐั ”ทไี่ ม่มุ่งเน้นผล กำไรจำกกำรประกอบกำร เป็นต้น กล่ำวโดยสรปุ ได้ว่ำ “ศำสตร์แห่งพระรำชำ” ก็คือ หลักคิด หลักวิชำ และหลักปฏิบัติ ที่วำงรำกฐำนอยู่ บน “ควำมพอเพยี ง”1 ตำมหลักปรัชญำของเศรษฐกิจพอเพยี ง น่ันเอง ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง เศรษฐกิจพอเพยี ง เปน็ ปรัชญำช้ถี งึ แนวกำรดำรงอยแู่ ละปฏบิ ตั ิตนของประชำชนในทุกระดับ ตัง้ แต่ ระดับครอบครัว ระดับชุมชน จนถงึ ระดบั รฐั ท้ังในกำรพัฒนำและบรหิ ำรประเทศให้ดำเนินไปในทำงสำยกลำง โดยเฉพำะกำรพัฒนำเศรษฐกิจ เพอื่ ให้กำ้ วทันต่อโลกยุคโลกำภวิ ัตน์ ควำมพอเพยี ง หมำยถึง ควำมพอประมำณ ควำมมีเหตผุ ล รวมถึงควำมจำเป็นท่จี ะต้องมรี ะบบภมู ิคมุ้ กันในตวั ทีด่ ีพอสมควร ตอ่ กำรกระทบใดๆ อนั เกดิ จำก กำรเปลีย่ นแปลงทงั้ ภำยในภำยนอก ทั้งนี้ จะต้องอำศยั ควำมรอบรู้ ควำมรอบคอบ และควำมระมัดระวงั อยำ่ ง ย่ิงในกำรนำวชิ ำกำรต่ำงๆ มำใช้ในกำรวำงแผนและกำรดำเนินกำร ทกุ ข้ันตอน และขณะเดียวกัน จะต้อง เสริมสร้ำงพ้นื ฐำนจติ ใจของคนในชำติ โดยเฉพำะเจ้ำหน้ำที่ของรฐั นกั ทฤษฎี และนักธรุ กิจในทกุ ระดบั ใหม้ ี สำนึกในคณุ ธรรม ควำมซื่อสตั ยส์ ุจริต และใหม้ ีควำมรอบรู้ท่เี หมำะสม ดำเนนิ ชวี ติ ดว้ ยควำมอดทน ควำมเพยี ร มสี ติ ปญั ญำ และควำมรอบคอบ เพ่ือใหส้ มดุลและพร้อมต่อกำรรองรบั กำรเปลีย่ นแปลงอยำ่ งรวดเรว็ และ กว้ำงขวำง ท้งั ดำ้ นวัตถุ สังคม สงิ่ แวดล้อม และวัฒนธรรมจำกโลกภำยนอกได้เป็นอย่ำงดี ควำมหมำยของเศรษฐกจิ พอเพยี ง จึงประกอบด้วยคุณสมบัติ ดงั น้ี ๑. ควำมพอประมำณ หมำยถึง ควำมพอดีที่ไมน่ ้อยเกนิ ไปและไม่มำกเกนิ ไป โดยไม่เบยี ดเบยี นตนเองและผูอ้ ื่น https://pantip.com/topic/30294546 http://www.chaipat.or.th/site_content/34-13/3579-2010-10-08-05-24-39.html

๑๑ เชน่ กำรผลิตและกำรบริโภคทอ่ี ยใู่ นระดับพอประมำณ ๒. ควำมมีเหตผุ ล หมำยถึง กำรตัดสินใจเกี่ยวกับระดบั ควำมพอเพยี งนนั้ จะต้องเป็นไปอย่ำงมเี หตผุ ล โดย พจิ ำรณำจำกเหตปุ ัจจยั ท่เี ก่ียวขอ้ ง ตลอดจนคำนึงถงึ ผลทีค่ ำดว่ำจะเกดิ ขน้ึ จำกกำรกระทำนน้ั ๆ อยำ่ งรอบคอบ ๓. ภูมคิ ุ้มกนั หมำยถึง กำรเตรียมตัวให้พร้อมรบั ผลกระทบและกำรเปล่ยี นแปลงด้ำนตำ่ งๆ ทจ่ี ะเกิดขึ้น โดย คำนึงถึงควำมเป็นไปได้ของสถำนกำรณ์ตำ่ งๆ ท่ีคำดว่ำจะเกดิ ขึ้นในอนำคต โดยมี เง่ือนไข ของกำรตัดสินใจและดำเนินกจิ กรรมตำ่ งๆ ให้อยู่ในระดับพอเพยี ง ๒ ประกำร ดงั นี้ ๑. เงื่อนไขควำมรู้ ประกอบด้วย ควำมรอบรู้เกี่ยวกับวชิ ำกำรตำ่ งๆ ทีเ่ กย่ี วข้องรอบด้ำน ควำมรอบคอบทีจ่ ะนำ ควำมร้เู หล่ำน้ันมำพจิ ำรณำให้เชอื่ มโยงกัน เพื่อประกอบกำรวำงแผนและควำมระมดั ระวังในกำรปฏบิ ัติ ๒. เงอ่ื นไขคุณธรรม ท่จี ะต้องเสรมิ สรำ้ ง ประกอบดว้ ย มีควำมตระหนักใน คณุ ธรรม มีควำมซื่อสตั ยส์ จุ รติ และมี ควำมอดทน มคี วำมเพียร ใช้สตปิ ญั ญำในกำรดำเนินชีวติ พระราชดารสั ทีเ่ กยี่ วกบั เศรษฐกิจพอเพยี ง “...เศรษฐศำสตร์เป็นวิชำของเศรษฐกิจ กำรทต่ี อ้ งใชร้ ถไถต้องไปซ้อื เรำต้องใช้ต้องหำเงนิ มำสำหรับซื้อนำ้ มัน สำหรับรถไถ เวลำรถไถเก่ำเรำต้องยง่ิ ซ่อมแซม แต่เวลำใช้น้ันเรำกต็ ้องปอ้ นนำ้ มนั ใหเ้ ปน็ อำหำร เสรจ็ แลว้ มัน คำยควัน ควนั เรำสดู เข้ำไปแล้วกป็ วดหัว สว่ นควำยเวลำเรำใชเ้ รำกต็ ้องป้อนอำหำร ตอ้ งใหห้ ญำ้ ให้อำหำรมันกนิ แตว่ ่ำมนั คำยออกมำ ท่ีมันคำยออกมำก็เปน็ ปุ๋ย แลว้ กใ็ ช้ได้สำหรบั ใหท้ ่ีดนิ ของเรำไมเ่ สยี ...”พระรำชดำรัส เนื่อง ในพระรำชพธิ พี ืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนำขวญั ณ ศำลำดสุ ิดำลยั วนั ท่ี ๙ พฤษภำคม ๒๕๒๙ “...เรำไมเ่ ป็นประเทศรำ่ รวย เรำมีพอสมควร พออยู่ได้ แต่ไม่เปน็ ประเทศที่ก้ำวหนำ้ อยำ่ งมำก เรำไม่ อยำกจะเปน็ ประเทศก้ำวหนำ้ อยำ่ งมำก เพรำะถ้ำเรำเปน็ ประเทศกำ้ วหนำ้ อย่ำงมำกกจ็ ะมีแตถ่ อยกลับ ประเทศ เหล่ำนนั้ ท่เี ป็นประเทศอุตสำหกรรมก้ำวหนำ้ จะมีแต่ถอยหลงั และถอยหลังอย่ำงนำ่ กลัว แตถ่ ้ำเรำมีกำรบรหิ ำร แบบเรียกวำ่ แบบคนจน แบบที่ไมต่ ดิ กบั ตำรำมำกเกินไป ทำอยำ่ งมสี ำมัคคีนี่แหละคอื เมตตำกัน จะอยไู่ ด้ ตลอดไป...”พระรำชดำรสั เนื่องในโอกำสวันเฉลิมพระชนมพรรษำ ณ ศำลำดสุ ดิ ำลยั วันท่ี ๔ ธันวำคม ๒๕๓๔ “...ตำมปกติคนเรำชอบดูสถำนกำรณใ์ นทำงดี ท่ีเขำเรียกวำ่ เล็งผลเลิศ กเ็ ห็นว่ำประเทศไทย เรำนี่ กำ้ วหน้ำดี กำรเงนิ กำรอุตสำหกรรมกำรคำ้ ดี มีกำไร อกี ทำงหน่งึ กต็ ้องบอกวำ่ เรำกำลังเสื่อมลงไปสว่ นใหญ่ ทฤษฎวี ำ่ ถ้ำมเี งนิ เทำ่ น้นั ๆ มีกำรกูเ้ ท่ำนั้นๆ หมำยควำมว่ำเศรษฐกิจก้ำวหนำ้ แล้วก็ประเทศกเ็ จริญมีหวงั วำ่ จะ เป็นมหำอำนำจ ขอโทษเลยต้องเตือนเขำวำ่ จรงิ ตัวเลขดี แตว่ ำ่ ถ้ำเรำไม่ระมัดระวังในควำมต้องกำรพืน้ ฐำนของ ประชำชนน้ันไม่มีทำง...”พระรำชดำรัส เนื่องในโอกำสวันเฉลมิ พระชนมพรรษำ ณ ศำลำดสุ ดิ ำลัย วันท่ี ๔ ธนั วำคม ๒๕๓๖ “...เดีย๋ วนปี้ ระเทศไทยก็ยงั อยู่ดพี อสมควร ใชค้ ำวำ่ พอสมควร เพรำะเดย๋ี วมีคนเห็นว่ำมีคนจน คน เดอื ดรอ้ น จำนวนมำกพอสมควร แต่ใชค้ ำวำ่ พอสมควรน้ี หมำยควำมว่ำตำมอัตตภำพ...” พระรำชดำรัส เนือ่ งในโอกำสวันเฉลิมพระชนมพรรษำ ณ ศำลำดุสิดำลยั วนั ที่ ๔ ธนั วำคม ๒๕๓๙ “...ที่เปน็ ห่วงนน้ั เพรำะแม้ในเวลำ ๒ ปี ท่เี ป็นปกี ำญจนำภเิ ษกก็ได้เห็นสิง่ ที่ทำใหเ้ หน็ ไดว้ ำ่ ประชำชน ยงั มคี วำมเดือดร้อนมำก และมีสง่ิ ทค่ี วรจะแก้ไขและดำเนินกำรตอ่ ไปทุกด้ำน มีภยั จำกธรรมชำตกิ ระหนำ่ ภยั ธรรมชำตนิ ี้เรำคงสำมำรถท่จี ะบรรเทำไดห้ รอื แก้ไขได้ เพียงแต่วำ่ ต้องใชเ้ วลำพอใช้ มภี ยั ทม่ี ำจำกจติ ใจของคน ซง่ึ ก็แกไ้ ขไดเ้ หมอื นกนั แตว่ ่ำยำกกวำ่ ภยั ธรรมชำติ ธรรมชำตนิ ั้นเป็นสง่ิ นอกกำยเรำ แต่นิสยั ใจคอของคนเป็นส่ิง ท่ีอย่ขู ำ้ งใน อันน้ีกเ็ ปน็ ข้อหนึ่งท่ีอยำกให้จัดกำรให้มคี วำมเรยี บรอ้ ย แต่ก็ไมห่ มดหวงั ...”

๑๒ พระรำชดำรสั เน่อื งในโอกำสวนั เฉลมิ พระชนมพรรษำ ณ ศำลำดุสิดำลัย วนั ที่ ๔ ธนั วำคม ๒๕๓๙ “...กำรจะเปน็ เสือนั้นไมส่ ำคัญ สำคญั อยู่ท่ีเรำมีเศรษฐกิจแบบพอมพี อกิน แบบพอมีพอกินนนั้ หมำยควำมวำ่ อุ้มชตู ัวเองได้ ใหม้ ีพอเพยี งกบั ตนเอง ควำมพอเพยี งนี้ไม่ได้หมำยควำมวำ่ ทกุ ครอบครวั จะต้อง ผลติ อำหำรของตวั เอง จะต้องทอผำ้ ใส่เอง อยำ่ งนั้นมนั เกินไป แตว่ ่ำในหมู่บำ้ นหรอื ในอำเภอ จะตอ้ งมีควำม พอเพียงพอสมควร บำงส่ิงบำงอยำ่ งผลติ ไดม้ ำกกว่ำควำมต้องกำรกข็ ำยได้ แต่ขำยในที่ไม่หำ่ งไกลเท่ำไร ไมต่ ้อง เสยี คำ่ ขนสง่ มำกนกั ...”พระรำชดำรสั เนอ่ื งในโอกำสวันเฉลิมพระชนมพรรษำ ณ ศำลำดุสดิ ำลยั วนั ท่ี ๔ ธันวำคม ๒๕๓๙. “...เมื่อปี ๒๕๑๗ วันนั้นได้พูดถึงว่ำ เรำควรปฏบิ ตั ิให้พอมีพอกนิ พอมีพอกินนี้ก็แปลว่ำ เศรษฐกจิ พอเพียงน่ันเอง ถำ้ แต่ละคนมีพอมีพอกนิ ก็ใชไ้ ด้ ยงิ่ ถ้ำทง้ั ประเทศพอมีพอกินก็ยิ่งดี และประเทศไทยเวลำน้ันก็ เรม่ิ จะเปน็ ไม่พอมีพอกนิ บำงคนก็มีมำก บำงคนก็ไมม่ ีเลย...”พระรำชดำรัส เน่ืองในโอกำสวันเฉลมิ พระ ชนมพรรษำ ณ ศำลำดสุ ิดำลยั วันท่ี ๔ ธนั วำคม ๒๕๔๑ “...พอเพียง มีควำมหมำยกว้ำงขวำงยง่ิ กว่ำน้ีอีก คือคำว่ำพอ กพ็ อเพยี งนก้ี ็พอแค่น้ันเอง คนเรำถำ้ พอ ในควำมต้องกำรกม็ ีควำมโลภนอ้ ย เมอ่ื มคี วำมโลภนอ้ ยก็เบียดเบยี นคนอ่นื น้อย ถ้ำประเทศใดมีควำมคิดอนั นี้ มี ควำมคดิ ว่ำทำอะไรต้องพอเพียง หมำยควำมวำ่ พอประมำณ ซอื่ ตรง ไมโ่ ลภอยำ่ งมำก คนเรำก็อยเู่ ป็นสุข พอเพียงน้ีอำจจะมี มมี ำกอำจจะมีของหรูหรำก็ได้ แตว่ ่ำต้องไม่ไปเบียดเบียนคนอนื่ ...” พระรำชดำรัส เนื่องในโอกำสวนั เฉลมิ พระชนมพรรษำ ณ ศำลำดสุ ดิ ำลยั วันที่ ๔ ธันวำคม ๒๕๔๑ “...ไฟดบั ถำ้ มีควำมจำเป็น หำกมีเศรษฐกจิ พอเพียงแบบไมเ่ ตม็ ที่ เรำมเี ครือ่ งปัน่ ไฟกใ็ ช้ปั่นไฟ หรอื ถำ้ ข้นั โบรำณกวำ่ มืดกจ็ ดุ เทยี น คือมีทำงทจ่ี ะแก้ปัญหำเสมอ ฉะน้นั เศรษฐกิจพอเพียงก็มีเป็นข้ันๆ แตจ่ ะบอกว่ำ เศรษฐกจิ พอเพยี งนี้ ให้พอเพียงเฉพำะตัวเองรอ้ ยเปอรเ์ ซ็นต์นี่เปน็ สง่ิ ทำไมไ่ ด้ จะต้องมกี ำรแลกเปล่ยี น ตอ้ งมี กำรชว่ ยกนั ถำ้ มีกำรช่วยกนั แลกเปลย่ี นกนั ก็ไม่ใช่พอเพียงแล้ว แต่ว่ำพอเพยี งในทฤษฎีในหลวงนี้ คือให้ สำมำรถทีจ่ ะดำเนนิ งำนได้...”พระรำชดำรสั เน่อื งในโอกำสวนั เฉลิมพระชนมพรรษำ ณ ศำลำดสุ ิดำลัย วนั ท่ี ๒๓ ธันวำคม ๒๕๔๒ “...โครงกำรตำ่ งๆ หรือเศรษฐกจิ ทีใ่ หญ่ ต้องมีควำมสอดคล้องกันดีทีไ่ มใ่ ช่เหมือนทฤษฎใี หม่ ที่ใช้ที่ดนิ เพยี ง ๑๕ ไร่ และสำมำรถทจ่ี ะปลูกขำ้ วพอกิน กิจกำรนีใ้ หญก่ วำ่ แตก่ ็เป็นเศรษฐกิจพอเพียงเหมือนกนั คนไม่ เขำ้ ใจวำ่ กิจกำรใหญ่ๆ เหมือนสรำ้ งเข่ือนป่ำสักก็เป็นเศรษฐกจิ พอเพยี งเหมือนกนั เขำนึกว่ำเปน็ เศรษฐกจิ สมยั ใหม่ เป็นเศรษฐกิจที่หำ่ งไกลจำกเศรษฐกจิ พอเพียง แต่ทีจ่ ริงแลว้ เป็นเศรษฐกิจพอเพยี งเหมือนกนั ...” พระรำชดำรัส เน่อื งในโอกำสวนั เฉลิมพระชนมพรรษำ ณ ศำลำดสุ ิดำลัย วันที่ ๒๓ ธนั วำคม ๒๕๔๒ “...ฉันพดู เศรษฐกจิ พอเพยี งควำมหมำยคือ ทำอะไรใหเ้ หมำะสมกับฐำนะของตวั เอง คือทำจำกรำยได้ ๒๐๐-๓๐๐ บำท ขนึ้ ไปเป็นสองหมื่น สำมหม่นื บำท คนชอบเอำคำพดู ของฉัน เศรษฐกจิ พอเพยี งไปพดู กนั เลอะ เทอะ เศรษฐกจิ พอเพยี ง คือทำเปน็ Self-Sufficiency มันไมใ่ ช่ควำมหมำยไมใ่ ชแ่ บบที่ฉันคิด ทีฉ่ นั คิดคือเปน็ Self-Sufficiency of Economy เช่น ถำ้ เขำตอ้ งกำรดูทีวี ก็ควรใหเ้ ขำมดี ู ไม่ใชไ่ ปจำกัดเขำไม่ให้ซอื้ ทวี ดี ู เขำ ตอ้ งกำรดเู พ่ือควำมสนุกสนำน ในหม่บู ้ำนไกลๆ ทฉ่ี นั ไป เขำมที วี ดี ูแตใ่ ช้แบตเตอร่ี เขำไม่มไี ฟฟำ้ แต่ถ้ำ

๑๓ Sufficiency นน้ั มที วี ีเขำฟุ่มเฟอื ย เปรียบเสมือนคนไม่มสี ตำงคไ์ ปตัดสูทใส่ และยังใส่เนคไทเวอรซ์ ำเช่ อันนกี้ ็ เกนิ ไป...” พระตำหนักเป่ยี มสุข วงั ไกลกังวล ๑๗ มกรำคม ๒๕๔๔ ประเทศไทยกับเศรษฐกิจพอเพียง เศรษฐกิจพอเพยี ง มุ่งเนน้ ใหผ้ ู้ผลิต หรือผูบ้ รโิ ภค พยำยำมเร่ิมต้นผลิต หรือบริโภคภำยใต้ขอบเขต ข้อจำกดั ของรำยได้ หรือทรัพยำกรที่มีอยู่ไปก่อน ซง่ึ ก็คอื หลักในกำรลดกำรพงึ่ พำ เพิม่ ขีดควำมสำมำรถในกำร ควบคมุ กำรผลติ ไดด้ ้วยตนเอง และลดภำวะกำรเสี่ยงจำกกำรไมส่ ำมำรถควบคุมระบบตลำดได้อย่ำงมี ประสิทธิภำพ เศรษฐกิจพอเพียงมิใช่หมำยควำมถึง กำรกระเบียดกระเสยี นจนเกินสมควร หำกแตอ่ ำจฟ่มุ เฟือย ได้เปน็ ครั้งครำวตำมอตั ภำพ แตค่ นสว่ นใหญ่ของประเทศ มักใช้จำ่ ยเกินตัว เกินฐำนะที่หำมำได้ เศรษฐกิจพอเพียง สำมำรถนำไปสู่เป้ำหมำยของกำรสรำ้ งควำมม่ันคงในทำงเศรษฐกจิ ได้ เชน่ โดย พืน้ ฐำนแลว้ ประเทศไทยเปน็ ประเทศเกษตรกรรม เศรษฐกิจของประเทศจงึ ควรเน้นทเี่ ศรษฐกจิ กำรเกษตร เนน้ ควำมม่นั คงทำงอำหำร เปน็ กำรสร้ำงควำมมั่นคงให้เป็นระบบเศรษฐกิจในระดบั หนึง่ จึงเปน็ ระบบเศรษฐกิจที่ ช่วยลดควำมเสย่ี ง หรอื ควำมไม่มัน่ คงทำงเศรษฐกิจในระยะยำวได้ เศรษฐกจิ พอเพยี ง สำมำรถประยกุ ตใ์ ช้ได้ในทุกระดบั ทุกสำขำ ทกุ ภำคของเศรษฐกจิ ไม่จำเปน็ จะตอ้ งจำกัด เฉพำะแต่ภำคกำรเกษตร หรือภำคชนบท แม้แต่ภำคกำรเงิน ภำคอสังหำรมิ ทรัพย์ และกำรค้ำกำรลงทุน ระหวำ่ งประเทศ โดยมีหลักกำรท่ีคลำ้ ยคลงึ กันคือ เนน้ กำรเลอื กปฏบิ ตั อิ ย่ำงพอประมำณ มีเหตุมผี ล และสรำ้ ง ภูมคิ ุ้มกนั ให้แกต่ นเองและสงั คม การดาเนนิ ชวี ติ ตามแนวพระราชดาริพอเพียง พระบำทสมเดจ็ พระเจ้ำอยู่หัว ทรงเขำ้ ใจถึงสภำพสังคมไทย ดงั นัน้ เม่ือไดพ้ ระรำชทำนแนว พระรำชดำริ หรอื พระบรมรำโชวำทในด้ำนตำ่ งๆ จะทรงคำนงึ ถึงวิถชี วี ิต สภำพสงั คมของประชำชนดว้ ย เพ่อื ไมใ่ ห้เกิดควำมขดั แย้งทำงควำมคดิ ท่ีอำจนำไปสู่ควำมขัดแย้งในทำงปฏิบัติได้ แนวพระรำชดำรใิ นกำรดำเนินชวี ิตแบบพอเพียง ๑. ยึดควำมประหยัด ตดั ทอนคำ่ ใช้จ่ำยในทุกดำ้ น ลดละควำมฟมุ่ เฟือยในกำรใช้ชีวติ ๒. ยดึ ถือกำรประกอบอำชีพด้วยควำมถูกต้อง ซ่ือสตั ย์สุจริต ๓. ละเลิกกำรแก่งแย่งผลประโยชนแ์ ละแข่งขันกันในทำงกำรค้ำแบบต่อสกู้ นั อยำ่ งรนุ แรง ๔. ไมห่ ยุดนิง่ ที่จะหำทำงให้ชีวติ หลดุ พน้ จำกควำมทกุ ข์ยำก ด้วยกำรขวนขวำยใฝ่หำควำมรู้ใหม้ รี ำยไดเ้ พ่ิมพนู ข้ึน จนถงึ ขน้ั พอเพียงเป็นเป้ำหมำยสำคญั ๕. ปฏบิ ัตติ นในแนวทำงที่ดี ลดละส่งิ ชัว่ ประพฤติตนตำมหลกั ศำสนำ

๑๔ http://www.kasetorganic.com เกษตรทฤษฎีใหม่ กำรทำเกษตรทฤษฎใี หม่ ซ่ึงเปน็ ทฤษฎที ี่ถูกคิดค้นขนึ้ โดยใช้แนวคิดแห่งกำรใช้ทรัพยำกรธรรมชำตแิ ละ กำรบรหิ ำรงำนในกำรทำกำรเกษตร ที่พระบำทสมเด็จพระเจำ้ อยหู่ ัว ภูมิพลอดุลยเดช มหำรำช รชั กำลท่ี 9 แห่งรำชวงศ์จกั รี ของประเทศไทย ได้ทรงพระรำชทำนแก่พสกนกิ รชำวไทย เพอ่ื แกไ้ ขปัญหำกำรเกษตร เพ่ือให้ เกษตรกรได้มชี ีวติ อยู่โดยหลุดพน้ บว่ งแหง่ ควำมยำกจน เปน็ กำรสร้ำงแหล่งน้ำขนำดเลก็ บนผิวดนิ ในพื้นทีก่ ำรเกษตรของเกษตรกรโดยแบ่ง ท่ีดนิ สำหรบั ใชข้ ุดเปน็ สระเก็บน้ำใหส้ ำมำรถใช้ทำกำรเกษตรได้ตลอดปีและสำมำรถ เล้ยี งปลำไปพร้อมๆกันนอกจำกนีบ้ รเิ วณขอบ สระยงั สำมำรถใช้ปลกู พชื ผกั สวนครวั ไดอ้ ีกดว้ ย โดยหลักกำรคอื กำรแบง่ พ้นื ที่กำรเกษตรออกเป็น 4 ส่วน ส่วนแรกนั้น ใหข้ ุดสระกกั เก็บนำ้ จำนวน 30% ของพ้ืนทีท่ ั้งหมด เนอ่ื งจำกกำรเกษตร จำเปน็ ต้องใช้นำ้ สว่ นทีส่ อง ให้ปลูกขำ้ ว จำนวน 30% ของพ้นื ท่ี เพรำะครอบครวั ต้องกินต้องใช้ สำหรบั เป็นแหล่งอำหำรหลกั ส่วนทีส่ ำม ใหป้ ลกู ไม้ผลไม้ยนื ตน้ เก็บดอกผลไว้ กนิ ไวข้ ำย เสริมสรำ้ งรำยไดส้ ่วนหนึ่งอีกทำง และส่วนท่ีส่ี เป็นพน้ื ที่สำหรบั ใช้สร้ำงสิ่งปลูกสรำ้ งเช่น ท่อี ยู่อำศัย โรงเรอื นเล้ียงสัตว์ ฉำง จำนวน 10% ของพ้นื ที่ จำนวนสัดสว่ นของพื้นท่ีนท้ี ้งั หมดสำมำรถปรับเพ่มิ หรือลด ขึ้นอย่กู ับควำมเหมำะสมของสภำพพื้นที่แต่ละแหง่ ได้ตำมสะดวก ตัวอย่ำงคือ มีทีน่ ำอย่ทู ี่ 4 ไร่ จะแบง่ ออกเปน็ 4 สว่ น อำจจะได้ประมำณสว่ นละ 1 ไร่ แตใ่ หพ้ จิ ำรณำถึงควำมจำเป็นและสงิ่ แวดล้อมในพนื้ ที่ด้วย หำกพน้ื ที่ โดยรอบแห้งแล้วกันดำร ใหเ้ ผ่ือเน้อื ที่ของกำรปลูกตน้ ไมย้ นื ต้นและสระเก็บน้ำมำกหน่อย เนอื่ งจำกน้ำเป็น ส่งิ จำเป็น และหำกมีแตน่ ้ำแต่ผืนดนิ ไม่ชุม่ ช้นื เพรำะขำดต้นไมใ้ หร้ ม่ เงำ น้ำกจ็ ะขำดแคลน กำรแบ่งพื้นท่ดี ัง ตวั อยำ่ งมดี งั นี้ พื้นทส่ี ว่ นท่ี 1 จำนวน 1.2 ไร่ ขดุ สระกักเก็บนำ้ จำนวน 2 สระ สำมำรถกักเก็บน้ำได้มำก เพียงพอต่อกำรนำนำ้ มำใช้ในกำรทำกำรเกษตรได้ทง้ั ปีแต่กำรผันนำ้ มำใชน้ ัน้ หำกพ้ืนที่กวำ้ งใหญ่ เชน่ มเี นอ้ื ท่ี ประมำณ 12-13 ไร่ กำรขดุ สระโดยใช้พืน้ ทีถ่ ึง 3-4 ไร่นน้ั ยงั คงต้องใช้เคร่ืองจักรกลในกำรสบู นำ้ มำใช้ ทำให้ สญู เสียพลงั งำนเช้อื เพลิงจำนวนมำก โดยเฉพำะในช่วงฤดูแลง้ ถ้ำสำมำรถลดกำรใชพ้ ลังงำนลงได้ หรือหำ พลังงำนเช้ือเพลิงอ่ืนทดแทน หรือมีกำรวำงแผนกำรใช้นำ้ เชน่ หำกพน้ื ที่มีระดับที่ต่ำงกนั มำก สำมำรถวำงท่อ นำนำ้ ออกมำใช้โดยไม่ต้องใช้เคร่ืองสูบน้ำและน้ำมนั เปน็ กำรจัดกำรทำใหต้ ้นทนุ กำรเกษตรลดลงได้ในระยะยำว สำหรบั พื้นทเี่ ลก็ ๆ ประมำณ 1-2 ไร่ สำมำรถทำเปน็ ท้องร่องไดโ้ ดยกะให้กว้ำงพอประมำณไม่ใหแ้ คบเกนิ ไป เพรำะเน้ือท่ีแคบนำ้ จะขำดแคลน พ้ืนทส่ี ่วนที่ 2 ใช้พืน้ ที่ 1 ไร่ ใช้ปลกู ข้ำว กำรปลูกขำ้ วด้วยพน้ื ที่ 1 ไรค่ วรใช้ วธิ กี ำรดำนำ หรอื กำรปลกู ขำ้ วต้นเดยี ว เพรำะจะใหผ้ ลผลติ ดี ปริมำณมำกกว่ำกำรปลกู ข้ำวแบบหว่ำนปกติ เนื่องจำกกำรปักข้ำวลงดินเองจะทำให้ขำ้ วมีผลผลิตดี กำรเตรยี มดิน และปักดำโดยใชข้ ้ำวจำ้ วหอมมะลิ 105 ทำกำรกำจดั วัชพชื ในนำข้ำว โดยกำรถอน และไถกลบ เรม่ิ แรกอำจมีกำรปลกู พชื ตระกูลถ่ัวกอ่ นเนอ่ื งจำกถัว่ เปน็ พืชทต่ี อ้ งกำรนำ้ น้อย เจริญเตบิ โตเร็ว หลงั เก็บเก่ียวสำมำรถไถกลบและซงั พืชจะเปน็ ป๋ยุ ชนั้ ดีใหน้ ำขำ้ ว พนื้ ทีส่ ว่ นท่ี 3 มที ัง้ หมด 1.5 ไร่ ปลกู พชื แบบผสมผสำน โดยสำมำรถปลกู มะมว่ งพันธุ์โชคอนนั ต์ ปลูกกล้วย นำ้ วำ้ ปลูกพืชผัก ปลูกไมใ้ ชส้ อย เชน่ ตน้ สกั ต้นไผ่รวก ไผ่ตง หรอื ตน้ หวำย โดยทัง้ นพ้ี ื้นทกี่ ำรปลกู อำจใช้พน้ื ท่ี ท้งั หมดท่เี หลือโดยพน้ื ที่สำหรับปลกู สร้ำงบำ้ นเรอื นก็สำมำรถปลกู คร่อมพื้นทส่ี ่วนที่ 3 ได้เชน่ เดยี วกัน พื้นทส่ี ่วน ท่ี 4 นม้ี ีพื้นทีเ่ หลือประมำณ 3 งำน สำมำรถใช้เปน็ พื้นทสี่ ำหรับสรำ้ งท่ีอยู่อำศยั และคอกสัตว์เลก็ ๆ ใต้ถุนเรือน หรอื ผสมผสำนในกำรปลกู บ้ำนเรือนยกสงู บนสระน้ำ ให้ใต้ถนุ เป็นคอกเล้ียงเปด็ ไก่ หมู ติดกบั สระน้ำ โดยในน้ำก็ มีกำรเลีย้ งปลำดุกปลำนลิ ผสมกัน เป็นแนวทำงกำรเกษตรแบบพึ่งพำอำศยั เกษตรทฤษฎใี หม่ สำหรบั เกษตรกร ท่มี พี ้ืนทม่ี ำก เกษตรทฤษฎีใหม่ คอื แนวทำงท่ียง่ั ยนื โดยท่ีแต่เดมิ จะเหมำะกับเกษตรกรที่มีพ้ืนท่ีทำงกำรเกษตร คอ่ นข้ำงมำกพอสมควร แต่สำหรบั เกษตรกรทมี่ มี ีพื้นที่ไม่มำกนกั ก็สำมำรถทีจ่ ะทำไดโ้ ดยกำรลดหลั่นของพนื้ ที่

๑๕ ทำกินในแบบผสมผสำนพึ่งพำอำศัย Copyright © http://www.kasetorganic.com ข้นั ท่ี 2 ปฏิบัติงานตามแผนการดาเนนิ งาน (Do) 2.1ศกึ ษำ คน้ คว้ำ รวบรวบเครือข่ำยและสือ่ “ปรัชญำของเศรษฐกจิ พอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่” 2.1.1 ส่อื เอกสำร 2.1.2 สือ่ อเิ ลคทรอนิคส์ 2.1.3 เครอื ข่ำยเอกชน ภมู ปิ ัญญำท้องถิ่น,แปลงไร่นำ-สวนผสม,แปลงผักอินทรีย์ ฯลฯ 2.1.4 เครอื ข่ำยภำครัฐ เชน่ หนว่ ยงำนเทศบำล,แปลงสำธติ เกษตรฯ,หมู่บ้ำน ฯลฯ เครอื ข่ายแหลง่ เรียนรูด้ า้ นปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎใี หมใ่ นตาบลทา่ ผา ๑. ภมู ิปญั ญาท้องถน่ิ ซ่ึงจดั เป็นทรัพยากรบคุ คลทีส่ าคญั ที่ ช่ือ - สกลุ อายุ บ้านเลขที่ โทรศพั ท์ ลกั ษณะเด่น 1 นำยนสิ ันต์ งว่ นสำอำงค์ 45 หมู่ ๓ ตำบลทำ่ ผำ ๐๘๑-๘๔๘๕๒๘๔ กำนนั /ผ้นู ำชุมชน 2 นำยทรงยศ อรัญยกำนนท์ 55 นำยกเทศมนตร/ี ผนู้ ำชมุ ชน 3 น.ส.นงนุช เสลำหอม 44 ๑๙/๘ ๐๘๑-๕๗๐๗๗๗๐ ปธ.แหลง่ เรียนร้ฯู /ผ้นู ำ หมทู่ ่ี ๑๑ ตำบล ชมุ ชน/ผนู้ ำเกษตรกร ทำ่ ผำ พอเพียง 4 นำยสมบัติ โพธิ์ชื่น 44 หมู่ ๕ ตำบลทำ่ ผำ ผู้นำเกษตรกร,ช่ำงเครื่อง เสยี ง,อุปกรณ์กำรเกษตร 5 นำยประสงค์ ทองมลู 45 ๘๐/๑ หมู่ ๕ ๐๘๑-๗๒๘๘๘๑๖ ภูมปิ ญั ญำท้องถ่นิ /ผนู้ ำ ตำบลทำ่ ผำ เกษตรกร,สมำชิก ศส.ปชต., อปุ กรณ์กำรเกษตร 6 นำยสทุ น แสนตันเจรญิ 47 ๔๐๘/๑๒๓ หมทู่ ี่ ๐๘๑-๙๔๕๖๙๒๕ วทิ ยำกร/ภมู ิปัญญำทอ้ งถน่ิ ๔ ด้ำนนวตั กรรมและปรัชญำ ตำบลปำกแรต ของเศรษฐกจิ พอเพยี ง 7 อุทัยฟำรม์ หมู่ท่ี ๕ เพำะพนั ธุป์ ลำเศรษฐกจิ ตำบลทำ่ ผำ แบบครบวงจร/ผลติ อำหำร ปลำ 8 นำงสุกัญธญำ สุกใส 46 บ้ำนเลขที่ ๐๘๙-๙๑๐๓๘๕๙ ภมู ิปญั ญำท้องถน่ิ /ดำ้ น ๗๐/๑ หมู่ที่ ๗ นวดแผนไทย,ดแู ลผ้ปู ว่ ยตดิ ตำบลท่ำผำ เตยี ง,หญงิ หลงั คลอด ฯลฯ ๙. นำยสมโภชน์ วระสิงห์ ๔๔ ๗๔/๑๒๗ หมู่ท่ี ๐๖๕-๖๐๖๕๘๖๘ ภมู ปิ ญั ญำท้องถ่นิ /ช่ำง ๔ ตำบลทำ่ ผำ ประดษิ ฐห์ ่นุ เหลก็ จำกเศษ เหล็ก ๑๐. นำยไพโรจน์ วนั นยิ ม ๓๘ ๒ หมทู่ ี่ ๕ ๐๘๖-๗๕๗๓๓๖๓ ภูมิปญั ญำท้องถ่นิ /ชำ่ งซ่อม ตำบลทำ่ ผำ รถบรรทุก

๑๖ ๑๑. นำยอำนนท์ วงั ป่ำ ๓๔ ๓๐/๑ หมู่ที่ ๕ ๐๘๕-๘๓๐๙๔๘๙ ภมู ิปัญญำท้องถิน่ /ชำ่ งเดนิ ตำบลทำ่ ผำ สำยไฟและเคร่ืองเสียง รถยนต์ ๑๒. น.ส.มณกี ำญจน์ บญุ สง่ ๓๒ ๘/๑ หมทู่ ่ี ๑๕ ๐๙๐-๑๕๖๙๕๐๔ ภมู ปิ ญั ญำท้องถน่ิ /ผูน้ ำ ตำบลทำ่ ผำ เกษตรกรรุ่นใหม/่ เกษตร อินทรยี ์ ๑๓ นำงกง่ิ แก้ว จนั ทรสกุ รี ๕๒ ๒๗/๓ หมู่ท่ี ๒ ๐๘๕-๒๖๕๘๖๕๙ ภมู ิปญั ญำท้องถิน่ /ผนู้ ำ ตำบลทำ่ ผำ เกษตรกร/เกษตรอนิ ทรยี ์ ๑๔. นำงปรำณี พำซอื่ ๕๗ ๓๕ หม่ทู ี่ ๑๙ ๐๘๕-๔๐๓๑๔๙๓ ภูมิปญั ญำท้องถิ่น/ประธำน ตำบลทำ่ ผำ วิสำหกจิ ชมุ ชน,เจ้ำของ ผลติ ภัณฑน์ ำ้ พริกสระโกฯ ๑๕. นำงประยงค์ ทองโชติ ๕๔ ๓๓ หมูท่ ี่ ๑๕ ๐๘๑-๑๙๖๒๗๙๘ ภมู ิปญั ญำท้องถิน่ /ผ้นู ำ ตำบลท่ำผำ ชุมชน/ประธำนวิสำหกิจ ชุมชน,ผลติ ภัณฑ์ปลำข้ำวค่ัว บ้ำนยำงหกั ๑๖. นำยอดุลย์ เภำศรี ๖๘ ๖๑/๑๑ หม่ทู ี่ ๑ ๐๘๑-๒๕๙๔๓๙๒ ภูมิปญั ญำท้องถน่ิ /ประธำน ตำบลท่ำผำ วิสำหกิจชมุ ชน,ผลติ ภณั ฑข์ ำ้ ปลอดสำรพิษ,ขำ้ วอินทรยี ์ ๑๗. นำยสรุ พล บญุ ยรัตไพศำล ๔๑ หมู่ ๘ ตำบลท่ำผำ ๐๘๑-๑๙๘๒๗๐๕ เจำ้ หนำ้ ทีพ่ ัฒนำสังคม ชุมชน เทศบำลเมอื งทำ่ ผำ ๒. เครือขา่ ยแหลง่ เรยี นรู้ดา้ นปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎใี หมป่ ระจาตาบลท่าผา ๑. ชอ่ื ภูมิปัญญา สวนหลังบ้าน ข้อมูลพ้นื ฐาน รายบคุ คล เจา้ ของภูมิปญั ญาทอ้ งถนิ่ /บุคคลคลังปญั ญา ชือ่ นางสาวนงนชุ นามสกุล เสลาหอม วันเดือนปเี กดิ 2๘ ตลุ าคม ๒๕๑๗ ท่ีอยู่ปจั จุบนั (ทสี่ ามารถตดิ ตอ่ ได้) บำ้ นเลขท่ี ๑๙/๘ หมู่ที่ ๑๑ ตำบลท่ำผำ อำเภอบำ้ นโปง่ จงั หวดั รำชบรุ ี รหสั ไปรษณยี ์ ๗๐๑๑๐ โทรศัพท์ ๐๘๑-๕๗๐๗๗๗๐ Line ID ๐๘๑-๕๗๐๗๗๗๐ Facebook นงนชุ เสลาหอม เพจ สวนหลังบา้ น พกิ ดั ทางภมู ศิ าสตร์ ค่า X : 13.8704777 ค่า Y: 99.8530591 ความเป็นมาของภูมิปัญญา นำงสำวนงนุช เสลำหอม เป็นผู้ใหญ่บ้ำน บ้ำนห้วยขวำง หมู่ ๑๑ ตำบลท่ำผำ อำเภอบ้ำนโป่ง จังหวัดรำชบุรี จบกำรศึกษำระดับปริญญำโท เคยทำงำนในบริษัทเอกชนในเมืองหลวง ด้วย ควำมท่ีเป็นบุตรคนเดียวจึงมีภำระหน้ำท่ีต้องเล้ียงดูบิดำ มำรดำ จนวันหนึ่งได้มีโอกำสกลับบ้ำนมำทำธุรกิจ ส่วนตัว (รับซื้อ-ขำย รีไซเคิล วัสดุเหลือใช้) ประกอบกับมีพ้ืนท่ีว่ำงท่ีเหลือจำกกำรทำโรงรับซ้ือ-ขำย วัสดุเหลือ

๑๗ ใช้ ในบริเวณสวนหลังบำ้ น ประมำณ ๗ ไร่ จงึ ปรบั เปลย่ี นพื้นท่ีให้เปน็ แปลงเกษตรทฤษฎีใหม่ ตำมแนวทำงหลัก ปรัชญำของเศรษฐกิจพอเพียง โดยค้นคว้ำหำควำมรู้จำกแหล่งเรียนรู้และเครือข่ำยต่ำงๆ แล้วจึงลงมือปฏิบัติ อย่ำงจริงจัง โดยยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงในกำรทำงำน อำทิเช่น กำรใช้วัสดุเหลือใช้จำกร้ำนรับซ้ือวัสดฯุ ของ ตนเอง มำประกอบเป็นโครงสร้ำงต่ำงๆ ในสวน เช่น โครงเหล็กสะพำนข้ำมบ่อปลำ ทำงเดินชมทุ่งนำ รั้ว สังกะสี เป็นต้น จุดเดน่ ของภูมปิ ัญญาท้องถ่ิน เปน็ ผู้นำชมุ ชนทีเ่ ข้มแข็ง ขยัน อดทน ใฝ่รใู้ ฝ่เรยี น และมคี วำมกระตือรือร้นใน กำรพฒั นำแหลง่ เรยี นรู้ ชมุ ชน อยเู่ สมอ มีควำมรู้ควำมเข้ำใจ ทกั ษะ สำมำรถนำหลักปรัชญำของเศรษฐกิจ พอเพยี งและเกษตรทฤษฎใี หมม่ ำปรับใช้ในกำรสรำ้ งแหลง่ เรยี นรสู้ วนหลงั บ้ำน สำมำรถสรำ้ งงำน สรำ้ งอำชีพ ให้กบั ลูกบำ้ นในชุมชนได้เปน็ อยำ่ งดี อกี ทง้ั ยงั สำมำรถถ่ำยทอดองค์ควำมรู้ทั้งในเร่ืองปรัชญำของเศรษฐกจิ พอเพียงและเกษตรทฤษฎใี หม่ เรื่องกำรบรหิ ำรจัดกำรขยะในชุมชน หลักกำรประชำธิปไตยในชุมชน ไดเ้ ป็น อย่ำงดีอกี ด้วย วัตถดุ ิบท่ีใช้ประโยชนใ์ นผลติ ภัณฑ์ท่ีเกิดจากภูมปิ ัญญา ซ่ึงพื้นทอ่ี น่ื ไม่มี - เศษเหลก็ สังกะสี ไม้ จำกแหลง่ รบั ซอ้ื ของเก่ำ (ทำโครงสร้ำงตำ่ งๆ เช่นสะพำน ทำงเดิน รวั้ ฯลฯ) - ท่ีดินมรดก จำนวน ๗ ไร่ รายละเอยี ดของภูมิปญั ญาทอ้ งถิน่ - จำกกำรทุม่ เททำงำนอย่ำงหนักเปน็ ระยะเวลำตอ่ เน่ืองมำกว่ำ 3 ปี บดั นีแ้ หล่งเรยี นรสู้ วนหลังบ้ำนของ ผู้ใหญน่ งนุช เสลำหอม และพีน่ ้องชุมชนบ้ำนห้วยขวำง พร้อมแลว้ ในกำรเป็นแหลง่ ศึกษำดูงำน กำรถำ่ ยทอด เทคนคิ กำรทำเกษตรทฤษฎีใหม่ กำรสร้ำงงำนสรำ้ งอำชีพ ฯลฯ ให้กบั นกั เรยี น นกั ศึกษำประชำชนท่ัวไปหรือ หนว่ ยงำน ที่สนใจสำมำรถตดิ ตอ่ จองควิ เขำ้ เท่ยี วชมและศึกษำดูงำนไดท้ กุ เวลำ รปู แบบและลักษณะการถา่ ยทอด การประชาสมั พนั ธ์ เผยแพร่ภูมิปัญญาทอ้ งถน่ิ ยงั ไม่เคยมกี ำรเผยแพร่/ใชเ้ ฉพำะบุคคล เคยเผยแพร่เฉพำะในชุมชน มีกำรเผยแพร่ผำ่ นสอื่ มวลชนและสื่ออนื่ อย่ำงแพร่หลำย มีกำรดงู ำนจำกบุคคลภำยนอก จำนวนมำกกว่ำ ๑๐ ครงั้ จำนวนมำกกว่ำ ๒๐๐ คน มกี ำรนำไปใช้ อื่นๆ (ระบ)ุ ลกั ษณะของภูมิปัญญาท้องถนิ่ การพฒั นาตอ่ ยอดภมู ิปัญญาใหเ้ ปน็ นวัตกรรม คณุ ค่า (มูลคา่ ) และ ความ ภาคภมู ใิ จ ภูมปิ ัญญำทอ้ งถน่ิ /นวัตกรรมทคี่ ิดคน้ ข้นึ มำใหม่ ภูมปิ ญั ญำท้องถิ่นด้ังเดิมได้รับกำรถำ่ ยทอด ภูมิปัญญำทอ้ งถน่ิ ท่ีได้พัฒนำและต่อยอด การพัฒนาต่อยอดคือ กำรทำแปลงเกษตรทฤษฎีใหม่ ตำมแนวทำงหลักปรัชญำของเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งต้อง ใชค้ วำมรคู้ วำมสำมำรถทถี่ ูกต้อง อีกทง้ั ตอ้ งมคี วำมศรทั ธำและเช่ือมั่นในศำสตร์ของพระรำชำอย่ำงแทจ้ รงิ ว่ำจะ สำมำรถนำไปใชใ้ นกำรดำเนนิ ชีวติ กำรทำมำหำกิน และนำพำครอบครัว ชมุ ชน ไปสู่ควำมมน่ั คงทำงอำหำรและ

๑๘ เศรษฐกิจของครอบครัวอย่ำงแท้จริง รวมท้ังต้องมีควำมตั้งใจจริง ทำจริง ไม่ท้อถอยง่ำยๆต้องใช้ควำมรู้มำ วำงแผนและคำนวณงำนทุกขั้นตอน ฯลฯ กำรทำในแต่ละข้ันตอน จะต้องมีควำมละเอียด รอบคอบ ประหยัด และใช้ทรัพยำกรธรรมชำติอย่ำงคุ้มค่ำมำกที่สุด กำรนำทรัพยำกรที่มีอยู่มำใชใ้ หม่ก็เป็นอีกแนวทำงหน่ึงท่ีผู้ใหญ่ นงนุช เสลำหอม นำมำใช้อย่ำงได้ผล เช่น กำรนำเหล็ก ไม้ จำกร้ำนรับซื้อของเก่ำ(หน้ำบ้ำน)มำใช้ทำสะพำน ทำงเดิน กำรนำสังกะสีเก่ำ มำใช้ทำร้ัว เป็นต้น นอกจำกน้ีผู้ใหญ่นงนุชยังขยำยองค์ควำมรู้สู่ชุมชนผ่ำน กลุ่มเป้ำหมำยต่ำงๆ เช่น ควำมรู้เร่ืองกำรบริหำรจัดกำรขยะผำ่ นกลุ่มเยำวชนต้นกล้ำ ควำมรู้ด้ำนกำรทำเกษตร ทฤษฎีใหมผ่ ่ำนกลมุ่ ผูส้ นใจเรยี น อำทิ กลมุ่ ผู้เรยี น กศน. กำรรวมกลมุ่ เรยี นรู้ของผู้เรยี นกำรศึกษำต่อเนื่อง กศน. ตำบลท่ำผำ กลุ่มเรียนรู้จำกพ้ืนที่ต่ำงๆท้ังในและนอกชุมชน ฯลฯและทำงกลุ่มชุมชนบ้ำนห้วยขวำงก็มีกำร รวมกลุ่มกันจัดต้ังเป็นวิสำหกิจชุมชนบ้ำนห้วยขวำง ผลิตและจำหน่ำยอำหำรปลอดภัยหลำยๆอย่ำง เช่น ผัก ปลอดสำรพษิ ปลำนลิ แดดเดียว กล้วยแปรรูป ไข่เคม็ สมุนไพร น้ำสมุนไพร ฯลฯ ซึ่งเปน็ ผลดตี ่อชมุ ชนเป็นอย่ำง มำก เพรำะกำรรวมกลุ่มจะทำให้มีกำลังกำรผลิตที่ต่อเนื่อง สำมำรถสร้ำงพลังในกำรต่อรองกับผู้บริโภคเพ่ือให้ เกิดควำมสมดุลทำงตลำด อกี ท้ังยังเป็นกำรสนับสนุนใหช้ ุมชน สงั คมเกิดกำรรวมกลมุ่ กนั ทำวิสำหกิจชมุ ชนได้อีก รปู ภาพเจา้ ของภูมปิ ัญญา ผู้ใหญน่ งนชุ กบั ซมุ้ บวบและกะหลำ่ ปลี ปลำท่เี ล้ยี งในบ่อ

๑๙ รูปภาพภมู ปิ ัญญา สะพำนทำงเดนิ ชมทุ่ง กจิ กรรมเรยี นรกู้ ำรดำนำของเดก็ ๆ ประตมิ ำกรรมฝำผนังผนงั สวยๆของเด็กๆ สไลเดอรโ์ คลน ไฮไลท์ของเดก็ ๆ ทำงเดนิ ชมทุ่งนำ ปลำยทำงคือรำ้ นค้ำชมุ ชน สถำนทจ่ี ดั อบรมสำหรบั หนว่ ยงำนตำ่ งๆ

๒๐ สะพำนข้ำมบ่อปลำ จดุ ชมวิวในสวนทสี่ วยมำกๆ จุดน่ังพักในซุ้มพอเพียง ๒. ช่อื ภมู ิปัญญา นวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยกี ารเกษตร ข้อมูลพืน้ ฐาน รายบคุ คล เจา้ ของภูมิปัญญาท้องถ่ิน/บุคคลคลังปญั ญา ชอ่ื นายสทุ น นามสกลุ แสนตนั เจรญิ วนั เดอื นปีเกดิ 2๐ ธันวาคม ๒๕๑๕ ที่อยู่ปัจจบุ ัน (ทีส่ ามารถตดิ ตอ่ ได้) บ้ำนเลขที่ ๔๐๘/๑๒๓ หมู่ที่ ๔ ตำบล/แขวง ปำกแรต อำเภอบ้ำนโปง่ จังหวัดรำชบรุ ี รหัสไปรษณีย์ ๗๐๑๑๐ โทรศพั ท์ ๐๘๑-๙๔๕๖๙๒๕ Line ID ๐๘๑-๙๔๕๖๙๒๕ E-mail address: Suchons SCG.com Facebook สทุ น แสนตันเจรญิ พกิ ัดทางภมู ิศาสตร์ ค่า X: 13.8491772 คา่ Y: 99.8711556 ความเป็นมาของภมู ปิ ญั ญา นำยสทุ น แสนตนั เจริญ เป็นพนกั งำนแผนกมวลชนสัมพนั ธ์ บรษิ ทั สยำมครำฟท์ โรงงำนบ้ำนโป่ง จำกัด ต้ังอยู่ในพ้ืนท่ี หมู่ ๒ ตำบลท่ำผำ อำเภอบ้ำนโป่ง จังหวัดรำชบุรี จบกำรศึกษำระดับ ปริญญำตรี มีภูมิลำเนำเดิมอยู่ในอำเภอเอง จังหวัดกำญจนบุรี แต่เพ่ือควำมสะดวกในกำรปฏิบัติงำน จึงย้ำยท่ี พักมำอยู่ในพ้ืนท่ีหมู่บ้ำนช่ืนจิตต์ หมู่ 4 ตำบลปำกแรต กำรปฏิบัติงำนในหน้ำท่ีของคุณสุทน หน้ำที่หลักๆคือ พัฒนำอำชีพและควำมเป็นอยู่ของคนในชุมชนที่มพี ้ืนท่ีอยู่ในเขตรับผดิ ชอบ เช่น พื้นท่ีหมู่บ้ำน ตำบล ที่มีอำณำ เขตตดิ โรงงำนและพนื้ ท่ใี กล้เคยี ง รวมท้ังพื้นท่ีอืน่ ๆในเขตรบั ผิดชอบของกลุ่มบรษิ ัทในเครือ SCG ใหส้ ำมำรถ ลด รำยจ่ำย เพ่ิมรำยได้ สร้ำงงำน สร้ำงอำชีพให้กับครอบครัว ชุมชน โดยยึดแนวทำงหลักปรัชญำของเศรษฐกิจ พอเพยี ง โดยคน้ คว้ำหำควำมรู้จำกแหล่งเรียนรู้และเครือขำ่ ยต่ำงๆ แลว้ จึงลงมือปฏิบัติอย่ำงจริงจัง โดยยดึ หลัก เศรษฐกิจพอเพียงในกำรทำงำน อำทิเช่น กำรใช้วัสดุเหลือใช้จำกโรงงำน ครัวเรือน ชุมชนของตนเองมำ ประดิษฐ์เป็นอุปกรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้ในกำรเกษตร ในครัวเรือน ได้อย่ำงมีประสิทธิภำพ เช่น เทคโนโลยีถัง บำบัดไขมนั กระถำงประหยัดน้ำประสิทธิภำพสูง เทคนิคกำรใช้จุลินทรีย์ต่ำงๆในภำคเกษตร เปน็ ตน้ จุดเด่นของภูมิปัญญาท้องถ่ิน เป็นพนักงำนที่ทำงำนมวลชนได้อย่ำงเข้มแข็ง ขยัน อดทน ใฝ่รู้ใฝ่เรียน และมี ควำมกระตือรือร้นในกำรพัฒนำแหล่งเรียนรู้ ชุมชน อยู่เสมอ มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี มีควำมรู้ควำมเข้ำใจ ทักษะ สำมำรถนำหลกั ปรัชญำของเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหมม่ ำปรับใชใ้ นกำรสร้ำงแหล่งเรียนรู้ จดุ สำธิต และถ่ำยทอดเทคโนโลยี กลุ่มพัฒนำอำชีพ ฯลฯ มำกมำย สำมำรถสรำ้ งงำน สร้ำงอำชีพให้กับชำวบ้ำนในชุมชน ได้เป็นอย่ำงดี อีกทั้งยังสำมำรถถ่ำยทอดองค์ควำมรู้ท้ังในเรื่องปรัชญำของเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎี ใหม่ เรอ่ื งกำรบรหิ ำรจดั กำรขยะในชุมชน หลกั กำรประชำธิปไตยในชมุ ชนได้เปน็ อย่ำงดีอกี ดว้ ย

๒๑ วตั ถดุ ิบทใี่ ช้ประโยชน์ในผลิตภณั ฑ์ท่เี กดิ จากภมู ปิ ัญญา ซึ่งพ้นื ทอี่ ื่นไม่มี - อปุ กรณ์ทั่วไปในบำ้ นหรือท้องตลำด แต่สำมำรถนำมำดัดแปลงให้เกิดเป็นนวัตกรรมใหม่ โดยใชอ้ งค์ ควำมรู้ทำงวศิ วกรรมและกำรประยกุ ต์หลักเศรษฐกจิ พอเพียง รายละเอียดของภูมิปญั ญาทอ้ งถ่นิ - จำกกำรทุม่ เททำงำนอยำ่ งหนกั เป็นระยะเวลำต่อเน่ืองมำกวำ่ ๒๐ ปี บัดนชี้ มุ ชนพนื้ ที่โดยรอบโรงงำน รวมท้งั พ้ืนที่อนื่ ๆในเขตรบั ผดิ ชอบของกลมุ่ บรษิ ัทในเครือ SCG ได้เกดิ แหลง่ เรยี นรู้ จดุ สำธิตและถำ่ ยทอดเทคโนโลยี กลมุ่ พัฒนำอำชพี ฯลฯ มำกมำย ได้ชว่ ยสง่ เสรมิ อำชพี ควำมเปน็ อยขู่ องพีน่ ้องประชำชนท่ดี ีขึ้น รูปแบบและลักษณะการถา่ ยทอด การประชาสมั พันธ์ เผยแพรภ่ ูมิปญั ญาทอ้ งถิ่น ยงั ไม่เคยมีกำรเผยแพร/่ ใช้เฉพำะบุคคล เคยเผยแพรเ่ ฉพำะในชุมชน มีกำรเผยแพร่ผ่ำนสือ่ มวลชนและสอื่ อนื่ อย่ำงแพร่หลำย มกี ำรดงู ำนจำกบุคคลภำยนอก จำนวนมำกกวำ่ ๑๐ ครัง้ จำนวนมำกกวำ่ ๒๐๐ คน มีกำรนำไปใช้ อ่นื ๆ (ระบ)ุ ลักษณะของภูมปิ ัญญาทอ้ งถิ่น การพัฒนาต่อยอดภูมปิ ัญญาให้เปน็ นวัตกรรม คุณค่า (มูลคา่ ) และ ความ ภาคภูมใิ จ ภมู ิปญั ญำท้องถิน่ /นวัตกรรมที่คิดค้นขน้ึ มำใหม่ ภมู ปิ ัญญำทอ้ งถน่ิ ดั้งเดิมไดร้ บั กำรถำ่ ยทอด ภูมิปัญญำท้องถิ่นที่ไดพ้ ฒั นำและต่อยอด การพัฒนาต่อยอดคือ กำรสร้ำงสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ และแหล่งเรียนรูท้ ำงอำชพี หรือแปลงเกษตรทฤษฎใี หม่ ตำมแนวทำงหลักปรชั ญำของเศรษฐกิจพอเพียง ต้องใช้ควำมรู้ควำมสำมำรถที่ถูกต้อง อีกทั้งต้องมีควำมศรัทธำ และเชื่อมั่นในศำสตร์ของพระรำชำอย่ำงแท้จริง ว่ำจะสำมำรถนำไปใช้ในกำรดำเนินชีวิต กำรทำมำหำกิน และ นำพำครอบครัว ชุมชน ไปสคู่ วำมมัน่ คงทำงอำหำรและเศรษฐกจิ ของครอบครวั อยำ่ งแทจ้ ริง รวมท้งั ตอ้ งมีควำม ตั้งใจจริง ทำจริง ไม่ท้อถอยง่ำยๆต้องใช้ควำมรู้มำวำงแผนและคำนวณงำนทุกข้ันตอน ฯลฯ กำรทำในแต่ละ ขั้นตอน จะต้องมีควำมละเอียด รอบคอบ ประหยัด และใช้ทรัพยำกรธรรมชำติอย่ำงคุ้มค่ำมำกท่ีสุด กำรนำ ทรัพยำกรที่มีอยู่มำใช้ใหม่ก็เป็นอีกแนวทำงหนึ่งที่คุณสุทน แสนตันเจริญยึดถือเป็นแนวทำงและนำมำใช้อย่ำง ได้ผล เช่น กำรนำวัสดุ อุปกรณ์ในครัวเรือนมำดัดแปลงเป็นกระถำงประหยัดน้ำประสิทธิภำพสูง กำรทำถัง บำบัดน้ำทิ้งและเศษอำหำรจำกครัวเรือน กำรทำน้ำหมักจุลินทรีย์แบบต่ำงๆฯลฯ นอกจำกน้ีคุณสุทน ยังขยำย องค์ควำมรู้สู่ชุมชนผ่ำนกลุ่มเป้ำหมำยต่ำงๆ เช่น ควำมรู้เรื่องกำรบริหำรจัดกำรขยะผ่ำนกลุ่มชุมชนรำงพลับ ควำมรู้ด้ำนกำรทำเกษตรทฤษฎีใหม่ผ่ำนกลุ่มผู้สนใจเรียน อำทิ กลุ่มผู้เรียน กศน. กำรรวมกลุ่มเรียนรู้ของ ผเู้ รียนกำรศึกษำต่อเนื่อง กศน.ตำบลท่ำผำ กลุม่ เรยี นร้จู ำกพ้ืนท่ีตำ่ งๆทั้งในและนอกชมุ ชน ฯลฯ และสนบั สนุน ทุน บุคคลำกรให้กับชุมชนต่ำงๆเพ่ือร่วมก่อต้ังเป็นวิสำหกิจชุมชน ผลิตและจำหน่ำยอำหำรปลอดภัยหลำยๆ อยำ่ ง เช่น ผกั ปลอดสำรพษิ ปลำนิลแดดเดยี ว กล้วยแปรรูป ไข่เคม็ สมุนไพร น้ำสมนุ ไพร ผลิตภณั ฑ์แปรรูปจำก

๒๒ พืชผักต่ำงๆ ฯลฯ ซ่ึงเป็นผลดีต่อชุมชนเป็นอย่ำงมำก เพรำะกำรรวมกลุ่มจะทำให้มีกำลังกำรผลิตที่ต่อเน่ือง สำมำรถสร้ำงพลังในกำรต่อรองกับผู้บริโภคเพ่ือให้เกิดควำมสมดุลทำงตลำด อีกท้ังยังเป็นกำรสนับสนุนให้ ชุมชน สังคมเกิดกำรรวมกลุ่มกนั ทำวสิ ำหกจิ ชมุ ชนไดอ้ ีก รูปภาพเจา้ ของภมู ปิ ัญญา นำยสุทน แสนตันเจริญ กบั บทบำทวิทยำกรถำ่ ยทอดควำมรสู้ ่ชู มุ ชน

๒๓ รูปภาพภูมิปญั ญา บรรยำยกำรทำนวตั กรรมใหม่ๆในจำกวัสดุในครวั เรือน บรรยำยกำรเพำะเห็ดนำงฟ้ำอยำ่ งง่ำยโดย ใช้วสั ดุครวั เรอื น ที่ หมู่ 5 บำ้ นดอนเสลำ กำรนำนวัตกรรมใหมๆ่ ไปจัดแสดงท่เี มืองทองธำนี กำรนำนวตั กรรมใหมๆ่ ไปจดั แสดงท่ีเมอื งทองธำนี กำรสอนทำกระถำงประหยดั น้ำ หมู่ 11 บ้ำนหว้ ยขวำง กำรสอนทำบ่อดักขยะโดยกระบวนกำรธรรมชำติ กำรสอนทำบอ่ บำบัดขยะไขมนั ในครวั เรือน หมู่ 11 บำ้ นหว้ ยขวำง

๒๔ ๓. ชอ่ื ภูมปิ ัญญา นวดแผนไทยและสมนุ ไพรบาบัด ขอ้ มูลพน้ื ฐาน รายบุคคล เจ้าของภมู ิปัญญาทอ้ งถิ่น/บุคคลคลงั ปัญญา ชอ่ื นางสกุ ญั ธญา นามสกุล สุกใส วันเดอื นปเี กดิ 2๕ สิงหาคม ๒๕๑๕ ทีอ่ ยู่ปจั จุบัน (ทสี่ ามารถตดิ ตอ่ ได้) บำ้ นเลขที่ ๗๐/๑ หมู่ที่ ๗ ตำบลทำ่ ผำ อำเภอบ้ำนโปง่ จังหวัดรำชบรุ ี รหสั ไปรษณยี ์ ๗๐๑๑๐ โทรศัพท์ ๐๘๙-๙๑๐๓๘๕๙ Line ID ๐๘๙-๙๑๐๓๘๕๙ พิกัดทางภูมิศาสตร์ ค่า X: 13.8645498 คา่ Y: 99.9026355 ความเป็นมาของภูมิปัญญา นำงสุกัญธญำ สุกใส เป็นภูมิปัญญำด้ำนเวชศำสตร์นวดแผนไทย เวชศำสตร์ฟ้ืนฟู กำรดูแลหลังคลอด กำรดูแลผู้ป่วยติดเตียง กำรผลิตลูกประคบสมุนไพร และผลิตภัณฑ์ต่ำงๆทั้งอำหำร ยำ สำมัญประจำบ้ำน เครื่องดื่มท่ีใช้สมุนไพรไทยเป็นส่วนประกอบ โดยได้รับกำรถ่ำยทอดวิชำนวดแผนไทยขั้นตน้ 700 ช่ัวโมง มำจำกโรงเรียนสมำคมแพทย์แผนโบรำณวัดพระเชตุพน (วัดโพธ์ิ) มีร้ำนนวดและสปำ รวมทั้ง แปลงปลูกสมุนไพร ต้ังอยู่ในพื้นท่ี หมู่ ๗ ตำบลท่ำผำ อำเภอบ้ำนโป่ง จังหวัดรำชบุรี จบกำรศึกษำระดับ มัธยมศึกษำตอนปลำย ควำมรู้ควำมสำมำรถในกำรประกอบอำชพี และกำรถ่ำยทอดองค์วำมรู้สู่ชมุ ชนของคณุ สุ กญั ธญำ สำมำรถช่วย ลดรำยจำ่ ย เพิม่ รำยได้ สร้ำงงำน สร้ำงอำชีพให้กบั ครอบครวั ชุมชน โดยยึดแนวทำงหลัก ปรัชญำของเศรษฐกิจพอเพียง ค้นคว้ำหำควำมรู้จำกแหล่งเรียนรู้และเครือข่ำยต่ำงๆ แล้วจึงลงมือปฏิบัติอย่ำง จริงจัง โดยยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงในกำรทำงำน อำทิเช่น กำรดัดแปลงพ้ืนท่ีบริเวณหลังบ้ำนให้เป็นแปลง สมุนไพร แปลงพืชผักสวนครวั กำรสรำ้ งงำนสร้ำงรำยได้ให้กับครอบครวั โดยใชบ้ ้ำนท่ีพักของตนเองมำต่อเติมให้ เป็นห้องนวด และสปำ อย่ำงถูกต้อง สะดวกสบำยสำหรับลูกค้ำ ใช้พืชผัก ผลไม้ในชุมชน ครัวเรือน มำแปรรูป เป็นสินค้ำตำ่ งๆ โดยเฉพำะลกู ประคบสมนุ ไพร ผลไม้แชอ่ ่ิมต่ำงๆ หรอื แม้กระท่ังกลว้ ยอบ เปน็ ต้น จุดเด่นของภูมิปัญญาท้องถ่ิน เป็นภูมิปัญญำท่ีทำงำนมวลชนได้อย่ำงเข้มแข็ง มีจิตวิญญำณควำมเป็นครูสูง มี ควำมเป็นผ้นู ำ ขยัน อดทน ใฝ่รู้ใฝ่เรียน และมีควำมกระตือรือรน้ ในกำรทำกจิ กรรมเพื่อชว่ ยเหลือสงั คมอยู่เสมอ มมี นษุ ยสมั พนั ธท์ ี่ดี มีควำมรคู้ วำมเข้ำใจ ทักษะ สำมำรถนำหลักปรัชญำของเศรษฐกจิ พอเพยี งและมำปรับใช้ใน กำรดำเนินชีวิต สำมำรถสร้ำงงำน สร้ำงอำชีพให้กับชำวบ้ำนในชุมชนได้เป็นอย่ำงดี สำมำรถถ่ำยทอดองค์ ควำมรู้ ใหก้ ับผู้ที่สนใจในศำสตร์กำรนวดแผนไทยและกำรประกอบยำพ้นื บ้ำนโดยใช้สมุนไพรไทยไดเ้ ปน็ อย่ำงดี วัตถดุ ิบทใี่ ช้ประโยชนใ์ นผลิตภณั ฑ์ท่ีเกดิ จากภูมิปัญญา ซึง่ พ้ืนท่อี น่ื ไม่มี - หอ้ งนวดแผนไทยและสมุนไพรบำบัดของตนเอง โดยใชอ้ งคค์ วำมรทู้ ำงเวชศำสตรแ์ พทย์แผนไทยและ กำรประยุกตห์ ลกั เศรษฐกิจพอเพยี ง รายละเอยี ดของภูมปิ ญั ญาทอ้ งถิน่ - จำกกำรทุ่มเททำงำนอย่ำงหนักเป็นระยะเวลำต่อเน่ืองมำกว่ำ ๒๐ ปี บัดน้ีนำงสุกัญธญำ สุกใส คือภูมิปัญญำ ท้องถิ่นด้ำนเวชศำสตร์นวดแผนไทย เวชศำสตร์ฟื้นฟู กำรดูแลหลังคลอด กำรดูแลผู้ป่วยติดเตียง กำรผลิตลูก ประคบสมุนไพร และผลิตภัณฑ์ต่ำงๆท้ังอำหำร ยำสำมัญประจำบ้ำน เคร่ืองดื่มท่ีใช้สมุนไพรไทยเป็น

๒๕ ส่วนประกอบ สำมำรถถ่ำยทอดองค์ควำมรู้ให้กับผู้ท่ีสนใจในศำสตร์กำรนวดแผนไทยและกำรประกอบยำ พ้นื บ้ำนโดยใชส้ มุนไพรไทยไดเ้ ป็นอยำ่ งดี ได้ชว่ ยสง่ เสรมิ อำชีพ ควำมเปน็ อย่ขู องพ่ีนอ้ งประชำชนท่ดี ขี ้นึ รปู แบบและลกั ษณะการถา่ ยทอด การประชาสมั พันธ์ เผยแพร่ภูมิปัญญาท้องถนิ่ ยงั ไม่เคยมกี ำรเผยแพร/่ ใช้เฉพำะบุคคล เคยเผยแพรเ่ ฉพำะในชุมชน มีกำรเผยแพร่ผ่ำนสื่อมวลชนและสือ่ อืน่ อย่ำงแพร่หลำย มีกำรดูงำนจำกบคุ คลภำยนอก จำนวนมำกกว่ำ ๕ ครง้ั จำนวนมำกกวำ่ ๑๐๐ คน มกี ำรนำไปใช้ อ่ืนๆ (ระบุ) ลักษณะของภูมิปัญญาท้องถ่นิ การพฒั นาต่อยอดภูมิปัญญาใหเ้ ป็นนวัตกรรม คุณค่า (มลู คา่ ) และ ความ ภาคภมู ิใจ ภูมปิ ญั ญำท้องถิ่น/นวตั กรรมท่ีคดิ คน้ ข้ึนมำใหม่ ภมู ปิ ัญญำท้องถนิ่ ดั้งเดิมไดร้ ับกำรถ่ำยทอด ภมู ปิ ัญญำทอ้ งถิน่ ท่ีได้พฒั นำและต่อยอด การพัฒนาต่อยอดคือ ภูมิปัญญำด้ำนเวชศำสตร์นวดแผนไทย เวชศำสตร์ฟื้นฟู กำรดูแลหลังคลอด กำรดูแล ผู้ป่วยติดเตียง กำรผลิตลูกประคบสมุนไพร และผลิตภัณฑ์ต่ำงๆท้ังอำหำร ยำสำมัญประจำบ้ำน เคร่ืองดื่มท่ีใช้ สมุนไพรไทยเป็นส่วนประกอบ ได้รับกำรถ่ำยทอดมำจำกโรงเรียนสมำคมแพทย์แผนโบรำณวัดพระเชตุพน (วัด โพธ์ิ) และสำมำรถประยุกต์ใช้ รวมท้ังกำรเรียนรู้เพ่ิมเติมตลอดเวลำ จนมีร้ำนนวดและสปำ รวมท้ังแปลงปลูก สมุนไพรเป็นใช้ทรัพยำกรธรรมชำติอย่ำงคุ้มค่ำมำกที่สุด เช่น กำรปรับปรุงพ้ืนท่ีบริเวณรอบบ้ำนให้เป็นแปลง ปลูกสมุนไพร ดัดแปลงวัสดุให้เป็นตู้อบพลังงำนแสงอำทิตย์เพื่อใช้อบกล้วย สมุนไพร ฯลฯ นอกจำกนี้คุณสุ กัญธญำ ยังขยำยองค์ควำมรู้สู่ชุมชนผ่ำนกลุ่มเป้ำหมำยต่ำงๆ เช่น ควำมรู้เร่ืองกำรดุแลหลังคลอด ควำมรู้ด้ำน กำรทำนวดและประคบผ่ำนกลุ่มผู้สนใจเรียน อำทิ กลุ่มผู้เรียน กศน. กำรรวมกลุ่มเรียนรู้ของผู้เรียนกำรศึกษำ ต่อเน่ือง กศน.ตำบลท่ำผำ กลุ่มเรียนรู้จำกพื้นที่ต่ำงๆทั้งในและนอกชุมชน ฯลฯ และสนับสนุนทุน บุคคลำกร ให้กับชุมชนต่ำงๆเพื่อร่วมก่อต้ังเป็นวิสำหกิจชุมชน ผลิตและจำหน่ำยอำหำรปลอดภัยหลำยๆ อย่ำง เช่น ลูก ประคบสมุนไพร กล้วยอบน้ำผ้ึง กล้วยแปรรูป สมุนไพรแปรรูปต่ำงๆ น้ำสมุนไพร ผลิตภัณฑ์แปรรูปจำกพืชผัก ต่ำงๆ ฯลฯ ซ่ึงเป็นผลดีต่อชุมชนเป็นอย่ำงมำก เพรำะกำรรวมกลุ่มจะทำให้มีกำลังกำรผลิตที่ต่อเนื่อง สำมำรถ สร้ำงพลังในกำรต่อรองกับผู้บริโภคเพื่อให้เกิดควำมสมดุลทำงตลำด อีกทั้งยังเป็นกำรสนับสนุนให้ชุมชน สังคม เกดิ กำรรวมกลุม่ กันทำวสิ ำหกิจชุมชนได้อกี

๒๖ รปู ภาพเจา้ ของภูมิปัญญา นำงสกุ ัญธญำ สกุ ใส หน้ำรำ้ นนวดและสปำ ของตนเอง ท่ีบ้ำน หมู่ ๗ บำ้ นหนองคำงแมว รูปภาพภมู ปิ ัญญา วทิ ยำกรถ่ำยทอดเรื่องลูกประคบสมนุ ไพร ภำยในร้ำนนวดและสปำ ของตนเอง ที่บ้ำน

๒๗ ท่ี กศน.ตำบลทำ่ ผำ หมู่ ๑ บำ้ นท่ำผำ หมู่ ๗ บำ้ นหนองคำงแมว วิทยำกรถ่ำยทอดเร่ืองนวดฝ่ำเทำ้ วทิ ยำกรสอนกำรทำกลว้ ยสมนุ ไพร ที่หมู่ 11 ท่ี กศน.ตำบลท่ำผำ กำรนำผลิตภณั ฑ์สมนุ ไพรมำจัดแสดงและจำหนำ่ ยที่ กำรนำผลิตภณั ฑส์ มนุ ไพรมำจัดแสดงและ แหลง่ เรียนรู้สวนหลังบ้ำน หมู่ 11 บำ้ นห้วยขวำง จำหนำ่ ยท่ีงำนออกหนว่ ย สนิ ค้ำโอทอป ตั่งจดั แสดงลกู ประคบสมนุ ไพร

๒๘ ๔. ชอ่ื ภูมิปัญญา ไร่น้องมนิ้ ต์ เกษตรอินทรยี ์ ขอ้ มูลพ้นื ฐาน รายบคุ คล เจ้าของภมู ิปัญญาทอ้ งถนิ่ /บุคคลคลงั ปญั ญา ช่อื นางสาวมณีกาญจน์ นามสกุล บญุ ส่ง วันเดือนปีเกดิ 2๔ พฤศจิกายน ๒๕๓๑ ทีอ่ ยู่ปจั จุบนั (ที่สามารถติดต่อได้) บ้ำนเลขท่ี ๘/๑ หมู่ที่ ๑๕ ตำบลทำ่ ผำ อำเภอบ้ำนโป่ง จังหวัดรำชบรุ ี รหัสไปรษณยี ์ ๗๐๑๑๐ โทรศัพท์ ๐๙๐-๑๕๖๙๕๐๔ Line ID ๐๙๐-๑๕๖๙๕๐๔ E-mail address: [email protected] Facebook Maneekan Boonsong พกิ ดั ทางภูมิศาสตร์ ค่า X: ๑๓.๘๗๘๔๘๙๖ ค่า Y: 99.๘๕๐๐๓๗๒ ความเป็นมาของภูมปิ ัญญา นำงสำวมณีกำญจน์ บุญสง่ เปน็ ภมู ปิ ญั ญำดำ้ นเกษตรกรรม มีควำมถนดั ในกำรทำ เกษตรแบบอินทรีย์ จบกำรศึกษำในระดับปริญญำตรี หำกแต่มีควำมสนใจในเรื่องเกษตรกรรมซ่ึงเป็นส่ิงที่สำน ต่อจำกที่แม่ทำไว้ และตนเองก็มำสำนต่อแต่เปล่ียนมำทำเป็นเกษตรอินทรีย์แบบเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ โดยมี เครือข่ำยผู้สนับสนุนที่ดีอย่ำงทีมงำนคุณสุทน แสนตันเจริญ จำกบริษัท สยำมครำฟท์ จึงทำให้มีควำมพยำยำม และมุ่งมั่น จนสำมำรถเพ่ิมมูลค่ำให้กับพืชอินทรีย์ในไร่ ซ่ึงตลำดใหญ่ของพืชผักไร่น้องมิ้นต์คือ ตลำดเมืองทอง ธำนีและตลำดนัดใหญ่ SCG บำงซื่อ ทุกวันน้ีชื่อไร่น้องม้ินต์จึงติดตลำดผู้บริโภค จนกลำยเป็นแบรนด์พืชผัก อนิ ทรยี ์ไปแล้ว จดุ เด่นของภูมิปัญญาท้องถ่ิน นำงสำวมณกี ำญจน์ เปน็ ยังสมำรท์ ฟำรเ์ มอร์ รนุ่ แรกของ สนง.เกษตร จนได้รับรำงวลั ใหไ้ ปศึกษำดงู ำนทป่ี ระเทศญีป่ ุน่ ปจั จุบนั ไร่น้องมิน้ ตเ์ กษตรอนิ ทรยี ์ ตั้งอยูใ่ นพน้ื ที่ หมู่ ๑๕ บ้ำน ยำงหัก ตำบลท่ำผำ อำเภอบ้ำนโปง่ จังหวดั รำชบุรี มพี ้ืนท่ีประมำณ 2 ไร่ ดำเนินกำรจัดกำรแปลงเป็นไร่เกษตร อนิ ทรยี แ์ บบครบวงจร ต้ังแต่กระบวนกำรคิด วำงแผน คดั พนั ธุ์ เพำะปลูก ดแู ลรกั ษำ เกบ็ เกยี่ ว จำหนำ่ ย จนกระท่ังเกดิ องค์ควำมรู้สำมำรถถ่ำยทอดควำมร้ใู นกำรประกอบอำชีพสูช่ ุมชน สำมำรถช่วย ลดรำยจำ่ ย เพม่ิ รำยได้ สรำ้ งงำน สรำ้ งอำชพี ใหก้ ับครอบครัว ชมุ ชน โดยยดึ แนวทำงหลักปรชั ญำของเศรษฐกจิ พอเพียง คน้ ควำ้ หำควำมรูจ้ ำกแหล่งเรยี นรู้และเครือขำ่ ยตำ่ งๆ แล้วจึงลงมอื ปฏบิ ัติอย่ำงจริงจงั โดยยึดหลกั เศรษฐกจิ พอเพยี งใน กำรทำงำน วตั ถุดิบทใี่ ชป้ ระโยชนใ์ นผลิตภัณฑท์ เ่ี กิดจากภมู ิปัญญา ซ่ึงพ้นื ทอ่ี ื่นไม่มี - ทดี่ ินทำกนิ เป็นของตนเองประมำณ 2 ไร่ เมลด็ พันธผ์ุ ักคัดสรรดว้ ยตัวเอง มูลไก่จำกเล้ำไก่ รายละเอยี ดของภูมิปญั ญาทอ้ งถิ่น - จำกกำรทุ่มเททำงำนอย่ำงหนกั เป็นระยะเวลำต่อเน่ืองมำเกือบสิบปี บัดนี้นำงสำวมณีกำญจน์ บุญสง่ คือภูมิปัญญำท้องถิ่นด้ำนเกษตรกรรม มีควำมถนัดในกำรทำเกษตรแบบอินทรยี ์ ดำเนินกำรจัดกำรแปลงเป็นไร่ เกษตรอินทรยี ์แบบครบวงจร ต้ังแตก่ ระบวนกำรคิด วำงแผน คดั พันธุ์ เพำะปลูก ดแู ลรกั ษำ เกบ็ เกีย่ ว จำหนำ่ ย จนกระท่ังเกิดองค์ควำมรู้สำมำรถถ่ำยทอดควำมรู้ในกำรประกอบอำชีพสู่ชุมชน สำมำรถช่วย ลดรำยจ่ำย เพิ่ม รำยได้ สร้ำงงำน สรำ้ งอำชพี ให้กบั ครอบครัวได้ช่วยส่งเสริมอำชีพ ควำมเปน็ อย่ขู องพีน่ อ้ งประชำชนทดี่ ขี ึ้น

๒๙ รูปแบบและลกั ษณะการถา่ ยทอด การประชาสมั พันธ์ เผยแพร่ภูมิปัญญาทอ้ งถิน่ ยงั ไม่เคยมกี ำรเผยแพร่/ใชเ้ ฉพำะบุคคล เคยเผยแพรเ่ ฉพำะในชมุ ชน มีกำรเผยแพรผ่ ำ่ นสอ่ื มวลชนและส่อื อนื่ อย่ำงแพร่หลำย มกี ำรดงู ำนจำกบคุ คลภำยนอก จำนวน ............ครง้ั จำนวน............คน มกี ำรนำไปใช้ อืน่ ๆ (ระบุ) ลกั ษณะของภูมิปญั ญาทอ้ งถนิ่ การพัฒนาตอ่ ยอดภมู ปิ ัญญาให้เป็นนวัตกรรม คุณค่า (มลู ค่า) และ ความ ภาคภมู ิใจ ภมู ิปัญญำท้องถ่ิน/นวัตกรรมที่คดิ ค้นขึ้นมำใหม่ ภูมิปัญญำทอ้ งถ่นิ ด้ังเดิมได้รบั กำรถำ่ ยทอด ภูมปิ ญั ญำท้องถิ่นท่ีได้พฒั นำและต่อยอด การพัฒนาต่อยอดคือ กำรทำแปลงเกษตรอินทรีย์ โดยยึดตำมแนวทำงหลักปรัชญำของเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่ง ต้องใช้ควำมรู้ควำมสำมำรถท่ีถูกต้อง อีกทั้งต้องมีควำมศรัทธำและเชื่อม่ันในศำสตร์ของพระรำชำอย่ำงแท้จริง ว่ำจะสำมำรถนำไปใช้ในกำรดำเนินชีวิต กำรทำมำหำกิน และนำพำครอบครัว ชุมชน ไปสู่ควำมมั่นคงทำง อำหำรและเศรษฐกิจของครอบครัวอย่ำงแท้จริง รวมท้ังต้องมีควำมต้ังใจจริง ทำจริง ไม่ท้อถอยง่ำยๆต้องใช้ ควำมรู้มำวำงแผนและคำนวณงำนทุกข้ันตอน ฯลฯ กำรทำในแต่ละข้ันตอน จะต้องมีควำมละเอียด รอบคอบ ประหยัด และใช้ทรัพยำกรธรรมชำติอย่ำงคุ้มค่ำมำกที่สุด กำรนำทรัพยำกรที่มีอยู่มำใช้ใหม่ก็เป็นอีกแนวทำง หนึ่งที่นำงสำวมณีกำญจน์ นำมำใช้อย่ำงได้ผล เช่น กำรนำอุปกรณ์ในครัวเรือนมำปรับใช้ เช่น กำรยกร่องปลูก ผักให้สูงพ้นพ้ืนดินเพ่ือป้องกันแมลง โดยใช้กระเบ้ืองมุงหลังคำเก่ำมำดัดแปลง กำรนำสังกะสีเก่ำ มำใช้ทำร้ัว คอกไกเ่ พ่ือป้องกันสัตว์ กำรใชไ้ ม้ยนื ต้นท่ีมีกลน่ิ เชน่ สะเดำ ยูคำลิปตัส เปน็ รั้วกน้ั ธรรมชำติ เปน็ ต้น นอกจำกนี้ มณีกำญจน์ยังขยำยองค์ควำมรู้สู่ชุมชนผ่ำนกลุ่มเป้ำหมำยต่ำงๆ เช่น ควำมรู้ด้ำนกำรทำเกษตรทฤษฎีใหม่ ควำมรู้เร่ืองกำรทำเกษตรอินทรีย์ ผ่ำนกลุ่มผู้สนใจเรียน อำทิ กลุ่มผู้เรียน กศน. กำรรวมกลุ่มเรียนรู้ของผู้เรียน กำรศึกษำต่อเนื่อง กศน.ตำบลท่ำผำ กลุ่มเรียนรู้จำกพ้ืนท่ีต่ำงๆท้ังในและนอกชุมชน ฯลฯและทำงกลุ่มเกษตร อินทรีย์ก็มีกำรรวมกลุ่มกันจัดต้ังเป็นกลุ่มเกษตรอินทรีย์ชุมชนบ้ำนยำงหัก ผลิตและจำหน่ำยอำหำรปลอดภัย หลำยๆอยำ่ ง เชน่ ผักอนิ ทรีย์ ผักปลอดสำรพิษ อปุ กรณก์ ำรปลกู ผักแบบประหยดั นำ้ กล้วยแปรรปู ฯลฯ ซ่งึ เป็น ผลดีต่อชุมชนเป็นอย่ำงมำก เพรำะกำรรวมกลุ่มจะทำให้มีกำลังกำรผลิตท่ีต่อเน่ือง สำมำรถสร้ำงพลังในกำร ต่อรองกับผู้บริโภคเพื่อใหเ้ กิดควำมสมดุลทำงตลำด อีกทั้งยังเป็นกำรสนบั สนุนใหช้ ุมชน สังคมเกิดกำรรวมกลมุ่ กนั ทำวสิ ำหกจิ ชุมชนไดอ้ ีก

๓๐ รปู ภาพเจา้ ของภมู ิปัญญา นำงสำวมณีกำญจน์ บุญสง่ กบั แปลงผักอินทรยี ์ท่ลี งมือเองทุกขนั้ ตอน

๓๑ รปู ภาพภูมิปัญญา ออกรำ้ นจำหน่ำยผักอินทรีย์ ณ ตลำดเมอื งทองธำนีออกรำ้ นจำหน่ำยผักอนิ ทรยี ์ ณ ตลำดนดั SCG บำงซ่ือ ศตั รูพืช แปลงผกั อินทรยี ์แบบลงดนิ ที่ แปลงผักอนิ ทรีย์แบบยกพื้นเพอื่ ป้องกนั ท่ี หมู่ ๑๕ บ้ำนยำงหัก หมู่ ๑๕ บำ้ นยำงหัก คอกไก่ไขอ่ นิ ทรยี ์ แปลงผดั สลัดอินทรีย์ ผักอนิ ทรียป์ ลอดสำรพิษ พร้อมจำหน่ำย

๓๒ ๕. ช่ือภมู ิปัญญา ไร่เกษตรอนิ ทรยี ์ ขอ้ มูลพ้นื ฐาน รายบุคคล เจ้าของภมู ิปญั ญาทอ้ งถิน่ /บคุ คลคลงั ปัญญา ช่ือ นางกิ่งแก้ว นามสกลุ จนั ทรสุกรี วันเดอื นปเี กดิ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๑๑ ทอี่ ยู่ปจั จุบัน (ท่ีสามารถติดตอ่ ได้) บำ้ นเลขที่ ๒๗/๓ หมู่ท่ี ๒ ตำบลทำ่ ผำ อำเภอบ้ำนโป่ง จังหวัดรำชบรุ ี รหสั ไปรษณีย์ ๗๐๑๑๐ โทรศพั ท์ ๐๘๕-๒๖๕๘๖๕๙ Line ID ๐๘๕-๒๖๕๘๖๕๙ Facebook กิง่ แก้ว จนั ทรสุกรี พกิ ดั ทางภูมิศาสตร์ ค่า X: 13.8612354 คา่ Y: 99.8606289 ความเป็นมาของภูมิปัญญา นำงก่ิงแก้ว จันทรสุกรี เป็นภูมิปัญญำด้ำนเกษตรกรรม มีควำมถนัดในกำรทำ เกษตรแบบอินทรีย์ จบกำรศึกษำในระดับมัธยมศึกษำปีที่ ๖ หำกแต่มีควำมสนใจในเรื่องเกษตรกรรมซง่ึ เป็นสิง่ ท่ีสำนต่อจำกท่ีแม่ทำไว้ และตนเองก็มำทำต่อแต่เปลี่ยนจำกนำข้ำว มำทำเป็นเกษตรอินทรีย์แบบเต็มร้อย เปอรเ์ ซน็ ต์ โดยมเี ครือขำ่ ยผสู้ นับสนุนทดี่ ีอย่ำงทีมงำนคุณสุทน แสนตนั เจรญิ จำกบริษัท สยำมครำฟท์ จงึ ทำให้ มีควำมพยำยำมและมุ่งมัน่ จนสำมำรถเพ่ิมมูลคำ่ ใหก้ ับพืชอนิ ทรียใ์ นไร่ ซึง่ ตลำดใหญข่ องพชื ผกั ไร่เกษตรอินทรีย์ นี้ คอื ขำยส่งให้กับพนกั งำนในเครอื บริษทั SCG และกล่มุ เกษตรอินทรยี ์ไรน่ อ้ งมิ้นต์ จุดเด่นของภูมิปัญญาท้องถน่ิ นำงกิ่งแกว้ จนั ทรสกุ รี มคี วำมถนัดด้ำนกำรผลิตพชื ผักปลอดสำรพิษท่ี สำมำรถจำหน่ำยสร้ำงรำยได้จุนเจือครอบครัวได้ ปัจจุบันไร่เกษตรอินทรีย์ ตั้งอยู่ในพ้ืนที่ หมู่ ๒ บ้ำนไร่กล้วย ตำบลทำ่ ผำ อำเภอบ้ำนโป่ง จงั หวดั รำชบรุ ี มีพ้ืนที่ประมำณ ๓ ไร่ ดำเนินกำรจัดกำรแปลงเปน็ ไร่เกษตรอินทรีย์ แบบครบวงจร ตั้งแต่กระบวนกำรคิด วำงแผน คดั พันธ์ุ เพำะปลกู ดแู ลรักษำ เก็บเก่ียว จำหนำ่ ย จนกระท่งั เกิด องค์ควำมรู้สำมำรถถ่ำยทอดควำมรู้ในกำรประกอบอำชีพสู่ชุมชน สำมำรถช่วย ลดรำยจ่ำย เพ่ิมรำยได้ สร้ำง งำน สร้ำงอำชีพให้กับครอบครัว ชุมชน โดยยึดแนวทำงหลักปรัชญำของเศรษฐกิจพอเพียง ค้นคว้ำหำควำมรู้ จำกแหล่งเรียนรู้และเครือข่ำยต่ำงๆ แล้วจึงลงมือปฏิบัติอย่ำงจริงจัง โดยยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงในกำร ทำงำน วตั ถดุ ิบที่ใช้ประโยชน์ในผลิตภณั ฑ์ท่ีเกดิ จากภมู ิปญั ญา ซึ่งพืน้ ท่ีอ่ืนไม่มี - ทดี่ ินทำกินเปน็ ของตนเองประมำณ 2 ไร่ เมลด็ พันธผ์ุ กั คัดสรรด้วยตวั เอง มลู ไก่จำกเลำ้ ไก่ รายละเอยี ดของภมู ปิ ัญญาท้องถ่ิน - จำกกำรทมุ่ เททำงำนอย่ำงหนักเปน็ ระยะเวลำต่อเน่ืองมำ ๒๕ ปี บัดนี้นำงกิ่งแก้ว จนั ทรสกุ รี คือภูมิ ปญั ญำท้องถิน่ ด้ำนเกษตรกรรม มคี วำมถนัดในกำรทำเกษตรแบบอินทรีย์ ดำเนินกำรจดั กำรแปลงเป็นไรเ่ กษตร อินทรยี ์แบบครบวงจร ตั้งแต่กระบวนกำรคดิ วำงแผน คดั พันธุ์ เพำะปลกู ดแู ลรักษำ เก็บเกี่ยว จำหน่ำย จนกระทั่งเกิดองค์ควำมรูส้ ำมำรถถำ่ ยทอดควำมรู้ในกำรประกอบอำชีพสชู่ มุ ชน สำมำรถชว่ ย ลดรำยจ่ำย เพิ่ม รำยได้ สร้ำงงำน สร้ำงอำชพี ให้กบั ครอบครวั ได้ชว่ ยสง่ เสรมิ อำชพี ควำมเป็นอยู่ของพี่น้องประชำชนทีด่ ขี ึ้น

๓๓ รูปแบบและลักษณะการถา่ ยทอด การประชาสัมพันธ์ เผยแพร่ภูมิปญั ญาท้องถน่ิ ยงั ไมเ่ คยมีกำรเผยแพร/่ ใช้เฉพำะบุคคล เคยเผยแพร่เฉพำะในชุมชน มกี ำรเผยแพรผ่ ำ่ นส่อื มวลชนและส่ืออ่นื อย่ำงแพร่หลำย มีกำรดงู ำนจำกบคุ คลภำยนอก จำนวน ............คร้ัง จำนวน............คน มีกำรนำไปใช้ อน่ื ๆ (ระบ)ุ ลกั ษณะของภูมปิ ัญญาท้องถ่นิ การพัฒนาตอ่ ยอดภมู ปิ ัญญาให้เปน็ นวัตกรรม คุณค่า (มูลค่า) และ ความ ภาคภมู ใิ จ ภมู ิปญั ญำทอ้ งถ่ิน/นวตั กรรมท่ีคดิ คน้ ขึน้ มำใหม่ ภูมปิ ัญญำท้องถนิ่ ด้ังเดมิ ไดร้ บั กำรถ่ำยทอด ภูมปิ ัญญำทอ้ งถนิ่ ท่ีได้พฒั นำและต่อยอด การพัฒนาต่อยอดคือ กำรทำแปลงเกษตรอินทรีย์ โดยยึดตำมแนวทำงหลักปรัชญำของเศรษฐกิจพอเพียง ซ่ึง ต้องใช้ควำมรู้ควำมสำมำรถที่ถูกต้อง อีกทั้งต้องมีควำมศรัทธำและเช่ือมั่นในศำสตร์ของพระรำชำอย่ำงแท้จริง ว่ำจะสำมำรถนำไปใช้ในกำรดำเนินชีวิต กำรทำมำหำกิน และนำพำครอบครัว ชุมชน ไปสู่ควำมม่ันคงทำง อำหำรและเศรษฐกิจของครอบครัวอย่ำงแท้จริง รวมทั้งต้องมีควำมตั้งใจจริง ทำจริง ไม่ท้อถอยง่ำยๆต้องใช้ ควำมรู้มำวำงแผนและคำนวณงำนทุกข้ันตอน ฯลฯ กำรทำในแต่ละขั้นตอน จะต้องมีควำมละเอียด รอบคอบ ประหยัด และใช้ทรัพยำกรธรรมชำติอย่ำงคุ้มค่ำมำกท่ีสุด กำรนำทรัพยำกรท่ีมีอยู่มำใช้ใหม่ก็เป็นอีกแนวทำง หน่ึงที่นำงกิ่งแก้ว นำมำใช้อย่ำงได้ผล เช่น กำรนำอุปกรณ์ในครัวเรือนมำปรับใช้ เช่น กำรยกร่องปลูกผักให้สูง พ้นพ้ืนดินเพ่ือป้องกันแมลง โดยใช้กระเบื้องมุงหลังคำเก่ำมำดัดแปลง กำรนำโครงเหล็กเต๊นท์มำใช้ทำโรงเรือน ผักกำงมุ้ง กำรใช้ไม้ยืนต้นท่ีมีกลิ่น เช่น สะเดำ ยูคำลิปตัส เป็นรั้วก้ันธรรมชำติ เป็นต้น กำรทำปุ๋ยหมักใช้เอง นอกจำกน้ี นำงก่ิงแก้วยังขยำยองคค์ วำมรสู้ ชู่ ุมชนผ่ำนกลมุ่ เป้ำหมำยตำ่ งๆ เช่น ควำมรดู้ ้ำนกำรทำเกษตรทฤษฎี ใหม่ ควำมรู้เรื่องกำรทำเกษตรอินทรีย์ ผ่ำนกลุ่มผู้สนใจเรียน อำทิ กลุ่มผู้เรียน กศน. กำรรวมกลุ่มเรียนรู้ของ ผู้เรียนกำรศึกษำต่อเน่ือง กศน.ตำบลท่ำผำ กลุ่มเรียนรู้จำกพ้ืนท่ีต่ำงๆท้ังในและนอกชุมชน ฯลฯและทำงกลุ่ม เกษตรอินทรีย์ก็มีกำรรวมกลุ่มกันจัดตั้งเป็นกลุ่มเกษตรอินทรีย์ชุมชนบ้ำนไร่กล้วย ผลิตและจำหน่ำยอำหำร ปลอดภัยหลำยๆอย่ำง เช่น ผักอินทรีย์ ผักปลอดสำรพิษ อุปกรณ์กำรปลูกผักแบบประหยัดน้ำ กล้วยแปรรูป ฯลฯ ซึ่งเป็นผลดีต่อชุมชนเป็นอย่ำงมำก เพรำะกำรรวมกลุ่มจะทำให้มีกำลังกำรผลิตท่ีต่อเน่ือง สำมำรถสร้ำง พลังในกำรต่อรองกับผู้บริโภคเพ่ือให้เกิดควำมสมดุลทำงตลำด อีกทั้งยังเป็นกำรสนับสนุนให้ชุมชน สังคมเกิด กำรรวมกลุ่มกนั ทำวสิ ำหกิจชุมชนไดอ้ ีก

๓๔ รูปภาพเจา้ ของภมู ปิ ัญญา นำงกิง่ แกว้ จนั ทรสกุ รี หนำ้ รำ้ นจำหนำ่ ยสนิ คำ้ เกษตรอินทรียข์ องตนเอง ทบ่ี ำ้ นไร่กล้วย หมู่ 2

๓๕ รูปภาพภูมปิ ัญญา แปลงผักสลัดอินทรยี ์แบบยกพื้นเพ่ือป้องกนั แมลง แปลงผกั สลดั แบบคลมุ แปลงดว้ ยมงุ้ ตำขำ่ ยเพอ่ื ศัตรพู ชื ท่ี หมู่ 2 บ้ำนไร่กลว้ ย ปอ้ งกันแมลงศัตรูพืช ท่ี หมู่ 2 บ้ำนไรก่ ลว้ ย แปลงผักสลดั แบบคลุมแปลงดว้ ยมุ้งตำข่ำย แปลงผกั สลดั อินทรียแ์ บบยกพืน้

๓๖ ๖. ชื่อภูมปิ ัญญา ไร่นาสวนผสม เกษตรทฤษฎใี หม่ ข้อมูลพื้นฐาน รายบคุ คล เจ้าของภูมิปญั ญาท้องถิน่ /บคุ คลคลงั ปญั ญา ชือ่ นายประสงค์ นามสกุล ทองมลู วันเดือนปีเกดิ ๑๗ ธนั วาคม ๒๕๐๙ ทีอ่ ยู่ปัจจุบัน (ทีส่ ามารถตดิ ตอ่ ได้) บำ้ นเลขที่ ๘๑/๒ หมู่ที่ ๕ ตำบลทำ่ ผำ อำเภอบ้ำนโป่ง จังหวัดรำชบรุ ี รหัสไปรษณยี ์ ๗๐๑๑๐ โทรศพั ท์ ๐๘๑-๗๒๘๘๘๑๖ Line ID ๐๘๑-๗๒๘๘๘๑๖ Facebook ประสงค์ ทองมูล พกิ ัดทางภูมศิ าสตร์ คา่ X: 13.8581353 ค่า Y: 99.8708907 ความเป็นมาของภูมิปญั ญา นำยประสงค์ ทองมูล เปน็ ภูมปิ ัญญำดำ้ นเกษตรกรรม มคี วำมถนดั ในกำรทำเกษตร แบบไร่นำสวนผสม จบกำรศึกษำในระดบั มธั ยมศึกษำตอนปลำยจำก กศน.อำเภอบ้ำนโป่ง หำกแต่มีควำมสนใจ ในเรื่องเกษตรกรรมซง่ึ เป็นสงิ่ ท่สี ำนตอ่ จำกท่ีพ่อ-แมท่ ำไว้ และตนเองกม็ ำทำต่อแต่เปล่ียนจำกนำข้ำว มำทำเปน็ เกษตรไร่นำสวนผสม โดยมีกำรรวมกลุ่มกันทำในหมูพ่ ี่น้อง และเครือญำติ มตี ลำดที่แนน่ อนคือ ผลิตส่งให้ น้องสำวซึง่ เปน็ แมค่ ำ้ ผักส่งตลำดพชื ผักนครปฐม เรียกได้ว่ำเป็นกำรรวมกลมุ่ ทำกำรเกษตรแบบครัวเรอื นอย่ำง แท้จรงิ มีกำรวำงแผนจัดกำรระบบน้ำอย่ำงถำวร มเี ครอื่ งไมเ้ ครือ่ งมือทำงกำรเกษตรครบครัน มีกำรเปิดรบั และ พฒั นำเทคโนโลยใี หม่ๆเขำ้ มำปรับใช้อย่เู สมอ มีกำรสง่ ต่อผลัดเกษตรกรใหมๆ่ รุ่นต่อรนุ่ ที่สำคัญมสี ่วนแบง่ และ สำมำรถกำหนดรำคำสนิ ค้ำในตลำดได้ มีกำรวำงแผนงำนกำรผลติ ทชี่ ดั เจน มีกำรผอ่ งถ่ำยองค์ควำมรู้และส่วน แบ่งกำรตลำดให้กบั เครือข่ำย จงึ ทำใหไ้ ร่นำสวนผสมแหง่ นีม้ คี วำมครบวงจรและยั่งยนื จนสำมำรถสรำ้ งงำน สรำ้ งรำยได้ใหก้ ับเครือขำ่ ยในชุมชนหลำยครัวเรอื น จุดเด่นของภูมิปัญญาท้องถิ่น นำงประสงค์ ทองมูล มีควำมถนัดด้ำนกำรทำเกษตรไร่นำ สวนผสม และ สำมำรถนำแนวคิดเกษตรทฤษฎีใหม่ขององค์พระบำทสมเด็จพระเจ้ำอยู่หัวรัชกำลท่ี ๙ มำปรับใช้ในพื้นที่ได้ อย่ำงลงตัวเหมำะสม สำมำรถผลิตพชื ผกั ปลอดภยั ทส่ี ำมำรถจำหน่ำยสรำ้ งรำยได้จนุ เจือครอบครัวได้ ปจั จบุ ันไร่ นำสวนผสมแห่งน้ี ต้ังอยู่ในพื้นที่ หมู่ ๕ บ้ำนดอนเสลำ ตำบลท่ำผำ อำเภอบ้ำนโป่ง จังหวัดรำชบุรี มีพื้นท่ี ประมำณ ๑๕ ไร่ ดำเนินกำรจัดกำรแปลงเป็นไร่นำสวนผสมแบบครบวงจร ต้ังแต่กระบวนกำรคิด วำงแผน คัด พันธ์ุ เพำะปลูก ดูแลรักษำ เก็บเก่ียว จำหน่ำย จนกระทั่งเกิดองค์ควำมรู้สำมำรถถ่ำยทอดควำมรู้ในกำร ประกอบอำชีพสู่ชุมชน สำมำรถช่วย ลดรำยจ่ำย เพิ่มรำยได้ สร้ำงงำน สร้ำงอำชีพให้กับครอบครัว ชุมชน โดย ยึดแนวทำงหลักปรชั ญำของเศรษฐกิจพอเพียง ค้นควำ้ หำควำมร้จู ำกแหล่งเรียนรู้และเครือข่ำยต่ำงๆ แลว้ จึงลง มือปฏิบัติอยำ่ งจรงิ จงั โดยยดึ หลักเศรษฐกิจพอเพียงในกำรทำงำน วัตถดุ ิบทใี่ ช้ประโยชน์ในผลิตภัณฑท์ ่เี กดิ จากภูมปิ ญั ญา ซึง่ พนื้ ที่อืน่ ไม่มี - ท่ดี ินทำกนิ เป็นของตนเองประมำณ 2 ไร่ เมล็ดพันธผุ์ กั คัดสรรดว้ ยตวั เอง มลู ไกจ่ ำกเล้ำไก่ รายละเอยี ดของภูมิปัญญาท้องถิน่ - จำกกำรท่มุ เททำงำนอย่ำงหนักเปน็ ระยะเวลำตอ่ เน่ืองมำ ๓๐ปี บัดนีน้ ำยประสงค์ ทองมูล คอื ภูมปิ ัญญำ ท้องถ่นิ ดำ้ นเกษตรกรรม มีควำมถนัดในกำรทำเกษตรแบบไร่นำสวนผสม เกษตรทฤษฎีใหม่ ดำเนินกำรจัดกำร แปลงเป็นไร่เกษตรแบบครบวงจร ตง้ั แต่กระบวนกำรคิด วำงแผน คัดพันธ์ุ เพำะปลูก ดแู ลรกั ษำ เก็บเกยี่ ว

๓๗ จำหน่ำย จนกระทั่งเกิดองค์ควำมร้สู ำมำรถถ่ำยทอดควำมรู้ในกำรประกอบอำชีพสู่ชุมชน สำมำรถชว่ ย ลด รำยจำ่ ย เพ่มิ รำยได้ สรำ้ งงำน สร้ำงอำชพี ใหก้ บั ครอบครัวได้ช่วยสง่ เสริมอำชพี ควำมเปน็ อยู่ของพนี่ ้อง ประชำชนทด่ี ีขนึ้ รูปแบบและลักษณะการถ่ายทอด การประชาสมั พนั ธ์ เผยแพรภ่ ูมปิ ัญญาทอ้ งถ่นิ ยังไมเ่ คยมีกำรเผยแพร่/ใช้เฉพำะบุคคล เคยเผยแพรเ่ ฉพำะในชมุ ชน มีกำรเผยแพรผ่ ำ่ นส่อื มวลชนและสือ่ อ่ืนอย่ำงแพร่หลำย มีกำรดูงำนจำกบุคคลภำยนอก จำนวน ............ครัง้ จำนวน............คน มกี ำรนำไปใช้ อ่ืนๆ (ระบุ) ลกั ษณะของภูมปิ ญั ญาทอ้ งถ่ิน การพฒั นาตอ่ ยอดภูมปิ ัญญาให้เปน็ นวตั กรรม คุณค่า (มลู คา่ ) และ ความ ภาคภมู ใิ จ ภมู ิปัญญำท้องถิ่น/นวัตกรรมทค่ี ดิ ค้นขนึ้ มำใหม่ ภมู ิปญั ญำท้องถนิ่ ดั้งเดมิ ไดร้ บั กำรถำ่ ยทอด ภูมปิ ญั ญำท้องถ่นิ ที่ไดพ้ ฒั นำและต่อยอด การพัฒนาต่อยอดคือ กำรทำแปลงเกษตรผสมผสำนแบบครบวงจร โดยยึดตำมแนวทำงหลักปรัชญำของ เศรษฐกิจพอเพียง ซ่ึงต้องใช้ควำมรู้ควำมสำมำรถที่ถูกต้อง อีกท้ังต้องมีควำมศรัทธำและเชื่อม่ันในศำสตร์ของ พระรำชำอย่ำงแท้จริง ว่ำจะสำมำรถนำไปใช้ในกำรดำเนินชีวิต กำรทำมำหำกิน และนำพำครอบครัว ชุมชน ไปสู่ควำมม่ันคงทำงอำหำรและเศรษฐกิจของครอบครัวอย่ำงแท้จริง รวมทั้งต้องมีควำมตั้งใจจริง ทำจริง ไม่ ท้อถอยง่ำยๆต้องใช้ควำมรู้มำวำงแผนและคำนวณงำนทุกข้ันตอน ฯลฯ กำรทำในแต่ละขั้นตอน จะต้องมีควำม ละเอยี ด รอบคอบ ประหยัด และใช้ทรพั ยำกรธรรมชำตอิ ย่ำงคมุ้ ค่ำมำกท่ีสดุ กำรนำทรัพยำกรทม่ี ีอยู่มำใช้ใหม่ก็ เปน็ อกี แนวทำงหนึ่งท่นี ำยประสงค์ นำมำใช้อย่ำงได้ผล เช่น กำรนำอุปกรณใ์ นครวั เรือนมำปรับใช้ อำทิ กำรนำ ท่อน้ำพลำสติก (pvc) มำทำท่อน้ำแรงดันสูง หรือ airway กำรเลือกปลูก ผักท่ีมีกล่ินฉุน เช่น กุ้ยช่ำย ช่วยลด กำรใชย้ ำในแปลงผกั กำรสร้ำงระบบน้ำ ทัง้ บ่อบำดำล รอ่ งนำ้ บอ่ ปลำ เพือ่ กำรมนี ำใช้ท่ยี ง่ั ยืน กำรใชไ้ ม้ยนื ต้นที่ มีกลิ่น เช่น สะเดำ ยูคำลิปตัส เป็นรั้วกั้นธรรมชำติ เป็นต้น กำรทำปุ๋ยหมักใช้เอง กำรมีอุปกรณ์ เครื่องมือเป็น ของตนเอง เช่นรถไถ รถแบ็คโฮ ช่วยลดทุนด้ำนกำรเตรียมดิน นอกจำกนี้ นำยประสงค์ยังขยำยองค์ควำมรู้สู่ ชุมชนผำ่ นกลุ่มเป้ำหมำยตำ่ งๆ เช่น ควำมรดู้ ้ำนกำรทำเกษตรทฤษฎีใหม่ ควำมรู้เรือ่ งกำรทำเกษตรอนิ ทรยี ์ ผ่ำน กลุ่มผู้สนใจเรียน อำทิ กลุ่มผู้เรียน กศน. กำรรวมกลุ่มเรียนรู้ของผู้เรียนกำรศึกษำต่อเนื่อง กศน.ตำบลท่ำผำ กลุ่มเรียนรู้จำกพ้ืนท่ีต่ำงๆท้ังในและนอกชุมชน ฯลฯและทำงกลุ่มเกษตรบ้ำนดอนเสลำ ก็มีกำรรวมกลุ่มกัน จัดต้ังเป็นกลุ่มเกษตรรำยย่อยชุมชนบ้ำนดอนเสลำ ผลิตและจำหน่ำยอำหำรปลอดภัยหลำยๆอย่ำง เช่น ผัก อินทรีย์ ผักปลอดสำรพิษ อุปกรณ์กำรปลูกผักแบบประหยัดน้ำ กล้วยแปรรูป ฯลฯ ซ่ึงเป็นผลดีต่อชุมชนเป็น อย่ำงมำก เพรำะกำรรวมกลุ่มจะทำให้มีกำลังกำรผลิตที่ต่อเน่ือง สำมำรถสร้ำงพลังในกำรต่อรองกับผู้บริโภค เพ่ือให้เกิดควำมสมดุลทำงตลำด อีกท้ังยังเป็นกำรสนับสนุนให้ชุมชน สังคมเกิดกำรรวมกลุ่มกันทำวิสำหกิจ ชมุ ชนไดอ้ ีก

๓๘ รปู ภาพเจา้ ของภมู ิปัญญา นำยประสงค์ ทองมลู กบั ซุ้มฟักเขียว บวบ มะระ ท่ีบำ้ นดอนเสลำ หมู่ ๕

๓๙ รปู ภาพภูมปิ ัญญา กำร คลุมแปลงผักด้วยฟำงเพื่อลดกำรคำยควำมชื้น กำรจดั สรรที่ดินทำกนิ ในแปลงเกษตรผสมผสำน กำรจดั กำรระบบนำ้ ในแปลงเกษตรฯโดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ เช่น ท่อดันน้ำระบบแอร์เวย์ ต้อนรับคณะศึกษำดงู ำนจำก บ้ำนหว้ ยขวำง หมู่ 11 ใน กิจกรรมพัฒนำสงั คมและชมุ ชน หลักสตู รกำรทำไร่นำ สวนผสม ของ กศน.ตำบลท่ำผำ

๔๐ ๗. ชื่อภมู ิปัญญา ลงุ ตนุ่ ขา้ วปลอดสารพิษ ขอ้ มูลพ้นื ฐาน รายบุคคล เจา้ ของภมู ิปญั ญาท้องถน่ิ /บคุ คลคลังปัญญา ช่ือ นายอดุลย์ เภาศรี วัน เดือน ปีเกดิ ๓ มีนาคม ๒๔๙๕ ท่ีอยู่ปจั จบุ นั (ทีส่ ามารถติดตอ่ ได้) บำ้ นเลขท่ี ๖๑/๑๑ หม่ทู ่ี ๑ ตำบลท่ำผำ อำเภอบำ้ นโป่ง จังหวัดรำชบรุ ี รหัสไปรษณยี ์ ๗๐๑๑๐ โทรศพั ท์ ๐๘๑-๒๕๙๔๓๙๒ พกิ ัดทางภมู ศิ าสตร์ คา่ X: 13.842713 ค่า Y: 99.869359 ความเป็นมาของภูมิปัญญา นำยอดุลย์ เภำศรี อดีตผู้ใหญ่บ้ำน หมู่ท่ี ๑ ตำบลท่ำผำ พ้ืนเพเดิมเป็นชำวบ้ำน ท่ำผำโดยกำเนิด แต่ชีวิตในวัยหนุ่มได้เดินทำงไปทำไม้ในประเทศเพื่อนบ้ำน เช่น พม่ำ ลำว เขมร จนสำมำรถ สร้ำงครอบครัวได้เป็นปึกแผ่น มั่นคง และได้ซ้ือท่ีดินเพ่ิมเติมในละแวกหมู่บ้ำน ซ่ึงเป็นที่นำ ประมำณ ๔๐ ไร่ และนำประสบกำรณ์และได้เห็นส่ิงต่ำงๆมำมำกมำย มำประยุกต์ใช้ในกำรพัฒนำชุมชนบ้ำนเกิด และทำมำหำ กินเลี้ยงครอบครัวได้เป็นอย่ำงดี โดยเริ่มจำกกำรทำนำปี และนำปรัง โดยในระยะแรกก็เป็นกำรปลูกข้ำวโดย มุ่งเนน้ ทกี่ ำรปลูกเพ่ือส่งโรงสีเป็นหลัก จงึ ตอ้ งใชป้ ุ๋ยและยำเป็นปริมำณมำก ส่งผลให้ดนิ เส่อื มโทรม และรำ่ งกำร ผู้ปลูกกอ็ ่อนแอ ป่วยงำ่ ย จำกกำรสะสมพิษยำในรำ่ งกำยมำกเกนิ ไป ประกอบกับในระยะ ๕-๖ ปใี ห้หลงั กระแส กำรบริโภคข้ำวอินทรีย์มีแนวโน้มดีขึ้น จึงได้ปรับเปล่ียนแปลงนำข้ำวจำนวน ๑๐ ไร่ ให้เป็นข้ำวอินทรีย์ (ตำม มำตรฐำน ข้ำวอินทรีย์) และอีก ๓๐ ไร่ เป็นข้ำวปลอดสำรพิษ ตำมสภำพควำมเหมำะสมของพ้ืนท่ี ซ่ึงพันธ์ุข้ำว ที่ลุงตุ่นนำมำมำปลูก ได้แก่ ข้ำวน้ำตำลต่ำพันธุ์ กข ๔๓ ข้ำวหอมมะลิ ๑๐๕ ข้ำวไรซ์เบอร่ี ข้ำวพันธ์ุทับทิมชุม แพ ขำ้ วหอมมะลแิ ดง เปน็ ต้น ปจั จบุ นั ไดน้ ำผลิตภณั ฑ์ข้ำวปลอดสำรพษิ และข้ำวอนิ ทรีย์ ซ่งึ มที ั้งขำ้ วกลอ้ ง และ ข้ำวขำวออกจำหน่ำยตำมงำนแสดงสินค้ำในชุมชน หรืองำนออกร้ำนต่ำงๆ เช่นงำนเกษตร ฯ และยังนำสินค้ำ วำงจำหนำ่ ยในเป็นประจำในโรงพยำบำลหลำยๆแหง่ ซงึ่ เปน็ กำรสร้ำงช่ือเสียงให้กบั ชมุ ชน กล่มุ อำชพี วสิ ำหกิจฯ และสำมำรถสร้ำงงำน สรำ้ งรำยไดใ้ หก้ ับสมำชิและชมุ ชนไดเ้ ป็นอย่ำงดี ชว่ ยใหค้ รอบครวั และชุมชนมอี ำชพี และ เปน็ กำรถำ่ ยทอดองคค์ วำมรู้สู่ชุมชนได้เป็นอยำ่ งดี จุดเด่นของภูมิปัญญาท้องถ่ิน เป็นเจ้ำของสถำนประกอบกำรและเป็นประธำนกลุ่มวิสำหกิจชุมชนฯ มีควำม รับผิดชอบ มีควำมเข้มแข็ง อัธยำศัยดี รักครอบครัว ขยัน อดทน ใฝ่รู้ใฝ่เรียน และมีควำมกระตือรือร้นในกำร พัฒนำแหล่งเรียนรู้ ชุมชน อยู่เสมอ มีควำมรู้ควำมเข้ำใจ ทักษะ สำมำรถนำหลกั ปรัชญำของเศรษฐกิจพอเพียง มำปรับใช้ในกำรสร้ำงแหล่งเรียนรู้ จุดสำธิตและถ่ำยทอดเทคโนโลยี กลุ่มพัฒนำอำชีพ ฯลฯ มำกมำย สำมำรถ สร้ำงงำน สร้ำงอำชีพให้กับชำวบ้ำนในชุมชนได้เป็นอย่ำงดี อีกท้ังยังสำมำรถถ่ำยทอดองค์ควำมรู้สู่ในชุมชน ได้ เป็นอยำ่ งดีอีกด้วย วัตถุดิบท่ใี ชป้ ระโยชน์ในผลติ ภณั ฑท์ ีเ่ กิดจากภมู ปิ ัญญา ซ่ึงพน้ื ท่อี นื่ ไม่มี - ขำ้ วเปลือกท่ีปลูกเองโดยกระบวนกำรอนิ ทรีย์ รายละเอยี ดของภมู ปิ ญั ญาท้องถน่ิ - จำกกำรทมุ่ เททำงำนอยำ่ งหนักเป็นระยะเวลำต่อเนื่องมำกว่ำ ๑๐ ปี บัดน้นี ำยอดุลย์ เภำศรี และ กลุ่มวสิ ำหกิจชมุ ชนหมู่ท่ี ๑ ตำบลท่ำผำ พรอ้ มแล้วทจี่ ะเป็นแหลง่ เรยี นร้ดู ำ้ นกำรผลติ ข้ำวปลอดภัย ส่งเสรมิ

๔๑ สุขภำพ ในรปู แบบต่ำงๆ ใหส้ ำมำรถก้ำวไกลสคู่ วำมตอ้ งกำรบริโภคของคนทกุ ระดบั อีกทงั้ ยัง รบั สัง่ ออเดอร์ และส่งสนิ ค้ำในระยะทส่ี ะดวกได้อีกดว้ ย และพรอ้ มท่ีจะเป็น จุดสำธติ และถ่ำยทอดเทคโนโลยี กลุ่มพฒั นำอำชีพ ฯลฯ มำกมำย ได้ชว่ ยส่งเสริมอำชพี ควำมเป็นอยู่ของพนี่ ้องประชำชนทดี่ ขี ึน้ รูปแบบและลกั ษณะการถ่ายทอด การประชาสมั พันธ์ เผยแพร่ภูมปิ ัญญาท้องถ่นิ ยังไมเ่ คยมีกำรเผยแพร/่ ใชเ้ ฉพำะบุคคล เคยเผยแพร่เฉพำะในชุมชน มีกำรเผยแพร่ผำ่ นสื่อมวลชนและส่ืออน่ื อย่ำงแพร่หลำย มกี ำรดูงำนจำกบุคคลภำยนอก จำนวน ............ครง้ั จำนวน............คน มีกำรนำไปใช้ อืน่ ๆ (ระบ)ุ ลกั ษณะของภูมปิ ญั ญาท้องถน่ิ การพฒั นาต่อยอดภูมิปัญญาให้เปน็ นวตั กรรม คณุ ค่า (มลู ค่า) และ ความ ภาคภูมิใจ ภูมิปัญญำทอ้ งถ่ิน/นวตั กรรมท่ีคิดค้นขึ้นมำใหม่ ภมู ิปัญญำท้องถิ่นด้ังเดิมไดร้ บั กำรถำ่ ยทอด ภมู ปิ ญั ญำท้องถ่นิ ท่ีไดพ้ ฒั นำและต่อยอด การพัฒนาต่อยอดคือ กำรทำผลิตภัณฑ์ข้ำวกล้อง ข้ำวปลอดสำรพิษ เป็นกำรรวมกลุ่มกันของสมำชิกในชุมชน มีกำรกระจำยงำนออกต้ังแต่เร่ิมต้นคือ กำรปลูกข้ำวปลอดสำรพิษในชุมชน กำรสีข้ำวในโรงสีชุมชนและพ้ืนที่ ใกล้เคียงเป็นรูปแบบเครือข่ำย กำรจัดจำหน่ำยสินค้ำโดยวำงขำยในตลำดทั้งในและนอกชุมชน เช่น งำนแสดง สินค้ำโอทอป ต่ำงๆ กำรร่วมวำงจำหน่ำยกับกลุ่มสินค้ำที่มีควำมคล้ำยคลึงกัน เช่น กลุ่มข้ำวปลอดสำรพิษจำก ตำบลอ่ืนๆ เช่นตำบลบ้ำนม่วง ตำบลหนองปลำหมอ ตำบลปำกแรต เป็นต้น กำรเปิดให้สมำชิกทั้งในและนอก กลุ่มวิสำหกิจ ที่สนใจได้เข้ำไปเรียนรู้ โดยผ่ำนกระบวนกำรทำงำน ไปสู่เยำวชนรุ่นใหม่นั้น สำมำรถกระจำย รำยได้และควบคุมตลำดได้ในระดับหน่ึง เพรำะกำรรวมกลุ่มจะทำให้มีกำลังกำรผลิตที่ต่อเนื่อง สำมำรถสร้ำง พลังในกำรต่อรองกับผู้บริโภคเพื่อให้เกิดควำมสมดุลทำงตลำด อีกท้ังยังเป็นกำรสนับสนุนให้ชุมชน สังคมเกิด กำรรวมกลมุ่ กันทำวสิ ำหกิจชุมชนไดอ้ กี

๔๒ รปู ภาพเจา้ ของภมู ิปัญญา นายอดุลย์ เภาศรี หรอื ลุงตนุ่ กบั กระสอบขา้ วสารปลอดสารพษิ ทง้ั ขา้ วกล้อง ขา้ วขาว

๔๓ รปู ภาพภมู ิปัญญา ผลิตภณั ฑ์ขำ้ วปลอดสำรพิษ ขำ้ วกลอ้ งอินทรยี ์ ข้ำวน้ำตำลตำ่ แปลงปลูกขำ้ วปลอดสำรพษิ ข้ำวอนิ ทรยี ์ ลุงตนุ่ กับกระสอบข้ำวสำรปลอดสำรพิษ ทั้งข้ำวกล้อง ข้ำวขำว

๔๔ ๘. ศนู ย์เรยี นรู้เศรษฐกจิ พอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ประจำตำบลท่ำผำ เปิดเมื่อวันท่ี 13 มถิ ุนำย 2559 โดยมี นำยนสิ นั ต์ งว่ นสำอำงค์ กำนนั ตำบลท่ำผำ เป็นประธำน และรับกำรนิเทศจำก ผอู้ ำนวยกำร สำนกั งำน กศน.จังหวดั รำชบรุ ี พรอ้ มคณะ เมอ่ื วนั ที่ 30 เมษำยน 2564 ภำพจดุ เรยี นรใู้ นศนู ย์ ฯ ดำ้ นกำรปรบั ปรุงดนิ เพื่อใหเ้ หมำะสมกับกำรปลกู พชื โดยใช้วสั ดุทม่ี ใี นท้องถิน่ เชน่

๔๕ ใบจำมจุรี แกลบ ข้เี ล่ือย ข้ีวัว ฯ ภำพจุดสำธติ กำรจัดกำรน้ำ โดยใช้วธิ ีกำรเพมิ่ แรงดนั น้ำ ดว้ ยอำกำศ (Air way) และดัดแปลงอุปกรณ์ปั่นน้ำจำก วัสดเุ หลอื ใช้ โดยภูมปิ ัญญำทอ้ งถิ่น ภำพจดุ เรยี นรใู้ นศนู ย์ ฯ เรอ่ื งกำรปลูกพชื (กล้วยพันธต์ ำ่ งๆ) ในพนื้ ที่ดนิ เส่อื มโทรม (ดนิ ปนหิน,ปูน,วสั ดุก่อสร้ำง ฯลฯ) โดยใช้วิธกี ำรขุดหลมุ ขนำด 50 x 50 x 50 แลว้ รองกน้ หลมุ ดว้ ยวสั ดุปรบั ปรุงดนิ (วัสดุอินทรยี ์ จำก ท้องถิ่น) ดแู ล บำรงุ รักษำโดยวธิ ผี สมผสำน ทั้งอินทรียแ์ ละเคมี

๔๖ ภำพจุดเรยี นรใู้ นศูนย์ เรื่อง กำรทำแปลง ปลูกพืชผักสวนครัวแบบอนิ ทรีย์ โดยใช้

๔๗ ใบจำมจรุ ี ขเี้ ลอ่ื ยจำกก้อนเหด็ นำงฟำ้ และข้วี วั เปน็ วัสดรุ องพ้นื ภำพมมุ เรียนรู้ ปรชั ญำของเศรษฐกจิ พอเพยี งภำยในศนู ย์ ฯ ๙. แหลง่ เรยี นรู้เกษตรปลอดภยั (เกษตรธรรมชำต)ิ ประจำตำบลทำ่ ผำ “ไรน่ ำคปำน”หมู่ 9 ตำบลท่ำผำ

๔๘

๔๙ ภาคผนวก ภาพการจัดกิจกรรมภายในศนู ยฯ์ และการจัดกิจกรรมรว่ มกบั เครือขา่ ย กิจกรรมเรียนรู้หลักปรชั ญำของเศรษฐกิจพอเพียง ในรปู แบบต่ำงๆให้กับกล่มุ เปำ้ หมำยในพน้ื ที่ตำบล ทำ่ ผำ ในรอบ 6 เดือน ทผ่ี ำ่ นมำ ของ กศน.ตำบลทำ่ ผำ โดยยดึ หลกั ปรัชญำของเศรษฐกจิ พอเพียง และกำร พึ่งพำตนเอง โดยกำรใช้ทนุ ที่มใี นชมุ ชน เช่น วิทยำกร วตั ถดุ บิ ฯลฯ ลดกำรนำเข้ำของวัตถุดบิ นอกชมุ ชนใหม้ ำก ท่สี ุด กำรพัฒนำศักยภำพของบคุ คล กลุม่ อำชพี ตำ่ งๆ

๕๐


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook