นอกจากนยี้ งั มวี ิตามนิ เค ซึ่งเป็ นปัจจยั ที่สาคญั ในการสรา้ งปัจจยั การ แขง็ ตวั ของเลือดในกลมุ่ ของ prothrombin complex ซึ่งไดแ้ ก่ แฟกเตอร์ II VII IX X ถา้ ปัจจยั ทง้ั 4 มคี วามผดิ ปกติ ทง้ั ในทางปริมาณและหนา้ ที่ จะทาใหเ้ สน้ เลอื ดเปราะ เกล็ดเลอื ดไม่ รวมตวั หรือเลอื ดไมเ่ กดิ การแขง็ ตวั เมอื่ เสน้ เลือดฉีกขาด ก็จะทาให้ ผปู้ ่ วยเกดิ ปัญหาเลอื ดออกผดิ ปกตไิ ด้
อาการเลือดออกท่ีผดิ ปกตมิ ไี ดห้ ลายลกั ษณะคอื จา้ เลอื ด หรือ “purpura” เป็ นภาวะทม่ี เี ลอื ดออกใตผ้ วิ หนงั หรอื ออกท่เี ย่อื เมอื ก (mucous membrane) ทาใหม้ รี อยเขยี วตาม ผวิ หนงั กดแลว้ ไมจ่ างหายไป ถา้ ออกเป็ นจดุ เล็กๆ เรียกว่า petichiae ถา้ ออกเป็ นจดุ ปานกลางเรียกว่า purpuric spot ถา้ ออกเป็ นจา้ ใหญๆ่ เรียกว่า ecchymosis หรือท่เี รีย กนั ว่า “พรายยา้ ”
คอื เลอื ดออกจากสาเหตเุ ฉพาะท่ี เชน่ แผลในกระเพราะอาหาร เลือดออกจากโรคอื่น เชน่ โรคตบั โรคไตเรื้อรงั และเลือดออกจาก โรคเลือด ซึ่งเลอื ดออกจากโรคเลอื ดหรือมคี วามผดิ ปกตขิ องกลไก การหา้ มเลอื ด มลี กั ษณะเฉพาะคอื 1. มเี ลือดออกในหลายอวยั วะพรอ้ มกนั 2. อาจไดป้ ระวตั คิ รอบครวั หรือมปี ระวตั โิ รคเลอื ดนามากอ่ น 3. ตรวจพบความผดิ ปกตขิ องเกล็ดเลอื ด ของหลอดเลอื ด หรือของ การแข็งตวั ของเลอื ด
ภาวะเลอื ดออกงา่ ยหยดุ ยาก กอ่ ใหเ้ กดิ ผลตามมา 3 ลกั ษณะ คือ1. ภาวะซีดจากการเสียเลือด2. ภาวะช็อกจากการเสยี เลอื ดจานวนมาก3. ภาวะบกพรอ่ งของอวยั วะสว่ นที่เสียเลือด เชน่ การมเี ลอื ดออกในสมอง การมเี ลือดออกในขอ้ และทางเดนิ อาหาร
1. การซกั ประวตั ิ การวินจิ ฉยั ภาวะเลอื ดออกงา่ ยหยดุ ยากในเด็กควรซกั ตง้ั แต่- ประวัตกิ ารตงั้ ครรภข์ องมารดา ประวตั กิ ารคลอด- ความผดิ ปกตหิ ลงั คลอด เชน่ การมเี ลอื ดออกจากสายสะดอื มากหรือนานกว่าปกติ- ประวตั เิ ลอื ดออกงา่ ยหยดุ ยากในครอบครวั โดยเฉพาะญาตทิ างมารดา เนอ่ื งจากโรคเลอื ดออกงา่ ยหยดุ ยากบางชนดิ เชน่ ฮโี มฟิ เลยีเป็ นโรคท่ีถ่ายทอดทางพนั ธกุ รรม โดยผหู้ ญิงเป็ นพาหะ
2. การตรวจรา่ งกาย เพ่ือสงั เกตภาวะเลอื ดออกทีผ่ วิ หนงั เชน่ จดุเลอื ดออกชนดิ ตา่ งๆ ไดแ้ ก่ petichiae, purpuric spot,purpura, ecchymosis, hematoma
3. การตรวจทางหอ้ งปฏิบตั ิการ มีดงั ต่อไปน้ี blo3o.1dกาcรoตuรวnจtน:บั Cเม็ดBเCลอื )ดไแดดแ้ งกท่ เมงั้ ็ด3เลชือนดิดแด(งCเมo็ดmเลือpดlขeาวte และเกล็ดเลอื ด แข็ง3ต.วั 2ขอตงรพวลจาปสัจมจา่ ยั (กpาlรaแsขm็งตaวั ขcอlงoเลttือiดngโดยtiหmารeะย)ะเเวพลื่อาดกกูาราร แข็งตวั ของเลอื ดจาก Prothrombin time (PT), Activated partial thromboplastin time (APTT, PTT), Thrombin time (TT) ซ่ึงมีการแปล ผลไดด้ งั นี้
- APTT ยาวกว่าปกติ แต่ PT, TT ปกติ เกดิ จากขาดปัจจยั ตวัที่ 8-9P1T0ยแาลวะก1ว2่าปพกบตไิดแใ้ตน่ โAรคPฮTโี มTฟิ เลแลียะเอTTแลปะบกี ติ เกดิ จากขาดปัจจยั ตวั ที่ 7 - APTT และ PT ยาวกวา่ ปกติ แต่ TT ปกติ เกดิ จากขาดแปขัจง็ จ-ตยั วัAตหวั PลทาTี่ ย2Tช7,นPดิ9Tแ1ล0แะลแfะiลbTะขrTาiดnยวoาิตวาgกมวeนิ า่ nปเคกตตา่ ิ เพกบิดใจนาภกาขวาะดDปัจIจCยั การ(Disseminated Intravascular Coagulation)หรือ3ภ.า3วะกเลาือรดตแรขว็งจตพวั ิเศในษหตลาอมดแเผลนอื กดาแรบรบกั แษพารก่ ระจาย
1. การรกั ษาตามาสาเหตุ เชน่ การใหต้ ามนิ ซี เพิ่มความแขง็ แรงของหลอดเลอื ด ในวิตามนิ เคในรายที่มปี ัจจยั การแข็งตวั ของเลอื ดตวั ท่ี 2 7 9 และ 10 นอ้ ย2. การรกั ษาตามอาการ ไดแ้ ก่ การใหเ้ กล็ดเลือด หรือปัจจยั การแขง็ ตวั ของเลือดตงั ที่ขาด
วตั ถปุ ระสงคก์ ารพยาบาล ป้ องกนั การเกดิ เลอื ดออกงา่ ยหยดุ ยาก กิจกรรมการพยาบาล 1. แนะนาใหผ้ ปู้ ่ วยใชแ้ ปรงขนออ่ นแปรงฟัน หรือใชไ้ มพ้ นั สาลเี ช็ด ทาความสะอาดฟันหรือชอ่ งปาก หรือใชว้ ิธีบว้ นปากดว้ ยนา้ ยาฆา่ เชอื้ หรือนา้ เกลอื นอรม์ อล 2. ดแู ลริมฝี ปากใหช้ มุ่ ชน้ื อย่เู สมอ 3. ป้ องกนั การเกิดอบุ ตั เิ หตทุ ี่อาจเกิดการกระทบกระแทก 4. งดการฉีดยาเขา้ กลา้ มเนอ้ื 5. หลีกเล่ียงการเจาะเลอื ดและการเปลยี่ นทีใ่ หส้ ารนา้ ทางหลอด เลอื ดดาบ่อยๆ
6. ตดั เล็บผปู้ ่ วยใหส้ น้ั แนะนาไมใ่ หแ้ คะจมกู หู หรือแกะเกาผวิ หนงั7. แนะนาใหร้ บั ประทานอาหารประเภทผกั ผลไมท้ ไี่ มม่ เี ย่ือแขง็ และให้ดมื่ นา้ มากๆ8. เลือกของเลน่ ทไ่ี มม่ คี มใหผ้ ปู้ ่ วยเลน่9. ปฏิบตั กิ ารพยาบาลแกผ่ ปู้ ่ วยดว้ ยความนมุ่ นวลและระมดั ระวงั10. ประเมนิ การเกดิ เลอื ดออกจากอวยั วะตา่ งๆ ของรา่ งกาย11. ตดิ ตามผลการตรวจนบั เกล็ดเลือด
12. ในกรณีที่พบวา่ มเี ลือดออกบริเวณภายนอกรา่ งกาย ใหป้ ฏิบตั กิ าร หา้ มเลือดทนั ที โดยทาตามหลกั การ R.I.C.E ซึ่งประกอบดว้ ย- R = Rest = พกั เมอื่ มกี ารบาดเจ็บหรือเลอื ดออกจากท่ีสว่ นใด ใหพ้ กั สว่ นนนั้ ทนั ที- I = Ice= นา้ แข็ง ใชน้ า้ แขง็ ประคบสว่ นนนั้ ท่ไี ดร้ บั บาดเจ็บหรือ เลือดออก ความเย็นจะชว่ ยลดอาการบวมและความเจ็บปวด การ ประคบนา้ แข็งใหท้ าครง้ั ละ 10 ถึง 20 นาทีหยดุ พกั 5 นาที จนกระทงั่ ไมบ่ วม หรือวนั ละ 2-3 ครง้ั
- C = Compression= กด/รดั คอื การกดบริเวณปากแผล ดว้ ยผา้ กอ๊ ซ แลว้ พนั กระชบั สว่ นทีบ่ าดเจ็บหรือเลอื ดออกนน้ั ไวไ้ มใ่ ห้ บวมเพ่ิมมากขนึ้ ควรใช้ ผา้ สาลีผนื ใหญร่ องไวใ้ หห้ นาๆ โดยรอบ กอ่ นแลว้ พนั ดว้ ยผา้ ยืดใหพ้ อดไี มร่ ดั จนแนน่ เพราะจะทาใหส้ ว่ น ปลายจากท่ีพนั ไว\"้ บวม\" หลกั การพนั ผา้ ใหพ้ นั จากสว่ นปลายขนึ้ มา หาสว่ นตน้- E = Elevation= ยก คือ ยกสว่ นนนั้ สงู กว่าระดบั หวั ใจ เชน่ ยกขาสงู เพ่ือใหเ้ ลอื ดไหลลงไดส้ ะดวก เป็ นการชว่ ยลดอาการบวม วดั สญั ญาณชพี ถา้ ยงั มเี ลอื ดออกไมห่ ยดุ รายงานใหแ้ พทย์ ทราบเพอ่ื การชว่ ยเหลอื ขน้ั ตอ่ ไป
13. ในกรณีที่พบอาการที่แสดงว่ามเี ลือดออกจากอวยั วะภายใน ให้รายงานแพทยท์ ราบทนั ที14. ดแู ลใหผ้ ปู้ ่ วยไดร้ บั เกล็ดเลือดหรือสารที่ชว่ ยในการแข็งตวั ของเลอื ดตามแผนการรกั ษา โดยเฝ้ าระวงั การเกิดภาวะแทรกซอ้ นจากการไดร้ บั สว่ นประกอบของเลือด
ภาวะแทรกซอ้ นจากการมเี ลือดออก เชน่ ภาวะออก การเสียหนา้ ทขี่ อง อวยั วะสว่ นท่ีมเี ลือดออกวตั ถปุ ระสงคก์ ารพยาบาล ไมเ่ กิดภาวะแทรกซอ้ นจากการมเี ลอื ดออกกจิ กรรมการพยาบาล 1. ป้ องกนั ไมใ่ หม้ เี ลอื ดออก โดยระมดั ระวงั อบุ ตั เิ หตทุ ีเ่ สย่ี งตอ่ การเกดิ แก่ ผปู้ ่ วย เชน่ ตกเตยี ง หกลม้ การใชข้ องมคี ม ของเลน่ ท่ีเส่ยี งตอ่ การเกดิ อนั ตราย พยายามหลกี เล่ยี งการเจาะเลือดผปู้ ่ วย ไมฉ่ ีดยาเขา้ กลา้ มเนอ้ื ใตผ้ วิ หนงั ถา้ เล่ียงไมไ่ ด้ ตอ้ งกดตาแหนง่ ทีฉ่ ีดยาภายหลงั ฉีดยาอยา่ ง นอ้ ย 5 นาที และไมใ่ ชย้ าทมี่ ผี ลตอ่ การแข็งตวั ของเลือด โดยเฉพาะ แอสไพริน
2. ชว่ ยใหเ้ ลือดหยดุ โดยเร็วเมอื่ มเี ลอื ดออกดว้ ยวิธใี ดวิธีหนง่ึ หรือหลายวิธรี ว่ มกนั ดงั น้ี 2.1 พกั อวยั วะสว่ นท่มี เี ลอื ดออก ยกใหส้ งู กว่าระดบั หวั ใจ 2.2 ใชแ้ รงกดดว้ ยมอื หรือผา้ พนั หรือใชผ้ า้ กอ๊ ซอดั จมกู ในกรณีทม่ี เี ลอื ดออกจากจมกู 2.3 ใช้ tourniquet รดั ระหว่างตาแหนง่ ท่มี เี ลอื ดออกกบัหวั ใจ
3. ประเมนิ ความรนุ แรงของภาวะเลือดออก โดยวดั และบนั ทึกสญั ญาณชพี สงั เกตอาการทวั่ ไป ระดบั ความรสู้ กึ ตวั อาการอ่อนแรงของแขนขา ปริมาณเลอื ดท่อี อก เพ่ือรายงานแพทยใ์ หพ้ ิจารณาการรกั ษาทีเ่ หมาะสม4. ป้ องกนั ภาวะแทรกซอ้ นจากการมเี ลอื ดออก เชน่ ขอ้ ตดิ แข็ง โดยดแู ลใหม้ กี ารเคลอ่ื นไหวขอ้ บา้ งเมอื่ แนใ่ จวา่ เลือดหยดุ แลว้5. ใหส้ ขุ ศึกษาแกผ่ ปู้ ่ วยและผปู้ กครองเกีย่ วกบั โรคและการปฏิบตั ติ น6. ใหก้ ารพยาบาลทางดา้ นจิตใจ อารมณ์ และสงั คมของผปู้ ่ วยเด็กและผปู้ กครอง
วตั ถปุ ระสงคก์ ารพยาบาล ป้ องกนั ไมใ่ หเ้ กิดความพิการและความปวด จากขอ้ เสือ่ มกิจ1ก.รใรชมน้ กา้ แาขรง็ พปยราะคบบาลประคบั ประคองอวยั วะสว่ นนไ้ี วไ้ มใ่ หเ้ คล่ือนไหว และ จดั ท่ายกสงู และงอขอ้ นนั้ เล็กนอ้ ย 2. ชว่ ยบรรเทาอาการปวดขอ้ โดยการหลีกเลี่ยงการสมั ผสั บริเวณขอ้ นนั้ และใหย้ าระงบั ปวด ซึ่งไมค่ วรใหย้ าที่มผี ลตอ่ การเกดิ การมเี ลอื ดออก งา่ ยเพิ่มเตมิ 3. ป้ องกนั ความพกิ ารของขอ้ เมื่อสามารถควบคมุ อาการเลอื ดออกใน ขอ้ ได้ โดยเริ่มใหผ้ ปู้ ่ วยการเคล่ือนไหวขอ้ นน้ั ทีละนอ้ ยตามลาดบั ความสามารถที่ผปู้ ่ วยจะทนตอ่ ความปวดได้
Search