Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore Fah_Thorax lung

Fah_Thorax lung

Published by SIRIKAN RAENOKASIKORN, 2018-08-21 22:06:04

Description: Fah_Thorax lung

Search

Read the Text Version

50 1.3 เสยี งถุงลม (Vesicular breath sound) ▹ ฟง บรเิ วณทั่วไปของปอดทั้งสองขาง จะไดเ สียงตํา่ เบา ลักษณะ “หายใจเขา ยาว-หายใจออกสัน้ ”

1.4 เสียงหลอดลมเล็กและถุงลม51 (Bronchovesicular breath sound) เปน เสียงตอ เนือ่ งไมมีชว งเงยี บเหมือน tracheal breath sound คนปกติ ไดยินเสียงนีท้ ี่บริเวณตาํ แหนง carina ใกลกระดกู สนั อกดา นหนา ระหวางกระดกู สะบกั ทางดานหลงั และปอดขางขวาสว นบน ระดับเสยี ง กลาง จะไดย ินเสยี งหายใจ “หายใจเขา และออกยาวเทากัน”

52

2. เสยี งหายใจผดิ ปกติ (Abnormal breath sound)53

54 2.1 เสียงหายใจปกติ ทพ่ี บในตาํ แหนง ทไ่ี มควรพบ เชน พบเสยี งหลอดลมใหญ ที่ชายปอด มกั แสดงถึงเนือ้ ปอดบริเวณนน้ั แข็ง (consolidation)

55 2.2 เสียงหายใจทผี่ ดิ ปกติ (Adventitious sound) มี 2 ประเภท คอื ▹ เสียงที่ดังตอ เน่อื ง ไดแก rhonchi, wheeze และ stridor ▹ เสยี งทดี่ งั ไมต อ เนอื่ ง ไดแ ก crackles, pleural friction rub

56 2.2.1 Rhonchi เปนเสียงทีเ่ กดิ ขน้ึ จากลมผา นทางเดนิ หายใจท่ีถกู กดี ขวางหรอื ตีบแคบ rhonchi จะใหญแ ละตา่ํ กวา wheeze https://www.youtube.com/watch?v=nokZ5sNt3fA

2.2.2 Wheeze หรือ Sibilant rhonchi57 เสียงวด๊ี เปนเสยี งสูงพบในโรคทมี่ ีพยาธิสภาพทําใหเ กดิ การหดรัดตัวของ กลามเนอื้ หลอดลม เชน หอบหืด หลอดลมอกั เสบเรื้อรังไดย นิ ชดั ขณะ หายใจออก เสียงอาจหายหรอื เปล่ียนไปเมอื่ ไอ https://www.youtube.com/watch?v=sszEaJ1selg

2.2.3 Stridor58 https://www.youtube.com/watch?v=gYhGIFQcCnU เกดิ ขึ้นจากการอุดกน้ั ของทางเดนิ อากาศสวนตน เชน trachea หรอื larynx เปนเสียงท่ีเกดิ จากลมหายใจทีพ่ ยายามผา นทางเดินหายใจขนาด ใหญทีแ่ คบลงซึ่งอาจเกิดจากการตบี แคบของกลอ งเสียงและหลอดลม ใหญ สามารถไดย ินโดยไมตองใช stethoscope เปน เสียงสงู ไดย ินชดั ในชว งหายใจเขามากกวาหายใจออก

59 2.2.4 Crackles or Rales or Crepitation เปนเสยี งทดี่ งั ไมตอ เน่ือง สวนใหญไ ดย นิ ชดั ขณะหายใจเขา กลไกเกดิ ข้นึ มี 2 ชนิด คอื เกดิ จากลมผานถงุ ลมทปี่ ด อยใู นขณะหายใจออกสดุ และเปด ขึน้ ทันทใี นชว งทมี่ ีการหายใจเขา หรอื เกดิ จากเสียงฟองอากาศท่ีเกิด จากลมผา นสารนา้ํ หรือเสมหะขณะหายใจ (มกั เกดิ Coarse crackles) https://www.youtube.com/watch?v=LHqqvrm2j6g

crackles สามารถแบง ไดเปน 3 ระดบั ดงั น้ี60

2.2.4.1 Fine crackles61 เกดิ จากลมหายใจผา นถุงลม และ bronchioles ไดยินเฉพาะระยะทา ยของ การหายใจเขา เปน เสยี งสงู เสียงไมคอ ยลงหลงั จากไอ พบในโรคที่มี พยาธสิ ภาพในถงุ ลม เชน ปอดอกั เสบจากสาเหตตุ า ง ๆ ผนงั ถุงลมหนา ขนึ้ pulmonary edema https://www.youtube.com/watch?v=VGDdqtIhUdA

62 2.2.4.2 Medium crackles เกดิ จากลมหายใจผา นหลอดลมกลางมักไดยนิ ตอนระยะกลางของการ หายใจเขา การไอไมท าํ ใหเ สียงคอนลงพบใน bronchiectasis https://www.youtube.com/watch?v=RyjBjZRS6iY

63 2.2.4.3 Coarse crackles เกดิ จากลมหายใจผา นหลอดลมใหญ ไดย นิ ระยะแรกของการหายใจเขา พบ ในหลอดลมอกั เสบ https://www.youtube.com/watch?v=5JVXOeanIFE

2.2.5 Pleural friction rub64 เปนเสียงทเี่ กิดจากการเสยี ดสีกันของเยอ่ื หุมปอดท่มี ีการอกั เสบคลา ยเสยี ง fine crepitation อาจไดย ินทง้ั ชวงหายใจเขาและออกหรืออาจไดย นิ เฉพาะในระยะทายของการหายใจเขา ฟงดเู สยี งจะอยูใกลห ูเสยี งไม เปลย่ี นแปลงหลงั การไอ https://www.youtube.com/watch?v=xxVvxdoAUPk Home

65 Home การตรวจระบบหัวใจ และหลอด เลอื ด (Cardiovascular)

66 หวั ใจ มโี ครงสราง 4 สวน คอื ▹ กลา มเน้อื หวั ใจ ▹ ลน้ิ หวั ใจ ▹ เยอื่ หุมหวั ใจ ▹ หลอดเลือดโคโรนารี

67 เซลลกลามเน้อื หัวใจ เปนเซลลท ม่ี ีมากท่ีสดุ ของหวั ใจ เปน ตัวสําคญั ในการสบู ฉดี เลอื ด โดยเซลลกลามเนอื้ หวั ใจหองลา งซายมีมากที่สดุ

ล้นิ หวั ใจ (Valve) ประกอบดว ย 2 กลมุ คือ68 1. ลิ้นภายนอกหัวใจ (Semilunar valve) ไดแก 1.1 ลนิ้ หวั ใจเอออรต คิ (Aortic valve) กั้นระหวา งหัวใจหองลางซา ย กับหลอดเลอื ดแดงเอออรต า 1.2 ลิน้ หัวใจพัลโมนิค (Pulmonary valve) กนั้ ระหวางหวั ใจหอง ลางขวากบั หลอดเลอื ดแดงพัลโมนารยี 

69 ลิ้นหวั ใจ (Valve) (ตอ ) 2. ลิน้ ภายในหวั ใจ (Atrioventricular valve: AV valve) ไดแ ก 2.1 ลิ้นหัวใจไตรคสั ปด (Tricuspid valve) เปนลน้ิ ทมี่ ี 3 ล้ินยอ ย กั้นหัวใจหอ งบนขวากับหวั ใจหอ งลางขวา 2.2 ลน้ิ หัวใจไมตรัล (Mitral valve) มี 2 ลน้ิ ยอ ย กนั้ ระหวางหวั ใจ หองบนซา ยกับหัวใจหอ งลางซา ย

70

71 ตําแหนง ของบรเิ วณตา งๆ ที่จะฟงบรเิ วณหัวใจ กอ นตรวจหัวใจ ควรทราบถงึ ตาํ แหนง ของบริเวณตางๆ ท่ีจะฟงบริเวณ หัวใจ (Precoridal area) ไดแก 1. ตาํ แหนง หวั ใจเออรต คิ (Aortic area) อยทู ี่ชองวา งกระดกู ซโี่ ครงท่ี 2 ขางขวาชิดกับกระดกู สนั อกโดยนบั ชองกระดูกซี่โครงที่ 1 ทบี่ รเิ วณกระดูกสนั อกสว นบนใตไ หปลารา

72 ตาํ แหนง ของบรเิ วณตา งๆ ที่จะฟง บริเวณหัวใจ 2. ตําแหนง หวั ใจพลั โมนิค (Pulmonic area) อยทู ี่ชอ งวางกระดกู ซ่ีโครงท่ี 2 ขา งซา ยชิดกับกระดูกสนั อก 3. ตาํ แหนง หัวใจไมตรลั (Mitral area หรือ apex) อยูท ี่ชอ งวา ง กระดกู ซ่โี ครงท่ี 5 ขา งซา ย บรเิ วณแนวก่ึงกลางไหปลารา 4. ตําแหนง หวั ใจไตรคัสปด (Tricuspid area) อยูทชี่ อ งวา งกระดูก ซีโ่ ครงที่ 5 ดานซายชดิ กับกระดกู สนั อก

73

การตรวจหัวใจโดยดู คลํา ฟง ควรปฏิบัตดิ ังนี้74

75 การดู - ดูลักษณะท่ัวไปของผนงั ทรวงอก วาเหมือนกันท้ังสองขางหรือไม - ถามีการนนู (Bulging) ของผนัง ทรวงอกดา นซาย แสดงวา หัวใจ ขางขวาโต

- ดูตาํ แหนงทเี่ หน็ ลกั ษณะการเตนของหัวใจ (Apical impulse) ท่ีอยู76 ขอบนอกสุดและซายสดุ คนปกตจิ ะอยูท ีช่ อ งวา งกระดกู ซโ่ี ครงซีท่ ี่ 5 แนวกึง่ กลางไหปลารา (5th Intercostal space at left midclavicular line) ซ่งึ เปนตําแหนง เดียวกับ apical impulse - ถาพบ apical impulse อยตู ่ําลงหรือออกไปทางซายมากกวาปกติ แสดงวา หวั ใจหองลา งซายโต

การคลาํ77 1. การคลาํ เพือ่ ยนื ยนั ตาํ แหนงของ Apical impulse - ในรายทม่ี องไมเ ห็น apical impulse ใชป ลายนว้ิ มอื คลาํ ท้ัง 4 นว้ิ - ควรคลาํ ในทา นอนราบหรอื นอนตะแคงซาย ตาํ แหนงทีค่ ลาํ พบวาหวั ใจเตน เรยี กวา apex beat ซง่ึ ในคนปกตจิ ะมีจุดเดยี ว (Localized) อยูทีช่ อ งวา งกระดูกซ่โี ครงที่ 5 แนวกง่ึ กลางไหปลารา โดยไมจ าํ เปน วาจะตองเตนแรงท่สี ุด

178

2. การสั่นสะเทือนของหัวใจ (Thrill)79 - เปนการสนั่ สะเทือนของเสียงฟูที่หวั ใจ (Cardiac murmur) - ตองคลาํ ใหทว่ั ทง้ั บรเิ วณสวนตา งๆ ของหัวใจ โดยวางฝา มือลงไปบรเิ วณ ทจ่ี ะตรวจ เมอื่ มกี ารส่ันสะเทอื นจะรสู กึ เหมอื นมคี ลื่นมากระทบ (Vibration sensation) - การเกดิ การสนั่ สะเทอื นดังกลาวจะเกดิ ควบคูกับเสียงฟูของหวั ใจ (Murmur) ซึ่งมกั เปนเสยี งฟูข องหัวใจทมี่ ีความดังระดับ IV-VI - ถาคลําได thrill พรอ มกับ apical impulse แสดงวาเปน systolic thrill ถา คลําได thrill หลงั apical impulse แสดงวา เปน diastolic thrill

180

3. การคลาํ เพอื่ ตรวจอาการและแสดงของหวั ใจโต (Heave)81 - ซ่งึ เปนลกั ษณะทมี่ ือถูกดนั ยกข้ึน (Lift) ขณะหวั ใจบบี ตัว โดยใช บริเวณฝามือวางลงบนดานซายของกระดกู สนั อกใตกระดกู สนั อกสวนบน - ถา พบวา มีแรงกระแทกฝามอื แสดงวามหี ัวใจขางขวาโต - สว นในการตรวจหาวา หวั ใจขางซา ยโต ตรวจโดยวางฝา มือที่ บรเิ วณยอดหวั ใจ (Apex) หนั ปลายมอื ไปทางดา นขา ง ถามี แรงมากระแทกฝา มือ แสดงวา หวั ใจขา งซา ยโต

182

การเคาะ83 - เราใชก ารเคาะเพื่อตรวจหวั ใจนอยมาก ปจ จบุ นั เกือบไมไ ดท ําเลย ยกเวน ในรายที่สงสัยมนี าํ้ ในชอ งเยื่อหมุ หวั ใจ (Pericardial effusion) เทา น้นั - จะพบวา apex beat กับ most lateral cardiac border อยูห างกัน หรอื เคาะเพอ่ื ดู cardiac border เพ่ือดวู า หัวใจโตหรือไมใ นกรณีที่คลาํ apex beat ไมได

การฟง84 - ควรฟง ทตี่ ําแหนง precordial area ของ หัวใจทั้งหมด เพ่ือหา ตาํ แหนงของเสยี งหวั ใจท่ี ไดย นิ ดังทส่ี ดุ และการ Radiate ของเสียงหวั ใจไป ยังสวนตาง ๆ

พึงระวงั วา การใชหูฟง ทงั้ ดา น bell และ diaphragm85 มีความสาํ คญั มาก - ควรใชด าน diaphragm ฟง เสียง S1S2 และเสยี ง murmur ของ aortic และ mitral regurgitation และ pericardial friction rub - และใชดา น bell ฟง เสยี งหัวใจ S3S4 และเสยี ง murmur ของ Mitral stenosis

การฟง86 โดยสงั เกตสง่ิ ตอ ไปน้ี - ลกั ษณะของเสียง - เบา แรง พอดี - ความสม่ําเสมอ - จังหวะการเตน - ความถขี่ องเสียง - ชาหรือเร็ว

87 1. เสียงหนง่ึ (First heart sound, S1) - จะเกิดในชวงหวั ใจบีบตวั เกิดรว มกับการปด ของลิน้ ภายในหวั ใจ (Atrioventricular valve: A-V valve) และเปน การเร่มิ ระยะ คลายตัว - ดังนนั้ จงึ ตอ งฟงในชวงการปด ของลน้ิ หัวใจไมตรลั และลน้ิ หวั ใจไตรคัส ปด ไดยินเปน เสยี ง “Lub” เสยี งนี้เปนเสยี งความถี่ตํ่า (เสยี งทมุ ) และไดยนิ อยูนานกวา เสยี งสอง - ฟง ไดช ดั ท่สี ุดท่ยี อดของหัวใจ (Apex) หรือ mitral area

88 1. เสียงหนง่ึ (ตอ ) - เวลาฟงเอาหฟู งวางทบ่ี รเิ วณ apex และใชม อื คลาํ carotid pulse จะไดย ินเสยี งพรอมกบั apical impulse ท่ีสมั ผัสมอื - และสงั เกตวา มีเสียง split S1 (เสียงแยกเปน 2 จงั หวะ) หรือไม อาจ พบไดใ น complete right bundle branch block เกิดจากหวั ใจ หองลา งขวาบีบตัวชา ทําใหล ิ้นหัวใจไมตรลั ปด ชา

89 2. เสียงสอง (Second heart sound, S2) - จะเกิดในชวงหวั ใจคลายตวั และเปนชวงของการปดของลิน้ หวั ใจพลั โม นคิ และล้ินหัวใจเอออรต ิก และไดยนิ เสียงเปน “Dub” - ปกติลิ้นหวั ใจเอออรตกิ จะปดกอนลน้ิ หวั ใจพลั โมนิค ในคนปกติจงึ ได ยินเสยี ง split S2 และจะเปลยี่ นแปลงตามจังหวะการหายใจ คอื เมื่อหายใจเขา split S2 จะกวางออก เวลาหายใจออก split S2 จะ แคบเขา เรยี กวา normal physiologic split S2 - และจะฟง ชดั ทช่ี องกระดูกซีโ่ ครงท่ี 2 และ 3 ดา นซาย

https://www.youtube.com/watch?v=39n4XWv7flQ90

91 3. เสยี งสาม (Third heart sound, S3) หรอื Protodiastolic sound - เปนเสียงต่ําท่ีเกิดตามหลัง S2 ประมาณ 0.12-0.18 วินาที เกดิ เนอื่ งจากมี rapid Filling ของหวั ใจหองลางในชวงหัวใจคลายตัว early diastole - ในภาวะปกติอาจพบไดในเด็ก ผูใหญท อ่ี ายไุ มเกิน 40 ป และพบไดใน โรคหัวใจบางชนิด เชน congestive heart failure, cardiomyopathy เปนตน

https://www.youtube.com/watch?v=5Tz4eth26jc92

4. เสยี งส่ี (Found heart sound, S4) หรอื93 Atrial sound - เกิดกอ น S1 เพียงเล็กนอ ย ประมาณ 0.05-0.1 วนิ าที - เกิดจากการบบี ตัวของหวั ใจหองบน อาจเกดิ จากความผดิ ปกตขิ อง หวั ใจหอ งซายหรอื ขวาก็ได - เปน เสยี งต่ําเหมอื น S3 ไมพบในคนปกติ พบในผูปว ยโรคหวั ใจบาง ชนิด เชน pulmonary hypertension, AV block เปนตน

94 https://www.youtube.com/watch?v=lx9ovaJ5xFs

95 5. เสยี งฟขู องหวั ใจ (Cardiac murmur) - คอื เสยี งซึง่ เกดิ จากการสน่ั สะเทอื นขณะมีการไหลของเลอื ดผา นรู เปดของลิ้นหัวใจ หรอื เสนเลอื ดทีม่ คี วามผดิ ปกติ - เกิดจากเสยี งเลือดไหลผา นลนิ้ หวั ใจหรอื หลอดเลอื ดที่ตบี แคบ เชน ลนิ้ หัวใจตีบ เลอื ดไหลผา นลนิ้ หวั ใจหรอื หลอดเลอื ดทีผ่ นงั ไม สมาํ่ เสมอ มี Atherosclerosis หรอื มีเลอื ดไหลผา นลนิ้ หวั ใจทร่ี ั่ว

เสียงฟูของหัวใจแบง เปน 2 ประเภท96

5.1 เสียงฟูของหวั ใจชนดิ97 ซิสโตลคิ (Systolic murmur) จะเกดิ ระหวาง S1 กับ S2 ฟง ไดพรอมๆ กับคลาํ apical impulse หรอื carotid impulse https://www.youtube.com/watch?v=GQNYulQzBWE

5.2 เสยี งฟขู องหวั ใจชนิด98 ไดแอสโตลคิ (Diastolic murmur) เกิดระหวาง S2 กบั S1 ในชวงหวั ใจคลายตวั หรือ เกดิ ทหี ลัง apical impulse https://www.youtube.com/watch?v=aGLTJduxwvw

10 ตารางท่ี 4 ระดับความดังของเสยี งฟูข องหัวใจ0 เสียง ลกั ษณะระดบั 1 เสยี งเบามากจนแทบไมไ ดย นิ อาจพลาดไดง า ย ถา ไมต ง้ั ใจฟงระดบั 2 เสียงเบา แตฟ งไดง า ย ไมค วรพลาดระดบั 3 เสียงชดั เจน ฟง ไดงายระดับ 4 ดังชดั เจนและเรม่ิ คลําได การสนั่ สะเทือน (Thrill)ระดบั 5 ดงั มาก คลาํ ไดก ารสั่นสะเทอื น (Thrill) และอาการแสดงของหัวใจโต (Heaving)ระดบั 6 ดงั มากท่ีสดุ คลําได Thrill เพียงใชห ฟู งวางไมกดแนบบนหนา อกกไ็ ดย นิ เสียงฟู99


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook