Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ทดสอบสร้างhtml

ทดสอบสร้างhtml

Published by anitjung12, 2019-12-12 23:27:54

Description: ตัดพาวเวอร์

Search

Read the Text Version

การบรหิ ารจดั การหลักสูตรและ่สงเสรมิ การเรยี น่รูท่่เี นน่ผูเรยี น่เปนสาคัญ โดย รองศาสตราจาร์ย ดร.ชชู าต์ิ พวงสมจิต์ร แขนงวิชาบรหิ ารการศกึ ษา สาขาวิชาศึกษาศาสต์ร มหาวทิ ยาลัยสโุ ขทยั ธรรมาธริ าช

กรอบการนาเสนอ การจัดการเรยี น่รูท่เี่ นน่ผูเรียน่เปนสาคญั การบริหารจดั การหลักสูตร 1. ความหมายของการจัดการเรยี น่รทู ่ี่เนน่ผเู รยี น ่เปนสาคัญ 1. ความหมายของการบรหิ ารหลกั สตู ร 2. หลกั ในการบริหารหลกั สตู ร 2. ตวั ่บงช้ีกระบวนการเรยี น่รูของ่ผูเรยี น 3. กระบวนการบริหารหลักสตู ร 3. ตวั ่บงชก้ี ระบวนการสอนของครู 4. เทคนิคการจัดการเรียน่รทู ่ี่เนน่ผเู รยี น่เปนสาคญั 3.1 การวางแผนหลกั สตู ร 5. ประเภทของการจัดการเรียนการสอนท่่ีเนน่ผเู รยี น 3.2 การนาหลักสูตรไป่ใช 3.3 การประเมินหลักสูตร ่เปนสาคญั 4. บทบาทของ่ผูบรหิ ารในการบรหิ าร 6. การวดั และประเมนิ ผล่ผเู รยี นตามสภาพจริง หลกั สูตร 7. บทบาทของ่ผูบรหิ ารในการ่สงเสริมการจดั การ เรียน่รทู ่่ีเนน่ผเู รียน่เปนสาคญั

1. การบริหารหลักสตู ร 1.1 ความหมายของการบริหารหลกั สูตร การบรหิ ารหลักสตู ร หมายถงึ กระบวนการจดั กจิ กรรมต่างๆ ทน่ี าหลกั สูตรไปใชใ้ หเ้กดิ ประโยชนส์ ูงสุดแก่ผูเ้รยี น โดยการบรหิ ารหลกั สูตรประกอบดว้ ย การวางแผนหลกั สูตร การนา หลกั สูตรไปใช้ และการประเมนิ ผลหลกั สูตร 1.2 หลกั ในการบรหิ ารหลักสตู ร 1) หลักแ์หงประสิทธิภาพ (efficiency) หมายถึง 2) หลักแ์หงประสิทธผิ ล (effectiveness)

1.3 กระบวนบริหารหลกั สตู ร ่ใชหลัก PIE (Planning, Implementing, Evaluation) การวางแผน หลักสตู ร (Curriculum planning) การประเมิน การนาหลกั สูตรไป หลกั สูตร ่ใช(Curriculum (Curriculum implementation) evaluation)

1.3.1. การวางแผนหลักสตู ร (Curriculum planning) 1.1 การตรวจสอบความเหมาะสมของหลกั สตู ร (ความเหมาะสมกบั สงั คม สงิ่ แวด์ลอม นโยบาย ฯ) 1.2 การประชาสมั พนั์ธหลกั สตู ร 1.3 การเตรยี มงบประมาณ 1.4 การเตรยี มความพ์รอมของบคุ ลากรที่เก่ยี ว์ของกับการ์ใชหลกั สตู ร(์ใชหลกั KASJT: Knowledge, Attitude, Skills, Judgement, Teamwork) 1.5 การเตรยี มวัสดุหลกั สูตร ์(คูมือครู เอกสารหลักสตู ร แผนการสอน แบบเรียน สอื่ การสอน ฯลฯ) 1.6 การเตรยี มอาคารสถานที่ ์(หองเรยี น์หองกจิ กรรม สนามกฬี า สงิ่ แวด์ลอมอ่นื ๆ) 1.7 การเตรยี มระบบบริหารของสถานศึกษา 1.8 การ์ฝกอบรมเชิงปฏิบัติการ์ใหกับ์ผสู อน 1.9 การประเมนิ ความพ์รอม์กอนนาหลกั สตู รไป์ใช

1.3.2. การนาหลักสูตรไป่ใช (Curriculum Implementation) การนาหลักสตู รไป์ใช์เปนกระบวนการนาหลักสูตรใดหลกั สตู รหน่ึงท่สี์รางเสรจ็ เรียบ์รอยแ์ลว ไป์ใชในสถานศกึ ษา โดยมีขัน้ ตอนสาคัญ ดงั น้ี 1. การศกึ ษาทาความ์เขาใจเกยี่ วกับหลักสูตรและเอกสารประกอบหลักสตู ร์ใหกระ์จาง 2. การเตรยี มความพ์รอมของบคุ ลากร (โดยเฉพาะอ์ยางยง่ิ คือ คร์ผู ูสอน) 3. การจดั คร์ูเขาสอน (ตรงกับความ์รคู วามสามารถ ความสนใจ ความถนดั และประสบการ์ณ) 4. การ์ใหบรกิ ารและสนับสนุนการสอนของครู (จดั หาเอกสารหลกั สตู ร เอกสารประกอบ หลักสูตร งบประมาณ วสั ดอุ ปุ กร์ณ สอื่ การเรียนการสอน การจดั สภาพแวด์ลอมและบรรยากาศทีเ่ อื้อ์ตอ การเรียนการสอน) 5. การนเิ ทศตดิ ตามและประเมนิ ผลการ์ใชหลกั สูตรอ์ยางสม่าเสมอ (์ใชเทคนิควธิ แี ละเครอ่ื งมือที่ เหมาะสมเพือ่ ปรับปรงุ การเรยี นการสอน) 6. ์ใหขวญั และกาลงั ใจแ์กครูและบคุ ลากร

ปจั จยั ท่สี ง่ เสรมิ การนาหลกั สูตรไปใช้ 1. การเตรียมความพ์รอมขอ์งผูสอน 2. การเตรยี มความพ์รอมของบุคลากรและ์ผูที่เกี่ยว์ของกับการ์ใชหลกั สตู ร (บคุ ลากรอน่ื ในสถานศกึ ษา ชมุ ชน์ทองถิ่น์ผูปกครอง อ์งคกรในชมุ ขน ฯ) 3. การแปลงหลักสตู ร์สูการเรยี นการสอน (วิเคราะ์หหลกั สูตร, พฒั นาวัสดุ หลักสูตร, ตรวจสอบความพ์รอมของทรพั ยากร, จัดตารางสอนและเตรียมความ พ์รอมส์ิ่งตางๆ ทีเ่ กย่ี ว์ของกับการสอน) 4. การทาแผนการสอน 5. การ์สงเสริมสภาพแวด์ลอมและบรรยากาศการเรยี น์รู

ปจั จยั ท่ที าใหก้ ารนาหลกั สูตรไปใชป้ ระสบความสาเรจ็ 1) ปจั จยั ดา้ นผูเ้รยี น (สตปิ ญั ญา, พฒั นาการทางสมอง, ทศั นคต,ิ ภมู หิ ลงั ทางการเรยี น, ภูมหิ ลงั ทางเศรษฐกจิ , ความถนดั , ความสนใจฯ) 2) ปจั จยั ดา้ นผูบ้ รหิ าร (เป็นผูน้ าดา้ นวชิ าการ ใหค้ วามสาคญั กบั การบรหิ ารหลกั สูตร อานวยความ สะดวก นิเทศตดิ ตาม ใหข้ วญั กาลงั ใจฯ) 3) ปจั จยั ดา้ นผูส้ อน (ความรู้ ประสบการณ์ ทกั ษะ เจตคติ การทางานร่วมกบั ผูอ้ ่นื ฯ) 4) ปจั จยั ดา้ นเน้อื หาวชิ า (ความยาก ความซบั ซอ้ น ความใกลเ้คยี งกบั เน้อื หาเดมิ เวลาทใ่ี ชใ้ นการ จดั การเรยี นการสอนเหมาะสมกบั เน้อื หา รวมถงึ ความสะดวกในการจดั กจิ กรรมและการมสี อ่ื การสอนท่ี เหมาะสม เพยี งพอ) 5) ปจั จยั ดา้ นสง่ิ แวดลอ้ ม (บรรยากาศของโรงเรยี น, การไวว้ างใจกนั , การไดร้ บั การสนบั สนุนจาก ชมุ ชน, วฒั นธรรมการทางาน เป็นตน้ )

1.3.3 การประเมินหลักสูตร (Curriculum evaluation) การประเมนิ หลักสูตร ์เปนการ การหาคาตอบ์วาหลกั สตู รสมั ฤทธิผ์ ลตามทีก่ าหนด์ไวในจุดประส์งค ของหลกั สูตรมาก์นอยเพยี งใด โดยมขี อบเขตของ การประเมนิ คือ การวิเคราะ์หตวั หลักสตู ร การวเิ คราะ์ห กระบวนการของการนาหลกั สตู รไป์ใช การวเิ คราะ์หสัมฤทธ์ิผลในการเรยี นขอ์งผเู รียน และการวเิ คราะ์ห โครงการประเมินหลักสูตร (สมุ ิตร คณุ ากร, 2523, น.198) การประเมินหลกั สตู ร 3 ระยะ ระยะท่ี 1 การประเมินหลกั สูตร่กอนนาหลกั สตู รไป่ใช (Project Analysis) - การประเมินตรวจสอบคณุ ภาพของหลกั สตู รฉบับ์ราง และอ์งคประกอบ์ตางๆ ของ หลกั สูตร ประเมินโดย์ผเู ช่ียวชาญทา์งดานพฒั นาหลักสูตร์ดานเน้อื หาวิชาชีพครู - การประเมินหลักสตู รในขนั้ การทดลอง์ใช เพอ่ื ปรบั ปร์ุงสวนทขี่ าดตกบกพ์รองและ์เปน ์ปญหา ์ใหมีความสมบรู ์ณเพ่ือประสทิ ธิภาพในการนาไป์ใช์ตอไป

ระยะที่ 2 คือการประเมนิ หลกั สตู รระห่วางการดาเนนิ การ่ใชหลักสตู ร (Formative Evaluation) เพ่อื ตรวจสอบประเมิน์วา หลกั สตู รสามารถนาไป์ใช์ไดดีเพยี งใด หรอื บกพ์รองในจดุ ไหน เพือ่ จะ์ไดแ์กไข ปรับปรุง์ใหเหมาะสม ส่งิ ทคี่ วรประเมิน คอื - กระบวนการ์ใชหลักสตู ร - การบรหิ ารจดั การหลักสตู ร - การจดั การเรียนการสอน - การนเิ ทศกากับดูแล ระยะที่ 3 การประเมินหลักสูตรหลงั การ่ใชหลักสตู ร (Summative Evaluation) ์เปนการประเมนิ หลักสูตรท้ังระบบ ซง่ึ ์ไดแ์ก - เอกสารหลกั สูตร - วสั ดหุ ลกั สตู ร - บคุ ลากรทีเ่ กย่ี วกับการ์ใชหลกั สตู ร - การบริหารหลักสูตร - การนเิ ทศกากับติดตาม - การจดั กระบวนการเรยี นการสอน ่เปาหมาย เพ่ือสรุปผลตัดสิน์วาหลกั สตู รทจ่ี ดั ทาขน้ึ น้นั ควรดาเนินการ์ใช์ตอไป หรือควรปรบั ปรุง์ใหดขี ึ้น หรอื ควรจะยกเลกิ

2.4 บทบาทของ่ผูบริหารในการบริหารหลักสูตร 1. ศกึ ษา์ขอมูลรายละเอยี ดเก่ียวกับหลักสตู ร 2. แปลงหลักการและจุดหมายของหลกั สตู รออก์เปนแนวปฏบิ ตั ิ 3. ส์รางความ์เขาใจกบั ครเู ก่ียวกบั หลักสตู ร 4. สนบั สนนุ การ์ใชหลกั สูตร 5. กากบั การ์ใชหลกั สตู ร 6. ประเมินการ์ใชหลักสตู ร

2. การจัดการเรยี น่รทู ่เ่ี นน่ผเู รียน่เปนสาคญั 2.1 ความหมายของการจดั การเรียน่รูท่ี่เนน่ผูเรยี น่เปนสาคัญ การจดั การเรยี น์รูท์ี่เนน์ผเู รยี น์เปนสาคัญ คือแนวการจดั การเรยี นการสอนท์เี่ นน์ให ์ผเู รยี นส์รางความ์รูให์มและสิง่ ประดิษ์ฐให์มโดยการ์ใชกระบวนการทาง์ปญญา(กระบวนการ คดิ ) กระบวนการทางสังคม (กระบวนการก์ลุม) และ์ให์ผเู รียนมีปฏสิ มั พนั์ธและม์ีสวน์รวมใน การเรียนสามารถนาความ์รูไปประยกุ์ต์ใช์ได โดย์ผสู อนมีบทบาท์เปน์ผอู านวยความสะดวกจดั ประสบการ์ณการเรียน์ร์ูให์ผเู รียน การจัดการเรียนการสอนท์เี่ นน์ผเู รียน์เปนสาคญั ์ตองจัด์ให สอดค์ลองกบั ความสนใจ ความสามารถและความถนดั ์เนนการบูรณาการความ์รใู นศาสต์ร สาขา์ตางๆ ์ใชหลากหลายวิธกี ารสอน หลากหลายแห์ลงความ์รู สามารถพฒั นา์ปญญาอ์ยาง หลากหลายคือ พห์ปุ ญญา รวมทัง้ ์เนนการวดั ผลอ์ยางหลากหลายวิธี (พิมพนั์ธ เดชะคุป์ต, 2550)

สรา้ งความรู้ หลากหลายวชิ าการ (บูรณาการ) หลากหลายปญั ญา (พหปุ ญั ญา) นาความรู ้ กระบวนการ ไปใช้ การจดั การเรยี นรูท้ ่ี ทาง(ปกญัระญบาวน หลากหลายวธิ สี อน เนน้ ผูเ้ รยี นเป็นสาคญั การคิด) หลากหลายวธิ วี ดั และประเมนิ ผล ( Child - centered กระบวนการ หลากหลายแหลง่ ความรู้ ทางสงั คม หลากหลายความสนใจ มปี ฏสิ มั พนั ธ์ instruction ) ( กระบวน ความสามารถ / ความถนดั การกลมุ่ ) มีสว่ นร่วม ในการเรยี น แผนภาพ การจดั การเรยี นการสอนท่เี นน้ ผูเ้ รยี นเป็นสาคญั 17 (ปรบั จาก พมิ พนั ธ์ เดชะคปุ ต,์ 2553) ผูช้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.พมิ พนั ธ์ เดชะคุปต์

่ประมิดแ่หงการเรียน่รู (Learning Pyramid)

2.2 ตวั ่บงชกี้ ระบวนการเรียน่รูของ่ผูเรียน 1. นักเรยี นมปี ระสบการ์ณตรงสัมพนั์ธกับธรรมชาติ ส่งิ แวด์ลอมและ เทคโนโลยี 2. นักเรียน์ฝกปฏิบตั ิและทากจิ กรรมหลากหลายจน์คนพบความถนัด และวธิ กี ารของตนเอง 3. นักเรยี นเหน็ แบบอ์ยางท่ีดี และ์ฝกเผชิญสถานการ์ณจนเกิดจติ สานกึ และคณุ ธรรม 4. นักเรียน์ฝกคิดหลายวธิ ี ส์รางสรร์คจนิ ตนาการและแสดงออก์ไดอ์ยาง ชัดเจนมเี หตผุ ล

2.2 ตัว่บงชก้ี ระบวนการเรียน่รูของ่ผูเรยี น ่(ตอ) 5. นกั เรียน์ไดรบั การเสริมแรง์ใหทดลองวิธกี ารแ์ก์ปญหาท์้ังดวยตนเอง และแลกเปลยี่ นเรียน์รูจากก์ลุม 6. นกั เรยี น์ได์ฝก์คนค์วารวบรวม์ขอมูลและส์รางสรร์คความ์รจู ากแห์ลง วทิ ยาการในโรงเรยี นและชุมชน 7. นกั เรียนสนใจ์ใฝ์รูม์ีสวน์รวมในการเรยี นอ์ยางมีความสุข

2.2 ตวั ่บงชก้ี ระบวนการเรยี น่รูของ่ผูเรียน ่(ตอ) 8. นกั เรียน์ฝกระเบยี บวนิ ัยและรบั ผดิ ชอบในการทางานจนสาเรจ็ 9. นกั เรยี น์ฝกประเมนิ ผลงาน์ฝกประเมินและปรบั ปรุงตนเองและ ยอมรบั ์ผูอ่ืน

2.3 ตัว่บงชก้ี ระบวนการสอนของครู 1. ครเู ตรยี มการสอนทง้ั เน้อื หาและวิธกี ารทีผ่ สมผสานภูม์ปิ ญญาไทยและ ความ์รูสากล 2. ครจู ดั สง่ิ แวด์ลอมและบรรยากาศท่ีปลกุ ์เราจูงใจและเสรมิ แรง์ใหนักเรียน เกดิ การเรยี น์รูเตม็ ตามศกั ยภาพ 3. คร์เู ขาใจและเอาใจ์ใสนักเรยี น์เปนรายบคุ คลและแสดงความเมตตา์ตอ นักเรยี นอ์ยางท่วั ถงึ

2.3 ตวั ่บงชก้ี ระบวนการสอนของครู ่(ตอ) 4. ครจู ัดกจิ กรรมและสถานการ์ณ์ใหนกั เรียน์ไดแสดงออกอ์ยางส์รางสรร์ค 5. คร์สู งเสริม์ใหนกั เรียน์ฝกคิด์ฝกทา และ์ฝกปรับปรงุ ตนเอง 6. คร์สู งเสรมิ กจิ กรรมแลกเปลยี่ นเรียน์รูจากก์ลุม พ์รอมทัง้ สงั เกต์สวนดแี ละ ปรับปร์ุงสวน์ดอยของนกั เรียน 7. คร์ใู ชสอ่ื การสอนเพ่อื์ฝกการคิด การแ์ก์ปญหา และ์คนพบความ์รู

2.3 ตัว่บงชกี้ ระบวนการสอนของครู ่(ตอ) 8. ครูใชแ้ หลง่ เรยี นรูท้ ห่ี ลากหลายและเชอ่ื มโยงประสบการณก์ บั ชวี ติ โดยร่วมมอื กบั ชมุ ชน 9. ครูปลูกฝงั ระเบยี บวนิ ยั ค่านิยมและคณุ ธรรมตามวถิ วี ฒั นธรรมไทย 10. ครูประเมนิ ตนเองอยู่เสมอตลอดจนสงั เกตและประเมนิ พฒั นาการของนกั เรียน อย่างต่อเน่อื ง

ตารางการเปรยี บเทยี บการเรยี นการสอนท่เี นน้ ครูเป็นศูนยก์ ลาง และการเรยี นการสอนท่เี นน้ ผูเ้ รยี นเป็ นศูนยก์ ลาง รายการ การเรียนการสอนทเี่ น้นครู การเรียนการสอนทเี่ น้นผู้เรียน เป็ นศูนย์กลาง เป็ นศูนย์กลาง ผเู้ รียน (child-centered) ผสู้ อน (teacher-centered) เน้ือเรื่อง ไม่ตื่นตวั เป็นผฟู้ ัง ตื่นตวั เป็นผสู้ ร้างความรู้ การวดั และ ผสู้ อน (teacher) ผอู้ านวยความสะดวก (facilitator) การประเมิน เนน้ เรื่องหาความรู้ เนน้ ความรู้คูก่ บั กระบวนการเรียนรู้ วดั กระบวนการ วดั พฤติกรรมหรือ วดั ความรู้ ความจาส่วนมาก การปฏิบตั ิและวดั ผลงานซ่ึงเป็นการใช้ ใชแ้ บบทดสอบ การประเมินตามสภาพจริง ทม่ี า: พมิ พนั ธ์ เดชะคุปต,์ 2553 3ผ้ชู ่วยศาสตราจารย์ ดร.พมิ พนั ธ์ เดชะคุปต์

2.4 เทคนคิ การจัดการเรียน่รูท่ี่เนน่ผูเรยี น่เปนสาคัญ การจดั กิจกรรมท่ีส่ งเสริม การจดั กจิ กรรมท่่ีสงเสรมิ ใ่ห่ผเู รยี นทางาน่รวมกับ ใ่ห่ผเู รยี นส่รางความ่ร่ดู วย คนอนื่ ตนเอง เทคนิคการจัดการ เรียน่รทู ่เ่ี นน่ผเู รยี น ่เปนสาคญั การจัดกจิ กรรมท่ี่สงเสริม ใ่ห่ผเู รียนนาความ่รไู ป ประยกุ ่ต่ใชในชีวัติ ประจาวัน

2.5 ประเภทของการเรยี นการสอนท่ี่เนน่ผเู รียน่เปนสาคญั 2.5.1 การสอนแบบเนน้ กจิ กรรมการเรยี นการสอนเป็นหลกั 1) การสอนแบบ์ใช์ปญหา์เปนหลกั (PBL: Problem Base Learning) 2) การสอน์ใหส์รางความ์ร์ูดวยตนเอง (Constructivism) 3) การสอน์ใหเกดิ ความคดิ รวบยอด (Concept Attainment) 4) การเรียนแบบ์รวมมอื สอน์ดวยการ์ใหทางาน์รวมกนั (Cooperative Learning) 5) การสอน์ใหเกดิ การเรียน์รูจากกระบวนการคดิ แบบมีวิจารณญาณ (Critical Thinking) 2.5.2 กาเรียนการสอนแบบ่เนนสื่อ ์เชน บทเรียนสาเรจ็ รูป ศนู ์ยการเรยี น CAI และ e-Learning ์เปน์ตน

2.6 การวดั และประเมินผลท่เี นน้ ผูเ้ รยี นเป็ นสาคญั ใช้ “การวดั และประเมนิ ผล ตามสภาพจรงิ ” เป็นวธิ กี ารหลกั เทคนิควธิ กี ารประเมนิ ตามสภาพจรงิ ไดแ้ ก่ 1) การสงั เกต ์ใชเกบ็ ์ขอมูลพฤติกรรม์ดานการ์ใชความคิด การปฏิบตั งิ าน และ โดยเฉพาะ์ดานอารม์ณ ความ์รูสกึ และลักษณะนสิ ยั สามารถทา์ไดทกุ เวลา ทกุ สถานทท่ี งั้ ใน์หองเรยี น นอก์หองเรยี น หรอื ในสถานการ์ณอื่นนอกโรงเรยี น 2) การสัมภาษ่ณ ์ใชเกบ็ ์ขอมูลหรือพฤตกิ รรม์ดานความคิด (สต์ิปญญา) ความ์รสู กึ กระบวนการขั้นตอนในการทางาน วิธแี์ก์ปญหา ฯลฯ อาจ์ใชประกอบการสงั เกตเพ่อื ์ให์ได ์ขอมลู ทีม่ น่ั ใจมากยง่ิ ขนึ้ .

เทคนิควธิ ีการประเมินตามสภาพจรงิ (ตอ่ ) 3) การตรวจงาน ์เปนการวดั และประเมินผลท์่ีเนนการนาผลการประเมินไป์ใชทนั ทีใน 2 ลกั ษณะ คอื เพอ่ื การ์ชวยเหลือนกั เรยี นและเพ่ือปรับปรงุ การสอนของครู 4) การรายงานตนเอง ์เปนการ์ใหนักเรยี นเขียนบรรยายหรือตอบคาถามส้ัน ๆ หรือ ตอบแบบสอบถามทีค่ รูส์รางข้นึ เพื่อสะ์ทอนถึงการเรยี น์รูของนกั เรียนทั้งความ์รู ความ์เขาใจ วธิ ีคดิ วิธีทางานความพอใจในผลงาน ความ์ตองการพัฒนาตนเอง์ใหดยี ง่ิ ขึน้

2.7 บทบาทของ่ผูบรหิ ารในการ่สงเสริมการจัดการเรยี น่รูท่เี่ นน่ผูเรยี น่เปน สาคัญ 1) บทบาท์ดานการพฒั นาหลักสูตรสถานศกึ ษา 2) บทบาท์ดานการพฒั นากระบวนจัดการเรยี นรู 3) บทบาท์ดานการจดั หาแห์ลงเรียนรู 4) บทบาท์ดานการ์สงเสรมิ การวิจยั ในชนเรยี น 5) บทบาท์ดานการจดั หาสื่อการเรียนการสอน 6) บทบาท์ดานการพัฒนาบคุ ลากร 7) บทบาท์ดานการส์รางขวญั กาลังใจ 8) บทบาท์ดานการนิเทศ ตดิ ตาม และประเมินผล

สวสัสดดี ี


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook