Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เล่มที่ 3 การออกแบบและเขียนโปรแกรมที่ใช้ตรรกะและฟังก์ชั่นในการแก้ปัญหา

เล่มที่ 3 การออกแบบและเขียนโปรแกรมที่ใช้ตรรกะและฟังก์ชั่นในการแก้ปัญหา

Published by อรุณี สุเมธโสภณ, 2020-11-03 17:54:21

Description: เล่มที่ 3 การออกแบบและเขียนโปรแกรมที่ใช้ตรรกะและฟังก์ชั่นในการแก้ปัญหา

Search

Read the Text Version

บทเรยี นออนไลนอ์ เิ ล็กทรอนิคส์ วชิ า วทิ ยาการคานวณ (ว22103) ก การออกแบบและเขียนโปรแกรมทีใ่ ช้ตรรกะและฟังก์ชันในการแก้ปัญหา

บทเรยี นออนไลน์อิเล็กทรอนคิ ส์ วชิ า วทิ ยาการคานวณ (ว22103) ก สำหรบั บทเรยี นออนไลน์อิเล็กทรอนคิ ส์ วชิ ำ วิทยำกำรคำนวณ (ว22103) กลุ่มสำระกำร เรยี นรูว้ ิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี สำหรับนักเรยี นชน้ั มธั ยมศกึ ษำปีท่ี 2 เล่มน้ี ได้จัดทำขึ้น เพ่ือเปน็ สื่อประกอบกำรจดั กจิ กรรมกำรเรยี นรู้ วชิ ำ วทิ ยำกำรคำนวณ (ว22103) กลมุ่ สำระกำรเรียนรู้ วทิ ยำศำสตร์และเทคโนโลยี สำหรบั นกั เรียนชั้นมัธยมศกึ ษำปีท่ี 2 เพื่อพัฒนำผลสมั ฤทธ์ทิ ำงกำรเรียน โรงเรียนวฒั นำนคร สงั กัดองค์กำรบรหิ ำรส่วนจังหวดั สระแก้ว บทเรียนออนไลน์อิเลก็ ทรอนิคส์ วิชำ วิทยำกำรคำนวณ (ว22103) กลมุ่ สำระกำรเรียนรู้ วิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี สำหรบั นกั เรยี นชัน้ มธั ยมศกึ ษำปีท่ี 2 มเี น้อื หำสำระกำรเรียนรสู้ อดคลอ้ ง กบั หลกั สตู รกำรศึกษำขน้ั พ้ืนฐำน พทุ ธศักรำช 2551 และหลกั สตู รสถำนศกึ ษำ ตำม กระทรวงศกึ ษำธิกำรกำหนด ซงึ่ นับวำ่ มีควำมสำคญั อย่ำงยิ่งสำหรบั นักเรียน เพรำะถือเป็นพื้นฐำน สำคญั ของกำรใชเ้ ทคโนโลยีในยุค 4.0 และสอดคลอ้ งกบั กำรเรยี นร้ใู นศตวรรษที่ 21 นี้ โดยใชร้ ่วมกับ กำรเรยี นรู้แบบใช้โครงงำนเป็นฐำน เพอื่ ส่งเสริมและพฒั นำกำรเรยี นรดู้ ำ้ นเทคโนโลยแี กน่ กั เรียน ตลอดจนทกั ษะกำรคิดวิเครำะห์ สังเครำะห์ และกำรแก้ปัญหำ เพอื่ กำรนำไปใชใ้ นชวี ติ ประจำวัน ผู้จัดทำมุ่งหวังว่ำ บทเรียนออนไลน์อิเล็กทรอนิคส์ วิชำ วิทยำกำรคำนวณ (ว22103) กลุ่ม สำระกำรเรียนร้วู ิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี สำหรับนักเรียนชน้ั มัธยมศกึ ษำปที ี่ 2 จะอำนวยประโยชน์ แก่ผรู้ กั กำรอำ่ น นักเรียน และผูส้ นใจ ไดเ้ ปน็ อย่ำงยงิ่ นำงอรณุ ี สุเมธโสภณ ตำแหน่ง ครู วทิ ยำฐำนะ ครูชำนำญกำรพเิ ศษ การออกแบบและเขียนโปรแกรมท่ใี ชต้ รรกะและฟงั ก์ชันในการแกป้ ญั หา

บทเรียนออนไลนอ์ เิ ลก็ ทรอนิคส์ วชิ า วิทยาการคานวณ (ว22103) ข บทเรียนออนไลน์อิเล็กทรอนิคส์ วิชำ วิทยำกำรคำนวณ (ว22103) กลุ่มสำระกำรเรียนรู้ วิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี สำหรับนักเรียนช้ันมัธยมศึกษำปีที่ 2 เล่มนี้ ได้จัดทำขึ้น เพื่อเป็นสื่อ ประกอบกำรจัดกิจกรรมกำรเรียนรู้ วิชำ วิทยำกำรคำนวณ (ว22103) กลุ่มสำระกำรเรียนรู้ วทิ ยำศำสตร์และเทคโนโลยี สำหรับนักเรียนช้ันมัธยมศึกษำปีที่ 2 เพื่อพัฒนำผลสัมฤทธิ์ทำงกำรเรียน โรงเรียนวัฒนำนคร สังกัดองค์กำรบริหำรส่วนจังหวัดสระแก้ว บทเรียนออนไลน์อิเล็กทรอนิคส์ วิชำ วิทยำกำรคำนวณ (ว22103) กลุ่มสำระกำรเรียนรู้วิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี สำหรับนักเรียนช้ัน มัธยมศึกษำปีที่ 2 มีเน้ือหำสำระกำรเรียนรู้สอดคล้องกับหลักสูตรกำรศึกษำขั้นพ้ืนฐำน พุทธศักรำช 2551 และหลักสูตรสถำนศึกษำ ตำมกระทรวงศึกษำธิกำรกำหนด ซึ่งนับว่ำมีควำมสำคัญอย่ำงย่ิง สำหรับนักเรียน เพรำะถือเป็นพ้ืนฐำนสำคัญของกำรใช้เทคโนโลยีในยุค 4.0 และสอดคล้องกับกำรเรียนรู้ ในศตวรรษที่ 21 นี้ โดยใช้ร่วมกับกำรเรียนรู้แบบใช้โครงงำนเป็นฐำน เพ่ือส่งเสริมและพัฒนำ กำรเรียนรู้ด้ำนเทคโนโลยีแก่นักเรียน ตลอดจนทักษะกำรคิดวิเครำะห์ สังเครำะห์ และกำรแก้ปัญหำ เพอื่ กำรนำไปใช้ในชวี ติ ประจำวนั บทเรยี นออนไลน์อิเล็กทรอนิคส์ วิชำ วิทยำกำรคำนวณ (ว22103) กล่มุ สำระกำรเรียนรู้ วิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี สำหรับนกั เรียนช้นั มธั ยมศกึ ษำปที ่ี 2 จำนวน 6 เลม่ ดังนี้ เล่มที่ 1 วิทยำกำรเชิงคำนวณ เลม่ ที่ 2 กำรออกแบบอลั กอรทิ ึมทใี่ ชแ้ นวคดิ เชงิ คำนวณในกำรแก้ปัญหำ เล่มที่ 3 กำรออกแบบและเขียนโปรแกรมที่ใช้ตรรกะและฟังก์ชันในกำรแก้ปญั หำ เล่มที่ 4 กำรออกแบบและเขียนโปรแกรมด้วยภำษำไพทอน เลม่ ท่ี 5 องค์ประกอบและหลักกำรทำงำนของระบบคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสำรสนเทศ เล่มที่ 6 ประยกุ ตใ์ ช้งำนระบบคอมพวิ เตอร์และเทคโนโลยีกำรสือ่ สำรและกำรแก้ปัญหำ เบื้องตน้ บทเรียนออนไลน์อเิ ล็กทรอนิคส์ วิชำ วทิ ยำกำรคำนวณ (ว22103) กลุ่มสำระกำรเรยี นรู้ วทิ ยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี สำหรบั นักเรียนช้นั มัธยมศึกษำปีที่ 2 เล่มน้ี คือ เล่มท่ี 3 กำรออกแบบ และเขยี นโปรแกรมทใี่ ชต้ รรกะและฟังกช์ นั ในกำรแก้ปัญหำ ทั้งนี้ บทเรียนออนไลน์อิเล็กทรอนิคส์ วิชำ วิทยำกำรคำนวณ (ว22103) กลุ่มสำระกำรเรียนรู้วิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี สำหรับ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษำปีท่ี 2 เป็นแบบ E-Book มีลักษณะเป็นหนังสือ อิเล็กทรอนิกส์ โดยสำมำรถสแกนผ่ำน QR-Code หรือเข้ำผ่ำนลิงค์เว็บ ไซด์ เพ่ือใช้งำนตำมปกติ พร้อมกับรูปเล่มจริง ตำมลิงค์ออนไลน์ท่ีแนบน้ี QR-Code https://pubhtml5.com/bookcase/........... การออกแบบและเขียนโปรแกรมทใ่ี ช้ตรรกะและฟังก์ชันในการแก้ปัญหา

บทเรยี นออนไลน์อิเลก็ ทรอนิคส์ วชิ า วทิ ยาการคานวณ (ว22103) ค เน่ืองจำกบทเรียนออนไลน์อิเล็กทรอนิคส์ วิชำ วิทยำกำร คำนวณ (ว22103) กลุ่มสำระกำรเรียนรู้วิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษำปีท่ี 2 เล่มน้ี เป็นแบบ E-Book มี ลักษณะเป็นหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ โดยสำมำรถสแกนผ่ำน QR-Code หรือเข้ำผ่ำนลิงค์เว็บไซด์ เพ่ือใช้งำนตำมปกติ QR-Code พ ร้ อ ม กั บ รู ป เ ล่ ม จ ริ ง ต ำ ม ลิ ง ค์ อ อ น ไ ล น์ ท่ี แ น บ นี้ https://pubhtml5.com/bookcase/............. ควรปฏิบตั ิ ดงั น้ี 1. ศกึ ษำและทำควำมเขำ้ ใจคู่มือกำรใช้และบทเรยี นออนไลน์อิเลก็ ทรอนิคส์ วิชำ วิทยำกำร คำนวณ (ว22103) กลุ่มสำระกำรเรียนรวู้ ิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี สำหรับนักเรียนชั้นมธั ยมศกึ ษำ ปีที่ 2 เลม่ นี้ ให้เข้ำใจก่อนนำไปใชง้ ำน 2. จัดเตรยี มบทเรียนออนไลน์อเิ ล็กทรอนิคส์ วิชำ วทิ ยำกำรคำนวณ (ว22103) กลุ่มสำระ กำรเรียนร้วู ิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี สำหรับนกั เรียนชั้นมธั ยมศึกษำปีท่ี 2 สำหรับแจกให้นักเรยี น 3. แนะนำกำรใช้งำนบทเรียนออนไลนอ์ เิ ลก็ ทรอนิคส์ วชิ ำ วทิ ยำกำรคำนวณ (ว22103) กลมุ่ สำระกำรเรียนรวู้ ทิ ยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี สำหรับนกั เรยี นช้ันมัธยมศึกษำปีท่ี 2 4. ใหน้ ักเรียนลงมอื ทำแบบทดสอบก่อนเรียนประจำบทเรยี นออนไลน์อิเลก็ ทรอนิคส์ วชิ ำ วิทยำกำรคำนวณ (ว22103) กล่มุ สำระกำรเรียนรวู้ ทิ ยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี สำหรับนกั เรยี นชน้ั มัธยมศึกษำปีที่ 2 5. เปิดโอกำรสใหน้ กั เรียนศกึ ษำเนอ้ื หำ หรือบทเรียนในบทเรยี นออนไลน์อเิ ล็กทรอนิคส์ วิชำ วิทยำกำรคำนวณ (ว22103) กลมุ่ สำระกำรเรยี นร้วู ทิ ยำศำสตร์และเทคโนโลยี สำหรบั นักเรยี นช้นั มธั ยมศกึ ษำปีท่ี 2 ด้วยตนเอง ตำมกระบวนกำรเรยี นรู้แบบใช้โครงงำนเป็นฐำน 6. ให้นักเรยี นทบทวนควำมรู้ ควำมเขำ้ ใจด้วยกำรทำกจิ กรรมฝกึ ทักษะให้ครบถว้ นทุกตอน 7. ให้นักเรยี นลงมือทำแบบทดสอบหลังเรียนประจำบทเรียนออนไลน์อเิ ลก็ ทรอนิคส์ วิชำ วทิ ยำกำรคำนวณ (ว22103) กลมุ่ สำระกำรเรียนรู้วิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี สำหรบั นักเรียนชั้น มัธยมศึกษำปที ี่ 2 8. นำนักเรยี นตรวจคำตอบและเฉลยคำตอบทั้งหมด เพ่ือบันทกึ คะแนนท้ำยบทเรียนออนไลน์ อเิ ล็กทรอนิคส์ วิชำ วิทยำกำรคำนวณ (ว22103) กลุ่มสำระกำรเรยี นรวู้ ิทยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี สำหรับนกั เรียนชั้นมธั ยมศกึ ษำปีท่ี 2 หมำยเหตุ : บทเรยี นออนไลน์อเิ ลก็ ทรอนิคส์ นี้ นักเรียนสำมำรถกลับมำเรียนรูแ้ ละทบทวนได้ ภำยหลังจำกท่ีเรียนเสรจ็ แลว้ หำกนกั เรียนไม่เข้ำใจหรอื ต้องกำรทบทวนเนื้อหำนอกเวลำเรียน สำหรับ กิจกรรมระหวำ่ งเรียนอำจมที ้ังแบบเดีย่ วและกลมุ่ การออกแบบและเขียนโปรแกรมทีใ่ ชต้ รรกะและฟังกช์ ันในการแกป้ ัญหา

บทเรยี นออนไลน์อิเลก็ ทรอนคิ ส์ วชิ า วิทยาการคานวณ (ว22103) ง เนื่องจำกบทเรียนออนไลน์อิเล็กทรอนิคส์ วิชำ วิทยำกำร คำนวณ (ว22103) กลุ่มสำระกำรเรียนรู้วิทยำศำสตร์และ เทคโนโลยี สำหรับนกั เรียนชน้ั มัธยมศึกษำปีท่ี 2 เล่มนี้ เปน็ แบบ E- Book มีลกั ษณะเป็นหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ โดยสำมำรถสแกนผ่ำน QR-Code หรือเข้ำผ่ำนลิงค์เว็บไซด์ เพื่อใช้งำนตำมปกติ พร้อมกับ QR-Code รู ป เ ล่ ม จ ริ ง ต ำ ม ลิ ง ค์ อ อ น ไ ล น์ ที่ แ น บ นี้ https://pubhtml5.com/bookcase/........... ควรปฏบิ ตั ิ ดงั น้ี 1. ศกึ ษำและทำควำมเขำ้ ใจคำช้แี จง และบทบำทนักเรียน เพอ่ื กำรใช้บทเรยี นออนไลน์ อิเลก็ ทรอนคิ ส์ วชิ ำ วิทยำกำรคำนวณ (ว22103) กลุ่มสำระกำรเรียนรู้วิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี สำหรบั นักเรียนช้นั มัธยมศกึ ษำปที ่ี 2 เลม่ น้ี ให้เขำ้ ใจก่อนนำไปใช้งำน 2. นกั เรียนลงมอื ทำแบบทดสอบก่อนเรียนประจำบทเรยี นออนไลน์อิเลก็ ทรอนิคส์ วิชำ วิทยำกำรคำนวณ (ว22103) กลุ่มสำระกำรเรยี นรวู้ ทิ ยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี สำหรับนกั เรียนชน้ั มัธยมศึกษำปที ี่ 2 3. นกั เรยี นศกึ ษำบทเรียนออนไลน์อเิ ล็กทรอนิคส์ วชิ ำ วิทยำกำรคำนวณ (ว22103) กลมุ่ สำระกำรเรียนรวู้ ิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี สำหรบั นักเรยี นชั้นมธั ยมศึกษำปที ี่ 2 ด้วยตนเอง ตำมกระบวนกำรเรยี นรู้ (ด้วยกำรเรยี นรแู้ บบ SQ4R) 4. นักเรียนทบทวนควำมรู้ ควำมเข้ำใจดว้ ยกำรทำกจิ กรรมฝึกทกั ษะใหค้ รบถว้ นทุกตอน 5. นักเรียนลงมือทำแบบทดสอบหลงั เรยี นประจำบทเรียนออนไลน์อิเลก็ ทรอนคิ ส์ วชิ ำ วิทยำกำรคำนวณ (ว22103) กลุ่มสำระกำรเรยี นรวู้ ิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี สำหรบั นักเรียน ชน้ั มธั ยมศกึ ษำปีที่ 2 6. นกั เรียนรว่ มตรวจคำตอบและเฉลยคำตอบทัง้ หมด เพ่ือบันทกึ คะแนนท้ำยบทเรียน ออนไลน์อเิ ล็กทรอนิคส์ วชิ ำ วทิ ยำกำรคำนวณ (ว22103) กลุ่มสำระกำรเรียนรวู้ ิทยำศำสตรแ์ ละ เทคโนโลยี สำหรับนกั เรียนช้ันมัธยมศึกษำปที ่ี 2 7. นกั เรียนสำมำรถศึกษำทบทวนเนอ้ื หำบทเรยี นออนไลน์อเิ ล็กทรอนคิ ส์ วชิ ำ วิทยำกำร คำนวณ (ว22103) กลุ่มสำระกำรเรียนร้วู ิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี สำหรับนกั เรยี นช้นั มัธยมศึกษำ ปีที่ 2 ไดต้ ลอดเวลำ หลังเรียนเสรจ็ แลว้ หำกไม่ผ่ำนเกณฑ์รอ้ ยละ 80.00 หมำยเหตุ : บทเรยี นออนไลน์อเิ ล็กทรอนคิ ส์ น้ี นักเรียนสำมำรถกลับมำเรยี นรู้และทบทวนได้ ภำยหลงั จำกท่ีเรยี นเสรจ็ แลว้ หำกนกั เรียนไมเ่ ข้ำใจหรอื ต้องกำรทบทวนเน้ือหำนอกเวลำเรยี น สำหรับ กิจกรรมระหวำ่ งเรียนอำจมีทั้งแบบเด่ียวและกล่มุ การออกแบบและเขียนโปรแกรมทใ่ี ชต้ รรกะและฟงั กช์ ันในการแก้ปญั หา

บทเรยี นออนไลนอ์ ิเลก็ ทรอนิคส์ วชิ า วิทยาการคานวณ (ว22103) จ ขอ้ ควรระวงั และปฏบิ ัติก่อนการดาเนนิ การสอน 1. ศกึ ษำแผนกำรจัดกำรเรยี นร้อู ย่ำงละเอียด 2. เตรยี มอปุ กรณ์ สอื่ กำรเรียนกำรสอนให้เรยี บร้อย 3. ศกึ ษำรำยละเอยี ดบทเรียนออนไลนอ์ ิเล็กทรอนิคส์ก่อนกำรเรยี นรู้ 4. กำหนดบทบำทสมำชิในกลุ่มทรำบถงึ กำรปฏิบัตติ มบทบำทต่ำงๆ โดยสมำชิกทุกคนในกลุ่ม ตอ้ งได้ทำทุกบทบำท 5. ครผู ู้สอนชีแ้ จงวิธีกำรใช้บทเรียนออนไลน์อิเลก็ ทรอนิคส์และกิจกรรมทนี่ ักเรียนต้องปฏบิ ัติ ข้อควรระวงั และปฏิบตั ิขณะดาเนินการสอน 1. ชี้แจงกำรใช้บทเรียนออนไลนอ์ เิ ลก็ ทรอนคิ ส์ให้นักเรยี นทุกคนทรำบ 2. ตำเนินกจิ กรมตมแผนกำรจัดกำรเรียนรู้ เพ่ือใหส้ อดคล้องกบั จดุ ประสงคก์ ำรเรียนรู้ เนื้อหำ และเวลำทก่ี ำหนด 3. ครผู ้สู อนตอ้ งให้คำแนะนำและคอยดแู ลนกั เรียนอย่ำงใกล้ชิด 4. ใหน้ ักเรยี นเรียนรูจ้ ำกบทเรียนออนไลน์อิเล็กทรอนิคส์ตำมชนั้ ตอนอย่ำงเครง่ ครดั และมี ควำมซ่อื สัตยต์ ่อตนเอง 5. ตรวจสอบกำรทำงำนของนักเรียนและสรุปบทเรียนร่วมกันนกั เรยี น ขอ้ ควรระวังและปฏิบัตเิ มื่อดาเนินการสอนสิ้นสุด 1. ครผู ู้สอนใหน้ กั เรียนทำแบบทดสอบหลังเรียน 2. ตรวจผลงำนจำกกำรทำแบบทดสอบและกจิ กรรมระหว่ำงเรียน 3. ถ้ำนักเรยี นไมผ่ ่ำนเกณฑท์ ่รี ะบไุ ว้ ครคู วรให้นักเรยี นศึกษำและทบทวนเนื้อหำใหม่อกี ครั้ง แลว้ ทำแบบทดสอบหลังเรยี นใหผ้ ่ำนเกณฑท์ ่ีกำหนดไว้ การออกแบบและเขียนโปรแกรมทใ่ี ช้ตรรกะและฟงั กช์ ันในการแก้ปญั หา

บทเรยี นออนไลนอ์ ิเล็กทรอนิคส์ วชิ า วทิ ยาการคานวณ (ว22103) ฉ วชิ า วิทยาการคานวณ (ว22103) กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 2 จานวน 1.0 หน่วยกิต ปีการศึกษา 1/2561 เวลา 40 ชว่ั โมง ศกึ ษำกำรออกแบบอัลกอริทึมทใี่ ชแ้ นวคิดเชิงคำนวณในกำรแก้ปญั หำ หรือกำรทำงำนที่พบ ในชวี ติ จริงกำรออกแบบและเขียนโปรแกรมท่ีใชต้ รรกะและฟังกช์ ันในกำรแก้ปญั หำ กำรเขียน โปรแกรมโดยใช้ซอฟตแ์ วร์Scratch, python, java และ c อภิปรำยองคป์ ระกอบและหลักกำรทำงำน ของระบบคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยกี ำรสื่อสำรเพ่ือประยุกตใ์ ช้งำนหรือแก้ปญั หำเบื้องต้น ตลอดจน ใชเ้ ทคโนโลยีสำรสนเทศอย่ำงปลอดภยั มีควำมรบั ผดิ ชอบ สรำ้ งและแสดงสิทธใิ นกำรเผยแพร่ผลงำน โดยอำศัยกระบวนกำรเรียนรู้โดยใช้ปัญหำเป็นฐำน (Problem-based Learning) และกำร เรียนรู้แบบใช้โครงงำนเป็นฐำน (Project-based Learning) เพ่ือเน้นให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติ ฝึก ทักษะกำรคิด เผชญิ สถำนกำรณ์กำรแก้ปัญหำ วำงแผนกำรเรียนรู้ ตรวจสอบกำรเรียนรู้ และนำเสนอ ผำ่ นกำรทำกิจกรรมโครงงำน เพ่ือให้เกิดทักษะ ควำมรู้ ควำมเข้ำใจ และทักษะใน กำรวิเครำะห์โจทย์ ปัญหำ จนสำมำรถนำเอำแนวคิดเชงิ คำนวณมำประยกุ ตใ์ ชใ้ นกำรสรำ้ งโครงงำนได้ เพ่อื ให้ผู้เรียนมีควำมรู้ ควำมเข้ำใจ กำรนำข้อมูลปฐมภูมิเข้ำสู่ระบบคอมพิวเตอร์ วิเครำะห์ ประเมิน นำเสนอข้อมูลและ สำรสนเทศได้ตำมวัตถุประสงค์ ใช้ทักษะกำรคิดเชิงคำนวณในกำร แก้ปัญหำที่พบในชีวิตจริง และเขียนโปรแกรมอย่ำงง่ำย เพื่อช่วย ในกำรแก้ปัญหำ ใช้เทคโนโลยี สำรสนเทศและกำรสื่อสำรอย่ำงรู้เท่ำทันและรับผิดชอบต่อสังคม ตลอดจนนำควำมรู้ควำมเข้ำใจใน วิชำวิทยำศำสตร์และเทคโนโลยีไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมและกำรดำรงชีวิต จนสำมำรถพัฒนำ กระบวนกำรคิดและจินตนำกำร มีควำมสำมำรถในกำรแก้ปัญหำและมีทักษะในกำรส่ือสำร มี ควำมสำมำรถในกำรตัดสินใจ และเป็นผู้ท่ีมีจิตวิทยำศำสตร์ มีคุณธรรม จริยธรรม และค่ำนิยมในกำร ใช้วทิ ยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยีอย่ำงสรำ้ งสรรค์ ตวั ช้วี ดั คอื ว 4.2 ม.2/1, ม.2/2, ม.2/3, ม.2/4 รวม 4 ตัวช้วี ัด การออกแบบและเขียนโปรแกรมที่ใชต้ รรกะและฟังกช์ ันในการแกป้ ญั หา

บทเรยี นออนไลนอ์ เิ ล็กทรอนิคส์ วชิ า วิทยาการคานวณ (ว22103) ช แนวคิดสาคัญ ตัวดำเนนิ กำร (Operator) ตวั ดำเนินกำรทั่วไปเป็นเครื่องมือท่ีใช้ในกำรคำนวณและใช้ในกำร เปรียบเทียบ ซึ่งใช้เคร่ืองหมำยของตัวดำเนินกำรปกติไม่ได้ จึงต้องใช้ตัวดำเนินกำรบูลีนโดยใช้หลัก พีชคณิตแบบบลู เรยี กว่ำ ตวั ดำเนนิ กำรบูลีน(Boolean operator) ฟังก์ชัน มีควำมหมำยได้หลำยทำง เช่นกำรทำหน้ำท่ี กำรทำงำน กำรแถมตำมเง่ือนไข(อำจ เป็นซื้อส้ินค้ำ 2 ช้ินแถมให้อีก 1 ช้ิน) แต่ในวิชำคณิตศำสตร์ ฟังก์ชัน หมำยถึง ควำมสัมพันธ์ของ จำนวนที่ขน้ึ อยู่กบั จำนวนอ่นื ใชส้ ญั ลกั ษณ์ f เชน่ f(x) = x ฟังก์ชัน เป็นเคร่ืองมือที่ช่วยให้เขียนโปรกรมได้รวดเร็วข้ึน โปรแกรมเมอร์สำมำรถออกแบบ ฟังก์ชันขึ้นมำใชใ้ นกำรเขียนโปรแกรม หรอื นำเข้ำฟังก์ชันจำกท่ีมีสร้ำงไว้แล้ว หรือท่ีมีในโปรแกรมต่ำง ๆ มำใชใ้ นโปรแกรมของตนเองได้ ปัญหำ เป็นเรื่องรำวหรือเหตุกำรณ์ท่ีมักพบในชีวิตประจำวัน บำงปัญหำเมื่อแก้ไขแล้วก็ไม่ เกิดข้ึนอีก บำงปัญหำอำจเกิดซ้ำได้อีก กำรกำหนดขั้นตอนในกำรแก้ปัญหำอย่ำงมีระบบจะช่วยให้ แกป้ ญั หำได้อยำ่ งมีประสทิ ธิภำพหรอื นอ้ ย สาระการเรยี นรู้ กำรออกแบบและเขียนโปรแกรมท่ใี ชต้ รรกะและฟังกช์ ันในกำรแก้ปัญหำ 1. ตวั ดำเนนิ กำรบลู นี 2. ฟงั กช์ นั 3. กำรออกแบบและเขียนโปรแกรมท่ีมกี ำรใชต้ รรกะและฟังก์ชัน 4. กำรแก้ปญั หำอยำ่ งเป็นขัน้ ตอน จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. มคี วำมรู้ ควำมเข้ำใจสำมำรถตอบคำถำมเกี่ยวกบั กำรออกแบบและเขียนโปรแกรมทใ่ี ช้ ตรรกะและฟังก์ชันในกำรแก้ปัญหำได้ (K) 2. อธบิ ำยเก่ียวกับกำรออกแบบและเขียนโปรแกรมที่ใช้ตรรกะและฟงั ก์ชันในกำรแก้ปญั หำ ได้ (A) 3. ปฏิบัติตำมคำส่งั ของกำรใชง้ ำนโปรแกรมท่ีกำหนดได้ (P) 4. ออกแบบ กำหนด และทำโครงงำน หรือชิน้ งำนตำมที่กำหนดได้ (P) 5. สอื่ สำร และใช้ทักษะกำรคิด กำรแก้ปัญหำ ทกั ษะชวี ติ และกำรใชเ้ ทคโนโลยไี ด้ (P) 6. มีควำมกระตอื รือรน้ ใฝเ่ รียนรู้ และให้ควำมร่วมมือในกิจกรรมกล่มุ (A) การออกแบบและเขียนโปรแกรมทใ่ี ชต้ รรกะและฟังกช์ ันในการแก้ปัญหา

บทเรยี นออนไลนอ์ เิ ลก็ ทรอนคิ ส์ วชิ า วทิ ยาการคานวณ (ว22103) ซ สมรรถนะท่ีสาคัญ หลกั สตู รแกนกลำงกำรศึกษำขนั้ พนื้ ฐำน มุง่ ใหผ้ เู้ รียนเกดิ สมรรถนะสำคญั 5 ประกำร ดงั น้ี 1. ควำมสำมำรถในกำรสื่อสำร 2. ควำมสำมำรถในกำรคิด 3. ควำมสำมำรถในกำรแกป้ ัญหำ 4. ควำมสำมำรถในกำรใชท้ ักษะชีวิต 5. ควำมสำมำรถในกำรใช้เทคโนโลยี คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ หลักสตู รแกนกลำงกำรศึกษำขัน้ พ้นื ฐำน ม่งุ พฒั นำผ้เู รยี นให้มีคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ เพื่อให้สำมำรถอยู่รว่ มกบั ผู้อน่ื ในสงั คมได้อย่ำงมคี วำมสุข ในฐำนะเป็นพลเมืองไทยและพลโลก ดังนี้ 1. รกั ชำติ ศำสน์ กษัตริย์ 2. ซื่อสตั ย์สจุ ริต 3. มีวนิ ยั 4. ใฝเ่ รยี นรู้ 5. อยอู่ ยำ่ งพอเพยี ง 6. มงุ่ มนั่ ในกำรทำงำน 7. รักควำมเปน็ ไทย 8. มจี ิตสำธำรณะ ภาระงาน/ชน้ิ งาน บทเรยี นออนไลน์อิเลก็ ทรอนิคส์ วิชำ วิทยำกำรคำนวณ (ว22103) กลุม่ สำระกำรเรยี นรู้ วิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี สำหรบั นักเรยี นชัน้ มธั ยมศกึ ษำปีท่ี 2 เล่มที่ 3 กำรออกแบบและเขียน โปรแกรมทใ่ี ช้ตรรกะและฟังก์ชันในกำรแก้ปัญหำ 1. แบบทดสอบกอ่ นเรยี น 2. กจิ กรรมระหวำ่ งเรยี น 3. แบบทดสอบหลงั เรยี น การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ 1. แบบทดสอบก่อนเรียน เกณฑ์กำรประเมนิ นักเรียนต้องไดค้ ะแนน ร้อยละ 80 ขึน้ ไป 2. กจิ กรรมระหวำ่ งเรียน เกณฑก์ ำรประเมนิ นักเรียนต้องได้คะแนน ร้อยละ 80 ขน้ึ ไป 3. แบบทดสอบหลงั เรียน เกณฑก์ ำรประเมนิ นักเรียนต้องไดค้ ะแนน ร้อยละ 80 ข้นึ ไป การออกแบบและเขียนโปรแกรมท่ีใชต้ รรกะและฟังก์ชันในการแก้ปญั หา

บทเรียนออนไลน์อิเล็กทรอนิคส์ วิชา วิทยาการคานวณ (ว22103) ฌ คำนำ หนา้ คำชี้แจง ก คำแนะนำสำหรับครู ข คำแนะนำสำหรบั นักเรียน ค ข้อควรระวังและปฏิบตั ิ ง คำอธบิ ำยรำยวชิ ำพื้นฐำน จ บทเรยี นออนไลน์อเิ ล็กทรอนิคส์ วิชำ วิทยำกำรคำนวณ (ว22103) กลมุ่ สำระกำรเรยี นรู้ ฉ วทิ ยำศำสตร์และเทคโนโลยี สำหรบั นักเรยี นช้ันมัธยมศกึ ษำปที ี่ 2 แบบทดสอบกอ่ นเรยี น ช กะดำษคำตอบแบบทดสอบก่อนเรียน 1 ใบควำมรู้ เรื่อง กำรออกแบบและเขียนโปรแกรมทใ่ี ชต้ รรกะและฟังก์ชันในกำรแก้ปัญหำ 3 4 กจิ กรรมที่ 1 13 กิจกรรมที่2 14 กิจกรรมที่3 15 กจิ กรรมท่ี 4 16 แบบทดสอบหลงั เรียน 19 กระดำษคำตอบแบบทดสอบหลงั เรยี น 21 ภำคผนวก 22 เฉลยกจิ กรรมท่ี 1 23 เฉลยกิจกรรมที่ 2 24 เฉลยกจิ กรรมท่ี 3 25 เฉลยกิจกรรมท่ี 4 26 เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี นและหลังเรียน 29 แบบบนั ทึกคะแนนผลกำรทำกจิ กรรม 30 บรรณนกุ รม 31 ประวตั ิยอ่ ผ้จู ดั ทำ 32 การออกแบบและเขียนโปรแกรมท่ีใช้ตรรกะและฟงั ก์ชันในการแก้ปัญหา

บทเรยี นออนไลนอ์ เิ ล็กทรอนคิ ส์ วชิ า วทิ ยาการคานวณ (ว22103) 1 แบบทดสอบก่อนเรียน เรื่อง การออกแบบและเขียนโปรแกรมทีใ่ ชต้ รรกะและฟงั ก์ชันในการแก้ปญั หา คาช้ีแจง ให้นักเรียนเลือกคำตอบทถ่ี ูกที่สุดเพียงคำตอบเดียวแลว้ ทำเคร่ืองหมำย X ลงในกระดำษคำตอบ 1. ขอ้ ใด คือ ควำมหมำยของบูลนี ก. กำรแยกปัญหำออกเป็นส่วนย่อย ๆ ข. กำรดำเนินกำรทีเ่ กิดขนึ้ ในสมองกระบวนกำรทำงธรรมชำติ ค. เป็นกำรคิดวเิ ครำะหเ์ ชงิ เหตผุ ลทำงคณติ ศำสตร์เพ่ือแกป้ ัญหำ ง. เป็นทฤษฎีทำงพชี คณิตใช้ตัวดำเนินกำรทำงตรรกะศำสตร์และทฤษฎีของเซต 2. ใคร คือ ผ้ทู น่ี ำพชี คณติ แบบบลไู ปใชค้ นแรก ก. จอรจ์ บลู ข. คลำวด์ อี. แชนนอน ค. กำลเิ ลโอ กำลเิ ลอี ง. ชำลส์ ดำร์วิน 3. ศูนย์วิจยั ทำงเทคโนโลยเี ครือข่ำยที่ใหญ่ท่สี ดุ ในโลก มีชื่อวำ่ อย่ำงไร ก. รงุ้ ปฐมภูมิ ข. รงุ้ ทตุ ิภูมิ ค. โนเกยี เบลล์แลป็ ง. เทคนิคปัญหำประดษิ ฐ์ 4. ขอ้ ใด คือ ควำมหมำยของตวั ดำเนนิ กี่ในบลู นี ก. เปน็ กำรเขำ้ สโู่ ปรแกรมแบบภำษำไพทอน ข. กำรออกแบบฟงั ก์ชัน โดยใชพ้ ำรำมเิ ตอร์เปน็ ตัวประกอบยอ่ ยชื่อ fname ค. เปฟ็ ังก์ชนั ที่แสดงควำมสัมพันธใ์ นเชงิ ตรรกะระหวำ่ งตวั แปรตรรกะกล่มุ หนึ่ง ง. เป็นกำรใช้พชี คณิตแบบบลูในกำรกำหนดหรือตรวจสอบสถำนะของสัญญำณที่ใช้ในวงจร อิเลก็ ทรอนิกส์ 5. กฎพ้ืนฐำนของพชี คณติ แบบบลู คือ ข้อใด ก. ค่ำตวั แปร ข. เงอื่ นไข True และ False ค. กระบวนกำรพืน้ ฐำนของพีชคณิตบลู ง. ถูกท้งั ข้อ ก และ ค การออกแบบและเขียนโปรแกรมท่ใี ช้ตรรกะและฟงั กช์ ันในการแกป้ ัญหา

บทเรยี นออนไลนอ์ ิเลก็ ทรอนคิ ส์ วิชา วิทยาการคานวณ (ว22103) 2 6. กระบวนกำรพนื้ ฐำนของพีชคณิตบลู มี 2 อยำ่ ง คอื ข้อใด ก. AND กบั OR ข. IF กบั OR ค. OFF กบั AND ง. DNA กบั AND 7. ข้อใด คือ ควำมหมำยของฟงั ก์ชันตรรกะ ก. โปรแกรมเครอื่ งคดิ เลขเปน็ กำรออกแบบฟงั กช์ ันกำรบวก ลบ คณู ข. กำรดำเนนิ กำรแก้ปญั หำ ตำมแนวทำงทีว่ ำงแผนไว้ ค. เปน็ ฟังก์ชนั ท่แี สดงควำมสัมพันธ์ในเชิงตรรกะระหว่ำงตัวแปรตรรกะกลุ่มหน่งึ ง. กำรวเิ ครำะหแ์ ละกำรกำหนดรำยละเอียดของปัญหำ 8. ขอ้ ใด คือ หน่ึงในสญั ลกั ษณท์ ใ่ี ช้ในผงั งำน ก. ข. ค. ง. 9. สญั ลักษณ์ของเกต มีชอ่ื เรียกว่ำอย่ำงไร ก. ผังงำน ข. ฟงั ก์ชนั ค. พำรำมิเตอร์ ง. ประตูสัญลักษณ์ 10. ขอ้ ใด คอื ควำมหมำยของฟงั กช์ ันในวชิ ำคณติ ศำสตร์ ก. ตวั ดำเนนิ กำรตรรกะ ข. วงจรปดิ -เปดิ แบบ AND ค. ควำมสัมพันธข์ องจำนวนท่ีขึ้นอยกู่ ับจำนวนอ่นื ง. กฎพน้ื ฐำนคณติ ศำสตรแ์ บบบลทู ีใ่ ชอ้ อกแบบอิเลก็ ทรอนิกส์ การออกแบบและเขียนโปรแกรมทใ่ี ช้ตรรกะและฟงั กช์ ันในการแกป้ ัญหา

บทเรยี นออนไลน์อิเลก็ ทรอนคิ ส์ วชิ า วทิ ยาการคานวณ (ว22103) 3 กระดาษคาตอบแบบทดสอบกอ่ นเรียน เรอื่ ง การออกแบบและเขียนโปรแกรมที่ใช้ตรรกะและฟงั กช์ ันในการแก้ปญั หา คาชแ้ี จง ใหน้ ักเรียนเลือกคำตอบทถี่ ูกท่ีสุดเพียงคำตอบเดยี วแลว้ ทำเครื่องหมำย X ลงในกระดำษคำตอบ ขอ้ ก ข ค ง 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. 9. 10. รวม คะแนนเตม็ 10 คะแนน คะแนนทีไ่ ด้ ..................... คะแนน  ผา่ น  ไม่ผ่าน การออกแบบและเขียนโปรแกรมท่ีใชต้ รรกะและฟังก์ชันในการแก้ปญั หา

บทเรียนออนไลน์อิเล็กทรอนิคส์ วชิ า วิทยาการคานวณ (ว22103) 4 เรือ่ ง การออกแบบและเขียนโปรแกรมทใี่ ชต้ รรกะและฟงั กช์ นั ในการแก้ปญั หา แนวคิดสาคญั บูลีน (Boolean) เป็นทฤษฎีทำงพีชคณิตท่ีใช้ ตัวดำเนินกำรทำงตรรกศำสตร์และทฤษฎีของเซต ตัวดำเนินกำร (Operator) ตัว คำว่ำ พีชคณิตแบบบลู ต้ังตำมช่ือของ จอร์จ บลู ดำเนินกำรทั่วไปเป็นเคร่ืองมือที่ใช้ในกำร นักคณิตศำสตร์ชำวอังกฤษเป็นผู้คิดพีชคณิตแบบบลู คำนวณและใช้ใน ขึ้น ซ่ึงเป็นรำกฐำนสำคัญของตรรกศำสตร์และวงจร ดิจิทัล โดยนำเทคนิคทำงพีชคณิตมำใช้กับนิพจน์ใน กำรเปรยี บเทียบ ซึ่งใช้เคร่ืองหมำย ตรรกศำสตร์เชงิ ประพจน์ ของตัวดำเนินกำรปกติไม่ได้ จึงต้องใช้ตัว ด ำ เ นิ น ก ำ ร บู ลี น โ ด ย ใ ช้ ห ลั ก พี ช ค ณิ ต ปัจจุบันพีชคณิตแบบบลูได้ถูกนำไปประยุกต์ แบบบลู เรียกว่ำ ตัวดำเนินกำรบูลีน อย่ำงแพร่หลำยในกำรออกแบบทำงอิเล็กทรอนิกส์ (Boolean operator) ผทู้ ี่นำไปใช้คนแรก คอื คลำวด์ อ.ี แชนนอน นักวทิ ยำศำสตรข์ องโนเกยี เบลล์แล็ป (Nokai Bell Labs) ในคริสต์ศตวรรษท่ี 20 หลังจำกบลูเสียชีวิต ไปแลว้ โดยนำมำใชใ้ นกำรวิเครำะห์วงจรเนต็ เวริ ์กทท่ี ำงำนตอ่ กันหลำยๆ ภำค เช่น วงจรของโทรศัพท์ เมื่อมีกำรพัฒนำวงจรคอมพิวเตอร์ขึ้นก็ได้มีกำรนำเอำพืชคณิตบูลีนมำใช้ในกำรคำนวณออกแบบและ อธิบำยสภำวะกำรทำงำนของสถำนะวงจรภำยในระบบคอมพิวเตอร์ โดยพืชคณิตบูลีนเป็นพื้นฐำน สำคญั ในกำรออกแบบวงจรตรรกะของระบบดจิ ิทัล โนเกยี เบลลแ์ ลป็ (Nokai Bell Labs) เป็นศนู ย์วิจัยทำงเทคโนโลยเี ครือขำ่ ย ทใ่ี หญท่ สี่ ุดในโลก ซึ่งต้งั อยู่ที่รัฐ นวิ เจอร์ซยี ์ สหรัฐอเมริกำ การออกแบบและเขียนโปรแกรมทใี่ ชต้ รรกะและฟงั กช์ ันในการแก้ปญั หา

บทเรียนออนไลน์อเิ ล็กทรอนคิ ส์ วิชา วิทยาการคานวณ (ว22103) 5 พืชคณติ แบบบลูใชค้ ำนวณทำงตรรกศำสตร์ โดยกำหนดให้ 0 หมำยถงึ เท็จ (False) 1 หมำยถึง จริง (True) ∧ แทนคำวำ่ และ (AND) ∨ แทนคำวำ่ หรือ (OR) ¬ แทนคำวำ่ ไม่ (NOT) ตวั ดาเนินการบูลนี ใชพ้ ชี คณิตแบบบลูในกำรกำหนดหรอื ตรวจสอบสถำนะของสัญญำณ ทใ่ี ช้ในวงจรอเิ ลก็ ทรอนิกส์ หรอื ใชใ้ นกำรเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ กฎพนื้ ฐำนของพชี คณติ แบบบลู (Boolean Algebra Postulates) มี 2 ข้อ คือ 1. คา่ ตัวแปร ตัวแปรแตล่ ะตัวจะมีค่ำไดเ้ พียง 2 คู่ คอื 0 กบั 1 เท่ำนน้ั นั่นคือ A = 0 ถ้ำ A ไม่เท่ำกบั 1 และ A = 1 ถำ้ A ไมเ่ ท่ำกบั 0 เพอื่ ใหเ้ กดิ ควำมเข้ำใจมำกขนึ้ จงึ นำกฎพ้นื ฐำนนมี้ ำประยุกต์ใช้กบั วงจรไฟฟ้ำดังภำพที่ 1 เป็นวงจรไฟฟำ้ ประกอบดว้ ยแบตเตอรี่ สวติ ชป์ ิด-เปิด และหลอดไฟ ภำพท่ี 1 ภำพวงจร F = A ให้ A = สวติ ช์ปดิ -เปิด F = หลอดไฟ F =A น่นั คอื F = 1 ถำ้ A = 1 เปิดไฟ F = 0 ถำ้ A = 0 ปิดไฟ 2. กระบวนการพื้นฐานของพีชคณิตบลู กระบวนกำรพน้ื ฐำนของพีชคณิตบลู (Basic Operator) มี 2 อย่ำง คือ AND กบั OR การออกแบบและเขียนโปรแกรมทีใ่ ช้ตรรกะและฟงั กช์ ันในการแก้ปัญหา

บทเรยี นออนไลนอ์ ิเลก็ ทรอนคิ ส์ วิชา วิทยาการคานวณ (ว22103) 6  วงจรการปิด-เปดิ สวติ ซแ์ บบ AND ให้ A และ B เปน็ สวิตช์ปิด-เปดิ 2 สวติ ช์ ตอ่ แบบอนกุ รม ภำพที่ 2 ภำพวงจร F= A.B ให้ F = หลอดไฟ ถ้ำ A = 1 และ B = 1 (เปดิ สวิตซ์ท้ังค)ู่ จะได้ F = 1 (ไฟเปิด) ถำ้ A≠1 และB = 1 จะได้ F = 0 (ไฟปิด) ถำ้ A = 1 และ B ≠ 1 จะได้ F = 0 (ไฟปดิ ) เขยี นเปน็ สมกำร F = A B (อ่ำนว่ำ F เทำ่ กับ A AND B) หมำยถึง F = 1 If A - 1 AND B = 1 (อ่ำนว่ำ F เท่ำกบั 1 ถ้ำ A เท่ำกับ 1 และ B เท่ำกบั 1)  วงจรการปดิ -เปดิ สวิตช์แบบ OR ภำพที่ 3 ภำพวงจร F = A + B ให้ F = หลอดไฟ ถำ้ A = 1 หรือ B = 1 (เปิดสวติ ซต์ ัวใดตัวหนงึ่ หรือเปิดทั้งสองตวั ) จะได้ F = 1 (ไฟเปดิ ) เขียนเปน็ สมกำรว่ำ F = A + B (อ่ำนว่ำ F เท่ำกับ A OR B) หมำยถงึ F = 1 If A = 1 OR B = 1 (อ่ำนว่ำ F เท่ำกบั 1 ถ้ำ A เทำ่ กับ 1 หรอื B เท่ำกับ 1) การออกแบบและเขียนโปรแกรมทใี่ ช้ตรรกะและฟังกช์ ันในการแก้ปัญหา

บทเรียนออนไลนอ์ เิ ลก็ ทรอนคิ ส์ วชิ า วทิ ยาการคานวณ (ว22103) 7 ตรรกะในบูลีนมเี พยี ง 2 สถำนะ คือ True ตวั ยอ่ วำ่ T หรือ 1 False ตวั ยอ่ ว่ำ F หรอื 0 เมอ่ื ให้คอมพวิ เตอรท์ ำกำรตรวจสอบจะใหค้ ำตอบ ดงั น้ี True ถ้ำเงื่อนไขเป็นจรงิ Fase ถ้ำเงอ่ื นไขเป็นเทจ็ ตวั อยำ่ งกำรตรวจสอบเงอื่ นไข True และ False ด้วยคอมพิวเตอร์ ใหเ้ ขำ้ สู่โปรแกรมภำษำไพทอนแลว้ พิมพ์กำรตรวจสอบใน Python Shell ดังตอ่ ไปน้ี >>> x = 5 >>> 2 < x  กำหนดให้ X เท่ำกบั 5 และ 2 น้อยกว่ำ 5 จะให้คำ่ จรงิ (True) True ต้องกำรตรวจสอบว่ำ >>> 2< x < 5  2 น้อยกว่ำ x และน้อยกวำ่ 5 แต่ให้คำ่ เท็จ (False) False ทำไมจงึ เปน็ เชน่ น้ที งั้ ๆ ทีน่ ่ำจะจริง เหตผุ ล กำรตรวจสอบจะทำเป็นคู่เท่ำนั้นไมว่ ่ำจะ เขียนโจทยย์ ำวเทำ่ ไรกต็ ำม คอมพิวเตอร์จะจับคู่ ขอ้ มลู เพียงครั้งละคู่ คือ 2 < x เป็นจริงและ ตรวจสอบคตู่ ่อไป คือ x < 5 ผลกำรตรวจสอบ เป็นเทจ็ เพรำะได้กำหนดให้ x = 5 ในกำษำไพทอนมีตัวดำเนนิ กำรตรรกะทต่ี ่ำงกบั ภำษำอ่นื ได้แก่  คาสัง่ in คำส่งั in จะใหผ้ ลเปน็ จริง เมอ่ื ตรวจพบคำ่ ท่ีกำหนดในตัวแปรทก่ี ำหนดดงั ตวั อยำ่ ง การออกแบบและเขียนโปรแกรมทีใ่ ชต้ รรกะและฟังกช์ ันในการแกป้ ัญหา

บทเรียนออนไลนอ์ ิเลก็ ทรอนิคส์ วชิ า วิทยาการคานวณ (ว22103) 8 >>> a = ‘123’# กาหนดคา่ String ใหต้ ัวแปร a โดยใสค่ ่าในเคร่ืองหมายคาพดู >>> ‘123’ in a # ตรวจสอบว่าค่าของ a คอื ข้อความ 123 True # ผลลพั ธ์ เปน็ จรงิ ตรวจสอบวำ่ มีขอ้ มูล 123 ในตัวแปรชนิดขอ้ ควำม a หรอื ไม่ ผลกำรตรวจสอบเปน็ จริง คือ พบข้อมูลและข้อมูลต้องเปน็ สตริง (อยู่ในเคร่ืองหมำยคำพดู เทำ่ นนั้ ) ถ้ำเปน็ ข้อมลู ตัวเลขจะใช้ in และ not in ไมไ่ ด้ >>> a = '123456' >>> '234' in a True กำหนดให้ a มีคำ่ เปน็ ตัวเลข 6 ตัว และตรวจสอบวำ่ มี 234 ในตวั แปรชนิดขอ้ ควำม a หรอื ไมผ่ ลกำรตรวจสอบเปน็ จรงิ กำรตรวจสอบตอ้ งเป็นข้อมูลลักษณะเดียวกันจะสลับท่ีไม่ได้ >>>'654' in a False ถ้ำให้ตรวจสอบโดยใสข่ ้อมูลสลบั ที่จะตรวจสอบไมพ่ บ ผลกำรตรวจสอบเป็นเทจ็  คาสง่ั not in คำส่ัง not in จะให้ผลเป็นจรงิ เมือ่ พบค่ำทีร่ ะบุไม่ตรงกับคำในตัวแปรทีร่ ะบุ เชน่ >>> a = '123456' >>> '678' not in a True >>>'เข้าใจ' in 'วันน้ี เราจะทาความเขา้ ใจ เรื่อง ตรรกศาสตรก์ ัน' True ตรวจสอบข้อมลู สตรงิ วำ่ มีข้อควำม เข้ำใจ ในข้อควำมทงั้ หมดหรอื ไม่ ได้ผลเป็นจรงิ >>'เขา้ ใจ' not in 'วนั น้ี เราจะทาความเข้าใจเรอื่ งตรรกศาสตรก์ ัน' False ตรวจสอบขอ้ มูลสตริงวำ่ ไมม่ ีคำว่ำ เขำ้ ใจ ในข้อควำมทง้ั หมดหรือไม่ ไดผ้ ลเป็นเท็จ ตวั อยา่ งโปรแกรมตรวจสอบดว้ ยตรรกะ in และ not in X = 'โปรแกรมทดสอบตรรกะ in และ not in' print (x) y- {1 : 'a' , 2 : 'b'} print ('List ของ y คือ' ,y) # Output: True print ('มีคาว่า โปรแกรมในตวั แปร x ',' โปรแกรม' in x) # Output: true Print ('สวัสดี',not in x) # Output: True Print ('ใน List ของ y มเี ลข 1 ',1 in y) # Output: True การออกแบบและเขียนโปรแกรมที่ใช้ตรรกะและฟังกช์ ันในการแกป้ ญั หา

บทเรยี นออนไลน์อิเล็กทรอนคิ ส์ วิชา วิทยาการคานวณ (ว22103) 9 ผลเมอ่ื รันโปรแกรม โปรแกรมทดสอบตรรกะ in และ Bot in List ของ y คอื {1: 'a', 2: 'b'} มีคาวา่ โปรแกรมในตัวแปร x True True ใน List ของ y มีเลข 1 True ตวั อย่างโปรแกรมตรวจสอบปอี ธิกสุรทนิ วนั ที่ 29 กมุ ภำพันธ์ เรยี กวำ่ วนั อธกิ วำร (Leap day) ปีทเ่ี ดือนกุมภำพันธม์ ี 29 วนั จึงเรยี กวำ่ ปอี ธิกสรุ ทิน (อ่ำนว่ำ อะ-ทิก-กะ-ส-ระ-ทนิ ) ปที เ่ี ดือนกุมภำพนั ธม์ ี 29 วนั คอื ค.ศ. ทห่ี ำรดว้ ย 4 ลงตัว ยกเว้นปที ่หี ำรด้วย 100 ลงตัวไมใ่ ชป่ ีอธกิ สุรทนิ แตป่ ีทีห่ ำรด้วย 400 ลงตวั เปน็ ปอี ธกิ สรุ ทนิ พุทธศกั รำช (พ.ศ.) ตำ่ งกับคริสตศ์ ักรำช (ค.ศ.) 543 ปี ดงั นั้นกำรรบั ข้อมูลเปน็ พุทธศกั รำช ตอ้ งแปลงเปน็ คริสต์ศักรำชโดยลบด้วย 543 แลว้ จงึ หำรดว้ ย 4 กำรตรวจสอบวำ่ ปใี ดหำรด้วย 4 ลงตวั ใช้ตวั ดำเนนิ กำร mod (เครื่องหมำย %) หำรแล้ว ตรวจสอบวำ่ เหลอื เศษหรือไม่ ถำ้ มเี ศษเปน็ ศูนยเ์ ท่ำกับเง่ือนไขเป็นจรงิ ตำมปฏิทินแลว้ ในทุกๆ 4 ปีจะมี วันที่ 29 กมุ ภำพนั ธ์ 1 ครั้ง # โปรแกรมตรวจสอบปีทเ่ี ดือนกุมภาพันธม์ ี 29 วนั year = int (input (\"ปี พ.ศ. \")) # แปลง พ.ศ. เป็น ค.ศ. Year=year-543 # พ.ศ. มากกวา่ ค.ศ. 543 ปจี ึงนามาลบ # ÷ คอื หารแล้วตอบเปน็ เศษของการหาร if (year ÷ 4) == 0 : # ถา้ นาค่า year มาหาร 4 ลงตวั if (year ÷ 100) -- 0: # ใช้ if ซอ้ นกันหลายเง่ือนไขจึงต้องจดั คาสง่ั เยืองกนั if (year ÷ 400) -- 0: # .format (year)) เปน็ รูปแบบแสดงปี ค.ศ. และ พ.ศ. # ต้องบวกดว้ ย 543 เพื่อแปลงกบั ไปเปน็ พ.ศ. print (\"{0} เป็นปีอธิกสรุ ทิน\".format (year+543) ) else: print (\"{0} ไมเ่ ปน็ ปอี ธกิ สรุ ทิน\" .format (year+543) ) else: print (\"{0} เป็นปีอธิกสรุ ทนิ \" .format (year+543) ) else: print (\"{0} ไมเ่ ปน็ ปอี ธิกสรุ ทนิ \" format (Year+543)) # else: กต็ ้องจัดให้ตรงกับ if ผลเม่ือรนั โปรแกรม การออกแบบและเขียนโปรแกรมทีใ่ ชต้ รรกะและฟังกช์ ันในการแก้ปญั หา

บทเรยี นออนไลน์อเิ ล็กทรอนคิ ส์ วชิ า วทิ ยาการคานวณ (ว22103) 10 ใสป่ ี พ.ศ. 2543 2543 เปน็ ปีอธิกสุรทนิ >>> ใสป่ ี พ.ศ. 2561 2561 ไม่เป็นปีอธิกสุรทนิ เมอื่ รันโปรแกรมจะมีขอ้ ควำมใหใ้ ส่ปีพทุ ธศักรำช เม่ือป้อนข้อมลู แลว้ กดเปน็ Enter โปรแกรม จะนำข้อมูลไปตรวจสอบตำมเงื่อนไขแล้วแจ้งผล เชน่ พ.ศ. 2543 หำรดว้ ย 4 ลงตัว จึงแจ้งผลวำ่ เป็น ปีอธกิ สรุ ทิน กำรตรวจสอบเงื่อนไขในโปรแกรมต้องตรวจสอบ 3 เง่ือนไข คือ mod ด้วย 4 แล้วลงตัว หรือไม่ถ้ำเงื่อนไขเป็นจริงยังตรวจสอนต่อไปว่ำ mod 100 เหลือเศษหรือไม่ ถ้ำไม่เหลือเศษเป็นปีที่ กำหนดว่ำไม่ใช่และยังตรวจสอบไปตำมข้อยกเว้น คือ mod 4 เหลือเศษหรือไม่ ถ้ำไม่เหลือเศษเป็นปี อธิกสุรทนิ จึงใช้ if.....else ซ้อนกนั 3 ชนั้ กำรตรวจสอบเงื่อนไข เท่ำกนั ใชเ้ คร่อื งหมำย == ต่ำงกับกำรกำหนดค่ำของตัวแปร เช่น A = 5, B= 7 จะตรวจสอบด้วย if A == B : .format ( ) เปน็ รปู แบบสตรงิ ของไพทอน ใหแ้ สดงรปู แบบของข้อมูลดังตวั อยำ่ ง >>> print (‘{0}’.format(2561)) # แสดงรปู แบบ ของข้อมูลตัวเลข 2561 ผลท่ไี ด้ Print (‘{ }’) กำหนดกำรแสดงข้อมูลชนิด Tuple Index ถ้ำเปน็ ข้อมูลสตริงตวั เลขในวงเล็บปีก กำเปน็ ตวั กำหนดใหแ้ สดงลิสต์ (List) โดยใส่เปน็ ตัวเลขดชั นีรองลสิ ต์ เช่น {3} ใหแ้ สดงคำ่ ลิสตล์ ำดับที่ 3 >>> print( '{2}, {1}, {0} .format(*‘123’)) 3, 2, 1 แสดงอข้อมูลในลิสตจ์ ำก format(*’123’) โปรแกรมจะมองเปน็ ลิสต์ {1}) = ‘1’. {2} = ‘2’, {3}) = ‘3’ เมื่อสง่ั ให้แสดงผลโดยระบลุ ิสต์ท่ี 2, 1, 0 จงึ ได้ผลเป็น 3, 2, 1 ขอ้ มูลตัวเลข { } ใชร้ ะบลุ ำดบั ท่ีตำมค่ำของตัวแปรที่กำหนดไว้ ดงั ตัวอย่ำง sol1 = (120) # ตัวแปรท่ี 0 (ตวั แรก) sol2 = (-80) # ตวั แปรที่ 1 (ตวั ท่ี 2) print (‘The soluton are {0} and {1}.format(soll,sol2)) # พิมพค์ ่าตัวแปรที่ 0 และ 1 ตามรปู แบบใน .format (soll,sol2)) ถ้ำเขียน Index มำกกว่ำคำ่ ตัวแปรจะแจ้งกำรผิดพลำดเป็น IndexError: tuple index out of range ฟงั ก์ชนั ตรรกะ (Logic Functions) เป็นฟังก์ชนั ที่แสดงควำมสมั พันธ์ในชงิ ตรรกะระหว่ำง ตวั แปรตรรกะกลุ่มหน่ึง กำรเขียนฟงั กช์ นั จะใช้เครื่องหมำยแทนกระบวนกำรตรรกะพ้นื ฐำน (Logic operator) คอื AND, OR และ INVERT ซึ่งเปน็ กระบวนกำรทำงพชี คณติ นัน่ เอง การออกแบบและเขียนโปรแกรมทีใ่ ช้ตรรกะและฟงั ก์ชันในการแก้ปญั หา

บทเรียนออนไลนอ์ เิ ลก็ ทรอนคิ ส์ วิชา วิทยาการคานวณ (ว22103) 11 ตารางท่ี 1 ตัวดาเนนิ การฟังกช์ นั ตรรกะ ตวั ดาเนนิ การ สมการของฟังก์ชนั ความหมาย . F = A·B ถ้ำตัวถกู ดำเนินกำรท้ังสองเป็นจริงเง่ือนไขเปน็ จริง + (อ่ำนว่ำ F เทำ่ กบั A AND B) - F = A+B ถ้ำตัวถกู ดำเนนิ กำรทั้งสองไม่เป็นศนู ย์ เงอื่ นไขเปน็ จรงิ (อำ่ นวำ่ F เทำ่ กับ A OR B) C= A กลบั ค่ำของตวั ถูกดำเนินกำร (อำ่ นว่ำ C เท่ำกับ NOT A) ตัวอยา่ งโปรแกรมใช้ตรรกะ AND ## โปรแกรมรับชื่อและรหัสผ่าน name = input(\"What is your name? \") password = input(\"What is the password? \") if name == \"ชัยวฒั น์\" and password == \"chai1234\": print (“ยินดีต้อนรับ คุณชัยวฒั น์”) else: print (\"ขอ้ มูลผดิ พลาด\") ผลเม่ือรันโปรแกรม What is your name? ชยั วฒั น์ What is the password? chai1234 ยนิ ดีต้อนรับ คุณชัยวัฒน์ โปรแกรมนตี้ รวจสอบช่ือและรหัสผำ่ นพรอ้ มกนั โดยใช้ตรรกะ AND เปน็ ตัวเช่ือมกำรตรวจสอบ ทั้ง 2 เงอื่ นไข ถ้ำข้อมูลทป่ี ้อนถูกต้องจะแสดงข้อควำมต้อนรับ และดำเนนิ กำรต่อไปถำ้ มโี ปรแกรม ต่อเนอื่ ง ตวั อย่างโปรแกรมใช้ตรรกะ OR และ NOT # โปรแกรมทดสอบตรรกะ or และ not x = True # ให้ x เปน็ จริง y = False # ให้ y เป็นเทจ็ print (‘กาหนดให้ x = True’) print (‘กาหนดให้ y = False’) # Outpt x และ y เป็น False Print (‘ตรรกะของ x and y คอื ’, x and y) # T and F = F การออกแบบและเขียนโปรแกรมทใ่ี ชต้ รรกะและฟังกช์ ันในการแก้ปัญหา

บทเรยี นออนไลนอ์ เิ ลก็ ทรอนคิ ส์ วชิ า วทิ ยาการคานวณ (ว22103) 12 # Output: x และ y เป็น True Print (‘ตรรกะของ x or y คือ ’,x or y) # T or F =T # Output: not x เป็น False Print ('not x เปน็ ’,y not x) ผลเมื่อรนั โปรแกรม กาหนดให้ x = True กาหนดให้ y = False ตรรกะของ x and y คอื False ตรรกะของ x or y คอื True not x เป็น False จำกโปรแกรมทดสอบตรรกะ กำหนดให้ x เป็นจริง y เปน็ เท็จ ดังนัน้ x and y ก็คอื จรงิ AND เทจ็ ผลลัพธเ์ ป็นเทจ็ x or y กค็ ือ จริง OR เทจ็ ผลลพั ธเ์ ป็นจริง not x กค็ อื ไมใ่ ช่ x ผลลพั ธเ์ ป็นจรงิ ตารางความจรงิ ANDF=AB ตาราง F = A • B (F = A AND B) ABF ถำ้ A และ B เปน็ เท็จ F เปน็ เทจ็ 000 ถ้ำ A เปน็ เทจ็ B เป็นจริง F เป็นเท็จ 010 ถำ้ A เปน็ จริง B เป็นเทจ็ F เปน็ เทจ็ 100 ถำ้ A เป็นจรงิ B เปน็ จริง F เป็นจริง 111 ORF=A+B ตาราง F= A+B (F = A OR B) ABF ถ้ำ A หรือ B เป็นเท็จ F เปน็ เทจ็ 000 ถำ้ A เปน็ เท็จ B เปน็ จริง F เปน็ จรงิ 011 ถ้ำ A เป็นจรงิ B เปน็ เท็จ F เป็นจรงิ 101 ถำ้ A เป็นจริง B เป็นจรงิ F เป็นจรงิ 111 ORF=A+B ตาราง INVERT C = A AC ถำ้ A เป็นเทจ็ C เป็นจรงิ 01 10 ถ้ำ A เปน็ จริง C เป็นเท็จ การออกแบบและเขียนโปรแกรมที่ใช้ตรรกะและฟังกช์ ันในการแกป้ ัญหา

บทเรยี นออนไลน์อเิ ล็กทรอนิคส์ วชิ า วิทยาการคานวณ (ว22103) 13 แนวคดิ สาคัญ ในควำมหมำยของคอมพวิ เตอรฟ์ งั กช์ นั คือ โปรแกรมยอ่ ย (Subprogram) หรือบลอ็ กคำสั่งย่อย ฟังก์ชัน มีควำมหมำยได้หลำย ท่ีโปรแกรมเมอรเ์ ขียนขนึ้ มำเพื่อทำหนำ้ ที่อย่ำงใด ทำง เช่นกำรทำหน้ำท่ี กำรทำงำน อย่ำงหนึ่ง กำรแถมตำมเง่ือนไข (อำจเป็นซื้อสิ้นค้ำ 2 ชิ้ น แ ถ ม ใ ห้ อี ก 1 ช้ิ น ) แ ต่ ใ น วิ ช ำ ค ณิ ต ศ ำ ส ต ร์ ฟั ง ก์ ชั น ห ม ำ ย ถึ ง ค ว ำ ม สั ม พั น ธ์ ข อ ง จ ำ น ว น ท่ี ข้ึ น อ ยู่ กั บ จำนวนอน่ื ใชส้ ญั ลักษณ์ f เชน่ f(x) = x2 ภำพที่ 4 ภำพกำรทำงำนของฟังกช์ ัน ในกำรเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอรบ์ ำงครั้งต้องมีกำรคำนวณด้วยเง่ือนไขเดียวกันซ้ำ ๆ หลำย ครั้งในแต่ละส่วนของโปรแกรมที่อยู่ต่ำงที่กัน ทำให้ต้องเขียนหรือคัดลอกคำส่ังกำรคำนวณไปยังส่วน ต่ำง ๆ ของโปรแกรม ส่งผลให้เกิดควำมซ้ำซ้อนในกำรเขียนโปรแกรม เพ่ือลดกำรทำงำนที่ซ้ำซ้อนลง จึงมีกำรเขียนเป็นฟังก์ชันข้ึนมำ โดยกำหนดสูตรกำรคำนวณหรือกลุ่มข้อควำมที่ต้องใช้บ่อย ๆ แล้ว เก็บแยกไว้ อำจวำงฟังก์ชันไว้ตอนต้นโปรแกรมหรือเก็บนอกโปรแกรมโดยตั้งชื่อฟังก์ชันเมื่อต้องกำร คำนวณหรือแสดงข้อควำมที่ต้องกำรก็ส่งกำรทำงำนไปยังฟังก์ชันนั้นเพื่อคำนวณหรืออ่ำนข้อควำม เสร็จแล้วก็นำผลกลับมำยังตำแหน่งที่ส่งไป (คืนค่ำกลับ) เพื่อทำงำนต่อ เช่น ส่งค่ำของ x เข้ำไป คำนวณในฟงั ก์ชัน หลังจำกคำนวณแล้วจะคืนค่ำที่ไดก้ ลบั ไปยังโปรแกรมหรอื คำสง่ั ทส่ี ่งมำ f(x) ตัวอย่ำงฟังก์ชันท่ีมีให้ใช้หลำกหลำย คือ ฟังก์ชันในโปรแกรมตำรำงคำนวณ ซึ่งเป็นฟังก์ชัน สำเร็จท่ีนำไปใช้ได้ทันที ส่วนในภำษำคอมพิวเตอร์จะมีฟังก์ชันหลักเก็บไว้ในที่เก็บของโปรแกรม เรยี กว่ำ Library ใหเ้ รยี กใชไ้ ด้ สว่ นฟงั กช์ ันท่ีไมม่ ใี นทเี่ กบ็ โปรแกรมเมอรต์ ้องออกแบบฟังก์ชนั ข้นึ เอง กำรสร้ำงฟงั กช์ ันในโปรแกรมตอ้ งประกำศฟังก์ชนั ตำมวำกยสมั พันธ์ (Syntax) ของ ภำษำคอมพวิ เตอร์แตล่ ะภำษำจะมีรูปแบบท่ีแตกต่ำงกนั การออกแบบและเขียนโปรแกรมที่ใชต้ รรกะและฟังก์ชันในการแก้ปญั หา

บทเรียนออนไลน์อเิ ล็กทรอนคิ ส์ วิชา วิทยาการคานวณ (ว22103) 14 ตัวอย่างการเขียนฟังกช์ ันในภาษาไพทอน 1. การเขยี นฟังก์ชนั แบบไมใ่ ชพ้ ารามเิ ตอร์ >>> defmy_function(): print(\"Hello from a function\") def my_function(): เป็นคำส่ังสร้ำงฟังกช์ นั ช่อื my_function() รูปแบบของฟังก์ชนั ตอ้ งมวี งเล็บเปดิ และปดิ เสมอ ข้อมลู ท่ีใสไ่ วใ้ นวงเล็บ เรียกวำ่ พารามิเตอร์ (Parameter) ถ้ำไม่มขี ้อมูลใด ๆ ในวงเล็บ หมำยถึง ไม่ใชพ้ ำรำมิเตอร์ Print (\"Hello from a function เปน็ ขอ้ ควำมทแ่ี สดงขน้ึ มำเมื่อเรยี กใช้ฟังก์ชันน้ี เปล่ยี นเปน็ ข้อควำมอ่ืน ๆ ได้) กำรเรยี กใช้ฟงั ก์ชนั ให้พมิ พช์ ื่อฟงั ก์ชนั ดงั ตวั อยำ่ ง >>>my_function() Hello from a function 2. การเขียนฟงั ก์ชนั โดยใชพ้ ารามเิ ตอร์ เป็นส่วนท่อี ย่ใู นวงเล็บหลังชือ่ ฟังก์ชนั สำหรบั สง่ ขอ้ มูลขำ่ วสำรไปในสว่ นต่ำง ๆ ดว้ ยกำรระบชุ ื่อพำรำมเิ ตอร์ สำมำรถใสพ่ ำรำมเิ ตอร์ได้หลำยตัว โดยคั่น ดว้ ยเครอื่ งหมำยคอมม่ำ (.) >>> def my_function(fname): pint(\"สวสั ดคี ณุ \"+fname) ออกแบบฟังก์ชนั โดยใชพ้ ำรำมเิ ตอร์เป็นตวั แปรย่อยชือ่ fname เมอ่ื เรยี กใช้ใหแ้ สดงข้อควำม “สวัสดีคณุ ” >>> my_function(\"โกสนั ต\"์ ) สวสั ดีคณุ โกสันต์ >>>my_function(\"ชวลติ \") สวสั ดคี ุณชวลิต ออกแบบฟังกช์ นั ที่มี 2 พำรำมิเตอร์ >>> def function1(fname,tel): print(fname,' 'tel) >>>function1 (\"ครรชติ \",\"081123456\") ครรชิต 081123456 ฟังก์ชนั รับคำ่ ตัวเลขและกำหนดกำรคำนวณ กำรออกแบบฟงั ก์ชนั วนั ค่ำตวั เลขแลว้ คำนวณ ตำมสตู รทก่ี ำหนด >>> def my_function (x): # ออกแบบฟังกช์ ันช่อื my_function () มพี ารามิเตอรเ์ ปน็ x return 5*x # เม่ือเรียกใช้ฟังกช์ นั ให้ส่งค่าเปน็ 5*x >>> print (my_function(3) ) # แสดงคาฟังกช์ นั ให้ x = 3 15 >>> print (my_function(5) ) # แสดงคาฟังกช์ ันให้ x = 5 25 การออกแบบและเขียนโปรแกรมท่ีใชต้ รรกะและฟงั ก์ชันในการแก้ปญั หา

บทเรียนออนไลน์อเิ ล็กทรอนิคส์ วชิ า วทิ ยาการคานวณ (ว22103) 15 return เป็นคำส่ังให้คนื คำ่ กลบั ไป ถำ้ ไม่มีคำสง่ั นจ้ี ะไมแ่ สดงผลใด ๆ บนจอภำพ Lambda Expressions เป็นวธิ ีเขียนฟังกช์ นั ให้ส้ันและกระชบั ขน้ึ เชน่ >> square_func = lambda x:x**2 # ออกแบบฟงั ก์ชันโดยใช้ Lambda Exp ให้ x เทา่ กบั >>> # x ยกกาลังสอง โดยไม่ต้องใช้ return เมือ่ เรยี กใช้พมิ พ์ >>> square_func (2) 4 แนวคดิ สาคัญ ตรรกะ เปน็ เครื่องมือท่ีใช้ตรวจสอบเงือ่ นไข กำรทำงำนต่ำง ๆ อำจเขียนรวมอยู่ในฟังกช์ นั หรือ ฟังก์ชัน เป็นเคร่ืองมือที่ช่วยให้ เขยี นแยกออกมำนอกฟังกช์ นั กไ็ ด้ เขยี นโปรกรมได้รวดเรว็ ขนึ้ โปรแกรมเมอร์ สำมำรถออกแบบฟังก์ชันขึ้นมำใช้ในกำร เขียนโปรแกรม หรือนำเข้ำฟังก์ชันจำกท่ีมี สรำ้ งไวแ้ ลว้ หรอื ท่มี ีในโปรแกรมตำ่ ง ๆ มำ ใช้ในโปรแกรมของตนเองได้ ตวั อยา่ งโปรแกรมที่ใช้ฟังก์ชัน 1 # โปรแกรมหาตวั ประกอบของตัวเลข # ออกแบบฟงั ก์ชนั ชือ่ print_factors () รับคาพารามิเตอรข์ อง x def print_factors (x) : print (\"ตัวประกอบของ \",x,\"คอื : \") for i in range(1, x + 1) : # กาหนดจานวนรอบตามค่าที่รบั เข้า if x ÷ i == 0: # นาคา่ x หารด้วยค่า i ถา้ ไม่เหลือเศษ print (i) # คา่ น้ันคือตัวประกอบ # รบั ข้อมูลทางแผงแป้นอักขระเป็นเลขจานวนเตม็ num = int (input (\"ใส่ตัวเลขท่ตี อ้ งการหาตัวประกอบ: \")) print_factors(num) # เรยี กใช้ฟงั กช์ ันโดยส่งคา่ num เขา้ ไปคานวณ โปรแกรมนใ้ี ห้ผใู้ ช้ปอนขอ้ มูลเปน็ ตัวเลขในตัวแปร num แลว้ สง่ คำ่ เขำ้ ไปหำตัวประกอบของ num ด้วยกำรเรียกใชฟ้ ังกช์ นั print_factors (num) ฟงั ก์ชัน print_factors (x) เป็นฟงั กช์ นั หำตวั ประกอบของ x ซ่ึงเป็นค่ำของ num ทีส่ ง่ เข้ำมำ แลว้ นำไปแยกตัวประกอบด้วย Loop for i in range (1, x+1) นบั จำก 1 ถงึ x+1 เช่น input เทำ่ กบั 10 จะนบั 1 ถงึ 11 if x% i == 0: ถำ้ mod ตวั เลขด้วยค่ำ I แล้วลงตวั (ไม่เหลอื เศษ) จำนวนน้นั เป็นตัว ประกอบ เชน่ 10%1, 10%2, 10%3, 10%4, ... ถึง 10%11 print (i) ถำ้ ผลหำรลงตัวให้พมิ พค์ ่ำของ I บนจอภำพ ถ้ำหำรแล้วมเี ศษใหข้ ้ำมไป การออกแบบและเขียนโปรแกรมทใี่ ช้ตรรกะและฟงั ก์ชันในการแกป้ ญั หา

บทเรียนออนไลน์อิเลก็ ทรอนคิ ส์ วิชา วทิ ยาการคานวณ (ว22103) 16 ตัวอย่างโปรแกรมท่ีใช้ฟังก์ชัน 2 \"โปรแกรมเครอ่ื งคิดเลข\" # ฟังก์ชนั การบวก def add(x, y): return x +y # ฟงั ก์ชันการลบ def subtract(x, y): return x-y # ฟังก์ชนั การคูณ def multiply(x, y): return x*y # ฟังก์ชนั การหาร def divide(x, y): return x/y # เมนู Print(\"เลอื กการคานวณ\") Print(\"1.บวก\") print(\"2.ลบ\") print(\"3.คณู \") print(\"4.หาร\") # เลือกการคานวณ choice = input(\"เลอื กรายการท่ี (1/2/3/4):\") # ตรวจสอบเง่ือนไข if choice =='1': print(num1,\"+\",num2,\"=\", add(num1,num2)) elif choice == '2': print(num1,\"-\" ,num2,\"=\", subtract(num1,num2)) elif choice == '3': print(num1,\"*\" ,num2,\"=\", multiply(num1,num2)) elif choice == '4': print(num1,\"/\",num2,\"=\", divide(num1,num2)) else: print(\"ข้อมูลไมถ่ กู ต้อง\") exit #รับคา่ ที่คานวณ Num1 = int(input (\"ใส่จานวนท่ี 1: \")) การออกแบบและเขียนโปรแกรมทีใ่ ชต้ รรกะและฟังกช์ ันในการแก้ปญั หา

บทเรยี นออนไลน์อเิ ล็กทรอนิคส์ วิชา วิทยาการคานวณ (ว22103) 17 Num2 = int(input (\"ใส่จานวนท่ี 2: \")) โปรแกรมเครื่องคดิ เลขเป็นกำรออกแบบฟังก็ชนั กำรบวก ลบ คูณ และหำรไว้ก่อน เมอ่ื ผ้ใู ช้ เลือกกำรคำนวณดว้ ยคำสัง่ รับขอ้ มลู เป็นตัวเลข 1 ถงึ 5 จงึ เกบ็ คำ่ ไวใ้ นตัวแปร choice แล้วทำงำนต่อ choice = input (\"เลือกรายการที่ (1/2/3/4/5) :”) โปรแกรมให้ป้อนตัวเลข 2 ชดุ ท่ีจะนำไปคำนวณในฟังก์ชนั ด้วยคำสั่งรบั ขอ้ มลู ในตวั แปร nom1 และ num2 num1= int(input (\"ใส่จานวนที่ 1: \")) num2 = int(inuput (\"ใส่จานวนที่ 2: \")) ขอ้ มลู รบั เขำ้ num1 และ num2 จะถูกส่งไปคำนวณในฟังกช์ ันทสี่ ร้ำงไว้ เมื่อคำนวณเสร็จ แล้วจะคืนค่ำกลับมำแสดงผลบนจอ แนวคิดสาคญั ข้นั ตอนในการแกป้ ัญหา มี 4 ขนั้ ตอน ดังนี้ 1. กำรวเิ ครำะหแ์ ละกำรกำหนดรำยละเอียด ปัญหำ เป็นเ รื่องร ำว หรื อ เหตุกำรณ์ที่มักพบในชีวิตประจำวัน ของปัญหำ บำงปัญหำเม่ือแก้ไขแล้วก็ไม่เกิดข้ึนอีก 2.กำรวำงแผนในกำรแกป้ ญั หำและถ่ำยทอด บำงปัญหำอำจเกิดซ้ำได้อีก กำรกำหนด ขนั้ ตอนในกำรแก้ปัญหำอย่ำงมีระบบจะ ควำมคดิ อย่ำงมีขน้ั ตอน ชว่ ยใหแ้ ก้ปญั หำไดอ้ ยำ่ งมปี ระสิทธิภำพ 3. กำรดำเนินกำรแกป้ ัญหำ 4. กำรตรวจสอบและปรบั ปรุง ขั้นตอนที่ 1 วเิ คราะหแ์ ละกรกาหนดรายละเอียดของปญั หา หำประเด็นสำคญั ของปัญหำ เชน่ มีประเดน็ อะไรบ้ำงท่ีต้องนำมำพจิ ำรณำ หลงั จำกรวบรวมประเดน็ ต่ำง ๆ แลว้ นำมำเรยี งลำดบั ควำมสำคัญไว้ ประเด็นทม่ี ีสำคับควำมสำคัญสงู กว่ำคือประเด็นทม่ี ีโอกำสนำไปสู่กำรแกป้ ญั หำได้มำกกว่ำ ขน้ั ตอนที่ 2 วางแผนในการแก้ปัญหาและถา่ ยทอดความคดิ อยา่ งมขี ั้นตอน หำแนวทำง กำรแก้ปัญหำสำหรับแต่ละประเดน็ เร่มิ จำกประเด็นแรก (ถ้ำมีหลำยแนวทำงให้เลือกแนวทำงทน่ี ำ่ จะ ดที ส่ี ุดก่อน แนวทำงอ่ืนให้เก็บไวเ้ ป็นแนวทำงสำรองไว้ใชใ้ นกรณที ีจ่ ำเปน็ ต้องกลับมำพจิ ำรณำใหม่อีกรอบ) ขน้ั ตอนที่ 3 ดาเนินการแกป้ ญั หา กำหนดรำยละเอียดในกำรแกป้ ญั หำตำมแนวทำงทีไ่ ด้วำง ไวใ้ นช้ันตอนท่ี 2 ขน้ั ตอนที่ 4 ตรวจสอบและปรับปรงุ พิจำรณำจำกรำยละเอยี ดว่ำแนวทำงกำรแก้ปัญหำ เหมำะสมหรือไม่ ถำ้ ไมเ่ หมำะสมให้กลบั ไปขัน้ ตอนที่ 2 เพื่อพจิ ำรณำแนวทำงสำรอง ถำ้ เหมำะสมให้ รับแนวทำงและรำยละเอยี ดน้ันไว้เปน็ มำตรกำรแกป้ ญั หำ การออกแบบและเขียนโปรแกรมทใี่ ชต้ รรกะและฟังก์ชันในการแก้ปญั หา

บทเรียนออนไลน์อเิ ล็กทรอนิคส์ วิชา วทิ ยาการคานวณ (ว22103) 18 ภำพที่ 5 ภำพข้ันตอนกำรแก้ปญั หำ กำรทำงำนตำมขั้นตอนท้ัง 4 ขั้นตอน อำจต้องทำซ้ำหลำยรอบ เพรำะต้องมีกำรพิจำรณำ ควำมเหมำะสมของแนวทำงและรำยละเอียดกำรแก้ปัญหำ หำกเหมำะสมจึงจะรับเป็นมำตรกำร แก้ปัญหำ หำกไม่เหมำะสมก็ต้องวนกลับไปพิจำรณำแนวทำงสำรอง เม่ือได้มำตรกำรแล้วก็ยังต้อง พิจำรณำว่ำเพียงพอสำหรับกำรแก้ปัญหำหรือไม่ หำกไม่เพียงพอก็ต้องวนกลับไปนำประเด็นปัญหำ ถัดไปมำใช้ด้วยและในกำรออกแบบข้ันตอนกำรแก้ปัญหำ เคร่ืองมือที่เหมำะสมที่สุด คือ ผังงำน (Flowchart) สญั ลกั ษณท์ ่ใี ชใ้ นผงั งำนนี้มี 4 ชนิด แตล่ ะชนิดมคี วำมหมำยดงั แสดงในตำรำงท่ี 2 ตารางท่ี 2 สัญลกั ษณ์ท่ีใชใ่ นผังงาน สัญลกั ษณ์ ความหมาย จุดเร่มิ ตน้ และจุดสนิ้ สุด กระบวนกำรหรือกจิ กรรม ทำงเลือก เส้นและหัวลกู ศรแสดงทศิ ทำงกำรเชอ่ื มโยง การออกแบบและเขียนโปรแกรมท่ใี ช้ตรรกะและฟงั ก์ชันในการแก้ปญั หา

บทเรยี นออนไลนอ์ ิเล็กทรอนิคส์ วิชา วทิ ยาการคานวณ (ว22103) 19 ใหน้ กั เรียนตอบคำถำม10ต่อไปนี้ใหถ้ กู ต้อง 1. ใครเปน็ ผทู้ ี่นำพืชคณติ แบบบลูไปประยุกต์ใชค้ นแรก ตอบ ……………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………..………………………………………………………………………… 2. โนเกยี เบลลแ์ ล็ป (Nokai Bell Labs) มคี วำมหมำยวำ่ อย่ำงไร ตอบ ……………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………..………………………………………………………………………… 3. กฎพ้ืนฐำนของพีชคณติ แบบบลู มกี อ่ี ย่ำง ไดแ้ ก่อะไรบ้ำง ตอบ ……………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………..………………………………………………………………………… 4. ตรรกะในบูลนี มีกี่สถำนะได้แก่สถำนะใดบ้ำง ตอบ ……………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………..………………………………………………………………………… 5. ฟังกช์ นั ตรรกะ มีควำมหมำยวำ่ อย่ำงไร ตอบ ……………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………..………………………………………………………………………… คะแนนเต็ม 10 คะแนน คะแนนที่ได้ ..................... คะแนน  ผา่ น  ไม่ผา่ น ต้งั ใจทำกิจกรรม กนั นะคะนักเรยี น การออกแบบและเขียนโปรแกรมท่ีใชต้ รรกะและฟงั ก์ชันในการแกป้ ญั หา

บทเรียนออนไลน์อเิ ลก็ ทรอนคิ ส์ วิชา วทิ ยาการคานวณ (ว22103) 20 ใลหงน้หักนเำ้ รขยี ้อนคววเิ ำคมรทำะี่กหำข์หอ้นคดวใำหม้ตต่ออ่ ไปไปน1นี้ใ0ห้ีแล้ถ้วูกทตำ้อเงครื่องหมำยถกู และเครื่องหมำยผดิ ................... 1. กำรเขยี นฟงั ก์ชันจะใช้เครือ่ งหมำยแทนกระบวนกำรตรรกะพืน้ ฐำน คือ AND , OR และ INVERT ................... 2. ตรรกะในบูลีนมีเพียง 1 สถำนนะ คือ True ................... 3. คอมพิวเตอร์ทำกำรตรวจสอบจะใหค้ ำตอบ ดังนี้ True ถ้ำเง่ือนไขเปน็ จริง และ False ถำ้ เงื่อนไขเป็นเทจ็ ................... 4. สญั ญำลกั ษณข์ องเกต เรยี กว่ำ ประตูสัญญำณตรรกะ ................... 5. กฎพืน้ ฐำนของพชี คณติ แบบบลูท่ใี ช้ออกแบบวงจรอิเลก็ ทรอนิกส์ต่ำง มี 4 มำตรฐำน ................... 6. ฟังก์ชัน มีควำมหมำยได้หลำยทำง เชน่ กำรทำหนำ้ ท่ี กำรทำงำน เป็นตน้ ................... 7. ในควำมหมำยของคอมพวิ เตอร์ ฟงั ก์ชัน คอื โปรแกรมย่อย หรอื บล็อกคำสัง่ ย่อย ทีโ่ ปรแกรมเมอรเ์ ขียนข้นึ มำ ................... 8. ตัวอย่ำงฟงั กช์ ันทมี่ ีให้หลำกหลำย คือ ฟังกช์ ันในโปรแกรมตำรำงคำนวณ ................... 9. ตวั อย่ำงกำรเขียนฟังกช์ ันในภำษำไพทอนต้องมีวงเลบ็ เปิดและปดิ เสมอ ................... 10. ออกแบบฟงั ก์ชันโดยใช้พำรำมเิ ตอรเ์ ปน็ ตัวแปรย่อยช่อื fname คะแนนเต็ม 10 คะแนน คะแนนที่ได้ ..................... คะแนน  ผา่ น  ไมผ่ ่าน เปน็ อย่ำงไรบ้ำงคะนักเรยี น ทำได้ไหมคะ การออกแบบและเขียนโปรแกรมที่ใชต้ รรกะและฟังกช์ ันในการแกป้ ัญหา

บทเรียนออนไลน์อิเลก็ ทรอนคิ ส์ วชิ า วิทยาการคานวณ (ว22103) 21 ให้นกั เรียนตอบคำถำม10ต่อไปน้ีใหถ้ ูกต้อง 1. ตรรกะ มคี วำมหมำยวำ่ อย่ำงไร ตอบ ……………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………..………………………………………………………………………… 2. ขอ้ มลู มีควำมหมำยว่ำอยำ่ งไร ตอบ ……………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………..………………………………………………………………………… 3. ข้ันตอนกำรแก้ปัญหำมที ัง้ หมดกีข่ น้ั ตอน ได้แก่ ขั้นตอนใดบ้ำง ตอบ ……………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………..………………………………………………………………………… 4. จำกสญั ญำลักษณ์ท่กี ำหนดให้ มีควำมหมำยวำ่ อย่ำงไร ตอบ ……………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………..………………………………………………………………………… 5. จำกสญั ญำลกั ษณ์ทก่ี ำหนดให้ มคี วำมหมำยวำ่ อย่ำงไร ตอบ ……………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………..………………………………………………………………………… คะแนนเต็ม 10 คะแนน คะแนนท่ไี ด้ ..................... คะแนน  ผา่ น  ไม่ผ่าน การออกแบบและเขียนโปรแกรมท่ใี ช้ตรรกะและฟงั ก์ชันในการแก้ปญั หา

บทเรยี นออนไลนอ์ เิ ลก็ ทรอนคิ ส์ วิชา วิทยาการคานวณ (ว22103) 22 ใหน้ ักเรียนจับค่คู ำตอ1บ0ทถ่ี ูกต้องต่อไปน้ี …….……….1. นกั คณิตศำสตร์ชำวอังกฤษ เปน็ ผคู้ ิดคน้ พชี คณิตแบบบลู …….……….2. เป็นนกั วิทยำศำสตร์ของโนเกยี เบลล์แลป็ …….……….3. เป็นศูนย์วจิ ัยทำงเทคโนโลยเี ครอื ข่ำยท่ีใหญ่ท่ีสุดในโลกซึง่ ต้งั อยู่ทร่ี ฐั นวิ เจอร์ซีย์ สหรฐั อเมรกิ ำ …….……….4. ใช้พีชคณิตแบบบลูในกำรกำหนดหรือตรวจสอบสถำนะของสญั ญำณท่ใี ช้ในวงจร อิเลก็ ทรอนกิ ส์หรือใชใ้ นกำรเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ …….……….5. ในกำษำไพทอนมตี ัวดำเนินกำรตรรกะที่ต่ำงกับภำษำอ่ืน ได้แก่ …….……….6. วนั ท่ี 29 กมุ ภำพันธ์ เรยี กว่ำ …….……….7. ปีท่ีเดอื นกมุ ภำพนั ธ์มี 29 วนั เรยี กว่ำ …….……….8. แสดงควำมสมั พันธ์ในชิงตรรกะระหว่ำงตัวแปรตรรกะกลุ่มหนึง่ …….……….9. กำรเรียนฟังกช์ ันจะใชเ้ ครอ่ื งหมำยแทนกระบวนกำรตรรกะพ้ืนฐำน คือ …….……….10. F = A•B หมำยถงึ ก ถำ้ ตวั ถูกดำเนินกำรท้งั สองเป็นจริงเงื่อนไขเปน็ จรงิ ช คำสง่ั in และคำสัง่ not in ข AND , OR , INVERT ซ วันอธิกวำร ค ปีอธกิ สรุ ทิน ฌ จอรจ์ บลู ง ตวั ดำเนนิ กำรบลู ีน ญ ฟังกช์ ันตรรกะ จ คลำวด์ อี. แชนนอน ฎ กำรเรยี งลำดบั แบบฮปี ฉ โนเกียเบลลแ์ ลป็ ฏ อลั กอริทึม คะแนนเตม็ 10 คะแนน คะแนนทีไ่ ด้ ..................... คะแนน  ผ่าน  ไม่ผ่าน การออกแบบและเขียนโปรแกรมที่ใชต้ รรกะและฟงั ก์ชันในการแก้ปญั หา

บทเรยี นออนไลน์อเิ ล็กทรอนิคส์ วิชา วทิ ยาการคานวณ (ว22103) 23 ใหน้ กั เรียนจบั คู่กบั เพ1่ือ0น และปฏิบตั ดิ งั ตอ่ ไปนี้ สัญลกั ษณข์ องเกต เรียกวำ่ ประตูสัญญาณตรรกะ ตำมกฎพ้นื ฐำนของพชื คณิตแบบบลูท่ีใช้ ออกแบบวงจรอิเล็กทรอนกิ ส์ตำ่ ง ๆ รวมทัง้ ชปิ ในเครื่องคอมพวิ เตอร์และสมำร์ตโฟนมี 2 มำตรฐำน คือ รูปดำ้ นซ้ำยเป็นสญั ลกั ษณ์ตำมมำตรฐำน ANSI/IEEE ส่วนรูปดำ้ นขวำเปน็ เกตทอี่ อกแบบมำใหม่ ตำมมำตรฐำน IEC (ปจั จบุ นั ยังนิยมใช้มำตรฐำน ANSI อย)ู่ กำรเขียนวงจรด้วยประตูสัญลักษณ์จะเขยี นด้วยอักษรแทนสญั ญำณขำเขำ้ และสัญญำณขำออก โดยใสเ่ ลข 0 ถำ้ ไม่มีสัญญำณ และ 1 ถ้ำมสี ัญญำณ เช่น Y = A B ดังตวั อยำ่ ง ใหน้ กั เรยี นเขยี นประตสู ัญลักษณ์จำกตำรำงควำมจริง AND และ OR ท้งั 4 เงื่อนไข (เลอื กใช้มำตรฐำนสัญลกั ษณ์อยำ่ งใดอยำ่ งหนึง่ ) คะแนนเตม็ 15 คะแนน คะแนนทีไ่ ด้ ..................... คะแนน  ผ่าน  ไมผ่ า่ น การออกแบบและเขียนโปรแกรมท่ีใช้ตรรกะและฟังกช์ ันในการแกป้ ญั หา

บทเรียนออนไลน์อเิ ลก็ ทรอนิคส์ วชิ า วทิ ยาการคานวณ (ว22103) 24 ใหน้ ักเรยี นเติมคำตอบ1ต0่อไปน้ีให้ถูกต้อง 1. ตัวเลขทสี่ ำมำรถหำรได้ลงตวั คือ ..................................................................................................... 2. กำรวิเครำะห์และกำรกำหนดรำยละเอยี ดของปญั หำ คอื .................................................................. 3. กำรวำงแผนในกำรแกป้ ญั หำและถ่ำยทอดควำมคิดอย่ำงมขี ้ันตอน คอื ............................................. 4. กำรดำเนินกำรแกป้ ญั หำ คอื ............................................................................................................. 5. กำรตรวจสอบและปรบั ปรุง คือ ........................................................................................................ 6. เครอื่ งมือทเ่ี หมำะสมในกำรแก้ปญั หำที่สดุ คอื .................................................................................. 7. ในภำษำคอมพิวเตอร์จะมีฟงั ก์ชนั หลกั เกบ็ ไวใ้ นที่เก็บโปรแกรม เรียกว่ำ ........................................... 8. ในวิชำคณติ ศำสตร์ ฟังกช์ ัน หมำยถึง ................................................................................................ 9. F = A+B หมำยถงึ ………………………………………………………………………………………………….………… 10. กำรรับส่งขอ้ มลู เป็นพุทธศักรำช ตอ้ งแปลงเปน็ ครสิ ต์ศักรำช โดยลบด้วย ....................................... แลว้ จงึ หำรด้วย ............................................... คะแนนเตม็ 10 คะแนน คะแนนท่ีได้ ..................... คะแนน  ผา่ น  ไม่ผา่ น การออกแบบและเขียนโปรแกรมที่ใชต้ รรกะและฟงั ก์ชันในการแกป้ ญั หา

บทเรียนออนไลน์อเิ ล็กทรอนคิ ส์ วิชา วทิ ยาการคานวณ (ว22103) 25 ให้นักเรียนจับคู่กับเพ่ือน และเขียนโปรแกรมแปลงค่ำเงินของประเทศต่ำง ๆ เป็น เงินบำท โดยมีข้อควำมให้เลือกจะแปลงค่ำเงินของประเทศใดอย่ำงน้อย 3 ประเทศ โดยสบื คน้ อตั รำแลกเปล่ียนเงินตรำจำกเวบ็ ไซต์ ……………………………………………………………………………..……………………………………………………………… ……………..……………………………………………………………………………..……………………………………………… ……………………………………………………………………………………………..……………………………………………… ……………………………………………………………………………………………..……………………………………………… ……………………………………………………………………………………………..……………………………………………… ……………………………………………………………………………………………..……………………………………………… ……………………………………………………………………………………………..……………………………………………… ……………………………………………………………………………………………..……………………………………………… ……………………………………………………………………………………………..……………………………………………… ……………………………………………………………………………………………..……………………………………………… ……………………………………………………………………………………………..……………………………………………… ……………………………………………………………………………………………..……………………………………………… ……………………………………………………………………………………………..……………………………………………… ……………………………………………………………………………………………..……………………………………………… ……………………………………………………………………………………………..……………………………………………… ……………………………………………………………………………………………..……………………………………………… ……………………………………………………………………………………………..……………………………………………… ……………………………………………………………………………………………..……………………………………………… ……………………………………………………………………………………………..……………………………………………… ……………………………………………………………………………………………..……………………………………………… ……………………………………………………………………………………………..……………………………………………… ……………………………………………………………………………………………..……………………………………………… ……………………………………………………………………………………………..……………………………………………… ……………………………………………………………………………………………..……………………………………………… คะแนนเตม็ 15 คะแนน คะแนนทีไ่ ด้ ..................... คะแนน  ผา่ น  ไม่ผ่าน การออกแบบและเขียนโปรแกรมทีใ่ ช้ตรรกะและฟังก์ชันในการแกป้ ัญหา

บทเรียนออนไลนอ์ ิเลก็ ทรอนคิ ส์ วชิ า วทิ ยาการคานวณ (ว22103) 26 ใหน้ ักเรยี นปฏบิ ตั ิกจิ กรรมกลุ่ม1ด0งั ต่อไปนี้ 1. ให้นกั เรยี นแบ่งกลุ่มออกเป็น กลมุ่ ละ 4-5 คน 2. ช่วยกันสรปุ องค์ควำมรู้ 3. สร้ำงแผนที่ควำมคดิ จำกกำรสรปุ องคค์ วำมรู้ 4. สรปุ องค์ควำมรใู้ นสมดุ บันทึกสว่ นตัว 5. นำเสนอแผนท่ีควำมคดิ ……………………………………………………………………………..……………………………………………………………… ……………..……………………………………………………………………………..……………………………………………… ……………………………………………………………………………………………..……………………………………………… ……………………………………………………………………………………………..……………………………………………… ……………………………………………………………………………………………..……………………………………………… ……………………………………………………………………………………………..……………………………………………… ……………………………………………………………………………………………..……………………………………………… ……………………………………………………………………………………………..……………………………………………… ……………………………………………………………………………………………..……………………………………………… ……………………………………………………………………………………………..……………………………………………… ……………………………………………………………………………………………..……………………………………………… ……………………………………………………………………………………………..……………………………………………… ……………………………………………………………………………………………..……………………………………………… ……………………………………………………………………………………………..……………………………………………… ……………………………………………………………………………………………..……………………………………………… ……………………………………………………………………………………………..……………………………………………… ……………………………………………………………………………………………..……………………………………………… ……………………………………………………………………………………………..……………………………………………… ……………………………………………………………………………………………..……………………………………………… ……………………………………………………………………………………………..……………………………………………… คะแนนเตม็ 15 คะแนน คะแนนทไ่ี ด้ ..................... คะแนน  ผ่าน  ไมผ่ ่าน การออกแบบและเขียนโปรแกรมท่ใี ช้ตรรกะและฟังกช์ ันในการแก้ปญั หา

บทเรยี นออนไลนอ์ เิ ลก็ ทรอนคิ ส์ วิชา วิทยาการคานวณ (ว22103) 27 แบบทดสอบหลังเรียน เรอ่ื ง การออกแบบและเขยี นโปรแกรมทใี่ ช้ตรรกะและฟงั ก์ชนั ในการแกป้ ัญหา คาชแ้ี จง ให้นักเรียนเลือกคำตอบทีถ่ ูกที่สุดเพียงคำตอบเดียวแลว้ ทำเครื่องหมำย X ลงในกระดำษคำตอบ 1. ขอ้ ใด คือ ควำมหมำยของบลู ีน ก. กำรแยกปัญหำออกเปน็ ส่วนยอ่ ย ๆ ข. กำรดำเนินกำรท่เี กิดขึ้นในสมองกระบวนกำรทำงธรรมชำติ ค. เป็นทฤษฎที ำงพีชคณติ ใช้ตัวดำเนินกำรทำงตรรกะศำสตร์และทฤษฎขี องเซต ง. เปน็ กำรคดิ วเิ ครำะหเ์ ชงิ เหตุผลทำงคณิตศำสตร์เพื่อแกป้ ัญหำ 2. ใคร คือ ผทู้ ่นี ำพชี คณิตแบบบลูไปใช้คนแรก ก. จอร์จ บลู ข. กำลิเลโอ กำลเิ ลอี ค. ชำลส์ ดำรว์ นิ ง. คลำวด์ อ.ี แชนนอน 3. ศูนย์วจิ ัยทำงเทคโนโลยีเครือข่ำยท่ีใหญ่ท่สี ุดในโลก มชี ่ือวำ่ อย่ำงไร ก. รุ้งปฐมภมู ิ ข. รงุ้ ทุตภิ ูมิ ค. เทคนคิ ปัญหำประดิษฐ์ ง. โนเกียเบลลแ์ ลป็ 4. ขอ้ ใด คือ ควำมหมำยของตัวดำเนนิ กใี่ นบลู ีน ก. เปน็ กำรเขำ้ สโู่ ปรแกรมแบบภำษำไพทอน ข. กำรออกแบบฟงั ก์ชัน โดยใชพ้ ำรำมเิ ตอรเ์ ป็นตวั ประกอบย่อยช่อื fname ค. เป็นกำรใช้พีชคณติ แบบบลูในกำรกำหนดหรือตรวจสอบสถำนะของสญั ญำณท่ีใช้ในวงจร อิเลก็ ทรอนิกส์ ง. เป็นฟงั กช์ นั ทแี่ สดงควำมสัมพนั ธ์ในเชิงตรรกะระหวำ่ งตัวแปรตรรกะกลุ่มหนึง่ 5. กฎพนื้ ฐำนของพีชคณติ แบบบลู คอื ข้อใด ก. คำ่ ตวั แปร ข. เงือ่ นไข True และ False ค. กระบวนกำรพน้ื ฐำนของพีชคณิตบลู ง. ถกู ทง้ั ข้อ ก และ ค การออกแบบและเขียนโปรแกรมที่ใชต้ รรกะและฟังกช์ ันในการแก้ปญั หา

บทเรยี นออนไลน์อเิ ล็กทรอนิคส์ วิชา วิทยาการคานวณ (ว22103) 28 6. กระบวนกำรพ้นื ฐำนของพีชคณิตบลู มี 2 อยำ่ ง คือ ข้อใด ก. OFF กับ AND ข. IF กับ OR ค. AND กับ OR ง. DNA กบั AND 7. ข้อใด คือ ควำมหมำยของฟังกช์ นั ตรรกะ ก. โปรแกรมเครือ่ งคดิ เลขเป็นกำรออกแบบฟังกช์ นั กำรบวก ลบ คณู ข. กำรดำเนนิ กำรแกป้ ัญหำ ตำมแนวทำงทวี่ ำงแผนไว้ ค. กำรวเิ ครำะหแ์ ละกำรกำหนดรำยละเอียดของปญั หำ ง. เปน็ ฟงั ก์ชนั ทแ่ี สดงควำมสัมพันธใ์ นเชงิ ตรรกะระหว่ำงตัวแปรตรรกะกลุ่มหนึ่ง 8. ขอ้ ใด คือ หนงึ่ ในสญั ลกั ษณ์ท่ใี ช้ในผงั งำน ข. ก. ง. ค. 9. สัญลกั ษณ์ของเกต มีชือ่ เรียกวำ่ อย่ำงไร ก. ผงั งำน ข. ฟังกช์ นั ค. ประตูสญั ลกั ษณ์ ง. พำรำมเิ ตอร์ 10. ขอ้ ใด คือ ควำมหมำยของฟังก์ชนั ในวิชำคณติ ศำสตร์ ก. ตวั ดำเนินกำรตรรกะ ข. วงจรปดิ -เปดิ แบบ AND ค. กฎพื้นฐำนคณิตศำสตรแ์ บบบลทู ใ่ี ช้ออกแบบอเิ ล็กทรอนิกส์ ง. ควำมสัมพันธ์ของจำนวนที่ขนึ้ อย่กู ับจำนวนอื่น การออกแบบและเขียนโปรแกรมทใี่ ช้ตรรกะและฟังก์ชันในการแก้ปญั หา

บทเรียนออนไลนอ์ เิ ล็กทรอนิคส์ วิชา วทิ ยาการคานวณ (ว22103) 29 กระดาษคาตอบแบบทดสอบหลงั เรียน เรือ่ ง การออกแบบและเขียนโปรแกรมทใี่ ช้ตรรกะและฟงั ก์ชันในการแก้ปญั หา คาชี้แจง ให้นักเรียนเลือกคำตอบท่ีถูกที่สุดเพียงคำตอบเดียวแลว้ ทำเครื่องหมำย X ลงในกระดำษคำตอบ ข้อ ก ข ค ง 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. 9. 10. รวม คะแนนเตม็ 10 คะแนน คะแนนท่ไี ด้ ..................... คะแนน  ผา่ น  ไม่ผ่าน การออกแบบและเขียนโปรแกรมทใี่ ชต้ รรกะและฟังกช์ ันในการแก้ปญั หา

บทเรียนออนไลนอ์ ิเลก็ ทรอนิคส์ วิชา วิทยาการคานวณ (ว22103) 30 ภาคผนวก การออกแบบและเขียนโปรแกรมท่ใี ชต้ รรกะและฟงั ก์ชันในการแก้ปญั หา

บทเรียนออนไลน์อิเล็กทรอนิคส์ วิชา วทิ ยาการคานวณ (ว22103) 31 ให้นักเรยี นตอบคำถำม10ต่อไปนี้ใหถ้ กู ต้อง 1. ใครเปน็ ผ้ทู ่นี ำพชื คณิตแบบบลไู ปประยุกตใ์ ชค้ นแรก ตอบ คลำวด์ อ.ี แชนนอน 2. โนเกยี เบลลแ์ ลป็ (Nokai Bell Labs) มคี วำมหมำยวำ่ อย่ำงไร ตอบ เป็นศูนยว์ จิ ัยทำงเทคโนโลยเี ครือข่ำยที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งต้ังอย่ทู ี่รัฐนิวเจอร์ซีย์ สหรฐั อเมริกำ 3. กฎพ้ืนฐำนของพีชคณติ แบบบลู มกี ่อี ยำ่ ง ได้แกอ่ ะไรบ้ำง ตอบ มี 2 อย่ำง ไดแ้ ก่ And กับ OR 4. ตรรกะในบูลนี มีก่ีสถำนะได้แก่สถำนะใดบ้ำง ตอบ มี 2 สถำนะ ไดแ้ ก่ True ตวั ยอ่ ว่ำ T หรือ 1 และ False ตวั ย่อว่ำ F หรอื 0 5. ฟงั ก์ชนั ตรรกะ มคี วำมหมำยว่ำอย่ำงไร ตอบ เปน็ ฟังกช์ นั ท่ีแสดงควำมสัมพันธ์ในเชงิ ตรรกะระหวำ่ งตัวแปรตรรกะกลุ่มหนึง่ การออกแบบและเขียนโปรแกรมที่ใช้ตรรกะและฟงั ก์ชันในการแก้ปญั หา

บทเรียนออนไลนอ์ ิเล็กทรอนคิ ส์ วิชา วิทยาการคานวณ (ว22103) 32 ใลหง้นหกันเำ้ รขยี ้อนคววเิ ำคมรำทะกี่ หำ์ขหอ้นคดวใำหมต้ ต่อ่อไปไปน1นี้ใ0หี้แล้ถ้วกู ทตำ้อเงครื่องหมำยถูกและเครื่องหมำยผิด ............... 1. กำรเขียนฟงั กช์ ันจะใชเ้ ครื่องหมำยแทนกระบวนกำรตรรกะพนื้ ฐำน คือ AND , OR และ INVERT .............. 2. ตรรกะในบูลีนมเี พยี ง 1 สถำนนะ คือ True ............... 3. คอมพวิ เตอร์ทำกำรตรวจสอบจะให้คำตอบ ดงั นี้ True ถำ้ เงื่อนไขเปน็ จริง และ False ถ้ำเง่อื นไขเป็นเทจ็ ............... 4. สญั ญำลกั ษณ์ของเกต เรียกว่ำ ประตูสัญญำณตรรกะ .............. 5. กฎพน้ื ฐำนของพชี คณติ แบบบลูทใ่ี ช้ออกแบบวงจรอเิ ลก็ ทรอนกิ สต์ ่ำง มี 4 มำตรฐำน ............... 6. ฟังกช์ ัน มีควำมหมำยไดห้ ลำยทำง เชน่ กำรทำหน้ำที่ กำรทำงำน เป็นต้น ............... 7. ในควำมหมำยของคอมพิวเตอร์ ฟังก์ชนั คือ โปรแกรมย่อย หรือบล็อกคำส่งั ย่อย ท่โี ปรแกรมเมอรเ์ ขยี นขนึ้ มำ ............... 8. ตวั อย่ำงฟงั ก์ชนั ทม่ี ีให้หลำกหลำย คือ ฟังก์ชนั ในโปรแกรมตำรำงคำนวณ ............... 9. ตวั อย่ำงกำรเขยี นฟงั กช์ นั ในภำษำไพทอนต้องมีวงเลบ็ เปดิ และปดิ เสมอ ............... 10. ออกแบบฟังกช์ ันโดยใชพ้ ำรำมเิ ตอรเ์ ปน็ ตัวแปรยอ่ ยชื่อ fname การออกแบบและเขียนโปรแกรมทใ่ี ช้ตรรกะและฟงั ก์ชันในการแกป้ ญั หา

บทเรยี นออนไลนอ์ ิเลก็ ทรอนิคส์ วิชา วทิ ยาการคานวณ (ว22103) 33 ใหน้ ักเรยี นตอบคำถำม10ต่อไปนี้ให้ถูกต้อง 1. ตรรกะ มีควำมหมำยวำ่ อย่ำงไร ตอบ ตรรกะ หมำยถึง เคร่ืองมือที่ใช้ตรวจสอบเง่ือนไขกำรทำงำนต่ำง ๆ อำจเขยี นรวมอย่ใู น ฟังก์ชนั หรอื เขียนแยกออกมำนอกฟงั กช์ นั ก็ได้ 2. ขอ้ มูล มีควำมหมำยวำ่ อยำ่ งไร ตอบ ข้อเทจ็ จรงิ หรือเรอื่ งรำวที่เก่ียวขอ้ งกบั สง่ิ ต่ำง ๆ เชน่ คน สตั ว์ สิง่ ของสถำนท่ี ฯลฯ โดยอยู่ ในรูปแบบทีเ่ หมำะสมต่อกำรสื่อสำร 3. ข้นั ตอนกำรแก้ปัญหำมที ัง้ หมดกีข่ ้นั ตอน ได้แก่ขน้ั ตอนใดบ้ำง ตอบ ขั้นตอนกำรแก้ปัญหำมี 4 ขนั้ ตอน ได้แก่ 1. กำรวิเครำะห์และกำรกำหนดรำยละเอยี ดของปัญหำ 2.กำรวำงแผนในกำรแกป้ ัญหำและถำ่ ยทอดควำมคิดอยำ่ งมขี ้ันตอน 3. กำรดำเนินกำรแกป้ ญั หำ 4. กำรตรวจสอบและปรับปรุง 4. จำกสญั ญำลกั ษณ์ทก่ี ำหนดให้ มีควำมหมำยวำ่ อยำ่ งไร ตอบ จดุ เรม่ิ ตน้ และจดุ สิ้นสุด 5. จำกสัญญำลักษณ์ท่ีกำหนดให้ มคี วำมหมำยว่ำอยำ่ งไร ตอบ ทำงเลือก การออกแบบและเขียนโปรแกรมท่ีใช้ตรรกะและฟงั ก์ชันในการแก้ปญั หา

บทเรียนออนไลนอ์ ิเล็กทรอนิคส์ วชิ า วทิ ยาการคานวณ (ว22103) 34 ให้นักเรยี นจบั คูค่ ำตอ1บ0ที่ถูกต้องต่อไปนี้ .….…ฌ……1. นกั คณติ ศำสตร์ชำวองั กฤษ เปน็ ผูค้ ิดค้นพีชคณติ แบบบลู ………จ…...2. เปน็ นกั วิทยำศำสตรข์ องโนเกยี เบลลแ์ ล็ป ………ฉ…...3. เปน็ ศูนย์วิจยั ทำงเทคโนโลยีเครอื ข่ำยท่ีใหญ่ท่ีสดุ ในโลกซึ่งต้ังอยู่ท่รี ัฐนิวเจอร์ซยี ์ สหรัฐอเมรกิ ำ ………ง…...4. ใช้พชี คณิตแบบบลใู นกำรกำหนดหรือตรวจสอบสถำนะของสญั ญำณทใี่ ชใ้ นวงจร อิเล็กทรอนกิ สห์ รือใช้ในกำรเขยี นโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ ………ช…...5. ในกำษำไพทอนมตี ัวดำเนนิ กำรตรรกะที่ตำ่ งกับภำษำอื่น ได้แก่ ………ซ…...6. วนั ท่ี 29 กมุ ภำพนั ธ์ เรียกว่ำ ………ค…...7. ปีที่เดือนกมุ ภำพันธม์ ี 29 วนั เรียกวำ่ ………ญ…..8. แสดงควำมสัมพันธ์ในชิงตรรกะระหวำ่ งตัวแปรตรรกะกลุ่มหน่ึง ………ข…...9. กำรเรียนฟงั กช์ ันจะใชเ้ คร่ืองหมำยแทนกระบวนกำรตรรกะพื้นฐำน คือ ………ก…...10. F = A•B หมำยถึง ก ถำ้ ตวั ถกู ดำเนินกำรทง้ั สองเปน็ จรงิ เง่อื นไขเปน็ จรงิ ช คำสง่ั in และคำสง่ั not in ข AND , OR , INVERT ซ วันอธกิ วำร ค ปอี ธกิ สรุ ทนิ ฌ จอรจ์ บลู ง ตัวดำเนินกำรบลู ีน ญ ฟังก์ชนั ตรรกะ จ คลำวด์ อี. แชนนอน ฎ กำรเรียงลำดับแบบฮีป ฉ โนเกยี เบลล์แล็ป ฏ อลั กอริทึม การออกแบบและเขียนโปรแกรมทใี่ ช้ตรรกะและฟังกช์ ันในการแก้ปญั หา

บทเรียนออนไลนอ์ เิ ล็กทรอนิคส์ วิชา วิทยาการคานวณ (ว22103) 35 ใหน้ กั เรยี นจับคู่กบั เพ1ื่อ0น และปฏิบตั ดิ งั ต่อไปน้ี เกณฑ์การให้คะแนน คาชแ้ี จง โปรดทำเครื่องหมำย ลงในช่องว่ำงตำมระดับคะแนนทีเ่ ป็นจริง ระดบั คะแนน 3 ระดับ ดงั น้ี 3 คะแนน หมำยถงึ ดี 2 คะแนน หมำยถงึ พอใช้ 1 คะแนน หมำยถึง ควรปรบั ปรุง รำยกำรประเมิน ระดบั คะแนน หมำยเหตุ 321 1. สืบค้นข้อมูลได้ถูกต้องและครบถว้ น 2. อธบิ ำยขอ้ มลู ไดต้ รงประเด็น 3. แสดงขน้ั ตอนและเขยี นประตสู ัญลกั ษณ์ได้ถกู ต้อง 4. ใหค้ วำมรว่ มมือในกำรทำงำนและรับฟังควำมคดิ เหน็ ผอู้ ่ืน 5. ควำมคิดสรำ้ งสรรค์ รวม เกณฑ์กำรให้คะแนน 12-15 คะแนน หมำยถึง ดี 8-11 คะแนน หมำยถึง พอใช้ ต่ำกว่ำ 8 คะแนน หมำยถงึ ควรปรับปรงุ ลงชอื่ ………………………………………..ผ้บู ันทึก (…………………………………….) การออกแบบและเขียนโปรแกรมทใี่ ชต้ รรกะและฟงั กช์ ันในการแกป้ ญั หา

บทเรยี นออนไลน์อเิ ล็กทรอนิคส์ วิชา วทิ ยาการคานวณ (ว22103) 36 ให้นกั เรยี นเตมิ คำตอบ1ต0่อไปนี้ใหถ้ ูกต้อง 1. ตวั เลขทีส่ ำมำรถหำรได้ลงตัว คือ ตวั ประกอบของเลข 2. กำรวิเครำะหแ์ ละกำรกำหนดรำยละเอียดของปัญหำ คือ ขนั้ ตอน 1 3. กำรวำงแผนในกำรแก้ปัญหำและถำ่ ยทอดควำมคิดอยำ่ งมีขัน้ ตอน คือ ข้นั ตอน 2 4. กำรดำเนนิ กำรแกป้ ัญหำ คอื ข้ันตอน 3 5. กำรตรวจสอบและปรับปรุง คือ ข้นั ตอน 4 6. เครอื่ งมือทเี่ หมำะสมในกำรแก้ปัญหำที่สุด คือ ผงั งำน 7. ในภำษำคอมพิวเตอร์จะมีฟงั ก์ชนั หลกั เก็บไว้ในที่เก็บโปรแกรม เรียกวำ่ Library 8. ในวิชำคณติ ศำสตร์ ฟังก์ชัน หมำยถึง ควำมสัมพนั ธ์ของจำนวนทขี่ ึ้นอยู่กับจำนวนอื่นใช้สัญญำลักษณ์ (F) 9. F = A+B หมำยถึง ถำ้ ตวั ถูกดำเนินกำรทั้งสองไมเ่ ป็นศนู ย์ เงือ่ นไขเปน็ จริง 10. กำรรบั ส่งข้อมลู เปน็ พุทธศักรำช ตอ้ งแปลงเปน็ คริสต์ศักรำช โดยลบด้วย 543 แล้วจึงหำรดว้ ย 4 การออกแบบและเขียนโปรแกรมทีใ่ ชต้ รรกะและฟังก์ชันในการแกป้ ัญหา

บทเรยี นออนไลน์อเิ ล็กทรอนคิ ส์ วชิ า วิทยาการคานวณ (ว22103) 37 ให้นักเรียนแบ่งกลุ่มออกเป็นกลุ่มละ 4-5 คน และเขียนโปรแกรมแปลงค่ำเงิน ของประเทศต่ำง ๆ เป็นเงินบำท โดยมีข้อควำมให้เลือกจะแปลงค่ำเงินของ ประเทศใดอย่ำงนอ้ ย 3 ประเทศ โดยสืบค้นอตั รำแลกเปล่ยี นเงินตรำจำกเว็บไซต์ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน คาชแ้ี จง โปรดทำเคร่อื งหมำย ลงในช่องวำ่ งตำมระดับคะแนนทเ่ี ปน็ จริง ระดบั คะแนน 3 ระดับ ดังน้ี 3 คะแนน หมำยถงึ ดี 2 คะแนน หมำยถงึ พอใช้ 1 คะแนน หมำยถงึ ควรปรบั ปรุง รำยกำรประเมนิ ระดับคะแนน หมำยเหตุ 321 1. สืบค้นข้อมูลได้ถูกต้องและครบถว้ น 2. อธบิ ำยข้อมูลไดต้ รงประเด็น 3. แสดงขน้ั ตอนและโปรแกรมแปลงค่ำเงนิ ของประเทศตำ่ ง ๆ ได้ 4. ให้ควำมรว่ มมอื ในกำรทำงำนและรบั ฟังควำมคิดเห็นผอู้ ่ืน 5. ควำมคดิ สร้ำงสรรค์ รวม เกณฑ์กำรให้คะแนน 12-15 คะแนน หมำยถึง ดี 8-11 คะแนน หมำยถงึ พอใช้ ตำ่ กว่ำ 8 คะแนน หมำยถงึ ควรปรบั ปรุง ลงชอื่ ………………………………………..ผู้บันทึก (…………………………………….) การออกแบบและเขียนโปรแกรมท่ีใช้ตรรกะและฟงั ก์ชันในการแกป้ ัญหา

บทเรียนออนไลนอ์ เิ ลก็ ทรอนิคส์ วชิ า วิทยาการคานวณ (ว22103) 38 ใหน้ กั เรียนปฏบิ ัตกิ ิจกรรมกลุ่ม1ด0ังตอ่ ไปน้ี 1. ให้นกั เรียนแบง่ กลุ่มออกเป็น กลมุ่ ละ 4-5 คน 2. ช่วยกนั สรปุ องค์ควำมรู้ 3. สร้ำงแผนทค่ี วำมคิดจำกกำรสรปุ องคค์ วำมรู้ 4. สรุปองค์ควำมรูใ้ นสมุดบันทกึ สว่ นตัว 5. นำเสนอแผนทคี่ วำมคดิ เกณฑ์การให้คะแนน คาชี้แจง โปรดทำเครอ่ื งหมำย ลงในชอ่ งว่ำงตำมระดับคะแนนท่เี ปน็ จริง ระดบั คะแนน 3 ระดับ ดังนี้ 3 คะแนน หมำยถึง ดี 2 คะแนน หมำยถึง พอใช้ 1 คะแนน หมำยถึง ควรปรับปรุง รำยกำรประเมิน ระดับคะแนน หมำยเหตุ 321 1. สรุปองค์ประกอบควำมรไู้ ด้ชัดเจนและครบถ้วน 2. บอกควำมสำคัญไดต้ รงประเด็น 3. สะอำด เรยี บรอ้ ย และสวยงำม 4. ควำมคดิ สร้ำงสรรค์ 5. ควำมกล้ำแสดงออกในกำรนำเสนองำน รวม เกณฑ์กำรให้คะแนน 12-15 คะแนน หมำยถงึ ดี 8-11 คะแนน หมำยถงึ พอใช้ ต่ำกว่ำ 8 คะแนน หมำยถึง ควรปรบั ปรุง ลงช่อื ………………………………………..ผ้บู ันทึก (…………………………………….) การออกแบบและเขียนโปรแกรมทใ่ี ชต้ รรกะและฟังก์ชันในการแกป้ ญั หา

บทเรียนออนไลน์อเิ ลก็ ทรอนคิ ส์ วิชา วทิ ยาการคานวณ (ว22103) 39 เฉลยกระดาษคาตอบแบบทดสอบก่อนเรยี นและหลงั เรยี น เรื่อง การออกแบบและเขียนโปรแกรมท่ีใช้ตรรกะและฟังก์ชันในการแก้ปัญหา คาชแี้ จง ให้นักเรียนเลือกคำตอบทถ่ี ูกทส่ี ดุ เพียงคำตอบเดยี วแลว้ ทำเครื่องหมำย X ลงในกระดำษคำตอบ ข้อ ก ข ค ง ข้อ ก ข ค ง 1.  1.  2.  2.  3.  3.  4.  4.  5.  5.  6.  6.  7.  7.  8.  8.  9.  9.  10.  10.  รวม รวม การออกแบบและเขียนโปรแกรมท่ีใชต้ รรกะและฟังกช์ ันในการแกป้ ัญหา

บทเรียนออนไลน์อิเลก็ ทรอนิคส์ วิชา วทิ ยาการคานวณ (ว22103) 40 แบบบนั ทึกผลการเรยี นรู้ เรือ่ ง การออกแบบและเขียนโปรแกรมที่ใชต้ รรกะและฟงั ก์ชนั ในการแก้ปญั หา คาชแ้ี จง โปรดบนั ทึกคะแนนท่ีได้ระหว่ำงเรียนทัง้ หมดลงในตำรำง การประเมนิ คะแนนเตม็ คะแนนที่ได้ แบบทดสอบก่อนเรยี น 10 แบบทดสอบหลงั เรยี น 10 เกณฑ์กำรประเมินนกั เรียนตอ้ งได้คะแนน รอ้ ยละ 80 ขึ้นไป ผำ่ น ไม่ผ่ำน การประเมนิ คะแนนเตม็ คะแนนท่ไี ด้ กิจกรรมท่ี 1 10 กจิ กรรมท่ี 2 10 กจิ กรรมที่ 3 10 กจิ กรรมที่ 4 10 กิจกรรมท่ี 5 15 กจิ กรรมท่ี 6 10 กิจกรรมท่ี 7 15 กจิ กรรมที่ 8 15 95 รวม เกณฑ์กำรประเมินนักเรียนตอ้ งได้คะแนน ร้อยละ 80 ขนึ้ ไป ผ่ำน ไม่ผ่ำน ลงชือ่ ………………………………………..ผบู้ นั ทกึ (…………………………………….) การออกแบบและเขียนโปรแกรมที่ใชต้ รรกะและฟังก์ชันในการแก้ปัญหา