พธิ เี ปิดหอ้ งสมดุ ประชาชน“เฉลมิ ราชกมุ ารี” จังหวัดชัยภมู ิ ๔ พฤษภาคม ๒๕๖๐
คำนำ หนังสือที่ระลึกพิธีเปิด ห้องสมุดประชาชน “เฉลิมราชกุมารี” จังหวัด ชยั ภมู ิ เล่มนีจ้ ัดทาขึ้นเพอ่ื เปน็ ที่ระลึกเนื่องในพธิ ีเปดิ ห้องสมุดประชาชน “เฉลิม ราชกุมารี” จังหวัดชัยภูมิ ซ่ึงได้รับพระราชทานพระราชานุญาต ให้ห้องสมุด ประชาชน “เฉลิมราชกุมารี” จังหวัดชัยภูมิ เข้าร่วมโครงการจัดต้ังห้องสมุด ประชาชน “เฉลิมราชกุมารี” เพิม่ เติม เปน็ ลาดับที่ ๑๐๗ ในวโรกาสทีพ่ ระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี ทรงพระกรุณา เสด็จราชดาเนินเปน็ องค์ประธานในพธิ ีเปดิ ห้องสมุดประชาชน “เฉลิมราชกุมารี” จังหวัดชัยภูมิ ในวันพฤหัสบดี ที่ ๔ พฤษภาคม ๒๕๖๐ ซ่งึ เป็นการสนองต่อพระปณธิ านของพระองคท์ ี่ทรงส่งเสริมให้ห้องสมุด เปน็ ศนู ย์เรียนรู้ในการพัฒนาคุณภาพชีวิต และดารงตนอยใู่ นสังคมอยา่ งมีความสุข นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณต่อพสกนิกรชาวจังหวัดชัยภูมิเป็นอย่างยิ่ง ที่จะ สามารถเข้าถึงโอกาสทางการศึกษาจากแหล่งเรียนรู้ที่ทรงคุณค่าแห่งนี้ได้ นบั เป็นพระมหากรุณาธิคณุ อันหาทีส่ ุดมิได้แกพ่ สกนิกรชาวจังหวัดชยั ภูมิ ภายในหนังสือเล่มนี้ประกอบด้วย พระราชประวัติ พระอัจฉริยภาพ พระราชกรณียกิจ ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ความเป็นมาของห้องสมุดประชาชน “เฉลิมราชกุมารี”จังหวัดชัยภูมิ และ เรือ่ งราวของจงั หวดั ชัยภมู ิ ในแงม่ ุมต่างๆ เพอ่ื ให้ผู้อ่านได้รับรู้และเข้าใจได้ส่วน หนึ่ง ความสาเรจ็ ของการกอ่ ตั้งห้องสมุดประชาชน “เฉลิมราชกุมารี” จงั หวัดชยั ภมู ิ เกิดจากความน้อมสานึกในพระมหากรุณาธิคุณ สมเดจ็ พระเทพ รัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี ของบุคคลต่างๆ อาทิ หลวงพ่อสายทอง เตชะธมั โม เจ้าอาวาสวัดเฉลิมพระเกียรติ (วดั ป่าห้วยกุ่ม) ตาบลโพนทอง
อาเภอเกษตรสมบรู ณ์ จงั หวัดชัยภูมิ ข้าราชการ หน่วยงาน องค์กร บริษัท ห้างรา้ นและประชาชนจังหวัดชัยภมู ิ ทไ่ี ด้ร่วมกันสนับสนนุ ปจั จยั ในการ ดาเนินการกอ่ สร้างและพัฒนาตกแต่งใหม้ ีความเรียบร้อยสมบูรณ์เอือ้ อานวย ประโยชน์ต่อการให้บริการ จึงขอขอบพระคุณทกุ ท่านมา ณ โอกาสนี้ สานกั งาน กศน.จังหวดั ชัยภมู ิ
สำรบัญ เรื่อง หนำ้ คำนำ พระรำชประวัติและพระรำชกรณียกิจพระเทพรตั นรำชสดุ ำฯ สยำมบรมรำชกุมำรี ...................................................................... ๘ หอ้ งสมุดในทศั นะของข้ำพเจำ้ ........................................................ ๒๖ ควำมเปน็ มำของหอ้ งสมุดประชำชน “เฉลิมรำชกมุ ำรี” - ห้องสมุดประชาชน “เฉลิมราชกุมารี” ………………………………… ๒๗ - ห้องสมุดประชาชน “เฉลิมราชกมุ ารี”จังหวดั ชยั ภูมิ ………… ๒๘ รูปแบบกำรจดั หอ้ งสมดุ ประชำชน“เฉลิมรำชกมุ ำรี”จังหวัดชยั ภูมิ... ๒๙ เลำ่ เรื่อง ชยั ภูมิ เมืองผู้กล้ำ พญำแล …………………………………………… ๓๙ ประวตั ิและควำมเป็นมำจังหวดั ชัยภมู ิ ............................................ ๔๐ สถำนที่เคำรพศรทั ธำชำวชยั ภูมิ .................................................... ๔๓ - อนสุ าวรีย์พระยาภักดีชมุ พล ............................................ ๔๓ - ศาลเจ้าพอ่ พระยาแล ...................................................... ๔๓ แหลง่ ทอ่ งเที่ยวจังหวดั ชยั ภมู ิ ....................................................... ๔๔ - ปรางคก์ ู่ …………………………………………………………………………… ๔๔ - ใบเสมาบ้านกุดโง้ง .......................................................... ๔๕ - พระธาตุหนองสามหมืน่ ................................................... ๔๕ - ถ้าแก้ว .............................................................................. ๔๖ - วดั ศลิ าอาสน์ภพู ระ ........................................................... ๔๗ - พระธาตกุ ดุ จอก ............................................................... ๔๘ - พระพทุ ธรปู ใหญ่สมยั ทวารวดี .......................................... ๔๘ - อทุ ยานแห่งชาติตาดโตน ..................................................... ๔๙
สำรบญั (ต่อ) - อุทยานแห่งชาติไทรทอง …..………………………………………………. ๕๐ - เขื่อนห้วยกุ่ม ..................................................................... ๕๑ - เขือ่ นลาปะทาว .................................................................... ๕๑ - ภคู ้งิ .................................................................................. ๕๒ - เขตรกั ษาพนั ธ์ุสัตว์ป่าภูเขียว – ทุ่งกะมัง .............................. ๕๓ - จดุ ชมวิวเทอื กเขาพังเหย ...................................................... ๕๓ - อทุ ยานแห่งชาติป่าหินงาม ................................................. ๕๔ - มอหินขาว ........................................................................ ๕๔ ภมู ิปัญญำทำงวฒั นธรรม ตำมวิถีชำวชยั ภูมิ .................................. ๕๕ - ประเพณีฉลองอนสุ าวรีย์เจ้าพอ่ พญาแล .......................... ๕๕ - ประเพณบี วงสรวงเจ้าพอ่ พระยาแล (บญุ เดือนหก) …..…… ๕๕ - ประเพณบี ุญเดือนหก ...................................................... ๕๖ - ประเพณแี ห่ต้นกระธูป …………………………………………………… ๕๖ - ประเพณแี ห่นาคโหด แห่งเดียวในโลก …………………………….. ๕๗ ของดเี มืองชยั ภูมิ ……………………………………………………………………………. ๕๘ - ผา้ ไหมบ้านเขว้า ……………………………………………………………… ๕๘ - หม่าและไส้กรอกชยั ภูมิ ................................................... ๕๘ - ตะโกดัด …………………………………………………………………………… ๕๙ ประวัติหลวงพ่อสำยทอง ............................................................... ๖๐ - ประวตั ิการสร้างคณุ ประโยชน์แก่ชาวจังหวัดชยั ภมู ิ ………….. ๖๑
สำรบัญ (ต่อ) ต้นไมท้ ีท่ รงปลูก ………………………………………………………………………........ ๖๓ - ต้นราชพฤกษ์ ……………………………………………………………………. ๖๓ ภำคผนวก - หนงั สือพระราชดาเนินไปเปิดห้องสมดุ ประชาชน“เฉลิมราชกมุ ารี” จังหวัดชยั ภมู ิ - โครงการจดั ตั้งห้องสมุดประชาชน“เฉลิมราชกมุ ารี” จังหวัดชัยภูมิ - หนังสือขอพระราชทานพระราชวโรกาสเข้าเฝ้า - หนงั สือขอพระราชทานพระราชานญุ าต - หมายกาหนดการพิธเี ปิดห้องสมุดประชาชน“เฉลิมราชกุมารี” จงั หวัดชยั ภมู ิ - รายนามผบู้ ริจาค และสนับสนนุ - รายนามผมู้ ีอุปการะคณุ บรรณำนกุ รม คณะผู้จดั ทำ
สำรบญั ภำพ เรื่อง หนำ้ - ภาพที่ ๑ ทรงพระสุหร่ายและทรงเจิมแผน่ ศิลาฤกษ์ ...................... ๒๙ - ภาพที่ ๒ พธิ ีวางศิลาฤกษ์หอ้ งสมดุ ประชาชน“เฉลิมราชกมุ ารี” ....... ๓๐ - ภาพที่ ๓ พธิ ีวางศิลาฤกษ์หอ้ งสมุดประชาชน“เฉลิมราชกมุ ารี” ...... ๓๐ - ภาพที่ ๔ ตอกเสาเขม็ ในการกอ่ สร้างห้องสมดุ ประชาชน “เฉลิมราชกมุ ารี” จังหวดั ชัยภูมิ ...................................... ๓๑ - ภาพที่ ๕ การกอ่ สร้างห้องสมดุ ประชาชน “เฉลิมราชกมุ ารี” ...... ๓๑ - ภาพที่ ๖ การกอ่ สร้างห้องสมุดประชาชน “เฉลิมราชกมุ ารี” ........ ๓๒ - ภาพที่ ๗ การกอ่ สร้างห้องสมดุ ประชาชน “เฉลิมราชกุมารี” ....... ๓๒ - ภาพที่ ๘ การกอ่ สร้างห้องสมดุ ประชาชน “เฉลิมราชกมุ ารี” ........ ๓๓ - ภาพที่ ๙ การกอ่ สร้างห้องสมุดประชาชน “เฉลิมราชกุมารี” ....... ๓๓ - ภาพที่ ๑๐ การกอ่ สร้างห้องสมุดประชาชน “เฉลิมราชกุมารี” ..... ๓๔ - ภาพที่ ๑๑ การกอ่ สร้างห้องสมุดประชาชน “เฉลิมราชกมุ ารี” ..... ๓๔ - ภาพที่ ๑๒ ภาพหอ้ งเฉลิมพระเกียรติ ......................................... ๓๕ - ภาพที่ ๑๓ ภาพฉายภาพยนตร์เฉลิมพระเกยี รติ ......................... ๓๕ - ภาพที่ ๑๔ ภาพหอ้ งชัยภมู ิ ....................................................... ๓๖ - ภาพที่ ๑๕ ภาพหอ้ งชยั ภูมิ ........................................................ ๓๖ - ภาพที่ ๑๖ ภาพหอ้ งพุทธศาสตร์ ............................................... ๓๗ - ภาพที่ ๑๗ ภาพมุมสือ่ เทคโนโลยีที่ทันสมยั ................................ ๓๗ - ภาพที่ ๑๘ ภาพมุมสร้างสรรค์การเรียนรู้เด็กเยาวชน ................ ๓๘ - ภาพที่ ๑๙ ภาพมุมหนงั สือทวั่ ไป ................................................ ๓๘
๘ พระรำชประวตั ิ สมเด็จพระเทพรัตนรำชสุดำฯ สยำมบรมรำชกุมำรีทรงเปน็ พระราช ธิดาองค์ที่สองในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จ พระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระนามเดิมว่า “สมเด็จพระเจ้ำลูก เธอเจ้ำฟ้ำสิรินธรเทพรัตนรำชสุดำกิติวัฒนำดุลโสภำคย”์ ประสูติเมื่อวัน เสาร์ที่ ๒ เมษายน ๒๔๙๘ ณ พระที่นั่งอัมพรสถานพระราชวังดุสิตโดย ศาสตราจารย์ นายแพทย์หม่อมหลวงเกษตร สนิทวงศ์ เปน็ ผู้ถวายการประสูติ และทรงมีพระนามที่บรรดาข้าราชบริพารเรียกกันทั่วไปว่า \"ทูลกระหม่อม น้อย\" สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเริ่มการศึกษา ระดับอนุบาลในเดือนกรกฎาคม พ.ศ.๒๕๐๒ ที่โรงเรียนจิตรลดาในบริเวณ พระตาหนักจิตรลดารโหฐาน ขณะนั้นพระชนมายุได้ ๓ พระชันษาเศษทรงมี พระสหายร่วมชนั้ เรียนอีก ๒๐ คน ซ่งึ มาจากบตุ รหลานของพระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการตลอดจนมหาดเล็กผู้ได้รับพระมหากรุณาธิคุณให้มาร่วมเรียนด้วย โดยปราศจากชั้นวรรณะวิชาที่ทรงศึกษาในชั้นอนุบาลคือ วิชาภาษาไทย วิชา
๙ ภาษาอังกฤษ วิชาเลขคณิต และวิชาขับร้องพระอาจารย์ที่ถวายพระอักษ๘ร ขณะน้ันได้แก่ อาจารยท์ ่านผหู้ ญิงทศั นีย์ บณุ ยคุปต์อาจารยค์ ุณหญิงอังกาบ บุณยัษฐิติ และอาจารย์คุณหญิงสุนามัน ประนิช ท้ังนี้ปรากฏว่า สมเด็จ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โปรดโรงเรียน พระอาจารย์และ พระสหายเป็นอันดี เมอ่ื ทรงเรียนจบชนั้ ประถมศึกษาตอนปลายได้ทรงสอบร่วมกับนกั เรียน ท่ัวประเทศโดยใช้ข้อสอบกระทรวงศึกษาธิการ และสมเด็จพระเทพ รตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารีทรงสอบได้ทีห่ นึ่งได้คะแนนรวมร้อยละ ๙๖.๖๐ อันเปน็ คะแนนสูงสดุ สาหรบั ระดับชนั้ ประถมศึกษาปีที่เจด็ จึงทรงได้รับ พระราชทานรางวัลเรียนดีจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ วั ในงานแสดง ศิลปหตั ถกรรมนกั เรียน คร้ังที่ ๓๑ ณ กรีฑาสถานแห่งชาติ เมอ่ื วนั ที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๑๑ ระหว่างทีท่ รงศึกษาอยู่นี้ เป็นทีท่ ราบกนั โดยทว่ั ไปว่าสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระปรีชาสามารถในวิชาแทบ ทกุ ด้านเช่น ภาษาไทย ภาษาต่างประเทศ ภูมิศาสตร์ ประวตั ิศาสตร์ ราไทย ดนตรไี ทยและวาดเขียน เป็นตน้ ซึ่งมกั จะทรงได้คะแนนมากกว่า พระสหายใน ชน้ั เดียวกนั อยเู่ สมอ
๑๐ ๐๘ นอกจากนยี้ ังทรงโปรดหนงั สือมาต้ังแต่ทรงพระเยาว์ และทรงพระ ปรีชาสามารถในทางรอ้ ยแกว้ และร้อยกรองอย่างยิ่งทรงเริม่ บทพระนิพนธ์ต่างๆ ต้ังแต่เมื่อทรงพระชนมายุได้เพยี ง ๑๒ พระชนั ษาเปน็ ต้นมา บทพระราชนิพนธ์ เหล่านีไ้ ด้รบั การตีพิมพแ์ พร่หลายในหนงั สือหลายเล่ม ตวั อยา่ งเชน่ อยธุ ยา เจ้าครอกวดั โพธิ์ศาสนาเกดิ ขึ้นได้อย่างไร เป็นต้นบทพระราชนิพนธ์ที่รู้จักกนั ดี ในปจั จุบนั คอื พทุ ธศาสนสภุ าษิตคาโคลง ซง่ึ ทรงถอดมาจากภาษาบาลี และ กษตั ริยานสุ รณ์ ซ่งึ ทรงทูลเกล้าฯถวายสมเดจ็ พระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เนื่องในวนั เฉลิมพระชนมพรรษา ประจาปี ๒๕๑๖ (ขณะนั้นสมเด็จพระเทพ รตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี ทรงมีพระชนมายเุ พียง ๑๘ พระชนั ษา) สมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี ทรงเป็นทร่ี ักของพระสหาย เพราะทรงไว้ซง่ึ ความเห็นอกเหน็ ใจผอู้ ืน่ ความเสียสละความมีน้าใจนักกีฬาและ ความอดทน เคยมีตวั อย่างว่าทรงวิง่ เล่นกบั พระสหายและทรงล้มลงจนได้รบั บาดเจบ็ มีพระโลหิตออกบางคราวถึงกับพระทนต์บิน่ แต่กไ็ มก่ นั แสงและไม่ ทรงบ่นราพันถงึ ความเจบ็ ปวดเลย
๑๑ ทรงศึกษาที่โรงเรียนจิตรลดาจนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ โดยทรงสอบ ไล่ได้เป็นที่หนึง่ ของประเทศแผนกศิลปะ ประจาปีการศึกษา ๒๕๑๕ ได้คะแนน ร้อยละ ๘๙.๓๐ ยังความภาคภูมิแก่คณะพระอาจารย์ผู้ถวายการสอน และ ยังความปีติยินดีแก่ประชาชนทั้งประเทศผู้เฝ้ามองการเจริญพระชนมายุของ พระองค์เปน็ อยา่ งยิง่ นอกจากพระสติปัญญายอดเย่ียมที่กล่าวมาแล้วยังทรงมีอุตสาหะวิริยะ อันยอดเย่ยี มอีกด้วย เนื่องจากระหว่างที่ทรงศึกษาอยนู่ ้ันทรงมีพระราชภาระ ที่ จ ะ ต้ อ ง ติ ด ต า ม พ ร ะ บ า ท ส ม เ ด็ จ พ ร ะ เ จ้ า อ ยู่ หั ว แ ล ะ ส ม เ ด็ จ พ ร ะ น า ง เ จ้ า พระบรมราชินีนาถไปในการเสด็จพระราชดาเนินทรงเยี่ยมราษฎรต่างจังหวัด อยู่เป็นประจาทาให้ไม่สะดวกต่อการศึกษาเล่าเรียนแต่ก็ทรงติดตามการเรียน อยู่ตลอดเวลา โดยทรงอาศัยเวลาว่างจากการปฏิบัติพระราชกิจประจาวัน เสร็จสิ้นแล้วซ่ึงเรื่องนี้เป็นที่ทราบกันทั่วไปในบรรดาพระสหายร่วมช้ันเรียน ของพระองค์และในยามที่ทรงมีโอกาสได้เข้าศึกษาด้วยพระองค์เองแล้วบรรดา นิสิตอกั ษรศาสตร์จะได้เห็นภาพทีเ่ จนตาคอื ภาพทีส่ มเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงถือหนังสือเต็มพระหัตถ์และทรงหิ้วพระกระเป๋าใบโต บรรจุสรรพตาราเป็นจานวนมาก ทรงพระดาเนินไปยังห้องเรียนต่างๆ อยู่เป็น ประจา เป็นที่สะดุดตาพิเศษเนื่องจากนิสิตทั่วๆไปมักถือสมุดหนังสือกันคนละ ๓-๔ เล่มเทา่ นั้น
๑๒ ๐๐ ต่อจากชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ ๕ สมเด็จพระเทพรตั นราชสุดาฯสยามบรม ราชกุมารีทรงสอบเข้าศึกษาต่อระดบั อุดมศึกษา โดยทรงเลือกคณะอักษร ศาสตร์จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลยั เป็นอนั ดบั ทีห่ นึ่ง ผลการสอบปรากฏว่าทรง ได้ที่ ๔ แต่เมือ่ ได้ทรงเข้าศึกษาเรียบร้อยแล้วกท็ รงเลือกเฉพาะวิชาที่สนพระทัย เช่น ภาษาไทย ภาษาต่างประเทศ และประวัติศาสตร์ เปน็ ตน้ ในภาค การศึกษาแรกนั้นเองกท็ รงสอบได้เป็นที่หนึง่ ของนิสิตชน้ั ปีที่ ๑ คณะอักษร ศาสตร์ด้วยคะแนนเฉลีย่ ๓.๙๔ และทรงสอบได้เปน็ ที่หนึ่งเชน่ นที้ ุกปีจนถึงปี สุดท้ายทรงสอบไล่ได้คะแนนเฉลีย่ ๓.๙๘ นบั เป็นทีห่ นึง่ ของคณะอักษรศาสตร์ เช่นเคย จึงทรงได้รับพระราชทานปริญญาอักษรศาสตรบัณฑิตเกียรตินิยม อนั ดบั หนึง่ จากพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ วั ในวนั ที่ ๑๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๒๐ และในวันรุ่งขนึ้ ยงั ทรงได้รับพระราชทานรางวัลเหรียญทองในฐานะที่ ทรงสอบได้ที่หนึ่งมาทกุ ปีอีกด้วย
๑๓ แม้จะทรงครำ่ เคร่งต่อกำรศึกษำเล่ำเรียนเช่นนีแ้ ต่สมเด็จพระเทพ ๐๐ รัตนรำชสดุ ำฯ สยำมบรมรำชกุมำรี กย็ งั ทรงปลีกเวลำส่วนหนึงเข้ำร่วม กิจกรรมของคณะอยู่เสมอเชน่ เมอื ทรงศึกษำอยชู่ นั้ ปีที ๑ กท็ รงเข้ำร่วมซอ้ ม ร้องเพลงเชยี ร์เช่นเดียวกบั นิสิตนอ้ งใหม่อนื ๆ ซงึ กำรซอ้ มร้องเพลงเชยี ร์นีม้ ัก เริมขึ้นในเวลำเทยี งตรงอนั เปน็ เวลำรบั ประทำนอำหำรกลำงวนั ดังน้ันนิสติ น้อง ใหมท่ ีจะเข้ำซอ้ มร้องเพลงเชยี ร์จะต้องรีบกระวีกระวำดรับประทำนอำหำร กลำงวันเสียตั้งแต่ในชว่ งเวลำ ๑๐.๕๐ น. ถงึ ๑๑.๑๐ น. ซงึ เป็นเวลำหยุดให้ นิสิตได้พกั ผอ่ นหรือดืมน้ำ่ (ประมำณ ๒๐ นำที) หำกอำจำรย์ผสู้ อน สอนเกนิ เวลำ เวลำรับประทำนอำหำรของนิสิตนอ้ งใหม่ในชว่ งนี้ก็จะส้ันลงไปอีกแต่ สมเด็จพระเทพรตั นรำชสดุ ำฯ สยำมบรมรำชกุมำรี ก็ทรงสำมำรถเสวยพระ กระยำหำรกลำงวนั ในชว่ งเวลำสั้นเพยี งสิบกว่ำนำทีแล้วทรงเข้ำร่วมร้องเพลง เชียร์ในฐำนะนิสิตน้องใหมไ่ ด้เสมอ กิจกรรมอนื ทีสมเดจ็ พระเทพรตั นรำชสดุ ำฯ สยำมบรมรำชกุมำรี ทรงเข้ำร่วมคอื ทรงสมคั รเรียนเปน็ สมำชกิ ชมรมดนตรีไทย และชมรมวรรณศิลป์สโมสรนสิ ิตจุฬำลงกรณ์มหำวิทยำลยั ซึงประชำชนทัวไป มกั จะได้พบเหน็ ภำพทีทรงดนตรีไทยในโอกำสต่ำงๆของมหำวิทยำลยั อยู่เนืองๆ โดยโปรดทรงซอด้วงเป็นพเิ ศษ แม้ว่ำจะทรงเครืองดนตรีได้หลำยชนิดกต็ ำม ส่วนทำงด้ำนกิจกรรมของชมรมวรรณศิลป์น้ัน เคยทรงร่วมกบั พระสหำยอีก กลุ่มหนึงเป็นผู้แทนคณะอกั ษรศำสตร์ แขง่ ขนั กลอนสดระหว่ำงคณะใน มหำวิทยำลัยได้รับรำงวลั ชนะเลิศมำแล้วโดยก่อนกำรแข่งขนั น้ันต้องทรงสละ เวลำในชวั โมงทีว่ำงเรียนมำทรงซ้อมกลอนและทรงแสดงควำมเปน็ ปฏิภำณกวี ให้บรรดำพระสหำยเห็นประจักษ์ในกำรซ้อมอยู่บ่อยคร้ังท้ังนีส้ ืบเนืองมำจำกที พระองค์สนพระทยั ฝักใฝ่ในวรรณกรรมต่ำงๆตั้งแต่ทรงพระเยำว์นันเอง
๑๔ ๐๐ นอกจำกกิจกรรมของทำงสโมสรนิสิตจุฬำฯ แล้วยังทรงเป็นสมำชิก ชมรมภำษำไทย ชมรมภำษำตะวันออกและชมรมประวัติศำสตร์ในคณะอักษร ศำสตร์ และยังทรงเป็นกรรมกำรจัดหำเรืองลงพิมพ์ในหนังสืออักษรศำสตร์ พิจำรณ์ของชุมนุมวิชำกำรคณะอักษรศำสตร์อีกด้วยในบำงครั้งก็พระรำชทำน บทพระนิพนธ์ลงพิมพ์ด้วย เช่น เรืองกำรเดินทำงไปร่วมพิธีพระบรมศพพระ เจ้ำกุ๊สตำฟที ๖ อดอล์ฟแห่งประเทศสวีเดนและร้อยกรองต่ำงๆ กล่ำวได้ว่ำ สมเด็จพระเทพรัตนรำชสุดำฯ สยำมบรมรำชกุมำรี พระรำชทำนควำมร่วมมือ แก่ทำงคณะและมหำวิทยำลัยมำกว่ำนิสิตบำงคนด้วยซ่้ำไปและทรงปฏิบัติ พระองค์ตำมระเบียบประเพณีของทำงมหำวิทยำลัยอย่ำงเคร่งครัดทรงเข้ำร่วม พธิ ีต่ำงๆทุกพธิ ีทีทำงมหำวิทยำลยั และคณะอกั ษรศำสตร์จดั ขึ้น เช่น พธิ ีรับน้อง ใหม่ พิธไี หวค้ รู พธิ ีปฏิญำณตนเป็นนิสิตใหม่คณะอกั ษรศำสตร์ เป็นต้น ในพธิ ี รับร้องใหม่น้ันเนืองจำกสมเด็จพระเทพรัตนรำชสุดำฯ สยำมบรมรำชกุมำรี ทรงเป็นน้องใหม่ทีพีๆ มีควำมตืนเต้นสนใจเป็นพิเศษจึงทรงถูกรับจนเหน็ด เหนือยอย่ำงยิง พระเสโทหลังไหลตลอดเวลำแม้กระนั้นพระองค์ก็แย้มพระ สรวลเสมอ ไม่เคยทรงแสดงว่ำเบือหน่ำยหรือร่ำคำญใครๆเลย นอกจำกนี้ใน ครำวทีคณะอักษรศำสตร์จัดกำรพัฒนำคณะ เกณฑ์นิสิตมำช่วยกันเก็บเศษ
๑๕ กระดำษท่ำควำมสะอำด ตลอดจนปลูกต้นไม้ประดับคณะเพิมเติม สมเด๐็จ๘ พระเทพรัตนรำชสุดำฯ สยำมบรมรำชกุมำรี ก็ทรงเข้ำร่วมอยำ่ งขยันขนั แขง็ โดย ทรงจบั จอบฟนั ดินด้วยพระองค์เองด้วยซำ่้ สมเด็จพระเทพรัตนรำชสุดำฯ สยำมบรมรำชกุมำรี ทรงได้รับฉำยำว่ำ เป็นหนอนหนังสือพระองค์หนึง นอกจำกจะสนพระทัยในกำรอ่ำนหนังสืออย่ำง จริงจงั แล้วยงั ทรงเป็นนกั สะสมหนังสือด้วย หนงั สือทมี ีคณุ ค่ำบำงเล่มซงึ ไม่ทรง มีแต่พระสหำยมีก็จะทรงยืมหนังสือเหล่ำน้ันจำกพระสหำยไปอ่ำนเพือมิให้ พลำดหนงั สือเล่มนั้นไป จำกกำรอ่ำนหนงั สือเป็นจ่ำนวนมำกนีเองท่ำให้ทรงรอบ รู้ในวิชำกำรต่ำงๆ เช่น ประวตั ิศำสตร์โบรำณคดี ภำษำไทยและภำษำตะวันออก เปน็ อย่ำงดี สิงซึงสนับสนุนกำรศึกษำประกำรหนึงของพระองค์ก็คือพระพลำนำมัย อันสมบูรณ์ทรงโปรดกีฬำ และกำรออกก่ำลังกำยต่ำงๆ ระหว่ำงทรงศึกษำอยู่ น้ัน หำมีกำรแข่งขันกีฬำก็จะทรงเข้ำร่วมด้วยอย่ำงเตม็ พระทัยเคยทรงร่วมกำร แข่งขันฟุตบอลในคณะอักษรศำสตร์และทรงร่วมทีมนิสิตน้องใหม่ชักคะเย่อกับ ทีมอำจำรย์คณะอักษรศำสตร์ เป็นต้น ซึงท้ังหมดนี้ทรงปฏิบัติด้วยควำมร่ำเริง
๑๖ แจ่มใสเป็นทีประทับใจแก่บรรดำพระสหำยรุ่นพีและรุ่นน้องอย่ำงยิง หลังจ๐ำ๐ก ทรงได้รับพระรำชทำนปริญญำบัตรอักษรศำสตรบัณฑิตแล้ว ได้ทรงสมัครเข้ำ ศึกษำต่อระดับปริญญำโทในบัณฑิตวิทยำลัย ทั้งทีคณะอักษรศำสตร์ จุฬำลงกรณ์มหำวิทยำลัย และคณะโบรำณคดี มหำวิทำลัยศิลปำกร ทีคณะ อักษรศำสตร์ทรงเลือกศึกษำวิชำบำลีและสนั สกฤต ส่วนทีคณะโบรำณคดีทรง ศึกษำวิชำจำรึกภำษำตะวันออก กำรทีนิสิตผู้ใดจะศึกษำต่อระดับปริญญำโทนั้นมิใช่เรืองง่ำยและ กำรศึกษำระดับปริญญำโทท้ังสองมหำวิทยำลัยพร้อมกันยิงเป็นเรืองยำกกว่ำ หลำยเท่ำ สมเด็จพระเทพรัตนรำชสุดำฯ สยำมบรมรำชกุมำรี ทรงมีพระรำช กิจมำกเกินกว่ำจะทรงท่ำวิทยำนิพนธ์ในระดับป ริญญำโทของทั้งสอง มหำวิทยำลัยได้พร้อมกัน จึงตดั สินพระทัยเลือกท่ำวิทยำนิพนธ์เรืองจำรึกพบที ปรำสำทพนมรุ้ง เพือรับพระรำชทำนปริญญำศิลปศำสตรมหำบัณฑิตของ มหำวิทยำลัยศิลปำกรก่อน ซึงวิทยำนิพนธ์นี้ได้ผ่ำนกำรตรวจสอบของ คณะกรรมกำรไปด้วยดีท่ำให้ทรงส่ำเร็จกำรศึกษำได้รับพระรำชทำนปริญญำ ศิลปศำสตรมหำบัณฑิตของมหำวิทยำลัยศิลปำกรจำกพระบำทสมเด็จพระ เจ้ำอยหู่ ัวเมือวันที ๑๑ตลุ ำคม ๒๕๒๒ หลังจำกนั้นก็ทรงขะมักเขม้นศึกษำต่อที
๑๗ บัณฑิตวิทยำลัย คณะอักษรศำสตร์ จุฬำลงกรณ์มหำวิทยำลัยในสำขำ๗วิชำ ภำษำบำลี-สันสกฤตได้ทรงทำ่ วิทยำนิพนธ์เรืองทศบำรมีในพุทธศำสนำเถรวำท จน ทร ง ไ ด้รั บพร ะรำชทำน ปริญญำอั กษรศ ำสตร มหำบัณฑิต จำก พระบำทสมเด็จพระเจ้ำอยู่หัวเมือวันที ๙ กรกฎำคม ๒๕๒๔ และพระองค์มิได้ ทรงหยุดย้ังกำรใฝ่หำวิชำควำมรู้ได้ทรงศึกษำต่อระดับดุษฎีบัณฑิตในสำขำวิชำ พฒั นศึกษำศำสตร์มหำวิทยำลยั ศรีนครินทรวโิ รฒ ต่อไปอีก ทีกล่ำวมำท้ังหมด นี้ ล้วนเน้นหนักทำงด้ำนพระปรีชำสำมำรถในกำรศึกษำและกำรวำงพระองค์ ในหมู่พระสหำย นอกเหนือจำกนี้สมเดจ็ พระเทพรัตนรำชสดุ ำฯ สยำมบรมรำช กุมำรี ยังทร งปฏิบัติพร ะภำรกิจส่ำคัญทีทร งได้รั บมอ บห มำยจำก พระบำทสมเด็จพระเจ้ำอยู่หัวให้ลุล่วงไปด้วยดี เช่น กำรเสด็จพระรำชด่ำเนิน ไปร่วมพธิ ีพระบรมศพพระเจ้ำกุ๊สตำฟที ๖ อดอล์ฟ ณ กรงุ สตอ็ คโฮม ประเทศ สวีเดน ในปี ๒๕๑๖ (ซึงได้ทรงพระนิพนธ์เรืองกำรเดินทำงนไี้ ว้ด้วยตำมทีกล่ำว มำแล้ว)และกำรเสด็จพระรำชด่ำเนินไปยังประเทศอิสรำเอลและอิหร่ำนพร้อม ด้วยสมเด็จพระเจ้ำลูกเธอ เจ้ำฟำ้ จุฬำภรณ์วลยั ลักษณ์ ตำมคำ่ กรำบบังคมทูล เชิญของรัฐบำลอิสรำเอล และเจ้ำชำยเรซำ ปำห์เลวีและเจ้ำหญิงฟำรำห์นำซ ปำห์เลวี แห่งอิหร่ำนเพือทอดพระเนตรกำรพัฒนำของประเทศทั้งสอง และ น่ำมำใช้ประโยชน์ในประเทศไทยในเดือนเมษำยน พ.ศ.๒๕๒๐
๑๘ ๘๐ ต่อจำกน้ัน ระหว่ำงวันที ๒๘ เมษำยน ถึงวันที ๒ พฤษภำคม พ.ศ. ๒๕๒๓ สมเด็จพระเทพรัตนรำชสุดำฯ สยำมบรมรำชกุมำรี ได้เสด็จพระรำช ด่ำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้ำลูกเธอ เจ้ำฟ้ำจุฬำภรณ์วลัยลักษณ์ ไปทรง ร่วมพธิ ีสถำปนำเจ้ำฟำ้ หญิงเบยี ทริกซข์ ึ้นเป็นพระรำชินีแห่งประเทศเนเธอแลนด์ ในปีเดียวกัน ระหว่ำงวันที ๑๙ พฤษภำคม ถงึ วันที ๓ มิถุนำยน พ.ศ.๒๕๒๓ ได้เสด็จพระรำชด่ำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้ำลูกเธอเจ้ำฟ้ำหญิงจุฬำภรณ์ วลยั ลักษณ์ ไปทรงเยือนประเทศฝรงั เศสตำมค่ำกรำบบังคมทลู เชิญของรัฐบำล ฝรงั เศส และเยอื นประเทศอังกฤษ ระหว่ำงวนั ที ๘-๑๔ มิถนุ ำยน พ.ศ. ๒๕๒๓ ตำมค่ำกรำบบังคมทูลเชิญของรัฐบำลอังกฤษเพือทอดพระเนตรกิจกำรด้ำน กำรศึกษำและวัฒนธรรม กิจกรรมด้ำนกำชำด ตลอดจนกำรพัฒนำในด้ำน ต่ำงๆ ของประเทศทั้งสอง และยังเสด็จฯประเทศเบลเยียมเป็นกำรส่วน พระองค์ในฐำนะรำชอำคันตุกะของสมเด็จพระรำชำธิบดีโบดวงและพระ รำชินีฟำบิโอลำระหว่ำงวนั ที ๓-๕ มิถุนำยน พ.ศ. ๒๕๒๓ ปี พ.ศ. ๒๕๒๔ ระหว่ำงวันที ๑๑-๒๐ พฤษภำคม สมเด็จพระเทพ รตั นรำชสดุ ำฯสยำมบรมรำชกมุ ำรี ได้เสดจ็ ฯเยอื นประเทศจีน ตำมค่ำกรำบ บังคมทูลเชิญของรฐั บำลสำธำรณรฐั ประชำชนจีนโดยทรงเป็นอำคันตกุ ะของ นำยจ้ำวจือหยำง นำยกรัฐมนตรีในโอกำสนไี้ ด้ทรงพระนิพนธ์หนังสือชอื ย่ำแดน
๑๙ มงั กรบรรยำยเรืองกำรเดินทำง และบคุ คลตลอดจนสิงทีพระองคไ์ ด้ทรงพบปะ ๘๐ ไวอ้ ยำ่ งละเอียดและสนุกสนำนชวนอ่ำนยงิ เมอื วนั ที ๒๔ กรกฎำคม ศก เดียวกนั ทรงเปน็ ผู้แทนพระองคเ์ สดจ็ ฯไปทรงร่วมในพธิ ีอภิเษกสมรส ระหว่ำง เจ้ำฟำ้ ชำยชำร์ลส์มกฎุ รำชกมุ ำรขององั กฤษ และเลดี้ ไดอำน่ำตำมค่ำทูลเชิญ ของสมเด็จพระบรมรำชนิ ีนำถแห่งประเทศอังกฤษด้วย ต่อมำในปี พ.ศ. ๒๕๒๕ สมเด็จพระเทพรัตนรำชสุดำฯ สยำมบรมรำช กุมำรีได้เสด็จฯเยือนประเทศต่ำงๆ ในทวีปยุโรป ดังนี้ ระหว่ำงวันที ๒๙-๓๑ พฤษภำคมพ.ศ.๒๕๒๕เสด็จฯเยือนประเทศสวิสเซอร์แลนด์ เป็นกำรส่วน พระองค์ ทรงเยียมองค์กำรกำชำดสำกลและห้องสมุดสหประชำชำติ แล้วเสดจ็ ฯ เมืองโลซำนน์ เพือเฝ้ำฯสมเด็จพระศรีนครินทรำบรมรำชชนนี ระหว่ำงวันที ๑-๙ มิถุนำยน พ.ศ.๒๕๒๕ เสด็จฯเยือนสำธำรณรัฐออสเตรีย ตำมค่ำกรำบ บังคมทูลเชิญของรัฐบำลออสเตรีย และโดยเฉพำะทีออสเตรียนี้ สภำมหำวิทำ ลยั อันน์สบรุกได้ถวำยสมำชกิ กิตติมศักดิ์ (Honorary Senator) แห่งมหำวิทยำลัย อินน์สบรุก เนืองจำกทำงมหำวิทยำลัยทรำบดีถึงพระปรีชำสำมำรถด้ำนต่ำงๆ และได้รับกำรทูลเกล้ำฯ ถวำยสำยสร้อยทอง (Gold Chain) ซึงนับเป็นสตรี เอเชีย คนแรกและเป็นผู้ทีอำยุน้อยทีสุดทีได้รับเกียรตินี้ต่อจำกน้ันระหว่ำงวันที ๙-๒๓ มิถุนำยน พ.ศ.๒๕๒๕ จึงได้เสด็จฯเยือนสหพันธ์สำธำรณรัฐเยอรมัน ตำมคำ่ กรำบบังคมทลู เชิญของรฐั บำลเยอรมัน ซงึ ทุกสถำนทีทีพระองค์เสด็จฯ ไป สมเด็จพระเทพรัตนรำชสุดำฯ สยำมบรมรำชกุมำรีทรงเป็นทีประทับใจ ทั้ง ของชำวไทยทีพ่ำนักในประเทศน้ันๆและชำวต่ำงชำติเป็นอย่ำงยิง ในวันที ๒ เมษำยน พ.ศ. ๒๕๑๘ อันเป็นวันคล้ำยพระรำชสมภพในสมเด็จพระเทพ รัตนรำชสุดำฯสยำมบรมรำชกุมำรีสมเด็จพระนำงเจ้ำพระบรมรำชินีนำถ ทรง พ ร ะ ก รุ ณ ำ โ ป ร ด เ ก ล้ ำ ฯ พ ร ะ ร ำ ช ท ำ น เ ลี้ ย ง ท ห ำ ร แ ล ะ ต่ ำ ร ว จ พิ ก ำ ร จ ำ ก โรงพยำบำลต่ำงๆ ณ ศำลำดุสิดำลัย และในโอกำสนี้ได้ทรงริเริมก่อตั้งมูลนิธิ
๒๐ สำยใจไทยขึ้นโดยพระรำชทำนให้สมเด็จพระเทพรัตนรำชสุดำฯสยำมบรมรำช๑๘ กุมำรีเป็นองค์ประธำนมูลนิธิ เนืองจำกทรงตระหนักดีว่ำ สมเด็จพระเทพ รตั นรำชสดุ ำฯ สยำมบรมรำชกมุ ำรี ทรงเปน็ ผู้มีพระทัยอ่อนโยนทรงพระเมตตำ และทรงเอำพระทัยใส่ในทุกข์สุขของผู้อืนอยู่เสมอเหมำะสมกับต่ำแหน่งนี้เป็น อย่ำงยิง ในวันน้ันสมเด็จพระนำงเจ้ำพระบรมรำชินีนำถ ได้พระรำชทำนเงิน ส่วนพระองค์จ่ำนวนหนึงเป็นทุนเริมแรกและได้มีผู้มีจิตศรัทธำทูลเกล้ำฯถวำย เงินสมทบ โดยเสด็จพระรำชกุศลอีกเปน็ จ่ำนวนมำก ซงึ มลู นิธินมี้ ีวัตถุประสงค์ ในกำรช่วยเหลือทหำรต่ำรวจพลเรือน ตลอดจนอำสำสมัครทีบำดเจ็บทุพพล ภำพ หรือเสียชีวิตจำกกำรปฏิบัติหน้ำทีเพือป้องกันประเทศชำติโดยให้ควำม ช่วยเหลือด้ำนกำรเงินหรือส่งเสริมอำชีพแก่ครอบครัวหรือตัวผู้ประสบเครำะห์ ร้ำยน้ัน เพือให้เขำเหล่ำนั้นตระหนักว่ำแม้จะพิกำรหรือเสียชีวิตเขำหรือ ครอบครวั ของเขำก็มิได้ถกู ทอดทิง้ ปัจจุบนั มูลนิธสิ ำยใจไทยฯ ได้มีทีทำ่ กำรถำวรแล้ว ทีถนนศรีอออยุธยำ ข้ำงสถำนีต่ำรวจพญำไท ทีตึกนี้มีกำรเปิดจ่ำหน่ำยสินค้ำจำกผลิตภัณฑ์ของ มูลนิธิสำยใจไทยฯและมูลนิธิส่งเสริมศิลปำชีพพิเศษฯ ในวันและเวลำรำชกำร ด้วย นับวันมูลนิธิสำยใจไทยฯก็จะเติบโตและทวีรำยจ่ำยสูงขึ้นเรือยๆสมเด็จ พระเทพรัตนรำชสุดำฯ สยำมบรมรำชกุมำรี ในฐำนะองค์ประทำนมลู นิธฯิ จึงได้ ทรงพระวิตกและทรงพยำยำมหำรำยได้ ทุกวิถีทำงให้แก่มูลนิธฯิ อยู่เสมอ ทั้งที
๒๑ ก่ำลังทรงศึกษำอยู่น้ันไม่ว่ำใครจะจัดงำนหำเงินเพือมูลนิธิสำยใจไทยฯถ้ำเชิญ ๘๘ เสดจ็ พระรำชด่ำเนินแล้วถ้ำทรงว่ำงพอก็มกั ไมท่ รงขดั ข้อง จำกพระปรีชำสำมำรถ และพระกรณียกิจ อันดีเลิศเช่นนี้เอง จึงทรง ได้รับกำรสถำปนำพระอิสริยยศและพระอิสริยศักดิ์ เป็นสมเด็จพระเทพ รัตนรำชสุดำฯ เจ้ำฟ้ำมหำจักรีสิรินธรรัฐสีมำคณำกรปิยชำติสยำมบรมรำช กุมำรี ในวโรกำสวันเฉลิมพระชนมพรรษำพระบำทสมเด็จพระเจ้ำอยู่หัวเมือ วนั ที ๕ ธนั วำคม พ.ศ.๒๕๒๐ ดังทีประชำชนได้ทรำบอยแู่ ล้ว สมเดจ็ พระเทพรัตนรำชสุดำฯ สยำมบรมรำชกมุ ำรี ทรงมีพระรำชภำระ มำกยิงขึ้น ตำมวันและเวลำทีล่วงไป แต่ก็ทรงตั้งพระทยั ปฏิบัติพระรำชกิจอย่ำง เข้มแข็ง นอกจำกจะทรงด่ำรงต่ำแหน่งองค์ประธำนมูลนิธิสำยใจไทย ในพระ บรมรำชูปถัมภ์ พระบำทสมเด็จพระเจ้ำอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณำโปรดเกล้ำฯ ให้สมเด็จพระเทพรัตนรำชสุดำฯ สยำมบรมรำชกุมำรี ทรงด่ำรงต่ำแหน่งองค์ อุปนำยิกำผู้อ่ำนวยกำรสภำกำชำดไทย เมือวันที ๑๓ ธันวำคมพ.ศ. ๒๕๒๐ ด้วย สมเด็จพระเทพรตั นรำชสดุ ำฯ สยำมบรมรำชกุมำรี ทรงบริหำรงำน ของสภำกำชำดไทยด้วยควำมเอำพระทัยใส่เสดจ็ พระรำชด่ำเนินไปทรงร่วม ประชุมคณะกรรมกำรของสภำกำชำดอยู่เสมอและมีพระรำชดำ่ ริเพิมเติมใน กิจกำรของสภำกำชำดอยู่เนืองๆทรงชักน่ำให้สภำกำชำดมีบทบำทในกำร ชว่ ยเหลือ
๒๒ ประชำชนมำกขึ้น และได้เสด็จพระรำชด่ำเนินออกไปทรงชว่ ยเหลือประชำชน ๑๘ ด้วยพระองค์เอง เช่น เมือวนั ที ๒๑ สิงหำคม ๒๕๒๒ ได้เกิดอบุ ตั ิเหตรุ ถไฟชน กันทีบริเวณสถำนีรถไฟตลิงชนั กรุงเทพมหำนคร มีประชำชนเสียชวี ิตและ ได้รับบำดเจบ็ จำกอุบตั ิเหตคุ รั้งนีเ้ ปน็ จำ่ นวนมำก สมเดจ็ พระเทพรตั นรำชสุดำฯ สยำมบรมรำชกุมำรี ทรงห่วงใยรำษฎรเหล่ำนีอ้ ยำ่ งยิง จึงทรงน่ำเจ้ำหน้ำทีกอง บรรเทำทุกข์สภำกำชำดไทยไปเยยี มผไู้ ด้รบั บำดเจบ็ ซึงกำ่ ลงั รบั กำรรักษำใน โรงพยำบำลรถไฟ โรงพยำบำลต่ำรวจ โรงพยำบำลตำกสิน โรงพยำบำลศิริ รำชและโรงพยำบำลวชริ ะ จำ่ นวน ๔๑ รำยในวนั ที ๒๒ สิงหำคม พ.ศ.๒๕๒๒ และเมอื วนั ที ๑๔ สิงหำคม พ.ศ.๒๕๒๒ ได้เสดจ็ พระรำชดำ่ เนินทรงเยียมทหำร และรำษฎรอำ่ เภอวฒั นำนครและอ่ำเภออรญั ประเทศ จังหวัดปรำจีนบรุ ี ที อพยพหลบหนีมำจำกชำยแดน ซงึ ก่ำลงั มีภัยจำกกำรปะทะกันระหว่ำงทหำร กัมพูชำสองฝ่ำย รำษฎรเหล่ำนเี้ สียขวัญและหวำดผวำไมก่ ล้ำประกอบอำชพี ยัง ภมู ิล่ำเนำเดิมเพรำะบำงคร้ังก็มีกระสนุ ปืนตกเข้ำมำถึงเขตไทย บำงคร้ังกม็ ี ทหำรกมั พชู ำออกลำดตระเวนหำเสบียงอำหำรตำมชำยแดนรำษฎรจำ่ ต้อง โยกย้ำยถินฐำนเข้ำมำอยหู่ ่ำงจำกชำยแดนพอสมควรเพรำะไม่แน่ว่ำกำรปะทะ กนั น้ันจะล้ำ่ เข้ำมำในเขตไทยเมอื ใดสมเดจ็ พระเทพรัตนรำชสดุ ำฯ สยำมบรม รำชกมุ ำรี ได้เสดจ็ พระรำชด่ำเนินไปพระรำชทำนก่ำลงั ใจและพระรำชทำน เครืองอุปโภคบริโภคทีจ่ำเปน็ แก่รำษฎรผู้เดือดร้อนเหล่ำนน้ั นอกจำกน้ันยัง ทรงหว่ งใยในสวสั ดิภำพของเจ้ำหน้ำทีทกุ ฝำ่ ยทั้งเจ้ำหน้ำทีของกำชำดทีไป ปฏิบัติงำนชว่ ยเหลือรำษฎรผู้อพยพกับชำวกมั พูชำผลู้ ีภ้ ยั รวมท้ังทหำร ตำ่ รวจ และผปู้ ฏิบัติหน้ำทีอยู่ชำยแดน จึงได้เสดจ็ พระรำชด่ำเนินทรงเยียมสถำนี กำชำด หน่วยทหำรและตำ่ รวจในพ้นื ทจี ังหวดั นครรำชสีมำ และจังหวัด สรุ ินทร์
๒๓ เมือวันที ๑๕ กันยำยน พ.ศ.๒๕๕๗ เสด็จเปิดอำคำรเฉลิมพระ๑๘ เกียรติโรงพยำบำลลัยภูมิ และตอนบ่ำยในวันเดียวกันทรงพระกรุณำเสด็จเปิด ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบบ้ำนหนองแก อ่ำเภอแก้งคร้อ จังหวัด ชยั ภูมิ ๒๔ ๑๘
เมอื วันที ๓๐ มีนำคม ๒๕๖๐ ประเทศอินเดียทลู เกล้ำฯ ถวำยรำงวัล “ปัทมำภูษัณ” แด่สมเดจ็ พระเทพรตั นรำชสดุ ำฯ สยำมบรมรำชกุมำรี ทรงเปน็ บุคคลต่ำงชำติเพยี งคนเดียวทีได้รบั รำงวัลนี้ ทั้งนี้ นำยปรำนับ มูเคอร์ จี ประธำนำธิบดีอินเดีย เป็นผู้ถวำยรำงวลั ดงั กล่ำว เปน็ รำงวลั ในสำขำ วรรณกรรมและกำรศึกษำ เพอื เปน็ กำรเทิดพระเกยี รติในกำรทที รงเปน็ องค์ อุปถัมภ์กำรศึกษำภำษำสนั สกฤตและบำลี ซงึ สมเด็จพระเทพรัตนรำชสุดำฯ สยำมบรมรำชกมุ ำรี ทรงเป็นองค์อปุ ถัมภ์ด้ำนนี้ ช่วยให้เกดิ กำรอนุรกั ษ์และกำร ส่งเสริมมรดกทำงวัฒนธรรมร่วมกนั ระหว่ำงสองประเทศ ๒๕ ตลอดเวลำทีได้โดยเสดจ็ พระบำทสมเดจ็ พระเจ้ำอยหู่ ัวและสมเด็จพระ๘๘ นำงเจ้ำฯพระบรมรำชนิ ีนำถ ไปทรงเยียมรำษฎรทวั ประเทศน้ันสมเด็จพระเทพ รัตนรำชสดุ ำฯสยำมบรมรำชกมุ ำรีจะทรงบนั ทึกข้อมูลต่ำงๆถวำย พระบำทสมเด็จพระเจ้ำอยหู่ วั ประดุจรำชเลขำนกุ ำรในพระองค์เพอื พระบำทสมเด็จพระเจ้ำอยหู่ วั จะได้ทรงใช้ประกอบพระวิจำรณญำณในกำร ชว่ ยเหลือประชำชนโดยเฉพำะอยำ่ งยิงทำงด้ำนกำรชลประทำน และแหล่ง ทรพั ยำกรธรรมชำติในประเทศไทยด้วยเหตนุ ี้สมเด็จพระเทพรตั นรำชสุดำฯ
สยำมบรมรำชกุมำรี จึงทรงตดั สินพระทัย เข้ำร่วมกำรอบรมวิทยำกำร สมยั ใหมด่ ้ำนกำรศึกษำข้อมูลระยะไกลทีศนู ย์ศึกษำข้อมูลระยะไกล (ASIAN INSTITUTE OF TECHNOLOGY CENTER ) สถำบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (ASIAN INSTITUTE OF TECHNOLOGY) หรือทีเรียกกันทัวไปว่ำ สถำบนั เอ.ไอ.ที (A.I.T.) เมอื เดือนมถิ ุนำยนพ.ศ.๒๕๒๗ หลกั สตู รทีทรงศึกษำนั้นประกอบไป ด้วยภำคทฤษฎีมีกำรศึกษำข้อมลู จำกระยะไกลเกยี วกับระบบคลืน แม่เหล็กไฟฟำ้ ระบบเครืองมือบนั ทึกข้อมูลระบบเครืองมือวิเครำะห์ข้อมลู ทฤษฎี กำรวเิ ครำะห์ข้อมูลด้วยสำยตำและคอมพวิ เตอร์ภำคปฏิบัติมีกำรวิเครำะห์ ข้อมลู ด้วยสำยตำในห้องปฏิบัติกำรและวิเครำะห์ด้วยคอมพวิ เตอร์นอกจำกน้ัน ยงั มีภำคสนำม คืออำกำรออกไปสนำมเพือรวบรวมข้อมูลและศึกษำ ควำมสมั พันธ์ระหว่ำงข้อมลู ภำพถ่ำย ข้อมูลคอมพิวเตอร์และสิงทีปรำกฏจริง บนภำคพนื้ ดิน ๒๖ ๕๘
ห้องสมุดในทัศนะของขา้ พเจา้ ในมิงมงคลสมยั ทีสมเด็จพระเทพรัตนรำชสุดำฯสยำมบรมรำชกุมำรี ทรงเจริญพระชนมำยุ ๓๖ พรรษำเมอื ปีพุทธศักรำช ๒๕๓๔ กระทรวงศึกษำธิกำรได้รับพระรำชทำนพระรำชำนุญำตให้ดำ่ เนิน โครงกำรจดั ต้ังห้องสมดุ ประชำชน“เฉลิมรำชกมุ ำรี” เพอื เฉลิมพระเกยี รติและ เพอื สนองแนวทำงพระรำชด่ำริในกำรส่งเสริมกำรศึกษำสำ่ หรบั ประชำชนทีได้ ทรงแสดงในโอกำสต่ำง ๆ ในโอกำสทีทรงมีพระมหำกรณุ ำธิคณุ เสด็จเป็นองค์ประธำนใน กำรประชมุ สมชั ชำสำกลว่ำด้วยกำรศึกษำผใู้ หญเ่ มอื วนั ที๑๒ มกรำคม ๒๕๓๓ ได้ทรงพระรำชทำนลำยพระหตั ถ์ เชิญชวน และในบทพระรำชนิพนธ์เรือง “ห้องสมุดในทัศนะของข้ำพเจ้ำ” ได้ทรงกล่ำวว่ำ “...ควำมรู้ของมนุษย์เป็นมรดกทีตกทอดกันมำแต่โบรำณ เมอื มกี ำรประดิษฐ์ คดิ คน้ อกั ษรขนึ้ ผมู้ ีควำมรู้ก็ได้บันทึกควำมรู้ของตน สิงทีตนคน้ พบเปน็ กำรจำรึกหรือ เป็นหนงั สอื ทำ่ ให้บุคคลอืนในสมยั เดียวกนั หรืออนชุ นรุ่นหลงั ได้มีโอกำสศึกษำทรำบถึง เรืองนนั้ และได้ ใช้ควำมรู้เกำ่ ๆ เปน็ พ้ืนฐำนทีจะหำประสบกำรณ์คดิ คน้ สิงใหม่ ๆทีเปน็ ควำมก้ำวหน้ำ เปน็ ควำมเจริญสืบต่อไป...”
๒๗ ๘๘ รปู ภำพเตม็ หอ้ งสมดุ ประชำชน “ เฉลิมรำชกมุ ำรี” จงั หวัดชยั ภูมิ ๒๘ ๘๘
หอ้ งสมุดประชำชน “เฉลมิ รำชกุมำรี” จงั หวดั ชยั ภมู ิ ห้องสมุดประชาชน “เฉลิมราชกุมารี” จังหวดั ชยั ภูมิ ได้รับพระราชทาน พระราชานญุ าตให้ห้องสมุดประชาชน “เฉลิมราชกุมารี” จังหวัดชัยภูมิ เข้าร่วมโครงการจัดตั้งห้องสมดุ ประชาชน “เฉลิมราชกมุ ารี” เพิ่มเติม เปน็ ลาดบั ที่ ๑๐๗ ตั้งอยบู่ นทีด่ ิน ณ บริเวณสานกั งาน กศน. จงั หวดั ชัยภูมิ ถนน องค์การบริหารส่วนจงั หวัดฯ สาย ๑ ตาบลในเมอื ง อาเภอเมือง จงั หวัดชัยภมู ิ ได้รบั เมตตาจากหลวงพ่อสายทอง เตชะธัมโม เจ้าอาวาสวดั เฉลิมพระเกยี รติ (วดั ป่าห้วยกุ่ม) ตาบลหนองโพนงาม อาเภอเกษตรสมบรู ณ์ จงั หวดั ชยั ภูมิ รบั เป็นเจ้าภาพทอดผา้ ป่าการกศุ ลเพื่อหางบประมาณก่อสร้างอาคารห้องสมุด ประชาชน “เฉลิมราชกมุ ารี” จงั หวัดชัยภูมิ รวมทั้งได้มีเมตตา นาพน่ี ้องผมู้ ีจติ ศรทั ธาก่อสร้างอาคารห้องสมดุ ประชาชน “เฉลิมราชกุมารี” จงั หวดั ชยั ภูมิ จนสาเรจ็ เรียบร้อย ในวันที่ ๒๗ ตลุ าคม ๒๕๕๘ คณะกรรมการดาเนินการกอ่ สร้างได้เข้า เฝ้าสมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกุมารี ขอพระราชทานพระ ราชวโรกาสเข้าเฝ้าทลู ละอองพระบาท ทูลเกล้าฯ ถวายแผ่นศิลาฤกษ์เพอ่ื ทรง ทรงเจิมและทรงพระสุหร่าย เพอื่ เป็นสิริมงคลในการกอ่ สร้างห้องสมุด ประชาชน“เฉลิมราชกมุ ารี”จงั หวัดชัยภูมิ วันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ จัดพิธีวางศิลาฤกษ์ โดยคุณสาเริง เอี่ยมสะอาด รองราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเทพ รัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมเสด็จเปิดอย่าง เป็นทางการในวันที่ ๔ พฤษภาคม ๒๕๖๐
๒๙ ๘๘ สมเดจ็ พระเทพรตั นรำชสดุ ำฯ สยำมบรมรำชกุมำรี ทรงพระสุหร่ำยและทรงเจิมแผ่นศิลำฤกษ์ ในวนั ที่ ๒๗ตุลำคม ๒๕๕๘ เวลำ ๐๙.๐๐ น. ณ หอ้ งสมดุ ประชำชน “เฉลิมรำชกมุ ำรี” อำเภอหนองกี่ จงั หวดั บรุ ีรมั ย์ ภำพที่ ๑ ทรงพระสุหรำ่ ยและทรงเจิมแผ่นศิลำฤกษ์
๓๐ พิธีวำงศิลำฤกษ์ หอ้ งสมดุ ประชำชน “เฉลิมรำชกมุ ำรี”จงั หวดั ชยั ภูมิ ๒๕ วันที่ ๑๙ เดอื น พฤศจิกำยน พ.ศ. ๒๕๕๘ ภำพที่ ๒ พธิ ีวำงศิลำฤกษห์ ้องสมุดประชำชน “เฉลิมรำชกมุ ำรี” จังหวดั ชยั ภมู ิ ภำพที่ ๓ พธิ ีวำงศิลำฤกษ์ ห้องสมดุ ประชำชน “เฉลิมรำชกุมำรี”จงั หวัดชยั ภมู ิ
ประมวลภำพกำรกอ่ สรำ้ งห้องสมุดประชำชน ๓๑ “เฉลิมรำชกมุ ำรี” จงั หวัดชยั ภูมิ ๒๕ ภำพที่ ๔ ตอกเสำเข็มในกำรกอ่ สรำ้ งห้องสมุดประชำชน“เฉลิมรำชกมุ ำรี” จงั หวัดชยั ภูมิ ภำพที่ ๕ กำรก่อสรำ้ งห้องสมดุ ประชำชน “เฉลิมรำชกุมำรี” จงั หวัดชยั ภมู ิ
ประมวลภำพกำรก่อสร้ำงหอ้ งสมดุ ประชำชน ๓๒ “เฉลิมรำชกมุ ำรี” จงั หวัดชยั ภูมิ ๒๕ ภำพที่ ๖ กำรก่อสรำ้ งหอ้ งสมดุ ประชำชน “เฉลิมรำชกุมำรี” จงั หวดั ชัยภูมิ ภำพที่ ๗ กำรกอ่ สรำ้ งห้องสมุดประชำชน “เฉลิมรำชกมุ ำรี” จังหวดั ชัยภูมิ
ประมวลภำพกำรกอ่ สร้ำงหอ้ งสมุดประชำชน ๓๓ “เฉลิมรำชกุมำรี” จังหวัดชัยภูมิ ๘๘ ภำพที่ ๘ กำรก่อสรำ้ งหอ้ งสมดุ ประชำชน “เฉลิมรำชกุมำรี” จังหวดั ชยั ภูมิ ภำพที่ ๙ กำรกอ่ สร้ำงหอ้ งสมุดประชำชน “เฉลิมรำชกมุ ำรี” จังหวัดชัยภูมิ
ประมวลภำพกำรก่อสรำ้ งหอ้ งสมดุ ประชำชน ๓๔ “เฉลิมรำชกุมำรี” จงั หวัดชยั ภูมิ ๕๘ ประมวลภำพกำรก่อสร้ำงหอ้ งสมดุ ประชำชน ประมวลภำพกำรกอ่ สรำ้ งห้องสมุดประชำชน “เฉลิมรำชกุมำรี” จงั หวดั ชัยภูมิ ภำพที่ ๑๐ กำรก่อสร้ำงหอ้ งสมดุ ประชำชน “เฉลิมรำชกุมำรี” จงั หวดั ชัยภูมิ ภำพที่ ๑๑ ภำพห้องสมดุ ประชำชน “เฉลิมรำชกุมำรี” จังหวดั ชยั ภูมิ ทีเ่ สร็จสมบรู ณ์
กำรแบ่งสว่ นต่ำง ๆ ภำยใน ๓๕ ๘๘ หอ้ งสมุดประชำชน “เฉลิมรำชกมุ ำรี” จงั หวัดชยั ภูมิ ๑๒ ภำพห้องเฉลิมพระเกียรติ ๑๓ ภำพห้องฉำยภำพยนตร์เฉลิมพระเกียรติ
๓๖ ๘๘ ภำพที่ ๑๔ ภำพห้องชยั ภมู ิ ภำพที่ ๑๕ ภำพหอ้ งชัยภมู ิ
๓๗ ๕๘ ภำพที่ ๑๖ ภำพห้องพุทธศำสตร์ ภำพที่ ๑๗ ภำพมุมสื่อเทคโนโลยีที่ทันสมยั
๓๘ ๘๘ ภำพที่ ๑๘ ภำพมุมสร้ำงสรรคก์ ำรเรยี นร้เู ดก็ เยำวชน ภำพที่ ๑๙ ภำพมุมหนงั สือท่ัวไป
๓๙ ๕๘ ชัยภมู ิ เมืองผ้กู ล้า พญาแล
ประวตั ิและควำมเปน็ มำจังหวัดชัยภูมิ ๔๐ ๕๘ สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี เมืองชัยภูมิปรากฏในทาเนียบแผ่นดิน สมเด็จพระนารายณม์ หาราชว่าเปน็ เมืองขึ้นกับเมอื งนครราชสีมา แต่ต่อมาผคู้ น ได้อพยพออกไปตั้งหลักแหล่งทามาหากินที่อื่น ปีพุทธศักราช ๒๓๖๐ “นาย แล”ข้าราชการสานักเจ้าอนวุ งศ์เมืองเวียงจันทร์ได้อพยพครอบครัวและบริวาร เดินทางข้ามลาน้าโขงมาต้ังถิ่นฐานอยทู่ ี่บ้านหนองน้าขุ่น (หนองอีจาน) ซึง่ อยใู่ น บริเวณท้องที่อาเภอสูงเนิน จงั หวดั นครราชสีมา ปัจจบุ นั ปีพทุ ธศกั ราช ๒๓๖๒ เมื่อมีคนอพยพเข้ามาอยู่มากขึ้น นายแลจึงได้ย้ายชุมชนมาตั้งใหม่ที่บ้านโนนน้า อ้อม บ้านชีลอง ห่างจากตัวเมืองชัยภูมิ ๖ กิโลเมตร นายแลได้เก็บส่วยผ้าขาว ส่งไปบรรณาการเจ้าอนุวงศ์จนได้รบั บาเหน็จความชอบแต่งตั้งเปน็ “ขุนภักดีชุม พล” ปีพุทธศักราช ๒๓๖๕ นายแลได้ย้ายชุมชนอีกคร้ังหนึ่ง เนือ่ งจากทีก่ ันดาร น้า มาต้ังใหม่ที่บริเวณบ้านหลวง ซ่ึงต้ังอยู่ระหว่างหนองปลาเฒ่า กับหนอง หลอด เขตอาเภอเมืองจังหวัดชัยภูมิปัจจุบัน และได้หันมาขึ้นตรงต่อเมือง นครราชสีมา และส่งส่วยทองคาถวายแด่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ไม่ยอมขึ้นต่อเจ้าอนุวงศ์เวียงจันทร์อีกต่อไป จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้ายก บ้านหลวงเปน็ เมอื งชยั ภูมิและแต่งต้ังขุนภกั ดีชมุ พล (แล) เปน็ “พระยาภักดี ชมุ พล” เจ้าเมอื งคนแรกต่อมาเจ้าอนุวงศ์เวียงจันทร์ได้ก่อการกบฏยกทัพเข้ามา หมายจะตีกรุงเทพมหานคร โดยหลอกหัวเมืองต่าง ๆ ที่เดินทัพมาว่าจะมาชว่ ย กรุงเทพมหานคร รบกับอังกฤษ จนกระทั้งเจ้าอนุวงศ์สามารถยึดเมือง นครราชสีมาได้เมื่อปี พุทธศักราช ๒๓๖๙ ซ่ึงตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จ พระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัว ครั้งต่อมาเมื่อความแตกเจ้าอนุวงศ์เวียงจันทร์ได้กวาด ต้อนชาวเมืองนครราชสีมาเพ่ือนาไปยังเมืองเวียงจันทร์เมื่อไปถึงทุ่งสัมฤทธิ์ หญิงชายชาวเมืองที่ถูกจับโดยการนาของคุณหญิงโม ภรรยาเจ้าเมือง นครราชสีมา ได้ลุกฮือขึ้นต่อสู่ พระยาภักดีชุมพล (แล) เจ้าเมืองชัยภูมิพร้อม
๔๑ ด้วยเจ้าเมอื งใกล้เคียงได้ยกทพั ออกไปสมทบกับคุณหญิงโม ตีกระหนาบทพั เจ้า๘๘ อนุวงศ์เวียงจันทร์จนแตกพ่ายไป ฝ่ายกองทัพลาวส่วนหนึ่งล่าถอยจากเมือง นครราชสีมา เข้ายึดเมืองชัยภูมิไว้ และเกลี้ยกล่อมให้พระยาภักดีชุมพล (แล) เข้าร่วมเป็นกบฏด้วย แต่พระยาภักดีชุมพลไม่ยอม เจ้าอนุวงศ์เวียงจันทร์เกิด ความแค้น จึงจับตัวพระยาภักดีชุมพลมาประหารชีวิต ที่บริเวณใต้ต้นมะขาม ใหญร่ ิมหนองปลาเฒ่า ซึ่งต่อมาชาวจงั หวัดชยั ภมู ิ ได้ระลึกถึงคณุ ความดีที่ท่าน มีความซ่ือสัตย์และเสียสละต่อแผ่นดิน จึงได้พร้อมใจกันสร้างศาลขึ้น ณ บริเวณน้ัน ปัจจุบันทางราชการได้สร้างศาลขึ้นใหม่เป็นศาลาทรงไทย ช่ือว่า “ศาลาพระยาภักดีชุมพล(แล)” มีรูปหล่อของท่านอยู่ภายในเป็นที่เคารพกราบ ไหว้ และถือเป็นปูชนียสถานศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่งของจังหวัด ตั้งห่างจากศาลา กลางจงั หวัดประมาณ ๓ กิโลเมตร ทต่ี ัง้ และอาณาเขต จังหวดั ชัยภมู ิต้ังอยู่ในภำคตะวันออกเฉียงเหนือบริเวณใจกลำง ของประเทศ เส้นรุ้งที ๑๕องศำ๐๕ ลิปดำ – ๑๖ องศำ ๔๕ ลิปดำเหนือ เส้นแวงที ๑๐๑ ๒๕ ลิปดำ – ๑๐๒ องศำ ๓๐ ลิปดำตะวนั ออก สงู จำก ระดบั น้ำ่ ทะเล ๖๓๑ ฟตุ ห่ำงจำกกรุงเทพมหำนครโดยทำงรถยนต์ ๓๔๒ กิโลเมตร พนื้ ทีของจงั หวดั รวมทั้งสนิ้ ประมำณ ๑๒,๗๗๘.๒๘๗ ตำรำงกิโลเมตร หรือ ๗,๙๘๖,๔๒๙.๓๗๕ ไร่ คดิ เปน็ ร้อยละ ๗.๖ ของ พ้นื ทที ้ังหมดของภำคตะวนั ออกเฉียงเหนือ และร้อยละ ๒.๕ ของพนื้ ทีท้ัง ประเทศ มีเนอื้ ทใี หญเ่ ป็นอันดับ ๓ ของภำค และใหญเ่ ป็นอันดับ ๘ ของประเทศ มีอำณำเขตติดต่อกบั จังหวัดใกล้เคยี ง ดังนี้
ทิศเหนือ ติดต่อกับ จังหวัดขอนแก่น และเพชรบูรณ์ ๔๒ ทิศตะวันออก ติดต่อกบั จังหวัดขอนแก่น และนครรำชสีมำ ๘๘ ทิศใต้ ติดต่อกบั จังหวดั นครรำชสีมำ ทิศตะวนั ตก ติดต่อกบั จังหวดั ลพบุรี และเพชรบรู ณ์ ลกั ษณะภูมิประเทศ จังหวัดชัยภูมิมีลักษณะภูมิประเทศเป็นที่ราบสูง บริเวณตอนกลางของ จังหวดั เป็นพืน้ ทีร่ าบ พ้ืนท่คี รึ่งหนึง่ ของจงั หวัด เป็นป่าไมแ้ ละภูเขา นอกจากน้ัน เป็นที่ราบสูง มีพ้ืนที่ป่าไม้และเทือกเขาตั้งเรียงรายจากทิศตะวันออก สู่ทิศ ตะวันตก ประกอบด้วย เทือกเขาสาคัญคือ ภูเขียว ภูแลนคา และเทือกเขาพัง เหย ด้วยลักษณะดังกล่าว จึงทาให้พ้ืนที่จังหวัด ถูกแบ่งเป็น ๒ ส่วน คือ ส่วน เหนือ มีอาเภอหนองบัวแดง อาเภอแก้งคร้อ อาเภอบ้านแท่น อาเภอเกษตร สมบูรณ์ อาเภอภูเขียว อาเภอคอนสาร และอาเภอภกั ดีชุมพล ส่วนใต้มีอาเภอ เมืองชัยภูมิ อาเภอบ้านเขว้า อาเภอจัตุรัส อาเภอบาเหน็จณรงค์อาเภอเทพ สถิต อาเภอหนองบัวระเหว อาเภอคอนสวรรค์ อาเภอเนินสง่า และอาเภอ ซบั ใหญ่
“สถานทีเ่ คารพศรัทธาชาว ๔๓ ๘๘ ชยั ภูมิ” อนุสาวรีย์พระยาภักดีชุมพล (แล) ชาวบ้านเรียกว่าอนุสาวรีย์เจ้าพอ่ พญา แล ต้ังโดดเด่นเป็นสงา่ อยกู่ ลางวงเวียนศูนย์ ราชการในตัวเมอื ง ชาวชัยภูมิได้ร่วมกนั สร้างขนึ้ เพื่อเป็นอนสุ รณแ์ ด่เจ้าพอ่ พญาแล เจ้าเมืองคน แรกของจงั หวัดชัยภมู ิ ศาลเจา้ พ่อพญาแล ศาลเจ้าพอ่ พญาแล ห่างจากตัวเมอื ง ประมาณ ๓ กิโลเมตร ตามเสน้ ทาง สาย ชัยภูมิ – บ้านเขว้า มแี ยกขวาเข้าสู่ หนองปลาเฒ่า เป็นทีส่ ถิตดวง วิญญาณของพระยาภักดีชุมพล (แล) และเปน็ ศูนย์กลางที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ ชาวเมอื งชัยภมู ิ ทุกปีจะมีงานสกั การะ ศาลเจ้าพอ่ ในชว่ งเดือน ๖ ก่อนวันวิ สาขบชู า และมีพธิ ีเซน่ ไหวร้ าผีฟ้าถวาย เจ้าพอ่ เปน็ ประจา
แหลง่ ทอ่ งเทย่ี วจังหวดั ชยั ภูมิ ๔๔ ๖๕ ปรางคก์ ู่ อาเภอเมือง จงั หวดั ชยั ภมู ิ “ปรางค์กู่” ต้ังอยทู่ ีบ่ ้าน หนองบัว ตาบลในเมอื ง “ปรางค์ กู่” เป็นปราสาทหินสมัยขอม ที่มี แผนผงั และลักษณะเช่นเดียวกบั ปราสาทอื่น ที่เป็นอโรคยาศาล หรือสถานพยาบาลที่สร้างขนึ้ ใน พทุ ธศตวรรษที่ ๑๘ น่ันคอื มีปรางค์ประธานอยตู่ รงกลาง ๑ องค์ วิหารหรือบรรณาลยั ด้านหน้า ๑ หลงั ล้อมรอบด้วย กาแพงศิลาแลง นอกกาแพงตรง มมุ ทิศตะวนั ออกเฉียงเหนือ มีสระ น้า ๑ สระ ปรางคป์ ระธานมีผงั เปน็ รูปสี่เหลีย่ มจตั รุ ัส ขนาด ๕ เมตร ย่อมุมไม้ สิบสอง ด้านหน้ามีประตู่เข้าออกทาเป็นมุขย่นื ออกมา ผนงั ปรางคอ์ ีก ๓ ด้าน เป็นประตูหลอก เหนือประตหู ลอกด้านทิศเหนือยังคงมีทบั หลงั ติดอยู่ จาหลกั ภาพตรงกลางเปน็ พระพทุ ธรูปประทบั น่ังปางสมาธิเหนือหน้ากาล ซึ่งจับท่อน พวงมาลัยไวด้ ้วยมือท้ังสองข้าง ด้านหน้ามีทบั หลงั เชน่ กนั แต่ลบเลือนไปมาก ท่ี ชอ่ งประตูหลอก ด้านทิศเหนือมีพระพทุ ธรูปศิลาปางสมาธิ ศิลปะแบบทวารวดี สูง ๑.๗๕ เมตร ประดิษฐานอยโู่ ดยเคลื่อนย้ายมาจากที่อ่นื ชาวชัยภูมิให้การ เคารพสกั การะ มีการจัดงานประจาปีในช่วงกลางเดือน ๕ ของทุกปี
๔๕ ใบเสมาบ้านกุดโง้งอาเภอ ๗๘ เมือง จงั หวัดชยั ภูมิ ใบเสมาบ้านกุดโง้ง เก็บรักษาอยู่ ภายในบริเวณโรงเรียนวัดกุดโง้ง ตาบล กุดตุ้ม ใบเสมาหินทรายศิลปะทวารวดี อายุราวพุทธศตวรรษที่ ๑๒-๑๕ ที่พบ เปน็ จานวนมากในบริเวณรอบ ๆ หมบู่ ้าน ได้ถูกนามารวบรวมไวใ้ นอาคารอยา่ งเป็น ระเบียบ ส่วนมากมีลกั ษณะเป็นแผน่ ใหญ่ ด้านหน้าจาหลักลายและบางแผ่นมีจารึกอยู่ที่ด้านหลังด้วย ลวดลายที่ปรากฏ เปน็ เรือ่ งราวทางพทุ ธศาสนา เล่มเรือ่ งชาดก ตอนต่าง ๆ หรือเป็นภาพรูปเคารพ เช่น ภาพพระโพธิสัตว์ประทับยืนบนดอกบัวภาพพระพุทธเจ้าประทับนั่งบน บัลลงั ก์ใต้ต้นโพธิ์ นับเป็นกลุ่มเสมาทีส่ วยงามแห่งหนึง่ ในอีสาน พระธำตุหนองสำมหมื่น พระธาตุหนองสามหมื่น เป็นโบราณสถานที่มีความสาคัญและน่าสนใจ มากแห่งหนึ่งของชัยภูมิ ตั้งอยู่ที่บ้านแก้ง จากตัวเมืองชัยภูมิเดินทางไปตามทาง หลวงหมายเลข ๒๐๑ ผ่านอาเภอภูเขียว ไปจนถึงบ้านหนองสองห้อง ระยะทาง ประมาณ ๘๐ กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายเข้า ทางหลวงหมายเลข ๒๐๕๕ อีก ๙ กิโลเมตรถึงบ้านแก้งและแยกซ้าย ไปวัด พ ร ะ ธ า ตุ ห น อ ง ส า ม ห มื่ น อี ก
๔๖ ประมาณ ๕ กิโลเมตร พระธาตุหนองสามหมื่น เรียกช่ือตามหนองน้า ซ่ึงอ๘ย๘ู่ ออกไปทางทิศตะวันตกเฉยี งเหนือของวดั เป็นพระธาตทุ ี่มีลกั ษณะสวยงาม และ สมบูรณ์ ที่สุดองค์หนึ่ง ไม่ปรากฏหลักฐานว่าสร้างขึ้นเมื่อใด แต่จากลักษณะ ทางด้านสถาปัตยกรรม และศิลปกรรมที่ปรากฏเกิดจากการผสมผสานกัน ระหว่างศิลปะล้านนา ล้านช้าง และอยุธยา สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นราวพุทธ ศตวรรษที่ ๒๑-๒๒ ในสมยั พระไชยเชษฐาธิราชแห่งราชอาณาจักร ถำแกว้ “ถ้าแก้ว” ตั้งอยภู่ ายใน บริเวณวัดถ้าแก้ว ลกั ษณะของถ้า คล้ายห้องโถงลึกเข้าไปในภเู ขา บรรยากาศเยน็ และช้ืนตลอดเวลา มีไฟฟ้าให้แสงสวา่ งภายในถ้า จากปากถ้ามีทางเดินลงลึกไปถึง ด้านล่าง ซึง่ มีพระพุทธรปู ประดิษฐานอยู่ และมีหนิ ย้อยอยู่ ตามผนงั ถ้า เมือ่ ต้องแสดงเกิด เป็นประกายแวววาวสายงาม การเดินทาจากอาเภอภักดีชมุ พล ไปทางทิศเหนือ ๙ กิโลเมตร ตามทางหลวง ๒๓๕๙ ถึงบ้านซับเจริญ มีทาง เลยี้ งซ้ายไปอีก ๕ กิโลเมตร
๔๗ ๙๘ วัดศลิ ำอำสน์ ภูพระ วดั ศิลาอาสน์ ภูพระ ต้ังอยทู่ ี่บ้านนาไกเ่ ซา ตาบลนา เสียว ภายในบริเวณวัดมีเพิงผา หิน ซง่ึ มีภาพจาหลกั กลุ่ม พระพทุ ธรูป อันเป็นทีม่ าของชื่อ ภพู ระ และเป็นทีเ่ คารพสักการะ ของชาวบ้านมาชา้ นานปัจจุบนั มี การสร้างหลงั คาครอบไว้ ประกอบด้วยพระพทุ ธรูปองค์ใหญ่ประทับนัง่ ขัดสมาธิ หน้าตกั กว้าง ๕ ฟุต สูง ๗ ฟตุ พระหัตถ์ขวาวางอยู่ที่พระเพลา พระหัตถ์ซ้ายพาดอยทู่ ี่ พระชงฆ์ (พระหตั ถ์อยู่ในท่าตรงข้ามกับปางมารวิชัย) เรียกกนั ว่า พระเจ้าตือ้ มีพระพทุ ธรูปหนิ ทราย ขนาดเล็กสงู ๗ นิว้ ลกั ษณะเดียวกันอีก ๑ องค์ ตั้งวางอยู่ด้านหน้า ใกล้กนั มีพระพุทธรูปอีก ๗ องค์ จาหลกั รอบเสาหินทราย ประทับนง่ั เรียงแถว ปางสมาธิ ๕ องค์ ปางเดียวกับพระเจ้าตอื้ ๒ องค์ พระพุทธรูปเหล่านี้ มีพทุ ธลักษณะเป็นแบบพระพุทธรูปอู่ทอง มีอายุอยู่ ระหว่างพุทธศตวรรษที่ ๑๘-๑๙ ร่วมสมยั อยุธยาตอนต้น ทุกปีมีงานนมัสการ พระพทุ ธรปู ที่ภพู ระปีละ ๒ ครั้ง ๆ ละ ๓ วัน ในชว่ งวนั ขึ้น ๑ ค่า เดอื น ๓ และ วันขึ้น ๑๓ คา่ เดือน ๕ ซ่งึ มีประเพณกี ารราผีฟ้า เพ่อื บวงสรวงในงานเทศกาล ชว่ งเดือนเมษายนของทุกปี
พระธาตุกุดจอก ๔๘ ๕๐ พระธาตุกดุ จอก ตั้งอยทู่ ี่ บ้านยางน้อย ตาบลบ้านยาง อาเภอเกษตรสมบูรณ์ ประกอบด้วยเจดีย์ก่ออิฐ ๒ องค์ องค์แรกมีเรือนธาตกุ ลวง ภายใน มีพระพุทธรปู หนิ ปูนขนาดใหญ่ และพระพทุ ธรปู หนิ ทรายปาง มารวชิ ัย องคท์ ี่สอง เป็นธาตุรปู สอบปลายแหลมคล้ายพระธาตพุ นม ธาตุเจดีย์องคน์ ี้ มีฐานสูงประมาณ ๕ ชน้ั เปน็ มขุ ย่นื และเปน็ มุมสวยงาม ลักษณะของธาตุท้ังสององคเ์ ป็น สถาปตั ยกรรมแบบลาว มอี ายุอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ ๑๙ – ๒๐ ปัจจุบนั มี สานักสงฆ์อยู่บริเวณพระธาตุ พระธาตุกุดจอก อยหู่ ่างจากอาเภอเกษตร สมบรู ณ์ประมาณ ๓ กิโลเมตร และอยหู่ ่างจากเมืองชัยภมู ิประมาณ ๗๘ กิโลเมตร
๔๙ พระพุทธรปู ใหญส่ มัยทวำรวดี ๕๑ พระพทุ ธรูปใหญ่สมยั ทวารวดี อยู่ที่ วัดคอนสวรรค์ ห่างจากตัวอาเภอคอน สวรรค์ไปทางทิศตะวันออก ๕ กิโลเมตร เป็นพระพุทธรูปหนิ แกะสลักองค์ใหญ่ศิลป ทวารวดี สงู ประมาณ ๓ เมตร ชาวบ้าน เรียกว่า “หลวงพ่อใหญ”่ ประดิษฐานใน วิหารหลงั เล็กๆ ให้ผู้คนไดส้ กั การะ มีใบเสมาหินทรายขนาดใหญ่ จาหลักภาพชาดก เกบ็ รักษาอยดู่ ้วยหลายช้ิน รวมทั้งจารึกอักษรมอญ ศตวรรษที่ ๑๔ ด้านนอกยังมีเสมาท้ังที่มีและไมม่ ี ลวดลายวางเรียงรายอยอู่ ีกจานวนมาก อทุ ยานแห่งชาติตาดโตน น้าตกตาดโตน เป็นแหล่ง ท่องเที่ยวที่สาคัญของจังหวัดชัยภูมิ ต้ังอยู่ในอุทยานแห่งชาติตาดโตน มี น้าไหลตลอดปี เหมาะที่จะนั่งพกั ผอ่ น ชมธรรมชาติและเล่นน้า อยู่ห่างจาก ตัวเมืองจังหวัดชัยภูมิไปทางทิศเหนือ ๒๑ กิโลเมตร
Search