Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore จัดทำสื่อการเรียนการสอนออนไลน์

จัดทำสื่อการเรียนการสอนออนไลน์

Published by chonthioha_bum, 2020-05-20 09:57:23

Description: ครั้งที่ 3 สาระทักษะการดำเนินชีวิต
รายวิชา สุขศึกษา พลศึกษา รหัส ทช11002 ระดับประถมศึกษา
ภาคเรียนที 1 ปีการศึกษา 2563
เรื่อง โรคติดต่อ ยาสามัญประจำบ้าน สารเสพติด

Search

Read the Text Version

กศน.อาเภอคาเขอ่ื นแกว้ สงั กัดสานกั งาน กศน.จังหวดั ยโสธร “จดั ทาสอ่ื การเรียนการสอนออนไลน์” ผ่านระบบ E-BOOK เอกสารน้ใี ช้สาหรับประกอบการเรยี นการสอนเท่านนั้

ครัง้ ที่ 3 สาระทักษะการดาเนนิ ชีวิต รายวิชา สุขศึกษา พลศึกษา รหัส ทช11002 ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที 1 ปีการศกึ ษา 2563 เอกสารนใี้ ช้สาหรับประกอบการเรยี นการสอนเทา่ นน้ั

ใบความรทู้ ่ี 1 เร่อื ง โรคตดิ ต่อ ยาสามญั ประจาบา้ น สารเสพตดิ เอกสารนใ้ี ช้สาหรับประกอบการเรียนการสอนเทา่ นน้ั

โรคตดิ ตอ่ อนั ตราย คอื อะไร? โรคตดิ ตอ่ อนั ตราย คือ โรคติดต่อทม่ี คี วามรุนแรงสงู สามารถแพร่ไปยัง ผอู้ น่ื ได้อยา่ งรวดเรว็ โดยตามพระราชบัญญตั โิ รคติดต่อ พ.ศ.2558 ระบโุ รคตดิ ตอ่ ไว้ ดังน้ี 1. กาฬโรค (Plague) โรคตดิ ต่อทีม่ พี าหะมาจากหมัดของสัตวฟ์ นั แทะจาพวก หนู กระรอก กระแต กระต่าย ทีเ่ มอื่ เกิดการติดเช้อื จากการท่โี ดนหมัดกัด จะทาให้ เกิดอาการอกั เสบ บวม โดยเฉพาะบรเิ วณขาหนบี รักแร้ ทาใหม้ ีไข้สูง หนาวสัน่ ปวด ศีรษะ ตอ่ มน้าเหลอื งโต และเช้ืออาจจะลุกลามเข้าส่กู ระแสเลือด ทาให้เสี่ยงติดเชื้อใน กระแสเลือดรุนแรง จนหวั ใจวาย และอาจเสยี ชวี ิต เอกสารนี้ใช้สาหรับประกอบการเรยี นการสอนเท่านนั้

2. ไข้ทรพษิ หรือฝดี าษ (Smallpox) โรคน้จี ะมตี มุ่ ขนึ้ ตามผวิ หนังทั่วร่างกาย และหากตมุ่ เหล่านี้แตกก็จะทาใหต้ ิดต่อกันได้ผ่านระบบทางเดินหายใจ และการสมั ผสั ทางผิวหนัง ปจั จุบันยงั ไมม่ ยี าท่สี ามารถรักษาโรคนี้ แต่สามารถปอ้ งกันโรคนีไ้ ด้ดว้ ยการ ฉีดวคั ซีน หรอื ท่เี รียกวา่ การปลกู ฝี เอกสารนี้ใช้สาหรับประกอบการเรียนการสอนเทา่ นนั้

3. ไขเ้ ลอื ดออกไครเมยี นคองโก (Crimean – Congo hemorrhagic fever) ไข้เลือดออกชนดิ นีม้ จี ุดกาเนดิ อยทู่ ี่แหลมไครเมียและในคองโก และยงั พบการระบาด ในแถบแอฟริกา แถบคาบสมุทรบอลข่าน ตะวันออกกลาง และเอเชยี โดยมพี าหะเปน็ แมลงท่ีมีเชอ้ื ไนโรไวรสั (Nairovirus) ซ่งึ หากได้รับเชื้อนี้เข้าสูร่ า่ งกาย จะมอี าการปว่ ย ท่ีเฉียบพลันและรนุ แรง มไี ข้ ปวดกล้ามเนื้อ มึนงง ปวดคอร่วมกบั คอแขง็ ปวดศีรษะ ใบหน้าแดง กลัวแสง และบางรายอาจพบอาการคลืน่ ไส้ อาเจยี น ท้องร่วง ปวดท้อง อารมณ์แปรปรวน สบั สน ก้าวรา้ ว มีเลอื ดออกในกระเพาะอาหาร ปสั สาวะเปน็ เลอื ด หรือมีเลือดออกจากเหงือก และอาจพบภาวะตับอกั เสบร่วมดว้ ย เอกสารนี้ใช้สาหรับประกอบการเรยี นการสอนเท่านนั้

4. ไข้เวสต์ไนล์ (West Nile Fever) ไขเ้ วสตไ์ นล์เป็นโรคตดิ ต่อท่ีมยี ุงเป็นพาหะ แล้วนาเชอ้ื ไวรสั เวสตไ์ นล์มาติดต่อสคู่ น พบได้ท่วั ไปในแอฟรกิ า เอเชยี ตะวนั ตก ตะวนั ออกกลาง ยโุ รป และหากติดเช้ือนเ้ี ขา้ ไปจะมอี าการไข้ ปวดศรี ษะ หนาวสน่ั มีเหงอ่ื ออก มีผื่นที่ผวิ หนงั อ่อนเพลยี ต่อมนา้ เหลอื งอักเสบ ซมึ ปวดขอ้ และมีอาการ คลา้ ยไขห้ วัดใหญ่ หรอื ถา้ มีอาการรนุ แรง จะมีอาการสมองอักเสบ หรือเยอื่ หุ้มสมอง อกั เสบได้ 5. ไข้เหลือง (Yellow Fever) เป็นอกี หน่งึ โรคท่มี ียงุ เป็นพาหะ และเกิดจากเช้อื ไวรสั ที่ทาใหเ้ กิดอาการตวั เหลอื งหรอื ดซี า่ น รว่ มกับอาการไข้สงู ชีพจรเต้นชา้ ผิดปกติ ปวดกลา้ มเนอ้ื รว่ มกบั ปวดหลัง ปวดศรี ษะ หนาวส่ัน เบือ่ อาหาร ต่อมาจะมีอาการ เลือดออกปาก ออกจมูก ตา กระเพาะอาหาร ทาให้เกิดอาการอาเจยี นและถ่ายเป็น เลือด จนถึงไตวาย เอกสารนีใ้ ช้สาหรับประกอบการเรียนการสอนเทา่ นนั้

6. โรคไขล้ าสซา (Lassa fever) ไขล้ าสซาเป็นไข้เลอื ดออกที่มหี นเู ป็นพาหะ ตดิ ต่อ ไดจ้ ากการสัมผสั ละอองฝอยลมหายใจ หรืออุจจาระของหนทู ่ตี ดิ เชอื้ อาการแสดงจะ คล้ายๆ อาการโรคไข้เลือดออก คอื มีไข้ ปวดศีรษะ เจ็บคอ ไอ อาเจียน ท้องรว่ ง เจบ็ หน้าอก และเปน็ หนอง หากอาการหนักจะมีเลอื ดออก ชอ็ ก และมีภาวะเกลด็ เลือด ลดลงผิดปกติ เอกสารนี้ใช้สาหรบั ประกอบการเรยี นการสอนเทา่ นน้ั

7. โรคติดเชอ้ื ไวรสั นิปาห์ (Nipah virus disease) เปน็ โรคติดต่อทรี่ ะบาดคร้งั แรกในหมบู่ า้ นสุไหงนิปาห์ ประเทศมาเลเซยี มพี าหะจากสตั ว์อยา่ ง คา้ งคาวผลไม้ สกุ ร มา้ แมว แพะ หรอื แกะ โดยเชอ้ื ตัวน้ีจะก่อใหเ้ กิดการติดเช้อื อย่างรนุ แรงในทางเดนิ ระบบหายใจ เกิดภาวะสมองอักเสบ เส่ียงตอ่ การเสยี ชีวิตได้ เอกสารน้ใี ช้สาหรบั ประกอบการเรียนการสอนเทา่ นน้ั

8. โรคติดเชือ้ ไวรัสมารบ์ วรก์ (Marburg virus disease) เป็นหน่งึ ในโรค ไขเ้ ลือดออกท่มี ีตน้ เชอ้ื มาจากลิงและคา้ งคาว มักจะระบาดหนกั ในแถบอูกันดา โดยเชอ้ื นอ้ี าจมีความรนุ แรงกวา่ เชือ้ อีโบลา อาการแสดงคือ มีไข้สงู เฉียบพลัน อ่อนเพลีย ปวด กลา้ มเน้ือ ปวดศรี ษะมาก ตามมาด้วยอาการเจบ็ คอ ท้องเสีย มผี ื่นนนู แดงตามตวั และมี อาการเลือดออกง่าย ซึ่งมักเกิดร่วมกับภาวะตับถกู ทาลาย ไตวาย ชอ็ ก และเส่ยี งตอ่ การ เสยี ชวี ิตมาก 9. โรคตดิ เชื้อไวรสั อีโบลา (Ebola virus disease - EVD) โรคอโี บลามสี าเหตุ มาจากเช้อื ไวรสั อีโบลา โดยมีแหลง่ รงั โรคอยใู่ นลิงปา่ และคา้ งคาวกินผลไม้ สว่ นการ แพร่ระบาดของเชอื้ อีโบลานัน้ จะตดิ จากคนสคู่ นโดยการสัมผัสสารคัดหล่งั เชน่ นา้ มูก น้าลาย และการปนเปื้อนในห้องปฏิบัติการ โรคนี้มีความรุนแรงค่อนข้างมาก และยัง แพรก่ ระจายได้รวดเร็ว เอกสารนี้ใช้สาหรับประกอบการเรยี นการสอนเทา่ นน้ั

9. โรคตดิ เชอ้ื ไวรัสอโี บลา (Ebola virus disease - EVD) โรคอโี บลามสี าเหตุ มาจากเชอ้ื ไวรัสอโี บลา โดยมแี หล่งรงั โรคอย่ใู นลิงป่าและคา้ งคาวกนิ ผลไม้ ส่วนการ แพรร่ ะบาดของเชอ้ื อีโบลาน้นั จะติดจากคนสู่คนโดยการสมั ผัสสารคดั หล่ัง เชน่ นา้ มกู นา้ ลาย และการปนเปือ้ นในหอ้ งปฏิบตั กิ าร โรคน้มี ีความรุนแรงคอ่ นข้างมาก และยงั แพรก่ ระจายไดร้ วดเรว็ 10. โรคตดิ เชื้อไวรัสเฮนดรา (Hendra virus disease) มีแหลง่ กาเนิดเชื้อจาก ม้าและคา้ งคาวกินผลไม้ โดยอาการของโรคน้ีจะเรม่ิ จากมไี ข้สูง ปวดศรี ษะ เจ็บคอ วิงเวยี น ซมึ สบั สน และมักจะพบอาการปอดอักเสบ ในรายที่มีอาการรนุ แรง อาจมี ภาวะระบบทางเดนิ หายใจลม้ เหลว เสี่ยงตอ่ การเสียชวี ิตได้ เอกสารนใี้ ช้สาหรบั ประกอบการเรยี นการสอนเท่านนั้

11. โรคซาร์ส (Severe Acute Respiratory Syndrome - SARS) โรคซาร์สหรอื โรคทางเดินหายใจเฉียบพลนั รุนแรง มสี าเหตมุ าจากเชอื้ ไวรสั ซาร์ส สามารถแพร่กระจายจากคนสคู่ นไดผ้ ่านสารคดั หลัง่ ของผู้ตดิ เชอ้ื อาการท่ีสามารถ สังเกตไดค้ ือ ครัน่ เน้ือคร่นั ตวั ปวดกล้ามเนือ้ ไอ หายใจลาบาก ทอ้ งเสีย (ในบางราย) ปอดอักเสบ และอาจเสยี ชีวิตได้ 12. โรคเมอร์ส (Middle East Respiratory Syndrome - MERS) โรคเมอรส์ กเ็ กดิ จากโคโรนาไวรัสเช่นเดยี วกัน แตโ่ รคนีม้ ถี ่ินกาเนิดอย่ใู นประเทศแถบ ตะวันออกกลาง โดยมีอฐู และคา้ งคาวเป็นพาหะของโรค ดังน้ันชอื่ ของโรคเมอร์สอีกชื่อ หนงึ่ จงึ เรยี กกันว่า โรคทางเดินหายใจตะวนั ออกกลางน่ันเอง สว่ นอาการแสดงของโรค นจ้ี ะเริ่มจากอาการไข้ ไอ หอบ บางรายอาจมอี าการทอ้ งเสีย อาเจียน หรือถา้ เปน็ หนกั จะมภี าวะปอดอกั เสบ ระบบทางเดนิ หายใจล้มเหลว อวัยวะลม้ เหลว ไตวาย เส่ยี งต่อ การเสยี ชีวติ เอกสารน้ใี ช้สาหรับประกอบการเรียนการสอนเทา่ นนั้

13. วณั โรคดอ้ื ยาหลายขนานชนดิ รนุ แรงมาก (Extensively drug - resistant tuberculosis | XDR-TB) โรควณั โรคทมี่ ีการด้ือยา 4 ขนานรว่ มกนั ได้แก่ ไอโซไนอะซดิ (Isoniazid) ไรแฟมพซิ ิน (Rifampicin) กล่มุ ยาฟลูออโรควโิ น โลน (Fluoroquinolones) และกลมุ่ ยาทางเลอื กท่สี อง ที่เปน็ ยาชนิดฉีด (Second- line injectable drugs) ซ่ึงหมายความวา่ วัณโรคชนิดนีจ้ ะไมส่ ามารถใชย้ าดังกล่าว รกั ษาให้หายได้ ดังน้นั ผู้ป่วยมีโอกาสในการแพร่เช้ือไปสูค่ นอื่นๆ ได้ง่าย แถมตัวเองยัง มคี วามเสี่ยงที่อาการปว่ ยจะรุนแรงถึงขนั้ เสียชวี ติ ไดด้ ้วย 14. โรค COVID-19 (Coronavirus disease 2019) โรค COVID-19 เกดิ จากเชอื้ โคโรนาไวรัส สายพนั ธใ์ุ หม่ 2019 เชือ่ วา่ มีพาหะเปน็ ค้างคาว โดยโรคนจี้ ะ ก่อใหเ้ กิดโรคทางเดนิ หายใจอักเสบในคน และติดต่อกนั ได้ผา่ นการสัมผัสสารคดั หลัง่ ของผ้ปู ่วย อาการจะคล้ายๆ อาการของไขห้ วัด คือ มไี ขส้ งู ไอ จาม มีนา้ มกู เจ็บคอ แนน่ หน้าอก เหน่อื ยหอบ และหากมีอาการหนกั จะมภี าวะปอดบวม ปอดอกั เสบขน้ั รนุ แรง เส่ียงตอ่ การเสียชีวิตได้ เอกสารนใ้ี ช้สาหรบั ประกอบการเรยี นการสอนเท่านน้ั

สาระนา่ รโู้ รค COVID-19 เอกสารน้ีใช้สาหรบั ประกอบการเรียนการสอนเทา่ นน้ั

ยาสามญั ประจาบ้าน ยาสามัญประจาบา้ น คอื ยาทก่ี ระทรวงสาธารณสุขพจิ ารณาวา่ เปน็ ยาทเี่ หมาะสมสาหรับให้ประชาชนซ้ือไวป้ ระจาในบ้านของตนเอง เพ่ือใช้ในการ รักษาอาการเจ็บป่วยเลก็ ๆ น้อยๆ ท่อี าจจะเกิดข้ึนไดท้ ั่วไปในชวี ติ ประจาวัน ยาสามญั ประจาบ้านเปน็ ยาทมี่ ีความปลอดภัยสงู หากใชอ้ ย่างถูกตอ้ งกจ็ ะไมเ่ ป็น อนั ตรายแตอ่ ย่างใด นอกจากนี้ ยาสามญั ประจาบ้านยงั เปน็ ยาที่มรี าคาถกู ประชาชน ทั่วไปสามารถหาซือ้ ได้เองตามร้านขายยา หา้ ง ร้านขายของชาทว่ั ไป ปจั จบุ นั ยาสามัญ ประจาบ้านมที ั้งหมด 53 ชนิด นามาใช้รกั ษาโรคสามญั ได้ 16 กล่มุ ดงั นี้ เอกสารน้ีใช้สาหรับประกอบการเรียนการสอนเท่านนั้

ยาสามญั ทัง้ 16 กลุ่ม 1. กล่มุ ยาบรรเทาปวดลดไข้ 2. กลมุ่ ยาแกแ้ พ้ ลดนา้ มกู 3. กลุ่มยาแก้ไอ ขับเสมหะ 4. กลมุ่ ยาดม หรือยาทาแก้วงิ เวียน 5. กลมุ่ ยาแก้เมารถ เมา 6. กล่มุ ยาสาหรบั โรคปาก และลาคอ 7. กลุ่มยาแกป้ วดทอ้ ง 8. กล่มุ ยาแกท้ ้องเสีย 9. กล่มุ ยาระบาย 10. กลมุ่ ยาถ่ายพยาธิลาไส้ เอกสารน้ใี ช้สาหรับประกอบการเรยี นการสอนเท่านนั้

11. กลมุ่ ยาบรรเทาอาการปวดกลา้ มเนอื้ แมลงกดั ต่อย 12. กลุม่ ยาสาหรับโรคตา 13. กลมุ่ ยาสาหรับโรคผิวหนัง 14. กลุ่มยารักษาแผลตดิ เชอ้ื ไฟไหม้ นา้ ร้อนลวก 15. กลมุ่ ยาใสแ่ ผล ยาล้างแผล 16. กล่มุ ยาบารุงร่างกาย เอกสารนีใ้ ช้สาหรับประกอบการเรยี นการสอนเท่านน้ั

วิธใี ชย้ าสามญั ประจาบ้านใหป้ ลอดภัย 1. ควรอ่านฉลากยา และเอกสารกากับยาให้เข้าใจก่อนใชย้ าทุกครงั้ - จะไดไ้ ม่ใชย้ าผิด 2. ใช้ยาใหถ้ กู ตอ้ งตามทีเ่ อกสารกากบั ยาระบุไว้ ไม่ควรใช้ยาเกินขนาด- เด็ดขาด 3. เลย่ี งการใช้ยาท่ผี ิดกบั โรค เพราะโรคบางอยา่ งตวั ยาต้องใช้ต่างชนิดกนั เอกสารนใ้ี ช้สาหรับประกอบการเรียนการสอนเท่านน้ั

การเกบ็ รกั ษายาสามญั ประจาบ้านท่ีถูกต้อง การเกบ็ ยาสามญั ประจาบ้านเอาไวน้ ั้น ควรมีตสู้ าหรบั ใสย่ าเหลา่ นี้ โดยเฉพาะเพอ่ื ให้เปน็ ระเบียบ และเพ่มิ ความสะดวกในการหยบิ ใช้ อกี ทง้ั ชว่ ย รักษาตวั ยาใหม้ ีอายกุ ารใชง้ านได้ตามกาหนด โดยมวี ธิ ีเกบ็ ดงั นี้ 1. ควรแยกยาออกเป็นประเภทต่างๆ อยา่ งชัดเจน วา่ อนั ไหน คือ ยาสาหรับ- รับประทาน และยาอนั ไหน คอื ยาสาหรับใชภ้ ายนอก 2. ยาจะตอ้ งมฉี ลากยาทีม่ ีความถกู ต้องชดั เจน ไมจ่ าง หรือขาดหาย 3. เกบ็ ยาให้พ้นมอื เดก็ 4. เก็บยาไว้ในทไี่ มโ่ ดนแสงแดด ความรอ้ น ความช้ืน และเปลวไฟ 5. อย่าเกบ็ ยาชนดิ อื่นท่ไี ม่เก่ียวขอ้ งเอาไว้ในตเู้ กบ็ ยาสามัญประจาบ้านเพราะอาจจะหยิบ ผดิ ได้ ยาสามญั ประจาบา้ นเปน็ ของท่ีตอ้ งมตี ดิ บา้ นเอาไวเ้ สมอ เพราะรักษาโรคทั่วไป เล็กๆ น้อยๆ ทส่ี ามารถซอ้ื ยาทานเองได้ แต่ก็ต้องศึกษาตวั ยาและข้อมลู อืน่ ๆ เกย่ี วกบั ยาใหค้ รบถ้วนเพอื่ จะได้ใช้รกั ษาโรคไดอ้ ยา่ งปลอดภยั เอกสารนี้ใช้สาหรบั ประกอบการเรยี นการสอนเท่านน้ั

สารเสพติด หมายถงึ ยาเสพติดฯ วตั ถอุ อกฤทธ์ิฯ และสารระเหย ยาเสพตดิ ทจี่ ะกล่าวในที่น้ีคือ ยาเสพติดให้โทษ ตามพระราชบัญญัตยิ าเสพตดิ ให้ โทษ พ.ศ. 2522 (ฉบับท่ี 2 พ.ศ. 2528 และฉบบั ท่ี 3 พ.ศ. 2530) ซ่ึงหมายถึงสารเคมีหรือ วตั ถชุ นิดใดๆ ซึง่ เมื่อเสพเขา้ สรู่ า่ งกายไมว่ ่าจะรบั ประทาน ดม สบู ฉดี หรือด้วยประการใดๆ แล้วทาใหเ้ กดิ ผลตอ่ ร่างกายและจติ ใจ ในลักษณะสาคญั เช่น ตอ้ งเพม่ิ ขนาดการเสพขนึ้ เปน็ ลาดับ มีการถอนยาเมื่อขาดยา มีความต้องการเสพทง้ั ทางรา่ งกายและจิตใจอย่างรนุ แรง ตลอดเวลา และสขุ ภาพโดยทั่วไปจะทรุดโทรมลง กับใหร้ วมตลอดถึงพชื หรอื สว่ นของพชื ที่ เป็นหรอื ให้ผลผลติ เปน็ ยาเสพติดใหโ้ ทษ หรืออาจใชผ้ ลติ เป็นยาเสพติดใหโ้ ทษ และสารเคมี ทใี่ ช้ในการผลิตยาเสพตดิ ให้โทษด้วย ทง้ั น้ีตามทรี่ ฐั มนตรปี ระกาศในราชกิจจานุเบกษา แต่ ไม่หมายความถงึ ยาสามัญประจาบ้านบางตาราตามกฎหมายว่าด้วยยาท่ีมียาเสพตดิ ใหโ้ ทษ ผสมอยู่ ยาเสพติดให้โทษแบ่งได้ 5 ประเภท [ประกาศกระทรวงสาธารณสขุ ฉบบั ท่ี 135 (พ.ศ. 2539) เร่อื งระบชุ อ่ื และประเภทยาเสพตดิ ให้โทษ ตามพระราชบัญญัตยิ าเสพติดให้ โทษ พ.ศ. 2522 ] ดงั นี้ เอกสารน้ใี ช้สาหรับประกอบการเรยี นการสอนเทา่ นนั้

ช่อื และประเภทยาเสพติดใหโ้ ทษ ตามพระราชบญั ญตั ยิ าเสพตดิ ใหโ้ ทษ พ.ศ. 2522 1. ยาเสพติดใหโ้ ทษประเภท 1 เชน่ เฮโรอนี เมทแอมเฟตามีน เอม็ ดีเอม็ เอ (ยาอ)ี ยาเสพติด ใหโ้ ทษ ประเภทน้ไี มใ่ ชป่ ระโยชนท์ างการแพทย์ 2. ยาเสพตดิ ให้โทษประเภท 2 เชน่ มอรฟ์ นี โคเดอนี เพทดิ ีน เมทาโดน และฝ่นิ ยาเสพติด ใหโ้ ทษประเภทนม้ี ปี ระโยชนท์ างการแพทย์ แต่กม็ ีโทษมาก ดงั นัน้ จึงตอ้ งใชภ้ ายใต้ความ ควบคมุ ของแพทย์ และใชเ้ ฉพาะในกรณที ีจ่ าเป็นเท่าน้ัน เอกสารนใ้ี ช้สาหรับประกอบการเรยี นการสอนเท่านน้ั

3. ยาเสพติดใหโ้ ทษประเภท 3 เป็นยาสาเรจ็ รปู ทีผ่ ลิตข้นึ ตามทะเบยี นตารบั ที่ไดร้ บั อนญุ าตจากกระทรวงสาธารณสุขแลว้ มีจาหนา่ ยตามรา้ นขายยา ไดแ้ ก่ ยาแกไ้ อ ที่มตี วั ยา โคเคอีน หรอื ยาแก้ท้องเสียทีม่ ีตวั ยา ไดเฟนอกซนิ เป็นตน้ ยาเสพตดิ ใหโ้ ทษประเภท 3 มี ประโยชนท์ างการแพทย์ และมโี ทษนอ้ ยกว่ายาเสพติดใหโ้ ทษอ่ืนๆ 4. ยาเสพติดให้โทษประเภท 4 เปน็ นา้ ยาเคมีทีน่ ามาใชใ้ นการผลิต ยาเสพติดให้โทษ ประเภท 1 ได้แก่ น้ายาเคมี อาซติ ิกแอนไฮไดรด์ อาซิตลิ คลอไรด์ เอทิลิดนี ไดอาเซเตท สาร เออรโ์ กเมทรนี และคลอซโู ดอเี ฟดรนี ยาเสพตดิ ให้โทษประเภทนี้ ส่วนใหญไ่ ม่มีการ นามาใช้ประโยชนใ์ นการบาบดั รักษาอาการของโรคแตอ่ ย่างใด เอกสารนีใ้ ช้สาหรับประกอบการเรยี นการสอนเทา่ นนั้

5. ยาเสพตดิ ใหโ้ ทษประเภท 5 ได้แก่ พชื กัญชา พืชกระท่อม พชื ฝน่ิ และพืชเห็ดขี้ควาย ยาเสพติดใหโ้ ทษประเภทนี้ ไม่มีประโยชนท์ างการแพทย์ พระราชบัญญตั ิยาเสพตดิ ให้โทษ กาหนดบทลงโทษสาหรับผู้ทาการผลิต นาเขา้ สง่ ออก จาหน่าย มไี ว้ในครอบครอง และการเสพยาเสพติดใหโ้ ทษ ประเภท 1, 2, 3 และ5 นอกจากน้ยี ังมีบทลงโทษสาหรับผู้ยุยง หรอื สง่ เสริม หรอื กระทาการใดๆ อันเป็นการ ช่วยเหลือ หรือใหค้ วามสะดวกในการท่ีผอู้ ่นื เสพยาเสพตดิ ใหโ้ ทษ เอกสารนีใ้ ช้สาหรบั ประกอบการเรยี นการสอนเท่านน้ั

การเสพ หมายถึง การรบั ยาเสพติดใหโ้ ทษเขา้ ส่รู า่ งกายไม่วา่ ดว้ ย วธิ ีการใดๆ เช่น รับประทาน สูดดม ฉีด ผู้ตดิ ยาเสพตดิ ใหโ้ ทษ ถา้ สมคั รเขา้ รับการบาบัดรักษาในสถานพยาบาล ที่กระทรวงสาธารณสุขกาหนดเปน็ สถานพยาบาลสาหรบั บาบัดรกั ษาผตู้ ิดยาเสพตดิ ก่อนท่ี ความผดิ จะปรากฏและได้ปฏบิ ัตคิ รบถ้วนตามระเบียบของสถานพยาบาลแล้ว กฎหมายจะ เวน้ โทษสาหรบั การเสพยา เอกสารนใี้ ช้สาหรบั ประกอบการเรยี นการสอนเท่านนั้

ฦตั ถอุ อกฤทธติ์ ่อจติ และประสาท วตั ถุออกฤทธิต์ ่อจติ และประสาท หรือวตั ถุออกฤทธ์ิ ตามพระราชบญั ญตั ิวตั ถุท่ี ออกฤทธ์ิต่อจติ และประสาท พ.ศ. 2518 ฉบบั ที่ 2 (พ.ศ. 2528) ฉบับท่ี 3 (พ.ศ. 2535) หมายถึง “วัตถุท่ีออกฤทธติ์ อ่ จติ และประสาททเ่ี ปน็ สิ่งธรรมชาติหรือได้จากสิง่ ธรรมชาติ หรอื วตั ถุทีอ่ อกฤทธ์ติ ่อจิตและประสาทท่ีเปน็ วัตถสุ งเคราะห์ ท้งั นตี้ ามท่รี ัฐมนตรีประกาศในราช กิจจานเบกษา” วัตถอุ อกฤทธ์แิ บ่งได้ 4 ประเภท [ประกาศกระทรวงสาธารณสขุ ฉบบั ที่ 97 (พ.ศ. 2539) เรือ่ งระบุช่อื และจัดแบ่งประเภทวตั ถอุ อกฤทธิต์ ามความในพระราชบัญญัติ วตั ถทุ อ่ี อกฤทธต์ิ ่อจติ และประสาท พ.ศ.2518] ดงั น้ี 1. วัตถอุ อกฤทธ์ิประเภท 1 มคี วามรนุ แรงในการออกฤทธิ์มาก ทาให้เกิดอาการประสาทหลอน ไม่ มปี ระโยชน์ในการบาบดั รักษาอาการของโรค ไดแ้ ก่ ไซโลไซบัน และเมสคาลนี เอกสารนี้ใช้สาหรบั ประกอบการเรียนการสอนเทา่ นน้ั

2. วัตถอุ อกฤทธปิ์ ระเภท 2 เช่น ยากระตุ้นระบบประสาท เช่น อเี ฟดรีน เฟเนทิลลีน เพโมลนี และ ยาสงบประสาท เชน่ ฟลูไนตราซแี พม มิดาโซแลม ไนตราซแี พม วตั ถปุ ระเภทน้มี ีการนาไปใช้ในทาง ทผ่ี ิด เชน่ ใชเ้ ป็นยาแกง้ ว่ ง ยาขยนั หรอื เพือ่ ใชม้ อมเมาผู้อน่ื 3. วตั ถอุ อกฤทธป์ิ ระเภท 3 ใชใ้ นรูปยารกั ษาอาการของโรค สว่ นใหญเ่ ปน็ ยากดระบบประสาท ส่วนกลาง เช่น เมโพรบาเมต อะโมบารบ์ ติ าล และยาแกป้ วด เพนตาโซซนี การใชย้ าจาพวกน้ี จาเป็นต้องอยู่ในความควบคุมดแู ลของแพทย์ เอกสารน้ีใช้สาหรบั ประกอบการเรยี นการสอนเทา่ นน้ั

4. วตั ถอุ อกฤทธ์ปิ ระเภท 4 ไดแ้ ก่ ยาสงบประสาท/ยานอนหลับ ในกล่มุ ของบารบ์ ิตเู รต เช่น ฟโี น บาร์บติ าล และเบ็นโซไดอาซีปินส์ เชน่ อัลปราโซแลม ไดอาซแี พม สว่ นใหญม่ ีการนามาใช้อยา่ ง กวา้ งขวาง ท้งั เพอื่ บาบัดรกั ษาอาการของโรค และการนามาใชใ้ นทางท่ผี ิด การใช้ยาวัตถอุ อกฤทธ์ิ ประเภทนี้ ตอ้ งอย่ภู ายใตก้ ารควบคมุ ของแพทย์ เช่นเดียวกบั การใชว้ ตั ถอุ อกฤทธใ์ิ นประเภท 3 สารระเหย ตามพระราชกาหนดป้องกันการใชส้ ารระเหย พ.ศ. 2533 หมายถงึ “สารเคมี หรอื ผลติ ภัณฑ์ทร่ี ฐั มนตรปี ระกาศว่าเปน็ สารระเหย” สารระเหย เป็นสารเคมี 14 ชนิด และผลิตภณั ฑ์ 5 ชนดิ [ประกาศกระทรวงสาธารณสขุ กระทรวงอตุ สาหกรรม ฉบบั ท่ี 14 (พ.ศ. 2538) เร่ืองกาหนดชื่อ ประเภท ชนิด หรือขนาดบรรจุของสารเคมี หรือผลติ ภัณฑ์เป็นสารระเหย] เอกสารนใ้ี ช้สาหรับประกอบการเรยี นการสอนเทา่ นน้ั

ใบงาน ภาคเรยี นที 1 ปกี ารศึกษา 2563 คร้ังที่ 3 สาระทกั ษะการดาเนินชวี ิต รายวิชา สขุ ศกึ ษา พลศกึ ษา รหัส ทช11002 เร่ือง โรคตดิ ตอ่ ยาสามญั ประจาบา้ น สารเสพตดิ ช่ือ................................สกลุ .................................ระดบั ......................... คาช้แี จง ใหน้ กั ศกึ ษาเติมคาในชอ่ งว่างทก่ี าหนดไว้ 1. โรคตดิ ตอ่ อันตราย คือ ตอบ 2. โรค COVID-19 (Coronavirus disease 2019) เกดิ จากเชือ้ ชนิดใด ตอบ 3. ปจั จุบนั ยาสามัญประจาบา้ นมีทัง้ หมด 53 ชนิด นามาใช้รกั ษาโรคสามญั ได้............กลุม่ ตอบ

4. การเกบ็ รกั ษายาสามญั ประจาบ้านท่ีถูกต้อง ตอบ 5. ยาเสพตดิ มี..........................ประเภท อะไรบา้ ง ตอบ

บันทกึ การเรียนรู้ (กรต.) ระดับประถมศึกษา ครั้งท่ี 3 ภาคเรยี นที 1 ปีการศกึ ษา 2563 สาระทกั ษะการดาเนินชวี ิต รายวชิ า สุขศึกษา พลศึกษา รหัส ทช11002 ชอ่ื ................................สกลุ .................................ระดบั ......................... คาช้แี จง ใหน้ กั ศกึ ษาค้นควา้ และบันทึกและสรุป ในเรอ่ื งดังต่อไปน้ี 1. ประเภทของสงิ่ เสพตดิ มีอะไรบ้าง ตอบ 2. อนั ตรายของสารเสพตดิ เป็นอยา่ งไรบ้าง ตอบ 3. การปอ้ งกนั สารเสพตดิ ดังนี้ ตอบ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook