Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รหัสวิชา ทช31002 รายวิชา สุขศึกษา เรื่อง ระบบต่างๆในร่างกายมนุษย์

รหัสวิชา ทช31002 รายวิชา สุขศึกษา เรื่อง ระบบต่างๆในร่างกายมนุษย์

Published by chonthioha_bum, 2020-04-25 02:02:11

Description: บทที่ 6 ระบบสืบพันธุ์

Search

Read the Text Version

สอื่ การเรียนการสอน ทกั ษะการดาเนนิ ชีวติ (มธั ยมปลาย) เรื่อง ระบบต่างๆในร่างกายมนษุ ย์ รหัสวิชา ทช31002 รายวชิ า สุขศกึ ษา โดย กศน.อาเภอคาเขอ่ื นแก้ว สังกัดสานักงาน กศน.จงั หวดั ยโสธร

บทที่ 6 ระบบสืบพนั ธ์ุ เอกสารนี้ใช้สาหรบั ประกอบการเรยี นการสอนเท่านนั้ หนา้ ที่ 1

ระบบสืบพันธุ์ เป็นกระบวนการผลิตสง่ิ มีชีวติ ทีจ่ ะแพร่ลกู หลานและดารง เผา่ พันธขุ์ องตนไว้ โดยตอ่ มใตส้ มองซ่ึงอยู่ภายใต้การควบคุมของสมองส่วน ไฮโพทา ลามสั โดยจะหล่ังฮอร์โมนกระตุ้นต่อม เพศชายและหญิงให้ผลิตฮอร์โมนเพศ ทาให้ ร่างกายเปล่ียนแปลงไปส่คู วามเป็นหนุ่มสาวพรอ้ มท่ีจะ สบื พันธุ์ได้ ตอ่ มเพศในชาย คือ อัณฑะ ตอ่ มเพศในหญิง คอื รังไข่ ระบบสืบพันธุ์เพศชาย ระบบสืบพันธเุ์ พศหญิง เอกสารนีใ้ ช้สาหรบั ประกอบการเรียนการสอนเทา่ นน้ั หน้าท่ี 2

ระบบสืบพนั ธ์ุเพศชาย อวัยวะทส่ี าคัญในระบบสืบพันธ์เุ พศชาย 1. อณั ฑะ (Testis) เปน็ ตอ่ มรูปไข่ มี 2 อนั ทาหน้าทส่ี รา้ งตวั อสุจิ (Sperm) ซึง่ เป็นเซลลส์ ืบพันธุ์ เพศชาย และสรา้ งฮอรโ์ มนเพศชายเพือ่ ควบคมุ ลักษณะตา่ งๆของเพศชาย เชน่ การมหี นวด เครา เสยี งหา้ ว เปน็ ตน้ ภายในอณั ฑะจะประกอบดว้ ย หลอดสร้างตวั อสจุ ิ (Seminiferous Tubule) มลี กั ษณะเปน็ หลอดเลก็ ๆ ขดไปขดมาอยูภ่ ายใน ท าหนา้ ที่สรา้ งตัวอสจุ ิ หลอด สร้างตัวอสจุ ิ มขี ้างละ ประมาณ 800 หลอด แตล่ ะ หลอดมีขนาดเท่าเสน้ ดา้ ยขนาดหยาบ และยาวทั้งหมด ประมาณ 800 เมตร เอกสารน้ใี ช้สาหรบั ประกอบการเรยี นการสอนเท่านน้ั หน้าท่ี 3

2. ถุงหุม้ อัณฑะ (Scrotum) ทาหน้าทหี่ อ่ ห้มุ ลูกอณั ฑะ ควบคุมอณุ หภมู ใิ หพ้ อเหมาะในการ สร้างตวั อสุจิ ซึ่งตัวอสจุ ิจะเจริญไดด้ ใี นอุณหภูมติ า่ กว่าอุณหภมู ิปกติของร่างกายประมาณ 3-5 องศา เซลเซียส 3. หลอดเกบ็ ตัวอสุจิ ( Epididymis) อยู่ดา้ นบนของอัณฑะ มีลกั ษณะเป็นท่อเลก็ ๆ ยาว ประมาณ 6 เมตร ขดทบไปมา ทาหนา้ ท่เี กบ็ ตวั อสุจิจนตัวอสจุ ิเติบโตและแขง็ แรงพรอ้ มท่ีจะปฏสิ นธิ 4. หลอดนาตวั อสุจิ (Vas Deferens) อยู่ตอ่ จากหลอดเกบ็ ตวั อสจุ ิ ทาหน้าท่ลี าเลียงตวั อสจุ ิ ไปเกบ็ ไว้ที่ตอ่ มสร้างนา้ เลีย้ งอสุจิ 5. ต่อมสรา้ งน้าเล้ยี งอสจุ ิ (Seminal Vesicle) ทาหน้าทสี่ ร้างอาหารเพือ่ ใชเ้ ล้ียงตวั อสจุ ิ เช่น นา้ ตาล ฟรักโทส วติ ามินซีโปรตีนโกลบลู นิ เป็นตน้ และสรา้ งของเหลวมาผสมกับตัวอสุจิเพ่อื ให้ เกิดสภาพท่ี เหมาะสมสาหรับตัวอสจุ ิ เอกสารนใี้ ช้สาหรบั ประกอบการเรียนการสอนเทา่ นนั้ หนา้ ท่ี 4

6. ต่อมลกู หมาก (Prostate Gland) อย่ตู อนต้นของท่อปสั สาวะ ทาหน้าท่หี ล่งั สารทม่ี ฤี ทธิ์ เป็นเบส ออ่ นๆ เข้าไปในทอ่ ปัสสาวะเพ่ือทาลายฤทธิก์ รดในทอ่ ปสั สาวะ ทาให้เกิดสภาพท่ีเหมาะสมกับ ตวั อสุจิ 7. ต่อมคาวเปอร์ (Cowper Gland) อยใู่ ต้ต่อมลูกหมากลงไปเปน็ กระเปาะเล็กๆ ทา หนา้ ที่ หล่งั สาร ไปหลอ่ ลืน่ ทอ่ ปสั สาวะในขณะทเี่ กดิ การกระตุ้นทางเพศ โดยท่วั ไปเพศชายจะเริม่ สร้างตัวอสุจเิ ม่อื เริม่ เขา้ สู่ วยั รนุ่ คอื อายุประมาร 12-13 ปี และจะ สร้างไปจนตลอดชีวิต การหลง่ั น้าอสุจิ แตล่ ะครั้งจะมีของเหลว ประมาณ 3-4 ลูกบาศกเ์ ซนติเมตร มี ตวั อสจุ เิ ฉลี่ยประมาณ 350-500 ล้านตวั ปริมาณนา้ อสจุ ิและตัวอสจุ ิ แตกตา่ งกนั ได้ตามความแขง็ แรง สมบรู ณข์ องรา่ งกาย เช้ือชาติ และสภาพแวดลอ้ ม ผทู้ มี่ ีอสจุ ิตา่ กวา่ 30 ล้านตัวตอ่ ลกู บาศกเ์ ซนติเมตร หรือมตี ัวอสุจิทีม่ ีรปู รา่ งผดิ ปกติมากกว่าร้อยละ 25 จะมลี ูกได้ยากหรอื เป็น หมัน นา้ อสุจจิ ะถูกขับออก ทางท่อปัสสาวะ และออกจากร่างกายตรงปลายสุดของอวัยวะเพศชาย ตวั อสุจิ จะเคล่อื นทไ่ี ด้ ประมาณ 1-3 มิลลเิ มตรต่อนาที ตัวอสจุ ิเม่ือออกสู่ภายนอกจะมีชวี ติ อยู่ไดเ้ พียง 2-3 ชว่ั โมง แต่ถา้ อยู่ ในมดลกู ของหญิงจะอยไู่ ด้นาน ประมาณ 24- 48 ชั่วโมง ตวั อสจุ ิประกอบด้วยสว่ น สาคญั 3 ส่วน คอื ส่วนหัว เป็นสว่ นทีม่ ีนิวเคลียสอยู่ ส่วนตัวมี ลกั ษณะเปน็ ทรงกระบอกยาว และสว่ นหาง เปน็ ส่วนทีใ่ ช้ในการเคล่อื นท่ี นา้ อสุจจิ ะมีคา่ pH ประมาณ 7.35-7.50 มีสภาวะคอ่ นขา้ งเป็นเบส ในนา้ อสุจิ นอกจากจะมตี วั อสุจิแลว้ ยังมสี ว่ นผสมของสารอ่ืนๆ ดว้ ย 29 เอกสารนใ้ี ช้สาหรับประกอบการเรียนการสอนเท่านน้ั หนา้ ที่ 5

เอกสารน้ใี ช้สาหรบั ประกอบการเรยี นการสอนเท่านน้ั หน้าท่ี 6

ระบบสบื พนั ธุ์เพศหญงิ อวัยวะทส่ี าคญั ของระบบสบื พนั ธ์ุเพศหญงิ 1. รังไข่ (Ovary) มีรปู ร่างคล้ายเมด็ มะมว่ งหมิ พานต์ ยาวประมาณ 2-36 เซนตเิ มตร หนา 1 เซนตเิ มตร มนี า้ หนกั ประมาณ 2-3 กรมั และมี 2 อนั อยู่บริเวณปกี มดลูกแต่ละข้างทาหน้าท่ี ดงั นี้ 1.1 ผลิตไข่ (Ovum) ซึ่งเปน็ เซลล์สืบพนั ธ์ุเพศหญิง โดยปกตไิ ข่จะสกุ เดอื นละ 1 ใบ จากรงั ไขแ่ ตล่ ะ ขา้ งสลบั กันทุกเดือน และออกจากรงั ไขท่ ุกรอบเดือนเรยี กวา่ การตกไข่ ตลอด ช่วงชีวิตของเพศหญิงปกตจิ ะ มกี ารผลติ ไขป่ ระมาณ 400 ใบ คอื เมตั้งแตอ่ ายุ 12 ปี ถึง 50 ปี จึงหยดุ ผลิต เซลล์ไข่จะมีอายอุ ยไู่ ด้นาน ประมาร 24 ช่ัวโมง 1.2 สรา้ งฮอร์โมนเพศหญงิ ซ่งึ มีอย่หู ลายชนิด ท่ีสาคัญ ได้แก่ • อสี โทรเจน (Estrogen) เป็นฮอร์โมนท่ีทาหนา้ ที่ควบคุมเก่ียวกับมดลกู ชอ่ งคลอด ต่อมน้านม และควบคมุ การเกิดลกั ษณะตา่ งๆ ของเพศหญงิ เช่น เสยี งแหลมเลก็ ตะโพกผาย หนา้ อกและอวัยวะเพศ ขยายใหญข่ ึ้น เป็นตน้ • โพรเจสเทอโรน (Progesterone) เปน็ ฮอร์โมนท่ที างานร่วมกบั อีสโทรเจนในการ ควบคุม เกย่ี วกับเก่ยี วกับการเจรญิ ของมดลูก การเปลยี่ นแปลงเยอ่ื บมุ ดลูกเพ่อื เตรียม รับไขท่ ีผ่ สมแลว้ เอกสารน้ใี ช้สาหรบั ประกอบการเรียนการสอนเท่านน้ั หน้าที่ 7

การส่องกล้อง Hysteroscopy ตรวจภายใน ทอ่ นาไข่ ผนังมดลกู เย่อื บุโพรงมดลูก รงั ไข่ ปากมดลูก กลอ้ ง Hysteroscopy พร้อมระบบกล้องและไฟส่องภายใน ช่องคลอด เอกสารนี้ใช้สาหรบั ประกอบการเรียนการสอนเท่านน้ั หนา้ ท่ี 8

2. ท่อนาไข่ (Oviduct) หรือปกี มดลูก (Fallopian Tube) เปน็ ทางเชอ่ื มตอ่ ระหว่างรังไขท่ ง้ั สอง ขา้ งกบั มดลูก ภายในกลวง มสี ้นผา่ นศนู ย์กลางประมาณ 2 มลิ ลิเมตร มขี นาดปกติเทา่ กับเขม็ ถกั ไหม พรมยาวประมาณ 6-7 เซนติเมตร หนา 1 เซนติเมตร ทาหนา้ ที่เป็นทางผ่านของไข่ทีอ่ อกจากรงั ไข่ เขา้ สู่ มดลูก โดยมปี ลายขา้ งหนึ่งเปิดอยใู่ กล้กับรงั ไข่ เรยี กวา่ ปากแตร ( Funnel) บดุ ว้ ยเซลลท์ มี่ ีขน 30 ส้นั ๆ ทาหนา้ ท่พี ัดโบกไข่ท่ีตกมาจากรงั ไขใ่ ห้เข้าไปในทอ่ นาไข่ ทอ่ นาไขเ่ ป็นบรเิ วณทีอ่ สจุ จิ ะเข้า ปฏิสนธกิ ับไข่ 3. มดลูก (Uterus) มีรปู ร่างคล้ายผลชมพู หรือรูปรา่ งคล้ายสามเหล่ียมหวั กลบั ลง กว้าง ประมาณ 4 เซนติเมตร ยาวประมาณ 6-8 เซนติเมตร หนาประมาณ 2 เซนตเิ มตร อยใู่ นบริเวณอุ้ง กระดกู เชงิ กราน ระหว่างกระเพาะปัสสาวะกับทวารหนกั ภายในเปน็ โพรง ทาหนา้ ที่เป็นที่ฝังตวั ของไข่ ทีไ่ ด้รับการผสม แลว้ และเป็นท่ีเจรญิ เตบิ โตของทารกในครรภ์ เอกสารนีใ้ ช้สาหรับประกอบการเรียนการสอนเทา่ นนั้ หนา้ ท่ี 9

4. ช่องคลอด (Vagina) อยู่ตอ่ จากมดลูกลงมา ทาหนา้ ท่ีเปน็ ทางผา่ นของตัวอสุจิเขา้ สมู่ ดลูก เป็นทางออก ของทารกเมื่อครบกาหนดคลอด และยังเปน็ ชอ่ งใหป้ ระจาเดอื นออกมาดว้ ย ประจาเดือน (Menstruation) คือเนอ้ื เยอื่ ผนังมดลกู ดา้ นในและหลอดเลือดที่สลายตัวไหลออกมาทางชอ่ งคลอด ประจาเดอื นจะเกดิ ขึน้ เม่ือเซลลไ์ มไ่ ด้รบั การผสมกับอสจุ เิ พศหญิงจะมปี ระจาเดือนต้งั แตอ่ ายปุ ระมาณ 12 ปขี ้นึ ไป ซึ่งจะมรี อบของ การมีประจาเดอื นทกุ 21-35 วัน เฉลย่ี ประมาณ 28 วนั จนอายุประมาณ 50 ปี จงึ จะหมดประจาเดือน ผหู้ ญงิ จะมชี ว่ งระยะเวลาการมีประจาเดือนประมาณ 3-6 วนั ซ่ึงจะเสยี เลอื ดทางประจาเดอื น แต่ละเดอื น ประมาณ 60-90 ลูกบาศก์เซนติเมตร ดงั นั้นผู้หญิงจึงควรรับประทานอาหารทมี่ ธี าตเุ หล็ก และโปรตนี เพ่ือ สรา้ งเลือดชดเชยสว่ นทเี่ สียไป การที่ผหู้ ญิงบางคนมปี ระจาเดือนมาไม่ปกติ อาจเนื่องมาจากอารมณแ์ ละ ความวติ กกังวลทาให้การหลัง่ ฮอร์โมนของสมองผิดปกติ ซง่ึ จะมผี ลต่อการหลงั่ ฮอร์โมนของต่อมใตส้ มองที่ ทาหนา้ ท่ี กระต้นุ ให้ไขส่ ุก คือ ฮอร์โมน FSH (Follicle Stimulating Hormone) และฮอรโ์ มน LH (Luteinizing Hormone) เซลลไ์ ขม่ ีขนาดใหญ่กวา่ เซลลอ์ สุจิประมาณ 50,000-90,000 เท่า ขนาด ของเซลล์ไขป่ ระมาณ 0.2 มิลลิเมตร เราสามารถมองเห็นเซลลไ์ ขไ่ ด้ดว้ ยตาเปล่า เอกสารน้ีใช้สาหรบั ประกอบการเรียนการสอนเท่านน้ั หน้าที่ 10

เอกสารน้ใี ช้สาหรบั ประกอบการเรยี นการสอนเท่านน้ั หน้าท่ี 11

ความผิดปกตขิ องการตงั้ ครรภ์ ความผิดปกตขิ องการตั้งครรภ์ตามปกติรา่ งกายของคนเรามกี ารตง้ั ครรภแ์ ละคลอดทารก คราวละ 1 คน แตบ่ างกรณีรา่ งกายของคนเราอาจมโี อกาสตงั้ ครรภ์และคลอดทารกครั้งละมากกวา่ 1 คน เรียกวา่ “ ฝาแฝด ” ซ่งึ ถอื เปน็ ความผิดปกตขิ องการต้ังครรภแ์ บบหนงึ่ ฝาแฝดมี 2 ประเภท คอื 1. แฝดรว่ มไขค่ อื ฝาแฝดท่เี กดิ จากไข่ 1 ฟองผสมกบั ตัว อสจุ ิ 1 เซลล์ 2. แฝดตา่ งไขค่ ือแฝดที่เกิดจากไข่คนละฟองผสมกบั ตวั อสจุ คิ นละเซลล์ เอกสารน้ใี ช้สาหรบั ประกอบการเรยี นการสอนเทา่ นนั้ หน้าที่ 12

1. แฝดรว่ มไขค่ อื ฝาแฝดท่ีเกดิ จากไข่ 1 ฟองผสมกบั ตวั อสจุ ิ 1 เซลล์ หรือเรยี กวา่ “แฝดแท”้ แต่ไข่ทไ่ี ดร้ ับการ ผสม แลว้ ขณะท่กี าลงั เจริญเปน็ เอม็ บรโิ อ ในระยะแรกๆ เกิด แบง่ ออกเป็น 2 สว่ น และแยกขาดออกจากกัน แลว้ เจริญเตบิ โตเปน็ ทารกและคลอดในเวลาใกลเ้ คียงกนั ฝาแฝด ประเภทนี้จะมีรูปรา่ งลักษณะ เหมอื นกนั มเี พศเดียวกัน มี อปุ นสิ ัยใจคอและความสามารถคล้ายกนั เมือ่ ได้รับการเลย้ี งดู ใน สภาพแวดลอ้ มเดียวกนั ในบางคร้งั ฝาแฝดร่วมไข่ซึง่ เกดิ จากเอ็มบริโอทแ่ี บ่งออกเปน็ 2 สว่ น แตไ่ มแ่ ยกออกจากกัน โดยเดด็ ขาด ทาใหท้ ารกท่ีคลอดออกมามอี วยั วะบางสว่ น ตดิ กัน เช่น แฝดสยาม (Siamese twin) คู่ แรกทชี่ ่อื อิน - จัน มีส่วนอกตดิ กันและมตี ับเป็นเนื้อเดยี วกันหรอื แฝดลาร์ดาน - ลาร์เลหม์ ีส่วนหวั ตดิ กัน เป็นตน้ เอกสารน้ีใช้สาหรบั ประกอบการเรยี นการสอนเทา่ นนั้ หน้าท่ี 13

2. แฝดต่างไข่คือแฝดที่เกิดจากไขค่ นละฟองผสมกับตัว อสจุ ิคนละเซลล์หรอื เรยี กว่า “แฝดเทยี ม” ได้เอ็มบรโิ อ มากกว่า 1 เอม็ บริโอ สาเหตุทเี่ กิด เน่ืองจากมไี ขส่ กุ พร้อมกนั มากกว่า 1 ฟองจากรังไขข่ า้ งหน่งึ หรือทั้งสอง ขา้ ง ขณะท่เี อ็มบรโิ อเจริญอยใู่ นมดลกู รกจะแยกจากกัน และทารกจะคลอดออกมาในเวลาใกล้เคียงกนั แฝด ประเภทนีอ้ าจมีเพศเดียวกนั หรอื ตา่ งเพศก็ได้ และมี ลกั ษณะทางพนั ธุกรรมตา่ งกัน ความผิดปกตใิ นการ ตง้ั ครรภ์นอกจากทาให้เกดิ ฝาแฝดแล้วยังอาจทาให้ เกิดผลอ่ืนๆ เชน่ การแท้ง การคลอดกอ่ นกาหนด การ ทอ้ งนอกมดลกู เป็นต้น เอกสารนใี้ ช้สาหรับประกอบการเรียนการสอนเทา่ นน้ั หน้าที่ 14

การแทง้ หมายถึง การทที่ ารกคลอดกอ่ นอายุครรภ์จะครบ 28 สปั ดาห์ หรอื มี นา้ หนักน้อย กว่า 1,000 กรัม การคลอดก่อนกาหนด หมายถึง การท่ีทารกคลอดในช่วงอายุ 28-37 สปั ดาห์ การทอ้ งนอกมดลูก หมายถงึ การท่ไี ข่ได้รบั การปฏิสนธิแล้วไปฝังตวั ทบ่ี ริเวณอ่ืนทไ่ี ม่ใช่ มดลูก เช่นบรเิ วณชอ่ งท้องหรือปกี มดลกู ซง่ึ อาจเป็น อันตรายถงึ แก่ชวี ติ ได้ เอกสารนี้ใช้สาหรบั ประกอบการเรยี นการสอนเท่านน้ั หน้าท่ี 15

ความพิการแต่กาเนดิ สาเหตขุ องความผิดปกตแิ ต่กาเนดิ มหี ลายประการ 1. การติดเช้อื ขณะต้งั ครรภ์เชน่ เชื้อแบคทเี รียที่ทาให้เกิดโรคซฟิ ิลิส โคโนเรีย เช้อื ไวรสั ทาให้ เกดิ โรคหดั เยอรมนั โรคเอดส์ ซ่ึงเช้ือโรคเหล่านจ้ี ะแพรเ่ ขา้ สู่เอ็มบรโิ อทาให้ทารกที่คลอดออกมาพิการได้ 2. ยาหรือสารเคมบี างชนดิ ซง่ึ เปน็ อนั ตรายต่อทารกในครรภ์ ดงั นัน้ หญงิ ทก่ี าลงั ตัง้ ครรภจ์ งึ ไม่ควรซ้อื ยา รบั ประทานเอง ไม่ควรสูดดมหรอื รับประทานยาหรอื สารท่เี ปน็ อันตรายตอ่ สขุ ภาพของตนและทารก เอกสารนใี้ ช้สาหรับประกอบการเรียนการสอนเท่านนั้ หน้าท่ี 16

3. ความผิดปกติของหน่วยพนั ธกุ รรมหรอื ยีน หนว่ ยพันธกุ รรมหรอื ยีนหมายถงึ หน่วยท่ี ควบคุมการ แสดงออกของลกั ษณะตา่ งๆ ของสง่ิ มีชวี ติ เช่น สีผิว สผี ม สีตา ความสูง สตปิ ัญญา เป็น ตน้ หนว่ ย พนั ธกุ รรมหรือยนี สามารถถ่ายทอดจากพอ่ แม่ไปยังลูกหลานไดย้ ีนทผี่ ดิ ปกติ เช่น โรคปญั ญา ออ่ นบาง ชนิด โรคเลอื ดผิดปกติ ( ทาลสั ซเี มยี ) ซึง่ ในคนปกตอิ าจมยี นี เหล่าน้ีแฝงอย่แู ละสามารถ 32 ถ่ายทอด ไปสลู่ ูกหลานได้ ยีนทผ่ี ิดปกตเิ หล่าน้ี ส่วนมากเปน็ ยนี ดอ้ ยและอาจแสดงลกั ษณะด้อยเหล่าน้ี ออกมา ให้เห็นในรนุ่ ลูกหรอื รนุ่ หลาน หน่วยพนั ธุกรรมหรือยนี ของแตล่ ะลักษณะจะมอี ยู่เป็นคูๆ่ บน โครโมโซมซึง่ อยูใ่ น นวิ เคลียสของเซลล์แต่ละเซลล์ ยีนของแตล่ ักษณะท่อี ย่เู ปน็ ค่ๆู นั้น หน่วยหนงึ่ จะ ได้มาจากพ่อและอกี หน่วยหน่งึ ไดม้ าจากแม่ โครโมโซมของมนุษย์มี 23 ค่หู รือ 46 อนั เปน็ โครโมโซม รา่ งกาย 22 คูห่ รือ 44 อัน และเป็น โครโมโซมเพศ 1คูห่ รอื 2 อัน แต่ละคู่บนโครโมโซมจะมยี ีนอยู่ เปน็ คูๆ่ ดงั นนั้ แต่ละหน่วยของยีนในแต่ และคู่จะแยกกนั อยบู่ นโครโมโซมแตล่ ะอันซึ่งเป็นค่กู นั หน่วยพนั ธกุ รรมหรือยีนมี 2 ประเภท คอื 3.1 ยีนเดน่ คือ ยีนที่สามารถแสดงลกั ษณะนน้ั ๆ ออกมาได้ แม้จะมียนี นั้นเพียงยนี เดียว เชน่ ยนี โรคเลอื ดผดิ ปกติ ( ทาลสั ซีเมยี ) อยคู่ กู่ ับยนี ปกติ ยีนปกติเป็นยีนเด่น ดังนนั้ ลักษณะเลือดจงึ เป็น ปกติไม่เปน็ โรคทาลัสซีเมยี 3.2 ยีนดอ้ ย คอื ยนี ท่สี ามารถแสดงลักษณะน้นั ๆ ออกมาได้ก็ตอ่ เมือ่ ยีนด้อยน้นั ต้องมยี นี อยู่ ดว้ ยกัน เช่น ยนี โรคเลือดผดิ ปกติ( ทาลสั ซเี มยี ) ซง่ึ เปน็ ยีนดอ้ ย ถ้ายนี น้ีมี 2 ยีนจะแสดงอาการของ โรคทาลัสซเี มยี ออกมาทนั ที หน่วยพนั ธกุ รรมแสดงลกั ษณะจะอยูเ่ ปน็ คๆู่ เอกสารนี้ใช้สาหรบั ประกอบการเรียนการสอนเทา่ นนั้ หน้าที่ 17

หนว่ ยพันธกุ รรมหรือยีน เอกสารน้ใี ช้สาหรบั ประกอบการเรียนการสอนเทา่ นน้ั หนา้ ท่ี 18

การใช้เทคโนโลยกี ารผสมเทยี ม ภาพแสดงข้ันตอนการทาเดก็ หลอดแก้ว การผสมเทยี ม คือ การปฏสิ นธิแบบไม่ตอ้ งมกี ารร่วมเพศตามธรรมชาติ ซ่งึ เป็นการ พฒั นา เทคโนโลยเี พอ่ื แกป้ ัญหาใหแ้ ก่ค่สู มรสท่มี บี ตุ รยาก ปัญหาโรคทางพันธุกรรมและการเลือก เพศบุตร การผสมเทียมเป็นวธิ ีการแกป้ ญั หาที่เกดิ ขึน้ ในเพศชายและเพศหญิงในกรณีตา่ งๆ ดงั น้ี 1. มีปริมาณตวั อสุจินอ้ ยกวา่ ปกติหรอื มตี ัวอสจุ ิทไ่ี ม่แข็งแรง 2. มีความบกพรอ่ งของหนว่ ยพนั ธุกรรม กรณนี อ้ี าจใช้วธิ ีฉดี เซลล์อสจุ ิของเพศชายอน่ื เขา้ ไป ในโพรงมดลูกของภรรยาแทน เอกสารนใ้ี ช้สาหรบั ประกอบการเรียนการสอนเท่านน้ั หน้าที่ 19

3. มีความบกพรอ่ งทางโครงสรา้ งและการทางานของระบบสืบพนั ธ์ุ จนทาให้ไม่สามารถมลี ูกเองได้ เชน่ กรณขี องเพศหญิงทีม่ ปี ญั หาเกดิ ขึน้ กับโครงสร้างและระบบการทางานของระบบสบื พนั ธุ์ เช่น ท่อนาไข่ตบี ไขไ่ มส่ ามารถเดนิ ทางมาผสมกบั ตวั อสุจิได้ สามารถผสมเทยี มได้โดยนาเซลลไ์ ขจ่ าก รังไขม่ าผสมกับเซลล์ อสจุ ิภายนอกรา่ งกาย เมื่อเกดิ การปฏสิ นธแิ ลว้ จงึ นาเอ็มบรโิ อทไ่ี ด้ฉดี เขา้ ไปทาง ช่องคลอดของฝา่ ยหญงิ เพ่ือให้เอ็มบรโิ อไปฝงั ตวั และเจริญเติบโตตอ่ ไปในมดลกู เรยี กทารกท่ีกาเนดิ แบบนี้ว่า“ เดก็ หลอดแกว้ (test-tube baby)” การผสมเทียมโดยวธิ ีทากฟิ ต์ (GIFT) ย่อมาจาก gamete intra-fallopian transfer เป็น วธิ ีการผสมเทียมท่ที าโดยฉดี เซลลไ์ ข่และเซลล์อสจุ ิเข้าไปในทอ่ นาไข่ ให้ผสมกนั เองทบ่ี รเิ วณทอ่ นาไข่ และเมื่อเกดิ การปฏสิ นธแิ ล้วเอ็มบริโอจะเคลื่อนมาฝังตวั ในมดลูก ข้ันตอนการทากฟิ ต์มดี งั นี้ 1. กระตนุ้ ใหเ้ กิดการตกไขข่ องฝา่ ยหญงิ พร้อมกนั หลายๆ เซลล์ โดยให้กนิ ยารว่ มกับการฉดี ยา ประเภทฮอรโ์ มน 2. เม่ือไข่สกุ เต็มทก่ี ็จะดูดไข่ออกจากรังไข่ทางด้านหน้าท้องและคดั ไข่ท่สี มบรู ณ์ 3-4 เซลล์ 3. นาเซลล์อสจุ ิจากฝา่ ยชายและเซลล์ไขท่ ี่คดั ไวใ้ นอตั ราสว่ นเซลล์ไขต่ อ่ เซลลอ์ สุจิเท่ากบั 1:100,000 ฉดี เขา้ ไปในท่อนาไข่ของฝา่ ยหญงิ ทห่ี นา้ ทอ้ ง เอกสารนี้ใช้สาหรับประกอบการเรียนการสอนเท่านนั้ หนา้ ท่ี 20

4. หลงั จากน้นั ประมาณ 2 สัปดาห์ ก็ทราบผลว่าต้ังครรภ์หรอื ไม่ การผสมเทียมแบบซิฟท์ (ZIFT) ย่อ มาจาก zygote intra-fallopian transfer เปน็ วิธีการ ผสมเทียมทน่ี า เซลล์ไข่และเซลลอ์ สจุ ิ มาผสมในจานเพาะเชื้อจนไดเ้ ปน็ ไซโกต แล้วนา ไซโกต ฉดี เขา้ ไป ในท่อนาไข่ ไซโกตจะแบ่งตัวเป็น เอ็มบริโอและเคลื่อนไปฝังตัวทม่ี ดลกู การผสมเทียมแบบกฟิ ต์และแบบซิฟท์จะมอี ัตราการต้งั ครรภ์ สูงกว่าเด็กหลอดแกว้ ถงึ 2 เท่า ในกรณที ี่แม่มคี วามผิดปกตทิ างกายหรือจิตใจจนไมส่ ามารถตัง้ ทอ้ ง เองไดอ้ าจผสมเทยี มไดโ้ ดยวธิ ี ฝากเอม็ บรโิ อให้เจรญิ เติบโตในมดลกู ของหญงิ อ่ืน การใหก้ าเนดิ ทารก ท่ีเปน็ เพศชายหรอื เพศหญงิ นัน้ ขึ้นอย่กู ับโครโมโซมเพศเพยี งค่เู ดยี ว ถ้า ทารกเปน็ เพศชายโครโมโซม จะเป็น XY ถา้ ทารกเปน็ เพศหญิงโครโมโซมจะเป็น XX เช่น เดก็ หญงิ พลอยมีโครโมโซมร่างกาย ดังนี้ โครโมโซมรา่ งกาย 22 คู่ + โครโมโซมเพศหญงิ 1 คู่ สามารถเขยี นสัญลกั ษณ์ไดด้ ังน้ี 22 คู่ + XX หรอื 44 อนั + XX 34 อนั เมทาเซนทรกิ ซับเมทาเซนทริก อะโครเซนทรกิ หรอื ซับเทโลเซนทริก เทโลเซนทรกิ (Metacentric) (Submetacentric) (Acrocentric/ Subtelocentric) (Telocentric) เอกสารน้ีใช้สาหรับประกอบการเรียนการสอนเท่านนั้ หน้าที่ 21

รปู รา่ งของโครโมโซม เอกสารน้ใี ช้สาหรบั ประกอบการเรยี นการสอนเท่านน้ั หนา้ ท่ี 22

โครโมโซมถูกแบง่ ออกเปน็ 4 ลักษณะ จากรูปร่างหรอื ตาแหน่งของเซนโทรเมียร์ 1.เมทาเซนทรกิ (Metacentric) เม่ือตาแหน่งของเซนโทรเมียร์อยบู่ ริเวณก่ึงกลาง ส่งผลให้แขนทัง้ 2 ขา้ งของโครโมโซมมีความยาวใกล้เคยี งกนั 2.ซบั เมทาเซนทรกิ (Submetacentric) เมอื่ ตาแหน่งของเซนโทรเมยี รอ์ ยู่เลยไปด้านใดด้านหน่งึ ทาให้โครโมโซมมีแขนข้างสนั้ และแขนขา้ งยาว 3.อะโครเซนทริก หรอื ซบั เทโลเซนทริก (Acrocentric/Subtelocentric) เม่ือเซนโทรเมยี ร์อยู่ เกือบปลายสดุ ของโครโมโซม สง่ ผลให้แขนข้างสน้ั มีขนาดส้ันมาก ขณะที่แขนข้างยาวมีความยาว มากกวา่ ปกติ 4.เทโลเซนทรกิ (Telocentric) เมือ่ ตาแหน่งเซนโทรเมียรอ์ ย่ปู ลายสุดของโครโมโซม ส่งผลใหโ้ ครโมโซมมีแขนขา้ งยาวเพียงอย่างเดียว เอกสารนใ้ี ช้สาหรบั ประกอบการเรยี นการสอนเท่านน้ั หน้าที่ 23

ภาพ แสดงลักษณะของโครโมโซม เอกสารนใ้ี ช้สาหรับประกอบการเรยี นการสอนเทา่ นนั้ หน้าท่ี 24

ข้อมูลอ้างอิง - www.sites.google.com/บทเรียนออนไลน์วชิ าชีววทิ ยา - www.patreon.com/statedclearly - www.trueplookpanya.com/knowledge/content/65256/-scibio-sci- - การพัฒนาคุณภาพการศึกษาด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศ (DLIT) โดยสานักงานคณะกรรมการการศกึ ษา ข้นั พ้ืนฐาน (สพฐ.) กระทรวงศึกษาธกิ าร - www.ducksters.com/science/biology/chromosomes.php - www.scimath.org/lesson-biology/item/6894-2017-05-14-03-59-30 - www.britannica.com/science/chromosome