Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เคมี2563

เคมี2563

Description: เคมี2563

Search

Read the Text Version

แนวขอ้ สอบ 9 วชิ าสามญั FB : Sheet Exam , IG : sheet_exam Line : @sheetexam Practice Exam For All Subjects ข้อสอบเคมวี ชิ าสามญั 2โ563 แบบปรนัย 5 ตวั เลือก เลือก 1 คาํ ตอบทถ4ี ูกทส4ี ุด จาํ นวน 50 ข้อ ข้อละ 2 คะแนน รวม 100 คะแนน กาํ หนดให้ 1) มวลอะตอม H = 1 C = 12 N = 14 0 = 16 F = 19 Ca = 40 Mg = 24 Al = 27 S = 32 CI = 35.5 Fe = 56 Cu = 63.5 Br = 80 2) เครื+องหมาย > หมายถึง มากกวา่ และ < หมายถึงนอ้ ยกวา่ 3) log2 = 0.30, log3 = 0.48, log5 = 0.70 4) ในการคาํ นวณที+เกี+ยวกบั แก๊ส ใหถ้ ือวา่ เป็นแก๊สอุดมคติ 1. พิจารณาแผนภาพระดบั พลงั งานของอิเลก็ ตรอนในอะตอมของไฮโดรเจนดงั นMี อะตอมไฮโดรเจนในสถานะพMืน สามารถดูดกลืนแสงที+มีพลงั งาน 1.80 x 10-21 kJ ไดห้ รือไม่ เพราะเหตุใด 1. ได้ เพราะอิเลก็ ตรอนสามารถเปลี+ยนระดบั พลงั งานจากระดบั n = 2 ไประดบั n = 3 2. ได้ เพราะอะตอมไฮโดรเจนสามารถดูดกลืนพลงั งานเท่าใดกไ็ ดต้ Mงั แต่ 0 ถึง 2.18 x10-21 kJ 3. ไม่ไดเ้ พราะ 1.80 x 10-21 kJ คือพลงั งานที+นอ้ ยเกินกวา่ ท+ีจะทาํ ใหอ้ ิเลก็ ตรอหลุดออกจากอะตอม ไฮโดรเจน

แนวขอ้ สอบ 9 วชิ าสามญั FB : Sheet Exam , IG : sheet_exam Line : @sheetexam Practice Exam For All Subjects 4. ได้ เพราะ 1.80 x 10-21 kJ คือค่าพลงั งานท+ีมากกวา่ ผลต่างขอโงระดบั พลงั งานระหวา่ งสถานะพMืนกบั ระดบั พลงั งานที+ 2 5. ไม่ได้ เพราะ 1.80 x 10-21 kJ ไม่ใช่ค่าที+ตรงกบั ผลต่างของระดบั พลงั งานระหวา่ งสถานะพMืนกบั ระดบั พลงั งานใด ๆ ของอะตอมไฮโดรเจน 2. กาํ หนดขอ้ มูลดงั นMี อิเลก็ ตรอนในอะตอมที+สถานะพMืนจะอยใู่ นออร์บิทลั ท+ีระดบั พลงั งานต+าํ สุดท+ีเป็นไปได้ เม+ืออะตอม ไดร้ ับพลงั งานมากพอจะเปล+ียนไปอยใู่ นสถานะกระตุน้ โดย มี 1 เวเลนซ์อิเลก็ ตรอนเปล+ียนไปอยใู่ นออร์บิทลั ท+ีมี ระดบั พลงั งานสูงขMึน จากขอ้ มูลขา้ งตน้ การจดั อิเลก็ ตรอนในสถานะพMืนและสถานะกระตุน้ ของอะตอมที+ต่างกนั ขอ้ ใดถูกตอ้ ง สถานะพMืน สถานะกระตุน้ 1. 1s2 2s2 2p3 1s2 2s2 2p2 3s2 2. 1s1 2s2 1s2 2s2 2p6 3s2 3p5 4s1 3. [Ar] 3d1 4s2 1s2 2s2 3s2 4. 1s2 2s2 2p6 3s2 1s2 2s2 2p6 3s2 3p5 4s1 5. [Ar] 3d2 4s1 1s2 2s2 3. กาํ หนดใหธ้ าตุ A, D และ E เป็นธาตุในตารางธาตุ ซ+ึงอะตอมมีการจดั อิเลก็ ตรอนดงั นMี โดยมีบางธาตุแสดงการ จดั อิเลก็ ตรอนในสถานะกระตุน้ ธาตุ A : 1s2 2s2 2p2 ธาตุ D : [Ne] 3s2 4s1 ธาตุ E : [Ar] 4s1 3d5 ขอ้ ความเก+ียวกบั ธาตุ A, D และ E ขอ้ ใดผดิ 1. ธาตุ D และ E เป็นโลหะ 2. ธาตุ E เป็นธาตุแทรนซิชนั 3. ธาตุ D อยใู่ นคาบท+ี 4 หมู่ IA

แนวขอ้ สอบ 9 วชิ าสามญั FB : Sheet Exam , IG : sheet_exam Line : @sheetexam Practice Exam For All Subjects โ 4. สารประกอบออกไซดข์ องธาตุ D คือ D2O3 5. ธาตุ A มีค่าอิเลก็ โทรเนกาติวติ ีสูงกวา่ ธาตุ D 4. โครงสร้างลิวอิสที+เสถียรที+สุดของกรดไนตริก (HNO3) มีจาํ นวนพนั ธะเดี+ยวทMงั หมด x พนั ธะ พนั ธะคู่ ทMงั หมด y พนั ธะ และอิเลก็ ตรอนคู่โดดเด+ียวทMงั หมด z คู่ ค่า x, y และ z ขอ้ ใดถูก xy z 1. 3 1 7 2. 4 0 9 3. 3 1 8 4. 2 2 6 5. 4 0 8 5. ขอ้ ใดเป็นสารท+ีมีโครงสร้างเรโซแนนซ์จาํ นวนมากท+ีสุด โดยจาํ นวนเวเลนซ์อิเลก็ ตรอนแต่ละอะตอมไม่เกิน 8 1. SO2 2. NO2 3. CO2 4. SO32- 5. CH3COO-

แนวขอ้ สอบ 9 วชิ าสามญั FB : Sheet Exam , IG : sheet_exam Line : @sheetexam Practice Exam For All Subjects 6. ปฏิกิริยาการเผาไหมข้ องสารประกอบไฮโดรคาร์บอนประกอบไฮโดโ รคาร์บอน (CxHy) ดงั สมการเคมี CxHy (g) + O2 (g) → CO2 (g) + H2O (g) ... (ยงั ไม่ดุล) ถา้ ปฏิกิริยาการเผาไหมอ้ ยา่ งสมบูรณ์ของสารประกอบของ 3 ชนิดละ 1 mol มีค่าพลงั งานการเกิดปฏิกิริยาที+ คาํ นวณจากพลงั งานพนั ธะในโมเลกลุ ท+ีเกี+ยวขอ้ ง ดงั แสดงในตาราง โดยกาํ หนดใหพ้ นั ธะชนิดเดียวกนั ระหวา่ ง อะตอมคู่เดียวกนั ในทุกโมเลกลุ มีค่าพลงั งานพนั ธะเท่ากนั ชนิดสารประกอบไฮโดรคาร์บอน พลงั งานการเกิดปฏิกิริยา (kJ/mol) ไซโคลเฮกเซน (C6H12) ∆������! ไซโคลโพรเพน (C3H6) ∆������\" เอทิลีน (C2H4) ∆������# พิจารณาขอ้ สรุปความสมั พนั ธ์ของค่าพลงั งานการเกิดปฏิกิริยาต่อไปนMี ก. ∆������! = 2∆������\" ข. ∆������! = 3∆������# ค. ∆������! - ∆������\" = ∆������# ขอ้ สรุปขอ้ ใดถูกตอ้ ง 1. ก เท่านMนั 2. ข เท่านMนั 3. ค เท่านMนั 4. ก และ ข 5. ข และ ค 7. ขอ้ ความเกี+ยวกบั ธาตุและสารประกอบหมู่ VIIA ขอ้ ใดถูกตอ้ ง 1. วธิ ีหน+ึงที+ใชเ้ ตรียมแก๊สคลอรีน คือ แยกสารละลาย NaCl อิ+มตวั ดว้ ยกระแสไฟฟ้า 2. เม+ือผสมสารละลาย NaCl กบั NaI แลว้ เติม CCl4เขยา่ แรงๆ จะพบวา่ ชMนั CCl4 เป็นสีม่วง 3. เม+ือผสมสารละลายไอโอดีนใน CCl4 กบั สารละลาย KBr ในนMาํ จะสงั เกตเห็นสารละลายสีสม้ ใน ชMนั ของ CCl4

แนวขอ้ สอบ 9 วชิ าสามญั FB : Sheet Exam , IG : sheet_exam Line : @sheetexam Practice Exam For All Subjects 4. ธาตุหมู่นMีมีค่า EN สูง จึงเกิดสารประกอบไอออนิกกบั ธาตุอโ+ืน ๆ ยกเวน้ กบั ธาตุหมู่ VIIA ดว้ ยกนั จะเป็ นสารโคเวเลนต์ 5. ฟลูออรีนมีค่า E0 สูงมาก แฮโลเจนที+สามารถออกซิไดส์สารประกอบฟลูออไรดใ์ หเ้ ป็นธาตุฟลูออรีน ได้ มีเพียงแก๊สคลอรีนเท่านMนั 8. ธาตุ M, L และ Q มีเลขอะตอมเท่ากบั 22, 28 และ 30 ตามลาํ ดบั การเปรียบเทียบเลขออกซิเดชนั และจาํ นวน อิเลก็ ตรอนเดี+ยวของ M , L และ Q ในสารประกอบเชิงซอ้ น [M(H2O)6]Cl3, K2[LCl4] และ [Q(NH3)4]SO4 ขอ้ ใดถูกตอ้ ง เลขออกซิเดชนั จาํ นวนอิเลก็ ตรอนเด+ียว 1. Q < L < M M<L<Q 2. Q < L < M Q<M<L 3. Q < L < M M<L<Q 4. L = Q < M M=Q<L 5. L = Q < M Q<M< L 9. วตั ถุกอ้ นหน+ึงมีไอโซโทปกมั มนั ตรังสี 2 จาํ นวน 8.50 mg คร+ึงชีวติ ของ Z เท่ากบั 12 ปี ยอ้ นหลงั ไป 72 ปี วตั ถุ กอ้ นนMีมี Z ก+ีมิลลิกรัม(กาํ หนดให้ 1 ปี มี 365 วนั ) 1. 51 2. 136 3. 272 4. 544 5. 1088

แนวขอ้ สอบ 9 วชิ าสามญั FB : Sheet Exam , IG : sheet_exam Line : @sheetexam Practice Exam For All Subjects 10. ธาตุ G และ T มีเลขอะตอมเท่ากบั 11 และ 25 ตามลาํ ดบั สมบตั ิขอโงธาตุหรือสารประกอบของธาตุดงั กล่าว ขอ้ ใดถูกตอ้ ง 1. ธาตุ T ทาํ ปฏิกิริยากบั นMาํ อยา่ งรุนแรง เกิดแก๊สไฮโดรเจน 2. ธาตุ G รวมตวั กบั ธาตุ T ไดส้ ารประกอบไอออนิกท+ีมีสูตรเป็น GT 3. ธาตุ T นาํ ไฟฟ้าได้ และมีเลขออกซิเดชนั ไดห้ ลายค่าเมื+อเกิดสารประกอบชนิดต่าง ๆ 4. เมื+อผสมสารละลายของสารประกอบคลอไรดข์ องธาตุ G กบั Na2CO3 จะมีตะกอนสีขาวเกิดขMึน 5. ธาตุ G ทาํ ปฏิกิริยารุนแรงกบั แก๊สคลอรีน ไดข้ องแขง็ สีขาว ซ+ึงละลายนMาํ ไดแ้ ละสารละลายมีสมบตั ิ เป็ นเบส 11. ถา้ การผลิตยาสีฟันสูตรฟลูออไรดท์ าํ โดยการเติมแคลเซียมฟลูออไรดเ์ พื+อใหไ้ ดป้ ริมาณฟลูออไรดต์ ามที+ ตอ้ งการ ในยาสีฟันหลอดหน+ึงที+ระบุวา่ มีฟลูออไรด์ 500 ppm และในหลอดนMนั มียาสีฟัน 50.0 g จะมีปริมาณ แคลเซียมฟลูออไรดอ์ ยกู่ +ีมิลลิกรัม 1. 1.03 2. 25.0 3. 51.3 4. 103 5. 205 12. การผลิตทองแดงทาํ ไดโ้ ดยใชว้ ธิ ีการถลุงหินแร่ชนิดต่างๆ ที+มีทองแดงเป็นองคป์ ระกอบ สมมุติวา่ ตน้ ทุนการ ผลิตทองแดงคิดจากจาํ นวนเงินท+ีตอ้ งใชซ้ Mือหินแร่เท่านMนั ในการผลิตทองแดง 1 kg ที+มีราคาตน้ ทุนต+าํ ที+สุด ควร เลือกซMือหินแร่ท+ีมีสารประกอบทองแดงชนิดใด กาํ หนดใหห้ ินแร่ทุกชนิดมีราคาต่อกิโลกรัมเท่ากนั และในหินแร่แต่ละกอ้ นมีสารประกอบทองแดงเพียงชนิด เดียวในปริมาณร้อยละโดยมวลเท่ากนั 1. Cu2S (159 g/mol) 2. CuSO4 (159.5 g/mol) 3. CuFeS2 (183.5 g/mol)

แนวขอ้ สอบ 9 วชิ าสามญั FB : Sheet Exam , IG : sheet_exam Line : @sheetexam Practice Exam For All Subjects โ 4. Cu2CO3(OH)2 (221 g/mol) 5. Cu3(CO3)2(OH)2 (344.5 g/mol) 13.สารประกอบชนิดหน+ึงประกอบดว้ ยธาตุ X, Y และ Z ถา้ สารประกอบนMี 2 mol เกิดปฏิกิริยาการสลายตวั ได้ XY 2 mol และ Z2 3 mol สารประกอบนMีมีอตั ราส่วนโดยโมลของ X: Y : Z เป็นเท่าใด 1. 1 : 1 : 3 2. 1 : 2 : 3 3. 2 : 1 : 3 4. 2 : 2 : 3 5. 4 : 2 : 3 14. พิจารณาปฏิกิริยาเคมีดงั สมการต่อไปนMี ปฏิกิริยาเคมี สมการเคมี (ยงั ไม่ไดด้ ุล) ก S8 (s) + O2 (g) → SO2 (g) ข H2 (g) + O2 (g) → H2O (g) ค HOBr (g) + HBr (g) → H2O (g) + Br2(g) ง CO2 (g) + H2 (g) + C (s) → CH3OH (g) ท+ีภาวะเดียวกนั ปฏิกิริยาเคมีในขอ้ ใดมีปริมาตรรวมของแก๊สที+ทาํ ปฏิกิริยากนั เท่ากบั ปริมาตรรวมของแก๊สท+ี เกิดขMึนจากปฏิกิริยา 1. ก และ ข 2. ก และ ค 3. ข และ ค 4. ข และ ง 5. ค และ ง

แนวขอ้ สอบ 9 วชิ าสามญั FB : Sheet Exam , IG : sheet_exam Line : @sheetexam Practice Exam For All Subjects 15. โลหะชนิดหน+ึง 10.0 mol ทาํ ปฏิกิริยากบั แก๊สออกซิเจนในบรรยากโาศอยา่ งสมบูรณ์ไดอ้ อกไซดท์ +ีพบใน ธรรมชาติของโลหะนMนั 510 g โลหะชนิดนMีคือธาตุใด (มวลอะตอมของ Mg = 24, Al= 27, Ca = 40, Fe = 56, Cu = 63.5) 1. Mg 2. Al 3. Ca 4. Fe 5. Cu 16. ทาํ การทดลองโดยตวงสารละลาย K2CrO4 เขม้ ขน้ 0.10 mol/dm3 ใส่หลอดทดลอง 3 หลอด จากนMนั เติมนMาํ และสารละลาย AgNO3 เขม้ ขน้ 0.20 mol/dm3 ลงไปในแต่ละหลอด ใชแ้ ท่งแกว้ คนใหส้ ารละลายผสมกนั ได้ ผลิตภณั ฑเ์ ป็น Ag2CrO4 และ KNO3 โดยปริมาตรของสารละลาย K2CrO4 นMาํ และสารละลาย AgNO3 ท+ีใส่ใน แต่ละหลอดแสดงในตาราง หลอดที+ สารละลาย K2CrO4 ปริมาตร (cm3) นMาํ สารละลาย AgNO3 I 1.00 5.00 4.00 II 3.00 3.00 4.00 III 5.00 1.00 4.00 สารกาํ หนดปริมาณของปฏิกิริยาในแต่ละหลอด ขอ้ ใดถูกตอ้ ง สารกาํ หนดปริมาณของปฏิกิริยาในหลอดที+ I II III 1. AgNO3 AgNO3 AgNO3 2. ไม่มี AgNO3 K2CrO4 3. K2CrO4 K2CrO4 K2CrO4 4. K2CrO4 K2CrO4 AgNO3 5. K2CrO4 ไม่มี AgNO3

แนวขอ้ สอบ 9 วชิ าสามญั FB : Sheet Exam , IG : sheet_exam Line : @sheetexam Practice Exam For All Subjects 17. พิจารณาสมบตั ิของสารต่อไปนMี โ ผลึก จุดหลอมเหลว จุดเดือด (°C) ความแขง็ สภาพนาํ ไฟฟ้าเม+ือ สภาพนาํ ไฟฟ้า ของแขง็ (°C) เป็ นผลึกของแขง็ เม+ือเป็ นของเหลว ไม่ค่อยแขง็ A 119 445 แขง็ มาก ไม่นาํ ไฟฟ้า ไม่นาํ ไฟฟ้า แขง็ เปราะ ไม่นาํ ไฟฟ้า ไม่นาํ ไฟฟ้า B 1723 2230 ไม่นาํ ไฟฟ้า นาํ ไฟฟ้า แขง็ นาํ ไฟฟ้า นาํ ไฟฟ้า C 2852 3600 D 1085 2562 ขอ้ ใดถูกตอ้ ง 1. B เป็นผลึกโลหะ 2. D เป็นผลึกโมเลกลุ 3. C เป็นผลึกไอออนิก 4. A และ B เป็นผลึกโมเลกลุ 5. C เป็นผลึกโคเวเลนตร์ ่างตาข่าย 18. พิจารณาของเหลวต่อไปนMี ของเหลว สูตร มวลต่อโมล (g/mol) เอทานอล C2H5OH 46 ไดเอทิลอีเทอร์ C2H5OC2H5 74 เพนเทน C 5H12 72 กลีเซอรอล CH2(OH)CH(OH)CH2(OH) 92 เมื+อหยดของเหลวแต่ละชนิดลงบนแผน่ กระจก และสงั เกตลกั ษณะของหยดของเหลวทนั ที หยดของเหลวที+ มีรูปทรงค่อนขา้ งกลมที+สุด และแบนหรือกระจายออกมากที+สุด คือขอ้ ใด

แนวขอ้ สอบ 9 วชิ าสามญั FB : Sheet Exam , IG : sheet_exam Line : @sheetexam Practice Exam For All Subjects แบนหโรือกระจายออกมากท+ีสุด รูปทรงค่อนขา้ งกลมท+ีสุด กลีเซอรอล 1. เพนเทน เอทานอล 2. เพนเทน ไดเอทิลอีเทอร์ 3. เอทานอล เพนเทน 4. กลีเซอรอล เอทานอล 5. กลีเซอรอล ขอ้ มูลต่อไปนMีใชส้ าํ หรับตอบคาํ ถามขอ้ 19-20 ค่าคงที+ของแก๊ส R = 0.082 L•atm mol-1• K-1 = 8.3 J•mol-1•K-1 19. เม+ือบรรจุโบรมีน (Br2) ในขวดสุญญากาศขนาด 410 cm3 แลว้ ทาํ ใหก้ ลายเป็นไอจนหมดที+อุณหภูมิ 27 °C พบวา่ ภายในขวดมีความดนั เป็น 228 mmHg ไอโบรมีนในขวดดงั กล่าวมีมวลก+ีกรัม 1. 7.9 x 10-3 2. 5.0 x 10-3 3. 0.40 4. 0.80 5. 3.8 20. สารชนิดหน+ึงมีสูตรเอมพริ ิคลั เป็น CH2สารนMี 0.70 g ในสถานะแก๊สท+ีอุณหภูมิ 27 °C ความดนั 0.82 atm มี ปริมาตร 0.300 L สูตรโมเลกลุ ของสารนMีเป็นดงั ขอ้ ใด 1. C3H6 2. C4H8 3. C5H10 4. C6H12 5. C7H14

แนวขอ้ สอบ 9 วชิ าสามญั FB : Sheet Exam , IG : sheet_exam Line : @sheetexam Practice Exam For All Subjects 21.กาํ หนดใหส้ าร A ทาํ ปฏิกิริยาเคมีกบั สาร B ไดส้ าร P ดงั สมการเคมโีท+ีดุลแลว้ ดงั นMี 2A (aq) + B (aq) → 2P (aq) ในการทดลองเพื+อศึกษาปฏิกิริยาเคมีท+ีกาํ หนด โดยติดตามความเขม้ ขน้ ของสารที+เวลาต่าง ๆ ดงั นMี การทดลองท+ี เวลา (s) ความเขม้ ขน้ (mol/dm3) 10 ABC 2 100 3 200 0.0300 0.0100 0 4 300 5 400 0.0200 0.00500 0.0100 0.0140 0.00200 0.0160 0.0120 0.00100 0.0180 0.0110 0.000500 0.0190 อตั ราการเกิดปฏิกิริยาเคมีในช่วงเวลาที+กาํ หนด ขอ้ ใดถูกตอ้ ง ช่วงเวลา (S) อตั ราการเกิดปฏิกิริยา (mol/dm3s) 1. 0 - 100 1.00 x 10-4 2. 100 – 200 3.00 x 10-5 3. 200 - 300 2.00 x 10-5 4. 300 - 400 1.00 x 10-5 5. 0 - 400 1.90 x 10-3

แนวขอ้ สอบ 9 วชิ าสามญั FB : Sheet Exam , IG : sheet_exam Line : @sheetexam Practice Exam For All Subjects 22. พิจารณาแผนภาพแสดงการเปลี+ยนแปลงพลงั งานในปฏิกิริยาการสโลายตวั ของ สารตMงั ตน้ เป็นผลิตภณั ฑด์ งั นMี การระบุประเภทปฏิกิริยา พลงั งานของปฏิกิริยา และพลงั งานก่อกมั มนั ตข์ องปฏิกิริยานMีขอ้ ใดถูกตอ้ ง ประเภทปฏิกิริยา พลงั งานของปฏิกิริยา (kJ) พลงั งานก่อกมั มนั ต์ (kJ) 1. คายพลงั งาน 75 125 2. คายพลงั งาน 25 225 3. ดูดพลงั งาน 25 200 4. ดูดพลงั งาน 75 125 5. ดูดพลงั งาน 75 200

แนวขอ้ สอบ 9 วชิ าสามญั FB : Sheet Exam , IG : sheet_exam Line : @sheetexam Practice Exam For All Subjects 23. จากปฏิกิริยา A (aq) + 2B (aq) + 3C (aq) → 4D (aq) + E (aq) โ ทาํ การทดลองท+ีอุณหภูมิคงท+ีโดยใชค้ วามเขม้ ขน้ ของสารตMงั ตน้ ต่างกนั พบวา่ ไดอ้ ตั ราการเกิดปฏิกิริยา เร+ิมตน้ (r) ดงั ในตาราง การทดลอง ความเขม้ ขน้ เร+ิมตน้ (mol/dm3) r (mol/dm3s) [A] [B] [C] 1 0.100 0.100 0.100 1.00 x 10-4 2 0.200 0.100 0.100 1.00 x 10-4 3 0.300 0.200 0.100 2.00 x 10-4 4 0.400 0.200 0.200 8.00 x 10-4 5 0.500 0.200 0.200 8.00 x 10-4 การเรียงลาํ ดบั สารที+ความเขม้ ขน้ มีผลต่ออตั ราการเกิดปฏิกิริยาจากมากท+ีสุดไปนอ้ ยท+ีสุด ขอ้ ใดถูกตอ้ ง 1. A, B, C 2. B, C, A 3. C, B, A 4. A, C, B 5. C, A, B

แนวขอ้ สอบ 9 วชิ าสามญั FB : Sheet Exam , IG : sheet_exam Line : @sheetexam Practice Exam For All Subjects 24. ในการทดลองเพื+อศึกษาอตั ราการสลายตวั ของสาร A และของสารโB ที+อุณหภูมิเดียวกนั พบวา่ ความสมั พนั ธ์ ระหวา่ งความเขม้ ขน้ ของสาร A และของสาร B กบั เวลาการเกิดปฏิกิริยาเป็นดงั กราฟ จากกราฟ อาจสรุปเก+ียวกบั อตั ราการสลายตวั ของ A และ B ไดด้ งั นMี ก. ตลอดการทดลอง อตั ราการสลายตวั ของ A เท่ากบั 5.00 x 10-3 mol/dm3•s ข. ในทุกช่วงเวลา อตั ราการสลายตวั ของสาร A มีค่านอ้ ยกวา่ อตั ราการสลายตวั ของสาร B ค. ในช่วงเวลาเดียวกนั อตั ราการสลายตวั ของ A มีค่าประมาณ 2 เท่าของอตั ราการสลายตวั ของสาร B การสรุปขา้ งตน้ ขอ้ ใดถูกตอ้ ง 1. ก เท่านMนั 2. ข เท่านMนั 3. ค เท่านMนั 4. ก และ ข 5. ข และ ค

แนวขอ้ สอบ 9 วชิ าสามญั FB : Sheet Exam , IG : sheet_exam Line : @sheetexam Practice Exam For All Subjects 25. ปฏิกิริยา 2A (g) + B (s) ⇋ C (g) มีค่าคงที+สมดุลเท่ากบั 1.5 x 10-2โและ 4.0 x 10-3 ที+ 50 °C และ 70 °C ตามลาํ ดบั ถา้ เร+ิมตน้ การทดลองมีแก๊ส A และสาร B ในภาชนะปิ ดขนาด 5 dm3 ท+ีอุณหภูมิ 50 °C ระบบจะเขา้ สู่ ภาวะสมดุลเม+ือเวลาผา่ นไป 5 นาที พิจารณาขอ้ ความเก+ียวกบั ความเขม้ ขน้ ของแก๊ส A ([A]) และแก๊ส C (C]) ต่อไปนMี ก. [A] ที+เวลา 3 นาที มีค่ามากกวา่ ที+เวลา 6 นาที ข. [C] ท+ีเวลา 6 นาที มีค่านอ้ ยกวา่ ที+เวลา 10 นาที ค. [A] ณ ภาวะสมดุล เมื+อลดปริมาตรเป็น 1 dm3 มีค่านอ้ ยกวา่ ในภาชนะ 5 dm3 ง. ถา้ ทาํ การทดลองเช่นเดียวกนั นMีที+อุณหภูมิ 70 °C[C] ณ ภาวะสมดุลจะมีค่ามากกวา่ ที+อุณหภูมิ 50°C ขอ้ ความใดถูกตอ้ ง 1. ก เท่านMนั 2. ค เท่านMนั 3. ก และ ข 4. ก และ ค 5. ข และ ง 26. จากสมการเคมีและค่าคงที+สมดุลต่อไปนMี K1 2Ag (s) + H2O2 (aq) + 2Cl- (aq) ⇋ 2AgCl (s) + 2OH- (aq) NH3 (aq) + H2O (1) ⇋ NH4OH (aq) K2 AgCl (s) + 2NH3 (aq) ⇋ [Ag(NH3)2]+ (aq) + Cl- (aq) K3 ค่าคงที+สมดุลของปฏิกิริยา Ag (s) + 1/2 H2O2 (aq) + 2NH4OH (aq) ⇋ [Ag(NH3)2]+ (aq) + 2H2O (1) + OH- (aq) เป็นดงั ขอ้ ใด 1. !!!\" 2. !!!$#!\" \"!# !## 3. !!!\" 4. K##$\"K\"\"K% \"!## 5. K##$\" + # + K% !##

แนวขอ้ สอบ 9 วชิ าสามญั FB : Sheet Exam , IG : sheet_exam Line : @sheetexam Practice Exam For All Subjects 27. ที+อุณหภูมิ 30 °C ปฏิกิริยา H2 (g) + I2 (g) ⇋ 2HI (g) มีค่าคงท+ีสมโดุล K = 9 ถา้ เริ+มตน้ มีแก๊ส H2 1.0 mol และ I2 1.0 mol ในภาชนะปิ ดขนาด 50 dm3 และปล่อยใหป้ ฏิกิริยาดาํ เนินไปจนเขา้ สู่ภาวะสมดุล ความเขม้ ขน้ ของ HI ณ ภาวะสมดุลเป็นเท่าใดในหน่วย mol/dm3 1. 0.012 2. 0.015 3. 0.024 4. 0.75 5. 1.2 28. พิจารณาปฏิกิริยาท+ีภาวะสมดุลต่อไปนMี ก. 2O3 (g) ⇋ 3O2 (g) ข. N2O4 (g) ⇋ 2NO2 (g) ค. H2 (g) + I2 (g) ⇋ 2HI (g) ง. 2NO (g) + Cl2 (g) ⇋ 2NOCl (g) จ. H2O (1) + CO2 (g) ⇋ H2CO3 (aq) ฉ. Cu (s) + 2Ag+ (aq) ⇋ Cu2+ (aq) + 2Ag (s) ช. Pb(NO3)2 (aq) + 2KI (aq) ⇋ PbI2 (s) + 2KNO3 (aq) ปฏิกิริยาท+ีปริมาณของผลิตภณั ฑไ์ ม่เปล+ียนแปลงเม+ือเพ+ิมความดนั ใหก้ บั ระบบ เป็นดงั ขอ้ ใด 1. ก ข และ ค 2. ก ข และ ง 3. ค ฉ และ ช 4. ง จ และ ฉ 5. จ ฉ และ ช

แนวขอ้ สอบ 9 วชิ าสามญั FB : Sheet Exam , IG : sheet_exam Line : @sheetexam Practice Exam For All Subjects 29. ตามทฤษฎีของเบรินสเตด-ลาวรี โมเลกลุ หรือไอออนทุกชนิดในขอ้โใดเป็นเบส เม+ือทาํ ปฏิกิริยากบั นMาํ 1. F- , HClO , HCO3- 2. S2-, H2O , HPO42- 3. HS- , CN- , H2PO4- 4. SO42- , NH4+ , PO43- 5. NH3 , CO32- , HCOO- 30. กาํ หนดใหร้ ้อยละของการแตกตวั ของกรดอ่อนมอนอโปรติก HA, HB และ HC เป็นดงั นMี สารละลายกรดอ่อน ความเขม้ ขน้ (mol/dm3) ร้อยละของการแตกตวั HA 0.10 1.0 HB 0.20 0.50 HC 1.0 0.10 ขอ้ ความต่อไปนMี ขอ้ ใดผดิ 1. กรด HA มีความแรงมากท+ีสุด 2. สารละลายกรด HA, HB และ HC มี pH เท่ากนั 3. ค่าคงท+ีการแตกตวั ของกรด HB นอ้ ยกวา่ ของกรด HC 4. เม+ืออุณหภูมิเพิ+มขMึน สารละลายทMงั สามชนิดจะมีความเขม้ ขน้ ของ H3O+ เพิ+มขMึน 5. สารละลายกรด HA เขม้ ขน้ 0.20 mol/dm3 มีร้อยละของการแตกตวั นอ้ ยกวา่ 1.0 31. พิจารณาสารละลายเขม้ ขน้ 0.10 mo/dm3 ของสารต่อไปนMี HBr , HNO2 , NaNO3 , KF , NH4Cl ขอ้ ใดเรียงลาํ ดบั สารละลายตามค่า pH จากนอ้ ยไปมากไดถ้ ูกตอ้ ง (กาํ หนดให้ Ka ของ HNO2 = 4.5 x 10-4 และ Ka ของ NH4+ = 6.0 x 10-10) 1. HBr , HNO2 , NH4Cl , NaNO3 , KF 2. HBr , NH4Cl , HNO2 , KF , NaNO3 3. KF , NaNO3 , NH4Cl , HNO2 , HBr 4. HNO2 , HBr , NaNO3 , NH4Cl , KF 5. NH4Cl , HNO2 , HBr , NaNO3 , KF

แนวขอ้ สอบ 9 วชิ าสามญั FB : Sheet Exam , IG : sheet_exam Line : @sheetexam Practice Exam For All Subjects 32. กาํ หนดให้ กราฟของการไทเทรตสารสารละลาย Na2CO3 ปริมาตรโ10.00 cm3 ดว้ ยสารละลาย HCl เขม้ ขน้ 0.10 mol/dm3 เป็นดงั รูป และช่วง pH ของการเปล+ียนสีของเมทิลออเรนจแ์ ละฟี นอลฟ์ ทาลีนแสดงในตารางต่อไปนMี อินดิเคเตอร์ ช่วง pH ที+เปล+ียนสี สีท+ีเปล+ียน เมทิลออเรนจ์ 3.2 – 4.4 แดง - เหลือง ฟี นอลฟ์ ทาลีน 8.3 - 10.0 ไม่มีสี - ชมพู ถา้ ไทเทรตสารละลาย Na2CO3 นMีดว้ ยสารละลาย HCl โดยใชฟ้ ี นอลฟ์ ทาลีนเป็นอินดิเคเตอร์ เม+ือเห็นการ เปล+ียนสีของฟี นอลฟ์ ทาลีนแลว้ จึงหยดเมทิลออเรนจล์ งไปในขวดเดิม แลว้ ไทเทรตต่อจนเมทิลออเรนจเ์ ปลี+ยนสี ขอ้ ใดไม่สอดคลอ้ งกบั ขอ้ มูลขา้ งตน้ 1. เมื+อไทเทรตจนถึงจุดสมมูลจุดท+ี 1 สารละลายจะไม่มีสี 2. เม+ือไทเทรตจนถึงจุดสมมูลจุดท+ี 2 สารละลายจะเป็นสีแดง 3. ความเขม้ ขน้ ของสารละลาย Na2CO3 นMีเท่ากบั 0.20 mol/dm3

แนวขอ้ สอบ 9 วชิ าสามญั FB : Sheet Exam , IG : sheet_exam Line : @sheetexam Practice Exam For All Subjects 4. ปฏิกิริยาท+ีเกิดขMึนช่วงก่อนฟี นอลฟ์ ทาลีนเปลี+ยนสีคือ Na2COโ 3 + HCl → NaHCO3 + NaCl 5. ปฏิกิริยาท+ีเกิดขMึนช่วงก่อนเมทิลออเรนจเ์ ปลี+ยนสีคือ NaHCO3 + HCl → H2O + CO2 + NaCl 33. นาํ ยาลดกรดหน+ึงเมด็ ซ+ึงประกอบดว้ ยแมกนีเซียมไฮดรอกไซด์ (Mg(OH)2) 250 mg ใส่ในสารละลายกรด ไฮโดรคลอริกเขม้ ขน้ 0.10 mol/dm3 ปริมาตร 120 cm3 เกิดปฏิกิริยา ไดส้ าร A และ B ดงั สมการ พิจารณาขอ้ ความต่อไปนMี Mg(OH)2 + 2HCl ⇌ A + 2B ก. สาร A คือ แมกนีเซียมคลอไรด์ และสาร B คือ นMาํ ข. จาํ นวนโมลของ HCl ในสารละลายกรดไฮโดรคลอริกที+ใชค้ ือ 0.012 mol ค. ยาลดกรดหน+ึงเมด็ จะเกิดปฏิกิริยาการสะเทินกบั กรดไฮโดรคลอริก 0.0043 mol ง. เม+ือสิMนสุดปฏิกิริยา สารละลายผสมมีค่า pH เท่ากบั 7 ขอ้ ใดกล่าวถูกตอ้ ง 1. ก และ ข เท่านMนั 2. ข และ ค 3. ค และ ง เท่านMนั 4. ก ข และ ง 5. ก ค และ ง 34. สารละลายผสมต่อไปนMีประกอบดว้ ยสาร 2 ชนิดที+มีความเขม้ ขน้ ในสารละลายผสมเท่ากนั สารละลายผสม สารชนิดท+ี 1 สารชนิดท+ี 2 I H2SO3 (Ka = 1.2 x 10-2) NaHSO3 II H2CO3 (Ka = 4 x 10-7) NaHCO3 III NaHCO3 (Ka = 5.0 x 10-11) Na2CO3 IV NaH2PO4 (Ka = 6.0 x 10-8) Na2HPO4 V C6H5COOH (Ka = 6.4 x 10-5) C6H5COONa

แนวขอ้ สอบ 9 วชิ าสามญั FB : Sheet Exam , IG : sheet_exam Line : @sheetexam Practice Exam For All Subjects โ การเปรียบเทียบค่า pH ของสารละลายผสมขอ้ ใดถูกตอ้ ง 1. I > V > IV 2. II > IV > I 3. III > II > V 4. IV > I > III 5.V > III > II 35. พิจารณาปฏิกิริยาต่อไปนMีในสารละลายกรด a MnO4- (aq) + b NO (g) + c H+ (aq) → d Mn2+ (aq) + e NO3- (aq) + f H2O (l) โดย a, b, c, d, e และ f เป็นเลขสมั ประสิทธ_ิจาํ นวนเตม็ นอ้ ยที+สุดท+ีทาํ ใหส้ มการดุล ขอ้ ใดถูกตอ้ ง 1. b = 3 2. c = 4 3. d + f = 7 4. a + c = b 5. ผลรวมสมั ประสิทธ_ิทMงั หมด = 18 36. เม+ือพมุ่ แผน่ โลหะท+ีไดท้ าํ ความสะอาดพMืนผวิ แลว้ ลงในสารละลายในนMาํ ที+มีไอออนของโลหะอีกชนิดหน+ึง ไดผ้ ลการทดลองดงั นMี การทดลองที+ แผน่ โลหะ สารละลาย ผลการทดลอง I Zn Fe2+ มีโลหะ Fe เกาะที+ผวิ Zn II Ni Sn2+ มีโลหะ Sn เกาะที+ผวิ Ni III Fe Ni2+ โลหะ Ni เกาะท+ีผวิ Fe IV Al Zn2+ มีโลหะ Zn เกาะที+ผวิ Al V Fe Al2+ ไม่เกิดการเปล+ียนแปลง

แนวขอ้ สอบ 9 วชิ าสามญั FB : Sheet Exam , IG : sheet_exam Line : @sheetexam Practice Exam For All Subjects โ ขอ้ ใดเปรียบเทียบความสามารถในการเป็นตวั รีดิวซ์ไดถ้ ูกตอ้ ง 1. Zn > Fe > Sn > Ni > Al 2. Al > Zn > Fe > Ni > Sn 3. Zn > Al> Fe > Sn > Ni 4. Sn > Ni > Fe > Zn > Al 5. Al > Fe >Zn > Sn > Ni 37. กาํ หนดค่าศกั ยไ์ ฟฟ้ามาตรฐานของคร+ึงเซลลร์ ีดกั ชนั ที+ 298 K Cu2+ (aq) + 2e- → Cu (s) E0 = +0.34 V Ag+ (aq) + e- → Ag (s) E0= +0.80 V ถา้ นาํ คร+ึงเซลลท์ +ีมีแผน่ ทองแดงจุ่มในสารละลาย CuSO4 มาต่อกบั คร+ึงเซลลท์ +ีมีแผน่ เงินจุ่มในสารละลาย AgNO_ ใหเ้ ป็นเซลลไ์ ฟฟ้าเคมี ขอ้ สรุปใคถูกตอ้ ง 1. ตวั ออกซิไดส์ คือ Ag(s) 2. มวลของโลหะ Cu จะเพิ+มขMึน 3. แผนภาพเซลลเ์ ขียนไดด้ งั นMี Cu (s) | Cu2+ (aq) || Ag+ (aq) | Ag (s) 4. ปฏิกิริยารวมของเซลลท์ ี+ไดค้ ือ Cu2+ (aq) + 2Ag (s) → Cu (s) + 2Ag+ (aq) 5. เซลลไ์ ฟฟ้าท+ีไดเ้ ป็นเซลลอ์ ิเลก็ โทรไลติก มีศกั ยไ์ ฟฟ้ามาตรฐานของเซลลเ์ ท่ากบั +0.46 V 38. ถา้ ต่อคร+ึงเซลล์ Pt (s) | H2 (g, 1 atm) | H+ (aq, 2 mol/dm3) และคร+ึงเซลล์ Pt (s) | H2(g, 1 atm) | H+ (aq, 0.1 mol/dm3) เขา้ ดว้ ยกนั ใหค้ รบวงจร พิจารณาผลท+ีไดต้ ่อไปนMี ก. ขMวั ที+ H+ เขม้ ขน้ 2 mol/dm3 เป็นขMวั แคโทด ข. เซลลไ์ ฟฟ้าท+ีไดเ้ ป็นเซลลค์ วามเขม้ ขน้ ชนิดหน+ึง ค. อิเลก็ ตรอนเคลื+อนที+จากขMวั ท+ี H+ เขม้ ขน้ 2 mol/dm3 ไปยงั ขMวั ท+ี H+ เขม้ ขน้ 0.1 mol/dm3 ง. ศกั ยไ์ ฟฟ้ามาตรฐานของเซลลม์ ีค่ามากกวา่ ศูนย์

แนวขอ้ สอบ 9 วชิ าสามญั FB : Sheet Exam , IG : sheet_exam Line : @sheetexam Practice Exam For All Subjects โ ผลขอ้ ใดถูกตอ้ ง 1. ก และ ง 2. ข และ ง 3. ก ข และ ค 4. ก และ ข เท่านMนั 5. ข และ ค เท่านMนั 39. การผลิตโลหะอะลูมิเนียมในอุตสาหกรรม ใชว้ ธิ ีอิเลก็ โทรลิซิสของแร่บอกไซตห์ ลอมเหลว โดยผสมแร่ ไครโอไลต์ (Na3AIF6) เพ+ือช่วยใหห้ ลอมเหลวง่ายขMึน และแกรไฟตเ์ ป็นขMวั ไฟฟ้า พิจารณาขอ้ ความต่อไปนMี ก. เกิดแก๊ส F2 ที+ขMวั แคโทด ข. เกิดแก๊ส O2 ท+ีขMวั แอโนด ค. ท+ีขMวั แอโนดมีแก๊ส CO2 เกิดขMึนดว้ ย ง. ถา้ Al2O3 ถูกแยกสลายไป 1 mol ตอ้ งใชอ้ ิเลก็ ตรอนจากแหล่งกาํ เนิดไฟฟ้า 6 mol ขอ้ ความใดถูกตอ้ ง 1. ก และ ง 2. ก ข และ ค 3. ข ค และ ง 4. ข และ ค เท่านMนั 5. ค และ ง เท่านMนั

แนวขอ้ สอบ 9 วชิ าสามญั FB : Sheet Exam , IG : sheet_exam Line : @sheetexam Practice Exam For All Subjects 40. พิจารณาสมบตั ิของแกว้ 3 ชนิดดงั นMี โ ชนิดของแกว้ สมบตั ิของแกว้ ก ทนต่อการเปล+ียนแปลงอุณหภูมิไดด้ ี ทนสารเคมี ใชท้ าํ เครื+องแกว้ ใน หอ้ งปฏิบตั ิการ ข ยอมใหแ้ สงขาวผา่ น แต่ดูดกลืนรังสีอลั ตราไวโอเลต ใชท้ าํ แกว้ นMาํ ขวดนMาํ กระจกแผน่ ค ตะกว+ั เป็นองคป์ ระกอบหน+ึง มีดชั นีการหกั เหแสงสูง ใชท้ าํ เคร+ืองใช้ เครื+องประดบั ขอ้ ใดระบุชนิดของแกว้ ก ข และ ค ไดถ้ ูกตอ้ งตามลาํ ดบั 1. แกว้ คริสตลั แกว้ โซดาไลม์ และแกว้ โบโรซิลิเกต 2. แกว้ โซดาไลม์ แกว้ โบโรซิลิเกต และแกว้ คริสตลั 3. แกว้ คริสตลั แกว้ โบโรซิลิเกต และแกว้ โซดาไลม์ 4. แกว้ โบโรซิลิเกต แกว้ คริสตลั และแกว้ โซดาไลม์ 5. แกว้ โบโรซิลิเกต แกว้ โซดาไลม์ และแกว้ คริสตลั 41. สมการเคมีในขอ้ ใดเกี+ยวขอ้ งกบั การผลิตสารฟอกขาว 1. 2NaHCO2 (s) → Na2CO3 (s) + CO2 (g) + H2O (g) 2. Ca(OH)2 (aq) + 2NH4Cl (aq) → CaCl2 (s) + 2NH3 (g) + 2H2O (1) 3. 2Ca(OH)2 (aq) + 2Cl2 (g) → Ca(OCl)2 (s) + CaCl2 (aq) + 2H2O (1) 4. CaF2•3Ca3(PO4)2 (s) + 14H3PO4 (aq) → 10 Ca(H2PO4) (s) + 2HF (aq) 5. CO2 (g) + Na+ (aq) + Cl- (aq) + NH3 (aq) + H2O (1) → NaHCO3 (s) + NH4 (aq) + Cl- (aq)

แนวขอ้ สอบ 9 วชิ าสามญั FB : Sheet Exam , IG : sheet_exam Line : @sheetexam Practice Exam For All Subjects 42. พิจารณาสูตรโครงสร้างของสารอินทรียแ์ ละการเรียกช+ือ (โดยไม่ระโบุซิส- หรือทรานส์-) ของสารอินทรียท์ +ี กาํ หนดใหต้ ่อไปนMี การเรียกช+ือสารตามสูตรโครงสร้างท+ีกาํ หนด ขอ้ ใดถูกตอ้ งตามระบบ IUPAC 1. ก และ ข 2. ก และ ค 3. ข และ ค 4. ข และ ง 5. ค และ ง

แนวขอ้ สอบ 9 วชิ าสามญั FB : Sheet Exam , IG : sheet_exam Line : @sheetexam Practice Exam For All Subjects โ 43. สารอินทรียช์ นิดหน+ึง มีสูตรโครงสร้างดงั แสดง ขอ้ ใดไม่ใช่สมบตั ิของสารนMี 1. ละลายนMาํ ไดด้ ี 2. เกิดพนั ธะไฮโดรเจนกบั นMาํ ได้ 3. มีจุดเดือดต+าํ กวา่ เมทอกซีอีเทน 4. เป็นไอโซเมอร์ของ 1-โพรพานอล 5. เกิดปฏิกิริยาเอสเทอริฟิ เคชนั กบั กรดคาร์บอกซิลิกได้ 44. จากสูตรโครงสร้างของสารต่อไปนMี ขอ้ ใดผดิ 1. เอทิลเบนซีนไม่สามารถฟอกจางสีโบรมีน 2. ยจู ีนอลสามารถฟอกจางสีโบรมีนไดใ้ นที+มืด 3. การบูรและแอซีโตนมีหมู่ฟังกช์ นั เดียวกนั คือหมู่คาร์บอนิล 4. ผลิตภณั ฑห์ น+ึงจากปฏิกิริยาไฮโดรลิซิสของนMาํ มนั ระกาํ คือเมทานอล 5. ผลิตภณั ฑห์ น+ึงจากปฏิกิริยาไฮโดรลิซิสของพาราเซตามอลคือกรดแอซีติก

แนวขอ้ สอบ 9 วชิ าสามญั FB : Sheet Exam , IG : sheet_exam Line : @sheetexam Practice Exam For All Subjects 45. สารชนิดหน+ึงมีสูตรโมเลกลุ CxHyO เม+ือนาํ สารนMี 1 mol ไปเผาไหมโอ้ ยา่ งสมบูรณ์ไดแ้ ก๊ส คาร์บอนไดออกไซด์ 4 mol และนMาํ 5 mol สารนMีมีสูตรโครงสร้างท+ีเป็นแอลกอฮอลไ์ ดท้ Mงั หมดก+ีแบบ 1. 1 แบบ 2. 2 แบบ 3. 3 แบบ 4. 4 แบบ 5. มากกวา่ 4 แบบ

แนวขอ้ สอบ 9 วชิ าสามญั FB : Sheet Exam , IG : sheet_exam Line : @sheetexam Practice Exam For All Subjects 46. จากโครงสร้างพอลิเมอร์ต่อไปนMี โ พอลิเมอร์ดงั กล่าวสงั เคราะห์ไดจ้ ากมอนอเมอร์ใด และปฏิกิริยาการเกิดพอลิเมอร์แบบใดมอนอเมอร์ 47. พิจารณาขอ้ ความต่อไปนMี ก. เคอโรเจนเป็นสารประกอบอินทรียส์ าํ คญั ที+พบในหินนMาํ มนั ข. บิทูมินสั มีปริมาณร้อยละโดยมวลของคาร์บอนต+าํ กวา่ ลิกไนต์ ค. สารเพ+ิมค่าออกเทน ETBE ในนMาํ มนั ไร้สารตะกวั+ มีหมู่ฟังกช์ นั เป็นอีเทอร์ ง. anodic protection เป็นหน+ึงในวธิ ีท+ีนิยมใชป้ ้องกนั การผกุ ร่อนของท่อส่งแก๊สธรรมชาติ จ. นMาํ มนั ดิบที+มีสารประกอบอินทรียข์ องกาํ มะถนั ปนอยเู่ กินร้อยละ 5 โดยมวลเรียกวา่ sweet crude oil

แนวขอ้ สอบ 9 วชิ าสามญั FB : Sheet Exam , IG : sheet_exam Line : @sheetexam Practice Exam For All Subjects โ ขอ้ ความใดถูกตอ้ ง 1. ก และ ค 2. ก และ ง 3. ข และ ค 4. ข และ ง 5. ค และ จ 48. พิจารณาขอ้ ความต่อไปนMี ขอ้ ใดผดิ 1. ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนเป็นสารในกลุ่มลิพิด 2. นMาํ มนั ขา้ วโพดไม่สามารถฟอกจางสีโบรมีนไดใ้ นท+ีมืด 3. เนยเป็นไขมนั ที+มีองคป์ ระกอบส่วนใหญ่เป็นกรดไขมนั อ+ิมตวั 4. ปฏิกิริยาสะปอนนิฟิ เคชนั ของไตรกลีเซอไรดไ์ ดผ้ ลิตภณั ฑเ์ ป็นสบู่และกลีเซอรอล 5. สาร BHA ซ+ึงเป็นสารป้องกนั การเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชMนั ในนMาํ มนั พชื เป็นสารอินทรียป์ ระเภทฟี นอล 49. ขอ้ ความเกี+ยวกบั เอนไซม์ ขอ้ ใดถูกตอ้ ง 1. ค่า pH ไม่มีผลต่อการทาํ งานของเอนไซม์ 2. เอนไซมไ์ ลเปสทาํ หนา้ ท+ียอ่ ยแป้งใหเ้ ป็นไขมนั สะสมในร่างกาย 3. ปฏิกิริยาที+เร่งดว้ ยเอนไซมม์ ีค่าพลงั งานก่อกมั มนั ตต์ +าํ กวา่ ปฏิกิริยาที+ไม่มีเอนไซม์ 4. โครงสร้างของเอนไซมท์ ุกชนิดไม่เปลี+ยนแปลงทMงั ก่อนและหลงั จบั กบั สบั สเตรตจนสิMนสุดปฏิกิริยา 5. เอนไซมเ์ ป็นโมเลกลุ ขนาดใหญ่ท+ีประกอบดว้ ยโมเลกลุ ขนาดเลก็ เช+ือมต่อกนั ดว้ ยพนั ธะไกลโคซิดิก 50. ถา้ กรดอะมิโนไกลซีน (NH2CH2COOH) จาํ นวน 20 โมเลกลุ เชื+อมต่อกนั เป็นพอลิเพปไทดส์ ายโซ่ตรง พอลิเพปไทดน์ Mี 1 โมลมีมวลกี+กรัม 1. 1,140 2. 1,158 3. 1,176 4. 1,500 5. 1,520

แนวขอ้ สอบ 9 วชิ าสามญั FB : Sheet Exam , IG : sheet_exam Line : @sheetexam Practice Exam For All Subjects โ เฉลยข้อสอบเคมี 2563 1. 4 2. 4 3. 3 4. 1 5. 5 6. 1 7. 1 8. 5 9. 4 10. 3 11. 3 12. 1 13. 1 14. 2 15. 2 16. 5 17. 3 18. 4 19. 4 20. 3 21. 4 22. 1 23. 3 24. 1 25. 4 26. 2 27. 3 28. 3 29. 5 30. 3 31. 1 32. 2 33. 1 34. 3 35. 2 36. 2 37. 3 38. 4 39. 3 40. 5 41. 3 42. 5 43. 3 44. 1 45. 4 46. 4 47. 1 48. 2 49. 3 50. 2

แนวขอ้ สอบ 9 วชิ าสามญั FB : Sheet Exam , IG : sheet_exam Line : @sheetexam Practice Exam For All Subjects โ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook