พัฒนาการเครื่องแต่งกายตวั ละครพม่า ในละครพนั ทางเรือ่ งราชาธิราช ของกรมศลิ ปากร The Development of Myanmar Costumes in Lakon Phanthang Rajathiraj of The Fine Arts Department วสะ ภูวงศ1์ Vasa Phuwongse 1 นักศกึ ษาหลักสตู รศลิ ปศาสตรมหาบณั ฑิต สาขาศิลปะการแสดง คณะศลิ ปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสนุ ันทา
2 วารสารศิลปกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยขอนแก่น บทคัดยอ่ การวิจัยครั้งน้ีมีวัตถุประสงค์เพ่ือศึกษาพัฒนาการและรูปแบบของ เครอื่ งแตง่ กายตวั ละครพมา่ ในละครพนั ทาง เรอื่ งราชาธริ าช ของกรมศลิ ปากร ตง้ั แต่ พ.ศ.2495 จนถงึ พ.ศ.2560 โดยการศกึ ษาจากเอกสาร การสมั ภาษณ์ การสงั เกตการณ์ ทง้ั แบบมสี ว่ นรว่ มและไม่มสี ว่ นรว่ ม ผลการวิจัยพบวา่ พฒั นาการเครื่องแตง่ กายตวั ละครพมา่ ในละครพนั ทาง เรอ่ื งราชาธริ าช ของกรมศิลปากร ในชว่ งแรกได้น�ำรปู แบบเครอ่ื งแต่งกายของโขน - ละคร ของไทยมาพฒั นาใหม้ รี ปู แบบเฉพาะตวั ของละครพนั ทาง ตอ่ มาไดร้ บั อทิ ธพิ ล มาจากละครพนั ทางเรอื่ งผชู้ นะสบิ ทศิ จงึ ไดน้ ำ� มาสรา้ งสรรคพ์ ฒั นาใหม้ คี วามงดงาม และสะดวกสบายในการสวมใส่มากยิ่งข้นึ และในปัจจบุ นั ได้มีการเปลยี่ นแปลงวสั ดุ ทน่ี ำ� มาใชใ้ นการสรา้ งเครอื่ งแตง่ กาย โดยเลอื กวสั ดทุ ห่ี าไดง้ า่ ยในทอ้ งตลาด เพอ่ื การ สร้างเครื่องแต่งกายท่ีมีความงดงามตามยุคสมัย ในส่วนของรูปแบบเคร่ืองแต่งกาย ตวั ละครแตล่ ะตวั สามารถแตง่ ได้หลายรูปแบบ ซงึ่ จะมีความแตกตา่ งกันในสว่ นของ การสวมใสเ่ สอื้ การนงุ่ ผา้ การสวมใสเ่ ครอื่ งประดบั การโพกศรี ษะ หรอื แมแ้ ตก่ ระทง่ั การใช้สีของเส้ือผ้าที่ตรงกันข้ามกันในแต่ละตัวละคร โดยยึดหลักการใช้สีจาก เคร่ืองแต่งกายโขน - ละคร ทัง้ นี้เพือ่ สรา้ งความโดดเดน่ ให้แก่ตัวละคร และเครื่อง แตง่ กายของตวั ละคร จะบง่ บอกถึงสถานภาพในสังคมของตัวละคร ท�ำใหผ้ ชู้ มการ แสดงทราบว่าตัวละครตัวใดมคี วามส�ำคญั ในการแสดงในฉากนนั้ งานวิจัยนี้มุ่งศึกษาพัฒนาการและรูปแบบเคร่ืองแต่งกายตัวละครพม่า ในละครพนั ทาง เร่ืองราชาธริ าช ของกรมศิลปากร เพ่ือการเผยแพร่รูปแบบเคร่อื ง แตง่ กายละครพนั ทาง เรอื่ งราชาธริ าช ใหเ้ ปน็ ทนี่ ยิ มและแพรห่ ลายในกลมุ่ การแสดง กลุ่มอื่น เช่น โรงเรียนต่าง ๆ และหน่วยงานอ่ืนที่มีการแสดงละครพันทางเร่ือง ราชาธริ าช สืบไปอยา่ งยัง่ ยนื คำ� สำ� คญั : เครอื่ งแตง่ กายตวั ละครพมา่ , ในละครพนั ทาง, เรอื่ งราชาธริ าช, กรมศลิ ปากร ปที ่ี ๑๐ ฉบับท่ี ๒ กรกฎาคม-ธนั วาคม ๒๕๖๑
3 วารสารศลิ ปกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น Abstract The purpose of this research was to study the development and style of Myanmar costumes in Lakon Phanthang Rajathiraj of The Fine Arts Department. Since 1952 Until 2017, By studying both participant and non-participant observation documents. The research found that Development of Myanmar costume characters in Lakon Phanthang Rajathiraj of The Fine Arts Department. In the beginning, the costumes of Khon-Thai dramas to develop a unique style of drama. Later influenced by the Lakon Phanthang Phuchanasibtid. It has been developed to be more beautiful and comfortable to wear. And nowadays, the materials used in making costumes have changed. By choosing materials that are easily available on the market. To create beautiful costumes of the era. In the form of costume. Each character can be composed in several forms. There will be differences in wearing a dress, dressing, wearing a headdress, or even using the opposite colors of each character. By using the color scheme of Khon-drama costumes to create a distinctive character. And character costumes Indicates the social status of the character. Make the audi- ence know which character is important in the scene. This research aims to study the patterns and development of Myanmar costume characters in Lakon Phanthang Rajathiraj of The Fine Arts Department, To publish the costumes, It is popular and popular among other powerful groups such as schools and other organizations that display plays in Rajasthan. Continue to be sustainable. Keywords: Myanmar costume characters, in the Lakon Phanthang, Rajathiraj, The Fine Arts Department ปที ี่ ๑๐ ฉบับท่ี ๒ กรกฎาคม-ธันวาคม ๒๕๖๑
4 วารสารศิลปกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยขอนแก่น ความเป็นมาและความสำ� คญั ของปัญหา ในปลายสมยั พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั (รชั กาลที่ 4) มลี ะคร ชนดิ หนงึ่ ถอื กำ� เนดิ ขนึ้ โดยเจา้ พระยามหนิ ทรศกั ดธิ์ ำ� รง (เพง็ เพญ็ กลุ ) ทา่ นไดค้ ดิ การ แสดงละครของทา่ นทม่ี รี ปู แบบแตกตา่ งออกไปตามกระแสแขง่ ขนั การละครในยคุ นนั้ โดยนำ� เรอื่ งพงศาวดารชาตติ า่ ง ๆ มาแสดง เชน่ เรอ่ื งราชาธริ าช โดยคดิ ใหบ้ รรยากาศ เปน็ ชาตนิ น้ั ๆ โดยการแตง่ กายใหม้ ลี ักษณะและกล่ินอายท่ีเป็นเชือ้ ชาตินนั้ ๆ บรรจุ เพลงทม่ี ีสำ� เนยี งออกภาษา ดังที่เรยี กในภาษาดนตรวี ่า เพลงสำ� เนียงพม่า มอญ ลาว จนี เปน็ ตน้ ซง่ึ เพลงสำ� เนยี งภาษาตา่ ง ๆ ศลิ ปนิ ไทยแตง่ เลยี นเสยี งของชนชาตติ า่ ง ๆ ทีม่ าอาศยั อยูใ่ นกรุงเทพมหานคร ภายหลังจงึ มผี ู้เรียกละครชนดิ นีว้ ่าละครพนั ธ์ทาง (พนั ธผ์ุ สม) หรอื ละครพนั ทาง ซงึ่ หมายถงึ เลน่ ไดห้ ลายวธิ ไี มจ่ ำ� กดั (สรุ พล วริ ฬุ หร์ กั ษ,์ 2543) ในสมยั พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยู่หวั (รัชกาลที่ 5) การละคร ไทยไดม้ กี ารพฒั นาเปลย่ี นแปลงคอ่ นขา้ งมาก ดว้ ยเหตทุ วี่ า่ สยามประเทศกำ� ลงั ไดร้ บั อทิ ธพิ ลของตา่ งชาตเิ ขา้ มา โดยเฉพาะอทิ ธพิ ลการละครแบบตะวนั ตก ทำ� ใหเ้ กดิ การ พัฒนารปู แบบการละครเกดิ ขน้ึ ใหมม่ าจนถึงปัจจบุ นั (มทั นี รัตนิน, 2551) ละครท่ี เกดิ การพฒั นาปรบั ปรงุ ใหม่ เชน่ ละครพนั ทาง ละครดกึ ดำ� บรรพ์ ละครรอ้ ง ละครพดู ลเิ ก หุ่นกระบอก การละเล่นการแสดงอน่ื ๆ อีกมากมาย เคร่ืองแตง่ กายและศลิ ปะ การแต่งหน้า รวมถึงฉากต่าง ๆ ที่อยู่ในการแสดงละครที่มีการพัฒนาตามไปด้วย จึงเกิดการทดลองเครื่องแต่งกายรปู แบบใหม่ ๆ ละครพนั ทาง ถอื ได้วา่ เป็นละครที่ เป็นการเช่ือมต่ออารายธรรมจากยุคเก่าไปส่อู ารยธรรมยคุ ใหม่ ละครพันทางของกรมศิลปากรน้ัน ได้รับอิทธิพลจากรูปแบบของ ละคร เจ้าพระยามหนิ ทรศกั ดธ์ิ �ำรง และพระเจา้ บรมวงศ์เธอกรมพระนราธปิ ประพันธพ์ งศ์ โดยมีการถ่ายทอดมาจากครูละคร และศิลปินหลายท่านที่เข้ามาเป็นครูละคร ยคุ แรก ๆ ของกรมศลิ ปากร โดยเฉพาะที่มาจากคณะละครเจ้าคุณพระประยรุ วงศ์ เช่น ครูสะอาด แสงสว่าง ครูผนั โมรากุล ครเู จริญจิต ภทั รเสวี และทีม่ าจากคณะ ละครวงั สวนกหุ ลาบ ปที ี่ ๑๐ ฉบับที่ ๒ กรกฎาคม-ธนั วาคม ๒๕๖๑
5 วารสารศิลปกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยขอนแก่น ละครพันทางได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะอย่างย่ิงละคร พันทางของกรมศิลปากร ซึ่งจัดแสดงละครพันทางหลายเรื่อง อาทิเช่น พระลอ อาบหู ะซัน ผชู้ นะสิบทศิ สามก๊ก พญาผานอง ศรีธรรมาโศกราช เรือ่ งท่ีได้รับความ นยิ มมากอกี เรอื่ งหนง่ึ คอื เรอื่ งราชาธริ าช โดยเฉพาะตอนสมงิ พระรามอาสา ซงึ่ กรม ศลิ ปากรไดจ้ ดั แสดงเปน็ ครง้ั แรก เมอื่ ปี พ.ศ.2495 และยงั มอี กี หลายตอนทสี่ ำ� นกั การ สงั คีต กรมศิลปากร จดั แสดง ณ โรงละครแห่งชาติ กรมศิลปากร เชน่ ดูตัวสมงิ นคร อินทร์, สมิงพระรามอาสารบกามนี, สัจจะสมิงนครอินทร์, บุญญาพระเจ้าฟ้าร่ัว, ศึกมังรายกระยอฉวา, พระยาน้อยชมตลาด, สัจจาธิษฐานพ่อลาวแก่นท้าว, สมงิ พระรามแตง่ งาน เป็นต้น ในปี พ.ศ.2523 กรมศลิ ปากร ไดจ้ ดั การแสดงละครพนั ทางเรอื่ งราชาธริ าช ชดุ ศกึ พระเจา้ ฝรัง่ มงั ฆอ้ ง โดยนายเสรี หวงั ในธรรม โดยน�ำเอาการแสดงตอนต่างมา ถึง 4 ตอน นำ� มาผูกเรือ่ งใหต้ อนนั้นติดตอ่ กัน (กรมศิลปากร, 2523) ปัจจัยท่ีท�ำให้การแสดงละครพันทางของกรมศิลปากรได้รับความนิยม เนอ่ื งจากเปน็ การแสดงทม่ี เี รอื่ งราวสนกุ สนาน ประกอบกบั จารตี ของการแสดงทผ่ี า่ น ทางครูละครและศลิ ปนิ ในยคุ ของกรมศลิ ปากร บทละครเรื่องราชาธิราชเป็นเร่ืองราวท่ีน�ำมาจากพงศาวดารพม่า เน้ือหา ว่าด้วยประวัติศาสตร์ของอาณาจักรหงสาวดีของชาวมอญ ต้ังแต่ พ.ศ.1830 ถึง พ.ศ.1964 ในพงศาวดารประกอบด้วยเร่ืองราวของความขัดแย้งภายในราชส�ำนัก การกบฏ การทตู การสงคราม สามารถแบง่ ตัวละครเปน็ 3 เชือ้ ชาติ ได้แก่ เชอ้ื ชาติ มอญ, เช้ือชาติพม่า และเชื้อชาติจนี ซง่ึ ตัวละครแต่ละเชือ้ ชาตมิ กี ารแตง่ กายที่เปน็ เอกลักษณ์ มีความโดดเด่น และสะท้อนให้เห็นถึงลักษณะของแต่ละเช้ือชาติ โดย เฉพาะในเชอื้ ชาตพิ ม่า ท่มี ีลกั ษณะเคร่อื งแต่งกายเป็นเอกลกั ษณท์ ีน่ ่าศกึ ษา ปัจจุบันลักษณะการแต่งกายเชื้อชาติพม่าท่ีใช้ในการแสดงละครพันทาง ได้มีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนารูปแบบ เนื่องด้วยปัจจัยต่าง ๆ มากมาย เช่น การพัฒนาในเร่ืองของวัสดุท่ีน�ำมาจัดสร้างเครื่องแต่งกาย มีความสวยงามตาม สมัยนิยม ผ้าท่ีใช้ในการตัดเย็บก็มีการเปลี่ยนแปลง ให้เกิดความงามมากข้ึน เช่น ปีท่ี ๑๐ ฉบับที่ ๒ กรกฎาคม-ธนั วาคม ๒๕๖๑
6 วารสารศิลปกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น เนอ้ื ผา้ จะมคี วามเงางามมากขนึ้ รวมถงึ เครอื่ งประดบั ตา่ ง ๆ ในปจั จบุ นั กม็ รี ปู แบบท่ี แปลกใหม่ และทันสมยั ขนึ้ มากตามยุคสมัยนยิ ม จงึ เป็นสาเหตทุ ที่ �ำให้ลักษณะและ รูปแบบเครื่องแต่งกายละครพันทางเกิดการพัฒนาให้มีความวิจิตรงดงามมากขึ้น เพือ่ ให้ผชู้ มเกิดความพึง่ พอใจในการชมการแสดงมากขน้ึ ลักษณะเครื่องแต่งกาย ในละครพนั ทาง ถูกออกแบบโดยมกี ารอ้างอิงจาก การแตง่ กายของประชาชนตามเชอื้ ชาตทิ ป่ี รากฏอยใู่ นเนอื้ เรอื่ งทใ่ี ชใ้ นการแสดง เชน่ การแต่งกายของหญิงสาวชาวพม่า การนุ่งผ้าถุงป้ายข้างยาวคลุมเท้าและมีชายผ้า ยาวต่อจากข้อเท้า เมื่อน�ำมาเป็นเครื่องแต่งกายของละครพันทาง จึงให้ตัวละคร ผู้หญิงทมี่ เี ชอื้ ชาตพิ มา่ น่งุ ผ้าถงุ ปา้ ยยาวถงึ ขอ้ เท้า แต่มกี ารต่อผ้าบางจากน่องลงมา ถงึ ขอ้ เทา้ แทนการตอ่ ผา้ ยาวจากขอ้ เทา้ เพอื่ ใหเ้ กดิ ความเหมาะสมกบั การรา่ ยรำ� ของ ไทย นอกจากนี้ยังมีการปรับเปลี่ยนวัสดุท่ีใช้ในการท�ำเคร่ืองแต่งกายเพ่ือให้ เกิดคุณภาพคงทนมากยิ่งขึ้น เคร่ืองแต่งกายจึงแต่งกายเลียนแบบชนชาติต่าง ๆ เหล่านน้ั ส่วนการแตง่ กายของชนชาตจิ นี นน้ั กแ็ ตง่ กายอย่างงวิ้ เครอื่ งแตง่ กายละครพนั ทาง ทกี่ รมศลิ ปากรจดั แสดงอยใู่ นปจั จบุ นั ไดม้ กี าร พฒั นาเปลยี่ นแปลงไปตามยุคสมยั จากอดีตสปู่ ัจจบุ ัน มกี ารคิดออกแบบสร้างสรรค์ เคร่ืองแต่งกายให้มีความวิจิตรงดงามตามยุคสมัยที่เปลี่ยนไป จึงเป็นเหตุที่ให้ผู้วิจัย มีความสนใจที่จะศึกษาพัฒนาการเครื่องแต่งกายละครพันทางที่กรมศิลปากรได้จัด สร้างขึ้น เพื่อใช้ประกอบการแสดงละครพันทาง โดยมุ่งเน้นจะศึกษาพัฒนาการ เคร่ืองแต่งกาย ตัวละครพม่า ในละครพันทาง เรื่องราชาธิราช ของกรมศิลปากร เนอื่ งดว้ ยละครเรอื่ งราชาธริ าช เปน็ เรอ่ื งทมี่ ตี วั ละครหลากหลายเชอ้ื ชาติ โดยเฉพาะ เช้ือชาติพม่า ไดม้ ีการพัฒนาลกั ษณะ รปู แบบเครื่องแต่งกายในหลายยุคหลายสมยั อกี ทง้ั เปน็ เรอื่ งทไี่ ดร้ บั ความนยิ มเปน็ อยา่ งมาก เพอ่ื เปน็ ตน้ แบบ และแนวทางในการ พฒั นารปู แบบเครอื่ งแตง่ กายในละครพนั ทางทมี่ ลี กั ษณะเฉพาะตวั ของแตล่ ะเชอ้ื ชาติ อีกด้วย อีกทั้งเพื่อเป็นหลักฐานในการอ้างอิงข้อมูลแก่ผู้ที่มีความสนใจในเร่ือง เครอื่ งแต่งกายละครพันทางสบื ไป ปีท่ี ๑๐ ฉบับที่ ๒ กรกฎาคม-ธันวาคม ๒๕๖๑
7 วารสารศลิ ปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลยั ขอนแกน่ วัตถปุ ระสงค์ของการวิจยั 1. ศึกษาพัฒนาการเครื่องแต่งกายตัวละครพม่า ในละครพันทางเรื่อง ราชาธริ าช ของกรมศิลปากร 2. ศึกษารูปแบบเครื่องแต่งกายตัวละครพม่า ในละครพันทางเรื่อง ราชาธิราช ของกรมศลิ ปากร ขอบเขตของการวิจยั ในการศกึ ษาวิจยั ครั้งนี้ ได้ก�ำหนดขอบเขตการวจิ ัยไว้ดังน้ี 1. ด้านเนือ้ หา ศกึ ษาองคป์ ระกอบและรปู แบบเครอ่ื งแตง่ กายเชอ้ื ชาตพิ มา่ ตลอดจนศกึ ษา พัฒนาการเคร่ืองแต่งกายตัวละครพม่า ในละครพันทาง เรื่องราชาธิราช ของกรม ศิลปากร โดยแบง่ ตวั ละครตามยศฐาบรรดาศักดิ์ โดยแบง่ เปน็ กลมุ่ ชนช้นั ผู้ปกครอง (กษัตรยิ ์ พระราชวงศ์ เจา้ เมือง) แบ่งเป็นตัวละครฝา่ ยตวั พระ ได้แก่ พระเจา้ ฝร่ังมัง ฆอ้ ง พระเจา้ มณเฑยี รทอง มงั รายกะยอฉะวา มงั แซะซอ สมงิ พระราม พระยาพกุ าม ตัวละครฝ่ายตัวนาง พระมเหสี พระราชธิดา กลุ่มชนช้ันผู้ถูกปกครอง (อุปราช อำ� มาตย์ แมท่ พั เสนา ทหาร สามญั ชน และนางกำ� นลั ) แบง่ เปน็ ตวั ละครฝา่ ยตวั พระ ได้แก่ มงั มหาราชา มังพยหุ ม์ ุนี อาลกั ษณ์ เรนนะ ลา่ ม ผ้คู ุม ตวั ละครฝ่ายตัวนาง นางก�ำนัล นางระบำ� 2. ด้านพื้นที่ วิจัยฉบับนี้มุ่งเน้นศึกษาพัฒนาการเคร่ืองแต่งกายตัวละครพม่า ในละคร พนั ทางเรอ่ื งราชาธริ าช ฝา่ ยพสั ตราภรณแ์ ละเครอื่ งโรง สำ� นกั การสงั คตี กรมศลิ ปากร เนอ่ื งจากสำ� นกั การสงั คตี กรมศลิ ปากรเปน็ หนว่ ยงานทม่ี หี นา้ ที่ อนรุ กั ษ์ บำ� รงุ รกั ษา ฟื้นฟู สง่ เสรมิ สร้างสรรค์ เผยแพร่ พฒั นา สบื ทอดศลิ ปะและทรพั ย์สินมรดกทาง ศลิ ปวฒั นธรรมของชาติ เพอ่ื ธำ� รงคณุ คา่ และเอกลกั ษณข์ องความเปน็ ชาติ อนั จะนำ� ไปสกู่ ารพัฒนาทีย่ ัง่ ยืนของสงั คมไทยและความม่นั คงของชาติ ปีที่ ๑๐ ฉบับที่ ๒ กรกฎาคม-ธันวาคม ๒๕๖๑
8 วารสารศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลยั ขอนแกน่ 3. ดา้ นกลุม่ ผ้ใู ห้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลหลักในการวิจัยคร้ังน้ี สามารถแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มบุคคลที่มี ความรู้ความสามารถ ในด้านศิลปะการแสดงละครพันทาง เร่ืองราชาธิราช จาก ฝา่ ยพัสตราภรณ์และเครื่องโรง สำ� นกั การสังคตี กรมศิลปากร แบง่ ออกเป็น 3.1 อดีตเจ้าหน้าที่และเจ้าหน้าท่ีปัจจุบันฝ่ายพัสตราภรณ์และ เครอื่ งโรง ของส�ำนกั การสงั คีต กรมศลิ ปากร ผ้มู ปี ระสบการณ์และเคยปฏิบตั หิ น้าที่ แตง่ กายใหก้ บั ผู้แสดงละครพันทาง เรอ่ื ง ราชาธริ าช ส�ำนกั การสังคีต กรมศลิ ปากร เปน็ เวลาไมน่ อ้ ยกว่า 15 ปี 3.2 นาฏศลิ ปิน เปน็ ผูแ้ สดง รบั บทบาท ตัวละครพมา่ ในการแสดง ละครพนั ทาง เร่ืองราชาธริ าช ของส�ำนกั การสงั คตี กรมศิลปากร โดยท�ำการแสดง กบั สำ� นกั การสงั คตี กรมศลิ ปากรมาแลว้ ไมต่ ำ่� กวา่ 30 ปี และยงั คงแสดงอยใู่ นปจั จบุ นั 3.3 นกั วชิ าการ ดา้ นการละครและดนตรี ของสำ� นกั การสงั คตี กรมศลิ ปากร เคยได้รับบทบาทในการแสดงละครพันทาง เร่ืองราชาธิราช หรือเคยเป็นผู้วิจัย เขยี นหนงั สอื ในเรอื่ งเครอื่ งแตง่ กายโขน - ละคร การแสดงนาฏศลิ ปไ์ ทย จำ� นวน 3 คน ประโยชน์ทคี่ าดวา่ จะได้รบั 1. เปน็ การรวบรวมเรอ่ื งเครอ่ื งแตง่ กายตวั ละครพมา่ ในละครพนั ทางเรอื่ ง ราชาธริ าช 2. เป็นแนวทางในการพัฒนารปู แบบเครอ่ื งแต่งกายละครพม่า ในละคร พันทางเรอ่ื งราชาธริ าช 3. เปน็ การเผยแพรล่ กั ษณะเครอื่ งแตง่ กายตวั ละครพมา่ ในละครพนั ทาง เร่ืองราชาธิราช ให้เปน็ ที่นยิ มและแพรห่ ลาย วิธีด�ำเนินการวิจยั งานวิจัยเร่ืองพัฒนาการเครื่องแต่งกายตัวละครพม่า ในละครพันทาง เรอื่ งราชาธริ าช ของกรมศลิ ปากร เปน็ งานวจิ ยั เชงิ คณุ ภาพ (Qualitative research) ปที ี่ ๑๐ ฉบบั ท่ี ๒ กรกฎาคม-ธนั วาคม ๒๕๖๑
9 วารสารศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลยั ขอนแกน่ โดยมวี ตั ถปุ ระสงค์เพอื่ ศึกษาลกั ษณะและรูปแบบเครือ่ งแต่งกายของตวั ละครต่าง ๆ ในละครพนั ทาง เรอื่ งราชาธริ าช เพอ่ื นำ� ไปสกู่ ารวเิ คราะห์ การพฒั นาเครอ่ื งแตง่ กาย ละครพนั ทางเรอื่ งราชาธริ าช ของกรมศลิ ปากร ซง่ึ ผวู้ จิ ยั เปน็ ผเู้ กบ็ รวบรวมขอ้ มลู และ ได้ท�ำการศึกษาค้นคว้าข้อมูลจากเอกสาร ต�ำรา และงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง อีกท้ังยัง ด�ำเนินการเก็บข้อมูลจากการสัมภาษณ์และสังเกตการณ์บุคลากร ผู้ทรงคุณวุฒิ ในด้านผูแ้ สดงละครพันทางเร่อื งราชาธริ าช เจ้าหน้าท่ฝี า่ ยพัสตราภรณ์ ทง้ั นี้เพ่อื นำ� ไปสกู่ ารวเิ คราะหข์ อ้ มลู และผลการวจิ ยั ทม่ี คี วามถกู ตอ้ งและบรรลวุ ตั ถปุ ระสงคข์ อง งานวิจยั งานวจิ ัยฉบับนีด้ ำ� เนินการวิจัยตามระเบยี บวธิ ีวจิ ัยและขัน้ ตอน ดังต่อไปนี้ 1. วธิ กี ารเก็บรวบรวมขอ้ มลู 2. ขั้นตอนการเก็บข้อมูล 3. กลมุ่ ผู้ให้ขอ้ มลู หลัก 4. เครอ่ื งมอื ทใี่ ชใ้ นการวจิ ยั 5. การตรวจสอบความถูกต้องของข้อมลู 6. การวิเคราะหข์ อ้ มูล ในการศึกษาวิจัย เร่ือง พัฒนาการเคร่ืองแต่งกายตัวละครพม่า ในละคร พันทาง เรื่องราชาธริ าช ของกรมศลิ ปากร เกบ็ รวบรวมขอ้ มลู โดยมกี ารด�ำเนนิ การ ใน 2 ลกั ษณะ คือ 1. การเก็บรวบรวมขอ้ มลู โดยการศกึ ษาจากเอกสาร ผวู้ ิจยั ได้ศึกษาเอกสารทางวิชาการ แนวคิดทฤษฎีและงานวิจยั ทีเ่ ก่ยี วขอ้ ง รวมทง้ั ขอ้ มลู พนื้ ฐานทมี่ คี วามจำ� เปน็ ในการดำ� เนนิ การวจิ ยั ขอ้ มลู ทผี่ วู้ จิ ยั คน้ ควา้ ดงั นี้ ความเปน็ มาละครพนั ทาง ลกั ษณะเครอื่ งแตง่ กายละครพนั ทางของไทย ละครพนั ทาง เรื่องราชาธิราช ประเภทของเครื่องแต่งกายละคร ตลอดจนองค์ประกอบของ เครื่องแต่งกายละครนอกจากนี้เรื่องเก่ียวกับการออกแบบเครื่องแต่งกาย อาทิเช่น ความรู้เกี่ยวกับการใช้เส้นในการออกแบบ เครื่องแต่งกาย การออกแบบปกเส้ือ เปน็ ตน้ ซึ่งผ้วู ิจัยมีจดุ มุง่ หมายเพอื่ วิเคราะห์พัฒนาการเครอื่ งแตง่ กาย ตัวละครพม่า ในละครพนั ทาง เร่อื งราชาธิราช ของกรมศลิ ปากร ปที ่ี ๑๐ ฉบับท่ี ๒ กรกฎาคม-ธนั วาคม ๒๕๖๑
10 วารสารศลิ ปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลยั ขอนแกน่ 2. การศึกษาภาคสนาม การศกึ ษาขอ้ มลู ภาคสนาม ประกอบไปดว้ ยการสงั เกตการณแ์ บบมสี ว่ นรว่ ม ในการปฏบิ ตั หิ นา้ ทฝ่ี า่ ยพสั ตราภรณ์ ของสำ� นกั การสงั คตี กรมศลิ ปากร ตำ� แหนง่ ชา่ ง แตง่ กาย เมอื่ สำ� นกั การสงั คตี กรมศลิ ปากร มกี ารแสดง ละครพนั ทางเรอ่ื ง ราชาธริ าช และแบบไมม่ สี ว่ นรว่ ม เชน่ ในฐานะผวู้ จิ ยั เปน็ ผชู้ มการแสดง หรอื นำ� วดี โี อบนั ทกึ การ แสดงมาศึกษา เพ่ือสังเกตการณ์ เร่ืองสีเครื่องแต่งกาย ผ้าที่น�ำมาใช้ในการตัดเย็บ เสื้อผ้า นอกจากน้ีสังเกตว่ามีการเปลี่ยนสลับสับเปลี่ยนตัวละครหรือไม่ ถ้ามีการ เปล่ียน เครื่องแต่งกายเหมือนกันหรือ มีความต่างกันอย่างไร มีความรู้ความเข้าใจ เนื้อเรื่องและความส�ำคัญของตัวละครแต่ละตัวมากขึ้นให้ได้ข้อมูลเบ้ืองต้น ตาม ประเดน็ ทส่ี อดคลอ้ งกบั วตั ถปุ ระสงค์ และเมือ่ ได้ทำ� การเกบ็ รวบรวมข้อมลู เสรจ็ แลว้ หากเกดิ ขอ้ มลู ตกหลน่ จำ� เปน็ จะตอ้ งเกบ็ ขอ้ มลู เพมิ่ เตมิ ผวู้ จิ ยั จะเขา้ ไปเกบ็ ขอ้ มลู อกี ครัง้ จนกว่าจะชดั เจนและสมบูรณ์ กลมุ่ ผู้ให้ขอ้ มูล ผู้วิจัยได้ก�ำหนดกลุ่มผู้ให้ข้อมูลในการศึกษาคร้ังน้ี เป็นบุคคลท่ีมีความ เกย่ี วขอ้ งกบั การออกแบบเครอื่ งแตง่ กายละครพนั ทาง เรอ่ื งราชาธริ าช โดยแบง่ ออก เป็น 4 กลุม่ ไดแ้ ก่ กล่มุ ที่ 1 อดตี เจา้ หน้าท่แี ละเจา้ หน้าทีป่ จั จุบนั ฝา่ ยพสั ตราภรณ์ ของส�ำนัก การสงั คตี กรมศลิ ปากร ผมู้ ปี ระสบการณแ์ ละเคยปฏบิ ตั หิ นา้ ทแ่ี ตง่ กายใหก้ บั ผแู้ สดง ละครพันทาง เรอ่ื ง ราชาธิราช สำ� นกั การสังคีต กรมศิลปากร เป็นเวลาไมน่ อ้ ยกวา่ 15 ปี ไดแ้ ก่ 1. นางสาวอรพนิ ท์ อศิ รางกูร ณ อยุธยา ขา้ ราชการบ�ำนาญ ต�ำแหนง่ อดตี หวั หน้าฝ่าย พสั ตราภรณ์และเครื่องโรง 2. นางกาญจนา ขาวร่งุ เรอื ง ขา้ ราชการบำ� นาญ ตำ� แหน่ง อดตี หัวหนา้ ฝ่ายพสั ตราภรณ์และเครื่องโรง 3. นางสพุ รทพิ ย์ ศภุ รกุล ตำ� แหน่ง นาฏศิลปินชำ� นาญงาน 4. นางฉววี รรณ ชืน่ ส�ำราญ อดีตลกู จ้างประจ�ำ ฝ่ายพสั ตราภรณ์ ปที ี่ ๑๐ ฉบบั ท่ี ๒ กรกฎาคม-ธนั วาคม ๒๕๖๑
11 วารสารศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลยั ขอนแก่น 5. นางสำ� เริง ศรีอำ�่ อวม ข้าราชการบ�ำนาญ (เจ้าหนา้ ทฝี่ า่ ยพสั ตราภรณ)์ 6. นางสุมาลี เรืองศิลป์ ลูกจา้ งประจำ� (พนกั งานตดั เย็บ) 7. นางสาวชลกิ า ธนทั กุลภกั ดี พนกั งานของรฐั (ชา่ งอาภรณ์) กลมุ่ ที่ 2 นาฏศิลปิน เปน็ ผ้แู สดง รบั บทบาท ตวั ละครพม่า ในการแสดง ละครพนั ทาง เรื่องราชาธริ าช ของสำ� นักการสงั คีต กรมศิลปากร โดยท�ำการแสดง กบั สำ� นกั การสงั คตี กรมศลิ ปากรมาแลว้ ไมต่ ำ่� กวา่ 20 ปี และยงั คงแสดงอยใู่ นปจั จบุ นั 1. นางรตั ตยิ ะ วกิ สติ พงศ์ ผเู้ ชยี่ วชาญดา้ นนาฏศลิ ปไ์ ทย คณะศลิ ปศกึ ษา สถาบนั บณั ฑติ พฒั นศลิ ป์ 2. นายประเมษฐ์ บุณยะชัย ผู้ทรงคุณวุฒิ สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ กระทรวงวฒั นธรรม 3. รศ.ดร.ศภุ ชยั จนั ทรส์ ุวรรณ์ ศลิ ปนิ แห่งชาติ อดีตคณบดี คณะศลิ ปะ นาฏดุรยิ างค์ สถาบันบัณฑติ พัฒนศลิ ป์ 4. นายปกรณ์ พรพิสุทธ์ิ นาฏศิลปินอาวุโส อดีตผู้อ�ำนวยการ ส�ำนัก การสงั คตี กรมศลิ ปากร 5. นายศิริพงษ์ ฉมิ พาลี ขา้ ราชการบำ� นาญ 6. นางตวงฤดี ถาพรพาสี ขา้ ราชการบ�ำนาญ 7. นางแพรวดาว พรหมรักษา นาฏศิลปินอาวุโส 8. นางสาวรจนา ทับทมิ ศรี นาฏศลิ ปนิ ชำ� นาญงาน 9. นางวลยั พร กระท่มุ เขต นาฏศิลปนิ อาวุโส 10. นางวนั ทนยี ์ มว่ งบญุ ขา้ ราชการบำ� นาญ ผชู้ ำ� นาญการศลิ ปะการแสดง (ละครพระ) 11. นายเผด็จพัฒน์ พลับกระสงค์ ข้าราชการบ�ำนาญ อดีตหัวหน้ากลุ่ม วจิ ยั และพัฒนาการแสดง 12. นายคมสันฐ หัวเมอื งลาด นาฏศลิ ปนิ อาวโุ ส 13. นายสมเจตน์ ภ่นู า นาฏศลิ ปนิ อาวธุ โส กลุ่มที่ 3 นักวิชาการ ด้านการละครและดนตรี ของส�ำนักการสังคีต กรมศิลปากร เคยได้รบั บทบาทในการแสดงละครพันทาง เรือ่ งราชาธริ าช หรอื เคย ปีที่ ๑๐ ฉบับท่ี ๒ กรกฎาคม-ธันวาคม ๒๕๖๑
12 วารสารศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแกน่ เป็นผู้วจิ ัย เขยี นหนงั สอื ในเรื่องเครือ่ งแตง่ กายโขน - ละคร การแสดงนาฏศลิ ป์ไทย จ�ำนวน 3 คน 1. ดร.ไพโรจน์ ทองคำ� สุก ราชบัณฑติ สาขานาฏกรรมไทย นักวิชาการ ละครและดนตรชี ำ� นาญการ สำ� นกั การสังคตี กรมศิลปากร กระทรวงวฒั นธรรม 2. นายสมรตั น์ ทองแท้ นาฏศลิ ปนิ ชำ� นาญการ 3. ดร.สรุ ัตน์ จงดา ครูช�ำนาญการ สถาบนั บัณฑติ พัฒนศลิ ป์ กระทรวง วัฒนธรรม สรุปผลการวิจัย งานวจิ ยั เรือ่ งพัฒนาการเครือ่ งแต่งกายตัวละครพมา่ ในละครพันทางเร่ือง ราชาธิราช ของกรมศลิ ปากร เปน็ งานวจิ ัยทีม่ ุ่งเนน้ การศึกษา เครอื่ งแต่งกายละคร พันทาง ที่ใช้ในการแสดงของกรมศิลปากรเพ่ือ โดยมีวัตถุประสงค์ 1. ศึกษาถึง พัฒนาการแต่งกายตัวละครพม่าในละครพันทางเร่ืองราชาธิราช ของกรมศิลปากร 2. ศึกษารูปแบบเคร่ืองแต่งกายตัวละครพม่า ในละครพันทางเร่ืองราชาธิราช ของกรมศิลปากร ว่าเคร่ืองแต่งกายมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง และ รูปแบบ เครอื่ งแต่งกายละครพันทาง ของกรมศิลปากร ทพ่ี บว่ามกี ารแสดงละครพนั ทางตัว ละครพม่า เรื่องราชาธิราช มีรูปแบบเคร่ืองแต่งกายทั้งหมดกี่รูปแบบ โดยผู้วิจัย แบ่งกล่มุ ตวั ละคร คอื กลมุ่ ผปู้ กครอง และกลมุ่ ผ้ถู กู ปกครอง ซง่ึ ในแตล่ ะกลมุ่ ก็ยัง แบ่งเปน็ ตัวละครฝ่ายตัวพระ และตวั ละครฝ่ายตวั นาง เพอื่ ใหเ้ กดิ ความชัดเจนของ รปู แบบเครอื่ งแตง่ กาย ผวู้ จิ ยั ไดท้ ำ� การศกึ ษาคน้ ควา้ วจิ ยั จากเอกสาร ตำ� รา ภาพถา่ ย และงานวิจัยท่ีเก่ียวข้อง อีกท้ังยังด�ำเนินการเก็บข้อมูลจากการสัมภาษณ์ และ สังเกตการณจ์ ากผ้ใู หข้ อ้ มลู ทงั้ แบบมีส่วนร่วมและแบบไม่มีสว่ นรว่ ม ในการศึกษาเรื่องพัฒนาการเคร่ืองแต่งกายตัวละครพม่า ในละครพันทาง เรื่องราชาธิราช ของกรมศิลปากร โดยขอบเขตของการศึกษาในครั้งนี้จะมุ่งศึกษา เฉพาะพัฒนาการเครอื่ งแตง่ กาย และรปู แบบเคร่อื งแตง่ กาย ตวั ละครพม่า ในละคร พนั ทางเรอ่ื งราชาธริ าชของกรมศลิ ปากร โดยการศกึ ษาวจิ ยั ในครงั้ นผี้ วู้ จิ ยั ไดจ้ �ำแนก ขอ้ มูลออกเป็น 3 ยุค ไดแ้ ก่ ปที ี่ ๑๐ ฉบับที่ ๒ กรกฎาคม-ธันวาคม ๒๕๖๑
13 วารสารศิลปกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยขอนแก่น 1. ยุคเริ่มตน้ การแสดงละครพนั ทาง ในกรมศิลปากร (พ.ศ.2495 - พ.ศ. 2523) ยุคท่ีกรมศิลปากรจัดตั้งข้ึนใหม่ โดยเคร่ืองแต่งกายโขน - ละคร ได้รับการ โอนย้ายจากกองมหรสพและกองช่างวังนอก ซ่ึงในยุคสมัยนั้นกรมศิลปากรยังไม่มี งบประมาณในการจัดสร้างเคร่ืองแต่งกายใหม่ เครื่องแต่งกายละครพันทางนั้น จึงเป็นการน�ำเคร่ืองแต่งกายหรือของเก่าท่ีมีอยู่มาใช้ พร้อมท้ังมีการหยิบยืมจาก ภายนอกเพื่อนำ� มาใช้ในการแสดง ลกั ษณะของเครอ่ื งแตง่ กายในยคุ นี้ ตวั ละครฝา่ ยตวั พระ เครอื่ งแตง่ กายสวม เส้อื ผา้ ปา้ ย และเส้ือปักลาย สวมสนับเพลา นุง่ ผ้าแบบสีเ่ หล่ียม ศริ าภรณ์ ยอดหงส์ เสวยี น และการโพกศีรษะ ถนิมพิมพาภรณ์ มีลกั ษณะที่ทำ� มาจากผา้ และโลหะ ภาพประกอบท่ี 1 เครื่องแต่งกายตวั ละครฝา่ ยตัวพระ ตวั ละครฝา่ ยตวั นาง เครอ่ื งแตง่ กายสวมเสอื้ รปู ทรงเดยี วกนั ทงั้ หมดคอื เสอ้ื แบบมแี ขนผา่ อก นงุ่ ผา้ ถงุ ปา้ ยยาวกรอมเทา้ ศริ าภรณ์ เกลา้ ผมแบบมวยทงั้ หมด และ เกล้าผมแบบไว้มวยผมแล้วปล่อยปลายผม ติดดอกไม้ประดับผมหรือใช้อุบะในการ ประดบั ผม ถนมิ พมิ พาภรณ์ ใสเ่ ครอ่ื งประดบั สรอ้ ยคอ ตา่ งหู ตามฐานะของตวั ละคร ภาพประกอบที่ 2 เครื่องแตง่ กายตัวละครฝา่ ยตัวพระ ปีที่ ๑๐ ฉบบั ที่ ๒ กรกฎาคม-ธันวาคม ๒๕๖๑
14 วารสารศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลยั ขอนแก่น 2. ยุคพฒั นาเคร่ืองแต่งกาย (พ.ศ. 2524 - พ.ศ. 2550) ยคุ น้เี ปน็ ยุคที่ ละครพันทางได้รับความนิยมมาก จึงถือได้ว่าเป็นยุคที่ได้รับการสนับสนุนเพื่อให้ พฒั นาและจัดสรา้ งเคร่ืองแตง่ กาย โดยลกั ษณะเครอื่ งแต่งกายละครพันทางในยุคนี้ ได้รับอิทธิพลมาจาก ละครพันทางเรื่องผู้ชนะสิบทิศ ซ่ึงเป็นละครพันทางเร่ืองท่ีได้ รับความนิยมเป็นอย่างมาก ท�ำให้ฝ่ายพัสตราภรณ์และเครื่องโรง กองการสังคีต กรมศิลปากร คิดสร้างสรรค์พัฒนาเครื่องแต่งกายให้มีความงดงามขึ้นและสะดวก สบายในการสวมใสม่ ากขน้ึ ลกั ษณะของเครอ่ื งแตง่ กายในยคุ นี้ ตวั ละครฝา่ ยตวั พระ เครอ่ื งแตง่ กายสวม เสอื้ ผา้ ปา้ ย และเสอ้ื ปกั ลาย เสอื้ แขนปลอ้ ง สวมสนบั เพลา นงุ่ ผา้ หลากหลายรปู แบบ ทง้ั นย้ี งั มกี ารนุ่งผ้าแบบผา้ ยาวกรอมเทา้ จับหน้าผา้ แบบหางไหล ศริ าภรณ์ ยอดหงษ์ เสวยี น และการโพกศรี ษะ ถนมิ พมิ พาภรณ์ มกี ารคดิ คน้ สงั วาลรปู แบบใหมท่ เี่ รยี กวา่ สงั วาลแฝดไขว้ 3 สาย มาใชก้ บั ตวั ละครทเี่ ปน็ พระมหากษตั รยิ ห์ รอื ราชวงศ์ หรอื แมน้ กระท่งั ตัวละครทมี่ ีความสำ� คญั ในตอนน้ัน ภาพประกอบท่ี 3 เคร่ืองแต่งกายยุคพัฒนาของตัวละครฝา่ ยตวั พระ ตัวละครฝ่ายตัวนาง เครื่องแต่งกายสวมเสื้อรูปทรงเดียวกันท้ังหมดคือ เสอ้ื แบบมแี ขนผา่ อก นงุ่ ผา้ ถงุ ปา้ ยยาวกรอมเทา้ ศริ าภรณ์ เกลา้ ผมแบบมวยทงั้ หมด ปีท่ี ๑๐ ฉบับท่ี ๒ กรกฎาคม-ธันวาคม ๒๕๖๑
15 วารสารศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลยั ขอนแกน่ และเกลา้ ผมแบบไว้มวยผมแล้วปลอ่ ยปลายผม มีการใช้ศริ าภรณท์ เี่ รยี กว่า เกี้ยวซกี และช่อแกว้ ในตัวละครทีเ่ ปน็ ชนชั้นผปู้ กครอง หรือตดิ ดอกไมป้ ระดบั ผม ภาพประกอบที่ 4 เครือ่ งแต่งกายยคุ พฒั นาของตวั ละครฝ่ายตวั นาง 3. ยุคปรบั ปรงุ เครอื่ งแตง่ กาย (พ.ศ. 2550 - พ.ศ. 2560) ยุคน้เี ปน็ ยคุ ที่ มกี ารปรบั ปรงุ เครอื่ งแตง่ กาย ใหม้ คี วามเหมาะสมกบั ยคุ สมยั คอื การสรา้ งเครอ่ื งแตง่ กายจากวสั ดทุ มี่ อี ยใู่ นยคุ นี้ แตย่ งั คงรกั ษารปู แบบของเครอ่ื งแตง่ กายนน้ั ไว้ โดยมกี าร เปลยี่ นแปลงในเรอ่ื งของวสั ดตุ า่ ง ๆ ทห่ี าไดง้ า่ ยในทอ้ งตลาดเพอื่ การสรา้ งเครอื่ งแตง่ กาย ทีม่ คี วามงดงาม ตามยุคสมยั ลกั ษณะของเครอ่ื งแตง่ กายในยคุ น้ี ตวั ละครฝา่ ยตวั พระ เครอื่ งแตง่ กายสวม เสื้อผ้าป้าย และเสื้อปักลาย สวมสนับเพลา นุ่งผ้าทั้งแบบที่มีการนุ่งทับสนับเพลา และการนุ่งผ้าแบบไม่สวมสนับเพลาและยังมีการนุ่งผ้าแบบผ้ายาวกรอมเท้าจับ หนา้ ผา้ แบบหางไหล ศิราภรณ์ ยอดหงษ์ เสวียน และการโพกศีรษะ โพกศรี ษะคาด สายเพชร ถนิมพิมพาภรณ์ การใช้สังวาลในตัวละครมีมากขึ้นเพ่ือเป็นการแสดงถึง ฐานะของตัวละคร สว่ นเคร่อื งประดับอื่นกย็ ังมสี วมใส่อยู่ ปีที่ ๑๐ ฉบบั ท่ี ๒ กรกฎาคม-ธนั วาคม ๒๕๖๑
16 วารสารศิลปกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ขอนแกน่ ภาพประกอบที่ 5 เครื่องแต่งกายยุคปรบั ปรุงของตวั ละครฝ่ายตัวพระ ตวั ละครฝา่ ยตวั นาง เครอ่ื งแตง่ กายสวมเสอ้ื รปู ทรงเดยี วกนั ทง้ั หมดคอื เสอ้ื แบบมแี ขนผา่ อก นงุ่ ผา้ ถงุ ปา้ ยยาวกรอมเทา้ ศริ าภรณ์ เกลา้ ผมแบบมว้ นทงั้ หมด และ เกลา้ ผมแบบไวม้ ว้ ยผมแลว้ ปลอ่ ยปลายผม มกี ารใชศ้ ริ าภรณท์ เ่ี รยี กวา่ มงกฎุ ซกี เพม่ิ เตมิ จากเกยี้ วซกี และชอ่ แกว้ ในตวั ละครทเี่ ปน็ ชนชน้ั ผปู้ กครอง หรอื ตดิ ดอกไมป้ ระดบั ผม ภาพประกอบที่ 6 เครื่องแตง่ กายยุคปรบั ปรงุ ของตวั ละครฝ่ายตวั นาง ปีท่ี ๑๐ ฉบบั ท่ี ๒ กรกฎาคม-ธันวาคม ๒๕๖๑
17 วารสารศิลปกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ขอนแกน่ ในปัจจุบันรูปแบบของเคร่ืองแต่งกายตัวละครพม่า ในละครพันทางเรื่อง ราชาธิราช ของกรมศิลปากรน้ัน มีการคิดสร้างสรรค์เครื่องแต่งกายเพ่ือใช้ในการ แสดงหลากหลายรปู แบบ จากการศกึ ษาพบวา่ มรี ปู แบบของเครอ่ื งแตง่ กายของแตล่ ะ ตัวละครดังต่อไปนี้ ฝา่ ยตัวพระ ชนชัน้ ผปู้ กครอง ได้แก่ พระเจ้าฝรง่ั มังฆอ้ ง 10 รปู แบบ แบ่งออกไดเ้ ป็น 2 ลักษณะ คือ สวมเสอ้ื ป้าย นุ่งผ้ายาวกรอมเท้า และ สวมเสือ้ ป้าย นุง่ สนบั เพลา นุ่งผ้าจบั จบี สามเหลี่ยม ศริ าภรณ์ ยอดหงสแ์ ละเสวยี น ถนมิ พมิ พาภรณ์ สวมสงั วาลแฝดไขว้ 3 สาย เปน็ หลกั พระเจา้ มณเทยี รทอง 8 รปู แบบ แบง่ ออกเปน็ 2 ลกั ษณะ คอื สวมเสอ้ื ปา้ ย นงุ่ ผา้ ยาวกรอมเทา้ และสวมเสอื้ ปา้ ย นงุ่ สนบั เพลา นงุ่ ผา้ จบั จบี สามเหลยี่ ม ศริ าภรณ์ เสวยี น และการโพกศรี ษะ ถนิมพมิ พาภรณ์ สวมสงั วาลไขว้ 3 สาย และสังวาลเดียว มังรายกะยอฉะวา 8 รูปแบบ แบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ คือ สวมเสื้อป้าย นงุ่ สนับเพลา นุ่งผา้ จับจบี สามเหล่ียมและสวมเสือ้ แขนปลอ้ ง นงุ่ สนบั เพลา นุ่งผ้าจบั จบี สามเหล่ยี ม ศิราภรณ์ เสวียน โพกศรี ษะ และหมวกทรงฟกั ตดั ถนมิ พมิ พาภรณ์ ใส่สงั วาลเดียวแบบเดียวเท่านน้ั สมงิ พระราม 6 รปู แบบ เครอ่ื งแตง่ กายมเี พยี งลกั ษณะเดยี ว คอื สวมเสอ้ื ปา้ ย นงุ่ สนบั เพลา นงุ่ ผา้ จับจีบสามเหล่ียม ศิราภรณ์ เสวยี น โพกศีรษะ ถนมิ พมิ พาภรณ์ มีทั้งการใชส้ ังวาลแฝดไขว้ 3 สาย และสงั วาลเด่ยี ว พระยาพกุ าม 4 รูปแบบ เคร่อื งแต่งกายมเี พียงลักษณะเดียว คอื สวมเสอ้ื ป้าย นงุ่ สนบั เพลา นุ่งผา้ จับจีบสามเหลยี่ ม ศริ าภรณ์ โพกศีรษะเทา่ นัน้ ถนมิ พมิ พา ภรณ์ สังวาลเดียว ฝ่ายตัวพระ ชนช้นั ผู้ถกู ปกครอง ได้แก่ มังมหาราชาและ มงั พยุหมนุ ี 12 รูปแบบ แบง่ ออกเปน็ 3 ลักษณะ คอื สวมเส้ือป้าย นุ่งสนับเพลา นุ่งผ้าจับจีบสามเหล่ียม สวมเสื้อป้าย นุ่งสนับเพลา นุ่งผ้าจับจีบส่ีเหลี่ยม สวมเส้ือแขนปล้อง นุ่งสนับเพลา นุ่งผ้าจับจีบสามเหล่ียม ศิราภรณ์ โพกศีรษะเท่าน้ัน ถนมิ พิมพาภรณ์ สงั วาลเดย่ี วเทา่ น้นั ปที ี่ ๑๐ ฉบับท่ี ๒ กรกฎาคม-ธันวาคม ๒๕๖๑
18 วารสารศิลปกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ขอนแกน่ อาลกั ษณ์ และ เรนนะ 3 รปู แบบ แบง่ ออกเปน็ 2 ลกั ษณะ คอื สวมเสอ้ื ปา้ ย สวมสนบั เพลา นุ่งผ้าจบั จบี แบบสีเ่ หล่ยี ม สวมเสอื้ แขนปล้อง สวมสนบั เพลา นงุ่ ผา้ จับจีบแบบสามเหลีย่ ม ศิราภรณ์ โพกศีรษะ ล่าม และ ผู้คุม 4 รูปแบบ แบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ คือ สวมเส้ือป้าย สวมสนบั เพลา นงุ่ ผา้ จบั จบี แบบสเ่ี หลย่ี ม สวมเสอื้ ปา้ ย นงุ่ ผา้ ยาวจบั จบี แบบสเี่ หลยี่ ม ศริ าภรณ์ โพกศรี ษะ ถนมิ พมิ พาภรณ์ ไมม่ กี ารใช้เครอื่ งประดบั ชนิดน้ี ฝ่ายตัวนาง ชนชัน้ ผ้ปู กครอง ไดแ้ ก่ พระมเหสี 2 รปู แบบ เครอ่ื งแตง่ กายมเี พยี งลักษณะเดยี ว คอื สวมเสอ้ื แขน ยาวผ่าอก นุ่งผ้าถุงปักลายยาวกรอมเท้า ศิราภรณ์ เกล้าผมไว้มวย เก้ียวซีก หรือ มงกฎุ ซีก ถนมิ พิมพาภรณ์ สรอ้ ยคอ ตา่ งหู ขอ้ มอื พระราชธดิ า 2 รปู แบบ เคร่อื งแต่งกายมีเพียงลักษณะเดยี ว คอื สวมเส้อื แขนยาวผ่าอก นุ่งผ้าถุงปกั ลายยาวกรอมเทา้ ศริ าภรณ์ เกลา้ ผมไว้มวยปลอ่ ยปลาย ผมข้างขวา เกย้ี วซกี หรอื มงกุฎซีก ถนิมพิมพาภรณ์ สร้อยคอ ตา่ งหู ข้อมอื ชนชั้นผูถ้ ูกปกครอง ไดแ้ ก่ นางกำ� นลั 1 รูปแบบ เครอ่ื งแตง่ กายมเี พียงลักษณะเดียว คือ สวมเสอ้ื แขน ยาวผา่ อก นงุ่ ผา้ ถงุ ปา้ ยยาวกรอมเทา้ ศริ าภรณ์ เกลา้ ผมไวม้ วยปลอ่ ยปลยผมขา้ งขวา ตดิ ดอกไม้ ถนมิ พิมพาภรณ์ สร้อยคอ ต่างหู ขอ้ มอื นางระบำ� 1 รูปแบบ เครอ่ื งแต่งกายมีเพยี งลักษณะเดยี ว คอื สวมเสือ้ แขน ยาวผา่ อก นงุ่ ผา้ ถงุ ลายในตวั ปา้ ยยาวกรอมเทา้ ศริ าภรณ์ เกลา้ ผมไวม้ วยปลอ่ ยปลาย ผมขา้ งขวา ตดิ ดอกไม้ ถนมิ พมิ พาภรณ์ สร้อยคอ ต่างหู ขอ้ มอื อภปิ รายผล จากวตั ถปุ ระสงคข์ องการวจิ ยั เรอ่ื งพฒั นาการเครอื่ งแตง่ กายตวั ละครพมา่ ในละครพนั ทาง เรอื่ งราชาธิราช ของกรมศลิ ปากร ในคร้ังนี้ จากผลการวิจยั พบวา่ 1. แนวคิดการออกแบบเครอ่ื งแต่งกายตวั ละครพม่า ในละครพนั ทาง การออกแบบเครื่องแต่งกายตัวละครพม่า ในละครพันทาง เป็นการน�ำ รปู แบบเครอื่ งแตง่ กายของละครโขน - ละคร ของไทย มาพฒั นาและปรบั ปรงุ รปู แบบ ปที ่ี ๑๐ ฉบับที่ ๒ กรกฎาคม-ธันวาคม ๒๕๖๑
19 วารสารศลิ ปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแกน่ เพอ่ื ใหม้ รี ปู แบบและเอกลกั ษณเ์ ฉพาะตวั เนอ่ื งจากละครพนั ทางเปน็ ละครทก่ี ลา่ วถงึ เชอ้ื ชาตอิ น่ื ๆ หรอื เปน็ การนำ� พงศาวดารชาตอิ น่ื ๆ มาแสดงในรปู แบบของละครไทย ดงั นน้ั ลกั ษณะเครอื่ งแตง่ กาย กย็ งั เปน็ รปู แบบทม่ี าจากการแสดงของไทย เชน่ มกี าร สวมสนับเพลา แล้วนุ่งผ้าทับ โดยการคิดออกแบบเครื่องแต่งกายละครพันทางนั้น มีการเลือกใช้วัสดุท่ีหาได้ตามท้องตลาด และยังท�ำให้เกิดเครื่องแต่งกายท่ีมีความ วิจิตรงดงามเพ่ือมากขึ้น กล่าวคือ จากเสื้อผ้า ที่มีแต่การตกแต่งด้วยการเดินแถบ สีเงินหรือสีทอง ก็เพ่ิมการปักลวดลายลงบนผ้า โดยใช้วิธีการปักแบบเดี่ยวกับ เครือ่ งโขน - ละคร คอื การใช้ ดิน้ ข้อ ด้นิ โปรง่ ในการปัก นอกจากกรรมวิธใี นการปกั และการออกแบบลวดลายกค็ ดิ คน้ หรอื ผกู ลวดลายใหม่ เพอ่ื มใิ หเ้ ปน็ ลายกนกเหมอื น กบั เครือ่ งแตง่ กาย โขน - ละคร ของไทยท่มี ีมาแต่ดั้งเดิม นอกจากนี้ การเกบ็ เสื้อผา้ ให้มีขนาดพอดีตัวกับผู้แสดงก่อนจะสวมใส่ก็ยังเป็นอีกหนึ่งการคิดออกแบบเพ่ือให้ เสื้อผ้าที่ผู้แสดงสวมใส่ไม่เห็นรอยเย็บภายนอกเครื่องแต่งกาย เพื่อเป็นการเสริม บุคลิกตัวละครให้ตัวละครมีความสง่างามเมื่อออกแสดง สอดคล้องของสุรพล วิรุฬห์รักษ์ การออกแบบเคร่ืองแต่งกายท่ีกล่าวว่า บุคลิกตัวละคร/ผู้แสดง เครอ่ื งแตง่ กายจะบง่ บอกสถานภาพตา่ ง ๆ ของตวั ละคร การออกแบบเครอ่ื งแตง่ กาย เพื่อแก้ไขส่วนท่ีเหมาะสมนั้น เครื่องแต่งกายจะช่วยเสริมบุคลิกตัวละครได้ดี (สุรพล วริ ุฬหร์ ักษ,์ 2543) นอกจากน้ีการออกแบบเคร่ืองแต่งกายละครพันทางนั้น ยังเป็นการคิด ออกแบบให้เคร่ืองแต่งกายมีลักษณะท่ีสวมใส่ง่าย ไม่ยุ่งยาก เพ่ือให้สะดวกในการ สวมใส่และเปลี่ยนเคร่ืองแต่งกาย ให้ทันการแสดงอีกด้วย กล่าวคือเส้ือ ของละคร พนั ทางนนั้ ไมจ่ ำ� เปน็ ตอ้ งใชเ้ ขม็ ดา้ ย เยบ็ ในตวั ของผแู้ สดง เนอื่ งจากไดม้ กี ารกรงึ ดา้ น ในใหม้ ีขนาดที่เหมาะสมกบั ผู้แสดงแล้ว และ เสือ้ ผา้ ยังไดม้ ีการตดิ กระดมุ ซอ่ น และ ตะขอเกี่ยว อีกด้วย เพื่อให้ผู้แสดงสามารถที่จะ ถอดเปล่ียนเครื่องแต่งกายได้ด้วย ตวั เองส่วนหนง่ึ ซ่งึ ตรงกับแนวคดิ การออกแบบเครือ่ งแต่งกาย เร่อื งการถอดเปล่ียน ท่ีกล่าวว่า การแสดงนาฏศิลป์มักมีการถอดเปล่ียนชุดในแต่ละฉากให้เป็นไปตาม สถานการณ์ในท้องเร่ือง การออกแบบจึงต้องค�ำนึงถึงความต้องการถอดเปล่ียนให้ สะดวกรวมเรว็ ดว้ ย (สรุ พล วิรุฬหร์ ักษ,์ 2543) ปีท่ี ๑๐ ฉบับท่ี ๒ กรกฎาคม-ธนั วาคม ๒๕๖๑
20 วารสารศลิ ปกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น 2. การสรา้ งสรรค์ เครือ่ งแต่งกายตวั ละครพมา่ การสร้างสรรค์เครื่องแต่งกายตัวละครพม่า ในละครพันทางนั้น ถือได้ว่า เปน็ การสรา้ งสรรคท์ างความคดิ ในเรอื่ งของการแกป้ ญั หา ในดา้ นสงิ่ ของหรอื เสอื้ ผา้ ที่เราไม่สามารถหาได้จากชนชาติที่ปรากฏอยู่ในละครพันทางเร่ืองนั้น ๆ ตลอดจน การสร้างสรรค์น�ำวัสดุอุปกรณ์ท่ีมีอยู่ในช่วงยุคนั้น มาประยุกต์ใช้ให้เกิดความ เหมาะสมกับการแสดงอีกด้วย โดยลักษณะเครื่องแต่งกายน้ัน บางคร้ังได้น�ำ โครงสรา้ งหรอื รปู แบบมาจากเครอ่ื งแตง่ กายของชาวพมา่ มาพฒั นาเรอื่ งวสั ดุ อปุ กรณ์ และคิดปรับปรุง ดัดแปลงเพ่ือให้เกิดความเหมาะสมกับการใช้งานมากยิ่งข้ึน เช่น การใชว้ สั ดทุ มี่ อี ยใู่ หใ้ หเ้ กดิ ประโยชนม์ ากขนึ้ นอกเหนอื จากวสั ดแุ บบเดมิ คอื การนำ� สงั วาลที่ใช้ในเคร่อื งแตง่ กายโขน - ละคร มาแยกออก จึงเกิดเป็นรูปแบบสงั วาลใหม่ คือ สงั วาลเดีย่ วที่ใช้ในละครพนั ทาง หรอื แมน้ กระทั่งการน�ำกระดมุ ที่มีแบบตา่ ง ๆ ท่ีมีขายอยู่ตามท้องตลาด มาประดับที่เคร่ืองแต่งกาย เพื่อให้ความงามอย่าง สร้างสรรค์ สอดคล้องกับของอารี สุทธิพันธ์ ประเภทความคิดสร้างสรรค์ ในเรื่อง ความคิดสร้างสรรค์ทางความงาม คือการสร้างความงามใหม่ให้มีความแปลกไป จากเดิม (อารี สุทธิพันธ์, 2532) คือการตกแต่งเสื้อผ้าท่ีให้มีความงามโดยอาศัย พน้ื ฐานเดมิ ของรปู แบบเครือ่ งแต่งกาย 3. เครอ่ื งแตง่ กายตวั ละครพมา่ บง่ บอกสถานภาพในสงั คมของตวั ละคร เคร่ืองแต่งกายได้บ่งบอกถึงสถานะของตัวละครพม่า ในละครพันทาง ด้วยการก�ำหนดชนชั้นของตัวละคร ซึ่งเคร่ืองแต่งกายก็ได้ถูกออกแบบให้ตัวละคร ต่าง ๆ นัน้ มคี วามแตกตา่ งกัน เช่น ศริ าภรณ์ ชนชั้นพระมหากษตั ริย์ สวมชฎาปลาย ยอดหงส์ เสวียนเพชร ถ้าเปน็ ทหาร ลา่ ม ก็จะใชเ้ ฉพาะการโพกศีรษะ เทา่ นั้น ซง่ึ ลักษณะผ้าที่ใช้ในการโพกศรี ษะน้ัน ก็มคี วามแตกต่างอกี ดว้ ย คือ ผ้าโพกศีรษะแบบ ทเี่ ดนิ แถบ ใชใ้ นตวั ละครทเี่ ปน็ กษตั รยิ ์ ราชวงศ์ อำ� มาตย์ ขนุ นาง แตถ่ า้ ผา้ โพกศรี ษะ ไม่มีแถบน้ัน จะใช้ในตัวละครทหาร พัสตราภรณ์ก็เช่นเดียวกัน มีการออกแบบ ลวดลายให้เกิดความงามตามยศถาบรรดาศักด์ิ เช่น ถ้าเป็นกษัตริย์ก็ใส่เส้ือที่ปัก ลายเทศ ถา้ เปน็ เสนา หรอื ทหาร กใ็ สเ่ สอื้ ทเี่ ดนิ แถบ เทา่ นน้ั หรอื อาจไมเ่ ดนิ แถบกไ็ ด้ ปีท่ี ๑๐ ฉบบั ที่ ๒ กรกฎาคม-ธันวาคม ๒๕๖๑
21 วารสารศิลปกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น สอดคลอ้ งกบั ของฤทธริ งค์ จวิ ากานนทท์ ก่ี ลา่ ววา่ เครอื่ งแตง่ กายทำ� ใหต้ วั ละครแตล่ ะ ตัว มีความพเิ ศษเฉพาะตวั และสะท้อนใหค้ นดูรบั รู้ถงึ อาชีพ ต�ำเหน่อง เพศ ฐานะ และสถานภาพของตวั ละคร เครือ่ งแต่งกายตอ้ งบอกคนดไู ดว้ า่ ตวั ละครนัน้ เปน็ ใคร มสี ถานภาพอยา่ งไร อยู่ในฐานนะไหนของสังคม (ฤทธิรงค์ จวิ ากานนท,์ 2557) 4. สขี องเครอ่ื งแต่งกายตวั ละครพมา่ ในละครพนั ทาง การใชส้ ี ในเครอื่ งแต่งกายตวั ละครพมา่ ในละครพันทาง มลี กั ษณะเหมือน กับการใชส้ ีของเครื่องแตง่ กายโขน - ละคร คอื ใช้การแบง่ เปน็ การใชส้ ตี รงกนั ขา้ ม เพอื่ ใหเ้ กดิ จดุ เดน่ ของเครอ่ื งแตง่ กาย ถา้ พระเอกใสส่ แี ดง นางเอกกจ็ ะใสส่ เี หลอื งหรอื สที อง พอ่ ใสส่ ขี าว แมจ่ ะใสส่ นี ำ้� เงนิ หรอื มว่ ง ทง้ั นเ้ี พอ่ื ใหต้ วั ละครนนั้ เกดิ ความโดดเดน่ ในเรอื่ งของเครอ่ื งแตง่ กาย โดยการคดั เลอื กการใชส้ นี ้ี นำ� มาจากการใชส้ ใี นเครอ่ื งแตง่ กายโขน - ละคร ทจ่ี ะใชส้ แี ดงคกู่ บั สเี ขยี ว สเี หลอื งคกู่ บั สมี ว่ ง สชี มพคู กู่ บั สนี ำ�้ เงนิ หรอื สฟี า้ สขี าวค่กู บั สเี หลือง สขี าวคู่สีม่วงหรอื สีน�ำเงิน ในละครพนั ทางเรอ่ื งราชาธิราช ของกรมศลิ ปากร กม็ กี ารใชส้ แี บบนเี้ ชน่ กนั ในตอนสมงิ พระรามแตง่ งาน สมงิ พระราม เป็นตัวละครเอก ก็จะใส่เคร่ืองสีแดง พระราชธิดา จะใส่สีเหลืองหรือสีทอง ซึ่ง เปน็ การใชส้ ีตรงขา้ มกนั หรือแม้นกระท่ัง นางก�ำนลั ทอ่ี ยู่ในฉากน้ี กจ็ ะแบง่ กนั นัง่ 2 ฝงั่ คือ ฝัง่ หนง่ึ สชี มพู อกี ฝ่ังหนึ่งสฟี ้า จากท่กี ล่าวมาพบว่า สีของเคร่อื งแตง่ กายท่ี ใช้ในการแสดงละครพันทางเร่ืองราชาธิราชน้ัน เป็นการใช้สีแบบสีตรงข้ามกัน นอกจากนย้ี งั มกี ารแบง่ วรรณะของสี คอื แม่ จะนยิ มใชส้ เี ขม้ เพอื่ เปน็ การแบง่ ถงึ อายุ ของตวั ละคร สังเกตได้วา่ แมจ่ ะนยิ มใสส่ นี �ำ้ เงิน ม่วง หรอื ถ้าเป็นกษตั รยิ ก์ ็จะนิยมใส่ สีเหลืองหรอื สีทอง ซึ่งสอดคลอ้ งของกาญจนา ลือพงษ์ (2555) ท่ีกลา่ ววา่ การใช้สี ตรงขา้ ม จะทำ� ใหเ้ ปน็ การสรา้ งความเดน่ การใชส้ ตี า่ งวรรณะ เพอ่ื สรา้ งจดุ สนใจของ ผูด้ ู ข้อเสนอแนะ จากการศกึ ษาเรอ่ื งพฒั นาการเครอื่ งแตง่ กายตวั ละครพมา่ ในละครพนั ทาง เร่ืองราชาธิราช ของกรมศลิ ปากร พบว่า ยังมอี กี หลายเชือ้ ชาติทีป่ รากฏอยใู่ นละคร ปที ่ี ๑๐ ฉบบั ท่ี ๒ กรกฎาคม-ธนั วาคม ๒๕๖๑
22 วารสารศิลปกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น พันทาง ทนี่ า่ สนใจในการน�ำมาศึกษาถึงรูปแบบและพัฒนาการเครอื่ งแต่งกาย เชน่ เชอื้ ชาตมิ อญ ในละครพนั ทางเรอื่ ง ราชาธริ าช เชอ้ื ชาตลิ าว ในละครพนั ทางเรอ่ื งพระ ลอ เปน็ ต้น เอกสารอ้างองิ กาญจนา ลอื พงษ์. (2555). การพัฒนาหม้อนง่ึ แรงดันสูงเพอ่ื การสกัดสีและยอ้ มสี ธรรมชาต.ิ โครงการวจิ ยั สาขาวชิ าเทคโนโลยเี คมสี งิ่ ทอ คณะอตุ สาหกรรม สิ่งทอและออกแบบแฟชน่ั มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลพระนคร. กรมศลิ ปากร. (2523). ละครพันทาง เรอื่ ง ราชาธริ าช ชุด ศกึ พระเจา้ ฝรง่ั มงั ฆ้อง ตอน สจั จะสมงิ นครอนิ ทร.์ [สจู ิบตั ร]. ม.ป.ท. ฤทธิรงค์ จิวากานนท์. (2557). ศิลปะการออกแบบเคร่ืองแต่งกายละครเวทีสมัย ใหม.่ กรงุ เทพฯ: จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลัย. สุรพล วริ ฬุ ห์รกั ษ.์ (2543). ววิ ัฒนาการนาฏยศลิ ปไ์ ทยในกรงุ รัตนโกสนิ ทร์ พ.ศ. 2325-2477. กรงุ เทพฯ: จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย. ปที ่ี ๑๐ ฉบบั ท่ี ๒ กรกฎาคม-ธันวาคม ๒๕๖๑
Search
Read the Text Version
- 1 - 22
Pages: