หนังสือเรย� น รายว�ชาพ้ืนฐาน สุขศึกษา ป. 5 ช�นั ประถมศกึ ษาปท ี่ 5 กลมุ สาระการเรย� นรสู ขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขั�นพน้ื ฐานพทุ ธศกั ราช 2551 ผูเรียบเรยี ง ดร.ประกติ หงษแสนยาธรรม กศ.บ., กศ.ม., ปร.ด. ผศ.วรรณา พิทักษศ านต กศ.บ., กศ.ม. ผูต รวจ ดร.สุเพียร โภคทิพย พย.บ., วท.ม., ปร.ด. นายประดษิ ฐ พยุงวงศ กศ.บ., กศ.ม. นางหทัยฉฐั ภมู ภิ าค กศ.บ., กศ.ม. บรรณาธกิ าร นางสาวพชั ราภรณ โจมีพร กศ.บ., บธ.ม. นางสาวปท มา จนั ทรขํา ศศ.บ.
หนงั สอื เรย� น รายว�ชาพ้นื ฐาน สุขศึกษา ป. 5 ชัน� ประถมศกึ ษาปที่ 5 กลมุ สาระการเรย� นรูสุขศกึ ษาและพลศกึ ษา ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขั�นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ผเู รยี บเรยี ง ดร.ประกติ หงษแ สนยาธรรม ผศ.วรรณา พิทกั ษศานต ผูต รวจ ดร.สุเพยี ร โภคทพิ ย นายประดษิ ฐ พยุงวงศ นางหทยั ฉฐั ภูมิภาค บรรณาธิการ นางสาวพชั ราภรณ โจมีพร นางสาวปทมา จันทรข าํ ISBN 978-616-8047-55-2 บรษิ ทั กรพัฒนาย่ิง จาํ กดั เลขที่ 23/34–35 ชนั้ 3 หอง 3B ถนนตรมี ติ ร แขวงตลาดนอ ย เขตสมั พนั ธวงศ กรุงเทพฯ 10100
คํานาํ คาํ นํา หนังสอื เรยี น รายวิชาพ้นื ฐาน สุขศึกษา ชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ 5 เลม่ น้ีจดั ทาํ ข้ึนตามหลักสตู ร แกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 สําหรับนักเรียนระดับประถมศึกษา โดยมี เปาหมายให้นักเรียนและครูใช้เป็นส่ือในการจัดการเรียนรู้เพ่ือพัฒนานักเรียนให้มีคุณภาพตาม มาตรฐานการเรยี นรู้ ตวั ชว้ี ดั ทก่ี าํ หนดไวใ้ นหลกั สตู ร และสาระการเรยี นรแู้ กนกลาง พฒั นานกั เรยี น ให้มีสมรรถนะสําคญั ตามทีต่ อ้ งการ ทัง้ ในด้านการสอื่ สาร การคดิ การแก้ปญั หา การใชท้ กั ษะชีวิต และการใช้เทคโนโลยี ตลอดจนพัฒนานักเรียนให้มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ทําประโยชน์ให้ สังคม เพ่ือให้สามารถอยู่ร่วมกับผอู้ น่ื ในสังคมไทยและสงั คมโลกไดอ้ ยา่ งมีความสขุ ในการจัดทําหนังสอื เรยี น รายวชิ าพ้ืนฐาน สขุ ศกึ ษา ชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ 5 ผู้จัดทาํ ซ่งึ เป็น ผู้เช่ียวชาญในสาขาวิชาและการพัฒนาสื่อการเรียนรู้ ได้ศึกษาหลักสูตรแกนกลางการศึกษา ข้ันพืน้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551 อย่างลึกซงึ้ ท้งั ด้านวิสัยทัศน์ หลกั การ จุดหมาย สมรรถนะสาํ คญั ของผเู้ รียน คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ สาระและมาตรฐานการเรยี นรู้ ตวั ชวี้ ดั ของสาระการเรยี นรู้ แกนกลาง แนวทางการจดั การเรยี นรู้ แลว้ จงึ นาํ องคค์ วามรทู้ ไ่ี ดม้ าออกแบบหนว่ ยการเรยี นรู้ แตล่ ะ หน่วยการเรียนรู้ประกอบด้วยมาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัดช้ันปี สาระการเรียนรู้ ประโยชน์จาก การเรยี น และคําถามชวนคิด (คําถามนําสกู่ ารเรยี นรู้) เนื้อหาสาระแต่ละเรือ่ งแต่ละหวั ข้อ นานา น่ารู้ กิจกรรมเรียนร.ู้ ..สปู่ ฏิบตั ิ (กิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น) แหลง่ สบื ค้นความรู้ บทสรปุ หน่วยการ เรียนรู้ กจิ กรรมเสนอแนะ โครงงาน การประยุกตใ์ ชใ้ นชวี ติ ประจาํ วัน และคําถามประจาํ หนว่ ยการ เรยี นรู้ นอกจากนท้ี า้ ยเลม่ ยงั มบี รรณานกุ รม และคาํ อภธิ านศพั ท์ ซงึ่ องคป์ ระกอบของหนงั สอื เรยี น เหลา่ นีจ้ ะช่วยส่งเสริมใหน้ ักเรียนเกดิ การเรยี นรู้อย่างครบถ้วนตามหลักสูตร การเสนอเนอื้ หาและออกแบบกจิ กรรมในหนงั สือเรียนเลม่ นี้ ได้จัดทาํ ขน้ึ โดยยึดแนวคดิ การ จัดการเรียนรู้ท่ีมุ่งเน้นผู้เรียนเป็นสําคัญ โดยคํานึงถึงศักยภาพของนักเรียน เน้นการเรียนรู้ แบบองค์รวมบนพ้ืนฐานของการบูรณาการแนวคิดทฤษฎีทางการเรียนรู้ต่าง ๆ อย่างหลากหลาย เชน่ การเรยี นรโู้ ดยใชส้ มองเปน็ ฐาน พหปุ ญั ญา การใชค้ าํ ถามแบบหมวกความคดิ 6 ใบ การเรยี นรู้ แบบประสบการณ์และที่เน้นการปฏิบัติ การเรียนรู้แบบโครงงาน เป็นต้น จัดการเรียนรู้ แบบบูรณาการ เน้นให้นักเรียนสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง มุ่งพัฒนาการคิด และพัฒนาการ เรียนรู้ท่ีสอดคล้องกับพัฒนาการทางสมองและพัฒนาการทางร่างกายของนักเรียน อันจะช่วยให้ นกั เรยี นเกิดการเรียนรอู้ ยา่ งสมบูรณ์และสามารถนาํ ไปประยกุ ตใ์ ช้ในชีวิตประจําวนั ได้ หวงั เป็นอย่างย่งิ ว่า หนงั สือเรียน รายวชิ าพื้นฐาน สขุ ศกึ ษา ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 5 เล่มน้ี จะชว่ ยสนบั สนนุ ใหน้ กั เรยี นไดพ้ ฒั นาความรดู้ า้ นทกั ษะกระบวนการทางสขุ ศกึ ษาไดเ้ ปน็ อยา่ งดี และ สนับสนุนการปฏิรูปการเรยี นร้ตู ามเจตนารมณข์ องพระราชบัญญตั ิการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และแก้ไขเพิม่ (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ. 2545 คณะผู้จดั ทาํ
คาํ ชแ้ี จง คาํ นํา หนงั สือเรียน รายวิชาพื้นฐาน สุขศึกษา ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี 5 เลม่ นไี้ ด้ออกแบบหนว่ ยการ เรียนรู้ใหแ้ ตล่ ะหนว่ ยการเรียนรูป้ ระกอบด้วย 1. มาตรฐานการเรียนรู้ เป็นเปาหมายที่ต้องการให้เกิดข้ึนกับนักเรียนเม่ือจบการศึกษาใน หนว่ ยการเรียนรูน้ นั้ ๆ หรือเมอื่ จบการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน 2. ตวั ชว้ี ดั ชน้ั ป เปน็ เปา หมายในการพฒั นานกั เรยี นใหไ้ ดร้ บั และปฏบิ ตั ไิ ดใ้ นหนว่ ยการเรยี นรู้ ซึ่งสอดคลอ้ งกับมาตรฐานการเรียนรู้ มรี หัสของมาตรฐานการเรยี นร้แู ละตวั ช้ีวัดชัน้ ปีกำกบั ไว้หลัง ตัวช้วี ดั ชัน้ ปี เชน่ พ 1.1 ป. 5/1 (รหสั แตล่ ะตวั มีความหมายดงั น้ี พ คือ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ สขุ ศึกษาและพลศกึ ษา 1.1 คือ สาระท่ี 1 มาตรฐานการเรียนรู้ข้อที่ 1 ป. 5/1 คือ ตวั ชี้วัด ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 5 ข้อที่ 1) 3. สาระการเรียนร ู้ เป็นการนำเสนอขอบข่ายเนื้อหาทีน่ ักเรียนจะได้เรยี นรใู้ นระดับช้นั นนั้ ๆ 4. ประโยชน์จากการเรยี น นำเสนอไว้เพ่ือกระตนุ้ ใหน้ ักเรยี นนำความรู้ ทกั ษะจากการเรยี น ไปประยุกตใ์ ชใ้ นชวี ิตประจำวัน 5. คำ ถามชวนคิด (คำ ถามนำ สู่การเรียนรู้) เป็นคำถามหรือสถานการณ์เพื่อกระตุ้นให้ นกั เรียนเกดิ ความสงสัยและสนใจทจี่ ะคน้ หาคำตอบ 6. เน้ือหา เป็นเนื้อหาท่ีตรงตามสาระ มาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัดช้ันปี และสาระการ เรียนรู้แกนกลาง โดยแบ่งเนื้อหาเป็นช่วง ๆ แล้วแทรกกิจกรรมพัฒนาการเรียนรู้ที่พอเหมาะกับ การเรียน รวมท้ังมีการนำเสนอด้วยภาพ ตาราง แผนภูมิ และแผนที่ความคิด เพื่อเป็นส่ือให้ นักเรยี นสร้างความคดิ รวบยอดและเกิดความเข้าใจท่ีคงทน 7. นานา น่ารู้ (ความรู้เสรมิ หรอื เกร็ดความร้)ู เป็นความร้เู พ่อื เพ่มิ พนู ใหน้ กั เรียนมีความรู้ กว้างขวางข้ึน โดยคดั สรรเฉพาะเรอ่ื งที่นกั เรียนควรรู้ 8. กิจกรรมเรียนร.ู้ ..สู่ปฏบิ ัต ิ (กิจกรรมพฒั นาการเรียนรู)้ เป็นกจิ กรรมท่กี ำหนดไว้เมอื่ จบ เนื้อหาแตล่ ะตอนหรอื แต่ละหัวขอ้ เป็นกิจกรรมที่หลากหลาย ใชแ้ นวคิดทฤษฎตี า่ ง ๆ ทสี่ อดคลอ้ ง กบั เนอ้ื หา เหมาะสมกับวยั และพฒั นาการดา้ นตา่ ง ๆ ของนกั เรยี น สะดวกในการปฏิบตั ิ กระต้นุ ให้นักเรยี นได้คิด และส่งเสริมให้ศกึ ษาคน้ ควา้ เพม่ิ เติม มคี ำถามเปน็ การตรวจสอบผลการเรียนรู้ ของนักเรียน ได้ออกแบบกิจกรรมไว้อย่างหลากหลาย และมีมากเพียงพอท่ีจะพัฒนาให้นักเรียน เกิดการเรียนรู้ตามเปาหมายของหลักสูตร โดยครูผู้สอน/นักเรียนสามารถนำกิจกรรมดังกล่าวมา ใชป ฏบิ ัตใิ นชว งกิจกรรมลดเวลาเรยี นเพิ่มเวลารูได
9. แหล่งสืบคน้ ความรู้ เป็นแหลง่ เรียนร้ตู ่าง ๆ ตามความเหมาะสม เชน่ เวบ็ ไซต์ หนงั สอื สถานที่ หรือบุคคล เพื่อให้นักเรียนศกึ ษาคน้ คว้าเพิม่ เตมิ ใหส้ อดคลอ้ งกบั เร่อื งท่เี รยี น 10. บทสรุปหน่วยการเรียนรู้ ได้จัดทำ�บทสรุปเป็นผังมโนทัศน์ (Concept Map) เพื่อให้ นักเรยี นได้ใช้เป็นบทสรปุ ทบทวนความรู้ โดยวิธีการจนิ ตภาพจากผังมโนทศั นท์ ่ไี ด้สรปุ เนอ้ื หาทีไ่ ด้ จัดทำ�ไว้ 11. กจิ กรรมเสนอแนะ เปน็ กจิ กรรมบรู ณาการทกั ษะทร่ี วมหลกั การและความคดิ รวบยอดใน เรื่องตา่ ง ๆ ที่นกั เรยี นไดเ้ รยี นรู้ไปแลว้ มาประยกุ ต์ใช้ในการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม 12. โครงงาน เปน็ ขอ้ เสนอแนะในการกำ�หนดใหน้ กั เรยี นปฏบิ ตั โิ ครงงาน โดยเสนอแนะหวั ขอ้ โครงงานและแนวทางการปฏิบัติโครงงานท่ีสอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดช้ันปี ของหนว่ ยการเรียนรู้นั้น เพ่ือพฒั นาทักษะการคดิ การวางแผน และการแกป้ ัญหาของนกั เรยี น 13. การประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ติ ประจำ�วนั เปน็ กจิ กรรมทเ่ี สนอแนะใหน้ กั เรยี นไดน้ ำ�ความรู้ ทกั ษะ ในการประยกุ ตค์ วามรู้ในหน่วยการเรยี นร้นู ้ันไปใชใ้ นชวี ิตประจำ�วนั 14. คำ�ถามประจำ�หน่วยการเรียนรู้ เป็นคำ�ถามท่ีต้องการให้นักเรียนได้สะท้อนความคิดใน เน้อื หาทไ่ี ดศ้ กึ ษา โดยเน้นการนำ�หลักการต้ังคำ�ถามสะท้อนคิด (RCA) มาจัดเรยี งเปน็ คำ�ถามตาม เน้อื หาทีน่ ักเรียนได้เรียนรู้ 15. บรรณานุกรม เป็นรายช่ือหนังสือ เอกสาร หรือเว็บไซต์ที่ใช้ค้นคว้าอ้างอิงประกอบ การเรยี บเรียงเนือ้ หาความรู้ 16. คำ�อภิธานศัพท์ เป็นการนำ�คำ�สำ�คัญท่ีแทรกอยู่ในเน้ือหามาอธิบายให้ความหมาย และ จัดเรียงตามลำ�ดับตวั อักษรเพื่อสะดวกในการค้นควา้
สารบัญ หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ ี 1 เรียนรตู้ วั เรา....................................................... 1–11 • มาตรฐานการเรยี นรู้...........................................................................1 • ตวั ชี้วัดช้ันป ....................................................................................1 • สาระการเรียนรู้ ................................................................................1 • ประโยชน์จากการเรยี น.......................................................................1 • คำ ถามชวนคดิ .................................................................................1 • ระบบต่าง ๆ ของร่างกาย..............................................................2–7 – ระบบยอ่ ยอาหาร ............................................................................ 2 – ระบบขับถ่ายปสั สาวะ ...................................................................... 6 • บทสรปุ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 ................................................................8 • กจิ กรรมเสนอแนะ...........................................................................10 • โครงงาน ......................................................................................10 • การประยกุ ต์ใช้ในชีวติ ประจำ วนั ..........................................................11 • คำ ถามประจำ หนว่ ยการเรียนรู้ท ี่ 1 .......................................................11 หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 2 ชีวิตและครอบครวั ............................................. 12–27 • มาตรฐานการเรยี นรู้.........................................................................12 • ตัวชี้วดั ชัน้ ป ..................................................................................12 • สาระการเรยี นรู้ ..............................................................................12 • ประโยชนจ์ ากการเรียน.....................................................................12 • คำ ถามชวนคิด ...............................................................................12 1. พฒั นาการทางเพศ.................................................................. 13–17 – พัฒนาการทางเพศและการปฏบิ ัตติ นทเ่ี หมาะสม...............................13 2. ครอบครัวอบอนุ่ ตามวัฒนธรรมไทย.......................................... 17–20 2.1 ลักษณะของครอบครวั ไทย ............................................................17 2.2 ครอบครวั ทอี่ บอนุ่ ตามวฒั นธรรมไทย .............................................18 3. การแกไ้ ขปญ˜ หาความขัดแยง้ .................................................. 20–23 3.1 ปัจจัยท่กี ่อใหเ้ กิดความขดั แย้ง .......................................................20 3.2 พฤตกิ รรมท่ีพงึ ประสงคแ์ ละไม่พึงประสงคใ์ นการแก้ไข ปัญหาความขัดแย้งในครอบครัวและกลุม่ เพอื่ น................................21
• บทสรปุ หนว่ ยการเรยี นรู้ท ี่ 2 ..............................................................24 • กจิ กรรมเสนอแนะ...........................................................................26 • โครงงาน ......................................................................................26 • การประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำ วนั ..........................................................27 • คำ ถามประจำ หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 2 .......................................................27 หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี ่ 3 ใสใ่ จสขุ ภาพ .................................................... 28–64 • มาตรฐานการเรยี นรู้.........................................................................28 • ตวั ช้วี ดั ชนั้ ป ..................................................................................28 • สาระการเรียนรู้ ..............................................................................28 • ประโยชนจ์ ากการเรียน.....................................................................28 • คำ ถามชวนคิด ...............................................................................28 1. การปฏิบตั ิตนตามสขุ บัญญตั ิแห่งชาติ .......................................... 29–35 2. ขอ้ มลู ข่าวสารสุขภาพ............................................................ 35–40 2.1 วิธคี ้นหาและตัวอย่างแหลง่ ขอ้ มลู ข่าวสารสุขภาพ ..............................36 2.2 การใช้ข้อมูลข่าวสารในการสร้างเสริมสุขภาพ....................................39 3. สอื่ โฆษณากับอาหารและผลติ ภณั ฑส์ ขุ ภาพ ................................ 40–44 3.1 สอ่ื โฆษณากบั การเลอื กซ้ืออาหารและผลิตภณั ฑส์ ขุ ภาพ.....................40 3.2 การตรวจสอบข้อเทจ็ จรงิ ของสื่อโฆษณา...........................................42 4. การดูแลรักษาตนเองเบอื้ งตน้ เม่ือเจบ็ ป†วย................................... 45–47 4.1 โรคไขห้ วดั ...................................................................................45 4.2 โรคไขเ้ ลอื ดออก ...........................................................................46 5. การทดสอบและปรบั ปรงุ สมรรถภาพทางกายเพ่อื สุขภาพ ................ 48–59 5.1 การทดสอบสมรรถภาพทางกายเพื่อสุขภาพ .....................................48 5.2 การปรับปรุงสมรรถภาพทางกายเพือ่ สุขภาพ.....................................55 • บทสรุปหนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 3 ..............................................................60 • กจิ กรรมเสนอแนะ...........................................................................63 • โครงงาน ......................................................................................63 • การประยกุ ตใ์ ช้ในชีวิตประจำ วนั ..........................................................64 • คำ ถามประจำ หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 3 .......................................................64
หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 4 ชีวิตปลอดภยั ................................................... 65–85 • มาตรฐานการเรยี นรู้.........................................................................65 • ตัวช้ีวัดชัน้ ป ..................................................................................65 • สาระการเรยี นรู้ ..............................................................................65 • ประโยชนจ์ ากการเรียน.....................................................................65 • คำ ถามชวนคิด ...............................................................................65 1. ยาและสารเสพตดิ ............................................................... 66–72 1.1 ปัจจยั ทม่ี อี ทิ ธิพลต่อการใชส้ ารเสพตดิ .............................................66 1.2 ผลกระทบของการใชย้ าและสารเสพตดิ ...........................................67 1.3 การใช้ยาอย่างปลอดภยั .................................................................70 1.4 การหลีกเล่ยี งการใชส้ ารเสพตดิ ......................................................71 2. อทิ ธพิ ลของส่ือทีม่ ีตอ่ พฤติกรรมสุขภาพ ..................................... 72–79 2.1 อทิ ธพิ ลของสอื่ ท่สี ่งผลดีต่อพฤติกรรมสขุ ภาพ ..................................76 2.2 อิทธพิ ลของสื่อทีส่ ง่ ผลเสียต่อพฤติกรรมสขุ ภาพ ...............................77 3. การป‡องกนั อนั ตรายจากการเล่นกีฬา......................................... 79–81 3.1 ปัจจยั ทีก่ ่อใหเ้ กิดอนั ตรายจากการเล่นกีฬา.......................................79 3.2 การปองกนั อันตรายจากการเล่นกฬี าในแต่ละปัจจัย ..........................80 • บทสรปุ หน่วยการเรียนรู้ท่ ี 4 ..............................................................82 • กจิ กรรมเสนอแนะ...........................................................................84 • โครงงาน ......................................................................................84 • การประยุกตใ์ ชใ้ นชีวิตประจำ วัน..........................................................85 • คำ ถามประจำ หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 4 .......................................................85 • บรรณานุกรม.................................................................................86 • คำ อภิธานศพั ท์...............................................................................87
เรียนรู้ตวั เรา 1หนว� ยการเรย� นรูท่ี มาตรฐานการเรย� นรู พ 1.1 เ¢า้ ใจธรรมชาติ¢องการเจรÞิ เตบิ โตáÅÐพ²ั นาการ¢องมนÉุ ย์ ตัวชีว้ ัดช�ันป 1. อธบิ ายความสÓ คÞั ¢องรÐบบยอ‹ ยอาËารáÅÐรÐบบ¢บั ถา‹ ยทมี่ ผี Åตอ‹ ส¢ุ ภาพ การเจรÞิ เตบิ โต áÅо²Ñ ¹Ò¡Òà (¾ 1.1 ». 5/1) 2. อธิบายวธิ ีดูáÅรÐบบยอ‹ ยอาËารáÅÐรÐบบ¢บั ถา‹ ยใËท้ Ó งานตามปกต ิ (พ 1.1 ป. 5/2) สาระการเรย� นรู • รÐบบตา‹ ง æ ¢องรา‹ งกาย ประโยชนจากการเรียน คําถามชวนคิด à¢าใจการทíางานáÅÐความสíาคัÞของ � ถา้ ขาดการดแู ลเอาใจใสร่ ะบบตา่ ง�ๆ�ของ ระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่ายปัสสาวะ ร่างกาย� นักเรียนคิดว่าจะส่งผลให้ร่างกาย ที่ส่งผลต่อสุขภาพและการเจริญเติบโต� ผิดปกติหรอื ไม่�อยา่ งไร ตลอดจนสามารถดูแลรักษาระบบย่อย อาหารและระบบขับถ่ายปัสสาวะได้อย่าง เหมาะสม
2 หนงั สือเรียน�รายวิชาพืน้ ฐาน�สุขศึกษา�ป.�5 รÐบบย‹อยอาËารทÓ Ëน้าที่ย‹อยáÅÐดูด«ÖมอาËารเพ่ือใË้ร‹างกายได้เจริÞเติบโต ส‹วนรÐบบ¢ับถ‹ายป˜สสาวÐช‹วยกรอง¢องเสียออกจากเÅือดáÅÐกÓ จัดออกมาในรูป¢อง น้Ó ป˜สสาวÐ ดังน้ันนักเรียนควรดูáÅรักÉารÐบบอวัยวÐดังกÅ‹าวใË้ทÓ งานได้ตามปกติ เพอ่ื การมสี ¢ุ ภาพทด่ี áี ÅÐการเจรÞิ เตบิ โต¢องรา‹ งกายตามวัย ระบบตาง ๆ ของรา งกาย ¤Ó¶ÒÁ¹ÓÊÙ‹º·àÃÕ¹ รËู้ รอื ไม ‹ อาËารทเ่ี รารบั ปรÐทานตอ้ งผา‹ นการทÓ งาน¢องรÐบบ ยอ‹ ยอาËารอยา‹ งไร นักเรียนได้เรียนรู้รÐบบต‹าง æ ¢องร‹างกายมาบ้างáÅ้วในรÐดับช้ันที่ผ‹านมา ใน รÐดบั ชน้ั นจ้ี Ðไดเ้ รยี นรเู้ กย่ี วกบั รÐบบตา‹ ง æ ¢องรา‹ งกายเพม่ิ เตมิ ไดá้ ก ‹ รÐบบยÍ่ ยÍาหาร áÅÐรÐบบ¢บÑ ¶า่ ยปส˜ สาวÐ • ระบบยอ ยอาหาร อาËารท่ีเรารับปรÐทานจÓ เปšนต้องถูกย‹อย áÅÐดดู «มÖ โดยรÐบบย‹อยอาËาร เพื่อใË้ร‹างกาย หลอดอาหาร ปาก ได้นíาสารอาËารไปใช้ปรÐโยชน์ในการเจริÞ- ตบั เติบโตáÅÐสร้างพÅังงาน รÐบบย‹อยอาËารจÖง เปšนรÐบบท่ีมีความสÓ คัÞไม‹น้อยไปกว‹ารÐบบ กระเพาะอาหาร อน่ื æ ลำ�ไส้เล็ก 1. หนา้ ที่¢Í§รÐบบย่ÍยÍาหาร รÐบบย‹อยอาËารมีËน้าท่ีËÅักคือย‹อย อาËารที่รับปรÐทานเ¢้าไปใË้áตกตัวáÅÐมี¢นาด ลำ�ไส้ใหญ่ เÅçก จากน้ันอาËารที่ถูกย‹อยจÐกÅายเปšนสาร อาËารáÅÐถูกดูด«Öมไปใช้ปรÐโยชน์ในร‹างกาย สว‹ นอาËารทไี่ มส‹ ามารถยอ‹ ยËรอื ถกู ดดู «มÖ ได ้ จÐ กÅายเปšนกากอาËารáÅÐถูกกíาจัดออกนอก รา‹ งกายเปนš อุจจารÐตอ‹ ไป ภาพแสดงโครงสรางของระบบยอ ยอาหาร
หนังสอื เรียน�รายวิชาพ้ืนฐาน�สขุ ศกึ ษา�ป.�5 3 2. â¤Ã§ÊÃÒŒ §¢Í§ÃкºÂÍ‹ ÂÍÒËÒà รÐบบยอ‹ ยอาËารปรÐกอบดว้ ยอวัยวÐท่ีสÓ คÞั ได้áก‹ ปาก ËÅอดอาËาร ตบั กรÐเพาÐอาËาร ÅÓ ไสเ้ Åกç áÅÐÅÓ ไส้ใËÞ‹ นอกจากน้ยี งั มอี วัยวÐช‹วยทÓ งานในรÐบบอีก ได้áก‹ ต‹อมน้Ó Åาย ตับอ‹อน áÅÐถุงน้Ó ดี «Ö่งอวัยวÐช‹วยทÓ งานเËÅ‹าน้ีจТับเอนไ«ม์ (enzyme) ออกมาชว‹ ยยอ‹ ยอาËาร�� � ปาก เปนš อวยั วÐáรก¢องรÐบบยอ‹ ยอาËาร ภายใน ปากจÐมี¿˜น Åิ้น áÅÐต‹อมนÓ้ Åาย«่Öงสร้างน้Ó Åาย ในน้Ó ÅายจÐมีเอนไ«ม์ช‹วยในการยอ‹ ยอาËาร หÅÍ´Íาหาร ปากเปน อวยั วะแรกของ เปนš สว‹ นáรก¢องทางเดนิ อาËาร มคี วามยาว ระบบยอ ยอาหาร ปรÐมา³ 25 เ«นติเมตร ภายในËÅอดอาËาร หลอดอาหาร จÐมีกÅ้ามเน้ือท่ีจÐËดáÅÐคÅายตัวเพื่อใË้อาËาร เคÅอ่ื นทผี่ า‹ นËÅอดอาËารÅงไปยงั กรÐเพาÐอาËาร µบÑ กระเพาะ เปšนอวัยวÐในรÐบบย‹อยอาËารที่ทÓ Ëน้าท่ี อาหาร ผÅิตน้Ó ดีเพื่อช‹วยย‹อยไ¢มันใË้áตกตัวเปšนเมçด ภาพแสดงลกั ษณะของหลอดอาหาร เÅกç æ จนรา‹ งกายสามารถดูด«มÖ áÅÐนÓ ไปใช้ และกระเพาะอาหาร กรÐเ¾าÐÍาหาร เปšนส‹วน¢องทางเดินอาËารที่ใËÞ‹ท่ีสุด มีÅักɳÐเปšนถุงพองรูปคÅ้ายตัวเจ (J) ภายในกรÐเพาÐอาËารจÐมผี นงั ทม่ี Åี กั ɳÐเปนš คÅน่ื มตี อ‹ มสรา้ งน้Ó ยอ‹ ย กรÐเพาÐอาËาร จÖงเปšนทีร่ วมอาËารท่ีรบั ปรÐทานเ¢้าไปáÅÐทÓ Ëน้าทีย่ ‹อยอาËารใËม้ ี¢นาดท่เี ÅçกÅง
4 หนังสือเรียน�รายวิชาพน้ื ฐาน�สขุ ศกึ ษา�ป.�5 � ÅÓäสเ้ Åçก เปšนส‹วนท่ีต‹อมาจากกรÐเพาÐอาËาร มี ÅักɳÐเปšนท‹อท่ี¢ดม้วน การย‹อยอาËารáÅÐ ลำ�ไสใ้ หญ่ การดดู «มÖ สารอาËารส‹วนใËÞเ‹ กิด¢้นÖ ในÅÓ ไสเ้ Åกç ลำ�ไสเ้ ล็ก ÅÓäส้ãหÞ่ ไส้ตรง เปšนส‹วนท่ีมี¢นาดใËÞ‹กว‹าÅíาไส้เÅçก áต‹ ภาพแสดงลักษณะของลำไสเลก็ สั้นกว‹ามาก ÅÓ ไส้ใËÞ‹ไม‹ได้ทÓ Ëน้าที่ย‹อยอาËาร ลำไสใ หญ และไสตรง áต‹จÐทÓ Ëน้าที่ดูดนÓ้ จากอาËารกÅับเ¢้าสู‹ร‹างกาย ส‹วนกากอาËารท่ีเËÅือจÐกÅายเปšน อจุ จารÐ ถกู กÓ จดั ออกจากรา‹ งกาย โดยÅÓ ไสใ้ ËÞจ‹ Ðบบี ตวั ใËอ้ จุ จารÐเคÅอ่ื นทไ่ี ปยงั สว‹ น ที่เรยี กว‹า äÊŒµÃ§ áÅÐผ‹านออกทางทวารËนัก 3. การ´áู ÅรÐบบย่ÍยÍาหาร เพอ่ื ใËร้ Ðบบยอ‹ ยอาËารทÓ งานได้ปกติควรป¯บิ ตั ิ ดังนี้ 1. ไมร‹ ับปรÐทานอาËารที่มีรสจดั เชน‹ เผดç Ëรอื เปร้ียวจัด เพราÐจÐทÓ ใËเ้ รา ปวดทอ้ งáÅÐáสบทอ้ งได้ 2. เคี้ยวอาËารใË้ÅÐเอียดก‹อน กÅืน เพื่อช‹วยใË้กรÐเพาÐอาËารทÓ งาน ไม‹Ëนัก áÅÐÅดอาการท้องอืดจากอาËาร ไม‹ยอ‹ ย 3. รับปรÐทานผักáÅÐผÅไม้เปšนปรÐจÓ เพราÐเปนš อาËารทยี่ อ‹ ยงา‹ ยสง‹ ผÅดตี อ‹ กรÐเพาÐ อาËารáÅÐÅÓ ไส้ เน่ืองจากในผักáÅÐผÅไม้มี ใยอาËารมาก ช‹วยในการ¢ับถ‹ายได้ดี � � 4.�ดมื่ นา้ํ สะอาดอยา่ งนอ้ ยวนั ละ�8�แกว้ �เพอ่ื ใหร้ ะบบยอ่ ยอาหารทาํ งานไดอ้ ยา่ ง ปกติ � � 5.�รับประทานอาหารให้ครบท้งั �3�ม้ือ�และตรงเวลา�เพอื่ ปอ งกันโรคกระเพาะ อาหาร
หนงั สอื เรียน�รายวชิ าพ้นื ฐาน�สุขศกึ ษา�ป.�5 5 � � 6.�ออกกาํ ลงั กายสมา่ํ เสมอ�เพราะ การออกกาํ ลงั กายชว่ ยใหร้ ะบบยอ่ ยอาหาร ทาํ งานไดด้ ขี ึน้ � � 7.�รกั ษาฟนั ใหแ้ ขง็ แรง�เนอื่ งจาก ฟนั ชว่ ยในการบดเคยี้ วอาหาร�ทาํ ใหอ้ าหาร ที่เรารับประทานมีขนาดเล็กลงและย่อย งา่ ยขึน้ ¤Ó¶ÒÁ¾Ñ²¹Ò¤ÇÒÁ¤Ô´ ถา้ นกั เรยี นมอี าการปวดทอ้ ง ทอ้ งอดื Ëรอื จกุ เสยี ดทอ้ งบอ‹ ย æ นกั เรยี น จÐáกไ้ ¢ป˜ÞËานอี้ ย‹างไร กจิ กรรมเรียนร้.ู ..สปู่ ฎิบัติ • เพ่อื ความเ¢า้ ใจท่คี งทนใËน้ ักเรียนป¯ิบัตกิ ิจกรรมต‹อไปน้ี 1. วาดภาพพร้อมรÐบายสอี วยั วÐท่ีอย‹ใู นรÐบบยอ‹ ยอาËาร 1 ชนดิ ทีน่ ักเรียนสนใจ 2. ศกÖ Éาเรอ่ื ง ÃкºÂÍ‹ ÂÍÒËÒà áÅว้ เ¢ยี นบอกËนา้ ทáี่ ÅÐความสÓ คÞั ตÅอดจนวธิ กี ารดáู Å อวัยวÐต‹าง æ ¢องรÐบบย‹อยอาËารÅงในสมดุ รายงาน การกÓ จัด¢องเสียËรือการ¢ับถ‹าย¢องร‹างกาย โดยปกติจÐผ‹านการทÓ งาน¢อง อวยั วÐทสี่ Ó คÞั ใน 4 รÐบบ ได้áก ‹ รÐบบËายใจ ท่ีมกี ารกÓ จดั ¢องเสยี ผ‹านทางปอดใน รปู ¢องáกส คารบ์ อนไดออกไ«ดจ์ ากกรÐบวนการËายใจ รÐบบผิวËนังËรือรÐบบË‹อËุม้ ร‹างกาย «Ö่งกÓ จัด¢องเสียผ‹านทางผิวËนังในรูป¢องเËงื่อ รÐบบ¢ับถ‹าย¢องเสียทาง ÅÓ ไสใ้ ËÞ‹ ทก่ี Ó จัด¢องเสยี ออกมาในรูป¢องอุจจารÐ áÅÐสุดทา้ ยรÐบบ¢ับถา‹ ยปส˜ สาวÐ จÐกÓ จัด¢องเสียผ‹านทางไตออกมาในรปู ¢องนÓ้ ปส˜ สาวÐ
6 หนงั สอื เรยี น�รายวชิ าพื้นฐาน�สขุ ศกึ ษา�ป.�5 • ระบบขับถา ยปสสาวะ ¤Ó¶ÒÁ¹Óʺً ·àÃÕ¹ น้Ó ปส˜ สาวÐเกดิ ¢น้Ö ไดอ้ ยา‹ งไร áÅÐทÓ ไมเราไมค‹ วรกÅน้ั ปส˜ สาวÐ เมอื่ รา‹ งกายนÓ อาËารทผี่ า‹ นการยอ‹ ยáÅÐดดู «มÖ จากรÐบบยอ‹ ยอาËารไปใชป้ รÐโยชน์ áÅว้ ยอ‹ มมีสิ่งทเี่ ËÅือจากการย‹อยáÅÐดูด«มÖ กÅายเปนš ¢องเสยี ท่รี ‹างกายต้องกÓ จัดออก รÐบบ¢บั ถา‹ ยปส˜ สาวÐเปšนรÐบบËนง่Ö ¢องรา‹ งกายท่ีกÓ จดั ¢องเสียในรูป¢องน้Ó ป˜สสาวÐ 1. หนา้ ท่¢ี ͧรÐบบ¢Ñบ¶่ายป˜สสาวÐ รÐบบ¢ับถ‹ายป˜สสาวÐมีËน้าที่กรอง¢องเสียออกจากเÅือดáÅÐกÓ จัดออกจาก รา‹ งกายในรูป¢องนÓ้ ป˜สสาวÐ โดยผ‹านการทÓ งาน¢องอวัยวÐทีส่ Ó คÞั คือ ไต 2. â¤Ã§ÊÃÒŒ §¢Í§Ãкº¢ºÑ ¶Ò‹ »ʘ ÊÒÇÐ รÐบบ¢ับถ‹ายป˜สสาวÐปรÐกอบด้วย อวัยวÐที่สÓ คัÞ ได้áก‹ ไต ท‹อไต กรÐเพาÐ ไต ป˜สสาวÐ áÅÐท‹อป˜สสาวÐ กทร่อะไเพตาะปัสสาวะ äµ ท่อปัสสาวะ เปšนอวัยวÐที่มีÅักɳÐคÅ้ายเมÅçด ภาพแสดงตำแหนง ของไต ทอ ไต ถั่วáดง มีอยู‹ 2 ¢้าง ทางดา้ นËÅังบริเว³เอว กระเพาะปส สาวะ และทอปสสาวะ ทÓ Ëน้าที่กรอง¢องเสีย เช‹น น้Ó เกÅือáร‹ ออกจากเÅือดáÅว้ กÅายเปนš นÓ้ ปส˜ สาวÐ ท่Íäµ เปนš ทอ‹ ทอี่ อกมาจากไตáตÅ‹ Тา้ งไปสก‹ู รÐเพาÐปส˜ สาวÐ ทอ‹ ไตจÐรองรบั นÓ้ ปส˜ สาวÐ จากไตไปสกู‹ รÐเพาÐปส˜ สาวÐ กรÐเ¾าÐปส˜ สาวÐ มีÅกั ɳÐคÅ้ายถุง อยบ‹ู รเิ ว³ชอ‹ งท้องด้านÅา‹ ง มËี น้าท่กี กั เกบç น้Ó ป˜สสาวÐกอ‹ นจÐ ปÅ‹อยออกสภ‹ู ายนอกร‹างกายทางท‹อปส˜ สาวÐ
หนงั สือเรยี น�รายวชิ าพ้ืนฐาน�สขุ ศึกษา�ป.�5 7 ท่Íปส˜ สาวÐ เปšนท‹อเÅçก æ ท่ีออกมาจากกรÐเพาÐป˜สสาวÐเพ่ือจÐนÓ นÓ้ ป˜สสาวÐออกไปนอก ร‹างกาย 3. การ´áู ÅรÐบบ¢บÑ ¶า่ ยปส˜ สาวÐ เพื่อใËร้ Ðบบ¢บั ถ‹ายปส˜ สาวÐทÓ งานได้ปกติ ควรป¯ิบัตดิ งั น้ี 1. ควรดืม่ น้Ó ทส่ี Ðอาดอย‹างนอ้ ยวันÅÐ 8 áกว้ เพื่อใË้การทÓ งาน¢องรÐบบ¢บั ถา‹ ย ปส˜ สาวÐเปšนปกต ิ 2. ไมค‹ วรกÅน้ั ปส˜ สาวÐ เพราÐอาจทÓ ใË้กรÐเพาÐปส˜ สาวÐอกั เสบได้ 3. ไมร‹ บั ปรÐทานอาËารทม่ี รี สเคมç จดั เพราÐจÐทÓ ใËไ้ ตทÓ งานËนกั เกนิ ไป áÅÐอาจ เปนš โรคไตได้ 4. ดáู ÅความสÐอาด¢องอวยั วÐเพศอยเู‹ สมอ เพราÐการมสี ¢ุ อนามยั ทดี่ ชี ว‹ ยปอ‡ งกนั การติดเชอื้ โรคในรÐบบ¢ับถา‹ ยป˜สสาวÐได้ 5. ถา้ มีอาการผิดปกตใิ นการ¢ับถา‹ ยปส˜ สาวÐ เชน‹ ปส˜ สาวÐไมอ‹ อก ปวดËรือเจçบ อวัยวÐเพศใน¢³Ðป˜สสาวÐใËร้ ีบบอกผู้ปกครองพาไปพบáพทย์ กิจกรรมเรยี นร.ู้ ..สูป่ ฎิบัติ • เพอื่ ความเ¢้าใจท่คี งทนใË้นักเรยี นป¯บิ ตั ิกิจกรรมตอ‹ ไปน้ี ศÖกÉาวธิ ีการดูáÅรÐบบ¢ับถ‹ายปส˜ สาวÐ áÅว้ เ¢ยี นเปนš áผนทคี่ วามคิด แหล่งสืบค้นความรู้ � •�นกั เรยี นสามารถคน้ ควา้ ความรเู้ รอ่ื ง�ระบบตา ง ๆ ของรา งกาย�เพม่ิ เตมิ ไดจ้ ากเวบ็ ไซต�์ www.thaigoodview.com/node/40967�โดยขอคำ�ปรกึ ษาจากครูและเจ้าหนา้ ทีส่ าธารณสขุ � ¤Ó¶ÒÁ¾Ñ²¹Ò¤ÇÒÁ¤´Ô “การดืม่ น้Ó มาก æ ชว‹ ยใË้รÐบบ¢ับถา‹ ยป˜สสาวÐทÓ งานได้ด”ี นักเรียน เËçนด้วยกบั คÓ กÅ‹าวนี้Ëรอื ไม‹ อยา‹ งไร
8 หนงั สอื เรยี น รายวชิ าพื้นฐาน สุขศึกษา ป. 5 บทสรปุ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 นักเรียนสามารถสรุปทบทวนความรู้โดยใช้วิธีการจินตภาพจากผังมโนทัศน์ (concept map) เพอ่ื สรปุ องคค์ วามรู้ได้ดงั น้ี เรยี นรู้ตวั เรา เรยี นรูเ้ กยี่ วกับ ระบบตา่ ง ๆ ของร่างกาย ได้แก่ ระบบย่อยอาหาร เกีย่ วกบั หน้าที่ การดูแลระบบยอ่ ยอาหาร คอื ควรปฏิบตั ิ ดังนี้ ย่อยและดดู ซมึ อาหาร ไม่รับประทานอาหารรสจัด ให้กบั ร่างกาย เค้ียวอาหารใหล้ ะเอยี ดก่อนกลนื รับประทานอาหารผักและผลไม้เป็น โครงสรา้ ง ประจำ� ดืม่ น้ำ�สะอาดอยา่ งน้อยวันละ 8 แก้ว ประกอบดว้ ยอวยั วะทส่ี ำ�คญั ไดแ้ ก่ รบั ประทานอาหารครบ 3 มอื้ และตรง เวลา ปาก ê บดเคย้ี ว กลนื อาหาร ออกกำ�ลังกายสมำ่ �เสมอ และสร้างเอนไซม์ช่วยยอ่ ย รักษาฟนั ให้แขง็ แรง หลอดอาหาร ê เป็นทางผา่ นของอาหาร ไปสกู่ ระเพาะอาหาร ตับ ê ผลติ นำ้ �ดีช่วยย่อยไขมนั ให้ แตกตวั กระเพาะอาหาร ê เปน็ แหล่งรวมอาหารและ ยอ่ ยอาหาร ลำ�ไส้เล็ก ê ยอ่ ยและดดู ซมึ อาหาร ลำ�ไสใ้ หญ่ ê ดดู น้ำ�จากอาหารกลับเขา้ สู่ รา่ งกาย
หนังสือเรยี น รายวชิ าพน้ื ฐาน สขุ ศกึ ษา ป. 5 9 เรียนรูต้ วั เรา (ต่อ) เรยี นรู้เก่ียวกับ ระบบตา่ ง ๆ ของรา่ งกาย ไดแ้ ก่ ระบบขบั ถา่ ยปสั สาวะ เก่ียวกับ หน้าที่ การดูแลระบบขบั ถ่ายปสั สาวะ คอื กรองของเสียออกจากเลือดและจำ�กัดออกไป� ควรปฏิบัติ ดงั น้ี นอกรา่ งกายในรูปของนำ้ �ปัสสาวะ ดม่ื นำ้ �สะอาดอย่างน้อยวันละ 8 แกว้ โครงสรา้ ง ไมก่ ลัน้ ปสั สาวะ ไม่รับประทานอาหารที่มีรสเคม็ จดั ประกอบดว้ ยอวัยวะที่สำ�คัญ ได้แก่ ดแู ลความสะอาดของอวยั วะเพศอยเู่ สมอ ถ้ามอี าการผดิ ปกติใหร้ ีบบอกผูป้ กครอง ไต ê ทำ�หนา้ ทกี่ รองของเสยี ออกจาก� พาไปพบแพทย์ เลอื ดแลว้ กลายเปน็ นำ้ �ปสั สาวะ ท่อไต ê รองรบั นำ้ �ปัสสาวะจากไตไปสู่ กระเพาะปสั สาวะ กระเพาะปัสสาวะ ê กักเก็บน้ำ�ปัสสาวะก่อนปล่อย ออกไปนอกรา่ งกาย ทอ่ ปสั สาวะ ê นำ�นำ้ �ปัสสาวะออกไปนอก รา่ งกาย
10 หนงั สอื เรียน�รายวิชาพ้นื ฐาน�สุขศกึ ษา�ป.�5 ¡Ô¨¡ÃÃÁàʹÍá¹Ð � •� เพ่ือความเขา้ ใจทค่ี งทนให้นักเรยี นปฏิบัตกิ ิจกรรมตอ่ ไปน้ี � � 1.�วาดภาพระบายสีกิจกรรมท่ีถือว่าเป็นการดูแลระบบย่อยอาหารและ � � � ระบบขับถ่ายปัสสาวะ� พร้อมกับอธิบายว่ากิจกรรมท่ีวาดภาพออกมาน้ัน � � � จดั เป็นการดูแลระบบดงั กล่าวอยา่ งไร�แล้วนำ�มาอภิปรายหน้าชน้ั เรียน � � 2.�แบ่งกลุ่ม� กลุ่มละ� 4–5� คน� แต่ละกลุ่มร่วมกันจัดกิจกรรมการให้ � � � ความรู้และรณรงค์ให้กับสมาชิกภายในชุมชนของนักเรียนเกี่ยวกับ � � � การดูแลระบบยอ่ ยอาหารและระบบขับถา่ ยปสั สาวะ â¤Ã§§Ò¹ • เพอื่ ความเ¢า้ ใจทีค่ งทนใËน้ ักเรียนป¯บิ ตั ิกิจกรรมต‹อไปนี้ เÅอื กทÓ โครงงานตอ‹ ไปน ้ี (เÅอื ก 1 ¢อ้ ) Ëรอื อาจเÅอื กทÓ โครงงานอนื่ ตามความ สนใจตามรูปáบบโครงงานท่ีผู้สอนกÓ Ëนด («Ö่งอย‹างน้อยต้องมีËัว¢้อต‹อไปนี้ เËตุผÅ ที่เÅอื กโครงงานน ้ี จุดปรÐสงค ์ áผนการป¯บิ ตั กิ าร) 1. โครงงานการสÓ รวจเร่อื ง »¨˜ ¨ÂÑ ·èÊÕ §‹ ¼Å¡ÃзºµÍ‹ ÃкºÂ‹ÍÂÍÒËÒà 2. โครงงานการทดÅองเร่ือง ÍÒËÒ÷èªÕ Ç‹ ÂãËŒÃкºÂ‹ÍÂÍÒËÒ÷ӧҹ䴌´¢Õ Öé¹ 3. โครงงานการสÓ รวจเร่ือง ¡ÒÃóç¤ãËŒ¤¹ã¹ªØÁª¹´ÙáÅÃкº¢Ñº¶‹Ò »Ê˜ ÊÒÇÐ หÁายเหµุ: โครงงานท่ีเÅือกตามความสนใจควรได้รับคÓ áนÐนÓ áก้ไ¢จาก ผู้สอน เมื่อได้รับความเËçนชอบáÅ้วจÖงดÓ เนินโครงงานน้ัน æ โดยผู้สอน/ผู้ปกครอง/ กÅมุ‹ เพอ่ื น ปรÐเมนิ ÅักɳÐกรÐบวนการทÓ งาน áÅÐนกั เรยี นควรมกี ารสรปุ áÅกเปÅีย่ น ความร้«ู Öง่ กันáÅÐกนั กอ‹ นพิจาร³าเกบç ในῇมสÐสมผÅงาน
หนงั สอื เรียน�รายวิชาพน้ื ฐาน�สุขศกึ ษา�ป.�5 11 ¡ÒûÃÐÂ¡Ø µãªŒã¹ªÇÕ Ôµ»ÃШÓÇѹ • เพื่อความเ¢้าใจท่คี งทนใË้นักเรยี นป¯ิบัติกจิ กรรมตอ‹ ไปน้ี นÓ ความรู้ที่ได้จากการศÖกÉาËน‹วยการเรียนรู้นี้ไปป¯ิบัติโดยการรับปรÐทาน ผักáÅÐผÅไม้เปšนปรÐจÓ เค้ียวอาËารใË้ÅÐเอียด áÅÐออกกÓ Åังกายอย‹างสมÓ่ เสมอ áÅ้วสังเกตดูว‹าตนเองมีการ¢ับถ‹ายอุจจารÐที่ดี¢Ö้นËรือไม‹ áÅÐËÅีกเÅี่ยงการกÅั้น ป˜สสาวÐáÅÐการรับปรÐทานอาËารรสท่มี เี คçมจดั เพอ่ื การมรี Ðบบ¢บั ถา‹ ยป˜สสาวÐทดี่ ี ¤Ó¶ÒÁ»ÃШÓ˹Nj ¡ÒÃàÃÂÕ ¹Ã·ŒÙ Õè 1 µÍº¤Ó¶ÒÁµ‹Í仹éÕ 1. รÐบบยอ‹ ยอาËารมคี วามสÓ คÞั áÅÐสง‹ ผÅตอ‹ การเจรÞิ เตบิ โตตอ‹ คนเราอยา‹ งไร 2. ถ้ากÅ‹าวถงÖ รÐบบยอ‹ ยอาËาร นักเรยี นจÐนกÖ ถงÖ อวยั วÐใดเปนš อันดับáรก áÅÐ เพราÐอÐไร 3. นักเรียนคิดว‹า ถ้า¿˜น¢องเราไม‹á¢çงáรงจÐมีผÅต‹อรÐบบย‹อยอาËาร¢องเรา อย‹างไร 4. “การกÅ้ันป˜สสาวÐนาน æ จÐทÓ ใË้เปนš โรคน่ิว” นักเรยี นเ¢้าใจว‹าอยา‹ งไร 5. ถ้านักเรียนต้องการใË้ตนเองมีรÐบบ¢ับถ‹ายป˜สสาวÐท่ีปกติจÐต้องป¯ิบัติ อยา‹ งไรบ้าง
Search
Read the Text Version
- 1 - 19
Pages: