“เสดจ็ เลียบพระนคร” พธิ ปี ระกาศพระบรมเดชานุภาพ ของกษัตรยิ ์ และแสดงแสนยานภุ าพกองทัพ วนั นี้ (5 พฤษภาคม 2562) เวลาประมาณ 17.00 น. พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยูห่ วั เสดจ็ เลียบพระนครโดยขบวนพยุหยาตรา ทางสถลมารค จากพระบรมมหาราชวังไปยงั วัดบวรนเิ วศราชวหิ าร วดั ราชบพธิ สถิตมหาสมี าราม และวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ขน้ึ เพอ่ื ประกาศพระบรมเดชานภุ าพ 1.ขบวนนำ� ประกอบดว้ ย ตำ� รวจมา้ น�ำ 2 ม้า, ดุรยิ างคท์ หารบก (ดย.ทบ.) ได้แก่ วง ของพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่ให้เป็นที่ ดุริยางค์น�ำขบวน 109 นาย และวงดุริยางค์วงตามอยู่ท้ายขบวน 74 นาย รวม 183 นาย, ประจักษ์แก่อาณาประชาราษฎร์ การแสดง หน่วยเฉพาะกิจทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ (ฉกทม.รอ.) 904 จ�ำนวน 10 นาย ได้แก่ พระบารมีขบวนพยุหยาตราทางสถลมารค เปน็ ขบวนทมี่ คี วามยง่ิ ใหญ่ และมอี งคป์ ระกอบ ชยั สมรภูมิ 51 มากมาย นยั ของการเสดจ็ เลยี บพระนครคือ กระท�ำให้เป็นท่ีประจักษ์จึงจ�ำเป็นท่ีจะต้อง เตรยี มกระบวนแหอ่ ยา่ งยง่ิ ใหญด่ ว้ ยกระบวน พยหุ ยาตราอยา่ งใหญ่ คลา้ ยกบั การยกกองทพั เพอื่ ทำ� สงคราม ใช้จ�ำนวนคนอยา่ งมาก อีก ท้ังเป็นการแสดงแสนยานุภาพของกองทัพ ท้ังกองทัพบกและกองทัพเรือของพระมหา กษตั รยิ ไ์ ทยแต่โบราณ การจัดร้ิวขบวนพยุหยาตราทางชล มารคในการเสด็จเลียบพระนคร แบ่งออก เป็น 3 สว่ น ได้แก่
พล.ต.ทรงวิทย์ ฯ ผบ.กรม.ทม.ร.1 รอ. ผู้บัญชาการกองผสม 1 นาย, ร.ท.ธนั ว์ธนกิ ฯ ผบ.มว. ตอนผู้อ�ำนวยการก�ำกับตอน ผอ.นรม. และ ปล.ร.1 พนั .1รอ. และนายทหารประจำ� บก. อกี 8 นาย คอื พล.อ.พงศกร ผบ.กรม.ทม.ร.1 รอ., คณะกรรมการ ปล.กห., ผบ.ทสส.,ผบ.เหลา่ พ.อ.ธรี ะพงษ์ ฯ ผบ.กรม.ทม.ร.11 รอ., พ.อ.สทุ ธชิ ยั ฯ ผบ.ร.21 รอ., พ.อ.ชนิ สรณ์ ฯ ผบ.ม.1 ทพั ผบตร. รวม 13 นาย รอ., พ.อ.ถนดั ฯ ผบ.ป.2 รอ., พ.อ.อนสุ รณ์ ฯ ผอ.กรม.นนร.รอ.รร.จปร, น.อ.วรพล ฯ ผบ.กรม 3. ขบวนหลงั ประกอบดว้ ย พธ.ทบ./ นนร.รอ.รร.นร และน.อ.พทุ ธพงศ์ ฯ ผบ.กรม.นนอ.รอ.รร.นนก., เกยี รตยิ ศนำ� ขบวน (ร.1 รอ.) นปอ. ธงสามชาย 4 นาย ฉัตรเครื่องสงู หัก และกองพนั ทหารเกียรติยศตามขบวน (ร.11 รอ.) กองพนั ละ 166 นาย รวม 332 นาย ทองขวางหนา้ 40 นาย และฉตั รเครื่องสงู 2. ขบวนพระบรมราชอสิ รยิ ยศ หรอื ขบวนเสดจ็ พระราชดำ� เนนิ ประกอบดว้ ย ฉก.ทม. หกั ทองขว้างหลัง 36 นาย รวม 80 นาย รอ.904 นำ� ริ้วขบวน 1 นาย, สพ.ทบ. กลองมโหระทกึ 16 (1) นาย และสารวตั รกลอง 2 (2) สรุปรวมก�ำลังพลท่ีปฏิบัติในร้ิว นาย รวม 18 นาย, รร.ตท. สารวตั รกลอง 4 นาย กลองชนะเขยี วลายเงนิ 40 นาย กลองเงนิ ขบวน 1,286 นาย 40 นาย กลองชนะแดงลายทอง 40 นาย และกลองลายทอง 40 นาย รวม 164 นาย ขนาบ ซา้ ยขวาขบวน บรเิ วณ. ทร. สารวัตรแตร 2 นาย แตรฝรั่ง 20 นาย แตรงอน 32 นาย และ สังข์ 8 นาย รวม 62 นาย ขนาบซ้ายขวาขบวน 52 ชัยสมรภูมิ
“มีทหารไวท้ �ำไม - ท�ำไมต้องมที หาร?” ทหารคอื ผทู้ ี่ได้รบั เกยี รติสูงสดุ จากประชาชนทงั้ ชาติ เปน็ สภุ าพบุรุษถืออาวธุ พร้อมรบเพื่อปอ้ งกนั ประเทศ โดย...ไมค์ ณ ชุมพร พระเป็นเจ้า เหล่าทหาร รับการเทดิ เฉพาะเกดิ ภัยร้อน ใชก่ ่อนหนา้ ครนั้ พน้ ภยั ไดอ้ ะไร ตอบแทนมา ลมื พระหา เหตเุ กลยี ด เหยยี ดเสนี ข้อความ “ร้อยกรอง” ข้างต้น หากจะให้ความหมายเป็น มหาราช บรมนาถบพิตร หรอื รัชกาลที่ ๙ (ร.๙) แหง่ พระบรมราช “รอ้ ยแกว้ ” จะไดว้ า่ ทง้ั พระผเู้ ปน็ เจา้ (อาจรวมถงึ พระพทุ ธเจา้ ) และ จกั รวี งศ์ จะสงั เกตไดว้ า่ เมอื่ พระองคก์ ลา่ วคำ� น้ี จะมคี ำ� ตอ่ ทา้ ยดว้ ย เชน่ เหล่าทหารหรือกองทัพที่มีทหารท�ำงานอยู่ จะได้รับการเทิดทูน “ความมนั่ คงปลอดภยั ” เปน็ ตน้ ซงึ่ กพ็ อจะมองวา่ หมายถงึ ดา้ นการทหาร หรือพึง่ พงิ ก็ต่อเมือ่ ประเทศชาติ ประชาชนเกิดความเดือดร้อน ดังนนั้ หากมคี นพดู คำ� วา่ ความมน่ั คง (เฉย ๆ) แสดงวา่ ยังไมเ่ ข้าใจ จากภยั ตา่ ง ๆ รวมท้งั การกระท�ำของฝา่ ยข้าศกึ เชน่ การบนบาน ถอ่ งแทข้ องค�ำ(ความม่นั คง)นี้ ตอ่ สงิ่ ศกั ดสิ์ ทิ ธ์ิ และพึง่ พาทหารเพ่ือใหร้ อดปลอดภยั หาใชก่ อ่ น การบรรยายพิเศษของผู้บัญชาการทหารบก (พลเอกอภิรัชต์ หน้าที่ประชาชนอยู่อย่างสงบสุขไม่ แต่เม่ือภัยต่างๆ เหล่านั้น คงสมพงษ์) เมื่อวันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๖๒ ที่หอประชุมกิตติขจร ผ่านพน้ ไป สง่ิ ศกั ดส์ิ ทิ ธิ์ กองบัญชาการกองทัพบก กรุงเทพฯ ในหัวข้อ “แผ่นดินของเราใน และเหล่าทหารก็ไม่ได้รับการกล่าวถึงอีก ซ้�ำร้ายกลับลืม มุมมองด้านความมั่นคง” น้ัน ในมุมมองก็คือด้านการทหารน่ันเอง (บุญคณุ ) สิ่งศักดสิ์ ิทธ์ิ และหาเหตใุ หร้ ้ายทหาร เพือ่ ให้เกิดความ ไดม้ กี ารกลา่ วถงึ สถานการณส์ รู้ บในพน้ื ทภี่ าคใต ้ กลา่ วถึงนักการเมือง เกลยี ดชังทหารในหม่ปู ระชาชนอีกดว้ ย บางคนทง้ั ทเี่ อย่ ชอื่ และไมไ่ ดเ้ อย่ แตก่ พ็ อจะทราบได้ ถงึ การกระทำ� ตน “ความมนั่ คงของชาติ” จะมคี วามหมายกว้างและมีในหลายๆ ท่ีไม่เหมาะสมต่อประเทศของตนเอง ซ่ึงส่วนใหญ่จะเป็นคนของ ด้าน ในอดีตที่ศึกษามาจะมีอยู่ ๕ ด้าน คือ ความม่ันคงของชาติ พรรคการเมอื งฝา่ ยคา้ นในปจั จบุ นั พรอ้ มกบั คำ� ถามกลบั ไปยงั ผฟู้ งั ดว้ ย ดา้ นการเมอื ง เศรษฐกจิ สงั คมจติ วทิ ยา การทหาร และวทิ ยาศาสตร์ เม่อื บรรยายจบ และเทคโนโลยี แตป่ จั จบุ นั มคี วามมง่ั คงของชาตเิ พม่ิ ขนึ้ อกี มากมาย และในเวลาตอ่ มากไ็ ดร้ บั การตอบโตก้ ลบั ไปพอสมควร ซึ่งราย เช่น ดา้ นส่ิงแวดล้อม ดา้ นแรงงาน ฯลฯ แตใ่ นความเขา้ ใจของคน ละเอยี ดในคำ� บรรยาย และการกลา่ วตอบโต้ ผสู้ นใจคงจะหาฟงั และ ทว่ั ไปจะมองวา่ หากพดู ถงึ ความมนั่ คง จะหมายถงึ ดา้ นการทหารเปน็ ชมได้ตามส่ือต่างๆ และเป็นวิจารณญาณของแต่ละคนในการรับรู้ ส่วนใหญ่ ท้ังที่มีหลายด้านดังกล่าว ในพระบรมราโชวาทหรือพระ และรบั ฟัง ราชดำ� รสั ของ พระบาทสมเดจ็ พระชนกาธเิ บศร มหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช ชัยสมรภูมิ 53
“ไม่ป่วยไข้ไม่นึกถึงหมอ ข้าศึกไม่ เหล่าน้ัน แต่จะพูดแบบเหมารวม ท�ำให้กระทบกระเทือนต่อทหารหลายระดับ ต้ังแต่นาย ประชดิ เมอื งไมค่ ดิ ถงึ ทหาร” คำ� กลา่ วนน้ี า่ จะ ทหารชนั้ นายพล นายพนั นายรอ้ ย นายสิบ และพลทหาร ทงั้ ทที่ หารระดบั นายพนั และตำ�่ ลง เปน็ ความจรงิ หากเรามสี ขุ ภาพแขง็ แรง ไมม่ ี มาจะไม่มีบทบาทในทางการเมืองมากมาย แต่เปน็ การปฏบิ ัติตามค�ำสง่ั ของผู้บงั คบั บญั ชา โรคภยั กส็ ามารถดำ� เนนิ วถิ ชี วี ติ ไดอ้ ยา่ งปกติ จึงพอเข้าใจได้ว่าผู้โจมตีทหารส่วนใหญ่จะมุ่งเน้นไปที่นายทหารระดับสูง (ระดับนายพล) แต่ยามใดท่ีเกิดเจ็บป่วยที่พึ่งในการรักษาก็ ทคี่ ุมกำ� ลังหรือฝา่ ยบังคบั บญั ชา (COMMAND) และจะพดู ไปถึงกองทัพหรือสถาบันกองทัพ คอื แพทยห์ รอื หมอ ทหารกเ็ ชน่ เดยี วกนั ยง่ิ ใน อันเป็น ทต่ี ้งั ท่อี ยู่ ที่อาศัย ของทหารทกุ นายและทุกระดับ สิ่งทกี่ ล่าวถงึ บ่อยๆ คือ การลด ปจั จุบนั การรุกรานของข้าศึกศัตรูจากนอก บทบาทของ (ผู้น�ำ) กองทัพ การตัดลดงบประมาณกองทัพ การงดการเกณฑ์ทหาร หรือ ประเทศแทบจะไม่เกิดข้ึน ประชาชนจึงไม่ เดอื ดรอ้ นจงึ ไมใ่ ครส่ นใจทหาร เวน้ บางจงั หวดั ตามแนวชายแดนทยี่ งั มปี ญั หากนั อย ู่ อยา่ งไร ก็ตาม ทหารก็ยังคงต้องมีอยู่หรือมีไว้เพ่ือ ความมน่ั คงปลอดภยั ของประเทศชาติ การโจมตีทหารจะเกิดข้ึนทุกยุคสมัย โดยเฉพาะในทางการเมอื ง มากบา้ งนอ้ ยบา้ ง สว่ นใหญเ่ ปน็ การโจมตี นายทหารชนั้ ผูใ้ หญ่ ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของแต่ละ เหล่าทัพ แต่ส่วนใหญ่จะมุ่งไปที่กองทัพบก เพราะผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.)จะ ควบคมุ กำ� ลังทวั่ ประเทศ ซึ่งผู้ท่ีโจมตีทหาร บางคนไม่ได้กล่าวถึงนายทหารระดับสูง 54 ชัยสมรภมู ิ
ทหารนอกประจำ� การหรอื ทหารกองหนนุ เขา้ เปน็ ทหารทดแทนทนั ที สรปุ วา่ ชายไทยทกุ คนตอ้ ง เป็นทหารต้ังแต่เกิดจนตาย แต่ก็แปลกท่ีผู้คน (ที่เป็นผู้ชาย) ที่กล่าวถึงทหารทั้งในแง่ดี และแง่ร้าย ซ่งึ ในท่ีน้ีจะพูดถงึ ผู้กล่าวถงึ ทหารในแง่ร้าย ท้งั ทต่ี นเองกม็ ีสถานะเป็น ”ทหาร” อยแู่ ลว้ กล่าวโจมตตี นเอง นบั เปน็ เร่อื งทนี่ ่าคิด รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ บางมาตราไดก้ ลา่ วถงึ ทหารไว้ ท่อี า่ นพบ เชน่ ในหมวด ๔ หน้าทีข่ องปวงชนชาวไทย มาตรา ๕๐ บคุ คลมีหนา้ ท่ีดงั ต่อไปนี้... ข้อ (๕) รบั ราชการทหารตามทกี่ ฎหมายบญั ญัติ มาตรา ๕๒ รฐั ตอ้ งพทิ กั ษร์ กั ษาไวซ้ งึ่ สถาบนั พระมหากษตั รยิ ์ เอกราช อธปิ ไตย บรู ณภาพ แห่งอาณาเขต และเขตท่ีประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตย เกียรติภูมิและผลประโยชน์ของชาติ พูดอย่างเป็นทางการก็คือให้งดหรือเลิกการ ความมนั่ คงของรฐั และความสงบเรยี บรอ้ ยของประชาชน เพ่อื ประโยชน์แห่งการน้ี รัฐต้อง คัดเลือกทหารกองเกินเข้าเป็นทหารกอง จดั ใหม้ ี การทหาร การทตู และการขา่ วกรองทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพ กำ� ลงั ทหารใหใ้ ชเ้ พอ่ื ประโยชน์ ประจ�ำการ เปน็ ต้น ในการพฒั นาประเทศด้วย ผู้ชายไทยทุกคนต้องเป็นทหารตั้งแต่ “เปน็ ทหารตอ้ งมวี นิ ยั หากไมม่ กี เ็ หมอื นเปน็ กองโจร” คำ� กลา่ วนอ้ี าจจะเคยพบเห็นบ้าง เกดิ แต่จะเป็นทหารประเภทหรอื ชนิดใดนัน้ แตจ่ ะไมใ่ ครถ่ กู ตอ้ งทเี ดยี วนกั เพราะโจรบางกก๊ บางกลมุ่ กลบั ตอ้ งมวี นิ ยั อาจมากกวา่ ทหาร เป็นอีกเร่ืองหนึ่ง เช่น เมื่ออายุครบตามท่ี บางหน่วยด้วยซ้�ำไป การอบรมและปลูกฝังเร่ืองวินัยของทหารเป็นส่ิงจ�ำเป็น เช่น การเช่อื กฎหมายก�ำหนดจะเป็น “ทหารกองเกิน” ฟงั และปฏบิ ตั ิตามคำ� สง่ั ของผู้บังคับบญั ชาทถ่ี กู ต้องตามทำ� นองคลองธรรม มเิ ชน่ นนั้ จะเกดิ หากไดร้ บั การคดั เลอื ก (จบั ไดใ้ บแดง) จะตอ้ ง อนั ตรายตอ่ หนว่ ยและประเทศชาต ิ เมือ่ ต้องปฏบิ ตั ภิ ารกจิ ตอ่ หน้าอริราชศัตรู เขา้ รับราชการทหารซึง่ ไม่เกนิ ๒ ปี แต่หาก ขอย้อนพดู ถึง เร่ืองท่ีผ้คู นรวมถงึ ทหารนอกประจ�ำการบางคน มแี นวความคดิ ทจ่ี ะใหม้ ี ได้รับการยกเว้นหรือผ่อนผัน อาจเปน็ น้อย การเลกิ เกณฑท์ หาร ในเรอ่ื งนห้ี ากจะทำ� สง่ิ แรกคือการแก้กฎหมายเกย่ี วกับเรอื่ งน้ี และตรา กวา่ น้ัน เชน่ ๖ เดือน, ๑ ปี, ๑ ปี ๖ เดอื น กฎหมายใหม่มารองรับ การทจ่ี ะใหป้ ระเทศไทยหรอื ประเทศอน่ื ใดในโลกไมม่ ที หารไวป้ อ้ งกนั เป็นตน้ จะเรยี กวา่ “ทหารกองประจำ� การ” ประเทศเปน็ เรอ่ื งทเ่ี ปน็ ไปไมไ่ ด้ เพยี งแตว่ า่ จะแกห้ รอื ทำ� อยา่ งไร ทจ่ี ะใหเ้ กดิ ความเปน็ ธรรมแก่ พอครบกำ� หนดจะกลายเปน็ ”ทหารกองหนนุ ” คนทจี่ ะมาเปน็ ทหารใหม้ ากที่สุด เชน่ (ยกตวั อยา่ ง) ไมใ่ หม้ กี ารเกณฑ์ทหาร แต่ต้องมีทหาร และ ”ทหารพน้ ราชการ” ตามลำ� ดบั แตห่ าก ไวป้ อ้ งกนั ประเทศ กอ็ าจจะเปลยี่ นเปน็ วา่ จะตอ้ งเปน็ ทหารทกุ คนเหมอื นในบางประเทศ คือ ไม่ได้รับการคัดเลือก (จับได้ใบด�ำ) ก็ยังคง เมอ่ื ถึงเวลาท่กี �ำหนด ตอ้ งน�ำชายไทยทุกคนเข้ามาฝึกในชว่ั ระยะเวลาหน่ึงอาจจะไม่ถงึ ๒ ปี สถานะเป็นทหารกองเกนิ จนกวา่ จะมอี ายถุ ึง เปน็ ต้น ซงึ่ นา่ จะเปน็ แนวทางหนึ่งทจ่ี ะต้องนำ� มาพจิ ารณา ตามทกี่ ฎหมายกำ� หนดกจ็ ะเปน็ ”ทหาร สงิ่ ทผี่ คู้ นและนกั การเมอื งกลวั กนั คอื การทท่ี หารกระทำ� รฐั ประหารยดึ อำ� นาจจากรฐั บาล พ้นราชการ” เป็นพลเรือนเต็มตัวแต่ก็ยังมี ซง่ึ กเ็ ปน็ เรอื่ งจรงิ ทไ่ี มน่ า่ จะเกดิ ขน้ึ สำ� หรบั ประเทศทเ่ี จรญิ และพฒั นาแลว้ ไดเ้ คยเขยี นเรอ่ื งน้ี คำ� ว่า ”ทหาร” อยดู่ ี สว่ นทหารระดบั อื่น คอื ในชอื่ วา่ “การไมใ่ หท้ หารปฏวิ ตั งิ า่ ยนิดเดยี ว” ลงในหนังสือนี้นานมาแลว้ ลองไปหาอ่านดู ตั้งแต่นายทหารช้ันประทวน (นายสิบ,จ่า) รบั รองวา่ นา่ จะไดผ้ ลเกนิ รอ้ ยละ ๗๕ แตถ่ า้ (นกั การเมอื ง) ยงั ปฏบิ ตั งิ านทางการเมอื งเหมอื น เดมิ อย่กู ็อาจจะเกดิ ข้นึ ไดอ้ ีกเพราะไม่มีทางออก ทั้งทีไ่ ม่เห็นดว้ ยกบั การยึดอำ� นาจของทหาร และนายทหารช้ันสัญญาบัตร (นายร้อย, ขอนำ� บทกลอนสภุ าพมาปิดทา้ ยข้อเขียนนี้ ซ่ึงมผี ูก้ ลา่ ววา่ สมเด็จพระมหาธรี ราชเจ้า นายพัน, นายพล) จะเรียกวา่ “ทหารประจำ� (ร.๖) ทรงพระนิพนธ์ ดังน้ี การ” คือรับราชการทหารตามหน่วยต่างๆ เมอื งใดไมม่ ที หาร เมืองน้ันไม่นานเปน็ ขา้ ในกระทรวงกลาโหม จนอายคุ รบ ๖๐ ปี (หรอื เมืองใดไร้จอมพารา เมอื งนนั้ ไมช่ า้ อบั จน ลาออกก่อนหน้าน้ี) เหมือนกับข้าราชการ เมืองใดไม่มพี าณชิ เลิศ เมืองนั้นยอ่ มเกิดขัดสน กระทรวงอน่ื จะเรยี กวา่ “ขา้ ราชการเกษยี ณ” เมอื งใดไร้ศลิ ปะโสภณ เมืองนน้ั ไมพ่ น้ เสือ่ มทราม (พจนานกุ รมฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน “เกษยี ณ” เมืองใดไมม่ กี วีแกว้ เมืองนั้นไมแ่ คล้วคนหยาม ก.ส้ินไป, “เกษียณอายุ” ก.ครบก�ำหนดอายุ เมอื งใดไรน้ ารงี าม เมืองนั้นสิน้ ความภูมิใจ รับราชการ, ส้นิ ก�ำหนดเวลารบั ราชการหรือ เมืองใดไมม่ ดี นตรีเลิศ เมืองนัน้ ไมเ่ พริศพสิ มยั การท�ำงาน) แต่นายทหารจะเปล่ียนสถานะ เมอื งใดไร้ธรรมอำ� ไพ เมืองนนั้ บรรลยั แน่เอย เป็น “ทหารนอกประจ�ำการ” และ “ทหาร บทกลอนน้ยี ังคงนำ� มาใชไ้ ด้ทกุ ยคุ สมัย กองหนุน” เป็นต้น จะไม่พ้นการเป็นทหาร หวงั วา่ ขอ้ เขยี นนค้ี งจะเปน็ คำ� ตอบไดบ้ า้ งวา่ “มที หารไวท้ ำ� ไม ทำ� ไมตอ้ งมที หาร” คำ� ตอบ เพราะหากประเทศขาดแคลนทหารด้วย คอื (ทหารคอื หวั ใจแหง่ ความมน่ั คงของชาต)ิ ...ทอ่ งใหข้ น้ึ ใจนะครบั จะไดไ้ มต่ อ้ งตอกยำ้� อกี ครง้ั สาเหตุใดก็แล้วแต่ อาจจะต้องน�ำทหาร ชยั สมรภูมิ 55
พระราชพธิ ีกษตั ราธิราช “พระราชพธิ กี ษตั ราธริ าช” เปน็ โบราณราชประเพณที ตี่ อ้ งทำ� เพอ่ื ความเปน็ พระมหา กษตั รยิ อ์ ยา่ งสมบรู ณ์ ดงั ความใน “จดหมายเหตพุ ระราชพธิ บี รมราชาภเิ ษกสมเดจ็ พระรามา ธบิ ดศี รสี นิ ทรมหาวชริ าวธุ พระมงกฎเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ” วา่ “ตามราชประเพณใี นสยามประเทศนี้ ถอื เปน็ ตำ� ราโบราณวา่ พระมหากษตั รยิ ซ์ ง่ึ เสดจ็ ผา่ นพภิ พ ตอ้ งทำ� พระราชพธิ บี รมราชาภเิ ษก กอ่ น จงึ จะเปน็ พระราชาธบิ ดโี ดยสมบรู ณ์ ถา้ ยงั มไิ ดท้ ำ� พระราชพธิ บี รมราชาภเิ ษกอยตู่ ราบใด ถงึ จะไดท้ รงรบั รชั ทายเมอ่ื เสดจ็ เขา้ ไปประทบั อยใู่ นพระราชวงั หลวง กเ็ สดจ็ อยเู่ พยี ง ณ ทพี่ กั แหง่ หนง่ึ พระนามทข่ี านกค็ งใชพ้ ระนามเดมิ เปน็ แตเ่ พม่ิ คำ� วา่ “ซงึ่ ทรงสำ� เรจ็ ราชการแผน่ ดนิ ” เข้าข้างทา้ ยพระนาม และคำ� รับส่ังกไ็ มใ่ ชพ้ ระราชโองการ จนกว่าจะได้สรงมุรธาภเิ ษก ทรง รับพระสุพรรณบัฎจารึกพระบรมราชนามาภิธัยกับท้ังเคร่ืองราชกกุธภัณฑ์จากพระมหาราช ครพู ราหมณ์ผู้ทำ� พิธรี าชาภเิ ษกแลว้ จึงเสดจ็ ขน้ึ เฉลมิ พระราชมณเฑยี ร ครอบครองสิรริ าช สมบตั สิ มบรู ณด์ ว้ ยพระเกยี รตยิ ศแหง่ พระราชามหากษตั รยแ์ ตน่ น้ั ไป” ในสมยั “รชั กาลท่ี 10” นน้ั พระราชพธิ บี รมราชาภเิ ษก เปน็ ไปตามท่ี “พระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทรรามาธบิ ดศี รี สินทรมหาวชิราลงกรณมหิศรภูมิพลราชวรางกรู กติ สิ ิรสิ มบรู ณอดลุ ยเดชสยามนิ ทราธิ เบศราชวโรดม บรมนาถบพิตรพระวชริ เกลา้ เจา้ อย่หู วั ” โปรดเกล้าฯให้ต้ังการพระราชพิธี บรมราชาภิเษกข้ึน โดยมีการด�ำเนินการระหว่างวันที่ 6 เมษายน พ.ศ.2562 ถึงวันที่ 6 พฤษาคม พ.ศ. 2562 แบง่ เปน็ ชว่ งการจดั คอื ราชพธิ เี บอื้ งตน้ พระราชพธิ เี บอ้ื งกลาง และ พระราชพิธเี บอื้ งปลาย โดยสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯสยามบรมราชกมุ ารใี นรชั กาลท่ี 9 ทรงเปน็ องคป์ ระธานทป่ี รกึ ษาคณะกรรมการอำ� นวยการจดั งานพธิ บี รมราชาภเิ ษกรชั กาลที่ 10 พ.ศ. 2562 สำ� หรบั พระราชพธิ ีบรมราชาภเิ ษกน้ัน ส่งิ สำ� คัญอยา่ งหนึ่ง คอื “ตราสญั ลกั ษณ์ พระราชพธิ ีบรมราชาภิเษก” ซ่ึงรชั กาลที่ 10 ทรงปรงุ แบบตราสญั ลกั ษณ์พระราชพธิ ีบรม ราชาภิเษกด้วยพระองค์เองและพระราชทานแบบตราสัญลักษณ์พร้อมความหมายเพ่ือใช้ ในการเผยแพร่งานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ตราสัญลักษณ์พระราชพิธีบรมราชาภิเษก ประกอบดว้ ย อกั ษรพระปรมาภไิ ธย “วปร” อยตู่ รงกลาง พนื้ อกั ษรสขี าวขอบเดนิ ทอง อนั เปน็ ขลิบทอง จงกลยอดฉัตรประกอบรูปพรหม สขี องวนั จนั ทร์ซ่งึ เป็นวันพระบรมราชสมภพภายในอักษรประดับเพชร ตามความหมายแหง่ พกั ตรอ์ นั วเิ ศษสดุ ระบายชน้ั ลา่ งสดุ หอ้ ยอบุ ะ พระนาม มหาวชิราลงกรณ อักษร “วปร” อยู่บนพ้ืนสีขาว (สีน้�ำเงินเข็ม) อันเป็นสีของ จำ� ปาทอง แสดงถึงพระบารมแี ละพระบรม ขตั ตยิ กษัตรยิ ์ ภายในกรอบพุ่มข้าวบิณฑส์ ีทองสอดสเี ขียว อันเป็นสซี ่งึ เปน็ เดชแหง่ วันพระ เดชานภุ าพทปี่ กแผไ่ ปทวั่ ทศิ านทุ ศิ เบอ้ื งลา่ ง บรมราชสมภพ กรอบทรงพุ่มขา้ วบิณฑอ์ ญั เชญิ มาจากกรอบทีป่ ระดษิ ฐานพระมหาอุณาโลม กรอบอักษรพระปรมาภิไธยมีแถบแพรพ้ืนสี อันเป็นพระราชลัญจกรประจ�ำพระองค์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เขียวขอบขลิบทอง มีอักษรสีทองความว่า ปฐมกษตั รยิ แ์ หง่ พระบรมราชจกั รวี งศ์ แวดลอ้ มดว้ ย “เครอ่ื งเบญจราชกกธุ ภณั ฑ”์ อนั เปน็ “พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช เคร่ืองประกอบพระบรมราชอิสริยยศพระมหากษัตริย์และเคร่ืองหมายแห่งความเป็น 2562” ปลายแถบแพรเบ้อื งขาวมีรูปคชสหี ์ สมเดจ็ พระบรมราชาธริ าช ไดแ้ ก่ พระมหาพชิ ยั มงกฎ พรอ้ มอณุ าโลมประกอบเลขมหามงคล กายมว่ งอ่อน ประคองฉตั ร 7 ชัน้ หมายถึง ประจ�ำรชั กาลอยเู่ บ้ืองบน พระแสงขรรค์ศรี พระแส้จามรี ทอดไขวเ้ บ้อื งขวา ธารพระกร ข้าราชการฝ่ายทหาร เบื้องซ้ายมีรูปราชสีห์ พดั วาลวิชนที อดไขว้เบ้ืองซา้ ย ฉลองพระบาทเชิงงอน อย่เู บอ้ื งล่าง “พระมหาพิชัยมงกฎ” กายขาว ประครองฉัตร 7 ช้ัน หมายถึง หมายถงึ ทรงรบั พระราชภาระอนั หนกั ยงิ่ ของแผน่ ดนิ เพอ่ื ประโยชนส์ ขุ ของประชาชน “พระแสง ข้าราชการฝ่ายพลเรือน ผู้ปฏิบัติราชการ ขรรค์ชัยศรี” หมายถงึ ทรงรบั พระราชภาระปกป้องแผน่ ดินใหพ้ น้ ภยันตราย “ธารพระกร” สนองงานแผ่นดินอยู่ด้วยกัน ข้างคันฉัตร หมายถงึ ทรงดำ� รงราชธรรม เพอื่ คำ�้ จนุ บา้ นเมอื งใหผ้ าสขุ มน่ั คง “พระแสจ้ ามรกี บั พดั วาล ดา้ นในทง้ั สองขา้ งมดี อกลอยกนกนาค แสดง วิชนี” หมายถึงทรงขจัดปัดเป่าความทุกข์ยากเดือดร้อนของอาณาประชาราษฎร์ “ฉลอง ถึงปีมะโรงนักกษัตริย์อันเป็นปี พระบรม พระบาทเชงิ งอน” หมายถงึ ทรงทำ� นบุ �ำรงุ ปวงประชาท่ัวรัฐสีมาอาณาจักร ทั้งนี้เบ้ืองหลงั ราชสมภพ สที องหมายถงึ ความเจรญิ รงุ่ เรอื ง “พระมหาพชิ ัยมงกฎุ ” ในตราสัญลักษณฯ์ ประดิษฐาน “พระมหาเศวตฉัตร” อนั มรี ะบาย ยิ่งของประเทศชาตแิ ละประชาชน 56 ชยั สมรภูมิ
ทรงรับข้นึ ทรงราชย์ วนั พฤหสั บดที ี่ 1 ธนั วาคม พทุ ธศกั ราช 2559 ปวงชนชาวไทยทง้ั ผองปลาบปลมื้ ปติ ิ ภายหลงั ผา่ นความโศกเศรา้ อาลยั จากการ สรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รชั กาลท่ี 9 ชยั สมรภมู ิ 57
พิธีมหามงคลเริ่มข้ึนภายหลังจากเสร็จการพระราชพิธีทรงบ�ำเพ็ญพระราชกุศล ปัญญาสมวาร (ครบ 50 วัน) ถวายพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดลุ ยเดช บรมนาถบพติ ร รัชกาลท่ี 9 ณ พระทน่ี ่ังดุสิตมหาปราสาท ในบรมมหาราชวัง เวลา 19.16 น. สมเดจ็ พระบรมโอรสาธริ าชฯ สยามมกฎุ ราชกมุ าร เสดจ็ ออก ณ หอ้ ง UPPERMAIN CR.MZ หอ้ ง ว.ป.ร.) พระทน่ี งั่ อมั พรสถาน พระราชวงั ดสุ ติ พระราชทานพระราช วโรกาสให้ พล.อ.เปรม ตณิ สลู านนท์ ผู้ส�ำเร็จราชการแทนพระองค์ นายพรเพชร วิชิดชลชัย ประธานสภานติ บิ ญั ญตั แิ หง่ ชาติ พล.อ.ประยทุ ธ ์ จนั ทรโ์ อชา นายกรฐั มนตรี และนายวรี ะพล ตง้ั สวุ รรณ ประธานศาลฏกี า เขา้ เฝา้ ฯ เพอ่ื กราบบงั คมทลู อญั เชญิ องคร์ ชั ทายาทขนึ้ ทรงราชย์ เป็นรัชกาลที่ 10พระองค์มีพระราชด�ำรัสตอบรับการขึ้นทรงราชย์ ความว่า “ตามท่ีประธาน สภานิติบัญญตั แิ หง่ ชาติไดป้ ฏิบตั ิหนา้ ทป่ี ระธานรฐั สภา ได้กล่าวในนามของปวงชนชาวไทย เชญิ ขา้ พเจา้ ขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์ให้เป็นไปตามพระราชประสงค์ของพระบาท สมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และเป็นไปตามบทบญั ญตั ิ ของกฎมณเฑยี รบาลวา่ ดว้ ยการสบื ราชสนั ตติ วงศก์ บั รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย น้ัน ข้าพเจ้าขอตอบรับ เพ่ือสนองพระราช ปณิธาน และเพื่อประโยชน์ของประชาชน ชาวไทยทง้ั ปวง” 58 ชัยสมรภูมิ
เรือพระท่ีน่งั สพุ รรณหงส์ เรอื พระท่ีนงั่ สุพรรณหงสไ์ ดร้ ับรางวลั ยกย่องใหเ้ ปน็ เรอื มรดกโลก จากองคก์ รที่เรียกว่า World Ship Trust เมอ่ื พุทธศกั ราช 2535 สร้างข้ึนในช่วงปลายสมยั รัชกาลท่ี 5 แลว้ เสร็จสิ้นในสมยั รชั กาลท่ี 6 มอี ายุ 108 ปี อกี ท้ังยงั มมี าต้งั แต่สมยั อยธุ ยา ดังปรากฏใน กาพยเ์ หเ่ รือพระนิพนธเ์ จ้าฟ้าธรรมธิเบศรว่า “สุวรรณหงสท์ รงพู่หอ้ ย งามชดชอ้ ยลอยหลงั สินธุ์ เพยี งหงส์ทรงพรหมนิ ทร์ ลินลาศ เลอื่ นเตือนตาชม” เรือพระที่น่งั สพุ รรณหงส์หรือเรอื สวุ รรณหงส์ มีมาแต่คร้ังสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ พระโอษฐข์ องพระพรหม พราหมณจ์ งึ นบั ถอื เรยี กว่า “เรอื ไชยสุพรรณหงส”์ ในรัชกาลท่ี 2 สมัยรตั นโกสินทร์ มเี รือช่ือวา่ “เรอื ศรสี ุพรรณ พระพรหมเพราะเป็นผู้สร้างส่ิงต่างๆ หงส์” และในจดหมายเหตตุ ่างๆ ครั้งรัชกาลที่ 3 และรชั กาลท่ี 4 ออกชอื่ วา่ “สพุ รรณหงส”์ ในจกั รวาล คร้นั ถึงสมัยรัชกาลท่ี 5 เรยี กเป็น “ศรสี พุ รรณหงส”์ ก็มี “ไชยสพุ รรณหงส์” กม็ ี สมัยรัชกาล ส่วนคัมภีร์ปุราณะกล่าวถึงก�ำเนิด ท่ี 6 โปรดให้สรา้ งเรอื พระท่นี ง่ั สุพรรณหงส์ขึ้นใหม่ใชแ้ ทนล�ำเดิมทีท่ รดุ โทรม ของพระพรหมว่า คร้ังหน่ึงพระนารายณ์ เรือพระที่น่ังสุพรรณหงส์ล�ำปัจจุบัน เป็นเรือพระท่ีนั่งกิ่ง สร้างด้วยไม้แกะสลักปิด บรรทมอยเู่ หนอื พญาอนนั ตนาคราช ไดบ้ งั เกดิ ทองประดบั กระจก หวั เรอื พระทนี่ งั่ มโี ขนเรอื รปู หวั ของหงส์ ลำ� ตวั เรอื ทอดยาวคอื สว่ นตวั หงส์ ดอกบัวผุดออกมาจากพระนาภี เมอื่ ดอกบวั จำ� หลกั ไมล้ งรกั ปดิ ทองประดบั กระจกมพี หู่ อ้ ย ปลายพเู่ ปน็ แกว้ ผลกึ ภายนอกทาสดี ำ� ทอ้ งเรอื บานปรากฏว่ามีพระพรหมประทับอยู่ภายใน ทาสีแดง ตอนกลางล�ำเรอื มีทีป่ ระทับเรยี กวา่ ราชบัลลงั ก์กัญญา ส�ำหรบั พระเจ้าอยู่หวั หรือ จากน้ันพระพรหมจึงสร้างโลก พระพรหม พระราชวงศ์ช้นั สงู ตวั เรอื กว้าง 3.14 เมตร ยาว 44.90 เมตร กินน้�ำลกึ 0.41 เมตร ฝพี าย ทรงมี “หงส์” เป็นพาหนะ ไทยจงึ สรา้ งเปน็ 50 นาย นายทา้ ย 2 นาย นายเรอื 2 นาย พลธงทา้ ย 1 นาย พลสญั ญาณ 1 นาย คนเห่ 1 นาย โขนเรือพระท่ีนั่งเป็นรูปหงส์ แสดงถึงคติ สำ� หรบั ความหมายของชือ่ นน้ั “หงส์” เปน็ พาหนะของพระพรหม ซึ่งเป็นเทพผู้สร้าง ความเชอื่ ตามศาสนาพราหมณฮ์ นิ ดู ดงั ความวา่ ตามทปี่ รากฏในศาสนาพราหมณฮ์ นิ ดู ในคมั ภรี พ์ ระเวทกลา่ ววา่ พระพรหมเปน็ เทพผสู้ รา้ งโลก “เพียงหงสท์ รงพรหมนิ ทร์” จากนั้นจึงสร้างสิ่งต่างๆ คัมภีร์พระเวทซึ่งเป็นคัมภีร์ส�ำคัญของศาสนาพราหมณ์ก็มาจาก ชัยสมรภูมิ 59
เรอื พระท่นี ่งั นารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลท่ี 9 เรือพระท่ีน่ังนารายณ์ทรงสุบรรณ เป็นเรือพระท่ีน่ังท่ีพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้น�ำเรือพระท่ีน่ังมงคลสุบรรณ ซง่ึ สร้างแตค่ รง้ั พระบาทสมเดจ็ พระนง่ั เกล้าเจา้ อยู่หวั มาสรา้ งรูปพระนารายณท์ รงยนื อย่เู หนอื รูปครุฑยุดนาคท่ีมีอยู่เดมิ จงึ เปน็ เรือ พระทน่ี ง่ั เพยี งลำ� เดยี วทมี่ โี ขนเรอื เปน็ รปู เทพเจา้ ในศาสนาพราหมณฮ์ นิ ดู พระราชทานนามเรอื พระทน่ี งั่ ลำ� นวี้ า่ เรอื พระทน่ี ง่ั นารายณ์ ทรงสบุ รรณ ขนาดตวั เรอื ยาว 17 วา 2 ศอก กวา้ ง 5 ศอก 5 นิว้ ท้องลกึ 1 ศอก 6 นวิ้ พ้ืนทาสีแดง ใชฝ้ พี าย 65 นาย ต่อมาเรือพระที่นั่งนารายณ์ทรง สุบรรณช�ำรุดจนไม่อาจใช้การได้ จึงมีการ สร้างเรือพระที่น่ังนารายณ์ทรงสุบรรณ ขึ้นใหม่ แล้วเสร็จเมื่อพุทธศักราช ๒๕๓๙ พระราชทานนามวา่ “เรอื พระที่น่ังนารายณ์ ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ 9” ซึ่งสร้างนอ้ มเกลา้ นอ้ มกระหมอ่ มถวายพระบาทสมเดจ็ พระบรม ชนกาธิเบศร มหาภมู ิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รชั กาลท่ี 9) เนอื่ งในพระ ราชพธิ กี าญจนาภเิ ษก เมอื่ พทุ ธศกั ราช 2539 ด�ำเนินการโดยกองทัพเรือร่วมกับกรม ศิลปากร 60 ชยั สมรภูมิ
หัวเรือพระที่นั่งจ�ำหลักรูปพระวิษณุประทับ ยืนบนครฑุ บง่ บอกอทิ ธพิ ลศาสนาฮนิ ดูตาม คัมภีร์ปุราณะจากอินเดียท่ีมีต่อประเพณี นิยมและศลิ ปกรรมไทย พระวษิ ณุเป็นหน่งึ ในเทพเจ้าส�ำคญั ท่สี ดุ 3 องค์ อีก 2 องค์ คือ พระพรหมและพระศิวะ ซ่ึงพระวิษณุ เป็นเทพเจ้าแห่งการพิทักษ์รักษา พระองค์ ถือก�ำเนิดบนโลกมนุษย์ในรูปร่างต่างๆ เรียกว่า อวตาร เชื่อกันว่าทรงแบ่งภาคลง มาก�ำเนิดเป็นพระราชาได้ในทกุ สถานทแ่ี ละ ทกุ กาลเวลา ในพทุ ธศตวรรษที่ 19 ราชสำ� นกั ไทย ได้รับเอาแนวคิดเช่นน้ีมา ท�ำให้เกิดความ เชื่อในหมู่ประชาชนซ่ึงเก้ือหนุนสถานภาพ ของพระมหากษัตริย์ให้สูงส่งประหนึ่งเทพ อย่างไรกด็ ี โขนเรอื พระทน่ี งั่ ล�ำนี้มิไดแ้ สดง รปู พระรามซ่งึ เป็นอวตารของพระวิษณุ ซง่ึ พ ร ะ ม ห า ก ษั ต ริ ย ์ แ ห ่ ง ร า ช ว ง ศ ์ จั ก รี ทุ ก พระองค์มีสมมติพระนามโดยเรียกตามนาม ของพระราม แตไ่ ด้แสดงรปู พระวษิ ณุและ ลักษณะอนั โดดเด่นของพระองค์ เชน่ พระ วรกายคลำ้� ในพระกรทงั้ 4 ทรงถอื จกั ร สงั ข์ คทา และตรศี ลู ประทบั บนครฑุ ยดุ นาค หรอื ครุฑท่จี บั นาค 2 ตวั ชขู ้ึน ตามคัมภรี ์ปรุ าณะ ครุฑกบั นาคเป็น ศตั รกู นั แตท่ ง้ั สองกร็ บั ใชพ้ ระวษิ ณุ ครฑุ เจา้ แห่งนกท้ังหลาย เป็นสัญลักษณ์แห่งพลัง ของท้องฟ้า นาคเป็นสัญลักษณ์แห่งพลัง ของนำ้� เมอ่ื พระวษิ ณอุ ยเู่ หนอื ครฑุ และนาค ย่อมแสดงว่าพระองค์ทรงมีพลังในการ พทิ กั ษป์ กป้องโลกท้งั มวล โขนเรอื และตวั เรอื จำ� หลกั ลงรกั ปดิ ทองประดบั กระจก ทหี่ วั เรอื เบอ้ื งใตค้ รฑุ เปน็ ชอ่ ง ส�ำหรับปืนใหญ่ กลางล�ำเรือทอดบัลลังก์กัญญาและมีแท่นประทับ เรือมีความยาว 44.30 เมตร กว้าง 3.20 เมตร ลกึ ถงึ ทอ้ งเรอื 1.10 เมตร กินน้ำ� ลึก 40 เซนตเิ มตร นำ้� หนกั 20 ตัน ใชก้ �ำลังพลประกอบด้วย ฝพี าย 50 คน นายเรอื 2 คน นายทา้ ย 2 คน คนถอื ธงทา้ ย 1 คน พลสญั ญาณ 1 คน คนถือฉตั ร 7 คน และคนเห่เรือ 1 คน นารายณท์ รงสบุ รรณ มคี วามหมายเดยี วกนั กบั พระวษิ ณทุ รงครฑุ เนอื่ งจาก นารายณะ (ไทยเรยี ก นารายณ)์ เปน็ พระนามหนึง่ ของพระวษิ ณุ ส่วนสบุ รรณ ก็เปน็ ช่อื เรยี ก ครุฑ หรือพญาครฑุ พาหนะของพระวิษณุ สว่ นที่เตมิ สรอ้ ยวา่ รัชกาลที่ 9 เพือ่ สือ่ ให้ประจักษ์ว่า เรือล�ำนี้สร้างข้ึนในรัชสมัยรัชกาลที่ 9 เน่ืองจากช่ือเรือพระท่ีนั่งนารายณ์ทรงสุบรรณมีมา แลว้ แต่ครั้งสมัยรัชกาลท่ี 3 ชัยสมรภูมิ 61
เรอื พระที่นงั่ อนนั ตนาคราช วา่ เจา้ นาย หรอื พระราชา) ดงั นน้ั คำ� นจ้ี งึ แปล ไดว้ า่ อนนั ตะ ราชาแหง่ นาค หรอื งทู ง้ั หลาย เรอื พระทน่ี ง่ั อนนั ตนาคราชลำ� แรกสรา้ งขนึ้ ในสมยั รชั กาลท่ี 3 (พทุ ธศกั ราช 2367 – 2394) ในฮินดูปกรณัมปรัมปรา อนันตะ แตเ่ รมิ่ ใชใ้ นกระบวนพยหุ ยาตราชลมารคในสมยั รชั กาลที่ 4 (พทุ ธศกั ราช 2394 – 2411) หมายถงึ งูเทพ หรือ งูทพิ ย์ ผมู้ ีพลงั ยิง่ ใหญ่ ปรากฏชื่อวา่ เรอื พระทนี่ ั่งบัลลังกอ์ นันตนาคราช เรอื พระทน่ี ัง่ อนนั ตนาคราชลำ� ปัจจุบนั รจู้ กั กนั ในชือ่ เศษะ หรือ อาทเิ ศษะ เปน็ ผทู้ ี่ สรา้ งขน้ึ ใหมใ่ นสมยั รชั กาลที่ 6 (พทุ ธศกั ราช 2453 – 2468) และเรมิ่ ใชค้ รง้ั แรกเมอ่ื วนั ท่ี มเี ศยี รหนงึ่ พนั และประดบั ดว้ ยอญั มณหี นงึ่ 14 เมษายน พทุ ธศกั ราช 2457 พนั ทสี่ อ่ งประกายสว่างจา้ ไปทกุ หนแหง่ เปน็ เรอื พระทนี่ ง่ั กงิ่ หวั เรอื จำ� หลกั รปู พญานาคเจด็ เศยี ร ลงรกั ปดิ ทองประดบั กระจก คัมภีร์ปุราณะของอินเดียกล่าวว่า ทอ้ งเรอื ภายในทาสแี ดง ภายนอกทาสเี ขยี ว กลางลำ� เรอื เป็นบุษบกประดิษฐานพระพทุ ธรูป อนันตะอาศัยอยู่ลึกลงไปกว่าโลกบาดาลท้ัง หรอื ผา้ พระกฐนิ เรอื มคี วามยาว 44.85 เมตร กวา้ ง 2.58 เมตร ลกึ ถงึ ทอ้ งเรอื 87 เซนตเิ มตร 7 ชน้ั และแบกโลกทงั้ หมดไวบ้ นเศยี ร คราใด กนิ น้ำ� ลึก 31 เซนติเมตร ใช้กำ� ลงั พลประกอบดว้ ย ฝีพาย 54 คน นายเรือ 2 คน นายท้าย ทอ่ี นนั ตะหาว โลกกส็ น่ั ไหว บางคมั ภรี อ์ ธบิ ายวา่ 2 คน คนถือธงทา้ ย 1 คน พลสัญญาณ 1 คน คนถอื ฉตั ร 7 คน คนถือบังสูรย-์ พัดโบก- อนันตะมีช่ืออีกอย่างว่า วาสุกิ (ไทยเรียก พระกลด 3 คน และคนเห่เรอื 1 คน วาสกุ ร)ี ซึ่งมี 7 เศียรและอยใู่ นโลกบาดาล ช่อื เรือพระท่นี ่ังอนนั ตนาคราช มาจากค�ำภาษาสันสกฤตวา่ อนนฺตนาคราชะ มาจาก ช้ันที่ 7 อนันตะปกครองนาคท้งั หลาย เรอ่ื ง ค�ำ 3 ค�ำ คอื อนนตฺ ะ (แปลวา่ ไม่สนิ้ สุด นริ ันดร) นาคะ (แปลว่า นาค หรอื ง)ู ราชะ (แปล ราวจากคัมภีร์ข้างต้นให้อิทธิพลต่อความ เชื่อของคนไทยที่เล่าสืบต่อกันมาว่า ใต้โลก ของเรามีปลาอานนท์ ซ่ึงแบกโลกไว้ คราใด ปลาอานนท์ขยับตัว โลกจะส่ันคลอนเกิด แผน่ ดนิ ไหว และยงั มคี วามเชอ่ื อกี วา่ พญานาค เจด็ เศยี รบนั ดาลใหเ้ กิดฝน ความเช่ือท่ีว่าพระเจ้าแผ่นดินของ ไทยเป็นอวตารของพระวิษณุลงมาเกิดบน โลกมนษุ ย์ ดงั นน้ั พระองคจ์ งึ ควรมเี รอื พระท่ีนั่ง เป็นพญาอนันตนาคราช ซ่ึงสอดคล้องกับ เรื่องราวที่ว่า พระวิษณุประทับบรรทมบน พญาอนันตนาคราชในช่วงกาลดับสลาย และเรมิ่ ตน้ การสรา้ งโลกและจกั รวาลขน้ึ ใหม่ 62 ชัยสมรภูมิ
เรอื พระท่นี ง่ั อเนกชาตภิ ชุ งค์ เรือพระทีน่ ัง่ อเนกชาติภุชงค์ สรา้ งในรัชกาลท่ี 5 มอี ายกุ วา่ 102 ปี ล�ำเรอื ภายนอกทาสชี มพู ทอ้ งเรอื ภายในทาสีแดง หวั เรอื ลงรักปดิ ทองลายรดน�้ำเป็นรปู นาคตัวเลก็ ๆ จ�ำนวนมาก ตอนกลาง ลำ� เรอื มรี าชบลั ลงั กก์ ญั ญา ซง่ึ เปน็ ทปี่ ระทบั เปลอ้ื งเครอ่ื งหรอื เปลอ้ื ง พระชฎามหากฐินของพระเจ้าอยู่หัวก่อนเสด็จข้ึนหรือลงเรือ พระท่ีนง่ั อีกลำ� เรอื มคี วามยาว 45.67 เมตร กวา้ ง 2.91 เมตร ลกึ ถึงทอ้ งเรือ 91 เซนติเมตร กนิ น�้ำลกึ 46 เซนตเิ มตร น�้ำหนกั 7.7 ตัน กำ� ลังพลประกอบดว้ ย ฝีพาย 61 คน นายเรอื 2 คน นายทา้ ย 2 คน คนถอื ธงทา้ ย 1 คน พลสญั ญาณ 1 คน คนถือฉัตร 7 คน คน ขานยาว 1 คน คนขานยาวท�ำหน้าท่ใี นการรอ้ งขานเพลงเรือ โดย ฝีพายจะร้องเห่เรือพร้อมกันไปตามจังหวะร่วมกับเรือล�ำอ่ืนๆชื่อเรือ พระที่น่ังอเนกชาติภุชงค์มาจากค�ำภาษาสันสกฤตว่า อเนกะชาตะ ภชุ งคฺ ะ แปลวา่ งหู ลากหลายชนดิ ซงึ่ สอดคลอ้ งกบั รปู โขนเรอื ทล่ี งรกั ปิดทองมีลายรปู งตู วั เล็กๆ จ�ำนวนมาก คำ� ภาษาสนั สกฤตคอื ภชุ งฺ คะ มคี วามหมายเดยี วกนั กับ นาคะ หรอื ไทยเรยี กว่า นาค เป็นเทพ ในฮนิ ดปู กรณมั ปรัมปรา บางครง้ั กป็ รากฏในพระพุทธศาสนาดว้ ย นาคทเี่ ปน็ เทพหรอื ทพิ ยนาคเปน็ ตวั แทนแหง่ พลงั อำ� นาจ ความรอบรู้ และความอดุ มสมบรู ณ์ โดยเทพเจา้ หลายองคข์ องศาสนาฮนิ ดโู ยงใย กับนาคหรอื ทีป่ รากฏในรปู รา่ งของงู หรืองเู ทพ (งทู ิพย)์ เชน่ พระ วิษณุบรรทมบนพญานาคอนันตะหรือเศษะนาคทอดตัวอยู่เหนือ แผ่นน้ำ� ชยั สมรภูมิ 63
เรอื เอกไชยเหนิ หาว เรือเอกไชยเหินหาวเป็นเรือประเภทเรือเอกขัยใน ล�ำดับชั้นของเรือพระท่ีน่ังในกระบวนพยุหยาตรา ชลมารค ซงึ่ เกอื บเทยี บเทา่ เรอื พระทน่ี งั่ กงิ่ ทำ� หนา้ ที่ เป็นเรือคู่ชักใช้น�ำหน้าหรือชักลากเรือพระท่ีน่ัง สพุ รรณหงส์ คกู่ บั เรอื เอกไชยหลาวทองหรอื สำ� หรบั ชักลากเรือพระที่น่ัง ในกรณีท่ีฝีพายไม่เพียงพอ ปจั จบุ นั เกบ็ รกั ษาท่ี พพิ ธิ ภณั ฑสถานเรอื พระราชพธิ ี คลองบางกอกน้อย ประวตั ิ เรอื เอกไชยเหนิ หาวสรา้ งขนึ้ ในสมยั รชั กาลท่ี 1 เรอื ลำ� นไ้ี ดถ้ กู ระเบดิ ไดร้ บั ความเสยี หายใน สงครามโลก คร้งั ที่ 2 พ.ศ. 2487 ตอ่ มากรมศลิ ปากรไดต้ ดั หวั เรอื และทา้ ยเรอื เกบ็ รกั ษาไว้ในพพิ ิธภัณฑ์ เม่ือปี 2491 ลำ� ปจั จุบัน สร้างข้ึนเมอื่ ปี พ.ศ. 2508 จากหวั และทา้ ยเรอื เดมิ โดยกรมอทู่ หารเรอื วางกระดกู งเู รอื เม่ือวันท่ี 2 เมษายน พ.ศ. 2508 เริ่มสร้างเม่ือ 4 มถิ นุ ายน พ.ศ. 2508 ลงน้�ำเมื่อ 18 กันยายน พ.ศ. 2510 จากนน้ั จงึ ทำ� การตกแตง่ ตวั เรอื โดยชา่ งแกะสลกั ทำ� งานประมาณ 14 เดอื นชา่ งรกั ปดิ ทองทำ� งาน 6 เดอื น ช่างเขยี นลายรดน้�ำท�ำงานประมาณ 6 เดือน ชา่ งปดิ ทองและประดบั กระจกท�ำงานประมาณ 4 เดอื น ในปี พ.ศ. 2524 ได้ท�ำการซ่อมใหญ่ เปล่ียนไม้ตัวเรือที่ผุ ซง่ึ ชำ� รดุ บางสว่ น ลงรกั ปดิ ทอง ทาสตี วั เรอื ใหมแ่ ละอนื่ ๆ เพ่อื ใหท้ นั ใชใ้ นงานสมโภชนก์ รุงรตั นโกสินทร์ 200 ปี ในวนั ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2525 เริ่มซ่อมทำ� ต้งั แต่ 4 กนั ยายน พ.ศ. 2524 จนถงึ วนั ท่ี 2 มนี าคม พ.ศ. 2525 โดยมี บรษิ ัท สหายสันต์ จ�ำกดั เป็นผ้รู ับเหมาซ่อมทำ� ลกั ษณะเรอื • โขนเรอื เปน็ ไมร้ ปู ดง้ั เชดิ สงู เขยึ นลายรดนำ�้ รูปเหราหรอื จระเข้ ปดิ ทอง • ขนาด : ความยาว 29.76 เมตร กว้าง 2.06 เมตร กินนำ�้ ลึก 0.60 เมตร • กำ� ลงั : 3.00 เมตร • เจา้ พนักงานประจ�ำเรือ : ฝพี าย 38 นาย นายทา้ ย 2 นาย 64 ชยั สมรภมู ิ
เรือเอกไชยหลาวทอง เรอื เอกไชยหลาวทอง เป็นเรอื คู่ชกั คู่กับเรือเอกไชยเหิน เรือพาลรี ั้งทวีป หาว ส�ำหรับใช้ช่วยชกั ลากเรือพระท่นี ง่ั สุพรรณหงส์ ในงานพระ ราชพิธี ลำ� ปัจจุบนั เปน็ ล�ำท่สี อง ที่สร้างขน้ึ ทดแทนลำ� เดิม ท่ถี ูก ระเบดิ ไดร้ บั ความเสยี หายในสงครามโลกครงั้ ที่ 2 เมอ่ื พ.ศ. 2487 และกรมศิลปากรได้ตัดหัวเรือและท้ายเรือเก็บรักษาไว้ใน พพิ ิธภณั ฑ์ เมือ่ ปี พ.ศ. 2491 เรอื เอกไชยหลาวทองลำ� เดมิ ไมพ่ บหลกั ฐานการสรา้ ง สว่ นลำ� ปัจจบุ ัน สรา้ งข้ึนเมอ่ื ปี พ.ศ. 2508 โดยกรมอทู่ หารเรือวางกระดกู งู เรือเม่ือ 2 เมษายน พ.ศ. 2508 เริม่ สร้างเมอื่ 21 เมษายน พ.ศ. 2508 และไดล้ งน้ำ� ครงั้ แรกเมื่อ 19 กันยายน พ.ศ. 2510 จากนน้ั จงึ ตกแต่งตัวเรือโดยช่างแกะสลักใช้เวลาท�ำงานประมาณ 14 เดือน ชา่ งรกั ปดิ ทองทำ� นาน 6 เดอื น ชา่ งปดิ ทองและประดบั กระจกทำ� งาน ประมาณ 4 เดอื น ในปี พ.ศ. 2524 กรมศลิ ปากรได้บรู ณะซ่อมแซมครง้ั ใหญ่ เปลย่ี นไมต้ วั เรอื ทผ่ี ชุ ำ� รดุ บางสว่ น ลงรกั ปดิ ทอง ทาสตี วั เรอื ใหมแ่ ละ อนื่ ๆ เพอื่ ใหใ้ ชท้ นั ในงานพระราชพธิ สี มโภชกรงุ รตั นโกสนิ ทร์ 200 ปี ในวนั ท่ี 5 เมษายน พ.ศ. 2525 เรมิ่ ซอ่ มตง้ั แต่ 4 กนั ยายน พ.ศ. 2524 จนถงึ 2 มีนาคม พ.ศ. 2525 เรอื พาลรี งั้ ทวปี เปน็ เรอื รปู สตั วใ์ นประเภทเรอื เหลา่ แสนยากร เปน็ หนึ่งในเรอื พระราชพธิ ีกระบวนพยหุ ยาตราชลมารค จดั เปน็ เรอื กระบวนปดิ ทอง ไมพ่ บหลกั ฐานที่สร้าง โขนเรอื เปน็ รปู พาลีปิดทอง ประดับกระจกภายในสแี ดง ภายนอกทาสดี �ำ เขยี นลวดลายดอกพุต ตานสที อง เรอื ยาว 27.54 เมตร กวา้ ง 1.99 เมตร ลกึ 0.59 เมตร กินน�ำ้ ลึก 0.31 เมตร หวั เรือกว้างมี รูกลมโผลท่ างหัวเรือสำ� หรบั ตดิ ตง้ั ปืนใหญ่บรรจทุ างปากกระบอกได้ 1 กระบอก ขนาดปากกระบอก 65 มม. เหนอื ช่องปืนแกะเป็นรูปขุนกระบี่สีเขียว มีฝีพาย 34 คน นายท้าย 2 คน นายล�ำแต่งตัวสวมมาลา สวมเส้ือตาดอย่างน้อย ทนายหมอบหน้า สวมเสื้ออัตลัค โพกแพรสี ฝีพาย สวมกางเกง มัสรู่ [1] ปจั จบุ ันเก็บรกั ษาทีโ่ รงเรือท่าวาสกุ รี ชยั สมรภมู ิ 65
เรือสคุ รพี ครองเมือง เรือสคุ รพี ครองเมอื ง เปน็ เรือรปู สตั วใ์ นประเภทเรือเหลา่ แสนยากร เปน็ หนงึ่ ในเรอื พระราชพธิ กี ระบวนพยุหยาตราชลมารค โขน เรอื เป็นรปู สุครพี ปดิ ทองประดบั กระจกภายในสีแดง ภายนอกทาสดี ำ� เขยี นลวดลายดอกพตุ ตานสที อง เรอื ยาว 27.45 เมตร กวา้ ง 1.39 เมตร ลกึ 0.59 เมตร กนิ น�ำ้ ลึก 0.31 เมตร หวั เรอื กวา้ งมี รกู ลมโผล่ทางหวั เรอื สำ� หรบั ตดิ ตัง้ ปืนใหญบ่ รรจทุ างปากกระบอกได้ 1 กระบอก ขนาดปากกระบอก 65 มม. เหนือชอ่ งปืนแกะเป็นรปู ขนุ กระบสี่ ีแดง นายลำ� สวมมาลา เสอื้ ตาดอย่างนอ้ ย ทนายหมอบหนา้ สวมเสื้ออัตลัด โพกแพรสี ฝีพายสวมกางเกงมสั รู[่ 1] ปจั จบุ ันเก็บรักษาท่โี รงเรือท่าวาสุกรี เรอื อสรุ วายุภกั ษ์ เรืออสุรวายุภักษ์ เป็นเรือรปู สตั วใ์ นประเภทเรือเหลา่ แสนยากร เปน็ หนงึ่ ในเรือพระราชพิธกี ระบวนพยุหยาตราชลมารค เรอื อสุรวายุภกั ษ์ โขนเรอื เปน็ รปู ครึ่งยกั ษค์ รง่ึ นก มีสว่ นบนเปน็ ยกั ษ์ ส่วนลา่ งเป็นนกองค์เปน็ สีมว่ ง ลกั ษณะและ ขนาดของเรอื ใกลเ้ คยี งกบั เรอื อสรุ ปกั ษี การแตง่ กายของผปู้ ระจำ� เรอื นายลำ� นงุ่ ปมู สวมเสอ้ื เขม้ ขาบ โพกขลบิ ทอง ปจั จบุ นั เกบ็ รกั ษาทพี่ พิ ธิ ภณั ฑสถานเรอื พระราชพธิ ี คลองบางกอกน้อย 66 ชยั สมรภมู ิ
เรอื อสรุ ปกั ษี เรืออสรุ ปักษี เป็นเรอื รปู สัตวใ์ นประเภทเรือเหล่าแสนยากร เป็นหน่งึ ใน เรอื พระราชพธิ กี ระบวนพยหุ ยาตราชลมารค โขนเรอื เปน็ รปู ครง่ึ ยกั ษค์ รง่ึ นก มสี ว่ น บนเป็นยกั ษ์สว่ นล่างเป็นนกองคเ์ ปน็ สีเขยี ว ปิดทองประดับกระจก [1] ภายนอก ทาสดี ำ� เขยี นลวดลายดอกพตุ ตานสที อง การแตง่ กายของผปู้ ระจำ� เรอื นายลำ� นงุ่ ปมู สวมเส้อื เขม้ ขาบ โพกขลบิ ทอง [1] ปัจจุบนั เก็บรกั ษาท่โี รงเรอื ทา่ วาสุกรี ประเภท : เรือรูปสัตว์ ลูกเรือ : 32 หมายเหตุ : ฝีพาย 30 คน นายท้าย 2 คน เรือกระบี่ปราบเมืองมาร โขนเรอื กระบี่ราญรอนราพณ์ เปน็ รูป วานร (ลิง) ไมส่ วมเคร่ืองประดบั หวั ร่างกาย ชื่อเรือท้ังสองล�ำนี้ สะท้อนความรบั รวู้ รรณกรรมเรื่องรามเกยี รติ์ ซง่ึ เป็นพระราช สดี �ำ สว่ นเครือ่ งประดบั กาย และผา้ นุ่งลงรกั นิพนธ์ในพระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา้ จุฬาโลกมหาราช รชั กาลที่ 1 (พุทธศักราช 2325 ปดิ ทองประดบั กระจก ชอื่ เรอื และลกั ษณะโขน - 2352) เป็นวรรณกรรมทดี่ �ำเนนิ เร่ืองตามมหากาพย์รามายณะของอินเดีย เรือเช่นน้ีท�ำให้ทราบว่า เป็นรูปของนิลพัท ชือ่ เรอื ทง้ั สองล�ำน้ี สะท้อนความรบั รูว้ รรณกรรมเรื่องรามเกยี รติ์ ซ่ึงเปน็ พระราช ขุนกระบี่ผิวด�ำดั่งชื่อผู้น�ำกองทัพวานรต่อสู้ นิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพทุ ธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รชั กาลที่ 1 (พทุ ธศักราช 2325 ท�ำลายล้างกองทัพของราพณ์ (อีกช่ือหนึ่ง - 2352) เป็นวรรณกรรมท่ีดำ� เนินเร่อื งตามมหากาพย์รามายณะของอนิ เดยี ของทศกัณฐ์ในมหากาพยร์ ามายณะ เรยี กว่า โขนเรอื กระบป่ี ราบเมอื งมาร เปน็ รปู วานร (ลงิ ) รา่ งกายสขี าว ไมส่ วมเครอื่ งประดบั หวั ราวณะ) ส่วนเคร่ืองประดับกายและผ้านุ่งลงรักปิดทองประดับกระจก ชื่อเรอื และลกั ษณะโขนเรอื เรือทั้งสองล�ำสร้างขึ้นครั้งแรกในรัช เช่นน้ที �ำใหท้ ราบวา่ เป็นรูปของหนมุ าน ทหารเอกของพระราม ขุนกระบีผ่ ู้น�ำกองทัพวานร สมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬา ต่อส้กู บั กองทัพของทศกัณฐ์เจา้ กรงุ ลงกา ความช่วั ร้ายของทศกณั ฐท์ �ำใหเ้ รียกกรุงลงกาว่า โลกมหาราช (พุทธศักราช 2325 - 2352) เมอื งมาร ถอื เปน็ ฝ่ายอธรรม แต่ปรากฏช่ือเรือชัดเจนในเอกสารสมัย พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (พทุ ธศกั ราช 2394 - 2411) เมอ่ื ครงั้ สงคราม โลกครั้งท่ี ๒ ระเบิดจากอากาศยานที่ถล่ม กรุงเทพมหานครสร้างความเสียหายให้ กับเรือพระราชพิธีท้ังสองลำ� นีม้ าก ดังนั้นใน พุทธศักราช ๒๕๐๘ กองทัพเรือและกรม ศิลปากรจึงร่วมกันปฏิสังขรณ์เรือสองล�ำน้ี ใหมโ่ ดยใช้หัวเรือเดมิ มาประกอบ เรอื แตล่ ะลำ� มีความยาว 26.80 เมตร กวา้ ง 2.10 เมตร ลกึ ถงึ ทอ้ งเรอื 51 เซนตเิ มตร หนกั 5.62 ตนั มกี ำ� ลงั พลประกอบดว้ ย ฝพี าย 36 คน นายเรอื 1 คน นายทา้ ย 2 คน คนถอื ธงทา้ ย 1 คน พลสัญญาณ 1 คน คนกระทุ้ง เส้า (ให้จังหวะ) 2 คน และคนตีกลองชนะ 10 คน ชยั สมรภมู ิ 67
เรอื ครุฑเหจ็ เรอื ครุฑไตรจักร เรอื ทงั้ สองลำ� สรา้ งขนึ้ ในสมยั รชั กาลท่ี 1 เมอื่ ครงั้ สงครามโลก ครง้ั ที่ 2 ระเบดิ จากอากาศยานทถ่ี ลม่ กรุงเทพฯ ไดส้ รา้ งความเสยี เรือรปู สัตว์ประเภทเรือเหลา่ แสนยากร ชอ่ื เรือทั้ง 2 ลำ� นี้ หายใหก้ บั เรอื กรมศลิ ปากรจงึ ตดั หวั โขนเรอื และทา้ ยเรอื มาเกบ็ รกั ษา สะท้อนถึงอิทธิพลคัมภีร์ปุราณะของอินเดียท่ีมีต่อคตินิยมและ ไว้ แลว้ ท�ำการสรา้ งใหมเ่ มอ่ื พ.ศ. 2511 โดยใชห้ วั โขนเรือเดมิ นำ� มา ศลิ ปกรรมไทย ครฑุ เปน็ เจา้ แหง่ นกทง้ั หลาย หรอื เทพปกั ษณิ เปน็ ซ่อมแซม พาหนะของพระวิษณุ กลา่ วกนั ว่า ครฑุ สามารถแปลงกลายให้ โขนเรือท้ังสองล�ำเป็นไม้จ�ำหลักรูปครุฑยุดนาค 2 ตัวชูขึ้น เปน็ รปู รา่ งตา่ งๆ ไปไดใ้ นทกุ หนแหง่ ตามความปรารถนา ครฑุ เปน็ เรอื ครฑุ เหนิ เหจ็ ประดบั เครอ่ื งทรงทงั้ โขนเรอื และทา้ ยเรอื โขนเรอื ครฑุ ศัตรูกับนาคหรืองูท้ังหลาย ดังน้ันในศิลปกรรมของศาสนาฮินดู เหนิ เหจ็ มกี ายสแี ดง สวมมงกฎุ ลกั ษณะยอดชยั สที อง เขยี นลายเสน้ และพุทธศาสนาจึงเห็นการสรรค์สร้างหรือเขียนลวดลายในท่า ฮอ่ ทั้งที่ใบหนา้ ลำ� ตวั และส่วนขาเปน็ สีด�ำ นำ�้ ตาล ชมพู และสที อง ครฑุ จบั นาค ทเี่ รียกกันวา่ ครฑุ ยดุ นาค ปกี สยายเหมอื นกำ� ลงั บนิ สว่ นทเ่ี ทา้ ทงั้ สองขา้ งจบั นาค ลงรกั ปดิ ทอง ประดับกระจกสีเขียวเป็นหลัก ภายในเรือทาสีแดง ส่วนภายนอก ทาสดี ำ� เขยี นดว้ ยลายรดนำ�้ ลายดอกพดุ ตานกา้ นตอ่ ดอก สว่ นหวั โขน เรอื ครฑุ เตรจ็ ไตรจกั ร เนอื่ งจากมสี กี ายเปน็ สชี มพอู อ่ น หรอื สหี งสด์ นิ จึงเขียนเส้นฮ่อใบหนา้ และล�ำตวั ดว้ ยสีน�ำ้ ตาล สีแดง และใช้สขี าว แทนสชี มพู ปดิ ทบั ดว้ ยทองคำ� เปลว ดา้ นลา่ งมชี อ่ งสำ� หรบั ใสป่ นื จา่ รง เรือทงั้ สองล�ำมขี นาดความยาว 28.58 เมตร กว้าง 2.10 เมตร ความลึกถึงท้องเรอื 0.56 เมตร ก�ำลังพลประจ�ำเรือลำ� ละ 41 นาย ประกอบดว้ ย นายเรอื 1 นาย นายท้าย 2 นาย ฝพี าย 34 นาย คนถอื ธงทา้ ย 1 นาย พลสญั ญาณ 1 นาย คนกระทุ้งเสา้ ใหจ้ ังหวะ 2 นาย เรือเสอื ทยานชล - เรือเสือคำ� รณสินธ์ุ เรือเสือทยานชล เปน็ เรอื ประตหู นา้ ในประเภทเรอื พิฆาต เปน็ หนึ่งในเรอื พระราชพธิ ีกระบวนพยหุ ยาตราชลมารค หัว เรือท�ำเป็นรปู หวั เสือ มีคฤห์สำ� หรับอ�ำมาตย์ฝา่ ยทหารนงั่ เป็นเรอื รบท่ีอยใู่ นร้วิ ที่ ๒ และร้วิ ที่ ๔ ถดั จากเรอื ประตหู นา้ เข้ามาในกระบวน มีปืนจา่ รงตง้ั ท่หี ัว เรือ เรอื พฆิ าต ทั้ง ๒ ลำ� น้ี จะแล่นสา่ ยโดยเรือเสอื ทยานชลแลน่ สา่ ยนอกดา้ นขวา และเรือค�ำรณสนิ ธแ์ุ ล่นส่ายนอกดา้ นซา้ ย การแตง่ กาย ของผู้ประจำ� เรอื นายละนงุ่ ปมู สวมเสือ้ เข้มขาบ โพกขลบิ ทอง เรือเสือคำ� รณสินธ์ุ เรือสองลำ� น้ลี ว้ นเป็นเรือพฆิ าต สรา้ งมาแต่ครง้ั รัชกาลท่ี ๑ หัวเรือเขยี นสเี ปน็ รูปสตั ว์ ลำ� เรือภายนอกทาสเี หลือง ลายเสือไมล่ งรักปดิ ทอง ภายในท้องเรอื ทาสีแดง ยาว ๒๒.๒๗ เมตร กว้าง ๑.๗๔ เมตร ลึก ๐.๕๗ เมตร ก�ำลัง ๒.๔๕ เมตร ฝพี าย ๒๖ นาย นายท้าย ๑ นาย นายเรือ ๒ นาย นงั่ คฤหก์ ญั ญา ๓ นาย พลสัญญาณ ๑ นาย มปี ืนบรรจปุ ากกระบอก ๑ กระบอก 68 ชยั สมรภูมิ
เรอื ทองขวานฟ้า ฝีพาย 39 นาย นายทา้ ย 2 นาย และนาย เรอื 1 นาย ปจั จบุ นั เกบ็ รกั ษาทแ่ี ผนกเรอื พระ เรอื ทองขวานฟา้ เปน็ เรอื ประตหู นา้ หนงึ่ ในสองของเรอื คแู่ รกในกระบวนพยหุ ยาตรา ราชพธิ ี กองเรอื เล็ก ชลมารค เรอื ล�ำเดมิ ไมพ่ บหลกั ฐานในการสร้าง ในสมยั สงครามโลกครงั้ ท่ี 2 ได้ถูกลกู ระเบดิ เรือทองบ้าบนิ่ ตวั เรือได้รบั ความเสียหาย กรมศิลปากรไดต้ ัดหวั เรือและทา้ ยเรือเก็บรกั ษาไว้ในพพิ ิธภัณฑ์ ตวั เรอื กวา้ ง 1.83 เมตร ยาว 32 ในปี พ.ศ. 2507 ได้สร้างตัวเรือขนึ้ ใหม่ โดยใชห้ วั เรอื เดมิ และไดแ้ กะสลกั ลวดลาย คาดหัว- เมตร ลกึ 0.64 เมตร ใช้ฝีพาย 39 นาย ท้ายเรือ ปิดทองประดับกระจก พร้อมกบั จัดท�ำเครื่องตกแต่งเรือใหม่ นายเรอื 1 นาย และนายทา้ ย 2 นาย ปจั จบุ นั เรอื ทองขวานฟ้าล�ำปจั จุบันกว้าง 1.75 เมตร ยาว 32.23 เมตร ลึก 0.64 เมตร [1] เก็บรักษาท่ีพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเรือ พระราชพิธี คลองบางกอกนอ้ ย เรืออีเหลือง ไม้ตัวเรือท่ีช�ำรุดและผุพังตามกาลเวลาใน บางส่วน ทาสตี วั เรอื ใหม่ และงานสว่ นอืน่ ๆ เรืออีเหลือง (เรอื กลองนอก) ใชส้ ำ� หรับเป็นเรอื กลองบรรเลงดนตรี มีต�ำแหน่งอยู่ อีกเล็กน้อย เพื่อใช้ส�ำหรับงานสมโภชกรุง ดา้ นหนา้ สดุ ของรวิ้ สายกลาง มเี ครอื่ งดนตรีป่ีชวาและกลองแขกใช้ในการบรรเลง ไม่พบ รัตนโกสนิ ทร์ 200 ปี หลักฐานการสรา้ ง พบเพียงหลกั ฐานการซอ่ มใหญเ่ มอ่ื ปี พ.ศ. 2524 เพ่ือใช้ส�ำหรบั งาน ลกั ษณะเปน็ เรอื กราบ ขนาดเรอื กวา้ ง สมโภชกรุงรตั นโกสินทร์ 200 ปี ในปี พ.ศ. 2525 1.91 เมตร ยาวตลอดลำ� เรอื 24 เมตร ลกึ 62 ลักษณะเปน็ เรือกราบ กวา้ ง 1.68 เมตร ยาว 24.25 เมตร ความลกึ 0.55 เมตร เซนติเมตร ใชก้ �ำลงั พลประจำ� เรอื 36 นาย ประกอบด้วย นายเรอื 1 นาย นายทา้ ย 2 นาย ฝพี าย 27 ใชก้ ำ� ลังพลประจำ� เรือ 37 นาย ประ นาย พลสัญญาณ 1 นาย และนกั ดนตรีประจำ� เรือ 5 นาย กอบด้วย นายเรือ 1 นาย นายท้าย 2 นาย เรอื แตงโม ฝีพาย 28 นาย พลสญั ญาณ 1 นาย และ เรอื แตงโม (เรอื กลองใน) ใชส้ ำ� หรบั ผบู้ ญั ชาการกระบวนเรอื และเปน็ เรอื กลองสำ� หรบั นกั ดนตรปี ระจ�ำเรือ 5 นาย บรรเลง ไมพ่ บประวัติการสรา้ ง พบเพยี งประวัติการซอ่ มใหญใ่ นปี พ.ศ. 2524 โดยเปลี่ยน ชัยสมรภมู ิ 69
เรอื ดัง้ ในกระบวนพยุหยาตราชลมารคจะ ลักษณะของเรอื ทีม่ กี ระท้งุ เสา้ จะเป็นเรือชยั ซงึ่ เปน็ เรือทม่ี ที วนหวั เรือตัง้ สงู และมลี ักษณะ มเี รือดงั้ จ�ำนวน 22 ลำ� แบ่งเป็นฝง่ั ซ้ายและ งอนข้ึนไป ฝง่ั ขวากราบนอกสดุ ฝง่ั ละ 11 ลำ� โดยแตล่ ะ ลกั ษณะการแตง่ กายของนายประจำ� เรอื ดงั้ ฝพี าย สวมเสอ้ื ผา้ สดี ำ� รว้ิ ทางแดง กางเกง ล�ำน้ันจะมีหมายเลขก�ำกับอยู่ท่ีบริเวณส่วน ผา้ สแี ดงตดิ แถบสดี ำ� คาดผา้ รดั ประคตสแี ดงดอกขาว สวมหมวก ทรงประพาสสดี ำ� ตดิ แถบสี หวั เรือ เปน็ เรือท่ีใช้เป็นกระบวนสายนอก มี แดง รองเทา้ หนงั สดี ำ� นายทหารนง่ั ลำ� ละ 1 นาย พลปนื 4 นาย และ ตามประวัติไมป่ รากฎหลกั ฐานในการสร้าง ในปี พ.ศ.2506 กรมอทู่ หารเรือได้ด�ำเนนิ มีนายเรือ นายท้าย พร้อมท้ังฝีพาย ล�ำละ การตอ่ เรอื ดงั้ ลำ� ดบั ท่ี 6 ขนึ้ มาใหม่ โดยวางกงเหลก็ เพอ่ื พ้ มิ่ ความแขง็ แรงและทนทานซงึ่ ทำ� ให้ 29-35 นาย ซง่ึ จะขนึ้ อยกู่ บั ขนาดของลำ� เรอื ตวั เรือมีน้�ำหนกั มาก ในปี พ.ศ.2524 ได้ด�ำเนินการซ่อมแซมคร้งั ใหญ่ เปลย่ี นไมท้ ี่ตัวเรอื ที่ และมคี นกระทงุ้ เส้าล�ำละ 2 นาย ช�ำรุดและผุพังใหม่ในบางส่วน ทาสีตัวเรือใหม่ โดยมีวัตถุประสงค์เพ่อใช้ในงานสมโภชน์ เรือด้ังจะเป็นเรือไม้ท่ีทาสีน�้ำมัน กรงุ รัตนโกสนิ ทร์ 200 ปี และไมม่ ลี วดลายแตอ่ ยา่ งใด กลางลำ� เรอื นน้ั จะมีคฤห์โดยมีนายเรือน่ังประจ�ำอยู่ภายใน เรอื แซง และเรือตำ� รวจ อยู่ระหว่าง 1.40 - 1.62 เมตร สว่ นเรือแซง 7 มคี วามยาว 24.7 เมตร กว้าง 1.5 เมตร เรอื แซง คอื เรอื กราบ เปน็ เรอื เลก็ และเรว็ ทำ� หนา้ ทเ่ี ปน็ เรอื อารกั ขาพระมหากษตั รยิ ์ กำ� ลงั พลประจำ� เรือ ประกอบด้วย นายเรือ เหมอื นกบั ทหารมหาดเล็ก สามารถแซงเรือในขบวนมาอารกั ขาพระมหากษตั รยิ ์ได้ มจี �ำนวน 1 นาย นายทา้ ย 2 นาย 7 ลำ� ไม่พบหลกั ฐานท่ีสรา้ ง พลสญั ญาน 1 นาย เหมอื นกนั ทุกล�ำ แต่มีบันทึกไวว้ ่าในสมัยรัชกาลท่ี 5 ได้จดั เรอื แซง จ�ำนวน 4 ลำ� ไวท้ ้ายขบวน และ ยกเวน้ ฝพี ายเรอื 1 - 6 มฝี พี าย 24 นาย สว่ น ในสมัยรัชกาลที่ 6 ได้เพม่ิ ส�ำหรบั พระตำ� รวจอีก 2 ลำ� โดยใน 4 ลำ� แรกใช้ทหาร จึงเรยี กว่า เรอื แซง 7 มีฝพี าย 30 นาย ส่วนเรือต�ำรวจ “เรอื แซงทหาร” ส่วนอกี 2 ลำ� น้ัน เรยี ก “เรือแซง” เป็นเรือกราบ ประเภทเรือเหล่าแสนยากร ตอ่ มาในสมยั รัชกาลท่ี 7 ได้ตัดเรอื แซงของพระตำ� รวจออกไป และเรือแซงทหารได้ ท�ำหน้าที่เป็นองครักษ์คุ้มกันขบวนเรือ เปล่ียนชอื่ เปน็ เรือแซงจนถงึ ปัจจุบนั รูปร่าง และขนาดเรือ ลกั ษณะหวั เรือเชิดขึ้นเหนือแนว พระทนี่ ่งั นำ�้ ทาสีดำ� แตล่ ะลำ� มขี นาดไม่เท่ากัน ภายในขบวนพยหุ ยาตราทางชลมารค โดยเรอื แซง 1 - 6 มีความยาวเทา่ กัน คอื 23.2 เมตร แตจ่ ะมคี วามกวา้ งไม่เทา่ กัน อยสู่ ายกลางรวิ้ ที่ 3 เปน็ เรอื สำ� หรบั พระตำ� รวจ หลวงช้ันปลัดกรมนั่งคฤห์ มีจ�ำนวน 3 ล�ำ โดยเรือต�ำรวจ 1 และต�ำรวจ 2 อยู่หน้าเรอื พระท่ีนง่ั อนันตนาคราช สว่ นเรอื ต�ำรวจ 3 อยู่หลังเรือพระท่ีน่ังนารายณ์ทรง สบุ รรณ รัชกาลที่ 9 ไมพ่ บประวตั กิ ารสร้าง ทานำ้� มนั สดี ำ� เกลย้ี งตลอดทง้ั ลำ� เรอื มคี วามยาว 20.97 เมตร กว้าง 1.41 เมตร ความลึก ท้องเรือ 0.47 เมตร ก�ำลังพลประจำ� เรอื ลำ� ละ 28 นาย ประกอบดว้ ย นายเรอื 1 นาย นายทา้ ย 2 นาย ฝีพาย 24 นาย พลสญั ญาณ 1 นาย 70 ชัยสมรภูมิ
ศิลปะการแตง่ กายของพนกั งานและฝพี ายในกระบวนฯ ๑๐.๑ การแต่งกายของฝีพายในอดีต ในสมยั อยธุ ยา บรรดาฝีพายประจำ� เรือพระท่นี ง่ั ลว้ นแต่ได้รบั การคัดเลือกมาอย่างดี “กรมฝีพาย” อยู่ใน การควบคมุ ของกรมพระ ต�ำรวจใหญแ่ ตล่ ะคนจะนุ่งกางเกงมสั รู่ คาดผา้ กราบ ไม่สวมเส้อื แต่บางครงั้ อาจสวม เกราะอ่อนประดับเล่อื มทองคำ� กนั ไว้ที่บรเิ วณหน้าอก เท่าน้ัน ดังนั้น จึงมีพระราชกำ� หนดว่าหากฝีพายตอ้ งโทษ ไดร้ บั พระราชอาญา กห็ ้ามเฆี่ยนหลังเพราะว่าเกรงจะเปน็ แผล จนเสียความ งดงามของฝีพายไป ฝพี ายเหล่านี้พ่ึงจะเปลยี่ นมาสวมเส้อื ในสมัยรตั นโกสนิ ทร์ ในราวรชั กาลท่ี ๔-๕ โดยในระยะแรก น่าจะใสเ่ สื้อแขนกระบอกสขี าว ต่อมาจึงเปลย่ี นเปน็ เสอื้ สักหลาดสีแดง น่งุ กางเกงสีดำ� สวมหมวกทเ่ี รียกวา่ “หมวกทรงประพาส” และคาดเข็มขัด “คนั ชีพ” ดังท่ีเห็นใน ปัจจบุ นั ๑๐.๒ การแต่งกายของผปู้ ระจ�ำเรือในร้ิวกระบวนพยุหยาตราทางชลมารคในสมัยรชั กาลท่ี ๔ การแต่งกายของผปู้ ระจ�ำเรอื ในกรุงรัตนโกสนิ ทร์นัน้ จากพงศาวดารกรุงรตั นโกสนิ ทร์ รัชกาลท่ี ๔ ซึง่ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า เจา้ อยู่หวั เสด็จเลียบพระนครทางชลมารค ทำ� ใหท้ ราบการแตง่ ตัวของนายเรือ และฝพี ายไดด้ ังน้ี ๑. เรือแง่ทรายน�ำเสด็จ เจ้ากรมทหารปืนปากน้�ำเป็นนายล�ำแต่งตัวนุ่งปูม สวมเสื้อเข้มขาบ โพกขลิบทอง ฝีพาย สวมเส้ือแดง กางเกงขาว สวมหมวกฝาชี ๒. เรือประตูเป็นเรือกัญญา นายล�ำคือพระเทพผลู และพระราชรองเมือง นุ่งปูม สวมเส้ือเข้มขาบ โพกขลิบทอง ฝีพาย สวม เส้ือแดง หมวกแดง ๓. เรือเหราลายกำ� มะลอ หลวงเสน่ห์สรชติ นายลำ� นงุ่ ปูม สวมเสอื้ เข้มขาบ โพกขลบิ ทอง ฝพี าย สวมเสอื้ แดง ๔. เรอื แซตา่ ง ๆ นายล�ำแตง่ ตัวเปน็ รามัญ คนตีกรรเชียงแตง่ ตัวโพกผ้าแพรรามัญ สวมเสือ้ สคี ราม ๕. เรอื พาลรี ง้ั ทวปี เจา้ พระยาอคั รอดุ มบรมเสนาบดี นายล�ำ แต่งตวั สวมมาลา สวมเสอ้ื ตาดอย่างนอ้ ย ทนายหมอบหน้า สวมเส้อื อัตลัตโพกแพรสี ฝพี าย สวมกางเกงมัสรู่ ๖. เรอื กัญญา ของพระยาอรชุน นายล�ำนุ่งปูม สวมเส้อื ทรงประพาส หมวกตมุ้ ป่ี ๗. เรือกัญญากลองนำ� เสด็จ ของพระยาวิชติ ณรงค์ นายล�ำสวมเสอื้ ทรงประพาส หมวกต้มุ ป่ี ชัยสมรภูมิ 71
๘. เรอื กระบรี่ าญรอนราพณแ์ ละเรอื กระบปี่ ราบเมอื งมาร ของพระอนรุ กั ษโ์ ยธา และ พระมหาสงคราม นายลำ� นงุ่ ปมู สวมเสอ้ื เขม้ ขาบ โพกขลิบทอง ๙. เรอื เสอื ทยานชล และเรือเสอื ค�ำรณชลสนิ ธุ์ นายลำ� นุ่งปมู สวมเสือ้ เข้มขาบ โพกขลิบทอง ๑๐. เรอื โตขมงั คลืน่ และเรอื โตฝนื สมทุ ร นายล�ำนงุ่ ปมู สวมเส้อื เข้มขาบโพกขลบิ ทอง ๑๑. เรอื สางกำ� แหงหาญ และเรือสางชาญชลสนิ ธุ นายลำ� นุง่ ปมู สวมเส้ือเขม้ ขาบ โพกขลบิ ทอง ๑๒. เรือเหราล่องลอยสินธ์แุ ละเรอื เหราลลี าสมุทร นายล�ำนุง่ ปมู สวมเส้อื เข้มขาบ โพกขลิบทอง ๑๓. เรือกิเลนประลองและเรือกิเลนละเลิงชล นายลำ� นงุ่ ปูม สวมเสือ้ เข้มขาบ โพกขลิบทอง ๑๔. เรือมงั กรจำ� แลง และเรือมังกรแผลงฤทธ์ิ นายล�ำนุ่งปมู สวมเส้ือเข้มขาบ โพกขลบิ ทอง ๑๕. เรืออสุรวายภุ กั ษ์ และเรอื อสรุ ปักษี นายลำ� นงุ่ ปูม สวมเสอื้ เขม้ ขาบ โพกขลบิ ทอง ๑๖. เรือครุฑเหนิ เหจ็ และเรือครฑุ เตร็จไตรจักร นายลำ� นุง่ ปมู สวมเส้อื เขม้ ขาบ โพกขลิบทอง ๑๗. เรือสวุ รรณเหรา และเรอื เหราขา้ มสมทุ ร นายลำ� นุ่งปูม สวมเสื้อเขม้ ขาบ โพกขลิบทอง ๑๘. เรือกลอง นายลำ� น่งุ ปมู สวมเสอื้ ทรงประพาส สวมหมวกตมุ้ ป่ี ๑๙. เรอื มงคลสบุ รรณ และเรอื ศรสี พุ รรณหงส์ นายลำ� นงุ่ ปมู สวมเสอื้ เขม้ ขาบ โพกขลบิ ทอง ฝพี ายใสเ่ สอ้ื สกั หลาดขลบิ โหมด หมวก กลีบล�ำดวน กางเกงมีกรวยเชงิ ใช้พายทอง ๒๐. เรอื ก่งิ ศรสี มรรถไชย และเรอื กงิ่ ไกรแกว้ จกั รรัตน์ นายล�ำนงุ่ ปมู สวมเสอ้ื เข้มขาบ โพกขลบิ ทอง ๒๑. เรือก่ิงศรีสุนทรไชย และเรือกิง่ ไกรสรจกั ร นายลำ� นงุ่ ปมู สวมเสอ้ื เขม้ ขาบ โพกขลิบทอง ๒๒. เรือกระโหอ้ าสาจาม นายลำ� นุ่งปูม สวมเสอ้ื เขม้ ขาบ โพกขลิบทอง ๒๓. เรอื กญั ญาสารวัตร นายลำ� น่งุ ปูม สวมเสอ้ื เข้มขาบ โพกขลิบทอง ๒๔. เรอื เอกไชยเหินหาว และเรอื เอกไชยหลาวทอง นายลำ� นงุ่ ปูม สวมเสือ้ เข้มขาบ โพกขลิบทอง ๒๕. เรอื กลองนำ� เสด็จ นายล�ำน่งุ ปมู สวมเส้อื ทรงประพาส หมวกตมุ้ ปี่ ๒๖. เรอื ในกระบวนหน้า ฝีพายสวมเส้ือแดง หมวกแดง กางเกงแดง ๒๗. เรือกิง่ ศรีประภัสสรไชย และเรอื ก่ิงไกรสรมขุ ฝพี ายสวมเสื้อ สวมหมวก กางเกงสกั หลาด ขลบิ โหมด ๒๘. เรือกราบมีกญั ญา ผา้ หนา้ โขนหักทองขวาง นายลำ� นุ่งปูม สวมเสอื้ กางเกงสกั หลาด ทรงประพาส หมวกตุ้มป่ี สวมเสือ้ เข้มขาบ โพกขลบิ ทอง ๒๙. เรอื ตารา้ ยเกณฑห์ ดั แสงปนื ประทนุ แถว นายลำ� นงุ่ ปมู สวมเสอื้ เขม้ ขาบ โพกขลบิ ทอง ฝพี ายสวมเสอ้ื แดง กางเกงแดง หมวกแดง ๓๐. เรือศรปี ระกอบเขียนลายทอง เปน็ เรอื ประเทียบ ๖ ลำ� ฝีพายสวมเส้ือแดง กางเกงแดง หมวกแดง ๓๑. เรอื แซตา่ ง ๆ นายลำ� น่งุ ปูม สวมเสือ้ ทรงประพาส หมวกตุม้ ป่ี ฝีพ่ ายแต่งตัวโพกศีรษะ สวมเส้ือเป็นรามญั ๓๒. เรอื กราบมกี ัญญา เป็นเรอื ประตหู ลัง นายลำ� น่งุ ปมู สวมเส้อื เขม้ ขาบ โพกขลิบทอง ๓๓. เรอื กญั ญา ของพระเจา้ นอ้ งยาเธอพระเจา้ ลกู เธอ พระเจา้ หลานเธอ พระราชวรวงศเ์ ธอ บรรดาเจา้ นาย แตง่ พระองค์ ทรงเครอ่ื ง ฉลองพระองค์จีบเอว สวมพระมหามาลาเส้าสงู ปักขนนก ๓๔. เรือสุครพี ครองเมือง ของเจา้ พระยาบรมมหาพชิ ยั ญาติ เป็นนายลำ� สวมมาลา เส้ือตาดอย่างนอ้ ย ทนายมอบหน้า สวมเสอ้ื อัต ลัตโพกแพรสี ฝีพายสวมกางเกงมสั รู่ ๓๖. เรือเก๋งพ้ัง ขนุ นางจนี แตง่ ตวั อยา่ งขนุ นางเมืองจีน ฝพี ายสวมกางเกง เส้อื กก๊ั หมวกจีโบ ๑๐.๓ การแตง่ กายของผปู้ ระจำ� เรือในปัจจบุ ัน การแตง่ กายของผูป้ ระจำ� เรอื ในปัจจุบัน จากพระราชพิธีในกระบวนพยหุ ยาตราทางชลมารค ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพล อดลุ ยเดชมหาราช รัชกาลท๙ี่ มีรายละเอยี ดดังนี้ ๑. นายเรือ การแตง่ กายของนายเรอื มี ๒ แบบ คอื ๑.๑.สวมเส้อื ผ้าโหมดเทศ นงุ่ ผา้ ม่วงเชงิ ทอง สวมหมวกทรงประพาสสดี ำ� ยอดเก้ียว คาดเขม็ ขัด แถบทองท้งั พกู่ ระบ่ี ขัดดาบ สวมถงุ เท้ายาวสีขาว รองเท้าชตู ิดโบว์ (รองเทา้ คทั ช)ู ๑.๒.สวมเสื้อผา้ อตั ลดั นุ่งผ้าเก้ียวลาย คาดผา้ โหมดเทศ สวมหมวกทรงประพาส ผา้ โหมดเทศยอดเกย้ี ว สวมถงุ เท้ายาวสขี าว และรองเทา้ เท้าหนงั สีด�ำ ๒. คนน่ังคฤห์ในกัญญาในเรือรปู สัตว์ เรอื กลองและเรือต�ำรวจนอก สวมเสือ้ นอกสขี าว นุ่งผา้ มว่ ง มีเชงิ สวมหมวกทรงประพาส สีน้ำ� เงิน สวมถงุ เทา้ ยาว สีขาว และรองเท้าหนงั สีด�ำ 72 ชัยสมรภูมิ
๓. คนนัง่ คฤห์ในกญั ญาในเรอื ตำ� รวจใน เรือด้ัง และเรือแซง สวมเสอื้ นอกสขี าว นงุ่ ผ้าเกยี้ วลาย สวมหมวกทรงประพาส ผา้ โหมด เทศยอดจกุ สวมถุงเท้ายาวสีขาว รองเท้าหนงั สีดำ� ๔. คนเห่ สวมเสอื้ โหมดเทศ นงุ่ ผา้ เกยี้ วลาย คาดผา้ โหมดเทศ สวมหมวกทรงประพาสยอดเกยี้ ว สวมถงุ เทา้ ยาวสขี าว รองเทา้ ชตู ดิ โบว์ ๕. คนกระทุง้ สวมเส้อื ผ้ามิสรู่ไหม นงุ่ ผา้ เกย้ี วลาย คาดผ้าคาดโหมดเทศ สวมหมวกหูกระตา่ ย ผ้าสแี ดงแถบลูกไมใ้ บข้าว สวมถงุ เทา้ ยาวสขี าว รองเทา้ ชตู ิดโบว์ ๖. ภษู ามาลาและพนักงานศภุ รตั สวนเสื้อนอกสขี าว นุ่งผ้าม่วงเชงิ อทง กำ� มะหยสี่ ดี ำ� สวมถงุ เทา้ ยาว สีขาว รองเท้าชตู ดิ โบว์ ๗. มหาดเลก็ เชญิ หอก และถวายงานพดั สวมเส้ือนอกสขี าว นุ่งผ้าม่วงเชิงเงนิ คาดผา้ รดั ประคดสนี ำ�้ เงนิ ดอกขาว สวมหมวกทรง ประพาสสีนำ�้ เงนิ สวมถงุ เทา้ ยาวสขี าว รองเทา้ ชูติดโบว์ ๘. แตรสงั ข์ สวมเสื้อนอกสีขาว นงุ่ ผ้ามว่ งเชิงเงนิ คาดผ้ารกั ประคดสีแดงหนามขนนุ สวมหมวก ทรงประพาสกำ� มะหยบี่ านเย็น แถบทอง สวมถงุ เทา้ ยาวสีขาว รองเทา้ หนังสีดำ� ๙. คนเชญิ พระกลด บังพระสรู ย์ และพัดโบก สวมเส้ือนอกสขี าว นงุ่ ผ้าเกี้ยวลาย สวมเสอื้ ครยุ แพร ใหญ่ ศรี ษะสวมลอมพอกสขี าว สวมถงุ เทา้ ยาวสขี าว รองเท้าหนังสดี �ำ ๑๐. นกั สราช หรอื คนเทดิ ธง สวมเส้ือผ้ามัสรู่ไหม น่งุ ผ้าเกย้ี วลาย คาดผ้าโหมดเทศ สวมหมวกหู กระต่ายสีแดง ลกู ไม้แถบใบขา้ ว สวมถงุ เท้ายาวสีขาว รองเท้าหนงั สีด�ำ ๑๑. คนสัญญาณ สวมเสื้อผ้าอัตลัด นุ่งผ้าเก้ียวลาย คาดผ้าโหมดเทศ สวมหมวกหูกระตา่ ยสแี ดง สวมหมวกประพาสสักหลาดแดง ตดิ ลูกไม้ใบขา้ ว สวมถุงเท้ายาวสีขาว รองหนงั สีดำ� ๑๒. ฝพี ายเรอื พระที่นงั่ ล�ำทรง และเรือพระทีน่ ่ังรอง สวมเสื้อสักหลาดสแี ดงติดลกู ไมใ้ บข้าว กางเกงผา้ เสิร์จดำ� คาดผา้ รัดประคด โหมดเทศ ขัดดาบฝกั ไม้ ดามไมก้ ลึง สายสะพายดาบสักหลาด สีแดงตดิ แถบลกู ไมใ้ บขา้ ว สวมถงุ เทา้ ยาวสีขาว รองเทา้ หนงั สีด�ำ ๑๓. ฝีพายรปู สัตว์ สวมเสื้อเสนากฏุ ลาย สวมกางเกงผา้ ขาวร้วิ ทางแดง คาดผา้ รัดประคดสแี ดงดอกขาว สวมหมวกสงั กะทาสีแดง มีลายยนั ตรส์ วมรองเท้าหนังสดี �ำ ๑๔. ฝีพายเรอื เสอื สวมเสือ้ ผ้าปศั ตูสีแดงตดิ แถบสีเหลอื ง กางเกงผ้าขาวริว้ ทางแดง คาดผา้ รัดประคดสี แดง ตอกขาว สวมหมวก กลีบลำ� ดวนสีแดงตดิ แถบเหลอื ง สวมรองเท้าหนังสีดำ� ๑๕. ฝพี ายเรือกลอง สวมเสอ้ื สีขาวตดิ แถบสีน้�ำเงิน กางเกงผ้าสีน�้ำเงนิ คาดผ้ารัดประคดสีน้ำ� เงนิ ดอกขาว สวมหมวกหกู ระต่าย สีนำ้� เงินตดิ แถบสเี หลือง รองเทา้ หนงั สีด�ำ ๑๖. ฝีพายเรือต�ำรวจ สวมเสือ้ ผ้าสนี ้ำ� เงนิ ข้อมือตดิ แถบสแี ดง กางเกงผา้ สนี �ำ้ เงนิ คาดผา้ รัดประคดสีแดง ดอกขาว สวมหมวกหู กระตา่ ยสีแดงแถบผ้าสีเหลอื ง รองเทา้ หนังสดี ำ� ๑๗. ฝพี ายเรือต�ำรวจ สวมเสอ้ื ผ้าสีน�้ำเงนิ แถบแดง กางเกงผา้ สนี �้ำเงินปลายขาติดแถบสีแดง คาดผ้า ประคด สีแดงดอกขาว สวม มงคลสีแดง รองเท้าหนังสดี ำ� ๑๘. ฝพี ายเรอื ด้ัง สวมเส้อื ผ้าสีด�ำรวิ้ ทางแดง กางเกงผา้ สีแดงติดแถบสดี �ำ คาดผา้ ประคดสีแดง ดอกขาว สวมหมวกทรงประพาส สดี �ำติดแถบสีแดง รองเทา้ หนังสดี ำ� ๑๙. ฝพี ายเรือแซง สวมเสอ้ื ผา้ ผา้ ขาวตดิ แถบแดง ขอ้ มือมีแถบแดง กางเกงผา้ สีนำ�้ เงนิ คาดผ้า รดั ประคด สแี ดงหนา้ สแี ดงหนา้ มี เชงิ ชาย สวมหมวกหูกระต่ายสแี ดง รองเทา้ หนงั สดี ำ� ๒๐. ฝีพายเรอื ประตู สวมเสอื้ ผ้าสนี ้ำ� เงินติดแถบสีเหลอื ง กางเกงผ้าสีน้�ำเงิน คาดรดั ประคดสีแดง ศีรษะสวมมงคลสีแดง รองเท้า หนงั สดี ำ� ๒๑. คนตีกลองชนะ มี ๒ ชุด คือ ชุดสเี ขยี ว และชุดสีแดง ชดุ สีเขยี วสวมเส้อื สเี ขยี ว ปลายแขนตดิ แถบ สีเหลอื ง กางเกงสีเขยี ว ปลายขาติดแถบสีเหลอื ง สวมหมวกกลบี ลำ� ดวนสีเขียว รองเทา้ หนังสีด�ำ ชดุ สีแดง สวมเส้อื สีแดงปลายแขนติดแถบเหลอื ง กางเกงสแี ดง ปลายขาตดิ แถบเหลือง สวมหมวกกลบี ล�ำดวน รองเท้าหนังสีดำ� ๒๒. สังข์แตร สวมเส้ือผ้าปศั ตสู ีแดง ตดิ แถบทองปลายแขนบาน กางเกงผา้ ปัศตแู ดง ขอบปลายขา ตดิ แถบเหลือง สวมหมวก ปศั ตูแดงรปู กรวย พยู่ อดหมวกสเี หลืองหรือสีขาว รองเท้าหนงั สีดำ� ๒๓. จ่าป่ี จ่ากลอง เส้อื เข้มขาบไหม กางเกงผ้ามสั รไู่ หม สวมหมวกทรงประพาสผ้าโหมดเทศ ยอดเกย้ี ว สวมถุงเทา้ สขี าว รองเท้า หนงั สดี �ำ ๒๔. คนเชิญเคร่อื งสูง สวมเสอ้ื เข้มขาบไหม กางเกงผา้ มัสร่ไู หม คาดผ้าคาดโหมดเทศ ศีรษะสวมลอกพอก หางเหย่ยี วแดง สวม รองเท้าหนงั สีดำ� ๒๕. คนตีมโหระทกึ สวมเสอ้ื เข้มขาบไหม กางเกงผา้ มัสรู่ไหม คาดเข็มขัดแถบทองหวั มงกฎุ สวมหมวกทรงประพาสผ้าโหมดเทศ ยอดเก้ยี ว สวมถงุ เทา้ ยาวสขี าว รองเท้าหนังสดี �ำ ชยั สมรภูมิ 73
บทสัมภาษณพ์ เิ ศษ พระมหาราชครพู ราหมณ์ ในพระราชพิธมี หามงคลประเทศ ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของ เป็นพระราชพิธีครั้งส�ำคัญท่ีพสกนิกรปวง ในความเป็นจริงตั้งแต่โบราณกาล พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรี ชนชาวไทยทุกคนจะจารึกเอาไว้ในดวงใจ มาแลว้ จะเห็นว่าพุทธกับพราหมณ์มีความ สนิ ทรมหาวชริ าลงกรณฯ พระวชริ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ตลอดไป เกย่ี วขอ้ งสมั พนั ธก์ นั แนบแนน่ ดง่ั เกลยี วเชอื ก รชั กาลท่ี 10 นัน้ เตม็ ไปดว้ ยความเคารพรัก และถือเป็นโอกาสอันดียิ่งท่ีส�ำนัก พระพทุ ธเจา้ ทา่ นเปน็ ชาวอนิ เดยี ทา่ นเคยนบั ถอื ศรัทธาของประชาชนที่มีต่อสถาบันอันเป็น ขา่ ว นสพ.ชยั สมรภมู ิ ไดม้ โี อกาสสมั ภาษณพ์ เิ ศษ พราหมณ์ สาวกของพระองคก์ เ็ ปน็ พราหมณ์ ศูนย์รวมใจของคนไทยทั้งชาติและถือเป็น กับผู้ที่มีส่วนส�ำคัญในพระราชพิธีอันเป็น เมอื่ มกี ารเผยแพรพ่ ระศาสนามายงั สวุ รรณภมู ิ โชคดีของคนไทยเป็นอย่างยิ่งที่ในชีวิตหน่ึง มงคลในประเทศน้ี ซ่ึงท่านก็คือพระราชครู แล้วพราหณ์กับพุทธจึงเป็นเสมือนอันหนึ่ง จะมีโอกาสได้พบเห็นและร่วมเป็นส่วนหน่ึง พราหมณ์ที่จะมาเปิดเผยถึงความในใจท่ีมี อนั อนั เดยี วกนั เชน่ เมอ่ื เราพดู ถงึ พราหมณ์ ในราชประเพณที ลี่ ำ้� คา่ ยงิ่ โดยทกุ สง่ิ ทกุ อยา่ งที่ โอกาสได้ถวายงานอย่างใกล้ชิดพระบารมี ก็ต้องพดู ถงึ พทุ ธเมอื่ พดู ถงึ พทุ ธกต็ อ้ งพดู ถงึ เกิดขึ้นในพระราชพิธีล้วนแต่เป็นไปอย่าง รวมไปถงึ ยงั ไดใ้ หแ้ นวคดิ ตา่ งๆ ทน่ี า่ สนใจและ พราหมณ์เป็นของคู่กัน เพราะฉะนั้นจะเห็น สวยงามวจิ ติ รตระการตาล�ำ้ คา่ ยงิ่ ทงั้ เคร่ือง เปน็ สาระประโยชนต์ อ่ ประเทศชาตบิ า้ นเมอื ง ไดจ้ ากตวั อยา่ งทชี่ ดั เจน เชน่ เมอ่ื มกี ารสรา้ ง ราชปู โภค เครือ่ งราชกกธุ ภณั ฑ์ เครื่องบรม ไดเ้ ปน็ อยา่ งมากเลยทเี ดยี ว ซงึ่ ทีมงานส�ำนัก พุทธศาสนสถานก็จะมีการภาพพระอินทร์ ขตั ตยิ ราชวราภรณ์ เครอื่ งขตั ตยิ ราชปู โภคและ ข่าวก็ขอกราบขอบพระคุณในความเมตตา พระวิษณุ พระพรหม พระศิวะ และพระ พระแสงราชศสั ตราวธุ รวมไปถงึ พระราชยาน ทพี่ ระมหาราชครไู ดใ้ หค้ วามอนเุ คราะหม์ า ณ นารายณ์ด้วย ดังนั้นพราหมณ์กับพระพุทธ พุดตานทองและร้ิวขบวนพยุหยาตราทาง โอกาสน้ีไปพร้อมๆ กับบทสมั ภาษณพ์ เิ ศษท่ี ศาสนาจึงมีความเก่ียวพันเชื่อมโยงกัน สถลมารคที่สมพระเกียรติและถือเป็นราช ขอจารึกเอาไวใ้ นบรรณพภิ พตลอดไป มาตลอด ประเพณีท่ีท�ำให้ปวงพสกนิกรทุกหมู่เหล่า พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณฯ ส�ำหรับในพิธีบรมราชาภิเษกนั้น บนผืนแผ่นดินน้ีต่างมีความปลาบปลื้มปิติ ชวิน รังสิพราหมณกุล ประธานพระครู ในส่วนของพราหมณ์ก็มีการเตรียมการ ใจในศิลปะวัฒนธรรมของไทยอันเป็นอัต พราหมณ์พระราชพิธีบรมราชาภิเษก คือการเตรียมเครื่องมือ การเตรียมสถานที่ ลักษณเ์ พียงหนึ่งเดียวบนโลกใบน้ี โดยถือ พทุ ธศักราช 2562 ในพระราชพิธที ผ่ี ่านมาเราต้งั โรงพธิ ีไว้ที่ 74 ชยั สมรภูมิ
ศาลาสหไทยสมาคมก็จะมีพิธีส�ำคัญๆ เช่น เราเปน็ คนสรา้ งกบั มอื ของเรา เราจะสรา้ งให้ คนดี ลกู หลานของพระองคเ์ ปน็ คนดมี าตลอด การเดินสายสิญจน์ การท�ำน้�ำเทพมนตร์ใน ดีหรอื สรา้ งใหเ้ สียหายอย่ทู ีเ่ รา เพราะฉะน้ัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลท่ี 10 พิธีสรงพระมุรธาภเิ ษก เปน็ ตน้ บรรพบุรุษสร้างไว้ดี เราก็ต้องสร้างให้ดีให้ ทรงหว่ งใยประชาชน พระองคท์ รงมโี ครงการ โดยในวงศ์ตระกูลพราหมณ์ของเรา ตกไปสู่ลูกหลานของเรา ความดีน้ีไม่ได้ พระราชทานจิตอาสาเป็นต้นแบบเพื่อให้ นน้ั มีโอกาสได้ถวายงานร่วมในพระราชพิธี หมายถงึ อยา่ งอน่ื หมายถงึ ศลี 5 ถา้ เรามศี ลี เยาวชนไดช้ ว่ ยเหลอื ซงึ่ กนั และกนั ตามหลกั บรมราชาภเิ ษกมาตง้ั แตใ่ นชว่ งยคุ รตั นโกสนิ ทร์ ครบบริบูรณ์เราก็ได้ลูกหลานท่ีมีศีล 5 ครบ พระพทุ ธศาสนาก็คอื เมตตา ดงั นน้ั เราตอ้ ง ตอนตน้ ซง่ึ กน็ บั เปน็ พระมหากรณุ าธคิ ณุ อยา่ ง บริบูรณ์ เมื่อลูกหลานมีศีล 5 ครบบริบรู ณ์ มีเมตตาซ่ึงกันและกันเราเป็นเพื่อนกัน หาทสี่ ดุ มไิ ด้ เพราะฉะนัน้ ถ้าถามว่า มีความ กจ็ ะเปน็ คนดที พี่ ฒั นาชาตบิ า้ นเมอื งใหม้ คี วาม นค่ี อื สงิ่ ทเี่ ราจะตอ้ งสรา้ งใหช้ าตเิ ราเขม้ แขง็ รู้สึกอย่างไรในการถวายงานก็ขอตอบว่า เจรญิ รงุ่ เรอื งตอ่ ไป แตถ่ า้ คนรนุ่ เราลูกหลาน เพราะฉะนน้ั 1 กตญั ญู 2 ศีล จะต้องมี 2 มีแต่ความจงรักภักดีอย่างไม่มีข้อสงสัย เราไม่มีศีล 5 ความร่�ำรวยก็ไม่มีประโยชน์ อย่างนี้เราต้องเข้มแข็งประเทศชาติ ใดๆ ในทุกประการ ลูกหลานก็จะแตกแยกแบ่งพรรคแบ่งพวก บ้านเมืองของเราจะม่ันคงเจริญรุ่งเรือง การมีกตัญญูของคนเราถือเป็นสิ่ง เพราะไม่มีความกตัญญูล�้ำลึก เพราะฉะน้นั ต่อไป สำ� คญั ยงิ่ บรรพบรุ ษุ ของเราสรา้ งและปกปอ้ ง สง่ิ ทผ่ี มรสู้ กึ กบั พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั พระมหาราชครพู ิธศี รีวิสทุ ธิคุณฯ ไม่ให้ใครเอาชาติของเราไปครอบครอง ในทกุ ๆ รชั กาลจงึ ลว้ นมแี ตค่ วามศรัทธาและ สำ� นักขา่ วหนังสอื พมิ พ์ชยั สมรภูมิ อย่างยากล�ำบาก เพราะฉะน้ันเราจะต้อง กตัญญอู ยา่ งไมม่ ีข้อสงสัยท้ังสิน้ ขอจารึกไว้ในความเคารพรักตลอดไป มีความกตัญญูสูงสุดคือส่ิงท่ีต้องไม่สงสัย โดยเฉพาะอย่างย่ิงสิ่งที่ผมรู้เหมือน ศึกษาให้ลึกซ้ึง เราเป็นมนุษย์บางครั้งราย กับคนไทยทุกๆ คนรู้ก็คือพระองค์ท่านเป็น ชยั สมรภมู ิ 75 ละเอียดอื่นๆ อาจสงสัยใคร่รู้ แต่สิ่งท่ีเป็น หัวใจหลักน้ัน เป็นท่ีประจักษ์แก่ปวงชนชาว ไทยมาช้านานคือ สถาบันพระมหากษัตริย์ ทรงท�ำให้เราเหน็ มาโดยตลอดว่า บ้านเมือง เรายังอย่มู าจนถงึ ปจั จบุ ัน เพราะวา่ พระองค์ ทรงดูแลประชาชนเหมือนกับเป็นลูกหลาน ของพระองค์ท่าน แต่ในปัจจุบันน้ี ถึงแม้ เราเห็น เรากตัญญู แต่เราไปฟังในส่ิงท่ี ไม่ถูกแล้วเช่ือในส่ิงที่ไม่จริง เช่ือในสิ่งที่ เขาโนม้ นา้ ว เชอ่ื ในคำ� ชวนเชอ่ื แมเ้ รารวู้ า่ บรรพบุรุษของเราเป็นคนดีมาตลอด แต่ปัจจุบันถกู สงิ่ ทเี่ ปน็ คำ� โฆษณาชวนเชื่อมัน ท�ำให้เราหลงใหลไปตามค�ำพูดของเขา เขาตอ้ งการให้เราเชอื่ ตามเขา เราควรรจู้ ริง ก่อนว่าส่ิงใดควรเชื่อหรือควรสงสัยหรือไม่ เพราะว่าเราคือบรรพบุรุษในอนาคต เราจะ ทะนุถนอมรักษาบ้านเมืองให้ยืนยาวไปถึง ลกู หลานเราไดอ้ ยา่ งไร กตญั ญใู นทน่ี คี้ อื ความรู้ ไมใ่ ชห่ ลงใหล บางคนเขาหลอก แตเ่ ราไมไ่ ดเ้ ชอื่ หรอื ไมเ่ ชอื่ เราตอ้ งรจู้ รงิ เปน็ สงิ่ ทสี่ ำ� คญั มาก แทท้ จี่ รงิ แลว้ ความกตญั ญตู อ้ งมอี ยู่ ข้างในและการท่ีจะกตัญญูได้ต้องเห็นก่อน ว่าประวัติศาสตร์ท่ีผ่านมายืนยาวถึงปัจจุบัน นกี้ เ็ พราะบรรพบุรษุ ของเราแทๆ้ สิ่งทีท่ �ำให้ เราได้อยไู่ ดม้ ีความสุขอยู่ในวนั น้ี ก็เพราะวา่ ในอดีตได้สร้างส่ิงที่ดีๆ เอาไว้แล้ว ปัจจุบัน
ในหลวง - ราชนิ ีเสดจ็ ฯ พิธีสวนสนาม ถวายสัตยป์ ฏิญาณยงิ่ ใหญส่ มพระเกยี รติ เมื่อเวลา16.00 น.วนั ที่ 18 ม.ค.2563 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเดจ็ พระนางเจา้ ฯพระบรมราชินเี สดจ็ พระราชด�ำเนินไป ในพธิ สี วนสนามถวายสตั ยป์ ฏญิ าณของทหาร-ตำ� รวจเนอื่ งในพระราชพธิ บี รมราชาภเิ ษกพทุ ธศกั ราช2562และวนั กองทพั ไทย ณ ศนู ยก์ ารทหารมา้ คา่ ยอดิศร ต.ปากเพรยี ว อ.เมืองสระบุรี จ.สระบรุ ี 76 ชัยสมรภมู ิ
ชยั สมรภูมิ 77
78 ชยั สมรภมู ิ
ชมุ พร… จงั หวัดหน้าด่านดินแดนปกั ษใ์ ต้ ท่มี ากไปด้วยแหล่งท่องเท่ยี วอันหลากหลาย ท้ังปา่ เขียวเกลียวคล่นื มหศั จรรยแ์ ละวฒั นธรรมอนั นา่ ประทบั ใจ โดยเมอื่ จะนบั จากสถานสภาพทางดา้ นสง่ิ แวดลอ้ มโดยรวมของจงั หวดั ชายทะเลแห่งนแี้ ลว้ ก็จะพบวา่ ยงั คงความอุดมสมบูรณท์ างดา้ นทรพั ยากรธรรมชาติเอาไวอ้ ย่างมากมายไมว่ ่า จะเปน็ ป่าเขา ลำ� เนาไพร สายน�้ำไหลเย็นฉำ�่ สำ่� สตั วต์ วั น้อยใหญ่ น�้ำตก เกาะแก่ง และทอ้ งทะเลสคี รามใสรวม ทั้งวิถชี มุ ชนท่ยี งั คงอัตลักษณเ์ ดน่ เปน็ มนตเ์ สนห่ าเคยี งคปู่ ระตูส่ดู ินแดนใตแ้ หง่ นี้เสมอมา เทย่ี วเมืองชมุ พร ครบวงจรแหง่ ความสุข เมอ่ื เอย่ ถงึ จ.ชมุ พร กค็ งเปน็ ไปไมไ่ ดท้ ี่ ขอพร เสด็จเตย่ี ฯ รับกล่ินไอทะเลที่ เป็นประจ�ำทุกปี โดยจังหวัดชุมพร ร่วมกับ จะไม่มีใครไม่ระลึกถึงคุณงามความดีของ หาดทรายรี เทศบาลตำ� บลปากนำ้� ชมุ พร สมาคมธรุ กจิ การ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากร ศาลเสด็จในกรมฯ หรอื เสดจ็ เตย่ี ตั้ง ทอ่ งเทย่ี วจงั หวดั ชมุ พร และการทอ่ งเทย่ี วแหง่ เกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักด์ิ เด่นอยู่บนเนินเขา ทางทิศเหนือของหาด ประเทศไทย หรือ ททท. ส�ำนกั งาน จ.ชุมพร องคพ์ ระบดิ าของทหารเรอื ไทย โดยภายหลงั ทรายรี สามารถขับรถยนต์ขนึ้ ไปถงึ ตวั ศาล สำ� หรบั โลกใตท้ อ้ งทะเลเมอื งชมุ พรนน้ั จากการสน้ิ พระชนมข์ องพระองค์ ชาวชมุ พร ด้านล่างมีเรือหลวงพระร่วงหันหน้าออก เรียงรายไปด้วยหมู่เกาะน้อยใหญ่ตลอด ได้มีการจัดสร้างศาลและอนุสาวรีย์ของ สทู่ ะเล จงึ เปน็ จดุ ทม่ี องเหน็ ทวิ ทศั นข์ องหาด แนวชายฝง่ั ถงึ 222 กโิ ลเมตร กวา่ 44 เกาะ พระองค์เอาไว้ ณ หาดทรายรี ซึ่งต่อมาจึง ทรายรีได้ชัดเจนตลอดเว้ิงอ่าว จึงถือเป็น ซึ่งจะตระการตาไปกับปะการังนานาชนิด ได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวส�ำคัญของคน สถานท่ีท่องเท่ียวอันศักด์ิสิทธิ์ที่นักท่อง หลากสีสัน ที่เกาะง่ามน้อย เกาะง่ามใหญ่ เมืองพรไปโดยปริยาย เที่ยวนิยมมากราบไหว้ขอพรและพักผ่อน เกาะหลักง่าม เกาะลังกาจิว เกาะมัตตรา หย่อนใจไปในคราวเดยี วกนั เกาะละวะ เกาะแรด เกาะหลักแรด และ ตระการตาหลากสีสันของเกลียว เกาะกลุ า เป็นต้น คล่นื งานเปดิ โลกทะเลชมุ พร โดยกิจกรรมภายในงานจะเน้นสีสัน เมื่อด่ืมด่�ำสัมผัสบรรยากาศและกลิ่น ของโลกทะเล พร้อมกับการส่งเสริมการ ไอชายทะเลกันไปแล้ว จากนั้นจึงลงมาพบ ท่องเที่ยวและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ กับความสวยงามทางธรรมชาติใต้ท้องทะเล หลากหลายรปู แบบ เชน่ การจดั นทิ รรศการ กนั บา้ งในงาน เปดิ โลกทะเลชุมพร ท่ีจัดขึน้ โลกทะเล กจิ กรรมถา่ ยภาพสถานทท่ี อ่ งเทยี่ ว หาดทรายสที องรบั เกลียวคล่นื ริมชายหาดทุ่งววั แล่น ชยั สมรภูมิ 79
ในจังหวัดชุมพร การจัดนิทรรศการแสดง อีกบรรยากาศทส่ี ดช่ืนอีกฟาก...บนยอดเขาหมืน่ ชะนี (หมอน)ี ภาพถ่าย เทศกาลอาหารทะเลสด กิจกรรม ยอ่ มเยาว์ นกั เทย่ี วสามารถพกั คา้ งแรมและทำ� กจิ กรรมทอ่ งเทย่ี วไดอ้ ยา่ งหลากหลาย เชน่ เลน่ นำ้� ดำ� นำ้� เกบ็ ขยะ การปลอ่ ยพนั ธส์ุ ตั วน์ ำ้� หายาก ข่ีจักรยานเที่ยวตลาดปากน�้ำหลงั สวน และเชา่ เรือไปเท่ยี วเกาะพทิ ักษ์ ตลาดย้อนยุคจ�ำหน่ายผลิตภัณฑ์โอทอป แพค็ เกจทวั รร์ าคาพเิ ศษเทศกาลวา่ วนานาชาติ กิจกรรมหุบเขารังนก การแสดงวัฒนธรรม พน้ื บา้ น และกจิ กรรมการแขง่ ขนั กฬี าตกปลา ว่ิงข้ึนเขามัทรี จักรยานแรลล่ีข้ึนเขามัทรี ฟตุ บอลชายหาด เปน็ ต้น และไฮไลต์ส�ำคัญของการจัดงาน โลกทะเลนน้ั กจ็ ะคดั สรรความโดดเด่นมานำ� เสนอกนั เป็นประจ�ำในทุกๆ ปี อยา่ งเชน่ ในปี ทแี่ ลว้ คอื หบุ เขารงั นกจำ� ลองขนาด 20 × 35 × 10.012 เมตร ภายในจดั จำ� ลองบรรยากาศ ถ�้ำรงั นก และบ้านนก พรอ้ มตกแตง่ ด้วยไฟ แสงสี นิทรรศการรังนก นิทรรศการสัตว์ ทะเลมีชีวิต สัตว์ทะเลหายากและสิ่งมีชีวิต ใต้ทะเล นิทรรศการแหล่งท่องเท่ียว นอก จากนี้ยังมีปลาหมึกยักษ์จ�ำลองขนาดความ สงู 5 เมตร ยาว 5 เมตร กวา้ ง 5 เมตร ทจี่ ะ ลอยอยเู่ หนอื ทอ้ งทะเลชมุ พร เพอื่ ดงึ ดดู และ เพ่ิมสีสันให้กับนักท่องเท่ียวที่มาเที่ยวงาน อีกดว้ ย สัมผัสหาดทรายเนียนเล่นทะเลใส ท่หี าดท่งุ วัวแล่น เมื่อกลับขึ้นมาจากท้องทะเลกันแล้ว กย็ งั มหี าดทงุ่ ววั แลน่ ซงึ่ ตงั้ อยหู่ า่ งจาก อ.เมอื ง ไปเพยี งแค่ 16 กม.เทา่ นนั้ โดยลกั ษณะของหาด จะเปน็ หาดทรายสขี าวนวล เมด็ ทรายละเอยี ด ทอดยาวสดุ ตา อกี ทง้ั พน้ื ทชี่ ายหาดยงั มคี วาม ลาดเอยี งเพยี งเลก็ นอ้ ย ภายใตผ้ นื นำ�้ ประกอบ ดว้ ยสาหรา่ ยและทรายละเอยี ดจึงเหมาะแก่ การเลน่ นำ�้ โดยหาดทุง่ ววั แล่นนี้ ก�ำลังเป็น ทีน่ ิยมในหมู่ของนักทอ่ งเที่ยวเป็นอยา่ งมาก ยลวิถีชุมชนชิมอาหารทะเลสดท่ี ปากน้�ำหลังสวน จากนน้ั เมอื่ ออกจากอ.เมอื งกนั มาแลว้ ก็จะพาไปเยี่ยมชมกันที่ ปากน�้ำหลังสวน ซึง่ ตงั้ อยู่ห่างจากตัว อ.หลังสวนไปประมาณ 7 กิโลเมตร เมื่อถึงตลาดปากน�้ำหลังสวน จะมีถนนตัดเลียบชายหาดไปตลอด จนถึง ตำ� บลบางนำ้� จดื รมิ ชายหาดมรี สี อรท์ และรา้ น อาหารทะเลตงั้ อยเู่ ปน็ ระยะ ปากนำ�้ หลงั สวน เป็นแหล่งร้านอาหารทะเลที่อร่อยและราคา 80 ชัยสมรภูมิ
บรรยากาศสวยงามแตะขอบฟา้ สุดยอดเขาหมืน่ ชะนียามเช้า รายรอบสายลมกับฟองคลื่นงาม ชา้ นานกวา่ 100 ปเี ลยทเี ดยี ว โดยงานประเพณี ล่องแพแลนกน�้ำ “ข้ามสะพานไม้ ชมิ อาหารทะเลสด พบกบั ความผอ่ น แหพ่ ระแขง่ เรอื อ.หลงั สวน จ.ชมุ พร จดั เปน็ เคี่ยมชมกวาง” สร้างความสุขใน คลายสบายๆ ทีเ่ กาะพทิ กั ษ์ มรดกทางวฒั นธรรม เพอื่ สรา้ งความสามคั คี ธรรมชาตวิ ถิ ี ส�ำหรับเกาะพิทักษ์ ตงั้ อยบู่ รเิ วณอา่ ว ใหเ้ กดิ ขนึ้ ในชมุ ชน และเปน็ เอกลกั ษณเ์ ฉพาะ สะพานไมเ้ คี่ยมชมกวาง ในโครงการ ท้องครก ต.บางน้�ำจืด อ.หลังหลังสวน อยู่ ทอ้ งถิน่ โดยเฉพาะการขน้ึ โขนชิงธง ที่นาย หนองใหญ่ ต.บางลึก อ.เมอื งชมุ พร ถอื เป็น ในชายฝั่งทะเลอ่าวไทย ห่างจากชายฝั่ง 1 ท้ายเรือต้องถือท้ายเรือให้ตรงเพื่อให้นาย อีกหนึ่งจุดเช็คอินท่ีก�ำลังได้รับความนิยม กิโลเมตร ด้วยบรรยากาศท่ีสงบเงียบและ หัวเรือคว้าธงท่ีทุ่นเส้นชัย โดยการข้ึนโขน เปน็ อยา่ งมากๆ เพราะนอกจากจะเปน็ แหลง่ ความเปน็ ธรรมชาตขิ องเกาะ ตอ่ มาชาวบา้ น เรือเท่านัน้ ดังน้นั จึงถือเป็นประเพณีอนั เปน็ ฟอกปอดของคนเมอื งชมุ พรและชาวจงั หวดั จงึ ไดร้ วมตวั กนั ตง้ั เปน็ ชมุ ชนโฮมสเตย์ ซง่ึ ให้ เอกลักษณ์คัญที่ควรให้การสนับสนุนและ ใกล้เคียงแล้วก็ยังนับเป็นช่องทางเดินท่ี บรกิ าร นกั ทอ่ งเทยี่ วมปี ระมาณ 15 หลงั เพอ่ื อนุลกั ษณเ์ อาไว้เป็นอย่างยง่ิ เปี่ยมล้นไปด้วยจริตจะก้านอันน่ารักน่าหอม ให้นักท่องเที่ยวได้ สัมผัสชีวิตของชาวบ้าน ของธรรมชาติ โดยมที ้ังสายลมเย็นโชยแผว่ โดยมีกิจกรรมสำ� หรับนักท่องเท่ยี ว คอื การ ศึกษาประวัติศาสตร์คนเมืองพร กลิ่นดิน กลน่ิ น�้ำ เสยี งนกรอ้ ง และภาพหมู่ ศกึ ษาวถิ ชี วี ติ ชมุ ชนประมง รบั ประทานอาหาร ชมแหล่งโบราณคดถี ้�ำเขาจฬุ า กวางนบั 100 ตวั ทเ่ี ยอ้ื งยา่ งสวยงามประทบั ทะเลสดๆ มคี ณุ ภาพ รสชาตอิ รอ่ ย ปน่ั จกั รยาน โครงกระดกู มนษุ ย์ พรอ้ มลกู ปดั โบราณ ตาประทบั ใจ โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ กลมุ่ วสิ าหกจิ ชมเกาะพทิ กั ษ์ การลอ่ งเรอื ชมปะการงั นำ�้ ตนื้ จ�ำนวนมากท่ีถูกค้นพบใน ต.เขาทะลุ อ.สวี ชมุ ชน หมู่ 12 ต.บางลกึ ยงั ไดร้ ว่ มแรงรว่ มใจ เกาะพิทักษ์ นับเป็นชุมชนหนึ่งท่ีได้รับการ จ.ชมุ พร หรอื แหลง่ โบราณคดถี ำ้� เขาจฬุ า นน้ั ให้นักท่องเท่ียวได้แทรกร่างอยู่ในธรรมชาติ ยอมรบั วา่ เปน็ ชมุ ชนทมี่ คี วามนา่ สนใจ และ ถือเป็นแหล่งศึกษาประวัติศาสตร์ของชาว กันมากย่ิงข้ึนด้วยการล่องแพชมกวางและ เปน็ เกาะทยี่ งั คงอนรุ กั ษส์ ง่ิ แวดลอ้ มทสี่ วยงาม ปกั ษใ์ ตท้ สี่ ำ� คญั อกี แหง่ หนงึ่ โดยนกั โบราณคดี เสพความงามแห่งธรรมชาติวิถีในพ้ืนกว่า รอบเกาะไวไ้ ดอ้ ยา่ งดเี ยย่ี ม และถอื เปน็ เกาะ ไดใ้ หค้ วามเหน็ วา่ โครงกระดกู ดงั กลา่ วนา่ จะ พนั ไร่ โดยแพ 1 ลำ� สามารถรบั นกั ทอ่ งเทยี่ ว ทต่ี ดิ อกตดิ ใจของนกั ทอ่ งเทย่ี วหลายๆ คนใน มอี ายมุ ากกวา่ 5 พนั ปี ยคุ กอ่ นประวตั ศิ าสตร์ ไดป้ ระมาณ 50 คน เสยี คา่ บรกิ ารแพเทยี่ วละ ขณะนี้ และมีลักษณะคล้ายถูกฝังผ่านพิธีกรรม 1,500 บาท ใชเ้ วลาลอ่ งแพประมาณ 3-4 ชว่ั โมง ซ่ึงจากการส�ำรวจยังพบว่ามี ลูกปัด ก�ำไล โดยผสู้ นใจสามารถตดิ ตอ่ สอบถามไดท้ ่ี ผใู้ หญ่ รว่ มเชยี รเ์ รอื ประเพณี ขนึ้ โขงชงิ ธง เครอ่ื งประดบั ตา่ งๆ รวมถงึ ขา้ วของเครอ่ื งใช้ นอ้ งไดโ้ ดยตรง โทร. 099-356-4582 ยนื ยงคเู่ มอื งชมุ พร อกี จำ� นวนมาก โดยยงั มสี ภาพทส่ี วยงาม และ ออกไปแตะขอบฟ้าพิชิตยอดเขา และเม่ือถึง อ.หลังสวนแล้ว ซึ่งหาก เกอื บจะสมบรู ณเ์ ปน็ อยา่ งมาก ดงั นน้ั จงึ นบั วา่ หม่ืนชะนี โชคดีมาตรงกับช่วงเทศกาลแข่งขันเรือ เป็นอีกแหล่งท่องเท่ียวส�ำคัญที่ก�ำลังไดร้ บั จุดชมวิวเขาหม่ืนชะนี เขาหม่ืนชะนี พายขน้ึ โขนชงิ ธงกจ็ ะไดส้ มั ผสั กบั วฒั นธรรม ความสนใจจากท้ังในส่วนของนักโบราณคดี ตั้งอยู่ท่ี ม.๑ บ้านตาหลัด ต.นาสัก อ.สวี ของชาวชมุ พรในอกี รปู แบบหนงึ่ ซงึ่ ประเพณี นกั ประวตั ศิ าสตร์ และนกั ทอ่ งเทยี่ วเปน็ อยา่ ง จ.ชมุ พร แหลง่ ทอ่ งเทย่ี วแหง่ ใหมส่ ไตลแ์ บกเป้ ดังกล่าวมีความผูกพันกับชาวบ้านมาอย่าง ยง่ิ เลยทีเดยี ว ชยั สมรภมู ิ 81
เดนิ ปา่ พชิ ติ เขา ควา้ ตะวนั สมั ผสั ไอหมอกแหง่ ของบรรดาคอกาแฟ ทงั้ ชาวไทยและตา่ งชาติ เจดยี ์วดั พระบรมธาตสุ วี (กาว)ี อ.สวี แดนใต้ ท่ามกลางบรรยากาศสวยงามท่ีต้ัง มาเป็นเวลาอยา่ งชา้ นาน ผลไมน้ ายดำ� บอ่ นำ�้ พรุ อ้ นถำ�้ เขาพลู วดั ประเดมิ ตระหง่านโดดเด่นรอคอยนักท่องเที่ยวทุก นอกจากท้ังหมดท่ีกล่าวมาแล้วน้ี วัดเทพเจริญ วัดเจ้าฟ้าศาลาลอย วัดพระ เพศทกุ วยั กา้ วขนึ้ มาเปน็ เจา้ ของหมอกละมนุ ชุมพร ยงั มีแหลง่ ทอ่ งเที่ยวส�ำคญั ๆ ทยี่ ังยก ธาตุสวี (หรอื พระธาตุกาว)ี พระธาตุถ้�ำขวญั ในยามเช้าและคว้าดวงดาวในยามค่�ำคืน ตัวอย่างได้ไม่หมดอีกมากมายหลายแห่ง เมือง และวดั ธรรมถาวร อ�ำเภอทงุ่ ตะโก เป็นก�ำไรในชีวิตท่ีสักครั้งต้องมาช่ืนชม หลายสถานดว้ ยกัน เช่น จดุ ชมววิ เขาเจา้ ซึ่งมพี ระอริยสงฆ์-เกจิชอื่ ดงั ทา่ นมนุ สี าร แค่สักหนที่ขึ้นมาหายใจแล้วเขาหมื่นชะนี เมอื งชมุ พร เขามทั รี เขาดนิ สอ นำ้� ตกกะเปาะ โสภณ (อาจารยต์ ุด) ที่ชาวชุมพรเคารพ- แห่งน้ีจะอยู่ในความทรงจ�ำของท่าน...ตลอด นำ้� ตกคลองเพรา ลอ่ งแพตน้ นำ้� พะโตะ๊ สวน ศรัทธาเดินทางไปขอพรอย่างไม่ขาดสาย ไป นักท่องเที่ยวท่ีสนใจสามารถติดต่อสอบ เป็นต้น ถามได้ที่ อบต.นาสัก โทร. 077-613-484 ทงั้ นี้ สามารถขบั รถยนตข์ นึ้ บนเขาได้ สว่ นการ เดินเท้าระยะทางประมาณ ๒๐๐ เมตรขึ้น ไปยงั ชมจดุ ชมววิ ไดแ้ บบสบายๆ กบั ลมหายใจ ท่สี ดชน่ื และบรสิ ุทธ์ิ ลิ้มรสชาติหอมเข้มข้นโรบัสต้าแท้ 100% ชิมกาแฟเขาทะลุ ทะลักใจ คนกาแฟ “กาแฟเขาทะลุ” มีจุดเด่นก็คือ เป็น กาแฟสายพนั ธโ์ุ รบสั ตา้ แท้ 100% โดยมรี สชาติ เข้มข้น หอมกลิ่นกาแฟค่ัว ซ่ึงรสชาติของ กาแฟ มคี วามโดดเด่นในเรือ่ งของความขม เขม้ หนกั แนน่ และมกี ลนิ่ หอมออกสาป ทเี่ ปน็ เอกลกั ษณเ์ ฉพาะของกาแฟโรบสั ตา้ โดยเกดิ จากกระบวนการผลิตกาแฟแบบแหง้ ซ่งึ ใน ปัจจุบันน้ีได้รับความนิยมเป็นที่ติดอกติดใจ “สะพานไมเ้ คย่ี ม”-แกม้ ลิง จ.ชมุ พร แหลง่ ท่องเทย่ี วใหม่ที่โดง่ ดังทั่วโลก 82 ชยั สมรภูมิ
ส�านึกในพระมหากรุณาธิคุณ เทดิ ทูนสถาบนั พระมหากษัตรยิ ์ และเฉลมิ พระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ วั เนอื่ งในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๓ ดีรวมใจภกั ดิ์ รรู้ กั สามัคคี ผู้ตรวจการแผ่นดิน ทา� ความ ด้วยหวั ใจ พลเอก วทิ วสั รชตะนนั ทน ์ ประธานผตู้ รวจการแผน่ ดนิ นายบรู ณ ์ ฐาปนดลุ ย ์ และนายสมศกั ด ิ์ สวุ รรณสจุ รติ ผตู้ รวจการแผน่ ดนิ พรอ้ มดว้ ยนายรกั ษเกชา แฉฉ่ าย เลขาธกิ ารสา� นกั งานผตู้ รวจการแผน่ ดนิ นายวทญั ญ ู ทพิ ยมณฑา รองเลขาธิการส�านักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน นายศิริพัฒ พัฒกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช รวมทั้ง หน่วยงานและประชาชนในพ้ืนท่ีอ�าเภอปากพนัง และอ�าเภอท่าศาลากว่า ๓,๐๐๐ คน ร่วมกิจกรรมส่งเสริม สภาพแวดล้อมปรบั ภูมทิ ัศน์ปลกู ต้นทองอุไร จา� นวน ๒,๐๐๐ ตน้ ตลอดระยะทาง ๓๐ กิโลเมตรที่เกาะกลางถนนของ ทางหลวงแผน่ ดนิ หมายเลข ๔๐๑๓ และหมายเลข ๔๐๙๔ (ตงั้ แตอ่ า� เภอเมอื งถงึ อา� เภอปากพนงั ) และสรา้ งฝายมชี วี ติ หว้ ยปา่ วา คนื ชวี ติ คนื ดนิ สผู่ นื ปา่ ปนั ใจแกไ้ ขภยั แลง้ ผนกึ แรงแกไ้ ขนา�้ ทว่ ม รวมทง้ั อนรุ กั ษส์ งิ่ แวดลอ้ ม ปลอ่ ยพนั ธป์ุ ลา คนื สธู่ รรมชาต ิ ๑๐๑,๐๑๐ ตัว วนั ที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๖๓ ณ ประตูระบายนา้� อุทกวภิ าชประสิทธิ โครงการพฒั นาพ้ืนทลี่ ุม่ น้า� ปากพนัง อนั เนือ่ งมาจากพระราชด�าริ อ�าเภอปากพนัง และ ห้วยปา่ วา ตา� บลดอนตะโก อา� เภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช
Search