บทท่ี 1 ความรูเ้ บือ้ งต้นเกยี่ วกบั งานอาชพีบทนา ความรู้เบื้องตน้ เกี่ยวกบั งานอาชีพ จะกล่าวถึงเนือ้ หาในเรอ่ื งของมาตรฐานอาชีพ ประวัติความเป็นมา การจัดประเภทมาตรฐานอาชพี วตั ถุประสงค์ ประโยชน์ การดาเนนิ งาน กรอบแนวคิด หลกั การจัดทาโครงสรา้ งการจัดประเภทอาชีพ วิธีการใส่เลขรหัส หลักการให้ชื่ออาชีพ หลักการเขียนนิยามอาชีพปัจจัยของการประกอบอาชีพ ข้อแนะนาในการเลือกอาชีพ การพัฒนาตนเองเข้าสู่งานอาชีพและหลักการปฏิบัติตนในงานอาชีพ เพื่อพัฒนาตนเองให้สอดคลอ้ งกบั มาตรฐานอาชีพต้องศกึ ษาใหไ้ ด้มากท่ีสดุสาระการเรยี นรู้1. ความรู้เก่ียวกับมาตรฐานอาชพี2. โครงสรา้ งการจัดประเภทอาชพี3. การพฒั นาตนเองเข้าสู่อาชีพ4. หลกั การปฏิบัติตนในงานอาชีพจดุ ประสงค์การเรยี นรู้1. บอกความหมายและสาระสาคัญของสมรรณได้2. บอกความหมายมาตรฐานอาชีพได้3. บอกวตั ถปุ ระสงคแ์ ละประโยชนข์ องการจัดทาการจดั ประเภทมาตรฐานอาชีพได้4. อธบิ ายการดาเนินงานการจัดประเภทมาตรฐานอาชีพได้5. อธิบายกรอบแนวคิดในการจัดประเภทมาตรฐานอาชพี ได้6. บอกหลกั การจัดทาโครงสร้างการจัดประเภทอาชีพและวิธีการให้เลขรหัสได้7. บอกหลักการใช้เลขรหสั หลักการให้ชือ่ อาชพี ได้8. บอกหลกั การเขียนนยิ ามอาชพี ได้9. บอกปจั จัยของการประกอบอาชีพได้10.บอกขอ้ แนะนาในการเลือกอาชพี ได้11.จาแนกการพัฒนาตนเองเข้าสงู่ านอาชีพได้12.จาแนกหลักการปฏิบตั ติ นในงานอาชีพได้1.สมรรถนะ คอื คุณลักษณะเชงิ พฤติกรรมทท่ี าใหบ้ คุ คลในองค์กรปฏบิ ัติงานไดโ้ ดดเดน่ กวา่ บุคคลอืน่
2.ความเป็นมา การจัดประเภทมาตรฐานอาชีพ (ประเทศไทย) เดิมเป็นภารกิจของกรมแรงงาน กระทรวงมหาดไทยจัดพิมพ์เผยแพร่ครั้งแรก เมื่อ พ.ศ. 2512 โดยใช้หลักเกณฑ์การจัดแบ่งหมวดหมู่ และกาหนดรหัสตามการจัดประเภทมาตรฐานอาชีพสากล (International Standard Classification of Occupations : ISCO) ขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ (International Labour Organization : ILO) ทั้งน้ีเพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บ สถิติด้านแรงงานและสามารถเปรยี บเทยี บขอ้ มูลกบั นานาประเทศได้อยา่ งเปน็ สากล ปัจจุบันการจัดประเภทมาตรฐานอาชีพ (ประเทศไทย) เป็นภารกิจของกระทรวงแรงงาน โดยกรมการจัดหางานท่ีเป็นหน่วยงานหลักในการดาเนินการจัดทาข้อมูลและ กาหนดรหัสหมวดหมู่อาชีพตามหลักเกณฑ์เดียวกับการจัดประเภทมาตรฐานอาชีพสากล (ISCO) ซึ่งทาง ILO ได้ทาการปรับปรุง ISCO มาแล้ว 2 คร้ัง คร้ังลา่ สดุ คอื ปี 1988 ซึ่งเปน็ ฐานของการจัดประเภทมาตรฐานอาชพี ของไทยในปัจจุบัน3.วตั ถปุ ระสงค์ การจดั ทาการจดั ประเภทมาตรฐานอาชพี (ประเทศไทย) ในคร้งั น้ีมีวัตถปุ ระสงค์ ดงั นี้- เพ่อื ปรับปรงุ ข้อมูลอาชพี ของประเทศไทยให้ถกู ต้องและสมบรู ณ์ยงิ่ ขึ้น รวมท้ังเพ่อื ให้สอดคล้องกับการจัดประเภทมาตรฐานอาชพี สากลที่ไดม้ กี ารปรับปรงุ ใหม่- เพ่ือให้หน่วยงานภาครัฐ เอกชน และบุคคลท่ัวไปมีความรู้ความเข้าใจท่ีถูกต้องเกี่ยวกับข้อมูลอาชีพ และสะดวกแก่การนาไปใชป้ ระโยชน์- เพื่อเพมิ่ ประสิทธผิ ลของการจัดเก็บข้อมลู ที่เก่ียวข้องกับอาชพี- เพ่ือใชเ้ ปน็ ฐานข้อมลู อาชพี ของประเทศไทย4.ประโยชน์ กรมการจัดหางานได้ดาเนินการจัดทาการจัดประเภทอาชีพเพ่ือให้หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนได้มีความเข้าใจที่ถูกต้องตรงกันในเรื่องอาชีพ และเพ่ือการนาข้อมูล ไปใช้ประโยชน์ในด้านต่าง ๆ ท่ีเก่ียวข้องกับกา รบริหารงานดา้ นแรงงาน เช่น การกาหนดค่าจา้ ง การแนะแนวอาชีพ การฝกึ อบรม การจ้างงาน รวมถงึ การวเิ คราะห์การเจบ็ ป่วยหรอื เสยี ชีวติ ท่ีเกิดข้ึนจากอาชพี การทีม่ ่ีระบบฐานขอ้ มลู เดียวกันสามารถจะนาข้อมูลสถิตไิ ปอ้างองิ และเปรยี บเทยี บไดท้ ัง้ ในระดบั หนว่ ยงานและกับระดับประเทศ5.การดาเนินงาน เนื่องจากองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (International Labour Organization) ซ่ึง เป็นผู้รับผิดชอบดาเนินการ ได้มีการปรับปรุงและเปล่ียนแปลงโครง สร้างการจดั ประเภทมาตรฐานอาชีพ (ISCO) ประกอบกับการ
เปลี่ยนแปลงและการพัฒนาเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของประเทศไทย ทาให้ประเทศไทยต้องทาการ ปรับปรุงข้อมลู อาชพี ใหท้ นั สมยั และสอดคลอ้ งกับการจดั ประเภทมาตรฐานสากล6.การจัดประเภทมาตรฐานอาชพี ประเทศไทยฉบับนี้ใช้เอกสารการจัดประเภทมาตรฐานอาชีพสากล ฉบับปี 1988 ขององค์การแรงงานระหวา่ งประเทศ เปน็ หลักและ แนวทางในการดาเนนิ งาน โดยกรมการจดั หางาน ได้ดาเนินการดงั นี้- แปลและศึกษาข้อมูลจากเอกสาร International Standard Classification of Occupation (ISCO) ปี 1988ซึ่งไดม้ กี ารเปลย่ี นแปลงโครงสร้างให้ เหมาะสมกบั สภาพขอ้ เทจ็ จรงิ- สารวจและเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลอาชีพจากกจิ การและสถานประกอบการต่าง ๆ ในประเทศ- ศึกษาข้อมูลจากเอกสารต่าง ๆ เพ่ิมเติม เช่น เอกสารหลักสูตรการเรียนการสอนในระดับต่างๆ เอกสารประกอบการจัดทาโครงสรา้ งอัตรากาลงั และตาแหนง่ งาน ในหนว่ ยงานภาครฐั- เอกชน รวมทัง้ การคน้ หาข้อมูลทางอนิ เทอร์เน็ต เปน็ ต้น- วเิ คราะห์และเขียนร่างนิยามอาชพี- ประชุมผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาอาชีพต่าง ๆ ที่ได้รับการแต่งต้ังเป็นคณะอนุกรรมการที่ปรึกษาเพื่อการปรับปรุงการจัดประเภทมาตรฐานอาชีพเฉพาะสาขา เพ่ือ พิจารณาตรวจแก้ไขร่างและให้คาแนะนา รวมทั้งข้อมูลเพ่ิมเติมก่อนนาเสนอคณะกรรมการท่ีปรกึ ษาเพื่อปรับปรงุ การจดั ประเภทมาตรฐานอาชีพและอุตสาหกรรม7.กรอบแนวคดิ งาน (job) หมายถงึ ภารกิจ (Task) หรือหนา้ ที่ (duties) ทต่ี ้องปฏิบตั ิงานหลายงาน ทม่ี ีลกั ษณะคล้ายคลึงกนั รวมกันเขา้ เปน็ อาชีพ อาชีพ หมายถึง งานซ่ึงบุคคลใดบุคคลหนึ่งปฏิบัติอยู่ไม่หมายรวมถึงอุตสาหกรรม กิจการ สถานะการทางาน หรือประสบการณใ์ นการทางาน ของผูป้ ฏบิ ตั ิงาน การจัดประเภทมาตรฐานอาชีพสากลได้นาเอาทักษะ (skill) ซึ่งหมายถึง ความสามารถในการทางานที่ได้รับมอบหมายให้สาเร็จ มาพิจารณาโดยดูถึงระดับของ ทักษะ (skill level) และทักษะเฉพาะด้าน (skillspecialization) แบ่งทักษะออกเป็น 4 ระดับ โดยใช้ระดับการศึกษาเป็นตัวแบ่งหรืออธิบายถึงความสามารถ แต่ทง้ั น้ี มิได้หมายความวา่ การทางานท้ังหมดนั้นต้องได้รับการศึกษาจากสถานศึกษาหรือการศึกษาในระบบ (FormalEducation) เท่าน้ัน แต่อาจจะได้ทักษะจากการฝึกอบรม อย่างไม่เป็นทางการ (Informal Training) หรือจากประสบการณ์การทางาน (Experience) ก็ได้ทักษะที่ต้องการเพียงแต่สามารถปฏิบัติงานหรือทาหน้าที่ได้ โดยไม่คานึงว่า ผู้ประกอบอาชีพน้ันจะมีทักษะในการทางานมากหรือน้อยกว่าบุคคลอ่ืนที่อยู่ในอาชีพเดียวกันตามทักษะทงั้ 4 ระดับท่ีเปรียบเทียบกบั การศึกษาของไทยแล้วเป็นดงั นี้
1. ทักษะระดบั ที่ 1 หมายถึง ผู้ที่จบการศึกษาในระดับประถมศึกษา2. ทกั ษะระดบั ที่ 2 หมายถงึ ผู้ทจี่ บการศึกษาในระดบั ชัน้ มัธยมศึกษา3. ทักษะระดบั ท่ี 3 หมายถงึ ผู้ท่ีจบการศึกษาในระดบั ชนั้ มัธยมศกึ ษาสายอาชพี ปวช. ปวส. อนุปรญิ ญา4. ทกั ษะระดบั ท่ี 4 หมายถงึ ผู้ที่จบการศึกษาตงั้ แต่ปรญิ ญาตรีขนึ้ ไปโครงสร้างการจดั ประเภทอาชีพ กรมการจัดหางาน ได้จัดแบ่งโครงสร้างการจัดประเภทมาตรฐานอาชีพ (ประเทศไทย) โดยใช้หลักเกณฑ์การจัดแบ่งประเภทอาชพี เช่นเดียวกับการจัดประเภท มาตรฐานอาชพี สากล ปี 2531 (International StandardClassification of Occupations 1988 : ISCO) โดย ISCO จะจัดแบ่งจัดประเภทอาชีพ ออกเป็น หมวดใหญ่(major) หมวดยอ่ ย (sub major) หมู่ (group) และหน่วย (unit) เทา่ นน้ั ในระดบั ตวั อาชพี (Occupation) จะเป็นหน้าที่ของแต่ละประเทศในการ พิจารณาจัดจาแนกและจัดทารายละเอียดอาชีพซึ่งจะแตกไปตามโครงสร้างเศรษฐกิจและตลาดแรงงานของแต่ละประเทศ1.หลกั การจัดทาโครงสร้าง การจดั จาแนกประเภทอาชพี จะจดั แบง่ เป็นกลมุ่ ในระดบั ต่าง ๆ และกาหนดเลขรหัสในแต่ละระดบั ด้วยเลขตง้ั แต่ 1 - 6 หลกั โดยเลขรหัสอาชพี แต่ละหลักจะแสดงถงึ ความสัมพันธร์ ะหวา่ งอาชีพและกลมุ่ อาชีพท่ีเกี่ยวข้องกนัหลักการจัดทาโครงสรา้ งการจัดประเภทอาชพี และวิธีการให้เลขรหัสมดี งั นี้ 1.1 หมวดใหญ่ (major) เป็นกลุ่มอาชีพท่ีใหญ่ท่ีสุด จัดแบ่งออกเป็น 10 หมวดใหญ่ แทนด้วย เลขรหัสหลักที่ 1 1.2 หมวดย่อย (sub major) เป็นกลุ่มอาชีพท่ีแบ่งย่อยจากหมวดใหญ่ จัดแบ่งออกเป็น 28 หมวดย่อยแทนด้วยเลขรหสั หลักที่ 1 และ 2 1.3 หมู่ (group) เป็นกลุ่มอาชีพท่ีแบ่งย่อยจากหมวดย่อย จัดแบ่งออกเป็น 116 หมู่ แทนด้วยเลขรหัสหลกั ท่ี 1 ถึง 3 1.4 หน่วย (unit) เป็นกลุ่มอาชีพที่แบ่งย่อยจากหมู่ จัดแบ่งออกเป็น 391 หน่วย แทน ด้วยเลขรหัสหลักที่ 1 ถงึ 4 1.5 ตัวอาชีพ (occupation) เป็นอาชีพท่ีถูกจาแนกเข้าไว้ในกลุ่มอาชีพระดับหน่วย แทนด้วยเลขรหัสหลักที่ 1 - 6 โดยแยกตัวเลขหลักที่ 5 และ 6 ออกจาก 4 หลักแรกด้วย จุดทศนิยม ซ่ึงตัวอาชีพถูกจัดรวมเข้าไว้ในหนว่ ยอาชีพนัน้
2.หลกั การใชเ้ ลขรหัส ในช่วงระหว่างการดาเนินการจัดทาการจัดประเภทมาตรฐานอาชีพ (ประเทศไทย) ได้มีผู้เช่ียวชาญจากองคก์ ารแรงงานระหว่างประเทศ คือ Mr. Edwin Hoffman ซง่ึ เปน็ ผทู้ ี่รว่ มดาเนินการปรบั ปรุงและจดั ทาขอ้ มูลการจดั ประเภทมาตรฐานอาชีพสากลมาให้ความรู้และอธิบายถึงหลักเกณฑ์โครงสร้างการจัดประเภทมาตรฐาน อาชีพสากล และได้เน้นย้าให้ประเทศสมาชิกที่นา ISCO ไปปรบั ใช้ให้กาหนดเลขรหสั ต้ังแตร่ ะดับหมวดใหญ่ (major) ถึงหน่วย (group) เป็นเลขรหสั เดียวกบั สากล โดย แต่ละประเทศสามารถจะเพิ่มเลขรหสั ตง้ั แต่ระดบั หมวดย่อยถงึ หมู่ได้แต่ต้องไม่เป็นเลขรหัสที่ซ้ากับเลขรหัสสากล และหากเลขรหัสในระดับใดก็ตามไม่ปรากฏกลุม่ อาชีพ ในประเทศน้ันก็สามารถจะคงเลขรหัสไวห้ รือขา้ มเลขรหัสน้ันไปได้ โดยต้องไม่นากลุ่มอาชีพถัดไปหรือกลุ่มอาชีพท่ีเพิ่มเตมิ เข้ามาใชเ้ ลขรหสั ดังกล่าว ทั้งน้เี พือ่ มใิ ห้เกดิ ความสบั สนของเลขรหสั ทีเ่ ปน็ สากล- การให้เลขรหัสของการจัดประเภทมาตรฐานอาชีพ (ประเทศไทย) ฉบับน้ีตั้งแต่เลขรหัสระดับหมวดใหญ่ หมวดย่อย หมู่และหน่วยจะให้เลขรหัสเหมือนกับของ การจัดประเภทมาตรฐานอาชีพสากล (ฉบับปี 2531) ทั้งน้ีเพ่ือให้เป็นไปตามขอ้ เสนอแนะและเพื่อใหข้ ้อมูลสามารถเปรยี บเทยี บกบั นานาประเทศได้- การให้เลขรหัสในหมู่อาชีพ (group เลขรหัส 4 หลัก) ซึ่งลงท้ายด้วยเลข 9 หมายถึง อาชพี อื่น ๆ ซ่งึ ไม่สามารถจัดประเภทไว้ในหมู่อาชีพใด ๆ จะมารวมกันไว้ใน หมู่อาชีพนี้- การให้เลขรหัสตัวอาชีพ (occupations : เลขรหัสตัวที่ 5 และ 6) ซึ่งแสดงถึงตัวอาชีพที่อยู่ในหน่วยอาชีพใดหน่วยอาชีพหนึ่งนั้น จะให้เลขรหัสเรียงไปตาม ลาดับ โดยปกติจะมีช่วงห่างระหว่าง 10 , 20 , 30 ทั้งน้ีขึ้นอยู่กับจานวนตัวอาชีพที่มีอยู่ในหน่วยอาชีพเดียวกัน ถ้าช่วงห่างระหว่างเลขรหัสอาชีพในหน่วยอาชีพสั้นแสดง ให้เห็นว่าอาชีพเหล่านน้ั มคี วามสัมพนั ธก์ นั อยา่ งใกลช้ ดิ ย่ิงกวา่ อาชีพอืน่ ๆ ท่ีอยู่ในหน่วยอาชีพเดียวกัน เช่น อาจเปน็ 10 , 15หรือ 10 , 12 , 14 , 16 , 18 เปน็ ต้น- เลขรหัสสองตัวสุดท้ายของตัวอาชีพ เลขรหัสหลักที่ 5 ที่ลงท้ายด้วย 10 แสดงให้เห็นว่า อาชีพน้ันเป็นอาชีพที่มีลักษณะงานแบบท่ัว ๆ ไปหรือลักษณะงานของ อาชีพน้ันครอบคลุมไปหมดทุกอาชีพที่อยู่ในหน่วยเดียวกันไม่ได้ทางานหรือมคี วามชานาญงานด้านใดด้านหน่ึงโดยเฉพาะ- เลขรหัสสองตัวสุดท้ายของตัวอาชีพ เลขรหัสหลักที่ 5 ท่ีลงท้ายด้วย 90 หมายถึง ผู้ที่ปฏิบัติงานเบ็ดเตล็ด ซ่ึงเก่ียวข้องกับอาชีพอื่น ๆ ในหน่วยอาชีพ เดียวกัน แต่เป็นงานซ่ึงไม่มีความสาคัญเพียงพอท่ีจะจัดประเภทออกเป็นตัวอาชีพเลขรหัสหลักที่ 5 ได้3.หลักการให้ช่ืออาชีพ สาหรับชื่อของกลุ่มอาชีพ ต้ังแต่ระดับหมวดใหญ่ถึงหน่วยอาชีพนั้นจะใช้ตามอย่างมาตรฐานสากล คือหมวดใหญ่ ใหช้ อื่ ทแ่ี สดงให้เห็นถึงลักษณะงาน ซึ่งบุคคลนั้นทาอยู่ เช่น งานจัดการ งานที่ต้องใชว้ ิชาชีพ งานบริการงานเสมยี น พนักงานหรืองานทาง ดา้ นการเกษตรหรอื อตุ สาหกรรม ฯลฯ
หมวดย่อย ให้ชื่อกลุ่มอาชีพท่ีจาแนกย่อยจากหมวดใหญ่โดยจะแสดงถึงลักษณะงานที่จาแนกออกเป็นส่วน ๆ ชดั เจนขึ้น หมู่ จะเป็นช่ือกลุ่มอาชีพท่ีจาแนกย่อยจากหมวดย่อยและแสดงถึงลักษณะงานท่ีขีดวงจากัดขึ้น อาจใช้ช่ืออย่าง เดยี วกับหนว่ ยอาชพี ซงึ่ อยู่ในหมู่น้นั โดยรวม ช่ือหนว่ ยอาชพี ทกุ หน่วยหรือเพียงบางหนว่ ย หนว่ ย เปน็ กลุม่ อาชีพทีจ่ าแนกย่อยจากหมู่และช่อื จะแสดงถึงกล่มุ ตัวอาชีพท่ีอย่ใู นหน่วยอาชีพนน้ั ๆ ตวั อาชีพ เป็นหน่วยที่เล็กท่ีสุด จาแนกย่อยจากหน่วยอาชีพ การให้ช่ือตวั อาชีพและกลุ่มอาชพี น้ีไดใ้ ช้ชื่อซ่ึงเป็นช่ือ สากลหรือใช้เรยี กอย่างเป็นทางการ และ เปน็ ที่เข้าใจกันโดยท่วั ไป แต่อยา่ งไรก็ตามไดพ้ ยายามรวบรวมและใสช่ ่ือท่ี ใชเ้ รียกกันในท้องถนิ่ หรอื ในตลาดแรงงานกากบั ไวด้ ว้ ย เพื่อสะดวกแกผ่ ูใ้ ชป้ ระโยชน์ 4.หลกั การเขียนนิยามอาชีพ นิยามอาชีพของกลุ่มอาชีพในระดับ หมวดใหญ่ หมวดย่อย หมู่และหน่วยน้ัน ส่วนใหญ่เป็นนิยามอาชีพท่ี ทาการคัดลอกจากนิยามอาชีพสากล โดยผ่านการ พิจารณาและปรับให้เข้ากับสภาพข้อเท็จจริงของประเทศ ซ่ึง นิยามแตล่ ะกลุ่มจะแสดงถึงความหมายของหนา้ ที่และลักษณะงานของกล่มุ อาชีพนน้ั นิยามอาชีพในเอกสารฉบับนี้ ได้ผ่านการพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาอาชีพต่าง ๆ ท่ีได้สละท้ังเวลา ความรู้และความสามารถในการช่วยแกไ้ ขร่าง พร้อมให้ขอ้ เสนอแนะจนไดน้ ิยามอาชีพแต่ละอาชีพโดยมีรูปแบบการ เขยี นนยิ ามอาชีพ ดงั นี้ นิยามของตัวอาชีพแต่ละตัวจะแสดงถึงลักษณะงานอาชีพที่ต้องปฏิบัติ โดยแยก เน้ือหาออกดังนี้ ใน ประโยคแรกจะเป็นการอธิบายถึงลักษณะหน้าท่ีงานหลัก ของตัวอาชีพซึ่งจะจบด้วยเครื่องหมาย : ประโยคหลัง เคร่อื งหมาย : จะเปน็ การบรรยายลักษณะงานหรือการปฏิบัติ ซงึ่ ในบางหน่วยอาชพี จะบรรยายตามลาดบั ขนั้ ตอน งานและแยกประโยคด้วยเคร่ืองหมาย \",\" บางอาชีพมีการบรรยายถึงลักษณะงานส่วนย่อยซ่ึงบางคนอาจทางาน สว่ นน้ีอยู่ด้วยหรือไม่ขึน้ กบั ขนาดของสถาน ประกอบการหรอื องค์กร และจะขึ้นตน้ ประโยคด้วยคาวา่ \"อาจ\" ปัจจัยหลกั ของการประกอบอาชพี สิง่ สาคัญของการเริ่มต้นประกอบอาชีพอิสระ จะต้องพิจารณาวา่ จะประกอบอาชีพอิสระอะไร โอกาสและ ความสาเร็จมีมากน้อยเพียงไร และจะต้อง เตรียมตัวอย่างไรจึงจะทาให้ประสบผลสาเร็จ ดังนั้น จึงต้องคานึงถึง ปจั จัยหลกั ของการประกอบอาชพี ได้แก่ 1. ทุน คือ ส่ิงท่ีเป็นปจั จยั พ้ืนฐานของการประกอบอาชีพใหม่ โดยจะต้องวางแผนและแนวทางการดาเนิน ธุรกจิ ไวล้ ่วงหนา้ เพื่อที่จะทราบวา่ ต้อง ใช้เงินทุนประมาณเท่าไร บางอาชีพ ใช้เงินทุนน้อยปัญหายอ่ มมีน้อย แต่ถ้า เป็นอาชีพท่ีต้องใชเ้ งินทุนมากจะต้องพิจารณาว่ามที ุนเพียงพอหรอื ไม่ ซ่ึงอาจ เปน็ ปัญหาใหญ่ ถ้าไมพ่ อจะหาแหล่ง
เงินทุนจากท่ีใด อาจจะได้จากเงินออม หรือจากการกู้ยืมจากธนาคาร หรือสถาบันการเงินอ่ืน ๆ อย่างไรก็ตาม ในระยะแรกไมค่ วรลงทนุ จนหมดเงนิ ออมหรอื ลงทุนมากเกนิ ไป 2. ความรู้ หากไม่มีความร้เู พียงพอ ต้องศึกษาขวนขวายหาความรู้เพ่ิมเติม อาจจะฝึกอบรมจากสถาบันที่ให้ความรู้ด้านอาชีพ หรือ ทางานเป็นลูกจ้างหรือทดลองปฏิบัติด้วยตนเอง เพื่อให้มีความรู้ ความชานาญ และมีประสบการณใ์ นการประกอบอาชีพนัน้ ๆ 3. การจัดการ เป็นเรื่องของเทคนิคและวิธีการ จึงต้องรู้จักการวางแผนการทางานในเรื่องของตัวบุคคลที่จะร่วมคิด รว่ มทาและรว่ มทนุ ตลอดจนเครอ่ื งมือ เครื่องใช้และกระบวนการทางาน 4. การตลาด เป็นปัจจัยท่ีสาคัญมากที่สุดปัจจัยหนึ่ง เพราะหากสินค้าและบริการท่ีผลิตข้ึน ไม่เป็นที่นิยมและไม่สามารถสร้างความพอใจให้แก่ผู้บริโภคได้ก็ถือว่ากระบวนการท้ังระบบไม่ประสบผลสาเร็จ ดังน้ันการวางแผนการตลาด ซึ่งปัจจุบันมีการแข่งขันสูง จึงควรได้รับความสนใจในการพัฒนา รวมท้ัง ต้องรู้และเข้าใจในเทคนิคการผลิต การบรรจุและการหีบห่อ ตลอดจนการประชาสัมพันธ์ เพ่ือให้สินค้าและบริการของเราเป็นท่ีนิยมของลูกคา้ กลมุ่ เปา้ หมาย ตอ่ ไปการพฒั นาตนเองในงานอาชีพ อาชีพ หมายถึง การเลี้ยงชีวิต การทามาหากิน งานที่ทาเป็นประจาเพื่อเล้ียงอาชีพ ซึ่งในปัจจุบนั มีอาชีพมากมาย เชน่ การทานา การทาสวนการทาไร่ นกั แสดง นักธรุ กิจ การพัฒนาตนเอง หมายถึง การท่ีบุคคลกาหนดวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายในชีวิตของตนเองไว้ล่วงหน้าและหาวิธพี ฒั นาการดาเนินชวี ิตใหบ้ รรลเุ ป้าหมายท่วี างไว้ การพัฒนาตนเองในงานอาชีพ หมายถึง การพัฒนาความรู้ ความสามารถของตนเองให้ดีขึ้นทั้งร่างกายจติ ใจ อารมณ์ และสังคม เพอื่ ให้คนเปน็ สมาชกิ ทีม่ ปี ระสิทธิภาพของสงั คม และเป็นประโยชน์ตอ่ ผอู้ ื่น ตลอดจนเพ่ือการดารงชีวิตของตนเองอย่างมีความสขุความสาคัญของการพัฒนาตนเองในงานอาชีพ1. ความสาคัญต่อตนเอง 1.1 เตรยี มตนเองใหพ้ ร้อมทกุ ด้าน 1.2 ปรับปรุงสิ่งที่บกพร่อง และพัฒนาพฤติกรรมให้เหมาะสม ขจัดคุณลักษณะท่ีไม่ต้องการออก พร้อมเสริมสรา้ งคณุ ลกั ษณะทีส่ ังคมตอ้ งการ 1.3 วางแนวทางให้พัฒนาไปสู่เปา้ หมายดว้ ยความมัน่ ใจ
2. ความสาคัญต่อบคุ คลอ่นื 2.1 การปรบั ปรงุ และพัฒนาตนเองจงึ เป็นการเตรียมตวั เพอ่ื สรา้ งสิ่งแวดล้อมทีด่ ีตอ่ ผทู้ ีต่ ดิ ต่อดว้ ย 2.2 เป็นตัวอยา่ งอา้ งอิงใหเ้ กดิ การพัฒนาแก่บคุ คลอ่นื3. ความสาคญั ต่อสังคม 3.1 แขง่ ขันในเชงิ คุณภาพและประสิทธภิ าพกับสังคมอน่ื ได้สูงข้ึน 3.2 ขจัดปัญหาตา่ ง ๆ ที่เกิดขึน้ อันทาใหเ้ กิดความกา้ วหนา้ ทั้งต่อตนเองและสงั คมคุณสมบตั ขิ องบคุ คลในการพัฒนาตนเอง1. มีความกระตือรือรน้2. มีมนุษยสมั พันธ์ทดี่ ีตอ่ กนั3. ต้องพัฒนาทางร่างกาย4. เหน็ ส่วนดขี องบคุ คลอนื่ มากกว่าข้อบกพร่อง5. ตอ้ งพัฒนาทางสังคม6.ต้องพัฒนาทางเชาวนป์ ญั ญา
Search
Read the Text Version
- 1 - 8
Pages: