ลำดบั ที่ ชือ่ หน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐานการ สาระสำคญั เวลา นำ้ หนัก เรียนรู้/ตวั ชว้ี ัด (ชัว่ โมง) คะแนน 5 การออกแบบงาน ศ 1.1 ม.4-6/5 การสรา้ งสรรค์งานทัศนศลิ ป์ด้วย 8 ทัศนศลิ ป์ ม.4-6/6 เทคโนโลยตี ่างๆ พงึ ใชห้ ลกั การออกแบบ และการจัดองค์ประกอบศิลป์ อกี ทั้งยังต้องออกแบบใหผ้ ลงานมีความ นา่ สนใจ มคี วามคิดสรา้ งสรรค์ สอดคล้องกบั โอกาสและสถานที่ รวมท้ัง ตรงกบั วตั ถุประสงคท์ ่ีตั้งไวด้ ว้ ย จึงจะทำ ให้ผลงานมีความสมบรู ณ์ 6 แฟ้มสะสมผลงาน ศ 1.1 ม.4-6/9 การจดั ทำแฟม้ สะสมผลงานทัศนศิลป์ 4 ทศั นศิลป์ อย่างเปน็ ระบบ ยอ่ มทำให้ได้ข้อมูล สำคัญท่ีสะทอ้ นความรคู้ วามสามารถของ เจา้ ของแฟ้ม รวมเวลาเรยี นตลอดทั้งปี 40 100
คำอธบิ ายรายวิชา รายวิชา ดนตรี กลุ่มสาระการเรยี นร้ศู ลิ ปะ ช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ 5 ภาคเรยี นที่ รหสั วชิ า ศ เวลา 40 ช่ัวโมง/ปี ศกึ ษาและฝกึ ทกั ษะทางดนตรผี า่ นกระบวนการอธิบาย อา่ น เขยี น โนต้ ดนตรไี ทยและสากล ในอัตราจงั หวะต่างๆ ร้องเพลง หรือเล่นเครื่องดนตรีเดี่ยวและรวมวง โดยเน้นเทคนิคการแสดงออกและคุณภาพของการแสดง จำแนก ประเภทและรูปแบบของวงดนตรีทั้งไทยและสากล อธิบายเหตุผลที่คนต่างวัฒนธรรมสร้างสรรค์งานดนตรีแตกต่างกัน สร้างเกณฑ์สำหรับประเมินคุณภาพการประพันธ์และการเล่นดนตรีของตนเองและผู้อื่นได้อย่างเหมาะสม นำดนตรีไป ประยุกต์ใช้ในงานอื่นๆ วิเคราะห์สถานะทางสังคมของนักดนตรีในวัฒนธรรมต่างๆ เปรียบเทียบลักษณะเด่นของดนตรี ในวัฒนธรรมตา่ งๆ อธบิ ายบทบาทของดนตรีในการสะทอ้ นแนวความคิดและค่านยิ มทเี่ ปลย่ี นไปของคนในสังคม โดยใช้ทักษะกระบวนการทางดนตรี ในการแสดงออกทางดนตรีและนาฏศิลป์อย่างสร้างสรรค์ การวิเคราะห์ วิพากษ์วจิ ารณค์ ณุ คา่ งานดนตรีและนาฏศิลป์ เพื่อให้เห็นคุณค่างานดนตรีที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถ่ิน และเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างดนตรี กบั ประวัตศิ าสตร์และวฒั นธรรม และการนำความรไู้ ปประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวติ ประจำวัน ตวั ช้ีวดั ม.4-6/3 ม.4-6/4 ม.4-6/5 ม.4-6/6 ม.4-6/8 ศ 2.1 ม.4-6/2 ม.4-6/3 ม.4-6/4 ศ 2.2 ม.4-6/2 รวม 9 ตัวชี้วดั
โครงสร้างรายวิชา วิชาดนตรี ม.5 ลำดับท่ี ชอ่ื หน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการ สาระสำคญั เวลา นำ้ หนัก 1 ความรทู้ วั่ ไปเกย่ี วกบั เรยี นรู้/ตวั ชี้วดั (ชว่ั โมง) คะแนน ดนตรีไทย ศ 2.1 ม.4-6/8 ดนตรีไทย เป็นศาสตรท์ างศิลปะท่มี ี 7 2 ดนตรีพืน้ บ้านของ ศ 2.2 ม.4-6/2 คุณค่า ไทย ต่อคนในสงั คมไทย ซ่งึ สามารถนำไป 3 การปฏิบัตดิ นตรีไทย ประยกุ ตเ์ พอ่ื นำไปใช้กับงานอื่นๆ และ ยงั แสดงถึงสถานะทางสังคมของนกั 4 ความรทู้ ่วั ไปเกยี่ วกบั ดนตรีในวฒั นธรรมตา่ งๆ ดนตรีสากล ศ 2.1 ม.4-6/3 ดนตรพี ื้นบ้านของไทย เปน็ การ 7 5 การปฏบิ ตั ดิ นตรี ศ 2.2 ม.4-6/2 สรา้ งสรรค์งานดนตรีของคนในแตล่ ะ สากล ม.4-6/3 วัฒนธรรมซึ่งต้องอาศัยการวเิ คราะห์ สถานะทางสงั คมของนกั ดนตรี และการ เปรียบเทยี บลกั ษณะเด่นของดนตรี พนื้ บา้ นในแต่ละวฒั นธรรมที่ตา่ งกัน ศ 2.1 ม.4-6/5 ดนตรไี ทยเป็นศาสตรท์ างศลิ ปะทต่ี ้อง 10 ม.4-6/6 เรยี นรูต้ ง้ั แต่ ขนบธรรมเนยี ม รอ้ ง และบรรเลงดนตรีไทย และยงั นำมาเป็น เกณฑ์พ้ืนฐานในการประเมนิ คณุ ภาพ ทางดนตรีไทย ศ 2.1 ม.4-6/2 การเรียนร้เู ก่ยี วกบั ประเภทของเพลง 7 ม.4-6/8 สากล และประวัติสังคีตกวดี นตรีสากล ศ 2.2 ม.4-6/2 จะทำให้เขา้ ใจภาษาของดนตรแี ละ ม.4-6/4 สามารถนำดนตรสี ากลไปประยกุ ต์ใชก้ บั งานอื่นๆ ได้ ศ 2.1 ม.4-6/4 การอา่ นและเขยี นโนต้ สากลในอตั รา 9 ม.4-6/5 จังหวะต่างๆ ได้ จะทำให้รอ้ งเพลงหรือ เลน่ เครื่องดนตรีแบบเดีย่ วหรือรวมวงได้ ถกู ต้อง
คำอธบิ ายรายวิชา รายวชิ า นาฏศลิ ป์ กลุม่ สาระการเรียนรศู้ ิลปะ ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 5 ภาคเรยี นที่ รหัสวชิ า ศ เวลา 40 ช่วั โมง/ปี ศึกษาและฝึกทักษะในการแสดงหลากหลายรปู แบบ สร้างสรรค์ละครสั้นในรปู แบบที่ชื่นชอบ วิเคราะห์แก่นของ การแสดงนาฏศลิ ปแ์ ละการละครทต่ี ้องการส่ือความหมายในการแสดง บรรยายและวเิ คราะห์อิทธพิ ลของเคร่ืองแต่งกาย แสง สี เสียง ฉาก อุปกรณ์ และสถานที่ที่มีผลต่อการแสดง พัฒนาและใช้เกณฑ์การประเมินในการประเมินการแสดง ววิ ฒั นาการของนาฏศิลป์และการละครไทยตง้ั แต่อดีตจนถึงปัจจบุ ัน โดยใช้ทักษะกระบวนการทางดนตรี ในการแสดงออกทางดนตรีและนาฏศิลป์อย่างสร้างสรรค์ การวิเคราะห์ วพิ ากษว์ ิจารณค์ ณุ คา่ งานดนตรแี ละนาฏศลิ ป์ เพื่อให้เห็นคุณค่างานดนตรีที่เปน็ มรดกทางวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น และเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างดนตรี กบั ประวัติศาสตรแ์ ละวฒั นธรรม และการนำความรไู้ ปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวนั ตัวชวี้ ัด ม.4-6/2 ม.4-6/5 ม.4-6/6 ม.4-6/7 ศ 3.1 ม.4-6/1 ศ 3.2 ม.4-6/3 รวม 6 ตัวชี้วดั
โครงสรา้ งรายวิชา วิชานาฏศิลป์ ม.5 ลำดบั ที่ ชื่อหน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการ สาระสำคญั เวลา น้ำหนกั 1 นาฏศิลปไ์ ทย เรยี นรู้/ตัวช้ีวดั (ชัว่ โมง) คะแนน 2 ละครตะวนั ตก ศ 3.1 ม.4-6/1 นาฏศิลปไ์ ทยมวี วิ ัฒนาการมาตัง้ แต่อดีต 14 3 ม.4-6/5 จนถึงปจั จุบัน ซึง่ ต้องใชท้ กั ษะในการ การแสดงละคร ม.4-6/6 แสดงหลายรูปแบบ โดยเฉพาะการ สร้างสรรค์ ม.4-6/7 แสดงนาฏศลิ ป์นั้นสามารถสื่อ ศ 3.2 ม.4-6/3 ความหมายในการแสดง นอกจากนน้ั ยังมีอิทธพิ ลของเครื่องแตง่ กาย แสง สี เสยี ง ฉาก อุปกรณ์ และ สถานท่ี ทีม่ ีผลตอ่ การแสดง การประเมิน คณุ ภาพ ของการแสดงจงึ มีความสำคญั ตอ่ การ พัฒนา ผลงานให้ทันยุคสมัย ศ 3.1 ม.4-6/2 การเรียนรเู้ ก่ยี วกบั ววิ ฒั นาการ ความงาม 12 ม.4-6/5 และคณุ ค่าของละครตะวนั ตก เพอ่ื นำไปใช้ ในการวิเคราะหแ์ กน่ ของการละครที่ ตอ้ งการส่ือความหมายในการแสดง และ การศกึ ษา เก่ียวกบั ละครสร้างสรรค์ เพื่อนำไปใชเ้ ปน็ แนวทางในการสร้างสรรค์ละครในรปู แบบ ที่ชื่นชอบตอ่ ไป ศ 3.1 ม.4-6/2 เคร่อื งแต่งกาย แสง สี เสียง ฉาก 14 ม.4-6/6 อปุ กรณ์ และสถานที่มีอิทธพิ ลตอ่ การ ม.4-6/7 สร้างสรรคล์ ะครสน้ั ในรปู แบบต่างๆ และตอ้ งมีการประเมินคณุ ภาพการ แสดงทง้ั ในด้านการแสดงและ องคป์ ระกอบการแสดง รวมเวลาเรียนตลอดทั้งปี 40 100
คำอธิบายรายวิชา รายวชิ าทศั นศลิ ป์ กลุ่มสาระการเรยี นร้ศู ลิ ปะ รายวชิ า ทัศนศลิ ป์ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ ศลิ ปะ ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 6 ภาคเรียนท่ี.......... รหสั วชิ า ศ............. เวลา 40 ชั่วโมง/ปี ศึกษา วิเคราะห์ บรรยายจุดประสงค์และเนื้อหาของงานทัศนศิลป์ โดยใช้ศัพท์ทางทัศนศิลป์ การเลือกใช้วัสดุ อุปกรณ์ และเทคนคิ ของศลิ ปินในการสรา้ งงานทัศนศิลป์ มที กั ษะและเทคนิคในการใช้วสั ดุ อุปกรณ์ และกระบวนการท่ี สูงขึ้นในการสร้างงานทัศนศิลป์ เปรียบเทียบงานทัศนศิลปใ์ นรูปแบบตะวันออกและรูปแบบตะวันตก และอิทธิพลของ วัฒนธรรมระหวา่ งประเทศที่มผี ลตอ่ งานทัศนศิลป์ในสงั คม โดยใช้ทักษะกระบวนการทางทัศนศิลป์ในการสร้างและนำเสนอผลงานทัศนศิลป์ การเลือกใช้วัสดุ อุปกรณ์ที่ เหมาะสม การวเิ คราะห์ การวิพากษ์วจิ ารณ์คณุ ค่างานทศั นศิลป์ เพื่อให้เห็นคุณค่างานทัศนศิลป์ เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างทัศนศิลป์ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม นำความรู้ ไปประยุกตใ์ ชใ้ นชีวติ ประจำวัน มีจริยธรรม คณุ ธรรม และค่านยิ มท่เี หมาะสม ตัวช้วี ดั ม.4-6/3 ม.4-6/4 ม.4-6/7 ม.4-6/3 ศ 1.1 ม.4-6/2 ศ 1.2 ม.4-6/1 รวม 6 ตวั ชี้วดั
โครงสรา้ งรายวชิ า ทัศนศลิ ป์ ม.6 ลำดบั ท่ี ชื่อหน่วยการ มาตรฐานการ สาระสำคญั เวลา นำ้ หนัก เรียนรู้ เรียนรู้ / ตวั ช้วี ดั (ชัว่ โมง) คะแนน 1 การบรรยาย ศ 1.1 ม.4-6/2 การบรรยายผลงานทศั นศิลป์เปน็ การ 8 ผลงานทัศนศลิ ป์ อธบิ ายใหผ้ ้ชู มเข้าใจจดุ ประสงค์และ เนื้อหาของงานทัศนศิลป์ ซึ่งผบู้ รรยาย ตอ้ งใช้ศัพท์ทางทัศนศิลป์ในการ บรรยายเพื่อให้เกดิ ความเข้าใจทต่ี รงกัน 2 งานทัศนศิลป์ ศ 1.2 ม.4-6/1 ผลงานทศั นศิลป์ในรปู แบบตะวนั ออกและ 10 และอิทธิพลจาก ม.4-6/3 รูปแบบตะวันตกจะมีลักษณะที่แตกตา่ ง วฒั นธรรม กนั ออกไปน้นั ข้นึ อยู่กบั อทิ ธิพลของ วัฒนธรรมระหวา่ งประเทศท่ีมีผลต่อการ สร้างงานทศั นศิลป์ 3 การแสดงออก ศ 1.1 ม.4-6/3 ผลงานการแสดงออกทางทัศนศลิ ป์ของ 10 ทางทัศนศิลป์ ม.4-6/7 ศิลปนิ แต่ละท่านจะมีเอกลกั ษณท์ ่ี ของศลิ ปิน แตกตา่ งกัน ขึ้นอยกู่ ับการเลือกใช้วัสดุ อุปกรณ์ เทคนิค และเนื้อหา เพื่อ สรา้ งสรรค์งานทัศนศลิ ป์ 4 การสรา้ งสรรค์ ศ 1.1 ม.4-6/4 การเรยี นร้เู กี่ยวกับเทคนคิ ในการใชว้ ัสดุ 12 ผลงานทัศนศิลป์ อปุ กรณ์ และกระบวนการท่ีสูงข้นึ จะทำให้ มที ักษะในการสร้างสรรค์ผลงานทศั นศลิ ป์ รวมเวลาเรียนตลอดท้ังปี 40 100
คำอธบิ ายรายวิชา รายวชิ า ดนตรี กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ศลิ ปะ ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 6 ภาคเรียนที่ รหัสวิชา ศ เวลา 40 ชว่ั โมง/ปี ศึกษาและฝึกทักษะทางดนตรีผ่านกระบวนการเปรียบเทียบรูปแบบของบทเพลงและวงดนตรีแต่ละประเภท อธิบายเหตุผลที่คนต่างวัฒนธรรมสร้างสรรค์งานดนตรีแตกต่างกัน อ่าน เขียน โน้ตดนตรีไทยและสากลในอัตราจังหวะ ต่างๆ ร้องเพลง หรือเล่นดนตรีเดี่ยวและรวมวง โดยเน้นเทคนิคการแสดงออกและคุณภาพของการแสดง อารมณ์และ ความรู้สึกที่ได้รับจากงานดนตรีที่มาจากวัฒนธรรมต่างกัน สถานะทางสังคมของนักดนตรีในวัฒนธรรมต่างๆ ลักษณะ เดน่ ของดนตรีในวฒั นธรรมต่างๆ บทบาทของดนตรีในการสะท้อนแนวความคิดและค่านิยมที่เปลย่ี นไปของคนในสังคม และนำเสนอแนวทางในการสง่ เสรมิ และอนุรกั ษ์ดนตรีในฐานะมรดกของชาติ โดยใช้ทักษะกระบวนการทางดนตรี ในการแสดงออกทางดนตรีอย่างสร้างสรรค์ การวิเคราะห์ วิพากษ์ วจิ ารณ์คุณค่างานดนตรี เพื่อให้เห็นคุณค่างานดนตรที ี่เป็นมรดกทางวฒั นธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น และเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างดนตรี กบั ประวตั ศิ าสตร์และวฒั นธรรม และการนำความรไู้ ปประยกุ ตใ์ ช้ในชีวิตประจำวนั ตวั ชวี้ ดั ม.4-6/3 ม.4-6/4 ม.4-6/5 ม.4-6/7 ศ 2.1 ม.4-6/1 ม.4-6/3 ม.4-6/4 ม.4-6/5 ศ 2.2 ม.4-6/2 รวม 9 ตวั ชวี้ ดั
โครงสร้างรายวิชา วิชาดนตรี ม.6 ลำดบั ท่ี ชื่อหน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการ สาระสำคัญ เวลา น้ำหนกั 1 ดนตรีกบั วัฒนธรรม เรยี นรู/้ ตวั ชวี้ ัด (ชวั่ โมง) คะแนน ศ 2.1 ม.4-6/3 เหตผุ ลท่ีทำใหก้ ารสรา้ งสรรค์ผลงาน 7 ม.4-6/7 ดนตรใี นแต่ละวัฒนธรรมมีความ ศ 2.2 ม.4-6/3 แตกต่างกันมาจากความเช่ือ ศาสนา วถิ ชี วี ิต และเทคโนโลยี ซ่ึงเปน็ ผลทำ ใหอ้ ารมณแ์ ละความรสู้ กึ ท่ีได้รับจาก งานดนตรีต่างกันไปดว้ ย 2 ความรเู้ ก่ียวกบั ศ 2.2 ม.4-6/2 ดนตรมี บี ทบาทสำคัญในการสะท้อน 5 ดนตรไี ทย ม.4-6/4 แนวความคิดและค่านิยมที่ ม.4-6/5 เปล่ียนแปลงไปของคนในสังคม และยังแสดงถงึ สถานะ ทางสงั คมของนักดนตรี ซ่ึงต้อง รว่ มมอื กนั สง่ เสริมและอนรุ ักษด์ นตรี ในฐานะมรดกของชาติไทย 3 การปฏิบัตดิ นตรไี ทย ศ 2.1 ม.4-6/1 วงดนตรไี ทยแตล่ ะประเภท จะมี 10 ม.4-6/4 รปู แบบในการจดั วงดนตรีท่ีแตกต่าง ม.4-6/5 กนั ไป การอ่าน เขยี นโน้ตดนตรไี ทยใน อัตราจงั หวะตา่ งๆ ได้จะทำให้รอ้ งหรอื เล่นเคร่ืองดนตรเี ด่ยี วและรวมวงได้ ถูกต้อง 4 ความรูเ้ กย่ี วกบั ศ 2.2 ม.4-6/2 ดนตรีสากลมีบทบาทสำคัญในการ 5 ดนตรสี ากล ม.4-6/4 สะท้อนแนวความคิดและค่านิยมที่ เปลย่ี นไปของคนในสงั คม ซึ่งดนตรี สากลในแต่ละยุคสมยั จะมีความ แตกตา่ งกนั ไปตามการสร้างสรรค์ ผลงานของนักดนตรแี ละสถานะทาง สังคม 5 การปฏิบัตดิ นตรีสากล ศ 2.1 ม.4-6/4 การอา่ นและเขียนเคร่อื งหมายและ 13 ม.4-6/5 สญั ลกั ษณ์ทางดนตรสี ากลได้ จะทำ ให้ร้องเพลงหรอื เล่นเครื่องดนตรแี บบ เดีย่ วและรวมวงได้ถูกต้อง รวมเวลาเรยี นตลอดทั้งปี 40 100
คำอธบิ ายรายวชิ า รายวชิ า นาฏศิลป์ กลุม่ สาระการเรยี นรศู้ ลิ ปะ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีที่ 6 ภาคเรยี นท่ี รหสั วิชา ศ เวลา 40 ชวั่ โมง/ปี ศกึ ษาและฝึกทักษะในการแสดงหลากหลายรูปแบบ สร้างสรรคล์ ะครสนั้ ในรูปแบบที่ช่ืนชอบ ใชค้ วามคดิ ริเร่ิมในการ แสดงนาฏศิลป์เป็นคู่และหมู่ วิจารณ์การแสดงตามหลักนาฏศิลป์และการละคร วิเคราะห์แก่นของการแสดงนาฏศิลป์และ การละครที่ต้องการสื่อความหมายในการแสดง บรรยายและวิเคราะห์อิทธิพลของเครื่องแต่งกาย แสง สี เสียง ฉาก อปุ กรณ์ และสถานทที่ มี่ ผี ลต่อการแสดง พัฒนาและใช้เกณฑ์การประเมินในการประเมินการแสดง วิเคราะห์ท่าทางและ การเคลื่อนไหวของผู้คนในชีวิตประจำวันและนำมาประยกุ ต์ใช้ในการแสดง อภิปรายบทบาทของบุคคลสำคัญในวงการ นาฏศลิ ปแ์ ละการละครของประเทศไทยในยุคสมัยต่างๆ บรรยายวิวฒั นาการของนาฏศิลป์และการละครไทยตั้งแต่อดีต จนถึงปจั จบุ นั โดยใช้ทักษะกระบวนการทางดนตรี ในการแสดงออกทางดนตรีและนาฏศิลป์อย่างสร้างส รรค์ การวิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณค์ ณุ ค่างานดนตรีและนาฏศิลป์ เพื่อให้เห็นคุณค่างานดนตรีทีเ่ ปน็ มรดกทางวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น และเข้าใจความสัมพันธร์ ะหว่างดนตรี กับประวตั ศิ าสตรแ์ ละวัฒนธรรม และการนำความร้ไู ปประยุกตใ์ ช้ในชวี ติ ประจำวัน ตวั ช้วี ัด ม.4-6/2 ม.4-6/3 ม.4-6/4 ม.4-6/5 ม.4-6/6 ม.4-6/7 ม.4-6/8 ศ 3.1 ม.4-6/1 ม.4-6/3 ศ 3.2 ม.4-6/2 รวม 10 ตัวชี้วัด
โครงสร้างรายวชิ า วิชานาฏศิลป์ ม.6 ลำดับท่ี ชื่อหน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการ สาระสำคัญ เวลา นำ้ หนกั 1 การละครไทย เรียนร/ู้ ตวั ช้ีวัด (ชัว่ โมง) คะแนน 2 การแสดงละครรำ ศ 3.2 ม.4-6/2 ละครไทย เปน็ ศลิ ปวัฒนธรรมท่มี ี 7 3 การแสดงละครที่ไม่ ม.4-6/3 วิวัฒนาการต่อกันมาตง้ั แต่อดีตจนถงึ ใช้ทา่ รำ ปัจจบุ นั บคุ คลสำคัญในวงการละครไทย 4 การสรา้ งสรรค์ละคร ส้ัน แตล่ ะท่านลว้ นมีบทบาทที่ช่วยให้การ ละครไทยเจริญร่งุ เรืองและสบื ทอด มาสู่คนรุน่ หลงั ศ 3.1 ม.4-6/1 การแสดงละครรำ ตอ้ งใช้ทกั ษะในการ 12 ม.4-6/3 แสดงหลากหลายรูปแบบ ท้ังรำเป็นคู่ ม.4-6/4 และรำเปน็ หมู่ โดยเฉพาะการแสดง ม.4-6/5 ละครนั้นสามารถส่ือความหมายในการ ม.4-6/6 แสดง นอกจากน้นั ยังมีอิทธิพลของ ม.4-6/7 เครอื่ งแต่งกาย แสง สี เสียง ฉาก อุปกรณ์ และสถานที่ที่มีผลต่อการแสดง การวจิ ารณ์และประเมนิ คุณภาพการ แสดงต้องประเมินตามหลักการละคร ศ 3.1 ม.4-6/1 การแสดงละครที่ไม่ใช้ทา่ รำ เปน็ ละครท่ี 11 ม.4-6/3 ดำเนินเรือ่ งโดยไมใ่ ช้ทา่ รำ มีแตบ่ ทร้อง ม.4-6/4 และบทพูดในการดำเนินเรื่อง โดย ม.4-6/5 ดดั แปลงมาจากละครตะวนั ตก ม.4-6/6 และมีการพัฒนาอย่างต่อเน่ืองมาจนถึง ม.4-6/7 ปัจจุบัน เครอ่ื งแต่งกาย แสง สี เสยี ง ฉาก อุปกรณ์ และสถานที่เป็น องค์ประกอบท่ีมีอิทธิพลต่อการแสดง ทำให้ผู้ชมเขา้ ใจ สามารถวิจารณ์และ ประเมนิ คุณภาพของการแสดงไดต้ าม หลักการละคร ศ 3.1 ม.4-6/1 ละครสนั้ เป็นการแสดงรปู แบบหนึง่ ท่ี 10 ม.4-6/2 ชว่ ยฝกึ ทักษะการปฏบิ ัติกิจกรรมเป็น ม.4-6/4 กลมุ่ โดยท่วงทา่ และการเคลือ่ นไหว ม.4-6/5 ตา่ งๆ สามารถดดั แปลงมาจากการใช้ ม.4-6/6 ชวี ติ ประจำวนั ของผู้คน ซง่ึ ในการแสดง ละครส้ันจะต้องคำนงึ ถงึ รูปแบบการ
ลำดบั ที่ ช่อื หน่วยการเรียนรู้ มาตรฐานการ สาระสำคัญ เวลา น้ำหนัก เรยี นร/ู้ ตวั ช้วี ัด (ช่วั โมง) คะแนน ม.4-6/7 นำเสนอ และเทคนคิ 40 100 ม.4-6/8 ทีน่ ำมาจดั แสดงเพื่อให้เกิดความสมจริง และควรมีการวจิ ารณ์และประเมนิ คณุ ภาพการแสดง เพ่อื นำไปปรับปรงุ การแสดงให้มีคุณภาพมากขน้ึ รวมเวลาเรียนตลอดทั้งปี
อภธิ านศัพท์ ทัศนศลิ ป์ โครงสร้างเคล่อื นไหว (mobile) เป็นงานประติมากรรมที่มีโครงสร้างบอบบางจัดสมดุลด้วยเส้นลวดแข็งบาง ๆ ที่มีวัตถุรูปร่าง รูปทรงต่าง ๆ ท่อี อกแบบเช่ือมติดกบั เสน้ ลวด เป็นเครอ่ื งแขวนท่เี คล่ือนไหวได้ด้วยกระแสลมเพียงเบา ๆ งานสอ่ื ผสม (mixed media) เป็นงานออกแบบทางทัศนศิลป์ที่ประกอบด้วยหลายสื่อโดยใช้วัสดุหลาย ๆ แบบ เช่น กระดาษ ไม้ โลหะ สร้างความผสมกลมกลืนด้วยการสร้างสรรค์ จังหวะ (rhythm) เป็นความสัมพันธ์ของทัศนธาตุ เช่น เส้น สี รูปร่าง รูปทรง น้ำหนักในลักษณะของการซ้ำกัน สลับไปมา หรือลักษณะลื่นไหล เคลื่อนไหวไม่ขาดระยะจังหวะที่มีความสัมพันธ์ต่อเนื่องกันจะช่วยเน้นให้เกิดความเด่น หรือทาง ดนตรีก็คือการซ้ำกันของเสียงในชว่ งเท่ากันหรือแตกต่างกันจงั หวะให้ความรู้สึกหรือความพอใจทางสุนทรียภาพในงาน ศลิ ปะ ทศั นธาตุ (visual elements) สิ่งที่เป็นปัจจัยของการมองเห็นเป็นส่วนต่าง ๆ ที่ประกอบกันเป็นภาพ ได้แก่ เส้น น้ำหนัก ที่ว่าง รูปร่าง รปู ทรง สี และลกั ษณะพื้นผวิ ทศั นียภาพ (perspective) วธิ เี ขยี นภาพของวัตถใุ ห้มองเห็นว่ามรี ะยะใกลไ้ กล ทัศนศลิ ป์ (visual art) ศิลปะที่รับรู้ได้ด้วยการเห็น ได้แก่ จิตรกรรม ประติมากรรม ภาพพิมพ์ และงานสร้างสรรค์อื่น ๆ ที่รับรู้ด้วยการ เห็น ภาพปะติด (collage) เป็นภาพที่ทำขึ้นด้วยการใช้วัสดุต่าง ๆ เช่น กระดาษ ผ้า เศษวัสดุธรรมชาติ ฯลฯ ปะติดลงบนแผ่นภาพ ด้วยกาวหรอื แปง้ เปียก วงสีธรรมชาติ (color circle) คอื วงกลมซ่ึงจดั ระบบสีในแสงสรี ุง้ ทเ่ี รียงกันอยใู่ นธรรมชาติ สวี รรณะอ่นุ จะอยใู่ นซกี ที่มสี แี ดงและเหลอื ง ส่วนสี วรรณะเยน็ อยู่ในซกี ท่ีมสี ีเขียว และสมี ่วง สีคตู่ รงขา้ มกันจะอยู่ตรงกนั ขา้ มในวงสี วรรณะสี (tone) ลกั ษณะของสีทีแ่ บง่ ตามความรู้สึกอุ่นหรือเยน็ เช่น สีแดง อยู่ในวรรณะอุน่ (warm tone) สีเขียวอย่ใู นวรรณะเย็น (cool tone) สคี ตู่ รงข้าม (complementary colors)
สีที่อยู่ตรงกันข้ามกันในวงสีธรรมชาติเป็นคู่สีกัน คือ สีคู่ที่ตัดกันหรือต่างจากกันมากที่สุด เช่น สีแดงกับ สีเขียว สีเหลืองกับสีมว่ ง สนี ้ำเงนิ กบั สีส้ม องคป์ ระกอบศิลป์ (composition of art) วิชาหรือทฤษฎีท่เี กี่ยวกับการสรา้ งรปู ทรงในงานทัศนศลิ ป์ ดนตรี การดำเนนิ ทำนอง (melodic progression) ๑. การก้าวเดนิ ไปขา้ งหน้าของทำนอง ๒. กระบวนการดำเนินคอร์ดซ่งึ แนวทำนองขยบั ทีละข้ัน ความเข้มของเสียง (dynamic) เสยี งเบา เสียงดัง เสียงท่มี ีความเข้มเสียงมากก็ย่ิงดงั มากเหมือนกบั loudness ด้นสด เป็นการเล่นดนตรหี รือขับร้อง โดยไม่ได้เตรียมซ้อมตามโน้ตเพลงมาก่อน ผู้เล่นมีอสิ ระในการกำหนดวิธีปฏิบัติ เครื่องดนตรีและขับร้อง บนพื้นฐานของเนื้อหาดนตรีที่เหมาะสม เช่น การบรรเลงในอัตราความเร็วที่ยืดหยุ่น การบรรเลงดว้ ยการเพิ่มหรอื ตดั โน้ตบางตวั บทเพลงไลเ่ ลียน (canon) แคนอน มาจากภาษากรีก แปลว่า กฎเกณฑ์ หมายถึงรูปแบบบทเพลงที่มีหลายแนวหรือดนตรีหลายแนว แต่ละแนวมีทำนองเหมือนกัน แต่เริ่มไมพ่ รอ้ มกันแต่ละแนว จึงมีทำนองทไี่ ล่เลียนกันไปเป็นระยะเวลายาวกว่าการเลียน ท่ัวไป โดยทว่ั ไปไม่ควรตำ่ กว่า ๓ หอ้ ง ระยะขน้ั ครู่ ะหว่างสองแนวที่เลียนกนั จะหา่ งกันเป็นระยะเทา่ ใดกไ็ ด้ เช่น แคนอน คู่สอง หมายถึง แคนอนที่แนวทั้งสองเริ่มทีโ่ น้ตหา่ งกันเปน็ ระยะคู่ ๕ และรักษาระยะคู่ ๕ ไปโดยตลอดถือเป็นประเภท ของลีลาสอดประสานแนวทำนองแบบเลียนทมี่ ีกฎเกณฑเ์ ขม้ งวดทีส่ ดุ ประโยคเพลง (phrase) กลุ่มทำนอง จังหวะท่ีเรียบเรียงเชื่อมโยงกันเป็นหน่วยของเพลงที่มีความคิดจบสมบูรณ์ในตัวเอง มักลงท้าย ดว้ ยเคเดนซ์ เป็นหน่วยสำคญั ของเพลง ประโยคเพลงถาม - ตอบ เป็นประโยคเพลง ๒ ประโยคที่ต่อเนื่องกันลีลาในการตอบรับ – ส่งล้อ – ล้อเลียนกันอย่างสอดคล้อง เป็นลักษณะคล้ายกันกับบทเพลงรูปแบบ AB แต่เป็นประโยคเพลงสั้น ๆ ซึ่งมักจะมีอัตราความเร็วเท่ากันระหว่าง ๒ ประโยค และความยาวเท่ากนั เช่น ประโยคเพลงที่ ๑ (ถาม)มีความยาว ๒ หอ้ งเพลง ประโยคเพลงท่ี ๒ (ตอบ) ก็จะมี ความยาว ๒ หอ้ งเพลง ซง่ึ จะมีลีลาตา่ งกนั แตส่ อดรบั กนั ได้กลมกลืน ผลงานดนตรี ผลงานทส่ี รา้ งสรรคข์ น้ึ มาโดยมีความเก่ียวข้องกบั การนำเสนองานทางดนตรี เช่น บทเพลง การแสดงดนตรี เพลงทำนองวน (round)
เพลงที่ประกอบด้วยทำนองอยา่ งน้อย ๒ แนว ไล่เลยี นทำนองเดยี วกนั แต่ต่างเวลาหรอื จงั หวะ สามารถไล่เลยี น กันไปได้อย่างตอ่ เนอื่ งจนกลบั มาเริ่มต้นใหม่ได้อีกไมม่ วี นั จบ รปู ร่างทำนอง (melodic contour) รูปรา่ งการข้ึนลงของทำนอง ทำนองท่ีสมดุลจะมที ศิ ทางการขึ้นลงทเี่ หมาะสม สสี นั ของเสียง ลักษณะเฉพาะของเสียงแต่ละชนิดที่มีเอกลักษณ์เฉพาะต่างกัน เช่น ลักษณะเฉพาะของสีสันของเสียงผู้ชาย จะมีความทุ้มต่ำแตกต่างจากสีสันของเสียงผู้หญิง ลักษณะเฉพาะของสีสันของเสียง ของเด็กผู้ชายคนหนึ่งจะมีความ แตกต่างจากเสียงเดก็ ผู้ชายคนอ่ืน ๆ องค์ประกอบดนตรี (elements of music) ส่วนประกอบสำคญั ทท่ี ำให้เกดิ เสียงดนตรี ไดแ้ กท่ ำนอง จงั หวะ เสียงประสาน สีสนั ของเสียง และเนอ้ื ดนตรี อัตราความเร็ว (tempo) ความช้า ความเรว็ ของเพลง เช่น อัลเลโกร (allegero) เลนโต (lento) ABA สัญลักษณบ์ อกรปู แบบวรรณกรรมดนตรีแบบตรบี ท หรอื เทอรน์ ารี (ternary) ternary form สงั คีตลักษณส์ ามตอน โครงสรา้ งของบทเพลงที่มีสว่ นสำคัญขยบั ทลี ะข้ันอยู่ ๓ ตอน ตอนแรกและตอนที่ ๓ คือ ตอน A จะเหมือนหรือคล้ายคลึงกันทั้งในแง่ของทำนองและกุญแจเสียงส่วนตอนที่ ๒ คือ ตอน B เป็นตอนที่แตกต่าง ออกไป ความสำคัญของสังคีตลักษณ์นี้ คือ การกลับมาของตอน A ซึ่งนำทำนองของสว่ นแรกกลับมาในกุญแจเสียงเดิม เป็นสงั คีตลกั ษณ์ท่ใี ช้มากท่สี ดุ โดยเฉพาะในเพลงรอ้ ง จึงอาจเรียกวา่ สังคตี ลกั ษณเ์ พลงร้อง (song form) กไ็ ด้ นาฏศลิ ป์ การตีบท การแสดงท่ารำตามบทร้อง บทเจรจาหรือบทพากย์ควรคำนึงถึงความหมายของบท แบ่งเป็นการตีบท ธรรมชาติ และการตบี ทแบบละคร การประดษิ ฐ์ทา่ การนำภาษาท่า ภาษานาฎศิลป์ หรือ นาฏยศัพท์มาออกแบบ ให้สอดคล้องสัมพันธ์กับจังหวะทำนอง บทเพลง บทรอ้ ง ลลี า ความสวยงาม
นาฏยศพั ท์ ศัพท์เฉพาะทางนาฎศิลป์ ที่ใช้เกี่ยวกับการเรียกท่ารำ กิริยาที่แสดงมีส่วนศีรษะใบหน้าและไหล่ ส่วนแขน และมอื สว่ นของลำตัว ส่วนขาและเท้า บคุ คลสำคญั ในวงการนาฎศลิ ป์ เปน็ ผ้เู ชี่ยวชาญทางนาฎศิลป์ และภูมิปัญญาท้องถิ่นที่สร้างผลงาน ภาษาทา่ การแสดงทา่ ทางแทนคำพูด ใช้แสดงกริ ิยาหรืออริ ิยาบถ และใชแ้ สดงถึงอารมณ์ภายใน สว่ นขาและเท้า กิริยาแสดง เช่น กระทบ ยดื ยบุ ประเทา้ กระดกเท้า กระทุง้ จรด ขยับ ซอย วางสน้ ยกเท้า ถดั เท้า สว่ นแขนและมือ กริ ยิ าที่แสดง เชน่ จบี ต้งั วง ล่อแกว้ ม้วนมือ สะบัดมือ กรายมอื ส่ายมือ สว่ นลำตัว กริ ยิ าทแ่ี สดง เช่น ยกั ตัว โยต้ ัว โยกตวั สว่ นศรี ษะใบหน้าและไหล่ กิรยิ าท่ีแสดง เชน่ เอยี งศีรษะ เอียงไหล่ กดไหล่ กล่อมไหล่ กล่อมหน้า ส่งิ ทีเ่ คารพ ในสาระนาฎศิลป์มีสิ่งท่ีเคารพสืบทอดมา คือ พ่อแก่ หรือพระพรตฤษี ซึ่งผู้เรียนจะต้อง แสดงความเคารพ เมอ่ื เร่มิ เรยี นและก่อนแสดง องคป์ ระกอบนาฎศิลป์ จังหวะและทำนองการเคลื่อนไหว อารมณ์และความรู้สึก ภาษาท่า นาฎยศัพท์ รูปแบบของการแสดง การ แตง่ กาย องคป์ ระกอบละคร การเลือกและแต่งบท การเลือกผู้แสดง การกำหนดบุคลิกของผู้แสดง การพัฒนารูปแบบของการแสดง การ ปฏบิ ตั ติ นของผ้แู สดงและผชู้ ม
Search