Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เอกสารประกอบการเรียน ท30235 ภาษาเพื่อการโฆษณาและประชาสัมพันธ์

เอกสารประกอบการเรียน ท30235 ภาษาเพื่อการโฆษณาและประชาสัมพันธ์

Published by stbuzzo, 2021-09-19 16:07:45

Description: ใช้เพื่อการศึกษาเท่านั้น -ห้ามมิให้ใช้เชิงพาณิชย์-

Search

Read the Text Version

ดังนั้น จึงอาจสรุปความหมายของการประชาสัมพันธ์ได้ว่า การประชาสัมพันธ์เป็นวิธีการที่ องค์กรใช้ติดต่อส่ือสารกับกลุ่มประชาชนท่ีเป็นเปูาหมายด้วยวิธีการต่างๆ เพื่อให้ประชาชนเกิดความรู้ ความเข้าใจในการดําเนินงานขององค์กรและเป็นการสร้างความเข้าใจอันดี ซ่ึงจะส่งผลถึงความร่วมมือ ทจี่ ะมใี หก้ ันต่อไป กระบวนการประชาสัมพนั ธ์ รุ่งรัตน์ ชัยสําเร็จ (2541, หน้า 3) กล่าวว่า กระบวนการประชาสัมพันธ์ประกอบด้วย 4 ข้ันตอน ดังนี้ 1. การสํารวจและกําหนดปัญหา เป็นการประมวลข้อมูลเก่ียวกับสถาบัน หน่วยงาน ท้ังในแง่ ความรู้ ความคิดเห็น ทัศนคติ และพฤตกิ รรมที่เป็นผลมาจากนโยบายและการดําเนินงานของสถาบันซึ่งอาจ พบไดโ้ ดยการศกึ ษาข้อเท็จจริงจากการตดิ ตามข่าวสารทางสอ่ื มวลชน และการวิจัย เก่ียวกับความรู้สึกนึกคิด ของกลุ่มประชาชนเปาู หมาย 2. การวางแผนและกาํ หนดแบบงานการปฏิบตั ิ เมื่อทราบปญั หาที่เกิดขึ้นในสถาบันแล้ว จึงนํามา ตัดสินใจวางแผนโดยกําหนดกลุ่มประชาชนเปูาหมาย วัตถุประสงค์ การปฏิบัติการ และกลยุทธ์การส่ือสาร ต่าง ๆ 3. การปฏิบัติการและการส่ือสาร ขั้นตอนน้ีเป็นการลงมือปฏิบัติและทําการสื่อสาร ตามท่ี วางแผนและกาํ หนดไว้แลว้ ในขั้นตอนที่สอง เพอื่ ให้บรรลตุ ามวัตถปุ ระสงค์ที่วางไว้ 4. การประเมินผลการปฏิบัติงาน เป็นการตัดสินผลการปฏิบัติงานตามแผนท่ีวางไว้ รวมท้ัง ประเมินประสิทธิผลของการเตรียมแผนงานและการสนับสนุนแผนงานโดยการสร้างผล และความคิดเห็น จากกลมุ่ ประชาชนเปาู หมายโดยตรง การเขยี นเพือ่ การประชาสัมพนั ธ์ จากกระบวนการประชาสัมพันธ์ทั้ง 4 ข้ันตอน การเขียนเพื่อการประชาสัมพันธ์จะอยู่ในขั้นตอน ท่ี 3 คือการลงมือปฏิบัติและทําการส่ือสารตามท่ีวางแผนไว้ การเขียนเพ่ือการประชาสัมพันธ์จะสามารถสื่อ เรื่องราวได้หลากหลาย และนําเสนอต่อประชาชนกลุ่มเปูาหมายได้อย่างกว้างขวางอีกด้วย แต่การส่ือสาร โดยการใช้ภาษาเขียนเป็นการส่ือสารที่ปรากฏเฉพาะตัวอักษร ดังนั้น ผู้เขียนจึงต้องระมัดระวังใน การเลือกใช้ถ้อยคําท่ีถูกต้อง นุ่มนวล ใช้ถ้อยคําที่ทําให้เกิดมโนภาพ อารมณ์ ความรู้สึก คล้อยตาม ก่อใหเ้ กิดความประทบั ใจ เช่อื ถือ ศรทั ธา จดจําได้ง่าย แตล่ ืมยาก 1. วัตถุประสงค์ของการเขียนเพื่อการประชาสัมพันธ์ การเขียนเพื่อการประชาสัมพันธ์ จะมีวัตถุประสงค์แตกต่างจากการเขียนโดยท่ัวไป คือ นอกจากจะให้ข่าวสาร ความรู้ ความเพลิดเพลินแล้ว ยังต้องมุ่งสร้างสัมพันธภาพอันเกิดจากการมีความรู้ ความเข้าใจที่ตรงกัน เพ่ือให้เกิดความร่วมมือกันต่อไป วตั ถปุ ระสงคข์ องการเขียนเพ่ือการประชาสมั พันธ์ มดี ังน้ี 1.1 เพ่ือสร้างความเข้าใจท่ีดี ด้วยการให้ข้อมูลแก่กลุ่มเปูาหมายเกิดความเข้าใจ ในนโยบาย วัตถุประสงค์ ตลอดจนการดาํ เนินงานขององค์กร 1.2 เพื่อให้ประชาชนยอมรับ ด้วยการกล่าวเน้นถึงการปฏิบัติงานท่ีดีขององค์กร อันจะ เปน็ การสร้างศรัทธาให้เกดิ ข้นึ และให้ความสนบั สนุนต่อไป เอกสารประกอบการเรยี น ท30235 ภาษาเพ่อื การโฆษณาและประชาสมั พนั ธ์ 46

1.3 เพ่ือปูองกันไม่ให้เกิดความเข้าใจผิด เป็นการเขียนเผยแพร่ล่วงหน้า โดยมีการใช้ เหตผุ ลท่ีนา่ เชอ่ื ถือ 1.4 เพ่ือสร้างภาพพจน์ที่ดี ด้วยการนําจุดเด่นขององค์กรมากล่าวถึงแล้วบรรยาย ให้เกิด ภาพ โน้มน้าวด้วยการเลอื กใชค้ าํ ทีม่ พี ลัง 1.5 เพ่ือแก้ไขความเข้าใจผิด ด้วยการอ้างแหล่งข้อมูลท่ีน่าเช่ือถือใช้ถ้อยคําที่สามารถ สร้างความเชื่อมัน่ ให้เกิดขน้ึ กับกลมุ่ เปูาหมาย 2. สิ่งที่เกี่ยวข้องในการเขียนเพื่อการประชาสัมพันธ์ การเขียนเพ่ือการประชาสัมพันธ์ ผู้เขียนจะต้องมีความสามารถในการใช้ภาษาเขียนที่ดีและต้องทราบถึงหลักของการประชาสัมพันธ์ท่ีมี ลักษณะของการให้ความรู้ ความเข้าใจ สร้างความเล่ือมใส ศรัทธา โน้มน้าว ดังน้ันผู้เขียนจึงต้องพิจารณา ถึงขอ้ มูลที่เกีย่ วขอ้ งกับการเขียนเพื่อการประชาสัมพันธ์ ดงั นี้ 2.1 วัตถุประสงค์ในการประชาสัมพันธ์ การเขียนเพื่อการประชาสัมพันธ์ในแต่ละครั้งจะ นาํ เสนอเพ่ือวัตถุประสงคท์ ่แี ตกต่างกัน ดังน้ันผู้เขียนจึงต้องทราบวัตถุประสงค์ของการประชาสัมพันธ์น้ัน ๆ ว่าประสงคจ์ ะให้เกดิ สง่ิ ใดขึ้นกับกลุ่มเปูาหมาย 2.2 กลุ่มเปูาหมาย ต้องพิจารณาว่าเป็นบุคคลภายนอกหรือภายในองค์กร และ มสี ถานภาพใดโดยพิจารณาท้งั วัย เพศ การศกึ ษา อาชีพ รายได้ สถานภาพครอบครัว ความสนใจ ฯลฯ ทั้งน้ี จะไดเ้ ลอื กใช้คําใหเ้ หมาะสมกบั กลมุ่ เปูาหมาย 2.3 ส่อื ที่ใช้เผยแพร่ การเขียนเพอ่ื นําเสนอตอ่ สื่อต่าง ๆ จะมีลักษณะเฉพาะท่ี แตกต่างกัน สื่อวทิ ยภุ าษาท่ีนาํ เสนอเนน้ การฟังแลว้ เกดิ ภาพหรือส่ือส่ิงพิมพ์อาจนาํ เสนอรายละเอยี ด ของข้อมลู ไดม้ ากขนึ้ 2.4 เน้ือหา ข้อมูลที่นําเสนอเพื่อประชาสัมพันธ์อาจได้มาจากนโยบายขององค์กรน้ัน ๆ หรือจากการวิจัยติดตามผลการปฏิบัติงานจนได้ข้อมูลท่ีพิจารณาว่าควรปรับปรุงแก้ไขอย่างไร เนื้อหา ทีน่ าํ เสนอในการประชาสัมพนั ธ์จะต้องเป็นข้อมลู ทมี่ เี หตผุ ล มหี ลกั ฐานอา้ งอิงนา่ เช่อื ถือ ศรทั ธา ยอมรบั 2.5 เคร่ืองหมายวรรคตอน หมายถึง เครื่องหมายต่าง ๆ ที่ใช้ในการเขียนเพื่อช่วยให้ ผู้อ่านอ่านสะดวก ส่ืออารมณ์และความรู้สึกได้อย่างชัดเจน เช่น การใช้เครื่องหมายปรัศนี (?) เคร่ืองหมาย อศั เจรีย์ (!) เคร่ืองหมายอญั ประกาศ (“….”) เปน็ ตน้ 3. ประเภทของข้อความในการเขียนเพ่ือการประชาสัมพันธ์ ข้อความที่ปรากฏในงาน เขียนเพอื่ การประชาสมั พนั ธ์ จะมลี กั ษณะแตกตา่ งกันตามวัตถุประสงค์ และลักษณะของการประชาสัมพันธ์ ดังน้ี 3.1 การเขียนแบบบรรยาย เป็นการเขียนถ่ายทอดเรื่องราว ประสบการณ์ ความรู้ โดย อธิบายตามลําดับเหตุการณ์ท่ีเกิดข้ึน มุ่งให้กลุ่มเปูาหมายเข้าใจเน้ือหาอย่างแจ่มแจ้ง ตรงประเด็น ผู้เขียน ต้องมีความรู้จริงในเรื่องที่เขียน เขียนอย่างตรงไปตรงมาให้เข้าประเด็นท่ีเป็นสาระสําคัญท่ีสุด ด้วยวิธีการ เรียงลําดับความคิดให้มีสัมพันธภาพต่อเน่ืองกันไป ภาษาที่ใช้ต้องถูกต้อง เข้าใจง่าย อาจมีการเปรียบเทียบ หรอื ยกตัวอย่างประกอบ เอกสารประกอบการเรียน ท30235 ภาษาเพ่อื การโฆษณาและประชาสมั พนั ธ์ 47

ตัวอย่างการเขียนแบบบรรยาย อาหารฟาสต์ฟดู สารอาหารทไ่ี มส่ มดลุ และใหพ้ ลงั งานมากกวา่ ท่ีรา่ งกายต้องการใน 1 มื้อ ฟาสต์ฟูค (fast food) หรืออาหารจานด่วน คือ อาหารท่ีมีการเตรียมและปรุงไว้ สําเร็จรูป หรือ เกือบสาํ เร็จรูป ลูกค้าต้องบริการตนเอง สามารถรับประทานในร้านหรือนําอาหารออกไปรับประทานนอกร้าน ได้ตามสะดวก อาหารฟาสต์ฟูคที่มีจําหน่ายในประเทศไทยและเป็นท่ีนิยมกันอย่างแพร่หลาย ได้แก่ แฮมเบอร์เกอร์ ฮอทดอก พิซซา่ ไกท่ อด แซนดว์ ชิ โดนทั และไอศกรีม ส่วนประกอบของอาหารจานด่วนเหล่าน้ี ได้แก่ แปูง เน้ือสัตว์แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ให้เลือกมากมาย เช่น ไส้กรอก แฮม เบคอน ไก่ทอด นอกจากนี้ จะเป็นส่วนผสมจาํ พวกเนย ชสี และผัก เน่ืองจาก สภาพสังคมที่วุ่นวาย เร่งรีบ ผู้คนต้องออกไปทํางานนอกบ้านกันมากข้ึน โดยเฉพาะใน กรุงเทพฯ สภาพการจราจรนบั เป็นปัญหาที่สําคัญ และทุกอย่างต้องแข่งขันกับเวลา เป็นผลให้อาหารฟาสต์ฟูด เข้ามามีบทบาทกับคนไทยมากขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังน้ันอุตสาหกรรมอาหารฟาสต์ฟูดจึงเติบโตข้ึนอย่าง รวดเรว็ ปัจจุบัน รา้ นอาหารฟาสตฟ์ ูดมแี นวโน้มท่ีจะเพิม่ ขน้ึ เรอื่ ย ๆ โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพฯ และกระจาย ไปยังจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ เน่ืองจากเป็นธุรกิจที่กําลังมาแรง และเป็นท่ีนิยมของผู้บริโภคท่ีเป็นวัยรุ่นที่มี ค่านิยมในการบริโภคอาหารตามแฟชั่น ประกอบกับอิทธิพลของการโฆษณาท่ีย่ัวยวน เช่น การลดราคา การแถมของเลน่ เดก็ ตามเทศกาลต่าง ๆ สง่ิ เหลา่ น้ีช่วยสร้างสีสนั และเปน็ สิ่งดงึ ดดู ใจใหล้ ูกค้าเข้าร้านมากย่งิ ข้ึน จากการ วิเคราะห์คุณค่าอาหารฟาสต์ฟูดท่ีผ่านมาพบว่า อาหารฟาสต์ฟูดทุกชนิดมีสารอาหารที่ ไมส่ มดลุ และให้พลังงานมากกวา่ ท่ีร่างกายต้องการใน 1 มือ้ รวมทั้งมีปริมาณ พลังงาน โปรตีนและไขมันสูงเกิน ปริมาณความตอ้ งการของร่างกาย ผู้บริโภคต้องตระหนักถึงปริมาณโคเลสเตอรอล หรือไขมันในเส้นเลือด และ ปริมาณกรดไขมันอิม่ ตวั ซ่ึงเป็นสาเหตโุ รคไขมนั อดุ ตัน ในเสน้ เลือด สง่ ผลให้เกดิ โรคตา่ ง ๆ ตามมามากมาย เช่น โรคหัวใจขาดเลอื ด โรคความดนั โลหิตสูง โรคมะเร็งเต้านม ลําไส้ใหญ่ ตับอ่อน ตอ่ มลกู หมาก และมะเรง็ ที่สมอง การบริโภค อาหารฟาสต์ฟูดที่ถูกต้องนั้น ต้องคํานึงถึงคุณค่าทางอาหาร ไม่ควร รับประทานมาก จนเกินไป ควรเลือกรับประทานในสิ่งท่ีให้ประโยชน์ครบถ้วน นอกจากนี้ ควรเสริมอาหารที่ให้ใยอาหาร และ วติ ามิน แรธ่ าตุ ด้วยการดม่ื นม รวมท้งั ผกั สด และ ผลไมส้ ดเพิม่ เป็นประจําทุกวัน เพ่ือคุณค่าทางโภชนาการที่ดี ต่อรา่ งกาย (กองเผยแพร่ และประชาสัมพนั ธ์ สาํ นกั งานคณะกรรมการคมุ้ ครองผบู้ ริโภค , 2546) เอกสารประกอบการเรยี น ท30235 ภาษาเพ่อื การโฆษณาและประชาสมั พนั ธ์ 48

3.2 การเขยี นแบบพรรณนา เปน็ การเขยี นถา่ ยทอดเรื่องราวตามความเป็นจริง โดยมีการ เลือกใช้ถ้อยคําเพ่ือให้กลุ่มเปูาหมายเกิดความรู้สึกและภาพพจน์ตามที่ผู้เขียนต้องการ การใช้ภาษาอาจมี การเปรียบเทียบด้วยการอุปมาหรือใช้สัญลักษณ์แทนสิ่งท่ีกล่าวถึง เพ่ือให้กลุ่มเปูาหมายเกิดภาพและ ความรสู้ กึ ได้อย่างชัดเจน ตัวอย่างการเขียนแบบพรรณนา ม่านเมฆผืนใหญท่ ี่คลข่ี ยายปกคลุมฟากฟูาด้านตะวนั ตก ซ่อนพรางควงอาทิตย์ไว้ ก่อนที่จะถึงเวลา อนั ควรสําหรบั การบอกลาช่วงกลางวัน ผมยืนน่ิงอยู่บนสะพานไม้ท่ีเชื่อมวัดกระโดงทอง วัดเก่าแก่ แห่งหน่ึง ของอําเภอเสนาเขา้ กับชุมชนตรงขา้ มฝ่ังวัด ภาพเบอ้ื งหน้าทีป่ รากฏเสมอื นบรรยากาศครั้งเม่ือผู้เฒา่ ผู้แก่ที่น่ียัง หาเลยี้ งลกู หลาน ดว้ ยการยังชพี ด้วยเรือผกั ตบชวาแผข่ ยายกระจายตวั เองเป็นพรมสีเขยี วเขม้ ปกคลุม ผืนคลองบริเวณหน้าวัดไว้บางส่วน ชายร่างกํายําพายเรือออกมาทอคแ หคร้ังแล้วครั้งเล่า ที่กลางคลอง แม่เฒ่าผู้หนึ่งใส่เส้ือคอกระเช้าสีอิฐพายเรือพายมาลอคสะพานที่ผมยืนอยู่ไปและค่อย ๆ ลับตา ไปที่โค้งกงุ้ เหล่านี้คือสิง่ ทยี่ งั หลงเหลอื และยืนยันคุณค่าของชีวิตชาวนํ้าที่ทุกสิ่งทุกอย่าง สามารถดําเนินไปได้ บนเรือ ท้ังร้านค้าของปูา บ้านบนเรือกระแชง พาหนะเล้ียงชีพ ของลุงเจ้าของเรือยนต์ที่ผมนั่งมา หรือความ พยายามอันยิ่งใหญ่ของครูไพฑูรย์ และท่ีพิพิธภัณฑ์เรือวัดยาง ณ รังสี บทสนทนาค่อย ๆ ของผมกับผู้คน เหลา่ นั้นอาจแผว่ เบาลง บนลาํ นาํ้ ในเวลาช่วั ครูอาจดงั ไม่พอท่จี ะชัดก้องเขา้ ไปในใจคนรุ่นหนุ่มสาวทข่ี ี่รถเครื่อง ผ่านหลังผมไปมาบนสะพาน หากแต่ผมเชื่อระหว่างการมาถึงของถนนหนทางท่ีกําลังจะพรากหัวใจของคูคลอง ไปจากลุ่มนํ้า ภาคกลางนี้ ยังมีจิตวิญญาณของชาวน้ํารุ่นก่อน ๆ ท่ีร้อยโยงอยู่ในเรือไทยพื้นบ้านตามเครือข่ายของลํานํ้า อย่างแน่แท้ อาจแผ่วโรยหรือช้าเนิบนั่นก็ข้ึนอยู่ว่าผู้คนแห่งยุคสมัยจะสัมผัสมันได้อีกนานสักเพียงไร (ฐากูร โกมารกุล ณ นคร, 2545: 80) 3.3 การเขียนแบบจูงใจ เป็นการเขียนท่ีมีลักษณะเชิญชวน ชักจูงโน้มน้าวให้คล้อยตาม หรืออาจมีลักษณะเชิงสั่งสอน ชี้แนะ ผู้เขียนอาจใช้วิธียกเหตุผลมาประกอบข้อความ และใช้สํานวนภาษา ท่คี ลอ้ งจองจดจําง่าย ตวั อย่างการเขยี นแบบจูงใจ คนสาํ คัญทีแ่ ทจ้ ริง ความสามคั คีเปน็ สิ่งทีด่ ี เปน็ เรอ่ื งแปลกแต่จรงิ ที่บางคนกลบั มีความสนุกและดีใจ ถา้ ไดเ้ ห็นครอบครัว ใด หมู่ใด สังคมใด ทะเลาะวิวาทและแตกสามัคคีกันแทนท่ีจะหาทางระงับ และช่วยสมานความสามัคคี เขากลับยุยงส่งเสรมิ ใหเ้ กิดมีการแบ่งพรรค แยกพวกข้นึ ให้คนเหน็ ว่าตนเปน็ คนสําคัญ แท้จริงแล้วเขามีค่าเพียง ถา่ นไฟเท่านน้ั ธรรมดาถา่ นไฟเมือ่ ยงั รอ้ นอยู่ ใครเอามือจับมือก็พอง ถึงไม่มีไฟเอามือจับเข้าก็เป้ือนมือ คนท่ีจะ เป็นคนสําคญั จริง ๆ นั้น ยอ่ มมอี ัธยาศัยทยี่ ง่ิ ใหญ่ บูชาสามคั คีธรรม ไม่ส่งเสรมิ การแตกสามคั คแี ละหาทางสมาน สามัคคี เห็นทุกคนเป็นเสมือนดังญาติพี่น้องร่วมสายโลหิต ไม่คิดแบ่งพรรคแยกพวกและมีอิสระแก่ตน ไม่ตก เป็นทาสอยู่ภายใต้อํานาจกิเลสตัวร้าย ไม่ยอมให้มันกดหัว ข่ีคอ ข่มเหง และการให้ตนทําส่ิงชั่วร้ายบาปกรรม ตา่ ง ๆ ที่จะทาํ ให้ตนและคนอน่ื ได้รับความเดอื ดรอ้ น ซึ่งวิญญชู นทั้งหลายไม่สรรเสริญเลย แต่พยายามยกระดับ จติ ใจใหอ้ ยู่เหนืออํานาจใฝุตํ่า คือ พยายามละบาปช่ัว ทั้งหลายแล้วตั้งใจทําบุญกุศลต่าง ๆ เนืองนิจ และชําระ จิตใจใหบ้ ริสทุ ธิ์ ดงั นจ้ี งึ จะช่ือว่าเปน็ คนสําคัญทแ่ี ทจ้ ริง (ปถพีรดี, 2545: 118) เอกสารประกอบการเรยี น ท30235 ภาษาเพ่อื การโฆษณาและประชาสมั พนั ธ์ 49

3.4 การเขียนแบบอธิบาย เป็นการเขียนบอกวิธีการทํางานหรืออธิบายเรื่องที่ยาก ให้ เข้าใจง่ายขึ้น ดังน้ันผู้เขียนจึงต้องมีข้อมูลรายละเอียดของเรื่องที่นําเสนอ และนําเสนอเร่ืองอย่างเป็น ขั้นตอน อาจใช้การยกตัวอย่าง หรือเปรียบเทียบเพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ง่ายข้ึน โดยใช้ภาษาท่ีเข้าใจง่าย หลีกเลี่ยงการใชศ้ พั ทเ์ ฉพาะ ตัวอยา่ งการเขียนแบบอธบิ าย คําแนะนําสาํ หรับประชาชนเพอื่ ป้องกนั ไมใ่ ห้โรคซารส์ ระบาดในเมืองไทย ตามท่ีมีข่าวการระบาดของโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (SARS) ในหลายประเทศและ องค์การอนามัยโลกได้ประกาศให้เป็นเขตระบาดของโรค สําหรบั ประเทศไทยยังไมม่ ีการระบาดของโรคนี้ ประชาชนไม่ควรตกใจกับข่าวลือท่ีเกิดข้ึนในระยะ น้ี แตข่ อใหร้ ะมดั ระวังและปฏิบตั ิตามข้อแนะนาํ ของกระทรวงสาธารณสุข เพื่อปูองกันไม่ให้มีการระบาดของ โรค สาเหตุของโรค เกิดจากเชอื้ ไวรัสชนดิ หน่งึ มชี วี ติ อยใู่ นสารคัดหลั่งไม่ว่าจะเป็น เสมหะ น้ํามูก หรือ นํ้าลายมีชีวิตอยู่ภายนอกร่างกายได้ 3 ช่ัวโมง สามารถติดต่อทางการหายใจ คล้ายไข้หวัดคือการไอ จาม รดกัน หรอื การสมั ผสั กบั เช้ือทปี่ นเป้ือนอย่กู ับ ของใช้ส่วนตัว อาทิ ผ้าเช็ดหน้า แก้วน้ํา เป็นต้น ผู้ที่ได้รับเชื้อ ไวรัสชนิดนี้จะแสดง อาการปุวยภายใน 2-7 วัน บางรายอาจจะนานถึง 10-14 วัน โดยอาการปุวย ได้แก่ มีไข้สูง (มากกว่า 38 °C) เจ็บคอ ไอ ถ้าเป็นมากอาจหายใจลําบาก หายใจเร็ว และมีอาการหอบ ผู้ปุวย ส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 90 จะหายปุวยภายใน 2-3 สัปดาห์ มีส่วนน้อยที่มีอาการปอดอักเสบรุนแรงแทรกซ้อน ทาํ ใหเ้ สยี ชวี ิตซง่ึ มีเพียงร้อยละ 3.5 เท่านน้ั สถานการณ์ในไทย ขอ้ มลู ต้งั แต่วันท่ี 11 มีนาคม - 6 เมษายน 2546 ได้พบผู้ปุวย ที่สงสัยเป็นโรค น้ีเพียง 7 ราย ทุกรายเป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ ในจํานวนน้ี เสียชีวิตแล้ว 2 ราย อีก 5 ราย ได้รับ การรกั ษาจนหายกลบั บา้ นได้ กระทรวงสาธารณสุข มิได้นิ่งนอนใจได้ออกมาตรการปูองกันมิให้โรคดังกล่าว แพร่ระบาดเข้ามา ในประเทศต้งั แตเ่ ดือนกมุ ภาพันธ์ โดยเฝาู ระวังค้นหาผู้ทีม่ อี าการน่าสงสยั ว่าปุวยเป็นโรคนี้ ทั้งในผู้ที่เดินทาง มาจากต่างประเทศและในหมู่คนไทยที่ต้องสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ท่ีเดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง รวมท้ังให้การดูแล เพ่ือควบคุมการแพร่เช้ืออย่างรัดกุม ซึ่งมาตรการต่าง ๆ อาจจะทําให้เกิดความไม่สะดวกต่อท่านบ้าง กระทรวงสาธารณสุข กราบขออภัยมา ณ ท่นี ้ี จนขณะน้ียังไม่พบการแพร่เชื้อภายในประเทศไทยแม้แต่รายเดียว ถือว่าโรคซาร์ส ยังไม่มี การระบาดในประเทศไทย ดงั น้ันขอใหป้ ระชาชนดําเนินกิจกรรมต่าง ๆ ได้ตามปกติ และสามารถเดินทางไป ได้ทุกแห่ งท่ั วประเทศและยังไม่มีความจํ าเป็ น ท่ีประชาชนท่ัวไปที่ไม่ได้สัมผัสหรือติดต่อกับผู้ ท่ีมาจาก ประเทศที่มกี ารระบาดต้องใส่หนา้ กากอนามยั อย่างไรก็ตาม เพ่ือเป็นการปูองกันการระบาดของโรค กระทรวงสาธารณสุขขอความร่วมมือจาก ทุกท่านท่ีเดินทางกลับจากพ้ืนที่เสี่ยง โปรดเฝูาสังเกตอาการ อยู่ภายในบ้านพักเป็นเวลา 14 วัน หลีกเล่ียง การอยู่ใกลช้ ดิ กบั ผูอ้ ืน่ ใหป้ ฏิบตั ิตัวตามคําแนะนาํ และประกาศของกระทรวงสาธารณสุขอยา่ งเครง่ ครดั เอกสารประกอบการเรยี น ท30235 ภาษาเพ่อื การโฆษณาและประชาสมั พนั ธ์ 50

วิธปี อู งกนั สาํ หรับประชาชนทั่วไป 1. งดหรือหลีกเลี่ยงการเดินทางไปในประเทศที่มีการระบาดของโรคนี้ ควรท่องเที่ยว ภายในประเทศปลอดภยั ท่สี ดุ 2. รักษาสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ ด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกําลังกาย สมา่ํ เสมอ พักผอ่ นใหเ้ พยี งพอ พยายามลดความเครียด ลดการสูบบุหรี่ และงดด่ืมแอลกอฮอล์ 3. ใช้ผ้าปิดปาก ปิดจมูกทุกครั้งเม่ือไอหรือจาม ขณะที่มีอาการเป็นหวัด ควรใช้หน้ากากอนามัย อย่เู สมอ โดยเฉพาะอย่างยง่ิ เมื่ออยูก่ ับผู้อนื่ และพบแพทย์ทนั ที 4. ควรล้างมือบ่อยๆ ด้วยํน้าและสบู่ โดยเฉพาะหลังจากไอ จาม เช็คน้ํามูกไม่ควรใช้มือขย้ีตา จมกู หรือปาก 5. อยา่ ใชผ้ า้ เชด็ ตวั หรอื ผา้ เช็ดหน้ารว่ มกบั ผ้อู ่ืน ถา้ ใชก้ ระดาษเชค็ นา้ํ มูก ควรทง้ิ ในถังขยะมฝี าปิค 6. ใชช้ อ้ นกลางเม่ือรบั ประทานอาหารร่วมกบั ผ้อู ื่น 7. รักษาบ้านเรือนให้สะอาด เช็คเครื่องเรือนและของใช้ภายในบ้าน โดยเฉพาะโทรศัพท์ เปน็ ประจาํ อยา่ งนอ้ ยวนั ละคร้ังด้วยผา้ ชุบํนา้ สบู่หรือผงซักฟอกเจือจาง และเชด็ ซาํ้ ดว้ ยนํา้ สะอาด 8. เปดิ ประตูหนา้ ตา่ งใหอ้ ากาศภายในบ้านถา่ ยเทโดยสะดวก โดยเฉพาะถา้ มผี ูป้ วุ ย 9. ในระยะน้คี วรหลกี เล่ียงสถานท่ีทมี่ ีคนหนาแนน่ และการระบายอากาศไมด่ ี 10. ในขณะเดินทางในรถโดยสารสาธารณะ หรือยานพาหนะท่ีอาจมีผู้ปุวย หรือผู้เดินทางมาจาก พนื้ ที่ทม่ี ีการระบาดควรใชห้ นา้ กากอนามัย 11. หลกี เลี่ยงการคลุกคลใี กล้ชดิ กับผปู้ ุวยท่ีมอี าการไอ และผู้ที่เดินทางมาจากพ้ืนที่ท่ีมีการระบาด หากจําเป็นควรใช้หน้ากากอนามัย (ศูนย์เฉพาะกิจ โรคทางเดินหายใจ เฉียบพลันรุนแรง กระทรวง สาธารณสขุ , 2546: 33) 3.5 การเขียนแบบอภิปราย เป็นการเขียนแสดงความคิดเห็นในเรื่องใดเรื่องหน่ึง โดยมุ่ง นําเสนอสาระข้อเท็จจริงที่เป็นความรู้และเสนอความคิดเห็นด้วยการใช้เหตุผลท่ีน่าเชื่อถือ มาสนับสนุน ความคิดเหน็ ตวั อยา่ งการเขียนแบบอภิปราย ส่ิงสําคัญในการเปลี่ยนแปลงองคาพยพใหม่ก็คือเร่ืองของบุคคล ซ่ึงหมายถึง ความพร้อมของ พนกั งานท่จี ะต้องเปลย่ี นแปลงในรปู ขององคาพยพใหม่ หรอื ลักษณะงานใหม่หรือกลุ่มพนักงานใหม่ ความเหมาะสมของพนักงานท่ีจะปรับให้เหมาะสมกับลักษณะงานซึ่งจะต้องพิจารณา ถึงลักษณะ งานเดิมมีความคล้ายคลึงกันหรือไม่ หากมีการเปล่ียนแปลงในลักษณะที่ต่างกัน การทําความเข้าใจหรือ การฝึกอบรมยิง่ มีความจาํ เปน็ มากย่งิ ขึ้น การเปล่ียนแปลงครั้งนี้ แน่นอนอาจจะมีหลายคนต้องกระจายไปอยู่ในหน่วยงานอื่น อาจจะเป็น หน่วยงานเก่าหรือหน่วยงานใหม่ ส่ิงท่ีจะเป็นปัญหาก็คือ ความเข้าใจกัน ความร่วมมือกันการทํางานเป็น กล่มุ เปน็ คณะทมี่ ปี ระสทิ ธิภาพ มีบางแห่งก่อนท่ีจะมีการเปล่ียนแปลงจริง มีการจัดเป็นลักษณะหน่วยงานทคลอง ก่อนเข้า ดําเนินงาน เพื่อดูว่าเหมาะสมหรือไม่ จะมีปัญหาอุปสรรคอย่างไร โดยอาจมีคณะที่ทําหน้าท่ีช่วยเหลือ ปรกึ ษาเสมอื นเปน็ พเี่ ล้ียงจนถึงกําหนดเปลี่ยนแปลงจริงกจ็ ะทํา ไดโ้ ดยด.ี .. (รงุ่ รตั น์ ชยั สําเรจ็ , 2541: 30-31) เอกสารประกอบการเรยี น ท30235 ภาษาเพ่อื การโฆษณาและประชาสมั พนั ธ์ 51

4. เอกสารเพ่ือการประชาสัมพันธ์ การจําแนกเอกสารที่ใช้เพ่ือการประชาสัมพันธ์ สามารถ จาํ แนกได้แตกตา่ งกันตามเกณฑท์ นี่ าํ มาใช้พิจารณา พัชนี เชยจรรยา (2539: 469-470) กล่าวถึง เกณฑ์ท่ีใช้ ในการจาํ แนกประเภทของเอกสารเพ่ือการประชาสัมพนั ธ์ ไว้ดังนี้ 4.1 พิจารณาตามกลุ่มเปูาหมายของการประชาสัมพันธ์ จะจําแนกเอกสารได้เป็น 2 ประเภท คือ เอกสารเพือ่ การประชาสัมพันธ์ภายใน และเอกสารเพือ่ การประชาสัมพนั ธ์ภายนอก 4.1.1 เอกสารเพ่อื การประชาสมั พันธ์ภายใน หมายถึง เอกสารที่หน่วยงานจัดทําข้ึน เพ่ือเป็นเคร่ืองมือในการเผยแพร่ข่าวสารภายในหน่วยงาน ซ่ึงหมายถึงข่าวสารท่ีเผยแพร่ จากฝุายบริหาร ไปยังพนักงาน จากพนักงานไปยังฝุายบริหาร และระหว่างพนักงานด้วยกันเอง เพ่ือท่ีจะเป็นการสร้าง ความเขา้ ใจ ความรว่ มมือกันภายในหน่วยงาน อาจกล่าวอย่างง่าย ๆ ว่าเอกสารที่จัดทําข้ึนเพ่ือเผยแพร่และ แลกเปลี่ยนความเข้าใจกันระหว่างกลุ่มคนทุกกลุ่มภายในหน่วยงาน เอกสารเพ่ือการประชาสัมพันธ์เหล่าน้ี ได้แก่ 4.1.1.1 วารสารภายใน เป็นวารสารทผ่ี ลติ ขึ้นเพื่อเผยแพร่ภายใน หน่วยงาน ซึ่งมีการออกเป็นประจํา วารสารภายในนี้จะเป็นเคร่ืองมือในการเผยแพร่วัตถุประสงค์ นโยบาย ตลอดจน กิจกรรมความเคล่ือนไหวต่าง ๆ ภายในหน่วยงานที่พนักงานทุกคนควรทราบ รวมทั้งเป็นเคร่ืองมือใน การถ่ายทอดความคิดเห็นต่าง ๆ ของพนักงาน เพื่อสะท้อนถึงความต้องการ และท่าที่ต่าง ๆ ที่ฝุายบริหาร ควรทราบ 4.1.1.2 จดหมายข่าว เป็นเอกสารเผยแพร่ข่าว หรือข้อมูลท่ีเป็นเร่ือง ควรทราบในกรณีท่ีไม่สามารถรอไว้เผยแพร่ในวารสารภายในได้ เนื่องจากวารสารภายในมีกําหนดการออก อย่างน้อยรายปักษ์ (15 วัน) ข่าวบางเร่ืองอาจไม่ทันต่อเหตุการณ์แล้ว ข่าวสารหรือข้อมูลที่เผยแพร่ ในจดหมายข่าวจะเป็นเรอ่ื งโดยสรุปส้นั ๆ เพ่อื แจ้งให้ทราบเฉพาะสาระสําคัญเท่านั้น 4.1.1.3 แผ่นพับ เป็นเอกสารท่ีต้องการเผยแพร่เร่ืองหนึ่งเร่ืองใด โดยเฉพาะ ซึ่งมีรายละเอียดของเรื่องนั้น ๆ อย่างครบถ้วน เช่น รายละเอียดของโครงการใหม่ ที่ต้องการให้พนักงาน ทราบในหลาย ๆ กรณี หนว่ ยงานมกั ใชแ้ ผ่นพับเผยแพร่ไปยังประชาชน ภายนอกด้วย 4.1.1.4 แผน่ ปลวิ และโปสเตอร์ เป็นข่าวสารประเภทข้อความสั้น ๆ ท่ีจัดทํา ขน้ึ เพื่อแจ้งขา่ วสารหรือโน้มนา้ วใจเร่อื งหนึ่งเรอื่ งใดกไ็ ด้ แต่จะไม่มีรายละเอียดของข้อมูล มากนัก เนื่องจาก ความจาํ กัดในเน้อื ท่ี แตจ่ ะใช้ในกรณีรบี ด่วนไดส้ ะดวกกว่าเอกสารอนื่ ๆ 4.1.2 เอกสารเพ่ือการประชาสัมพันธ์ภายนอก หมายถึง เอกสารท่ีหน่วยงานจัดทํา ข้ึนเพื่อเป็นเครื่องมือในการเผยแพร่ข่าวสารไปสู่ประชาชนภายนอกหน่วยงาน ซึ่งอาจเป็นกลุ่มเปูาหมาย โดยตรงหรือประชาชน ซ่ึงมักเผยแพร่ผ่านทางสื่อมวลชนต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบข่าวสาร มีความเข้าใจ ยอมรับ สนับสนุนการดําเนินงานของหน่วยงาน รวมท้ังมีความศรัทธาและมีจินตภาพท่ีดี ต่อหน่วยงาน เอกสารเพ่อื การประชาสัมพนั ธ์เหลา่ นี้ ได้แก่ 4.1.2.1 ข่าวแจก เป็นข่าวสารที่หน่วยงานสง่ ใหส้ ื่อมวลชนเพื่อใช้ เผยแพร่ไป ยังประชาชน โดยมากจะเป็นข่าวสารท่ีแจกจ่ายให้สื่อมวลชนอย่างต่อเน่ือง เพื่อรายงานให้ประชาชนได้ ทราบกจิ กรรม และความเป็นไปของหนว่ ยงานทกุ ระยะ รวมท้ังสร้างความสัมพนั ธ์ต่อเนื่องกับสื่อมวลชนด้วย ขา่ วแจกนีส้ ามารถสง่ ไปได้ทั้งทางหนังสอื พมิ พ์ วิทยุกระจายเสียง และ วทิ ยุโทรทัศน์ 4.1.2.2 บทความ เป็นข้อมูลรายละเอียดที่หน่วยงานส่งไปเผยแพร่ ให้กับ ส่ือมวลชนต่าง ๆ ในโอกาสท่ีสมควร เพื่อให้ข่าวสาร ข้อมูลซึ่งอาจเป็นการให้รายละเอียด เพ่ิมเติมจากข่าว การให้ความรู้ ความเข้าใจในเรื่องต่าง ๆ และอาจเป็นเร่ืองท่ีต้องการโน้มน้าวใจ อย่างหน่ึงอย่างใด ถ้า เผยแพร่ทางวิทยุกระจายเสียงจะต้องเขียนตามลักษณะของบทรายการวิทยุ กระจายเสียง ถ้าเผยแพร่ทาง โทรทศั น์ตอ้ งจดั ทาํ เป็นบทรายการวิทยุโทรทัศน์ เอกสารประกอบการเรยี น ท30235 ภาษาเพ่อื การโฆษณาและประชาสมั พนั ธ์ 52

4.1.2.3 สปอต สําหรับเผยแพร่ในลักษณะของการจูงใจในโครงการรณรงค์ ทางประชาสัมพนั ธ์ เชน่ จัดทําเปน็ สปอตวิทยุหรอื สปอตโทรทัศน์ ซึ่งมีลักษณะการเขยี นแตกต่างกัน 4.1.2.4 วารสารภายนอก เป็นวารสารท่ีผลิตขึ้นเพื่อเผยแพร่ข้อมูล ต่าง ๆ ไปยังประชาชนภายนอกหน่วยงาน โดยเฉพาะอย่างย่ิงความรู้ในด้านต่าง ๆ ในขอบเขตความรับผิดชอบของ งานประชาสัมพันธ์หน่วยงาน เพื่อเป็นเอกสารส่งเสริมการประชาสัมพันธ์ เช่น วารสารรายงานภาวะ เศรษฐกิจต่าง ๆ วารสารส่งเสริมความร้ดู า้ นการเกษตร ฯลฯ 4.1.2.5 จุลสาร เป็นลักษณะเอกสารเย็บเป็นเล่มเล็ก ๆ ส่วนมากมีไว้ เผยแพร่เพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะ เช่น ให้รายละเอียดเก่ียวกับนโยบายของหน่วยงานหรืออาจทํา เพ่ือให้ ความรู้เรื่องใดเรื่องหน่ึงโดยเฉพาะ เช่น จุลสารให้ข้อมูลบริการแต่ละประเภทของธนาคาร แจกให้กับผู้มา ติดต่อหรือลูกค้า ในบางกรณีจุลสารใช้ได้สําหรับการเผยแพร่ภายในหน่วยงานด้วย เช่น คู่มือพนักงานแจก ใหเ้ มอ่ื พนักงานเขา้ รับการปฐมนเิ ทศ เปน็ ต้น 4.1.2.6 รายงานประจําปี เป็นเอกสารสรุปการดําเนินงานในรอบปี ของหน่วยงาน เพ่ือรายงานให้กลุ่มเปูาหมายได้ทราบและมีความเข้าใจต่อเหตุผลการดําเนินงาน ความเป็นมาและความเป็นไปของหน่วยงาน ซึ่งจะช่วยสร้างความใกล้ชิดให้เกิดข้ึนระหว่างหน่วยงาน กับกลมุ่ เปูาหมาย 4.1.2.7 ส่ิงพิมพ์ผนวกเป็นเอกสารเพื่อการประชาสัมพันธ์ ที่หน่วยงาน หน่วยงานจดั ทาํ แทรกในหนังสอื พิมพ์เปน็ บางครงั้ บางคราว เพ่อื ประชาสมั พันธ์เฉพาะเร่ือง เช่น รายละเอียด โครงการใหม่ของหน่วยงาน สรปุ การดาํ เนินงานในรอบปใี นโอกาสวันสถาปนาหนว่ ยงาน ฯลฯ 4.1.2.8 เอกสารประกอบกจิ กรรมพิเศษทางการประชาสัมพันธ์ เป็นเอกสาร เพื่อการประชาสัมพันธ์ที่จัดทําประกอบงานการจัดกิจกรรมพิเศษทางการประชาสัมพันธ์ เช่น การจัด สปั ดาห์รณรงค์ การจดั นทิ รรศการ ฯลฯ ซึ่งหน่วยงานตอ้ งการใหข้ ้อมลู เป็นรายละเอียด เพิ่มเติมเก่ียวกับงาน น้ัน รวมท้ังเอกสารประกอบการจัดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน (press kits) เพื่อให้ส่ือมวลชนได้รายละเอียด เพม่ิ เติมไปใชป้ ระโยชนป์ ระกอบการเสนอข่าว 4.2 พิจารณาตามสื่อที่ใช้เผยแพร่ จะจําแนกเอกสารได้เป็น 3 ประเภท คือ เอกสารเพ่ือ การประชาสัมพันธ์ทางส่ือส่ิงพิมพ์ เอกสารเพ่ือการประชาสัมพันธ์ทางวิทยุกระจายเสียง และเอกสารเพ่ือ การประชาสัมพนั ธ์ทางวทิ ยุโทรทัศน์ 4.2.1 เอกสารเพื่อการประชาสัมพันธ์ทางส่ือสิ่งพิมพ์ หมายถึง เอกสารท่ีหน่วยงาน จัดทําขึ้นเพื่อเผยแพร่ผ่านทางหนังสือพิมพ์และนิตยสาร ได้แก่ ข่าวแจก ซึ่งนิยมส่งมากกว่า เอกสารอื่น ๆ บทความซ่ึงจะให้ความรูค้ วามเข้าใจและความรูส้ ึกทด่ี กี ับหน่วยงาน 4.2.2 เอกสารเพ่ือการประชาสัมพันธ์ทางวิทยุกระจายเสียง หมายถึง เอกสารที่ หน่วยงานจัดทําข้ึนเพ่ือเผยแพร่ข้อมูล ข่าวสารผ่านวิทยุกระจายเ สียง ได้แก่ ข่าวแจกสําหรับ วิทยุกระจายเสียง สปอตวิทยุกระจายเสียง สําหรับรณรงค์การประชาสัมพันธ์ บทความเพื่อออกอากาศ เป็นรายการทางวิทยุกระจายเสียงซ่ึงเป็นการเสนอข้อมูลข่าวสารท่ีมีรายละเอียดมากกว่าข่าว และมีวิธีการ นาํ เสนอในรปู แบบต่าง ๆ ตามความเหมาะสม โดยมจี ุดมงุ่ หมายเพือ่ การประชาสมั พันธห์ น่วยงาน 4.2.3 เอกสารเพื่อการประชาสัมพันธ์ทางวิทยุโทรทัศน์ หมายถึง เอกสาร ทห่ี นว่ ยงานจัดทําขนึ้ เพ่ือเผยแพร่ข้อมูล ขา่ วสารผา่ นทางวิทยุโทรทัศน์ ได้แก่ ข่าวแจกสําหรับวิทยุ โทรทัศน์ ที่มีลักษณะเป็นสปอตโฆษณาเพื่อการประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ บทรายการวิทยุโทรทัศน์ เพ่ือ การประชาสัมพันธ์หน่วยงาน จะใช้ในโอกาสวันสําคัญ ๆ ของหน่วยงานหรือในโอกาสพิเศษ ซ่ึงจะไม่ค่อย จดั ทําบ่อยนกั เอกสารประกอบการเรียน ท30235 ภาษาเพ่อื การโฆษณาและประชาสมั พนั ธ์ 53

การเขียนเอกสารเพื่อการประชาสัมพันธ์ท่ีได้รับความนิยมและเป็นที่รู้จักนําไปใช้กันอย่าง แพร่หลาย คอื การเขียนข่าวประชาสัมพนั ธ์ ลักษณะของภาษาประชาสมั พันธ์ การเขียนเพ่ือประชาสัมพันธ์จะเป็นการเขียนเพื่อช้ีแจง แจ้งข่าวสาร อธิบายเพื่อให้เกิด ความเข้าใจท่ีดีและถูกต้อง ส่งเสริมภาพลักษณ์ท่ีดีขององค์กร ดังนั้นการใช้ภาษาในการประชาสัมพันธ์ จึงมีลักษณะ ดังนี้ . 1. กะทัดรดั ชัดเจน เลือกใชถ้ ้อยคําทผ่ี อู้ า่ นสามารถเข้าใจได้อย่างชดั เจนไม่คลมุ เครือ 2. ใช้คําท่ีเข้าใจง่าย หลีกเล่ียงการใช้ศัพท์ยาก หรือศัพท์เทคนิค ท้ังนี้เพ่ือให้อ่านเข้าใจ ไดร้ วดเร็ว 3. ใชค้ ําสภุ าพ เพราะการเลือกใชค้ าํ สภุ าพจะชว่ ยสรา้ งภาพลกั ษณท์ ่ีดีให้องค์กร 4. งานเขียนมีเอกภาพ สัมพนั ธภาพและมีความสมบูรณ์ สรุป การประชาสัมพันธ์มีความสําคัญต่อการปฏิบัติงานของหน่วยงานเป็นอย่างยิ่ง เพราะ การประชาสัมพันธ์จะช่วยทําให้บุคคลท่ีเกี่ยวข้องเกิดความเข้าใจท่ีดี ถูกต้อง ยอมรับและให้ความสนับสนุน ในการดําเนินงานของหน่วยงาน นอกจากน้ีการประชาสัมพันธ์ยังช่วยปูองกันและแก้ไข ความเข้าใจผิด ท่ีอาจจะเกิดขึ้นได้ ด้วยเหตุนี้ภาษาท่ีใช้ในงานประชาสัมพันธ์จึงต้องเลือกใช้ให้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ ในการประชาสัมพันธ์แต่ละครั้ง ลักษณะของการประชาสัมพันธ์จึงต้องมีลักษณะถ้อยคําท่ีส้ัน กะทัดรัด เข้าใจง่าย สภุ าพ นมุ่ นวล แต่กม็ คี วามน่าเชอื่ ถือแฝงอยู่ในถ้อยคาํ กิจกรรมคาถามทบทวน ภาษาเพ่ือการประชาสัมพนั ธ์ 1. การประชาสมั พนั ธ์คืออะไร 2. กระบวนการในการประชาสัมพันธ์มขี ้นั ตอนอย่างไร 3. วตั ถปุ ระสงคใ์ นการประชาสัมพนั ธ์มีอะไรบ้าง 4. ความรทู้ ีเ่ ก่ียวขอ้ งในการเขียนเพ่ือประชาสมั พันธ์มีอะไรบ้าง 5. ภาษาประชาสมั พันธม์ ีลกั ษณะเป็นเช่นใด เอกสารประกอบการเรยี น ท30235 ภาษาเพ่อื การโฆษณาและประชาสมั พนั ธ์ 54

https://siamrath.co.th/n/276550 บทท่ี 6 ภาษาสอ่ื สารมวลชน สภาพสังคมที่มีการเจริญเติบโตข้ึนอย่างรวดเร็วน้ี การสื่อสารมวลชนเข้ามามีบทบาทสําคัญ เป็นอย่างมากที่จะช่วยพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ พัฒนาส่ิงแวดล้อม ให้ข้อมูลข่าวสารที่จําเป็นต่อการดําเนิน ชีวิต ท้ังน้ีเพราะการส่ือสารมวลชนมีลักษณะเป็นการสื่อสารที่ไม่มีพรมแดนและขอบเขตที่แน่นอน สามารถสือ่ สารไดว้ งกวา้ งเราสามารถติดต่อรับรู้ข่าวสารกับคนได้ทั่วโลกตลอดเวลา ด้วยสื่อท่ีมีเทคโนโลยีสูง เม่ือปี พ.ศ. 2533 สุรพงษ์ โสธนะเสถียร (2533: 161) ได้เคยกล่าว ไว้ว่า “ในอนาคตอันใกล้ส่ือมวลชน จะเป็นสถาบันหลักของสังคมในฐานะที่เป็นตัวเหนี่ยวนําสังคม” ซึ่งเป็นจริงเพราะส่ือมวลชนมีพัฒนาการ ที่ลํ้าหน้าและมีลักษณะแข่งขันกันสูงมาก รวมท้ังมีบทบาทสําคัญต่อสังคมในทุก ๆ ด้าน เร่ืองราวเกี่ยวกับ ส่ือสารมวลชนจึงเป็นเร่ืองที่น่าศึกษา โดยเฉพาะภาษาท่ีส่ือสารมวลชนนําไปใช้ เพราะภาษาเหล่านี้สามารถ แพร่กระจายได้ในวงกว้าง ตามลักษณะของสื่อจึงย่อมส่งอิทธิพลต่อผู้รับสารอย่างหลีกเล่ียงไม่ได้ นักภาษา จัดภาษาสื่อสารมวลชนเป็นภาษาเฉพาะวงการ เพราะเป็นลักษณะของภาษาท่ีกําหนดข้ึนมาให้เหมาะสม กับสื่อและผู้รับสารท่ีไม่จํากัด อีกทั้งยังมีการเปล่ียนแปลงถ้อยคํา โครงสร้างของประโยค เพื่อให้ดึงดูด ความสนใจให้เหมาะสมกบั สภาพการแขง่ ขนั ท่ีมีอยสู่ ูงดว้ ย เอกสารประกอบการเรยี น ท30235 ภาษาเพ่อื การโฆษณาและประชาสมั พนั ธ์ 55

ความหมายของการส่อื สารมวลชน การสื่อสารมวลชน (mass communication) เข้ามามีบทบาทต่อบุคคลในการดําเนินชีวิต ประจําวันเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุน้ีจึงมีผู้สนใจศึกษาเร่ืองราวเกี่ยวกับการส่ือสารมวลชนและ ให้ ความหมายของการสือ่ สารมวลชน ไว้ดังน้ี ชวรัตน์ เชิดชัย (2527: 25-26) กล่าวว่า “การส่ือสารมวลชนเป็นกระบวนการของการส่ง ขา่ วสาร ความคิด ทัศนคตไิ ปสผู่ ้รู ับจาํ นวนมาก และมีลกั ษณะต่าง ๆ กนั โดยใชส้ ่ือเพอ่ื การส่งข่าวนั้น” ปรมะ สตะเวทนิ (2539: 7) กล่าวว่า “การส่ือสารมวลชนเป็นกระบวนการของการส่ือสารไปยัง คนจาํ นวนมากในเวลาเดยี วกันหรือในเวลาท่ีใกล้เคยี งกันโดยอาศัยสื่อมวลชนเป็นสือ่ ” ณรงค์ สมพงษ์ (2543: 7) กล่าวถึงการสื่อสารมวลชน สรุปได้ว่าการส่ือสารมวลชน เปน็ กระบวนการติดตอ่ ส่อื สารทม่ี ีคนจํานวนมากเป็นเป้าหมาย ผู้รับสารเปิดรับสารจากแหล่งสาร ได้อย่าง กว้างขวาง มีการจัดองค์กรท่ีซับซ้อน ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเข้ามาช่วยในการสื่อสาร ช่องทางที่ใช้ คือ ส่ือสารมวลชน โดยท่ัวไป หมายถึง หนังสือพิมพ์ วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ ภาพยนตร์ การตอบสนอง หรือย้อนกลบั ของผูร้ บั สารมีนอ้ ย ชวลิต ผู้ภักดี (2543: 117) กล่าวถึงการส่ือสารมวลชน สรุปได้ว่า หมายถึง การกระทําหรือ กจิ กรรมที่มคี วามต่อเนื่องในสังคมหรือภาระหน้าที่ท่ีจะส่งเร่ืองราวข่าวสารไปยังผู้รับจํานวนมาก โดยผ่าน เคร่ืองมือส่ือสารมวลชน อีกท้ังผู้ส่งสารที่เป็นองค์กรหน่ึงกับผู้รับสารจะมิได้เผชิญหน้ากัน และไม่จํากัด จํานวน ดังน้ันจึงอาจสรุปความหมายของการส่ือสารมวลชนได้ว่า การสื่อสารมวลชน คือ กระบวนการ ท่ีผูส้ ่งสารตดิ ต่อกับผรู้ บั สารจํานวนมาก โดยผา่ นสอ่ื ประเภทสือ่ มวลชน ภาษาส่ือสารมวลชนจึงเป็นภาษาที่ปรากฏอยู่ในส่ือมวลชน ซึ่งในบทเรียนนี้จะกล่าวถึง ภาษา หนงั สอื พมิ พ์ ภาษาวทิ ยุ และภาษาโทรทัศน์ ความสาคัญของการสือ่ สารมวลชน ชีวิตประจําวันของมนุษย์ ย่อมมีการติดต่อสัมพันธ์กับบุคคลหรือกลุ่มบุคคลในรูปแบบต่าง ๆ ความสําคัญของการส่ือสารมวลชน จมุ พล รอดคําดี (2532: 20-23) ไดก้ ล่าวถึงความสาํ คญั ของส่ือมวลชน ไว้ดงั น้ี 1. เปน็ ยามตรวจสอบ ด้วยการใหข้ า่ วสารและอธิบายความเปล่ยี นแปลงของเหตุการณ์ตา่ ง ๆ 2. ให้ความรู้และสร้างเสรมิ ประสบการณใ์ ห้ประชาชน ทาํ ใหป้ ระชาชนมกี ารพฒั นาข้ึน 3. เป็นผู้ก่อให้เกิดความน่าสนใจข้ึน สื่อมวลชนจะนําส่ิงต่าง ๆ มาทําให้เป็นท่ีน่าสนใจ และ ประชาชนทสี่ นใจสง่ิ ทีส่ อื่ มวลชนนําเสนอ 4. เป็นผู้ก่อให้เกิดความปรารถนาข้ึน เมื่อบุคคลมีความปรารถนาอยากได้ในส่ิงต่าง ๆ ก็จะ พฒั นาตนเพื่อใหไ้ ด้ส่ิงน้นั 5. เป็นผู้สร้างบรรยากาศในการพัฒนา ด้วยการกระตุ้นให้ความรู้แก่ประชาชน และ เปรียบเทียบส่ิงท่ีเปน็ อยู่ในปจั จบุ ันกับอนาคต 6. ช่วยทําใหเ้ กิดกระบวนการตัดสินใจในทางอ้อมทั้งในด้านทัศนคติและค่านิยมต่าง ๆ 7. ชว่ ยสง่ เสรมิ การตดั สินใจโดยผา่ นขา่ วสารไปทางส่ือบุคคลให้กระจายข่าวอีกต่อหนึง่ 8. ชว่ ยสร้างสถานภาพให้บุคคลท่กี ลา่ วถงึ ได้ เอกสารประกอบการเรยี น ท30235 ภาษาเพ่อื การโฆษณาและประชาสมั พนั ธ์ 56

9. ช่วยขยายนโยบายของรฐั บาลใหป้ ระชาชนเขา้ ใจได้อย่างทวั่ ถงึ 10. สามารถควบคุม หรอื บงั คบั ใหค้ นในสงั คมปฏิบัตติ ามบรรทัดฐานของสังคมได้ 11. ชว่ ยสนบั สนุนการตัดสินใจและปฏิบตั ใิ นส่งิ ทด่ี ี 12. สามารถเปลย่ี นทัศนคติหรือปลูกฝงั ทัศนคติบางอย่างใหม้ ่ันคงข้นึ หน้าท่ีของสอ่ื มวลชน หนา้ ท่ขี องส่ือมวลชนทีน่ กั วิชาการหลายทา่ นกลา่ วถึง มีดงั นี้ 1. รายงานข่าวสารให้กับสังคมเป็นการให้ข้อเท็จจริงต่าง ๆ ที่จะทําให้ผู้รับสารมีโลกทัศน์ ทก่ี วา้ งไกล สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพการณต์ ่าง ๆ ได้ ซงึ่ จะนําไปสู่การพัฒนาต่อไป 2. เสนอความคิดเห็น ด้วยการวิพากษ์วิจารณ์ สอดแทรกค่านิยม วิเคราะห์เหตุการณ์ โน้มนาํ ให้ผูร้ ับสารมที ัศนคตแิ ละพฤติกรรมตามทีต่ ้องการ 3. เสนอความบันเทิง การเสนอความบันเทิงในรูปแบบต่าง ๆ จะช่วยคลายความตึงเครียด ใหก้ บั ผ้รู บั สารได้อยา่ งดี หนังสอื พมิ พ์ หนังสือพิมพ์ คือ สื่อสิ่งพิมพ์ประเภทหนึ่งท่ีมีลักษณะเป็นแผ่นซ้อนพับไม่เย็บเล่ม มีกําหนด ระยะเวลาออกแน่นอนเป็นประจํา ผลิตโดยใช้เคร่ืองจักร มีเนื้อหาหลากหลาย แบ่งเป็นคอลัมน์ตาม ความเหมาะสม 1. เนื้อหาสาระในหนงั สือพิมพ์ เนอื้ หาในหนา้ ตา่ ง ๆ ของหนังสอื พมิ พ์โดยท่วั ไปมี 6 ลักษณะ ดงั นี้ 1.1 ข่าว เป็นการรายงานเร่ืองราวที่เป็นจริงต่าง ๆ ซ่ึงน่าสนใจท้ังในประเทศและต่างประเทศ ท่ีทันต่อเวลา ข่าวที่นําเสนอมีหลายชนิด เช่น ข่าวอาชญากรรม ข่าวการเมือง ข่าวความหายนะ ข่าวต่างประเทศ ข่าวเศรษฐกิจ ข่าวสังคม ข่าวสตรี ข่าวบันเทิง ข่าวการศึกษา ข่าววิทยาศาสตร์ ขา่ วเกษตรกรรม ขา่ วสาธารณสขุ ขา่ วกีฬา ขา่ วตา่ ง ๆ เหล่านี้อาจนาํ เสนอเฉพาะ เน้ือหา เฉพาะภาพ หรือ ทง้ั ภาพและเนื้อหาประกอบกนั 1.2 บทบรรณาธิการ หรือบทนํา เป็นข้อเขียนที่แสดงความคิดของหนังสือพิมพ์ แต่ละฉบับ ต่อเหตุการณ์ หรือเร่ืองราวท่ีเกิดข้ึน โดยเขียนข้ึนอย่างรอบคอบ ยุติธรรม ช้ีแนะหรือหาทางออกที่ดีที่สุด ในการวนิ จิ ฉยั แก้ปัญหาอยา่ งเป็นกลาง 1.3 บทความ เป็นการแสดงความคิดเห็นให้ผู้อ่านหนังสือพิมพ์ได้พิจารณาเหตุการณ์ ในแง่มุมต่าง ๆ บทความที่ปรากฏมีหลายชนิด เช่น บทความแสดงความคิดเห็น บทความวิจารณ์ บทความ สัมภาษณ์ บทความให้ความรู้ บทความรายงานพเิ ศษ ฯลฯ 1.4 ปกิณกะ เป็นข้อเขียนเบ็ดเตล็ดต่าง ๆ ที่ปรากฏในหนังสือพิมพ์ เช่น คอลัมน์ ซุบซิบ คอลมั นถ์ ามตอบ คอลมั นต์ รวจดวงชะตา ฯลฯ 1.5 บันเทงิ เนือ้ หาบันเทิงในหนังสือพมิ พ์มหี ลายรูปแบบทั้งการ์ตูน ข้อเขียน ล้อเลียน ขําขัน บทละคร โทรทศั น์ บทรอ้ ยกรอง ภาพดารา นายแบบ นางแบบ 1.6 โฆษณา หนังสือพิมพ์จะเป็นส่ือกลางนําเสนอสินค้าธุรกิจให้ผู้อ่านได้ตัดสินใจ ช่วยใน การพฒั นาธรุ กจิ ให้ก้าวหน้า เอกสารประกอบการเรียน ท30235 ภาษาเพ่อื การโฆษณาและประชาสมั พนั ธ์ 57

2. การเขยี นข่าว เน่อื งจากหนา้ ทีส่ ําคัญที่สุดของหนงั สอื พิมพ์ คือ นําเสนอข่าว ดังนั้นในบทเรียนนี้จะนําเสนอ เน้ือหาในหนังสือพิมพ์เฉพาะการเขียนข่าว การเขียนข่าวจะมีลักษณะของการเขียนท่ี แตกต่างจาก งานเขยี นประเภทอืน่ เพราะต้องนําเสนอข้อเทจ็ จริงทถี่ กู ตอ้ ง ฉบั ไว ดว้ ยความเปน็ กลาง 2.1 องค์ประกอบของขา่ ว การนาํ เสนอเร่ืองราวที่เกิดข้ึนให้เป็นข่าวควรพิจารณาว่าเรื่องน้ัน ๆ มอี งค์ประกอบใดของข่าวเข้ามาเก่ยี วขอ้ ง สิริวรรณ นันทจันทูล (2543: 72-74) กล่าวถึงองค์ประกอบของ ขา่ วไวด้ งั นี้ 2.1.1 ความสดใหม่ หรือความรวดเร็ว ความสดใหม่หรือความรวดเร็ว กล่าวคือ ความสดใหม่ในแง่ของเหตุการณ์ หรือ เร่ืองราวนั้นเพิ่งจะเกิดข้ึนสด ๆ ร้อน ๆ หรือเพ่ิงจะค้นพบและมีการรายงานเหตุการณ์น้ันอย่าง รวดเร็ว ในทันทีทันใด ย่ิงข้อมูลนั้นมีความสดมีความใหม่และรายงานได้อย่างรวดเร็วทันทีมากเท่าไร ก็ย่ิงได้รับ ความสนใจจากประชาชนมากเทา่ นัน้ 2.1.2 ปุถชุ นสนใจ ปถุ ุชนสนใจ หมายถึง เหตุการณ์ เร่ืองราวที่เกิดขึ้น ทําให้ผู้รับทราบเร่ืองราวน้ันเกิด ความสนใจอย่างมากจนเกิดความสะเทือนอารมณ์ไหว รู้สึกไปตามเหตุการณ์เรื่องราวที่เกิดขึ้น จนเกิด ความรู้สึกร่วมกับบุคคลท่ีประสบเหตุการณ์เช่นน้ันด้วยอารมณ์หรือความรู้สึก ดังกล่าวน้ันมีทั้งในส่วน โศกเศร้าเสยี ใจ เห็นอกเห็นใจ หดหูใจ สังเวชใจ เคียดแค้นชิงชังไปจนถึง ความรู้สึกปลาบปลื้มยินดี ภูมิใจ ดีใจไปกับเหตกุ ารณ์ บุคคลทเ่ี กยี่ วขอ้ งเรอ่ื งราวต่าง ๆ เหล่านจี้ ะมี คุณคา่ ของความเป็นขา่ วสูง 2.1.3 ความใกลช้ ิด ความใกล้ชิด หมายถึง ความสัมพันธ์ระหว่างเรื่องราวเหตุการณ์ท่ีเกิดขึ้นกับ ผู้รับ ทราบข้อมูลนั้นทั้งสัมพันธ์ทางร่างกายและจิตใจ ถ้ามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันมากก็จะได้รับความสนใจ ติดตามมาก ผู้อ่านหนังสือพิมพ์ย่อมจะสนใจเหตุการณ์เร่ืองราวท่ีเกี่ยวข้องกับตัวเขา ครอบครัว ญาติและ เพ่ือนมากกว่าเร่ืองราวท่ีเกิดขึ้นกับคนอ่ืนหรือสถานท่ีท่ีไม่รู้จัก ท้ังน้ีเป็นเพราะตามหลักจิตวิทยาแล้ว ธรรมชาตขิ องมนษุ ยจ์ ะสนใจเรือ่ งทอ่ี ย่ใู กล้ตัว อนั จะสง่ ผลกระทบตอ่ ตวั เขาได้ 2.1.4 ความมชี ่ือเสยี ง หรือความสําคญั ความมีช่ือเสียง หรือความสําคัญ กล่าวคือบุคคลท่ีเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ หรือ เรื่องราวนั้น มีช่ือเสียงอาจจะเป็นในด้านตําแหน่งหน้าที่การงาน เช่น นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงต่าง ๆ ประธานกรรมการผู้บริหารบริษัท ซึ่งมีกิจการมากมาย นักร้อง นักแสดง เป็นต้น หรือ ฐานะทางสังคม เช่น นางสาวไทย นักกีฬาท่ีได้รับเหรียญทอง นักมวยได้เป็นแชมเป้ียน นักเรียน นักศึกษา ท่ีได้รับเหรียญทองการแข่งขันเคมีโอลิมปิก เป็นต้น ตลอดจนวัตถุสิ่งของอันลํ้าค่าและเป็นที่รู้จักกัน โดยทั่วไป 2.1.5 ผลกระทบกระเทอื น ผลกระทบกระเทือน หมายถึง เหตุการณ์เร่ืองราวที่เกิดขึ้นน้ันมีผลกระทบต่อชีวิต ความเป็นอยู่ของบุคคลมากน้อยเพียงใด ก่อให้เกิดความเสียหาย ความสูญเสียทั้งร่างกาย ทรัพย์สิน ชื่อเสียง สถานภาพทางสังคม และความรู้สึกมากน้อยเพียงใด ถ้ามีผลกระทบกระเทือน ต่อบุคคลจํานวน มากย่อมจะได้รับความสนใจสูง คุณค่าของความเป็นข่าวจะมีมากตามไปด้วย เช่น ข่าวภัยพิบัติต่าง ๆ การลดภาษีมลู ค่าเพิม่ การข้ึนค่าสาธารณปู โภค เป็นตน้ เอกสารประกอบการเรียน ท30235 ภาษาเพ่อื การโฆษณาและประชาสมั พนั ธ์ 58

2.1.6 ความขัดแย้ง ความขัดแย้ง หมายถึง เรื่องราว เหตุการณ์ท่ีแสดงถึงความขัดแย้งใน ความสัมพันธ์ ระหว่างมนุษย์ในสังคมขนาดเล็กระดับครอบครัวไปจนถึงสังคมขนาดใหญ่ ระดับประเทศ ระดับโลก ซ่ึงมี ทั้งความขดั แย้งทางกายและความขัดแย้งทางจิตใจ (ทางความคิด) และอาจจะสร้างปัญหา ต่าง ๆ ตามมา เช่น ปัญหาการหย่าร้าง การทะเลาะวิวาท การชุมนุมประท้วงจนถึงข้ันนองเลือด การทํา สงคราม ความ ขดั แย้งทางความคิด เชน่ ทางการเมือง ทางเศรษฐกิจ ทางสงั คม ทางศาสนา เปน็ ต้น 2.1.7 ความมเี งอ่ื นงาํ ความมีเง่ือนงํา หมายถึง เร่ืองราว เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นแล้วแต่ยังไม่ยุติ หรือ มี เบอื้ งหลังที่ซับซ้อน ความจริงบางประการยังไม่เปิดเผยให้กระจ่างชัด ต้องใช้เวลาระยะหน่ึง ให้เหตุการณ์ คําเนินไปใช้เวลาสืบและค้นหา ทําให้เร่ืองราวนั้นชัดเจนขึ้น เร่ืองราวเหล่าน้ีทําให้ ประชาชนสงสัย กระหายใครร่ ้เู ร่ืองราวต่อไป กระหายใครร่ ู้ความจรงิ ทยี่ ังไม่กระจ่างน้ัน เช่น การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎร การฆาตกรรมอาํ พราง การโจรกรรมอยา่ งไร้รอ่ งรอย เป็นตน้ 2.1.8 ความแปลกประหลาด ความแปลกประหลาด หมายถึง เหตุการณ์ เรื่องราวท่ีเกิดขึ้นผิดไปจากปกติวิสัย เป็นส่ิงที่แปลกประหลาด หรือสิ่งท่ีไม่เคยพบ ไม่เคยเห็น ไม่เคยรู้มาก่อน ไม่ว่าจะเป็น ปรากฏการณ์ทาง ธรรมชาติหรือทางสังคม เช่น การคลอดลูกแฝดจํานวนมาก ทารกมีลักษณะผิดธรรมดา มี 2 หัว 3 ขา ต้นหมาก ปาล์ม แตกหน่อเป็นรูปพญานาค ลูกหมีมีนอเหมือนแรด มีผู้เห็นพญานาค ปรากฏตัวกลาง ลาํ น้ําโขง การทรงเจา้ อทิ ธปิ าฏหิ ารยิ ์ต่าง ๆ 2.1.9 องค์ประกอบทางเพศ องค์ประกอบทางเพศ หมายถึง เหตุการณ์ เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับเพศ เพศหญิง เพศชาย ผมู้ พี ฤตกิ รรมเบย่ี งเบนทางเพศไม่ว่าเรื่องราว เหตุการณ์นั้นจะดีหรือไม่ดี มักจะ ได้รับความสนใจ เป็นข่าวเสมอ ย่ิงถ้าเป็นเร่ืองแปลกใหม่จะได้รับความสนใจมากข้ึน เช่น การข่มขืน การคบหาเพ่ือน ตา่ งเพศมากหน้าหลายตาโดยเฉพาะคนมีช่อื เสยี ง การเรยี กร้องสิทธิสตรี การแต่งงาน ระหว่างเพศเดียวกัน หรือต่างเพศ การเรียกรอ้ งสิทธิของเพศทีส่ าม เป็นตน้ 2.1.10 ความกา้ วหน้า ความก้าวหน้า หมายถึง เรื่องราว เหตุการณ์ที่เป็นความก้าวหน้าทาง เทคโนโลยี ทางวิชาการแขนงต่าง ๆ โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับชีวิตมนุษย์ ความเป็นอยู่ของสังคมมนุษย์ เช่น ทางวิทยาศาสตร์ ทางการแพทย์ ทางเภสัชศาสตร์ ทางอุตสาหกรรมการผลิต ทางการสื่อสาร เป็นต้น ตลอดจนความก้าวหน้าของบุคคลทั่วไปซึ่งประสบความสําเร็จอย่างสูงในชีวิต ผู้คนก็สนใจ ใคร่รู้ เขาทํา อยา่ งไรจึงประสบความสาํ เรจ็ เชน่ นัน้ ได้ 2.2 คุณลักษณะของข่าวท่ีดี มาลี บุญศิริพันธ์ (2534 หน้า 43 - 44) กล่าวถึง คุณลักษณะ ของข่าวทเ่ี ช่ือถอื ได้ตอ้ งมลี ักษณะ ดังนี้ 2.2.1 ความถูกต้อง ข้อเท็จจริงต้องมีความถูกต้อง เที่ยงตรงในข้อมูลต่าง ๆ ก่อนจะ รายงานออกไป ควรจะได้มีการตรวจสอบให้แน่นอนเสียก่อนว่าข้อเท็จจริง เช่น ชื่อ นามสกุล ของบุคคล อายุ สถานที่ ตําแหน่ง ตัวสะกคถูกต้องหรือไม่ รวมตลอดถึงวิธีการรวบรวม เรียบเรียง ให้ข้อเท็จจริง ปรากฏแก่ผู้อ่านก็ควรจะทําให้เข้าใจถูกต้อง ไม่เฉพาะเพียงข้อเท็จจริงปลีกย่อยเท่านั้น แต่รวมถึงการใช้ ภาษาให้เขา้ ใจง่ายและถกู ต้องด้วย เอกสารประกอบการเรียน ท30235 ภาษาเพ่อื การโฆษณาและประชาสมั พนั ธ์ 59

2.2.2 ความสมดุล การรายงานข่าวท่ีดีควรให้ความเสมอภาคในการเสนอ ข้อเท็จจริง ทกุ ด้าน เพ่ือใหผ้ ้อู า่ นเข้าใจเหตุการณ์ได้อย่างถูกตอ้ ง ให้ความเป็นธรรมแก่บุคคลในข่าว เช่น การเสนอข่าว กฬี า ผเู้ ขยี นข่าวต้องทําใจให้เป็นกลาง เสนอจุดอ่อน จุดแข็งของคู่ต่อสู้ท้ัง 2 ฝ่าย ให้เท่าเทียมกัน ในกรณี เสนอข่าวท่ีมีความขัดแย้ง ควรเปิดโอกาสให้ท้ัง 2 ฝ่าย ได้แสดงความคิดเห็น และรายงานสู่สายตาผู้อ่าน อย่างเท่าเทียมกัน ความสมดุลมิได้หมายถึงการรายงานส่ิงปลีกย่อยทุกส่ิงทุกอย่าง แต่หมายถึงการให้ ข้อมูลที่สําคัญเป็นธรรมพอท่ีผู้อ่านสามารถจะใช้ดุลยพินิจได้อย่าง ถูกต้อง ให้ความเป็นธรรมท้ังแก่บุคคล ในข่าว และผู้อ่านอยา่ งเตม็ ท่ี 2.2.3 ความเป็นกลาง ความเป็นกลางหมายถึง การรายงานข่าวอย่างตรงไป ตรงมา ไม่มีอคติหรือใส่ความคิดเห็นของผู้เขียนลงไป ปกติความเป็นกลาง หรือความเที่ยงตรง อาจปฏิบัติได้ยาก เน่อื งจากมนุษยก์ ็เปน็ ปุถุชนธรรมดาเท่านั้น ผูเ้ ขียนข่าวจงึ ตอ้ งฝึกฝนเพิ่ม ความระมดั ระวังมากขึ้น พยายาม เสนอข่าวในทุกแง่ทกุ มมุ ใหม้ ากท่ีสุด ไมเ่ อาความรูส้ กึ ตวั เอง เขา้ ไปผกู พันกบั เหตุการณ์อยา่ งสนิ้ เชิง 2.2.4 ความกระชับชัดเจน ข่าวที่ดีควรมีรูปแบบการเขียนท่ีกระชับ กระจ่าง ชัดเจน ในตัวมันเอง รัดกุม และเข้าใจง่าย ใช้ภาษาอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีความหมายหลายแง่มุม ยากแก่ การเข้าใจ เพราะภาษาท่ีใช้เขียนข่าวต้องการให้คนอ่านเข้าใจได้ทันทีในเวลาอันรวดเร็ว มิใช่ภาษา วรรณคดีท่ีตอ้ งอาศัยอรรถรสของความงามทางภาษา 2.2.5 ความรวดเร็ว ความรวดเร็วทันต่อเหตุการณ์เป็นคุณสมบัติสําคัญมาก อย่างหน่ึง ในการรายงานข่าว ปัจจุบันเทคโนโลยีการพิมพ์พัฒนาข้ึนมาก ทําให้การรายงานข่าวไป ถึงผู้อ่านได้เร็ว ฉะนั้น คุณค่าของความรวดเร็วทันสมัยจึงยังสําคัญอยู่และย่ิงจําเป็นมากขึน ตามลําดับ ภายใต้สังคมท่ีมี การแข่งขันอย่างทุกวันนี้ คําว่า “เม่ือวานน้ี ” “เมื่อเช้าน้ี” และ “วันนี้” จะปรากฏอยู่ในรายงานข่าวเพ่ือ แสดงถึงความสดและความฉบั ไวของการรายงานขา่ วเสมอ 2.3 โครงสร้างของขา่ ว ขา่ วจะประกอบข้ึนจากโครงสรา้ งสําคญั 4 ส่วน คอื 2.3.1 พาดหวั ขา่ ว (head line) คอื การเขียนตวั อักษรทีม่ ขี นาดใหญ่กว่าธรรมดา ที่นํา ประเด็นสําคัญของข่าวมากล่าวถึง โดยมีจุดประสงค์เพ่ือเรียกร้องความสนใจจากผู้อ่าน บอกลําดับ ความสาํ คญั ของขา่ ว การใช้ภาษาพาดหัวข่าว การเขียนพาดหัวข่าวเพ่ือเร้าความสนใจ สามารถ ทําได้โดย เลอื กใชค้ าํ ทีท่ าํ ให้เห็นภาพมีชวี ติ ชวี า เชน่ https://www.dailynews.co.th/articles/263879/ https://www.thairath.co.th/home 60 เอกสารประกอบการเรยี น ท30235 ภาษาเพ่อื การโฆษณาและประชาสมั พนั ธ์

การวางรูปประโยคอาจมีการละประธาน กรรม เพ่ืออําพรางให้ติดตามข่าว และเพ่ือ ประหยดั เน้อื ท่ี เช่น https://www.thairath75.ac.th/67 https://hilight.kapook.com/view/206123 เลือกใช้คาํ สน้ั ๆ คาํ ย่อ และสํานวน เชน่ https://www.one31.net/news https://news.thaipbs.or.th/content/307284 ใช้คาํ สแลง คําภาษาต่างประเทศ เชน่ https://www.thaiquote.org/media/G0DL5oPyrtt5HBAi4 https://www.sanook.com/sport/ ORmAplsyt7it5rOKPMWr2665wODQCHesA0MUf.jpg เรียกชอื่ บคุ คลที่เกย่ี วขอ้ งกับข่าว เช่น https://news.ch7.com/detail/510899 https://www.newtv.co.th/news/3016 เอกสารประกอบการเรยี น ท30235 ภาษาเพ่อื การโฆษณาและประชาสมั พนั ธ์ 61

2.3.2 ความนํา (lead) เป็นส่วนท่ีผู้ขียนสรุปประเด็นสําคัญที่สุดของเหตุการณ์เพื่อให้ ผู้รับทราบทันทีเกี่ยวกับใคร ทําอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ ทําไมและอย่างไร สามารถเขียนได้หลายแบบแต่ท่ี นิยม คอื ความนําแบบสรุปความ ท่ีสรุปความสําคัญของข่าวทําให้ผู้อ่านเข้าใจเร่ืองราว เหตุการณ์ท่ีเกิดข้ึน ได้อย่าง รวดเร็ว การเขียนความนําแบบสรุปจะใช้ภาษาที่กระชับรัดกุมตรงไปตรงมา ใช้คําสั้นที่ให้ เน้อื ความมากเข้าใจง่าย 2.3.3 ส่วนเช่ือม (neck) เป็นข้อความท่ีโยงความสัมพันธ์ระหว่างความนํากับ เนื้อหา เพอื่ เพิม่ เตมิ ข้อมูลจากความนาํ หรือบอกทีม่ าของขา่ ว หรอื อธิบายภูมหิ ลงั ของข่าว 2.3.4 เน้ือข่าว (body) เป็นการเล่าเน้ือหาของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ภาษาที่ใช้จะกระชับ รัดกมุ ใชถ้ อ้ ยคาํ ท่เี ข้าใจง่าย แต่หากต้องการพรรณนาให้เห็นภาพ ภาษานั้นต้องเลือกใช้คําที่แสดงอารมณ์ ความรูส้ ึกดว้ ย ตวั อย่างโครงสร้างข่าว เอกสารประกอบการเรยี น ท30235 ภาษาเพ่อื การโฆษณาและประชาสมั พนั ธ์ 62

(ไทยรฐั 11 กรกฎาคม 2546 , 1, 14) 2.4 รูปแบบการเขยี นขา่ ว รปู แบบในการเขยี นข่าวทาํ ได้หลายรปู แบบ ดังนี้ 2.4.1 การเขียนข่าวแบบพีระมิดหัวกลับ เป็นรูปแบบการเขียนข่าวท่ีนิยมมากท่ีสุด โดย นาํ ความสาํ คัญของประเดน็ ขา่ วเด่น ๆ มากลา่ วไวก้ อ่ น แลว้ ตามประเดน็ สําคญั รอง ๆ ลงไป ประเดน็ สาํ คัญ รายละเอียด รายละเอยี ด เอกสารประกอบการเรยี น ท30235 ภาษาเพ่อื การโฆษณาและประชาสมั พนั ธ์ 63

ตวั อย่างการเขยี นขา่ วแบบพีระมดิ หวั กลับ เอกสารประกอบการเรียน ท30235 ภาษาเพ่อื การโฆษณาและประชาสมั พนั ธ์ 64

(ไทยรฐั 11 กรกฎาคม 2546 , 1, 19) 2.4.2 การเขียนข่าวแบบพีระมิดหัวต้ัง เป็นรูปแบบการเขียนข่าวที่ไม่ค่อย ได้รับ ความนิยมเท่าใดนัก จะเร่ิมจากการเขียนความนําท่ีนําเสนอเนื้อหาที่ไม่สําคัญมาก จากนั้นจึงให้ข้อมูล ท่ีสาํ คญั ข้ึนตามลําดับ ประเด็นสําคัญที่สุดท่นี าํ เสนอในพาดหวั ขา่ วจะอยูท่ า้ ยสุด ประเดน็ สําคญั รายละเอยี ด รายละเอยี ด ตัวอย่างการเขยี นข่าวแบบพรี ะมดิ หวั ต้ัง เอกสารประกอบการเรียน ท30235 ภาษาเพ่อื การโฆษณาและประชาสมั พนั ธ์ 65

(ไทยรัฐ 11 กรกฎาคม 2546: 8) เอกสารประกอบการเรยี น ท30235 ภาษาเพ่อื การโฆษณาและประชาสมั พนั ธ์ 66

2.4.3 การเขยี นข่าวแบบส่ีเหลี่ยมผืนผ้าทรงยืน ถาวร บุญปวัฒน์ (2538: 106) กล่าวว่า การเขียนข่าวแบบส่ีเหลี่ยมผืนผ้าทรงยืน ใช้เขียนกับข่าวท่ีไม่ค่อยสําคัญ ข่าวสั้น ๆ การเขียนเร่ิมจาก ความเชอ่ื ม หรอื ไม่กเ็ ร่มิ จากเน้ือเร่ืองขา่ วหลงั จากพาดหวั ข่าวแล้วไมม่ ีความนาํ ตวั อย่างการเขียนข่าวแบบสี่เหล่ยี มผนื ผา้ ทรงยืน 3. ลักษณะของภาษาหนงั สือพมิ พ์ (ไทยรัฐ 11 กรกฎาคม 2546 , หนา้ 19) 1) ใชร้ ูปประโยคทีข่ ้นึ ตน้ ด้วยส่งิ ทต่ี อ้ งการเนน้ แฝดสาวหัวติด ผ่าแยกรา่ งคับ สับ 50 แผล ! ฆ่าถลกหนงั หัวพเ่ี มยี เปดิ แล้วจดุ กลบั รถทางด่วน จุดแรกท่ีหลังคา่ นเพลนิ จติ 2) ใช้ถ้อยคําแปลกใหม่ “โอค๊ ” เลกิ “แอน” “แพร” ตวั กัน แฉมาเฟยี มีสี รอบตัวนายกฯ ไอ้คนฆา่ หมา พากนั มอบตวั ปรับจิ๊บจ๊อย 3) ใชเ้ ครอ่ื งหมายวรรคตอน อเมริกนั พิทบลู เทอรเ์ รยี ? หมาเพชรฆาต ? ทาสผ้ภู ักดี ต้ังชิดชยั - ผบ. คิดเยอะไป...? เอกสารประกอบการเรยี น ท30235 ภาษาเพ่อื การโฆษณาและประชาสมั พนั ธ์ 67

4) ใช้การย่อ ตัดคํา “วนั นอร์” ฟนั ผู้วา่ ฯ พังงา ฟงั ผล 8 ก.ค. วทิ ยุโทรทัศน์ วทิ ยุโทรทศั น์ หรือท่ีคนทั่วไปเรียกว่า โทรทัศน์ เกิดขึ้นหลังสื่อมวลชนประเภทวิทยุ แต่ ได้รับการ พัฒนารวดเรว็ กวา่ เพราะสามารถเข้าถึงผู้ชมได้มากและได้รบั ความสนใจมากกว่าด้วยเหตุท่ี ผู้ชมสามารถรับ สารได้ทง้ั การฟงั และการดู 1. รูปแบบรายการโทรทศั น์ รปู แบบในการจดั รายการโทรทัศนม์ ีหลายรูปแบบ รปู แบบทีไ่ ดร้ บั ความนิยมมดี งั น้ี 1.1 แบบบรรยาย เป็นรายการที่จัดข้ึนเพ่ือให้ความรู้แก่ผู้ชม ดังน้ันผู้บรรยายต้องใช้ศิลปะ ในการบรรยาย เช่น มีการใช้อุปกรณ์ มีการสาธิตประกอบการบรรยายก็จะช่วยให้ผู้ชมเข้าใจ เน้ือหาได้ ชัดเจนขึน้ 1.2 แบบอภิปราย เป็นรายการท่ีจัดคล้ายแบบบรรยายแต่มีผู้บรรยายหลายคน มีการซักถาม โต้ตอบแสดงความคิดเห็นในประเด็นต่าง ๆ ช่วงท้ายรายการเปิดโอกาสให้ผู้ชมโทรศัพท์มาร่วมแสดง ความคิดเหน็ หรอื ซกั ถามได้ 1.3 แบบสัมภาษณ์ เป็นรายการท่ีผู้ดําเนินรายการ เชิญบุคคลที่มีช่ือเสียงหรือประสบ ความสําเร็จในด้านต่าง ๆ มาสัมภาษณ์ ผู้คําเนินรายการต้องมีความสามารถในการต้ังคําถาม และควบคุม บรรยากาศขณะสัมภาษณใ์ ห้นา่ สนใจ 1.4 แบบแสดงบทบาท เป็นรายการท่ีดึงดูดความสนใจของผู้ชมได้มากเพราะมุ่งให้ ความสนกุ สนาน เพลิดเพลิน มักจัดในรูปรายการละคร รายการเพลง 2. ขอ้ แนะนาในการเขยี นบทโทรทศั น์ บทโทรทัศน์เป็นองค์ประกอบสําคัญในการจัดรายการโทรทัศน์ การเขียนบทท่ีดีควรปฏิบัติ ดงั น้ี 2.1 การเขียนบทโทรทัศน์เป็นสื่อที่ให้ทั้งภาพและเสียง บทท่ีเขียนข้ึนต้องสามารถถ่ายทอด ออกมาเป็นภาพ ส่วนเสียงน้ันต้องเป็นบทพูดและมีเสียงดนตรีประกอบ ทั้งภาพ บทพูด และเสียงคนตรี ต้องมคี วามสัมพันธ์กนั รายการจงึ จะนา่ สนใจ 2.2 ผู้เขียนบทต้องมีความรู้เกี่ยวกับการจัดรายการโทรทัศน์ ในเร่ืองเก่ียวกับภาพ คําศัพท์ ต่าง ๆ ที่เก่ียวข้อง เพ่ือให้ภาพมีความเคล่ือนไหว เช่น ซูม (zoom) เป็นการเคลื่อนไหวของ กล้องด้วย วธิ ีการเปล่ียนทางยาวโฟกสั ของเลนส์ ทาํ ใหภ้ าพมขี นาดเปลี่ยนไป 2.3 เลือกแบบของบทให้เหมาะสมกับรายการ 2.4 การกาํ หนดเวลาให้ภาพปรากฎบนจอนานพอทีผ่ ูช้ มจะสอ่ื สารได้เขา้ ใจ 2.5 เขียนเพื่อเป็นแนวทางให้เกิดความสัมพันธ์ระหว่างผู้ชมและกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งอาจไม่ใช่ ผู้ชมสว่ นใหญ่ 2.6 พยายามใช้ถอ้ ยคําร่วมยุคสมยั และควรเป็นคาํ ท่ีเขา้ ใจงา่ ย 2.7 เขียนเร่ืองท่ีสนใจ ค้นคว้าหาความรู้เป็นข้อมูลในการเขียน และพัฒนารูปแบบการเขียน ของตนเองโดยไมล่ อกเลยี นแบบผู้อืน่ เอกสารประกอบการเรยี น ท30235 ภาษาเพ่อื การโฆษณาและประชาสมั พนั ธ์ 68

2.8 บทโทรทัศน์ต้องพิมพ์ด้วยกระดาษหน้าเดียวเว้น 2 บรรทัดพิมพ์ เพ่ือให้อ่านง่าย เนือ้ กระดาษประมาณ 80 แกรม เพื่อไม่ให้เกิดเสยี งดงั เวลาอ่าน 2.9 กระดาษพิมพ์บทควรเป็นสีอ่อน เช่น ฟ้า ชมพู หรือเขียว จะทําให้ไม่สะท้อนแสง และ อ่านสบายตากว่าสีขาว 3. ประเภทของบทโทรทศั น์ อรนชุ เลศิ จรรยารกั ษ์ (2544 , หน้า 37 - 39) กลา่ วถึงประเภทของบทโทรทัศน์ไว้ 4 ประเภท ดังนี้ 3.1 บทโทรทศั นแ์ บบสมบูรณ์ บทโทรทัศน์ประเภทน้ี จะบอกคําพูดทุกคําพูดที่ผู้พูดจะพูดในรายการตั้งแต่ต้น จนจบ พร้อมกันน้ันก็จะบอกรายละเอียดเกี่ยวกับคําส่ังทางด้านภาพและเสียงไว้โดยสมบูรณ์ รายการที่ใช้บท ประเภทนี้ ได้แก่ รายการละคร รายการตลก รายการข่าว และรายการโฆษณาสนิ คา้ สําคัญ ๆ ประโยชน์ของการเขียนบทโทรทัศน์ท่ีสมบูรณ์ คือ เราสามารถมองภาพของรายการ ได้ต้ังแต่ต้นจนจบก่อนที่จะมีการซ้อม ทําให้เราสามารถกําหนดมุมกล้อง ขนาดภาพ และขนาดของเลนส์ ท่ใี ช้ ตลอดจนกาํ หนดเวลาการเคลื่อนไหวของกล้องได้อย่างถูกต้องแน่นอน ขอ้ เสยี เปรียบของบทโทรทัศนแ์ บบนคี้ อื เราจะต้องปฏิบัติตามบทอย่างเคร่งครัด ถ้าทุกสิ่ง ทกุ อยา่ งเป็นไปตามบทรายการก็ดาํ เนินไปด้วยดแี ละสมบูรณ์ แต่ถ้าบังเอิญผู้แสดงเกิดลืม ท่ีจะพูดหรือแสดง ไมต่ รงตามบทหรือตากล้องเกิดลืมมุมกล้องบางมุมไป ผู้กํากับรายการและผู้ร่วมทีมงาน การถ่ายทํารายการ นัน้ ก็จะเกดิ ความสับสนและต้องพยายามแก้ไขปญั หาเฉพาะหนา้ ทเ่ี กิดขนึ้ ให้ได้ 3.2 บทโทรทัศนอ์ ยา่ งยอ่ โดยท่ัวไปแล้วบทโทรทัศน์อย่างย่อคล้ายกับบทโทรทัศน์ที่สมบูรณ์ คือ มีรายละเอียด เกี่ยวกับคําสั่งทางด้านภาพและเสียงไว้ แต่บทโทรทัศน์อย่างย่อมีข้อแตกต่างกับบทโทรทัศน์ แบบสมบูรณ์ ตรงที่คําพูดหรือคําบรรยาย หรือบทสนทนา ไม่ได้ระบุหมดทุกตัวอักษร บอกไว้เพียงแต่หัวข้อเรื่อง หรือ เสยี งทจ่ี ะพูดโดยทั่วไปเทา่ นัน้ บทโทรทัศน์อย่างย่อนี้มีการใช้กับรายการประเภทรายการเพื่อการศึกษา รายการ ปกิณกะ และรายการประเภทตา่ ง ๆ ทีผ่ ูพ้ ดู ผู้สนทนา หรือผบู้ รรยายพดู เองเป็นส่วนใหญ่ ไมม่ รี ะบใุ นบท 3.3 บทโทรทศั น์บอกเฉพาะรปู แบบ บทโทรทัศน์ประเภทนี้เขียนเฉพาะคําส่ังของส่วนต่าง ๆ ที่สําคัญในรายการฉากสําคัญ ๆ ลําดับรายการที่สําคัญ ๆ บอกเวลาของรายการแต่ละตอน เวลาดําเนินรายการบทโทรทัศน์ แบบนี้มักจะใช้ กบั รายการประจาํ ของสถานี อาทิ รายการสนทนา รายการปกิณกะ รายการอภปิ ราย 3.4 บทโทรทัศนอ์ ย่างคร่าวๆ บทโทรทศั น์ประเภทน้ีจะเขยี นเฉพาะสง่ิ ที่จะออกทางหน้ากล้องโทรทัศน์เท่านั้น และบอก คําพูดท่ีจะพูดประกอบสิ่งที่ออกหน้ากล้องไว้อย่างคร่าว ๆ ไม่มีคําสั่งทางด้านภาพ และ ด้านเสียง โดยเฉพาะบทโทรทศั นอ์ ย่างคร่าว ๆ น้ี ส่วนใหญ่บริษัทโฆษณาจะเขียนมาให้ว่าต้องการ ให้มีภาพของสินค้า ของเขาอะไรบา้ งออกอากาศและคนโฆษณาควรพูดอะไรบ้าง แต่ส่วนใหญ่ไม่มี บทพูดโฆษณา โดยละเอียดผู้ โฆษณาตอ้ งพูดเอาเอง โดยท่ัวไปแล้วผู้กํากับรายการจะต้องนําบทอย่างคร่าว ๆ น้ีมาเขียนตบแต่งใหม่ ให้เข้าอยู่ใน รปู ของบทโทรทัศน์เฉพาะรูปแบบเสียก่อน ผู้กํากับรายการและผู้ร่วมงานการผลิต รายการโทรทัศน์ทั้งหมด จะได้รวู้ า่ เขาควรจะทํางานตามขนั้ ตอนอย่างไร การกาํ กับรายการจาก บทโทรทัศน์อย่างคร่าว ๆ นั้น ไม่นิยม ทํากนั เพราะผลงานทอ่ี อกมานน้ั ไม่เปน็ ทีน่ ่าพอใจท้ังผกู้ ํากบั รายการ ผูร้ ่วมงาน และตัวผูแ้ สดง เอกสารประกอบการเรียน ท30235 ภาษาเพ่อื การโฆษณาและประชาสมั พนั ธ์ 69

ตัวอยา่ งบทโทรทัศน์สมบูรณแ์ บบ เอกสารประกอบการเรียน ท30235 ภาษาเพ่อื การโฆษณาและประชาสมั พนั ธ์ 70

เอกสารประกอบการเรยี น ท30235 ภาษาเพ่อื การโฆษณาและประชาสมั พนั ธ์ 71

เอกสารประกอบการเรยี น ท30235 ภาษาเพ่อื การโฆษณาและประชาสมั พนั ธ์ 72

เอกสารประกอบการเรยี น ท30235 ภาษาเพ่อื การโฆษณาและประชาสมั พนั ธ์ 73

(อรนชุ เลิศจรรยารักษ์ , 2544: 44-48) เอกสารประกอบการเรียน ท30235 ภาษาเพ่อื การโฆษณาและประชาสมั พนั ธ์ 74

ตวั อย่างบทโทรทัศน์อย่างย่อ ตัวอย่างบทโทรทัศน์บอกเฉพาะรูปแบบ ตัวอย่างบทโทรทัศน์อยา่ งคร่าว ๆ 75 เอกสารประกอบการเรยี น ท30235 ภาษาเพ่อื การโฆษณาและประชาสมั พนั ธ์

ลกั ษณะของภาษาโทรทศั น์ การเลือกใช้คําในภาษาโทรทัศน์จะเหมือนกับภาษาวิทยุ คือ ใช้คําท่ีสื่อความหมายง่าย ชัดเจน สามารถใช้คําร่วมสมัยได้ เพื่อเร้าความสนใจและเกิดความสมจริงกับรายการท่ีนําเสนอ แต่บทของรายการ โทรทัศน์จะต้องเขียนข้ึนเพ่ือส่ือความหมายด้วยภาพ ดังน้ันบทท่ีเขียนข้ึนต้องเป็นบทที่ สามารถหาภาพ มาประกอบได้ คําย่อสามารถใช้ได้บ้างเพราะมีภาพช่วยสื่อความชัดเจน ความยาวของบทต้องมีพอกับ ช่วงเวลาที่ภาพปรากฎบนหน้าจอ นอกจากน้ีรูปแบบของบทก็ต้องมีรายละเอียดพอที่จะให้ผู้เก่ียวข้อง สามารถนาํ ไปดาํ เนนิ การต่อไปได้ถูกตอ้ ง สรปุ ภาษาส่อื สารมวลชน เป็นภาษาเฉพาะกิจแบบหน่ึงที่มีลักษณะเฉพาะเป็นของตนเอง เพราะภาษา เขียนที่ใช้ต้องเหมาะสมกับสื่อมวลชน ประเภทต่าง ๆ กล่าวคือ ภาษาหนังสือพิมพ์ ต้องมีลักษณะส้ัน กะทัดรัด เข้าใจง่ายเพราะต้องนําเสนอในเนื้อท่ีจํากัด และรีบด่วน มีการสร้างคํา รูปประโยค และ ใชเ้ ครอื่ งหมายวรรคตอนตา่ ง ๆ มาช่วยเรา้ ความสนใจของผอู้ า่ น สว่ นภาษาวิทยุ ต้องมีลักษณะของการเขียน เพ่ือพูด ดังน้ันถ้อยคําท่ีใช้ต้องเข้าใจง่าย รูปประโยคไม่ซับซ้อน และ ต้องมีการกล่าวซํ้า เน้นย้ํา เพื่อตรึง ความสนใจของผู้ฟัง สําหรับภาษาโทรทัศน์ ต้องมีลักษณะของ การเขียนเพื่อพูด และชม ดังน้ันภาษาเขียน ที่ใชต้ ้องสามารถหาภาพมาประกอบได้อย่างเหมาะสม กบั เรอ่ื ง และรูปแบบของรายการ กิจกรรมคาถามทบทวน 76 ภาษาส่อื สารมวลชน 1. การสอ่ื สารมวลชนคอื อะไร 2. สือ่ มวลชนมีหนา้ ทอ่ี ะไรบา้ ง 3. เนือ้ หาสาระในหนังสือพมิ พม์ ีอะไรบ้าง 4. โครงสร้างของข่าวมอี ะไรบ้าง 5. การเขียนข่าวมกี ่ีรูปแบบ อะไรบา้ 6. ภาษาหนงั สอื พิมพม์ ีลกั ษณะอย่างไร 7. การเขียนบทโทรทัศน์มกี ร่ี ปู แบบ 8. ภาษาโทรทศั นม์ ีลักษณะอย่างไร เอกสารประกอบการเรยี น ท30235 ภาษาเพ่อื การโฆษณาและประชาสมั พนั ธ์

รายการอ้างองิ ขนิษฐา ปาลโมกข.์ (2542). การเขียนบทโฆษณา. กรุงเทพฯ: สถาบนั ราชภัฏสวนดุสติ . ค้มุ ครองผูบ้ ริโภค, สํานกั งานคณะกรรมการ. (2546). อาหารฟาสต์ฟดู สารอาหารท่ไี มส่ มดลุ และ ใหพ้ ลังงานมากกว่าทร่ี า่ งกายตอ้ งการใน 1 มือ้ . [แผ่นพบั ]. จมุ พล รอดคําดี. (2525). ค่มู ือการผลติ รายการวทิ ยุกระจายเสียง. (พิมพ์ครัง้ ท่ี 2). กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย . จมุ พล รอดคาํ ดี. (2532). ส่อื มวลชนเพือ่ การพฒั นา. กรงุ เทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั . ฐากูร โกมารกลุ ณ นคร. (2545, กนั ยายน), สมั ผสั ลมหายใจแหง่ เรือไทยพืน้ บา้ น อสท., 43 (2) 80. ชวรัตน์ เชดิ ชยั . (2527). ความร้ทู ัว่ ไปเกย่ี วกับการสือ่ สารมวลชน. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. ชวลิต ผ้ภู กั ดี. (2543). ภาษาเฉพาะกจิ . กรงุ เทพฯ: พศิ ิษฐก์ ารพมิ พ์. ณรงค์ สมพงษ.์ (2535). สื่อเพื่องานส่งเสริมเผยแพร่. กรุงเทพฯ: โอเดียนสโตร์. . (2543). สอ่ื สารมวลชนเพ่อื งานสง่ เสรมิ . กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. ดวงทพิ ย์ วรพนั ธุ์. (2541). ภาษาภาพยนตรแ์ ละวทิ ยุโทรทัศน์, ใน มหาวทิ ยาลัยสุโขทยั ธรรมาธิราช, ภาษาเพ่ือการสื่อสาร. (794-868), (พมิ พค์ รั้งท่ี 15), นนทบรุ :ี มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. ทพิ วรรณ วิระสงิ ห์. (2532). การใชภ้ าษาในการโฆษณา. (พมิ พค์ รั้งที่ 2), กรงุ เทพฯ: มหาวิทยาลยั รามคาํ แหง. นรนิ ทรช์ ัย พฒั นพงศา. (2542). การสอื่ สารรณรงค์เชิงยุทธศาสตรเ์ พ่ือเปล่ียนพฤตกิ รรมมนุษย์ กรุงเทพฯ: ว.ี บี. บุค๊ เซนเตอร์. นายกรัฐมนตรี, สาํ นัก. (2539). ระเบยี บสาํ นกั นายกรัฐมนตรวี า่ ด้วยงานสารบรรณ พ.ศ. 2526. (พิมพ์คร้งั ท่ี 7). กรุงเทพฯ : ศิลปะสนองการพมิ พ.์ ปณธิ าน บรรณาธรรม. (2546). เอกสารประกอบการสอนรายวิชา ภาษาเฉพาะกิจ. กรุงเทพฯ: สถาบนั ราชภัฏสวนสนุ ันทา. ปถพีรดี. (2545 สิงหาคม), คนสาํ คัญท่ีแทจ้ ริง, สกลุ ไทย, 48 (2494), 118. ปรมะ สตะเวทนิ . (2539). การส่อื สารมวลชน. กรุงเทพฯ: ภาพพิมพ์. พนา ทองมคี ม. (2531). พฤตกิ รรมการสอ่ื สารในการตลาด. ใน มหาวิทยาลัยสโุ ขทยั ธรรมาธิราช, พฤตกิ รรมศาสตร์การสือ่ สาร. (636-640). (พิมพ์ครัง้ ท่ี 3), นนทบรุ ี: มหาวิทยาลยั สุโขทัยธรรมาธริ าช. พชั นี เชยจรรยา. (2539). การเขยี นเอกสารเพื่อการประชาสัมพันธ์ ใน มหาวทิ ยาลัยสโุ ขทัยธรรมาธิราช การเขยี นเพ่ือการสอ่ื สารทางธรุ กจิ (464-509), (พมิ พ์ครงั้ ท่ี 3). นนทบุรี: มหาวทิ ยาลัยสุโขทยั ธรรมาธิราช. ภิญโญ ช่างสาน. (2542). ภาษาเพ่ือการสือ่ สาร. สงขลา: คณะมนษุ ยศาสตรแ์ ละสงั คมศาสตร์ สถาบันราชภัฏสงขลา. มาลี บญุ ศิรพิ ันธ์. (2534). หลกั การทาํ หนังสอื พมิ พ์เบือ้ งตน้ (พิมพ์ครง้ั ท่ี 3), กรุงเทพฯ: ประกายพรกึ . ยบุ ล เบญ็ จรงคก์ จิ . (2542). การวเิ คราะห์ผรู้ บั สาร. กรุงเทพฯ : ที.พ.ี พรนิ ท์.

รายการอา้ งอิง (ตอ่ ) รัตนา สมานมิตร. (2527). เขยี นภาษาวิทยุ ใน หน่วยศึกษานิเทศก์ กรมการฝึกหดั ครู คมู่ อื การประชาสัมพันธ์ (195-204). กรุงเทพฯ: กรมการศาสนา.รุ่งนภา พิตรปรีชา. (2531). องค์ประกอบของการโฆษณา, ใน มหาวิทยาลัยสโุ ขทัยธรรมาธริ าช, หลกั การโฆษณาและประชาสัมพันธ์. (169-245), นนทบุร:ี มหาวิทยาลัยสโุ ขทยั ธรรมาธิราช. รงุ่ รตั น์ ชัยสําเรจ็ . (2541). การเขยี นเพอ่ื การประชาสมั พนั ธ์. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั . เรไร ไพรวรรณ์. (2542). การใช้ภาษาไทยทางธรุ กิจ. กรุงเทพฯ: สถาบันราชภฏั ธนบรุ ี. วิรัช ลภริ ัตนกลุ . (2529), แนวคิด ความหมายและความสาํ คัญของการโฆษณาและการประชาสัมพนั ธ์ ใน มหาวทิ ยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, หลกั การโฆษณาและการประชาสัมพันธ์ (1-40), นนทบรุ ี: มหาวทิ ยาลยั สโุ ขทัยธรรมาธริ าช. วิษณุ สวุ รรณเพิ่ม. (2523). การส่อื สารเพ่ือการโน้มน้าวใจ. กรุงเทพฯ: มหาวทิ ยาลยั รามคําแหง. ศึกษาธกิ าร, กระทรวง. (2540). วรรณลักษณวิจารณ์ เลม่ 2. กรุงเทพฯ: คุรสุ ภาลาดพร้าว. สมควร กวียะ. (2539). การสื่อสารมวลชนบทบาทหน้าท่ี เสรภี าพ และความรับผดิ ชอบ. กรงุ เทพฯ: คอกหญา้ . สมชาย หอมยก. (2542). การเขยี นเพื่อการสอ่ื สาร. ปทมุ ธานี: คณะมนุษยศาสตรแ์ ละสงั คมศาสตร์ สถาบันราชภัฏเพชรบรุ ีวิทยาลงกรณ์ ในพระบรมราชปู ถมั ภ์. สะอาด ตัณศุภผล. (2527). หลกั การประชาสมั พันธ.์ ใน หนว่ ยศกึ ษานิเทศก์ กรมการฝึกหดั ครู, คมู่ อื การประชาสมั พันธ์ (51-74), กรงุ เทพฯ: กรมศาสนา. สาธารณสุข, กระทรวง. (2546 เมษายน 16), คาํ แนะนาํ สําหรับประชาชนเพอ่ื ป้องกนั ไม่ใหโ้ รคซารส์ ระบาดในเมอื งไทย. ไทยรัฐ. 33. สิรวิ รรณ นนั ทจนั ทลู . (2543). การเขยี นเพือ่ การสอื่ สาร 2. กรงุ เทพฯ: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. สุรพงษ์ โสธนะเสถียร. (2533). การสือ่ สารกับสังคม. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย. สุวัฒนา วงษ์กะพันธ.์ (2540). การเขียนบทโฆษณา ใน มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, การสรา้ งสรรค์ และผลิตสงิ่ โฆษณา. (241-276). (พมิ พ์คร้ังท่ี 6), นนทบรุ ี: มหาวิทยาลยั สุโขทยั ธรรมาธริ าช. . (2541). ภาษาโฆษณาและการประชาสมั พนั ธ์ ใน มหาวทิ ยาลยั สโุ ขทัยธรรมาธริ าช, ภาษาเพือ่ การสื่อสาร. (881-934), (พมิ พค์ รั้งที่ 15), นนทบุร:ี มหาวทิ ยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธริ าช. เสกสรร สายสสี ด. (2545). หลกั การโฆษณาและการประชาสมั พันธ์. (พมิ พ์ครงั้ ที่ 2). กรุงเทพฯ: ไทยวฒั นาพานชิ . เสรี วงษ์มณฑา. (2528). กว่าจะเห็นเปน็ โฆษณา. กรงุ เทพฯ: มณพี ฤกษ์ เสาวณีย์ สิกขาบัณฑิต. (2534). การเขียนสําหรับส่ือการสือ่ สาร. (พิมพค์ รั้งท่ี 2). กรงุ เทพฯ : ควงกมล. อนันต์ธนา อังกินนั ทน์. (2532). การผลติ รายการวิทยุ (พมิ พค์ ร้งั ท่ี 7). กรงุ เทพฯ: มหาวิทยาลยั รามคําแหง.

รายการอา้ งอิง (ตอ่ ) อรนุช เลิศจรรยารักษ์. (2543). การเขียนบทรายการวิทยุโทรทัศน์, ใน มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, การผลิตรายการวิทยโุ ทรทศั น์ (279-332). (พิมพค์ ร้งั ท่ี 5), นนทบรุ ี: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธริ าช. อรวรรณ ปิลันธน์โอวาท. (2537). การสื่อสารเพอ่ื การโนม้ นา้ วใจ. กรงุ เทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย. อรณุ ปี ระภา หอมเศรษฐ.ี (2531). การส่ือสารเพอ่ื การโนม้ น้าวใจ. กรงุ เทพฯ: มหาวิทยาลยั รามคําแหง. อวยพร พานิช. (2540). การใชภ้ าษาเพอ่ื การโฆษณา ใน มหาวทิ ยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, การสร้างสรรค์และผลติ สงิ่ โฆษณา. (159-240). (พมิ พค์ รง้ั ท่ี 6), นนทบุรี: มหาวิทยาลยั สโุ ขทัยธรรมาธริ าช. อวยพร พานชิ , อุบลวรรณ ปติ พิ ฒั นะโฆษติ , อบุ ลรตั น์ สริ ิยวุ ศกั ดิ์ ถิรนนั ท์ อนวัชศริ ิวงศ์ และ ไศลทพิ ย์ จารุภูม.ิ (2543). ภาษาและหลักการเขียนเพอ่ื การส่ือสาร. กรุงเทพฯ: จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลัย. อาจณิ จนั ทรัมพร. (2538). วรรคทองในวรรณคดี. กรุงเทพฯ: ภาพพิมพ์. อุฬาร เน่อื งจํานงค์. (2520). ส่อื มวลชนวิทยุ โทรทศั น์ (พมิ พ์คร้ังที่ 2), กรงุ เทพฯ: อกั ษรบัณฑติ .



วิสัยทัศน์กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย มุ่งมั่นพัฒนาผู้เรียนให้มีความรู้ ความสามารถในการใช้ภาษาไทยได้อย่างสร้างสรรค์ ดำรงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของภาษา ภายใต้การเปลี่ยนแปลงของสังคม ควบคู่กับคุณธรรม จริยธรรมบนพื้นฐานของความเป็นไทย กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย โรงเรียนวัดสุทธิวราราม 252 ถนนเจริญกรุง แขวงยานนาวา เขตสาทร กรุงเทพฯ 10120