Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เศรษฐกิจพอเพียง

เศรษฐกิจพอเพียง

Published by Taradol Sinchao, 2020-02-24 04:56:44

Description: เศรษฐกิจพอเพียง

Search

Read the Text Version

เศรษฐกจิ พอเพยี ง

จุดเริ่มต้นแนวคดิ เศรษฐกจิ พอเพยี ง • ผลจากการใช้แนวทางการพฒั นาประเทศไปสคู่ วามทนั สมยั ได้กอ่ ให้เกิด การเปลย่ี นแปลงแก่สงั คมไทยอย่างมากในทกุ ด้าน ไมว่ า่ จะเป็นด้าน เศรษฐกิจ การเมอื ง วฒั นธรรม สงั คมและสงิ่ แวดล้อม อีกทงั้ กระบวนการ ของความเปลีย่ นแปลงมีความสลบั ซบั ซ้อนจนยากทจี่ ะอธิบายใน เชิง สาเหตแุ ละผลลพั ธ์ได้ เพราะการเปล่ยี นแปลงทงั้ หมดตา่ งเป็นปัจจยั เชื่อมโยงซง่ึ กนั และกนั • สาหรับผลของการพฒั นาในด้านบวกนนั้ ได้แก่ การเพ่ิมขนึ ้ ของอตั ราการ เจริญเตบิ โตทางเศรษฐกิจ ความเจริญทางวตั ถุ และสาธารณปู โภคตา่ งๆ ระบบส่อื สารท่ีทนั สมยั หรือการขยายปริมาณและกระจายการศกึ ษาอย่าง ทวั่ ถงึ มากขนึ ้ แตผ่ ลด้านบวกเหลา่ นีส้ ว่ นใหญ่กระจายไปถงึ คนในชนบท หรือผ้ดู ้อยโอกาสในสงั คมน้อย แตว่ ่า กระบวนการเปลี่ยนแปลงของสงั คม ได้เกิดผลลบตดิ ตามมาด้วย เชน่ การขยายตวั ของรัฐเข้าไปในชนบท ได้ สง่ ผลให้ชนบทเกิดความออ่ นแอในหลายด้าน ทงั้ การต้องพงึ่ พิงตลาดและ พ่อค้าคนกลางในการสงั่ สินค้าทนุ ความเสือ่ มโทรมของทรัพยากรธรรมชาติ ระบบความสมั พนั ธ์แบบเครือญาติ และการรวมกลมุ่ กนั ตามประเพณีเพ่ือ การจดั การทรัพยากรท่เี คยมอี ย่แู ตเ่ ดมิ แตก สลายลง ภมู ิความรู้ท่ีเคยใช้ แก้ปัญหาและสงั่ สมปรับเปลยี่ นกนั มาถกู ลมื เลือนและเริ่ม สญู หายไป • สิ่งสาคญั กค็ ือ ความพอเพียงในการดารงชีวติ ซงึ่ เป็นเงื่อนไขพืน้ ฐานทีท่ า ให้คนไทยสามารถพง่ึ ตนเอง และดาเนินชีวิตไปได้อย่างมีศกั ด์ิศรีภายใต้ อานาจและความมอี สิ ระในการกาหนด ชะตาชีวิตของตนเอง ความสามารถ ในการควบคมุ และจดั การเพ่ือให้ตนเองได้รับการสนองตอบตอ่ ความต้อง การตา่ งๆ รวมทงั้ ความสามารถในการจดั การปัญหาต่างๆ ได้ด้วยตนเอง ซงึ่ ทงั้ หมดนีถ้ ือวา่ เป็นศกั ยภาพพืน้ ฐานที่คนไทยและสงั คมไทยเคยมีอย่แู ต่ เดมิ ต้องถกู กระทบกระเทอื น ซงึ่ วกิ ฤตเศรษฐกิจจากปัญหาฟองสบ่แู ละปัญหา ความออ่ นแอของชนบท รวมทงั้ ปัญหาอื่นๆ ทเี่ กิดขนึ ้ ล้วนแตเ่ ป็นข้อพิสจู น์ และยืนยนั ปรากฎการณ์นีไ้ ด้เป็นอย่างดี

พระราชดาริว่าด้วยเศรษฐกจิ พอเพยี ง “...การพฒั นาประเทศจาเป็นต้องทา ตามลาดบั ขนั้ ต้องสร้างพืน้ ฐานคือ ความพอมี พอกิน พอใช้ของประชาชนสว่ นใหญ่เบอื ้ งต้น ก่อน โดยใช้วธิ ีการและอปุ กรณ์ท่ีประหยดั แต่ ถกู ต้องตามหลกั วชิ าการ เมื่อได้พืน้ ฐานความ มน่ั คงพร้อมพอสมควร และปฏิบตั ไิ ด้แล้ว จงึ คอ่ ยสร้างคอ่ ยเสริมความเจริญ และฐานะทาง เศรษฐกิจขนั้ ที่สงู ขนึ ้ โดยลาดบั ต่อไป...” (๑๘ กรกฎาคม ๒๕๑๗)

เศรษฐกจิ พอเพยี ง “เศรษฐกิจพอเพียง” เป็นปรัชญาท่ีพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ วั พระราชทานพระราชดาริชีแ้ นะ แนวทาง การดาเนินชีวติ แก่พสกนิกรชาวไทยมาโดย ตลอดนานกวา่ ๒๕ ปี ตงั้ แตก่ ่อนเกิดวิกฤตการณ์ ทางเศรษฐกิจ และเม่ือภายหลงั ได้ทรงเน้นยา้ แนว ทางการแก้ไขเพือ่ ให้รอดพ้น และสามารถดารงอยู่ ได้อย่างมนั่ คงและยง่ั ยืนภายใต้กระแสโลกาภิวตั น์ และความ เปลีย่ นแปลงตา่ งๆ

ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เศรษฐกิจพอเพยี ง เป็นปรัชญาชีถ้ งึ แนวการดารงอยู่ และปฏิบตั ิตนของประชาชนในทกุ ระดบั ตงั้ แตร่ ะดบั ครอบครัว ระดบั ชมุ ชน จนถงึ ระดบั รัฐ ทงั้ ในการพฒั นาและ บริหารประเทศให้ดาเนินไปในทางสายกลาง โดยเฉพาะการ พฒั นาเศรษฐกิจ เพ่ือให้ก้าวทนั ตอ่ โลกยคุ โลกาภวิ ตั น์ ความ พอเพยี ง หมายถงึ ความพอประมาณ ความมีเหตผุ ล รวมถึง ความจาเป็นท่ีจะต้องมีระบบภมู ิค้มุ กนั ในตวั ที่ดีพอสมควร ตอ่ การกระทบใดๆ อนั เกิดจากการเปลย่ี นแปลงทงั้ ภายใน ภายนอก ทงั้ นี ้จะต้องอาศยั ความรอบรู้ ความรอบคอบ และ ความระมดั ระวงั อยา่ งยิง่ ในการนาวชิ าการตา่ งๆ มาใช้ในการ วางแผนและการดาเนินการ ทกุ ขนั้ ตอน และขณะเดียวกนั จะต้องเสริมสร้างพืน้ ฐานจิตใจของคนในชาติ โดยเฉพาะ เจ้าหน้าที่ของรัฐ นกั ทฤษฎี และนกั ธุรกิจในทกุ ระดบั ให้มี สานกึ ในคณุ ธรรม ความซ่ือสตั ย์สจุ ริต และให้มีความรอบรู้ท่ี เหมาะสม ดาเนนิ ชีวติ ด้วยความอดทน ความเพียร มีสติ ปัญญา และความรอบคอบ เพื่อให้สมดลุ และพร้อมตอ่ การ รองรับการเปลย่ี นแปลงอยา่ งรวดเร็วและกว้างขวาง ทงั้ ด้าน วตั ถุ สงั คม สง่ิ แวดล้อม และวฒั นธรรมจากโลกภายนอกได้ เป็นอยา่ งดี

๑. ความพอประมาณ หมายถงึ ความพอดีที่ไม่น้อยเกินไปและไมม่ าก เกินไป โดยไมเ่ บียดเบียนตนเองและผ้อู ื่น เชน่ การผลติ และการบริโภคที่ อย่ใู นระดบั พอประมาณ ๒. ความมีเหตผุ ล หมายถึง การตดั สินใจเก่ียวกบั ระดบั ความพอเพยี ง นนั้ จะต้องเป็นไปอยา่ งมีเหตผุ ล โดยพิจารณาจากเหตปุ ัจจยั ที่เก่ียวข้อง ตลอดจนคานงึ ถึงผลท่ีคาดวา่ จะเกิดขนึ ้ จากการกระทานนั้ ๆ อย่าง รอบคอบ ๓. ภมู ิค้มุ กนั หมายถึง การเตรียมตวั ให้พร้อมรับผลกระทบและการ เปลยี่ นแปลงด้านตา่ งๆ ท่ีจะเกิดขนึ ้ โดยคานงึ ถงึ ความเป็นไปได้ของ สถานการณ์ต่างๆ ที่คาดวา่ จะเกิดขนึ ้ ในอนาคต

พระราชดารัสทเี่ กยี่ วกบั เศรษฐกจิ พอเพยี ง • ...เศรษฐศาสตร์เป็นวิชาของเศรษฐกิจ การท่ีต้องใช้รถไถต้องไปซือ้ เราต้องใช้ต้องหา เงนิ มาสาหรับซอื ้ นา้ มนั สาหรับรถไถ เวลารถไถเกา่ เราต้องย่ิงซ่อมแซม แตเ่ วลาใช้นนั้ เรา ก็ต้องป้ อนนา้ มนั ให้เป็ นอาหาร เสร็จแล้วมนั คายควนั ควนั เราสดู เข้าไปแล้วก็ปวดหวั สว่ นควายเวลาเราใช้เราก็ต้องป้ อนอาหาร ต้องให้หญ้าให้อาหารมนั กิน แตว่ า่ มนั คาย ออกมา ท่ีมนั คายออกมาก็เป็นป๋ ยุ แล้วก็ใช้ได้สาหรับให้ท่ีดนิ ของเราไม่เสีย...” พระราชดารัส เนื่องในพระราชพิธีพชื มงคลจรดพระนงั คลั แรกนาขวญั ณ ศาลาดสุ ดิ าลยั วนั ที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๒๙ • “...เราไมเ่ ป็นประเทศร่ารวย เรามีพอสมควร พออยไู่ ด้ แตไ่ ม่เป็ นประเทศที่ก้าวหน้า อยา่ งมาก เราไมอ่ ยากจะเป็นประเทศก้าวหน้าอยา่ งมาก เพราะถ้าเราเป็ นประเทศ ก้าวหน้าอยา่ งมากก็จะมีแตถ่ อยกลบั ประเทศเหลา่ นนั้ ท่ีเป็นประเทศอตุ สาหกรรม ก้าวหน้า จะมีแตถ่ อยหลงั และถอยหลงั อยา่ งน่ากลวั แตถ่ ้าเรามีการบริหารแบบเรียกวา่ แบบคนจน แบบท่ีไมต่ ดิ กบั ตารามากเกินไป ทาอยา่ งมีสามคั คีน่ีแหละคอื เมตตากนั จะ อยไู่ ด้ตลอดไป...” พระราชดารัส เน่ืองในโอกาสวนั เฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดสุ ิดาลยั วนั ท่ี ๔ ธนั วาคม ๒๕๓๔ • “...ตามปกติคนเราชอบดสู ถานการณ์ในทางดี ท่ีเขาเรียกวา่ เล็งผลเลศิ ก็เห็นวา่ ประเทศ ไทย เราน่ีก้าวหน้าดี การเงนิ การอตุ สาหกรรมการค้าดี มีกาไร อกี ทางหนงึ่ ก็ต้องบอกว่า เรากาลงั เสื่อมลงไปสว่ นใหญ่ ทฤษฎีวา่ ถ้ามีเงินเทา่ นนั้ ๆ มีการก้เู ทา่ นนั้ ๆ หมายความ วา่ เศรษฐกิจก้าวหน้า แล้วก็ประเทศก็เจริญมีหวงั วา่ จะเป็ นมหาอานาจ ขอโทษเลยต้อง เตอื นเขาวา่ จริงตวั เลขดี แตว่ า่ ถ้าเราไมร่ ะมดั ระวงั ในความต้องการพนื ้ ฐานของ ประชาชนนนั้ ไมม่ ีทาง...” พระราชดารัส เน่ืองในโอกาสวนั เฉลมิ พระชนมพรรษา

ณ ศาลาดสุ ดิ าลยั วนั ท่ี ๔ ธนั วาคม ๒๕๓๖ • “...เดยี๋ วนีป้ ระเทศไทยก็ยงั อยดู่ พี อสมควร ใช้คาวา่ พอสมควร เพราะเดี๋ยวมีคนเห็นวา่ มี คนจน คนเดือดร้อน จานวนมากพอสมควร แตใ่ ช้คาวา่ พอสมควรนี ้หมายความว่า ตามอตั ตภาพ...” พระราชดารัส เน่ืองในโอกาสวนั เฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดสุ ดิ าลยั วนั ที่ ๔ ธนั วาคม ๒๕๓๙ • “...ที่เป็นห่วงนนั้ เพราะแม้ในเวลา ๒ ปี ท่ีเป็ นปี กาญจนาภิเษกก็ได้เห็นสง่ิ ที่ทาให้เห็นได้ วา่ ประชาชนยงั มีความเดอื ดร้อนมาก และมีสง่ิ ที่ควรจะแก้ไขและดาเนินการตอ่ ไปทกุ ด้าน มีภยั จากธรรมชาตกิ ระหน่า ภยั ธรรมชาตนิ ีเ้ราคงสามารถท่ีจะบรรเทาได้หรือแก้ไข ได้ เพยี งแตว่ า่ ต้องใช้เวลาพอใช้ มีภยั ท่ีมาจากจิตใจของคน ซง่ึ ก็แก้ไขได้เหมือนกนั แต่ วา่ ยากกวา่ ภยั ธรรมชาติ ธรรมชาตนิ นั้ เป็ นสงิ่ นอกกายเรา แตน่ ิสยั ใจคอของคนเป็ นส่ิงที่ อยขู่ ้างใน อนั นีก้ ็เป็นข้อหนง่ึ ท่ีอยากให้จดั การให้มีความเรียบร้อย แตก่ ็ไม่หมดหวงั ...” พระราชดารัส เนื่องในโอกาสวนั เฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดสุ ิดาลยั วนั ท่ี ๔ ธนั วาคม ๒๕๓๙ • “...การจะเป็นเสือนนั้ ไม่สาคญั สาคญั อยทู่ ่ีเรามีเศรษฐกิจแบบพอมีพอกิน แบบ พอมีพอกินนนั้ หมายความวา่ อ้มุ ชตู วั เองได้ ให้มีพอเพยี งกบั ตนเอง ความพอเพยี งนี ้ ไมไ่ ด้หมายความวา่ ทกุ ครอบครัวจะต้องผลติ อาหารของตวั เอง จะต้องทอผ้าใส่เอง อยา่ งนนั้ มนั เกินไป แตว่ า่ ในหม่บู ้านหรือในอาเภอ จะต้องมีความพอเพียงพอสมควร บางสง่ิ บางอยา่ งผลิตได้มากกวา่ ความต้องการก็ขายได้ แตข่ ายในท่ีไม่ห่างไกลเทา่ ไร ไม่ต้องเสียคา่ ขนสง่ มากนกั ...” พระราชดารัส เนื่องในโอกาสวนั เฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดสุ ดิ าลยั วนั ที่ ๔ ธนั วาคม ๒๕๓๙. • “...เม่ือปี ๒๕๑๗ วนั นนั้ ได้พดู ถงึ วา่ เราควรปฏิบตั ิให้พอมีพอกิน พอมีพอกินนีก้ ็แปลวา่ เศรษฐกิจพอเพียงนนั่ เอง ถ้าแตล่ ะคนมีพอมีพอกิน ก็ใช้ได้ ย่ิงถ้าทงั้ ประเทศพอมีพอกิน ก็ยงิ่ ดี และประเทศไทยเวลานนั้ ก็เริ่มจะเป็ นไมพ่ อมีพอกิน บางคนก็มีมาก บางคนก็ไมม่ ี เลย...” พระราชดารัส เน่ืองในโอกาสวนั เฉลมิ พระชนมพรรษา ณ ศาลาดสุ ิดาลยั วนั ท่ี ๔ ธนั วาคม ๒๕๔๑

แนวพระราชดาริในการดาเนินชีวติ แบบพอ ยดึ ความ ยดึ ถือการ ประกอบอาชีพ ประหยดั ลดละ ความฟ่ มุ เฟื อยใน ด้วยความ ถกู ต้อง ซื่อสตั ย์ การใช้ชีวติ สจุ ริต ไม่หยดุ นิ่งท่ีจะ ละเลกิ การแก่งแย่ง หาทางให้ชีวิตหลดุ ปฏิบตั ติ นใน ผลประโยชน์และ พ้นจากความทกุ ข์ แนวทางท่ีดี ลดละ แข่งขนั กนั ในทาง สิง่ ชว่ั ประพฤติตน ยาก ด้วยการ การค้าแบบตอ่ ส้กู นั ขวนขวายใฝ่ หา ตามหลกั ศาสนา อยา่ งรุนแรง ความรู้ เพยี ง

ทฤษฎใี หม่ ตวั อย่างทเี่ ป็นรูปธรรมของ การประยกุ ต์ใช้เศรษฐกิจพอเพยี งทเ่ี ดน่ ชดั ทส่ี ดุ ซง่ึ พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ วั ได้ พระราชทานพระราชดารินี ้เพอื่ เป็นการ ชว่ ยเหลือเกษตรกรท่ีมกั ประสบปัญหาทงั้ ภยั ธรรมชาตแิ ละปัจจยั ภาย นอกทม่ี ผี ลกระทบตอ่ การทาการเกษตร ให้สามารถผา่ นพ้นชว่ งเวลา วิกฤต โดยเฉพาะการขาดแคลนนา้ ได้โดยไม่ เดือดร้ อนและยากลาบากนกั ความเส่ียงทีเ่ กษตรกร มกั พบเป็นประจา

ความสาคญั ของทฤษฎใี หม่ ๑. มีการบริหารและ ๒. มีการคานวณโดยใช้ จดั แบง่ ที่ดินแปลง หลกั วชิ าการเกี่ยวกบั เลก็ ออกเป็นสดั สว่ น ปริมาณนา้ ท่ีจะกกั เก็บ ให้พอเพียงตอ่ การ ท่ีชดั เจน เพื่อ เพาะปลกู ได้อยา่ ง ประโยชน์ เหมาะสมตลอดปี ๓. มีการวางแผนท่ี สมบรู ณ์แบบ สาหรับเกษตรกร รายย่อย

การแบ่งพนื้ ในตามทฤษฎีใหม่

ประโยชน์ของทฤษฎใี หม่ ให้ประชาชนพออยพู่ อกินสมควรแก่ อตั ภาพในระดบั ที่ประหยดั ไม่อด อยาก และเลยี ้ งตนเองได้ตามหลกั ปรัชญา “เศรษฐกิจพอเพียง” ในหน้าแล้งมีนา้ น้อย ก็สามารถเอานา้ ที่ เก็บไว้ในสระมาปลกู พืชผกั ต่างๆ ที่ใช้นา้ น้อยได้ โดยไมต่ ้องเบยี ดเบียน ชลประทาน ในปีท่ีฝนตกตามฤดกู าลโดยมีนา้ ดี ตลอดปี ทฤษฎีใหมน่ ีส้ ามารถสร้าง รายได้ให้แก่เกษตรกรได้โดยไม่ เดอื ดร้อนในเรื่องคา่ ใช้จ่ายต่างๆ ในกรณีที่เกิดอทุ กภยั เกษตรกรสามารถ ท่ีจะฟืน้ ตวั และชว่ ยตวั เองได้ในระดบั หนงึ่ โดยทางราชการไม่ต้องช่วยเหลือ มากนกั ซงึ่ เป็นการประหยดั งบประมาณ

บุคคลสาคญั นายรณวริทธ์ิ ปริยฉัตรตระกลู ผ้ปู รับเปลย่ี นอาชีพจากการรับราชการมาเป็ น ระยะเวลา 26 ปี มาทาการเกษตร โดยมปี ระสบการณ์ การทางานในภาคเกษตร 12 ปี ดาเนินกิจกรรม การเกษตรอินทรีย์บนพนื ้ ท่ี 38 ไร่ ประกอบด้วยการ ปลกู แปรรูปและจาหน่ายผลติ ภณั ฑ์ข้าวอนิ ทรีย์ มาตรฐานสากล ได้แก่ มาตรฐานสหภาพยโุ รป (OสEาrUมgา)aรถมnเาปiตc็นร)แฐมบาานบตสอรหยฐาร่ าัฐงนทอแเี่ดมคีใรนหิกา้กาดบั า(ผN้(อู CO่ืนOทPงั้R:ใUน)ดSเ้ปาD็นนคAบวคุ าคมลท่ี ขยนั หมนั่ เพยี ร ความใฝ่ รู้ ความเอือ้ เฟือ้ และเสียสละ เป็นผ้นู าเกษตรกรท่ีทาการปลกู ข้าวอนิ ทรีย์ทไ่ี ด้ มาตรฐาน อายุ 52 ปี การศกึ ษา ปริญญาเอก ด้านสงั คมศาสตร์ สถานภาพ สมรส มีบตุ ร 2 คน ทีอ่ ยู่ บ้านเลขที่ 94 บ้านชาด หมทู่ ี่ 4 ตาบลหนองพอก อาเภอธวชั บรุ ี จงั หวดั ร้อยเอ็ด โทรศพั ท์ 086 226 3701 อาชีพ เกษตรกร

นายรณวริทธิ์ ผ้ปู รับเปลี่ยนอาชีพจากการรับราชการมาเป็น ระยะเวลา 26 ปี มาทาการเกษตร โดยมีประสบการณ์การทางานใน ภาคเกษตร 12 ปี ดาเนินกิจกรรมการเกษตรอินทรีย์บนพืน้ ที่38 ไร่ ประกอบด้วยการปลกู แปรรูปและจาหนา่ ยผลติ ภณั ฑ์ข้าวอินทรีย์ มาตรฐานสากล ได้แก่ มาตรฐานสหภาพยโุ รป (EU) มาตรฐาน สหรัฐอเมริกา (NOP:USDA Organic) มาตรฐานแคนาดา (COR) เป็นบคุ คลที่สามารถเป็นแบบอย่างท่ีดีให้กบั ผ้อู ื่นทงั้ ในด้าน ความขยนั หมนั่ เพียร ความใฝ่ รู้ ความเอือ้ เฟือ้ และเสยี สละ เป็นผ้นู า เกษตรกรที่ทาการปลกู ข้าวอินทรีย์ที่ได้มาตรฐาน ผลงานท่ีสร้างคณุ ประโยชน์ นายรณวริทธ์ิ เป็นผ้สู ร้างสรรค์องค์ความรู้และผลงานภาค การเกษตรที่สร้างคณุ ประโยชน์โดยเป็นผ้นู าเกษตรกรในการ ปรับเปลี่ยนรูปแบบการผลติ ข้าวจากเกษตรที่ใช้สารเคมีมาเป็ นเกษตร อินทรีย์ตามมาตรฐานสากลเพือ่ สร้างมลู ค่าเพิ่มให้แก่ข้าวและ ผลิตภณั ฑ์ ทาให้เกษตรกรสามารถขายข้าวได้สงู กวา่ ราคาตลาด ก่อให้เกิดการสร้างรายได้และคณุ ภาพชีวติ ท่ีดี

การขยายผลงาน นายรณวริทธิ์ ได้ถ่ายทอดผลงานประสบการณ์ด้านการผลิต สนิ ค้าอินทรีย์ผ่านการเป็นวิทยากรบรรยาย วทิ ยากรกระบวนการ และ เป็นต้นแบบการดาเนินธรุ กิจการเกษตรในด้านการผลติ การแปรรูป การตลาดให้กบั ชมุ ชน เครือขา่ ย มีประชมุ การแลกเปลยี่ นเรียนรู้การ ทางานในกลมุ่ เกษตรกรทท่ี าการผลิตข้าวอินทรีย์ ใช้พืน้ ท่เี กษตรกรรม ของตนเป็นแหลง่ เรียนรู้ดงู านโดยทาการถ่ายทอดผลงานให้กบั ผ้สู นใจ ท่เี ข้ามาเย่ยี มชมและศกึ ษาดงู านในพนื ้ ที่อยา่ งตอ่ เน่ือง สร้างและขยาย ผลงานด้วยการให้ความรู้ด้านเกษตรอินทรีย์ให้กบั สมาชิกในกลมุ่ และ พฒั นาให้เป็นต้นแบบแกก่ ลมุ่ อืน่ ๆ มกี ารรับสมาชิกเข้าร่วมกลมุ่ ตาม เงื่อนไขและข้อบงั คบั ทีก่ าหนดไว้ มกี ารขยายรูปแบบผลงานไปใช้ท่ี เมอื งปากงมึ สปป ลาวและยงั มกี ารเผยแพร่ผลงานผ่านสอ่ื ตา่ ง ๆ อกี จานวนมาก

สมาชิกกลุ่ม 1.น.ส.จิตตมิ า พรหมเสน 2.นายศราวธุ เกิดสขุ ศิริมงคล 3.นายธราดล สนิ เชาว์ เสนอ ครูฐิรญา ทนนั ชยั


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook