--46-- องค์ประกอบภายใน 1. เจตนาธรรมดา ได้แก่ กรณีทเ่ี จา้ พนักงาน สมาชิกสภานติ ิบญั ญตั ิแห่งรัฐ สมาชกิ สภาจงั หวดั สมาชิก สภาเทศบาล เรียก รับ หรือยอมจะรับทรพั ยส์ ินหรอื ประโยชนอ์ นื่ ใดสำหรบั ตนเองหรอื ผู้อนื่ โดยมชิ อบ 2. เจตนาพิเศษ คือ เพอ่ื กระทำการหรอื ไมก่ ระทำการอยา่ งใดในตำแหน่ง ไม่วา่ การนัน้ จะชอบหรอื มิ ชอบด้วยหน้าท่ี ความผิดฐานเรียกและรับสนิ บนนี้ เป็นความผดิ ที่ตอ้ งมบี ุคคลอื่นเป็นองค์ประกอบของความผิดด้วย กฎหมายประสงค์จะลงโทษการกระทำน้นั ๆโยเฉพาะ ดงั นัน้ หากราษฎรให้สนิ บนเจ้าพนกั งาน เพือ่ จงู ใจให้ กระทำการ ไม่กระทำการหรอื ประวงิ การกระทำอนมชิ อบด้วยหน้าท่ี ราษฎรมีความผิดฐานให้สินบนเจ้า พนักงาน แตห่ ากเป็นการจูงใจให้เจ้าพนกั งานกระทำการอนั ชอบดว้ ยหนา้ ที่หรือเพือ่ ใช้เปน็ พยานหลักฐาน ราษฎรไม่มคี วามผิดตามมาตรา144 สว่ นเจ้าพนกั งานผูร้ บั ผิดมคี วามผิดทั้ง2กรณี ราษฎรไมเ่ ปน็ ผู้สนบั สนนุ เจ้าพนักงานใหร้ ับสนิ บนด้วย เพราะความผิดเกยี่ วกบั ฉ้อราษฎรบ์ งั หลวง จะตอ้ งมีผู้เกีย่ วข้อง2ฝา่ ยเสมอ คือ ผู้ให้ และเจา้ พนักงานผรู้ บั จึงไม่ถือวา่ เป็นผู้สนบั สนนุ ซ่ึงกนั และกัน ตา่ งคนตา่ งรบั ผิดคนละฐาน ราษฎรผใู้ ห้ผิดมาตรา144 เจ้าพนักงานผู้รับผดิ มาตรา149 ราษฎรไมผ่ ดิ ฐานเปน็ ผู้สนบั สนนุ เจา้ พนกั งานให้ รบั สินบนอกี โดยความผิดฐานเจ้าพนกั งานเรียกหรือรบั สินบนนี้ ต้องเปน็ -เจา้ พนักงานสมาชกิ สภานิติบญั ญตั ิแหง่ รฐั -สมาชิกสภาจงั หวดั -สมาชิกสภาเทศบาล ไดม้ ีการ เรียก รบั หรอื ยอมจะรับ -เรียก คอื การเรียกร้องเอาโดยมิไดเ้ สนอให้ -รับ คือ รับมอบเอาไวจ้ ากการเสนอให้ -ยอมจะรบั คือ ตกลงรับจะเอาไว้ตามท่ีมีผู้เสนอให้ แม้จะยงั ไมไ่ ด้มากต็ าม ซึ่งความผดิ ฐานนีจ้ ะสำเรจ็ เม่ือเรียก รบั หรอื ยอมจะรับ แม้วา่ เรียกหรอื ยอมจะรบั แลว้ แตย่ งั ไม่ไดท้ รพั ย์สนิ นนั้ มากต็ าม ซ่งึ ในเรอื่ งของเจตนา ถอื ว่าเพื่อกระทำหรือไมก่ ระทำการอย่างใดในตำแหน่ง โดยต้องเป็นการกระทำใน ขอบเขตของตำแหนง่ หนา้ ท่ีไมว่ ่าการน้นั จะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าท่ี โดยจะได้มีการกระทำการหรอื ไม่ กระทำการอยา่ งใดในตำแหน่งตามเจตนาพเิ ศษน้ันหรือไม่ ไม่สำคญั หากการกระทำอยนู่ อกขอบเขตแหง่ ตำแหน่งหนา้ ท่ี ไมเ่ ปน็ ความผิดตตามมาตรานี้
--47-- คำอธบิ ายจากบรรทัดฐานคำพิพากษา มาตรา148 - คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1085/2536 จำเลยเปน็ เจ้าพนกั งานตำรวจมีอำนาจหนา้ ท่ีจับกุม ผกู้ ระทำผดิ กฎหมายได้ทั่วราชอาณาจกั ร ไดใ้ ชอ้ ำนาจในตำแหน่งแกลง้ กลา่ วหาผ้เู สียหายวา่ กระทำผดิ ตอ่ พระราชบัญญัตปิ า่ ไม้ในขณะทีผ่ เู้ สยี หายกำลังเลอ่ื ยไม้ทีข่ น้ึ อยูใ่ นท่ดี นิ ท่ีมี น.ส.3 ของตนเอง ซึง่ ถอื วา่ มสี ิทธิ กระทำได้โดยชอบ ทงั้ นีเ้ พอื่ มใิ ห้ผู้เสียหายขัดขวางในการทจ่ี ำเลยกับพวกจะยดึ เอาเลอ่ื ยยนต์ของผเู้ สียหาย ไป เปน็ การกระทำทีข่ ม่ ขืนใจผเู้ สียหายให้ยอมมอบทรัพยส์ นิ ให้แก่จำเลยกับพวก จึงเปน็ ความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 คำอธิบายบรรทดั ฐานคำพพิ ากษาศาลฎีกา องค์ประกอบภายนอก 1. ผู้กระทำ จำเลยเป็นเจา้ พนักงานตำรวจ มอี ำนาจหนา้ ท่ีจับกุมผู้กระทำผดิ กฎหมายได้ทวั่ ราชอาณาจกั ร 2. การกระทำ คอื จำเลยใช้อำนาจในตำแหนง่ กล่าวหาผู้เสียหายว่ากระทำผิดตอ่ พระราชบัญญตั ปิ า่ ไม้ ขณะทีผ่ เู้ สยี หายกำลงั เลือ่ ยไม้ทีข่ ึ้นอย่ใู นทด่ี ินทม่ี ี น.ส.3 ของตนเอง ซ่งึ ถือวา่ มสี ิทธิกระทำไดโ้ ดยชอบ ทงั้ นี้ เพอื่ มิให้ผเู้ สียหายขัดขวางในการทจ่ี ำเลยกบั พวกจะยดึ เอาเลือ่ ยยนตข์ องผู้เสยี หายไป เป็นการกระทำท่ี ข่มขืนใจผู้เสยี หายให้ยอมมอบทรัพยส์ ินให้แกจ่ ำเลย 3. วตั ถุแห่งการกระทำ คอื เลอื่ ยยนต์ของผู้เสยี หาย องคป์ ระกอบภายใน 1. เจตนาธรรมดา คือ การท่ีจำเลยใช้อำนาจในตำแหน่งกลา่ วหาผเู้ สียหายวา่ กระทำผิดตอ่ พระราชบญั ญตั ปิ ่าไม้ 2. เจตนาพิเศษ คอื การที่จำเลยขม่ ขืนใจผู้เสียหายโดยยดึ เลื่อยยนต์ของผูเ้ สยี หายไป ดังน้นั จำเลยจึงกระทำความผิดตามมาตรา148 เนือ่ งจากใชอ้ ำนาจหนา้ ท่ีในทางมชิ อบ - คำพิพากษาศาลฎกี าท่ี 1663/2513 จำเลยเป็นเจ้าพนักงานโดยตำแหนง่ มีอำนาจหนา้ ทีเ่ กีย่ วกับ การตรวจสอบภาษอี ากรตามร้านค้าแมต้ ามระเบยี บราชการก่อนตรวจสอบเกยี่ วกบั ภาษอี ากรจำเลยจะต้อง ไดร้ ับมอบหมายหรอื รับอนญุ าตจากผูบ้ ังคับบัญชากอ่ นกต็ าม การที่จำเลยนดั มอบหมายใหผ้ ู้เสยี หายไปพบ จำเลยแล้วเอาบตั รสนเทห่ ก์ ลา่ วหาผ้เู สยี หายไม่ออกใบเสร็จรับเงินภาษใี ห้รฐั บาลไม่ครบ ให้ผเู้ สยี หายดแู ล้ว เรยี กร้องเอาเงนิ จากผู้เสยี หายดังนถ้ี ือได้ว่าจำเลยได้ใช้อำนาจในตำแหนง่ โดยมชิ อบขม่ ขืนใจหรือจงู ใจใหผ้ อู้ ่ืน มอบให้หรอื หามาให้ซงึ่ ทรัพยส์ นิ หรือประโยชน์แกต่ นเองหรือผูอ้ ่ืนเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา148
--48-- คำอธบิ ายบรรทดั ฐานคำพิพากษาศาลฎกี า องคป์ ระกอบภายนอก 1. ผูก้ ระทำ คือ จำเลยเป็นเจ้าพนักงานโดยมีตำแหน่งอำนาจหน้าทเ่ี กี่ยวกบั การตรวจสอบภาษีอากรตาม ร้านคา้ 2. การกระทำ คือ จำเลยเรียกผู้เสยี หายไปพบแล้วกลา่ วหาวา่ ผ้เู สียหายไม่ได้ออกใบเสรจ็ รับเงินเสยี ภาษี ใหร้ ฐั บาล จึงไดข้ ม่ ขนื ใจและกรรโชกทรพั ยข์ องผเู้ สียหาย 3. วตั ถแุ หง่ การกระทำ คือ เงินของผูเ้ สียหาย องคป์ ระกอบภายใน 1. เจตนาธรรมดา คอื การท่ีจำเลยกล่าวหาผู้เสียหายวา่ ออกใบเสร็จรับเงินเสียภาษีใหร้ ฐั บาลใหไ้ มค่ รบ 2. เจตนาพิเศษ คอื จำเลยขม่ ขืนใจให้ผู้เสียหายนำเงนิ มาให้ตน มาตรา149 -คำพพิ ากษาศาลฎีการท่ี 720/2512 จำเลยเปน็ เจ้าพนักงานตำรวจ ขณะปฏิบัติหนา้ ท่เี วรตำรวจ จราจร ไดส้ ง่ั ให้ผู้เสียหายซงึ่ ขบั รถยนต์บรรทุกฝ่าฝืนกฎจราจรหยุดรถ เพื่อตรวจใบอนญุ าตขับข่ี แลว้ ภายหลังเรียกเงินจากผเู้ สยี หาย เชน่ นไ้ี มเ่ ปน็ ความผดิ ตามมาตรา 148 เพราะมิไดใ้ ชอ้ านาจในตำแหนง่ หนา้ ทโี่ ดยมชิ อบ แต่เป็นความผดิ ตามมาตรา 149 ฐานเจา้ พนักงานเรยี กรับทรพั ยส์ ินโดยมิชอบและฐาน เจา้ พนกั งานทจุ รติ ตอ่ หนา้ ท่ี ตามมาตรา 157 ด้วย คำอธบิ ายบรรทดั ฐานคำพิพากษาศาลฎีกา องคป์ ระกอบภายนอก 1. ผกู้ ระทำ คือ จำเลยเป็นพนกั งานตำรวจ 2. การกระทำ คอื เรยี กเงินจากผเู้ สยี หาย 3. วตั ถุแหง่ การกระทำ คือ เงนิ จากผู้เสยี หาย องคป์ ระกอบภายใน 1. เจตนาธรรมดา คอื จำเลยเรียกเงินจากผู้เสียหายเพ่ือประโยชนอ์ นื่ ใดสำหรบั ตนเองโดยมิชอบ 2. มลู เหตุชกั จงู ใจ คือ จำเลยเรยี กเงินจากผ้เู สยี หาย ไมไ่ ดจ้ ำกัดวา่ การกระทำนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วย หนา้ ทก่ี ็ผดิ ท้ังนัน้
--49-- -คำพพิ ากษาศาลฎีกาท่ี 1338/2538 การท่ีจำเลยเป็นเจา้ พนักงานผู้มีอำนาจหนา้ ทใี่ นกาสอบสวนและ ตดิ ตามจับกุมคนร้าย เรียกรับเงินจากผูเ้ สยี ในคดีท่ีสามผี ้เู สยี หายถกู คนร้ายฆ่าและชงิ ทรัพย์โดยไม่มีสิทธิจะ เรยี กรบั ถอื ไดว้ า่ เป็นการรบั ทรพั ยส์ ินเพอ่ื ประโยชนข์ องตนเองโดยมิชอบเพื่อกระทำการในตำแหน่งหนา้ ท่ี จำเลยจงึ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา149 (จำคกุ กระทงละ5ปี รวาม10ปี) คำอธบิ ายบรรทดั ฐานคำพพิ ากษาศาลฎีกา องคป์ ระกอบภายนอก 1. ผู้กระทำ คอื จำเลยเปน็ พนกั งานผู้มีอำนาจในการสอบสวนและตดิ ตามคนร้าย 2. การกระทำ คอื จำเลยเรยี กรับเงนิ จากผู้เสยี หายในคดที ่สี ามีผ้เู สยี หายถูกคนรา้ ยฆา่ และชิงทรพั ย์ 3. วตั ถแุ หง่ การกระทำ คอื เงนิ จากผู้เสียหาย องค์ประกอบภายนอก 1. เจตนาธรรมดา คือ จำเลยเรียกรับเงนิ จากผู้เสียหายในคดที ่ีสามีผู้เสียหายถูกคนร้ายฆา่ และชงิ ทรพั ย์ 2. มูลเหตุชักจงู ใจ คือ เป็นการที่จำเลยรบั ทรัพย์สินเพื่อประโยชน์ของตนเองโดยมิชอบ สรุปเนอื้ หาและข้อเสนอแนะ สรุป เจ้าพนักงานในที่น้กี ็มคี วามหมายเชน่ เดยี วกับมาตราอนื่ ๆ คือ มีกฎหมายแต่งต้งั ใหเ้ ปน็ เจ้าพนักงานหรือ เปน็ ข้าราชการไดร้ ับเงนิ เดือนประเภทงบประมาณแลว้ ก็มีหนา้ ที่เพอื่ การนัน้ ต้องเป็นการใชอ้ ำนาจใน ตำแหนง่ โดยมชิ อบ คือ เริ่มต้นโดยการใชอ้ ำนาจมิชอบ ถ้าเป็นการใชอ้ ำนาจนอกตำแหนง่ กไ็ มเ่ ข้า องคป์ ระกอบขอ้ น้ี เพราะไม่ใช่การใช้อำนาจในตำแหน่ง และเปน็ การทีเ่ จา้ พนกั งานใชอ้ ำนาจหน้าท่ีใน ตำแหนง่ โดยมชิ อบในการขม่ ขืนใจ หรอื จงู ใจเพอื่ ให้ผู้อื่นมอบใหห้ รือหามาให้ซงึ่ ทรัพย์สิน เพอื่ ประโยชน์แก่ ตนเองหรอื ผ้อู ่นื ถอื ว่าเปน็ การกระทำโดยมชิ อบและมีความผดิ โดยต้องเปน็ เจา้ พนกั งาน สมาชกิ สภานติ ิ บัญญตั แิ หง่ รฐั สมาชกิ สภาจังหวัด หรอื สมาชิกสภาเทศบาล โดยมาตรานี้บญั ญัตไิ ว้ครอบคลมุ ถึงเจ้าหน้าท่ี ของรฐั ในหนว่ ยงานตา่ งๆไวก้ วา้ งขวาง มิไดห้ มายถึงเจา้ พนักงานเพียงอย่างเดียว สำหรบั สมาชกิ สภานติ ิ บัญญัตแิ หง่ รฐั ก็ได้แก่ พวก สส. สว. เรยี ก รบั หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชนอ์ ื่นใดสำหรับตนเอง หรือผ้อู ่นื โดยมิชอบ นอกจากจะเรยี กรับทรพั ย์สินแลว้ มาตราน้ยี ังรวมถงึ ประโยชน์อืน่ ใดด้วย หากดจู ากคำ พิพากษาศาลฎกี าในบทท2ี่ จะเหน็ ว่าจำเลยจะเป็นเจา้ พนกั งานทม่ี อี ำนาจในหน้าทนี่ ้ันท้ังหมด โดยมี ความผดิ คือใชอ้ ำนาจหน้าท่ีในตำแหนง่ โดยมชิ อบในการข่มขนื ใจหรือจูงใจเพ่ือให้ผู้เสยี หายมอบทรัพย์สิน ให้แก่ตนซงึ่ ถอื วา่ การกระทำในแต่ละคำพิพากษาศาลฎีกาน้นั จำเลยมีความผดิ ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา148 และมาตรา149
--50-- โดยสรปุ จากคำพิพากษาศาลฎีกาได้ ดงั นี้ -คำพพิ ากษาศาลฎกี าท่ี 1085/2536 ถือว่าจำเลยเป็นเจา้ พนกั งานตำรวจ มคี วามผิดตตามาตรา148 เนือ่ งจากกล่าวหาว่าผู้เสียหายได้กระทำความผิดต่อพระราชบัญญตั กิ รมปา่ ไมแ้ ละขม่ ขืนใจผ้เู สียหายใหส้ ่ง มอบซ่ึงทรัพยส์ นิ -คำพพิ ากษาศาลฎกี าท่ี 1663/2513 จำเลยเป็นพนักงานตรวจสอบภาษอี ากรตามรา้ นคา้ โดยมอี ำนาจใน ตำแหนง่ กระทำความผิดตามมาตรา148 เนอ่ื งจากจำเลยกลา่ วหาผเู้ สียหายวา่ ออกใบเสรจ็ รับเงนิ เสียภาษี ให้รฐั าบาลไม่ครบและขม่ ขืนใจผู้เสยี หาย -คำพพิ ากษาศาลฎีกาที่ 720/2512 จำเลยเป็นพนกั งานตำรวจ ไดก้ ระทำความผิดตามมาตรา149 เนือ่ งจากจำเลยเรียกเงนิ จากผู้เสยี หายเพ่อื ประโยชนอ์ น่ื ใดสำหรับตนเองโดยมชิ อบ -คำพิพากษาศาลฎกี าที่ 1338/2538 จำเลยเป็นเจ้าพนกั งานผมู้ อี ำนาจหน้าทใ่ี นการสอบสวนและติดตาม จบั กมุ คนร้าย ได้กระทำความผิดตามมาตรา149 เนือ่ งจากจำเลยเรียกรับเงนิ จากผเู้ สยี หายในคดที ่ีสามขี อง ผู้เสยี หายถกู คนรา้ ยฆา่ และชงิ ทรัพยเ์ พอ่ื ประโยชน์อ่นื ใดสำหรับตนเองโดยมชิ อบ
--51-- บรรณานกุ รม - หนังสือคำอธิบายกฎหมายอาญา ภาคความผดิ และลหุโทษ ศาตราจารย์ ดร. ทวเี กยี รติ มนี ะกนษิ ฐ - https://wichianlaw.blogspot.com/2017/03/148.html - https://wichianlaw.blogspot.com/2017/03/149.html
--52-- รหสั นิสิต 631081074 เรอื่ ง ความผิดฐานแจ้งความเทจ็ ตอ่ เจา้ พนักงานตามมาตรา137 และความผิดฐานข่มขืนใจเจ้าพนกั งานตามมาตรา139 คำอธิบายเชงิ โครงสรา้ งความรับผดิ ทางอาญา ผู้ใดแจง้ ข้อความอนั เปน็ เท็จแกเ่ จ้าพนกั งาน มาตรา 137 ผู้ใดแจง้ ขอ้ ความอันเป็นเท็จแกเ่ จ้าพนักงาน ซงึ่ อาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย ตอ้ ง ระวางโทษจำคุกไมเ่ กินหกเดือน หรอื ปรบั ไมเ่ กนิ หนึง่ หมืน่ บาท หรือทั้งจำทัง้ ปรับ 1. ผู้แจ้งขอ้ ความอาจเปน็ บคุ คลธรรมดาหรอื นติ บิ ุคคลก็ได้ ซึ่งการแจง้ ขอ้ ความอนั เปน็ เทจ็ ของนิติบุคคลกระทำ โดยผา่ นผูแ้ ทนนิติบคุ คล เชน่ กรรมการผมู้ อี ำนาจจดั การแทนของนิติบคุ คล 2. การแจง้ ข้อความอนั เปน็ เท็จอาจทำโดย บอกกบั เจ้าพนกั งาน ตอบคำถามเจ้าพนักงาน เช่นใหก้ ารเทจ็ ใน ฐานะเปน็ พยาน การแจง้ โดยวิธแี สดงหลกั ฐาน เช่น คนต่างด้าวไมม่ ีสิทธิทีจ่ ะขอมบี ัตรประจำตัวประชาชนได้โด ชอบดว้ ยกฎหมาย การที่คนต่างด้าวอา้ งและนำหลกั ฐานแสดงต่อนายทะเบยี นเพอ่ื ขอมบี ตั รประจำตวั ประชาชน จึงเป็นการแจง้ เท็จต่อเจ้าพนักงานเพราะหลงเชอ่ื คนตา่ งด้าวคนนั้นมสี ัญชาตไิ ทยก็ตาม ก็หาใช่เปน็ ข้ออา้ งท่ีจะนำมาใชเ้ พ่ือขอให้มีการทำบัตรใหม่แทนบัตรเดิมทห่ี มดอายุ 3. ข้อความทีแ่ จง้ ต้องเปน็ ข้อเท็จจรงิ ในอดีตหรอื ในปัจจบุ นั หากเปน็ เรอื่ งอนาคตไมเ่ ปน็ ความเท็จ 4. การแจง้ ขอ้ เทจ็ จริงนัน้ ต้องมลี ักษณะเปน็ การยนื ยันขอ้ เทจ็ จรงิ มิใชก่ ารแสดงความคิดเห็น หรือการคาดคะเน ถงึ เหตุการณ์ในอนาคต 5. การแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน อันเป็นความผดิ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 137 น้ัน จะตอ้ งเป็น การแจ้งข้อความอันเปน็ เท็จแก่เจา้ พนักงานท่ีมอี ำนาจหนา้ ทเี่ กยี่ วกบั เร่ืองทแ่ี จ้งความน้ันหรอื ผูม้ ีหนา้ ท่ี รับผิดชอบตามท่ไี ดร้ บั มอบหมายจากผู้บงั คบั บญั ชาหากเป็นการแจ้งขอ้ ความอนั เป็นเทจ็ แก่เจ้าพนกั งานอืน่ ที่ไม่ มีหนา้ ทเ่ี กยี่ วกับการท่ีแจง้ ก็ไมเ่ ปน็ ความผิด 6. ความผดิ ฐานแจง้ ความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา 137 นน้ั จะตอ้ งปรากฏวา่ การแจ้งความเทจ็ นัน้ อาจ ทำให้ผ้อู ่ืนหรอื ประชาชนเสยี หาย โดยไม่ตอ้ งคำนึงถงึ ผลวา่ ต้องเกิดผลเสยี หายขนึ้ ก่อนจึงจะเปน็ ความผิด 7. การแจ้งความเท็จนน้ั ผู้แจง้ ตอ้ งกระทำโดยเจตนากล่าวคอื ต้องรขู้ อ้ เท็จจริงวา่ สิง่ ทแี่ จ้งน้นั เปน็ เทจ็ ไมเ่ ป็น ความจริงตามท่ีแจง้ เพราะหากแจ้งตามท่ีเขา้ ใจเช่นน้ีถือว่าผู้แจ้งไมม่ ีเจตนา ขอ้ สังเกต - อาจเป็นการใชว้ าจาหรือไม่กไ็ ด้ - กรณีอยู่เฉยๆ/ปฏเิ สธเมื่อเจ้าพนกั งานสอบถาม
--53-- - แจง้ ข้อความนี้ตอ้ งเป็นการแสดงข้อเท็จจริงในอดตี /ปจั จุบนั - อาจเปน็ การใช้วาจาหรอื ไม่กไ็ ด้ - กรณอี ย่เู ฉยๆ/ปฏเิ สธเมือ่ เจ้าพนักงานสอบถาม - แจง้ ข้อความน้ตี อ้ งเปน็ การแสดงขอ้ เท็จจรงิ ในอดีต/ปัจจบุ นั - เจา้ พนกั งานผรู้ บั แจง้ ตอ้ งเปน็ เจ้าพนกั งานท่มี ีอำนาจหน้าท่ีเก่ียวกับ การที่แจ้ง - หนา้ ทีร่ ับแจง้ นอ้ี าจเปน็ หน้าทตี่ ามท่กี ฎหมายกำหนด/ทไี่ ด้รับ มอบหมายจากผบู้ งั คบั บญั ชาก็ได้ - ไม่จำเปน็ วา่ จะต้องเป็นพนักงานสอบสวนเทา่ นนั้ - ความผิดสำเรจ็ ทันทีเมอ่ื มกี ารแจง้ ไมต่ ้องรอใหม้ ีความเสยี หาย เกิดขน้ึ จากการแจ้งนนั้ เสียก่อน (เง่ือนไขการ ลงโทษทางภาวะวสิ ยั )
--54-- โครงสร้างมาตรา 137 มาตรา 137 องคป์ ระกอบภายนอก องคป์ ระกอบภายใน ผกู้ ระทา การ เจตนา กระทา เจตนาธรรมดา ผใู้ ด แจ้งความเปน็ เทจ็ วตั ถแุ ห่งการ กระทา เงอ่ื นไขการลงโทษทางวิสยั เจา้ พนกั งาน ซง่ึ อาจทำให้ผอู้ นื่ หรอื ประชาชนเสียหาย
--55-- ผใู้ ดขม่ ขืนใจเจ้าพนักงาน มาตรา 139 ผใู้ ดข่มขืนใจเจ้าพนักงานใหป้ ฏิบัตกิ ารอันมชิ อบดว้ ยหนา้ ที่ หรือใหล้ ะเว้นการปฏิบัตกิ ารตาม หนา้ ท่โี ดยใชก้ ำลังประทุษร้าย หรอื ขเู่ ขญ็ วา่ จะใช้กำลงั ประทษุ ร้าย ต้องระวางโทษจำคกุ ไมเ่ กนิ สป่ี ี หรือปรับไม่ เกินแปดหม่นื บาท หรอื ท้ังจำทั้งปรบั องค์ประกอบความผดิ มาตรา 139 มอี งค์ประกอบความผิดดงั นี้ 1.)ข่มขนื ใจโดยใชก้ ำลงั ประทษุ ร้าย หรือขู่เขญ็ วา่ จะใช้กำลังประทษุ ร้าย 2.)เจา้ พนกั งาน 3.)ใหป้ ฏิบัติการอันมิชอบดว้ ยหนา้ ทห่ี รอื ได้ละเว้นการปฏิบัตกิ ารตามหน้าที่ 4.)โดยเจตนา ความผดิ ตามมาตราน้ี เมอื่ ขม่ ขืนใจเจ้าพนกั งาน ถ้าหากเจ้าพนกั งานไมก่ ลัวในการขม่ ขนู่ ั้นผดิ แคพ่ ยายาม แต่ ถา้ หากเจ้าพนักงานกลัวยอ่ มมคี วามผดิ สำเรจ็ แต่ถ้าหากขูใ่ ห้เจ้าพนกั งานปฏิบัติหน้าท่โี ดยชอบไมม่ คี วามผิดตามมาตราน้ี ความผิดตามมาตรา 138 นน้ั เปน็ ความผิดทไ่ี ม่ต้องการผล กล่าวคือ ไม่ว่าเจา้ พนักงานจะกลวั หรอื ไมก่ ลัวใน การต่อสู้ขัดขวางยอ่ มมีความผดิ สำเร็จทนั ที สว่ นตามมาตรา 139 น้ัน เป็นความผดิ ตอ้ งการผล กล่าวคอื ถ้า หากการขม่ ขู่นัน้ เจา้ พนกั งานไมก่ ลัวยอ่ มมคี วามผดิ ฐานพยายามข่มขนื ใจเจ้าพนักงาน แต่ถ้าหากเจ้าพนักงาน กลัวในการข่มขนื ใจยอ่ มมีความผดิ สำเร็จ ความแตกต่างระหว่างมาตรา 138 กบั มาตรา 139 ตอ่ สขู้ ดั ขวางเจา้ พนกั งานหรือผู้ซ่งึ ตอ้ งชว่ ยเจ้าพนกั งาน ไม่ต้องการผล มาตรา 138 ขม่ ขืนใจเจ้าพนักงาน ต้องการผลมาตรา 139 ขอ้ สงั เกต - ความผิดสำเรจ็ เมื่อสามารถบงั คับให้เจา้ หน้าท่ีพนกั งานปฏบิ ัติการอนั มิชอบดว้ ยหน้าท่ี ทำใหเ้ จ้าหน้าท่ี พนักงาน ละเวน้ การปฏิบตั หิ น้าที่ - กรณบี ังคับให้ใหเ้ จา้ หน้าท่พี นักงานปฏบิ ัตกิ ารอันชอบดว้ ยหนา้ ท่ี - กรณบี ังคบั ให้เจา้ พนกั งานละเว้นการกระทำที่ไมช่ อบด้วยหน้าท่ี - การใช้กำลงั ฯ/ขู่เข็ญวา่ จะใช้กำลังไม่จำเป็นตอ้ งถงึ กบั เปน็ อันตรายแกก่ าย
--56-- โครงสรา้ งมาตรา 139 มาตรา139 องคป์ ระกอบภายใน เจตนา เจตนาธรรมดา ผกู้ ระทา ผใู้ ด องคป์ ระกอบ วตั ถแุ ห่งการกระทา ภายนอก เจา้ พนกั งาน การกระทา ขม่ ขืนใจ ใชก้ าลงั ใหป้ ฎิบตั กิ ารอนั มิ ขเู่ ขญ็ วา่ จะใชก้ าลงั ชอบดว้ ยหนา้ ที่ ใหล้ ะเวน้ การปฏบิ ตั ิ หนา้ ที่ คำอธิบายจากบรรทัดฐานคำพิพากษา คำพพิ ากษาศาลฎีกาท่เี ก่ียวข้องกับมาตรา 137 คำพพิ ากษาศาลฎีกาท่ี 981/2561 การท่ีจำเลยรู้วา่ มไิ ดเ้ กดิ เหตลุ กั ทรพั ยร์ ถกระบะ แต่กลับแจง้ แก่พนกั งาน สอบสวนว่ามีคนรา้ ยลักทรพั ย์รถกระบะที่จำเลยเช่าซอ้ื ไป เพ่ือจะนำเงนิ ทีไ่ ด้รับจากบรษิ ทั ผู้รับประกันภยั ไป ชำระคา่ งวดแกธ่ นาคาร ก. ผู้ใหเ้ ชา่ ซอื้ การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 173 อนั เปน็ บทบญั ญัตเิ ฉพาะแล้ว ไมจ่ ำตอ้ งปรบั บทตามมาตรา 137 อันเป็นบทบัญญัติว่าดว้ ยการแจง้ ขอ้ ความอันเป็นเทจ็ แกเ่ จา้ พนักงานทว่ั ๆ ไปอีก และเมื่อไมเ่ กดิ มคี วามผดิ อาญาฐานลักทรพั ย์เกิดขึ้นในคดีนี้ จงึ ไมเ่ ป็นความผดิ ตามมาตรา 172 เมื่อไม่เกดิ มีความผดิ อาญาเกิดข้ึนในคดีน้ี การแจง้ ความวา่ มกี ารกระทำความผิดของจำเลย จึงไม่เป็น ความผดิ ตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 172
--57-- คำพพิ ากษาศาลฎีกาท่ี 4017/2560 ขณะทจี่ ำเลยท่ี 1 ไปจดทะเบียนจำนองทีด่ นิ พพิ าททงั้ สองแปลงเพื่อ ประกันหน้ีเงนิ กูใ้ หแ้ กจ่ ำเลยที่ 3 เมือ่ วันที่ 5 ส.ค. 2556 คดที ่โี จทกท์ ้งั เจ็ดฟ้อง ล. กบั จำเลยท่ี 1 ขอใหเ้ พกิ ถอน นติ ิกรรมการโอนท่ดี ินทัง้ สองแปลงอยู่ในระหว่างฎกี ายงั ไม่ถึงทีส่ ดุ ดังนน้ั การท่ีจำเลยท่ี 1 แจ้งข้อความตามที่ ปรากฏในโฉนดทด่ี นิ ท้ังสองแปลงตอ่ เจ้าพนกั งานทีด่ ินผูจ้ ดทะเบียนจำนองในขณะนั้นว่า จำเลยท่ี 1 เป็น เจ้าของท่ดี นิ ท้ังสองแปลง ซึ่งกต็ รงตามเอกสารทแี่ ท้จรงิ จึงเปน็ เรอื่ งที่จำเลยท่ี 1 แจง้ ข้อความตามข้อเทจ็ จริงท่ี ปรากฏ ทงั้ เจ้าพนกั งานทีด่ นิ ผ้จู ดทะเบียนจำนองไมไ่ ด้สอบถามจำเลยที่ 1 วา่ มีคดีพิพาทเก่ียวกบั ทด่ี ินหรือไม่ และจำเลยท่ี 1 มิได้หลอกลวงให้เจ้าพนกั งานทด่ี นิ จดทะเบยี นจำนองทด่ี นิ พิพาททัง้ สองแปลง การกระทำของ จำเลยที่ 1 จึงไมเ่ ป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 137 และ 267 คำพพิ ากษาศาลฎกี าที่ 10570/2558 โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยท้งั สองรว่ มกนั แจง้ ให้นายทะเบยี นหนุ้ สว่ น บริษทั จดข้อความอันเป็นเทจ็ โดยยน่ื แบบนำสง่ งบการเงนิ รอบปีบญั ชีสน้ิ สดุ จำนวน 1 ฉบบั และสำเนาบัญชี รายชอ่ื ผ้ถู ือหุน้ ฉบับใหม่จำนวน 1 ฉบบั โดยมีข้อความระบไุ วว้ า่ หุ้นทไ่ี ด้จดทะเบยี นไว้ของจำเลยท่ี 1 จำนวน 100,000,000 บาท จำเลยท้งั สองได้เรียกชำระเงนิ ไปจากผถู้ อื ห้นุ ทัง้ เจ็ดคนครบถว้ นเต็มจำนวน ซงึ่ เป็นความ เท็จ ความจรงิ แล้วจำเลยทง้ั สองยังมไิ ดเ้ รยี กชำระเงินค่าหุ้นที่ผถู้ ือหนุ้ ทง้ั เจ็ดคนค้างชำระอยู่อกี 49,500,000 บาท อาจทำให้โจทก์หรือประชาชนไดร้ บั ความเสียหาย โดยเฉพาะโจทกซ์ ่ึงเป็นเจ้าหนีต้ ้องพบอุปสรรคในการท่ี จะใชส้ ิทธิบังคับชำระหนีห้ รือบงั คับคดีเอาแก่สิทธิเรยี กร้องในเงนิ คา่ หนุ้ ค้างชำระของจำเลยท่ี 1 ตามประมวล กฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1096 โจทกจ์ ึงเปน็ ผไู้ ดร้ บั ความเสียหายโดยตรง ยอ่ มเปน็ ผู้เสียหายใน ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 137 และมาตรา 267 คำพพิ ากษาศาลฎีกาทีเ่ ก่ยี วขอ้ งกับมาตรา 139 คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1940/2561ความผิดตามฟ้องโจทก์ คอื ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 139 ซง่ึ บญั ญัตวิ ่า \"ผูใ้ ดขม่ ขนื ใจเจา้ พนักงานให้ปฏบิ ตั ิการอันมชิ อบดว้ ยหน้าท่ี หรือให้ละเว้นการปฏบิ ัติการตามหน้าท่ี โดยใช้กำลงั ประทุษรา้ ย หรือขูเ่ ข็ญวา่ จะใชก้ ำลังประทุษร้าย...\" ซงึ่ เป็นที่เหน็ ไดอ้ ยา่ งแน่ชดั วา่ ผู้ท่ีจะกระทำ ความผิดตามมาตรา 139 ดังกลา่ ว จะตอ้ งกระทำการต่อเจ้าพนักงาน คอื ขม่ ขืนใจต่อเจ้าพนักงาน แต่ตามคำ บรรยายในฟ้องโจทก์เองและตามข้อเท็จจริงทเ่ี กดิ ขึน้ กลับฟังไดแ้ นช่ ดั วา่ จำเลยเพียงข้นึ พูดปราศรยั บนเวทีซ่ึง เป็นการพูดต่อผชู้ ุมนุมในกล่มุ นปช. ดว้ ยกัน จำเลยไม่ไดพ้ ดู หรอื กระทำการใดต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ซ่งึ เป็นเจา้ พนักงานแต่อยา่ งใด แม้จะฟังว่าการพดู ปราศรยั ดังกลา่ วมีการทำขา่ วทางสถานโี ทรทัศนห์ รอื ส่ือมวลชน สาธารณะอ่นื ด้วยก็ตาม กไ็ มป่ รากฏว่าเป็นเรื่องท่ีจำเลยเป็นผจู้ ัดให้มีการทำขา่ ว แต่ข้อเท็จจริงเป็นเร่อื งของ นกั ขา่ วสอ่ื มวลชนมาทำขา่ วกันเองเท่าน้นั ขณะเกิดเหตุที่จำเลยพูดปราศรัยเปน็ วนั ที่ 23 กมุ ภาพันธ์ 2557 แต่ หลังจากนนั้ อกี 3 วัน จึงมกี ารชุมนุมของกลุม่ นปช. เพ่อื ปดิ ล้อมสำนักงาน ป.ป.ช. ซึง่ ขณะนนั้ ไม่ปรากฏ ขอ้ เทจ็ จรงิ วา่ จำเลยไดเ้ ขา้ ร่วมในการเข้าปิดลอ้ มสำนกั งาน ป.ป.ช. ดังกลา่ วด้วย การชมุ นมุ เพอื่ ปดิ ก้ันดงั กล่าว เพ่ือไมใ่ ห้คณะกรรมการ ป.ป.ช. และเจา้ หน้าท่ีเขา้ ทำงานในสำนกั งานอาจเป็นการกระทำความผิดตาม
--58-- มาตรา 139 ได้ เพราะเป็นการกระทำเพ่ือไมใ่ หเ้ จ้าพนกั งานปฏบิ ตั ิการตามหนา้ ท่ี แตก่ ารพดู ของจำเลยตอ่ ผู้ ชุมนุมกล่มุ นปช. ไม่ไดก้ ระทำต่อเจา้ พนกั งาน แต่เปน็ การกระทำต่อผชู้ ุมนุม เปน็ การพูดชกั ชวนปลุกเรา้ ผู้ ชมุ นุมใหไ้ ปร่วมกันปดิ ลอ้ มสำนกั งาน ป.ป.ช. เทา่ น้นั ทีส่ ำคญั ในคำพดู ปราศรัยของจำเลยไม่มีขอ้ ความตอนใดท่ี จำเลยข่มขืนใจเพือ่ ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. กระทำการอนั ใดท่ีจำเลยต้องการเลย ไมว่ ่าจะเป็นการอันมชิ อบ ด้วยหน้าท่ี หรือการละเว้นการปฏบิ ัติการตามหนา้ ที่ จึงไมถ่ ือวา่ เปน็ ความผิดตามฟอ้ ง คำพิพากษาศาลฎกี าที่ 2989/2537การทจี่ ำเลยพูดขูเ่ ขญ็ จะฆ่าผเู้ สยี หายซึง่ เปน็ เจา้ พนกั งานปา่ ไมห้ ากไม่ ปลอ่ ยไมท้ ี่ยึด เปน็ การข่มขนื ใจผู้เสียหายซง่ึ เป็นเจา้ พนกั งานใหป้ ฏบิ ตั กิ ารอนั มิชอบด้วยหนา้ ท่ีหรอื ให้ละเว้น การปฏิบตั กิ ารตามหนา้ ท่ี เปน็ การลงมอื กระทำความผดิ ครบองค์ประกอบความผดิ แล้วแต่การกระทำนัน้ ไม่ บรรลุผล เพราะผูเ้ สียหายไมเ่ กรงกลวั ไมย่ นิ ยอมปลอ่ ยไม้ทีย่ ดึ ผู้เสียหายจงึ ไมไ่ ด้ปฏบิ ัติการอันมชิ อบด้วย กฎหมายหรอื ละเว้นการปฏิบัตกิ ารตามหน้าท่ีทจ่ี ำเลยข่มขนื ใจ จำเลยจึง มีความผิดขน้ั พยายามตามประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 139ประกอบมาตรา 80 สรุปเน้อื หาและขอ้ เสนอแนะ มาตรา 137 แจ้งความเท็จ ตามมาตรา 137ทวี่ ่าดว้ ย ผู้ใดแจ้งขอ้ ความอนั เป็นเท็จแก่เจ้าพนกั งาน ซ่งึ อาจทำใหผ้ ูอ้ นื่ หรือประชาชน เสียหาย ตอ้ งระวางโทษจำคกุ ไม่เกินหกเดอื น หรอื ปรบั ไมเ่ กนิ หน่งึ หมนื่ บาท หรือทัง้ จำทง้ั ปรับ ในสว่ นของตวั มาตราผมมีความรู้สกึ วา่ การลงโทษหรือปรับมันดูไมส่ มเหตุสมผลกนั ควรจะไปปรบั ปรงุ แกไ้ ขต่อไป การที่ผแู้ จง้ ขอ้ ความอาจเปน็ บุคคลธรรมดาหรือนิติบคุ คลก็ได้ ซงึ่ การแจ้งขอ้ ความอันเป็นเทจ็ ของนติ ิบคุ คล กระทำโดยผ่านผ้แู ทนนติ บิ คุ คล การแจ้งขอ้ ความอันเปน็ เทจ็ อาจทำโดยบอกกับเจ้าพนกั งานตอบคำถามเจา้ พนักงานจะตอ้ งมพี ยานมาด้วยเพือ่ แสดงถงึ ขอ้ เท็จจรงิ ตา่ งๆและขอ้ ความท่ีแจง้ ต้องเป็นขอ้ เท็จจรงิ ในอดตี หรือ ในปจั จุบนั หากเปน็ เรือ่ งอนาคตไม่เป็นความเท็จ การแจง้ ขอ้ เท็จจรงิ น้ันตอ้ งมลี ักษณะเป็นการยืนยนั ข้อเท็จจริงมใิ ชก่ ารแสดงความคิดเห็นหรือการคาดคะเนถึง เหตุการณ์ในอนาคต ความผิดฐานแจ้งความเทจ็ ตามประมวลกฎหมายอาญา137 น้ันจะตอ้ งปรากฏวา่ การแจ้ง ความเท็จน้นั อาจทำใหผ้ ้อู น่ื หรอื ประชาชนเสียหายโดยไมต่ อ้ งคำนึงถงึ ผลวา่ ตอ้ งเกดิ ผลเสยี หายขน้ึ ก่อนจงึ จะ เป็นความผดิ การแจ้งความเท็จนน้ั ผู้แจง้ ต้องกระทำโดยเจตนากล่าวคอื ตอ้ งรู้ข้อเท็จจรงิ วา่ สง่ิ ท่แี จ้งน้ันเป็นเทจ็ ไมเ่ ปน็ ความจริงตามทแี่ จ้งเพราะหากแจ้งตามทเ่ี ข้าใจเชน่ นถ้ี อื วา่ ผู้แจง้ ไม่มีเจตนา มาตรา 139 ขมขน่ื ใจเจ้าหน้าที่พนักงาน ตามที่มาตร139ทวี่ า่ ดว้ ย ผใู้ ดขม่ ขืนใจเจา้ พนกั งานให้ปฏิบตั กิ ารอันมชิ อบด้วยหนา้ ที่หรือให้ละเว้น การปฏบิ ตั ิการตามหน้าทโ่ี ดยใชก้ ำลังประทุษรา้ ย หรอื ขู่เขญ็ วา่ จะใชก้ ำลังประทุษร้าย ตอ้ งระวางโทษจำคุก
--59-- ไมเ่ กนิ สีป่ ี หรือปรับไมเ่ กนิ แปดหมนื่ บาท หรือทั้งจำทง้ั ปรบั ในสว่ นตวั ของมาตราผมมีความรสู้ กึ ว่าดีแลว้ แตค่ วร จะเพม่ิ โทษฐานทีข่ มขืน่ ใจเจ้าหนา้ ท่พี นักงาน ควรเพ่มิ โทษและค่าปรับเพิ่มไปอีก องคป์ ระกอบความผิด มาตรา 139 มี ข่มขนื ใจโดยใช้กำลังประทษุ ร้าย หรอื ขูเ่ ข็ญว่าจะใชก้ ำลงั ประทุษรา้ ย เจ้าพนกั งาน,ให้ปฏิบตั กิ ารอนั มิชอบดว้ ยหนา้ ที่หรือไดล้ ะเว้นการปฏบิ ัตกิ ารตามหนา้ ทแี่ ละเจตนา ความแตกตา่ งระหวา่ งมาตรา 138 กับมาตรา 139 ต่อสู้ขดั ขวางเจ้าพนักงานหรือผู้ซง่ึ ต้องชว่ ย เจ้าพนกั งาน ไม่ต้องการผล มาตรา 138 ขม่ ขืนใจเจา้ พนกั งานตอ้ งการผลมาตรา 139
--60-- บรรณานุกรม ดศิ รณ์ ลิขิตวทิ ยาวฒุ ิ.(2559).กฎหมายอาญาเกย่ี วกับเจา้ พนกั งาน.มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์.สบื คน้ จาก https://www.oap.go.th นพนภสั .(2561).ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 137.สำนกั งานกฎหมาย นพนภัส ทนายความเชยี งใหม่.สบื ค้น จาก https://www.นพนภัสทนายความเชยี งใหม่.com นพนภสั .(2561).ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 139.สำนักงานกฎหมาย นพนภัส ทนายความเชยี งใหม่.สบื คน้ จาก https://www.นพนภสั ทนายความเชยี งใหม่.com บริษทั ทนายใกล้ตวั .(2563).การแจ้งความเท็จแกเ่ จ้าพนักงาน.สบื คน้ 22 กนั ยายน 2564 จาก https://closelawyer.com อ.พรณรงคฯ์ .(2557).ทบทวนกฎหมาย มาตรา 139.สืบค้น 22 กันยายน 2564 จาก Facebook:ทบทวนกฎหมาย อ.พรณรงค์ฯ
--61-- รหสั นสิ ิต 631081077 เร่อื งความผิดฐานเจ้าพนักงานจ่ายทรัพย์เกนิ กว่าท่คี วรจะจ่ายตามหนา้ ที่ตามมาตรา153 และความผดิ ฐานเจา้ พนักงานละเว้นหรือปฏบิ ตั หิ นา้ ท่โี ดยมิชอบหรือทุจริตตามมาตรา157 คำอธบิ ายเชงิ โครงสรา้ งความรับผิดทางอาญา มาตรา 153 ผู้ใดเปน็ เจา้ พนกั งาน มีหน้าทจ่ี า่ ยทรพั ย์ จา่ ยทรัพยน์ ้นั เกนิ กวา่ ท่ีควรจ่ายเพอ่ื ประโยชน์ สำหรบั ตนเองหรือผอู้ ่ืน ต้องระวางโทษจำคกุ ตั้งแตห่ นงึ่ ปถี งึ สิบปี และปรบั ตง้ั แต่สองหมืน่ บาทถงึ สองแสน บาท องคป์ ระกอบภายนอก 1.ผู้ใด 2.เป็นเจา้ พนกั งาน 3.มีหนา้ ทจี่ ่ายทรัพย์ 4.จา่ ยทรัพยน์ ัน้ เกนิ กว่าทค่ี วรจ่าย องค์ประกอบภายใน 1.เจตนา 2.เพือ่ ประโยชนส์ ำหรบั ตนเองหรอื ผอู้ ื่น(เจตนาพิเศษ) 1.ผู้ใด หมายถงึ บคุ คลทกุ คนทไี่ ดม้ กี ารกระทำความผิด 2.เปน็ เจ้าพนกั งาน เจ้าพนักงาน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา1(16) หมายความว่า ผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งตาม กฎหมายให้ปฏิบัติหน้าที่ราชการ ไม่ว่าเป็นประจำหรือครั้งคราว และไม่ว่าจะได้รับค่าตอบแทนหรือไม่ โดย หมายถึงครอบคลุมถึงเจา้ พนักงานทกุ ประเภท เช่น เจา้ พนกั งานตำรวจ เจา้ พนักงานฝ่ายปกครอง นายอำเภอ กำนัน ผใู้ หญบ่ า้ น เปน็ ต้น หากถ้าไม่มีการแต่งตั้งแม้จะได้ปฏิบัติราชการก็ไม่เป็นเจ้าพนักงาน หมายถึง ข้าราชการ พนักงาน ราชการ ลูกจา้ งประจำ หรือเจา้ หนา้ ท่ีทไ่ี ด้รบั การแตง่ ตงั้ ให้ทำหน้าที่ในเรอื่ งน้นั ๆ หากเป็นในระบบราชการเม่ือ ไดร้ ับการแตง่ ตงั้ ให้ปฏิบัตหิ น้าท่ีใดๆแลว้ ปฏบิ ัตหิ น้าทโี่ ดยมิชอบต้องดำเนินการทางวินยั ส่วนหนึ่ง แล้วยังต้อง ถูกดำเนนิ คดตี ามประมวลกฎหมายอาญา ผใู้ ดเป็นเจ้าพนกั งาน หมายถึง บคุ คลซงึ่ เปน็ เจ้าพนกั งานได้มกี ารกระทำความผดิ 3.มีหน้าท่ีจา่ ยทรัพย์ มีหน้าที่จ่ายทรพั ย์ คือ เจ้าพนักงานผูน้ ้ันมีหน้าที่จ่ายทรัพยใ์ ห้แก่ผู้อื่นซึ่งทรัพย์นั้นไม่จำเป็นต้องเป็น การชำระราคาเพียงเท่านั้น เช่น ดนัยเป็นเสมียนประจำท่าเรือแห่งประเทศไทยมีหน้าที่ตรวจปล่อยสินค้า ประจำโรงพกั สินค้า ถือวา่ ดนัยย่อมเป็นเจา้ พนักงานผู้มีหนา้ ทจ่ี ่ายทรัพยห์ รอื สนิ ค้า
--62-- 4.จา่ ยทรัพยน์ น้ั เกินกว่าท่ีควรจา่ ย จา่ ยทรัพย์น้ันเกนิ กว่าท่ีควรจ่าย คือ การจ่ายทรพั ยน์ ้ันมากกวา่ ท่ีมีหน้าที่จะต้องจ่ายตามกฎหมายหรือ ตามสญั ญา และทรพั ยน์ ้นั จะเปน็ ของผู้ใดไมส่ ำคัญ เชน่ กนกพรเป็นเจ้าหน้าทฝ่ี ่ายการเงินของหน่วยงานราชการไดท้ ำการจ่ายเงินเดอื นใหแ้ ก่ปทั มาซง่ึ เป็น ลกู จ้างเกนิ กวา่ จำนวนทป่ี ัทมาควรไดร้ บั 5.เจตนา การกระทำดังกล่าวผกู้ ระทำประสงค์ต่อผล หรือเลง็ เห็นผลของการกระทำนั้นได้ 6.เพอื่ ประโยชน์สำหรบั ตนเองหรอื ผ้อู ่นื (เจตนาพเิ ศษ) การกระทำทก่ี ารกระทำลงไปเพอื่ ต้องการเอาประโยชน์เป็นของตนเองหรือผู้อื่น หรือร่วมกัน เช่น นาง อรอนงค์กับนายอดิศรเป็นพ่ีน้องกัน และนางอรอนงค์เป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของหน่วยงานราชการได้ทำ การจ่ายเงินให้แก่นายอดิศรไปเกินกว่าจำนวนที่นายอดิศรควรได้รับและทำการตกลงกันว่าจะแบ่งเงินส่วนท่ี จา่ ยเกนิ ดงั กล่าวกันคนละคร่ึง เจตนาพิเศษ เป็นการได้ผลประโยชนเ์ พ่ิมทง้ั ตอ่ ตนเองและผอู้ ่นื ข้อควรระวัง ความผิดจะสำเร็จกต็ ่อเมื่อไดจ้ ่ายทรัพยน์ นั้ ไปแลว้ หากเปน็ กรณที ่ีไม่ไดต้ งั้ ใจ หรือเกดิ ความผิดพลาดในการจา่ ยทรัพย์นั้นเพราะหลงผิดหรือนับผิด ทำให้จา่ ยทรัพยน์ ้นั เกนิ กวา่ ทคี่ วรจา่ ย ถอื ว่าไม่มคี วามผดิ เช่น แกว้ เปน็ เจ้าหน้าที่ธนาคารไดน้ ับเงินผิดทำให้จ่ายเงินให้แก่ลกู ค้าเกินไปกว่าท่ีลกู ค้าควรได้รับ ซึ่ง กรณดี ังกลา่ วเกดิ จากความผดิ พลาดในการนับเงนิ ทำใหแ้ กว้ ไม่มีความผดิ มาตรา 157 ผใู้ ดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเวน้ การปฏบิ ัติหนา้ ทีโ่ ดยมิชอบ เพ่อื ให้เกิดความเสียหาย แก่ผู้หน่ึงผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏบิ ัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึง่ ปถี ึงสิบปี หรอื ปรบั ตั้งแต่สองหมืน่ บาทถงึ สองแสนบาท หรอื ทั้งจำทง้ั ปรับ ความผิดฐานน้ีเป็นบทท่วั ไป การกระทำจงึ แบง่ ออกได้ 2 กรณี ดงั นี้ กรณีที่ 1 เจ้าพนกั งานปฏบิ ตั หิ รอื ละเว้นการปฏบิ ัติหนา้ ที่โดยมชิ อบ องค์ประกอบภายนอก 1.ผู้ใด 2.เปน็ เจา้ พนกั งาน 3.ปฏบิ ตั หิ รือละเวน้ การปฏิบตั ิหนา้ ทีโ่ ดยมิชอบ องคป์ ระกอบภายใน 1.เจตนา 2.เพื่อใหเ้ กดิ ความเสียหายแก่ผ้หู นึ่งผูใ้ ด(เจตนาพิเศษ)
--63-- กรณที ่ี 2 เจา้ พนกั งานปฏบิ ัติหรือละเวน้ การปฏบิ ตั ิหน้าทโ่ี ดยทุจริต องค์ประกอบภายนอก 1.ผู้ใด 2.เปน็ เจ้าพนกั งาน 3.ปฏบิ ตั ิหรอื ละเว้นการปฏิบัติหนา้ ที่ องคป์ ระกอบภายใน 1.เจตนา 2.โดยทุจริต(เจตนาพิเศษ) 1.ผใู้ ด หมายถงึ บุคคลทุกคนท่ไี ดม้ ีการกระทำความผดิ 2.เปน็ เจา้ พนักงาน เจ้าพนักงาน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา1(16) หมายความว่า ผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งตาม กฎหมายให้ปฏิบัติหน้าที่ราชการ ไม่ว่าเป็นประจำหรือครั้งคราว และไม่ว่าจะได้รับค่าตอบแทนหรือไม่ โดย หมายถงึ ครอบคลุมถงึ เจ้าพนักงานทกุ ประเภท เชน่ เจา้ พนกั งานตำรวจ เจ้าพนกั งานฝ่ายปกครอง นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญบ่ ้าน เป็นตน้ แต่หากไม่มีการแต่งตั้งแม้จะได้ปฏิบัติราชการก็ไม่เป็นเจ้าพนักงาน หมายถึง ข้าราชการ พนักงาน ราชการ ลูกจา้ งประจำ หรือเจา้ หน้าทที่ ่ไี ด้รับการแตง่ ตงั้ ให้ทำหนา้ ที่ในเรือ่ งน้นั ๆ หากเป็นในระบบราชการเม่ือ ได้รบั การแตง่ ตงั้ ให้ปฏิบัติหน้าท่ีใดๆแล้ว ปฏบิ ัติหน้าทโี่ ดยมิชอบต้องดำเนินการทางวินยั ส่วนหน่ึง แล้วยังต้อง ถกู ดำเนนิ คดีตามประมวลกฎหมายอาญา ผู้ใดเปน็ เจา้ พนกั งาน หมายถงึ บคุ คลซ่ึงเปน็ เจ้าพนกั งานไดม้ กี ารกระทำความผิด 3.ปฏิบัตหิ รอื ละเว้นการปฏบิ ตั ิหน้าทโ่ี ดยมชิ อบ “ปฏิบัต”ิ หมายถงึ หนา้ ทที่ อี่ าจเกดิ จากกฎหมาย ระเบยี บ คำสั่งหรือได้รบั มอบหมาย “ละเวน้ การปฏิบัติ” หมายถงึ มีหนา้ ที่ตอ้ งปฏิบัติแตไ่ มป่ ฏบิ ัติ หรืองดเวน้ ไมก่ ระทำการตามหนา้ ที่ เชน่ หมอไม่รกั ษาคนไข้ ตำรวจไม่จบั โจร “โดยมิชอบ” ไม่เป็นไปตามหน้าที่ที่ตนต้องพึงปฏิบัติ ซึ่งเป็นการปฏิบัติหน้าที่ราชการตามอำนาจ หน้าท่ีของตนโดยมิชอบ หรือเปน็ การละเวน้ ปฏิบัตหิ นา้ ทีข่ องตนโดยมชิ อบ เช่น ตำรวจจบั โดยไม่มหี มาย และไมเ่ ปน็ ความผิดซึง่ หน้า ขอ้ ควรระวัง เก่ียวกบั หนา้ ทีข่ องเจ้าพนักงาน 1.ต้องเปน็ เร่อื งที่เจ้าพนักงานนนั้ มีหน้าที่ต้องทำ 2.ถา้ เป็นเรอ่ื งนอกหนา้ ที่หรือพน้ หน้าทไ่ี ปแล้วกไ็ ม่ผิด 3.รวมทง้ั ถ้าไมม่ ีหนา้ ท่ีเลยก็ไมผ่ ิด เชน่ A เปน็ ตำรวจ และไดเ้ กดิ เหตทุ ะเลาะววิ าทขน้ึ แตใ่ นขณะนน้ั Aได้เลกิ งานแลว้ ซ่งึ เหตทุ เี่ กิดข้ึนนั้น เกิดหลงั จากที่ A พ้นหน้าทไ่ี ปแล้ว Aก็ไม่มคี วามผิด
--64-- 4.เจตนา การกระทำดังกลา่ วผกู้ ระทำประสงคต์ อ่ ผล หรอื เล็งเหน็ ผลของการกระทำนัน้ ได้ 5.เพื่อใหเ้ กดิ ความเสยี หายแก่ผู้หนึ่งผูใ้ ด ถือเปน็ เจตนาพิเศษ การกระทำท่ที ำเพ่อื ใหเ้ กดิ ความเสยี หายแก่ผูห้ นง่ึ ผู้ใด ซึง่ ความเสียหายในทีน่ ี้หมายถงึ ความเสียหายใน ทุกๆอย่างไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สิน ชื่อเสียง หรือเสรีภาพ และตั้งใจมุ่งให้เกิดความเสียหายแก่ใครโดยเฉพาะ เช่น นายทหารทำร้ายร่างกายพลทหาร คุณครูลงโทษนักเรียนโดยการให้ยืนหน้าเสาธงเพื่อให้เกิด ความอับอาย 6.โดยทุจรติ ถือเป็นเจตนาพิเศษ โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา1(1) หมายความว่า เพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้ โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อนื่ กล่าวคอื เป็นการกระทำท่ผี ิดกฎหมายและเมื่อกระทำลงไปนั่นมี ผลประโยชน์ตอบแทน เช่น ผู้ใหญ่บ้านเรียกเก็บเงินจากชาวบ้านเพื่อนำไปพัฒนาหมู่บ้าน แต่กลับเอาไปซื้อ สรอ้ ยทองใสเ่ อง เจตนาพิเศษ เปน็ การไดผ้ ลประโยชนเ์ พิ่มทั้งต่อตนเองและผอู้ ่นื คำอธิบายจากบรรทัดฐานคำพิพากษาศาลฎกี า มาตรา153 คำพพิ ากษาศาลฎีกาที่ 11741/2557 เปน็ ความผิดสำเร็จเม่ือเจ้าพนักงานผู้มหี น้าท่ีจ่ายทรพั ย์ ได้จ่ายทรัพย์เกนิ กวา่ ท่คี วรจา่ ยเพื่อประโยชน์ สำหรบั ตนเองหรอื ผู้อื่นโดยไม่จำต้องคำนึงว่าการจ่ายทรัพยน์ ั้นตอ้ งทำใหห้ นรี้ ะงบั ลงดว้ ย เพราะความผิดมาตรา นี้ต้องการลงโทษเจ้าพนักงานผู้มหี น้าที่จ่ายทรัพย์ได้จ่ายทรพั ย์เกินกว่าที่ควรจ่ายเท่านั้น แม้จำเลยซึ่งเป็นเจ้า พนักงานผู้มีหน้าที่จ่ายทรัพย์จะชำระหนี้ด้วยเช็ค และ ก. ผู้ได้รับชำระหนี้ยังไม่ได้นำเช็คไปเรียกเก็บเงิน เนื่องจากถูกเรียกทวงคืนก่อนอันทำให้หน้ีน้ันยังไมร่ ะงบั ลงกต็ าม การกระทำของจำเลยก็เป็นความผิดสำเร็จ ตามมาตรา 153 อธบิ ายคำพพิ ากษาศาลฎกี าท่ี 11741//2557 จากคำพพิ ากษาศาลฎกี าท่ี 11741/2557 จำเลยเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าท่ีจ่ายทรพั ย์ได้จ่ายเงินค่าพันธุ์ ปลาและวัสดุการเกษตรเกินกว่าที่ควรจ่าย เป็นผู้กระทำผิดและมีหนา้ ที่จ่ายทรัพย์ได้จ่ายทรพั ยน์ ้ันเกินกวา่ ที่ ควร ถือว่าการกระทำของจำเลยนน้ั ครบองคป์ ระกอบภายนอกของความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 153 ทำใหจ้ ำเลยได้เงินสว่ นตา่ ง เปน็ การกระทำเพื่อแสวงหาผลประโยชน์สำหรับตนเองโดยการกระทำดังกล่าว นั้นได้สำเร็จแล้วไม่จำเป็นต้องคำนงึ ว่าการจ่ายทรัพย์นั้นต้องทำให้ระงับลงด้วย เพราะความผิดตามมาตราน้ี ตอ้ งการลงโทษเพียงแคเ่ จ้าพนักงานผู้ท่ีมหี น้าที่จ่ายทรัพย์เกนิ กว่าท่ีควรจ่ายเท่านั้น ดังน้ันจึงไม่ได้คำนึงว่าหน้ี นั้นต้องระงับลงไปด้วย แม้จำเลยจะชำระหนี้ด้วยเช็ค และ ก. ผู้ได้รับชำระหนี้ยังไม่ได้นำเช็คไปเรียกเก็บเงิน เนื่องจากถูกเรียกทวงคืนก่อนอันทำให้หนี้นั้นยังไม่ระงับลง การกระทำของจำเลยก็เป็นความผิดสำเร็จแล้ว จำเลยจึงมีความผดิ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา153
--65-- มาตรา 157 คำพพิ ากษาศาลฎีกาท่ี 13312/2557 จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำรวจมีอำนาจหน้าที่ในการจับกุมผู้กระทำความผิดและมีอำนาจสั่งการให้ ผู้ใตบ้ ังคบั บญั ชานำตัวผู้ถกู จับกมุ สง่ ต่อพนกั งานสอบสวน หรอื ส่งั ปลอ่ ยตัวผ้ถู ูกจับหากเห็นว่าเป็นการจับผิดตัว หรือผถู้ ูกจับกมุ ไมไ่ ดก้ ระทำความผิดหรือการกระทำยังไม่เป็นความผิด จำเลยทราบดีวา่ คนต่างด้าวท่ีถูกจับกุม เปน็ ผู้กระทำความผดิ จำเลยไมม่ ีอำนาจสัง่ ปลอ่ ยได้ แต่กลบั ส่ังการในฐานะผบู้ งั คบั บัญชาให้ผู้ใต้บังคับบัญชา ปล่อยตัวผู้กระทำความผิดและรถของกลางโดยไม่ชอบ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานเป็นเจ้า พนกั งานปฏิบัตหิ นา้ ทโ่ี ดยมิชอบ เพ่อื ใหเ้ กิดความเสียหายแกผ่ หู้ นึ่งผู้ใดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 อธิบายคำพิพากษาศาลฎีกาท่ี 13312/2557 จากคำพิพากษาฎกี าที่13312/2557 จากข้อเท็จจรงิ จำเลยเป็นเจ้าพนกั งานตำรวจซึ่งมีหนา้ ทีต่ ้องจบั กุม ผู้กระทำผดิ และในขณะปฏิบัตหิ นา้ ทีจ่ ำเลยได้จับกมุ คนต่างดา้ วท่ีหลบหนเี ขา้ มาในราชอาณาจักรโดยผิด กฎหมายพร้อมยึดรถกระบะเปน็ ของกลาง ซึ่งการกระทำของจำเลยนัน้ เป็นการปฏิบัติโดยชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากเปน็ เหตซุ งึ่ หน้าเจ้าพนักงานตำรวจสามารถจับกมุ ไดโ้ ดยไมต่ ้องมหี มายจับ และจำเลยยงั คงมอี ำนาจสัง่ การใหผ้ ใู้ ต้บังคบั บญั ชานำตัวผ้ถู ูกจับกมุ ส่งตอ่ พนักงานสอบสวน ต่อมาจำเลยทราบดีว่าคนตา่ งด้าวที่ถกู จับกมุ เป็นผูก้ ระทำความผิด ซงึ่ จำเลยไม่มีอำนาจสง่ั ปล่อยได้ แตก่ ลบั สง่ั การในฐานะผ้บู งั คบั บญั ชาใหผ้ ู้ใตบ้ ังคับบัญชา ปลอ่ ยตัวคนต่างดา้ วและรถกระบะของกลาง ถือว่าจำเลยปฏิบัติหน้าทีร่ าชการตามอำนาจหนา้ ทขี่ องตนโดยมิ ชอบ หรอื เป็นการละเว้นปฏิบัตหิ นา้ ท่ีของตนโดยมิชอบ ซ่ึงการกระทำของจำเลยนั้นครบองค์ประกอบภายนอก ของความผดิ การกระทำดังกล่าวจำเลยจงใจและเจตนาทีจ่ ะไม่ปฏบิ ัติหนา้ ที่ของตน ถอื ว่าจำเลยมเี จตนาพเิ ศษ เพอื่ ใหเ้ กิดความเสียหายแก่ผหู้ นง่ึ ผใู้ ดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา157 คำพพิ ากษาศาลฎีกาที่ 1161/2538 จำเลยเป็นข้าราชการครู มีหน้าที่ปฏิบัติราชการของวิทยาลัย-เทคนิค ร. ได้รับมอบหมายจาก ผู้อำนวยการซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาให้มีหน้าที่ควบคุมการก่อสร้างต่อเติมวิทยาลัยอาชีวศึกษา ส. ซึ่งเป็นงาน ราชการของวทิ ยาลยั เทคนิคร. จำเลยจึงมฐี านะเป็นเจ้าพนกั งานผู้มีหน้าที่ควบคมุ การก่อสร้าง ปรับปรุงต่อเติม อาคารวิทยาลยั อาชวี ศึกษา ส. ดแู ลรกั ษาวสั ดทุ เี่ หลือใชจ้ ากการกอ่ สรา้ งการที่จำเลยให้ ก. นำเหลก็ ไลทเ์ กจ อนั เปน็ วสั ดทุ ่ีเหลอื ใช้ซึง่ อยู่ในหน้าท่คี วามดูแลรับผดิ ชอบของจำเลยไปเก็บไวท้ รี่ ้าน ก. และให้ ก. เอาเหล็กดงั กลา่ ว ไปเสียจึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบทำให้เกิดความเสียหาย แก่กรมอาชีวศึกษา และเป็นการแสวงหา ประโยชน์ท่มี ิควรได้ เป็นการปฏบิ ตั หิ นา้ ทโ่ี ดยทจุ ริต ผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 อธิบายคำพิพากษาศาลฎกี าที่ 1161/2538 จากคำพพิ ากษาศาลฎกี าที่ 1161/2538 จำเลยเป็นข้าราชการครู มีหนา้ ท่ปี ฏิบัตริ าชการของวทิ ยาลัย- เทคนิค ได้รับมอบหมายจากผู้อำนวยการซึ่งเป็นผูบ้ ังคับบัญชาให้มีหน้าท่ีควบคุมการก่อสร้างตอ่ เติมวิทยาลยั อาชีวศึกษา ตอ่ มาจำเลยได้ใช้ให้ ก. นำเหลก็ ไลทเ์ กจท่ีเป็นวัสดุเหลือใช้ท่ีอยู่ในความรับผิดชอบดูแลของจำเลย ไปเกบ็ ไวท้ ี่ร้านของ ก. ถือวา่ การกระทำของจำเลยเปน็ การปฏิบัติหน้าท่โี ดยมิชอบตามท่ีตนได้รบั มอบหมายซ่งึ
--66-- ครบองคป์ ระกอบภายนอกของความผิด ทำใหเ้ กดิ ความเสียหายแกก่ รมอาชวี ศึกษา และการกระทำดังกล่าวมี เจตนาพเิ ศษเป็นการแสวงหาประโยชน์เพื่อตนเองจงึ เป็นความผดิ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา157 สรุปเนือ้ หาและข้อเสนอแนะ มาตรา153 และมาตรา157 เปน็ ความผดิ ตอ่ ตำแหนง่ หน้าที่ของเจา้ พนักงาน ซ่ึงเจ้าพนักงานในท่ีน้ีคือ ผู้ท่ไี ดร้ ับการแต่งตงั้ ตามกฎหมายให้ปฏบิ ัตหิ นา้ ที่ราชการ มาตรา153 เป็นการกระทำความผิดของเจ้าพนักที่มีหน้าที่จ่ายทรัพย์ได้จ่ายทรัพย์เกินกว่าหน้าที่ที่ จะต้องจ่ายตามกฎหมายหรอื ตามสัญญา และทรัพย์นั้นไม่จำเปน็ ตอ้ งเป็นการชำระราคาเท่าน้ัน แต่อาจเป็น การส่งมอบก็ได้ ซ่งึ การจา่ ยนนั้ ตอ้ งมเี จตนาพิเศษในการกระทำโดยผูก้ ระทำไดก้ ระทำลงไปเพื่อประโยชน์ สำหรับตนเองหรือผู้อื่น เว้นแต่กรณีที่จ่ายเกินไปเพราะหลงผิดหรือนับผิด ไม่ถือเป็นความผิด และความผิด สำเร็จเมอ่ื ได้จา่ ยทรพั ย์นน้ั ไปแล้ว โดยมโี ครงสร้างความรบั ผิดอาญา ดงั นี้ องคป์ ระกอบภายนอก 1.ผใู้ ด 2.เปน็ เจ้าพนกั งาน 3.มหี นา้ ที่จ่ายทรพั ย์ 4.จา่ ยทรัพยน์ นั้ เกินกว่าที่ควรจ่าย องค์ประกอบภายใน 1.เจตนา 2.เพ่ือประโยชน์สำหรับตนเองหรอื ผอู้ นื่ (เจตนาพิเศษ) ตัวอย่างคำพิพากษาศาลฎกี าที่11741/2557 เป็นความผิดสำเร็จเมื่อเจ้าพนักงานผู้มีหน้าท่ีจ่ายทรัพย์ ไดจ้ า่ ยทรัพยเ์ กนิ กวา่ ทค่ี วรจ่ายเพ่ือประโยชน์ สำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยไม่จำต้องคำนึงว่าการจ่ายทรัพย์นั้นต้องทำให้หนี้ระงับลงด้วย เพราะมาตราน้ี ต้องการลงโทษเจา้ พนกั งานผมู้ ีหนา้ ท่ีจ่ายทรพั ย์ได้จ่ายทรัพยเ์ กนิ กวา่ ทคี่ วรจ่ายเท่านัน้ จากคำพพิ ากษาศาลฎกี าที่ 11741/2557 จำเลยเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าทีจ่ ่ายทรัพย์ได้จ่ายเงินค่าพันธุ์ ปลาและวัสดุการเกษตรเกินกว่าที่ควรจ่าย เป็นผู้กระทำผิดและมีหน้าที่จ่ายทรัพย์ได้จ่ายทรัพยน์ ้ันเกินกวา่ ท่ี ควรควร ถือว่าการกระทำของจำเลยนั้นครบองค์ประกอบภายนอกของความผิด ทำให้จำเลยได้เงินส่วนต่าง จำเลยมีเจตนากระทำเพื่อแสวงหาประโยชน์สำหรับตนเอง การกระทำของจำเลยนั้นเป็นการกระทำความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา153 มาตรา157 เป็นการกระทำความผิดของเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต กล่าวคือเป็นการ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหริโดยทุจริต ซึ่งบทนี้เป็นความผิดฐานบททั่วไป การกระทำจึง แบ่งได้ออกเป็น 2 กรณี คือ 1.เจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบโดยมิชอบ มีเจตนา พเิ ศษคือกระทำเพ่อื ใหเ้ กดิ ความเสียหายแก่ผู้ใดผู้หนงึ่ 2.เจา้ พนักงานปฏบิ ัติหรือละเวน้ การปฏิบตั หิ น้าที่โดย
--67-- มิชอบโดยทุจริต มีเจตนาพิเศษโดยทุจริตคือเพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับ ตนเองหรือผู้อื่น โดยมีโครงสรา้ งความผดิ อาญา ดังน้ี กรณีที่ 1 เจ้าพนักงานปฏิบตั ิหรอื ละเวน้ การปฏิบัตหิ นา้ ทีโ่ ดยมิชอบ องค์ประกอบภายนอก 1.ผู้ใด 2.เป็นเจา้ พนกั งาน 3.ปฏบิ ตั หิ รือละเว้นการปฏิบัติหนา้ ทีโ่ ดยมชิ อบ องค์ประกอบภายใน 1.เจตนา 2.เพอ่ื ให้เกิดความเสยี หายแก่ผู้หนึ่งผใู้ ด(เจตนาพิเศษ) กรณที ่ี 2 เจา้ พนักงานปฏิบตั หิ รอื ละเว้นการปฏบิ ัตหิ น้าที่โดยทจุ ริต องค์ประกอบภายนอก 1.ผูใ้ ด 2.เปน็ เจา้ พนักงาน 3.ปฏบิ ัติหรือละเวน้ การปฏิบตั หิ น้าที่ องคป์ ระกอบภายใน 1.เจตนา 2.โดยทุจริต(เจตนาพเิ ศษ) ตัวอยา่ งคำพพิ ากษาศาลฎกี าทที่ ่ี 13312/2557 จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำรวจมีอำนาจหน้าทีใ่ นการจับกุมผู้กระทำความผิด จำเลยทราบดีว่าคนต่าง ด้าวที่ถูกจับกุมเป็นผู้กระทำความผิด จำเลยไม่มีอำนาจสั่งปล่อยได้ แต่กลับสั่งการในฐานะผู้บังคับบัญชาให้ ผู้ใตบ้ งั คับบัญชาปลอ่ ยตัวผู้กระทำความผิดและรถของกลางโดยไม่ชอบ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิด ฐานเป็นเจา้ พนกั งานปฏบิ ัตหิ น้าท่โี ดยมิชอบ เพือ่ ให้เกดิ ความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดตาม ป.อ. มาตรา 157 จากคำพิพากษาฎกี าที1่ 3312/2557 จำเลยเปน็ เจ้าพนกั งานตำรวจซึง่ มีหนา้ ท่ีตอ้ งจบั กมุ ผูก้ ระทำผิด และในขณะปฏบิ ัตหิ น้าทจ่ี ำเลยไดจ้ บั กุมคนต่างดา้ วทีห่ ลบหนีเข้ามาในราชอาณาจกั รโดยผดิ กฎหมายพร้อมยดึ รถกระบะเปน็ ของกลาง ซึ่งการกระทำของจำเลยน้นั เป็นการปฏบิ ัตโิ ดยชอบดว้ ยกฎหมาย ต่อมาจำเลยทราบดี ว่าคนตา่ งดา้ วที่ถูกจับกุมเปน็ ผกู้ ระทำความผดิ แต่กลบั สง่ั การในฐานะผู้บงั คบั บัญชาให้ผู้ใต้บงั คับบัญชาปลอ่ ย ตวั คนต่างด้าวและรถกระบะของกลาง ถอื ว่าจำเลยปฏบิ ัติหน้าทีร่ าชการตามอำนาจหน้าทข่ี องตนโดยมิชอบ หรือเปน็ การละเว้นปฏิบัติหน้าทขี่ องตนโดยมิชอบ ซ่งึ การกระทำของจำเลยนั้นครบองค์ประกอบภายนอก
--68-- ของความผดิ การกระทำดงั กล่าวจำเลยจงใจและเจตนาทจี่ ะไม่ปฏบิ ัตหิ นา้ ทีข่ องตน ถอื ว่าจำเลยมีเจตนาพเิ ศษ เพือ่ ใหเ้ กดิ ความเสียหายแก่ผู้หนงึ่ ผใู้ ดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา157 คำพิพากษาศาลฎกี าที่ 1161/2538 จำเลยเป็นข้าราชการครู มีหน้าที่ปฏิบัติราชการของวิทยาลัย-เทคนิค ร. ได้รับมอบหมายให้มีหน้าท่ี ควบคุมการก่อสร้างต่อเติมวทิ ยาลัยอาชีวศกึ ษา ส. ซง่ึ เปน็ งานราชการของวิทยาลยั เทคนิค ร. จำเลยจึงมีฐานะ เปน็ เจ้าพนกั งานผู้มีหน้าที่ควบคมุ การก่อสร้าง ปรับปรุงต่อเตมิ อาคารวิทยาลัยอาชีวศกึ ษา ส. ดูแลรักษาวัสดุท่ี เหลือใช้จากการก่อสร้างการที่จำเลยให้ ก. นำเหล็กไลท์เกจ อันเป็นวัสดุที่เหลือใช้ซึ่งอยู่ในหน้าที่ความดูแล รับผิดชอบของจำเลยไปเก็บไวท้ ีร่ ้าน ก. และให้ ก. เอาเหล็กดังกล่าวไปเสียจึงเป็นการปฏิบัติหน้าท่ีโดยมิชอบ ทำให้เกดิ ความเสยี หาย แก่กรมอาชีวศึกษา และเป็นการแสวงหาประโยชนท์ ีม่ ิควรได้ เป็นการปฏบิ ัตหิ น้าท่ีโดย ทจุ รติ ผิด ป.อ. มาตรา 157 จากคำพพิ ากษาศาลฎกี าท่ี 1161/2538 จำเลยเป็นข้าราชการครู มีหน้าที่ปฏิบัติราชการของวิทยาลัย- เทคนิค ได้รับมอบหมายจากผู้อำนวยการซึ่งเปน็ ผู้บงั คับบัญชาให้มีหน้าที่ควบคมุ การก่อสรา้ งต่อเติมวิทยาลยั อาชวี ศกึ ษา ตอ่ มาจำเลยไดใ้ ช้ให้ ก. นำเหล็กไลทเ์ กจทเี่ ป็นวัสดุเหลือใชท้ ีอ่ ย่ใู นความรบั ผิดชอบดแู ลของจำเลย ไปเก็บไวท้ รี่ า้ นของ ก. ถือวา่ การกระทำของจำเลยเป็นการปฏิบัตหิ น้าท่ีโดยมิชอบตามท่ตี นได้รับมอบหมายซึ่ง ครบองค์ประกอบภายนอกของความผิด ทำใหเ้ กิดความเสียหายแกก่ รมอาชวี ศกึ ษา และการกระทำดังกล่าวมี เจตนาพเิ ศษเป็นการแสวงหาประโยชน์เพ่อื ตนเองจึงเปน็ ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา157 ขอ้ เสนอแนะ ควรมีการพิจารณาการลงโทษเจ้าพนักงานผู้ที่กระทำความผิดต่อหน้าที่เพิ่มในกรณีทีเ่ ป็นเหตุยกเวน้ เช่น ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 153 มีการยกเว้นกรณีที่หากจ่ายทรัพย์นั้นเกิดจากความผิดพลาด เพราะนบั ผิด ซ่งึ เหตุดังกล่าวเปน็ เหตทุ ่วี ญิ ญูชนพึงคาดหมายไดก้ ็ตามแตใ่ นบางครั้งหากเจ้าพนกั งานจงใจ หรือ ตงั้ ใจท่ีจะนบั ผดิ ก็ถือไดว้ ่าผู้กระทำผิดมีเจตนาท่ีจะนำทรัพย์สินหรือสงิ่ ของน้ันเพื่อเป็นประโยชน์ต่อตนเองหรือ ผอู้ ่ืนได้เช่นกัน
--69— บรรณนานกุ รม ผู้แต่ง 1.ศาสตราจารย์ ดร.ทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ , และผู้แต่ง 2.ผู้ช่วยสตราจารย์ ดร.รณกรณ์ บุญมี. (2564). คำอธิบายกฎหมายอาญา ภาคความผิดและลหุโทษ (พิมพ์ครั้งที่ 18). กรุงเทพมหานคร:สำนักพิมพ์ วิญญชู น. ผู้แต่ง 1สมชาย พงษ์พัฒนาศิลป,์ และผู้แต่ง 2เผ่าพันธุ์ ชอบน้ำตาล.(2556).ประมวลกฎหมายอาญา วธิ ีพิจารณาความอาญา(พิมพ์ครั้งท่ี5).กรุงเทพมหานคร:สำนกั พิมพ์เจรญิ รัฐการพมิ พ.์ ทนายและที่ปรกึ ษากฎหมาย. 9 ธันวาคม 2559. ความผดิ ฐานเจ้าพนักงานปฏบิ ตั ิหรอื ละเวน้ การ ปฏิบตั หิ นา้ ที่โดยมิชอบ. แหล่งท่มี า: https://wichianlaw.blogspot.com/2016/12/blog-post_9.html (10 กนั ยายน 2564) นางสาวกติ ตสิ ขุ วรสิทธ์.ิ มีนาคม 2556. บทความเผยแพรว่ ินยั ทเ่ี กี่ยวกบั ความผิดทางอาญามาตรา 157. แหลง่ ที่มา: https://kb.psu.ac.th/psukb/bitstream/2016/14590/1/%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%95% E0%B8%A3%E0%B8%B2%20157.pdf (10 กนั ยายน 2564)
--70-- รหสั นสิ ิต 631081090 เร่อื ง ความผิดฐานให้สินบนเจ้าพนักงานตามมาตรา144 และความผดิ ฐานเจ้าพนกั งานยักยอกทรัพย์ตามมาตรา147 คำอธบิ ายเชิงโครงสร้างความรบั ผดิ ทางอาญา ความผิดทางอาญา คือ การกระทำทม่ี ผี ลกระทบกระเทอื นต่อสงั คมหรือคนส่วนใหญ่ของประเทศ เม่ือบคุ คลใดกระทำความผิดทางอาญา จะต้องได้รับโทษตามกฎหมายมากนอ้ ยเพียงใดนน้ั ขน้ึ อยกู่ ับความ ร้ายแรงของการกระทำความผดิ กฎหมายมไิ ด้ถือวา่ การกระทำความผิดทกุ อยา่ งรา้ ยแรงเทา่ เทยี มกัน การ ลงโทษผูก้ ระทำความผิดจงึ ข้ึนอยกู่ ับการกระทำ และสงั คมมคี วามรูส้ ึกตอ่ การกระทำนั้นๆ วา่ อะไรเปน็ ปญั หา สำคัญมากนอ้ ยเพียงใด ซง่ึ อาจจะแบง่ การกระทำความผดิ อาญาออกเปน็ 2 ลักษณะ คอื 1. ความผิดตอ่ แผน่ ดนิ หมายถึง ความผิดในทางอาญา ซงึ่ นอกจากเรอ่ื งนนั้ จะมีผลตอ่ ตัวผูร้ ับผลรา้ ย แล้ว ยงั มีผลกระทบที่เสียหายต่อสังคมอกี ด้วย และรฐั จำเปน็ ต้องปอ้ งกนั สงั คมเอาไวด้ ้วยการยนื่ มอื เข้ามาเป็น ผ้เู สยี หายเอง ดงั นน้ั แมผ้ ้รู บั ผลรา้ ยจากการกระทำโดยตรงจะไมต่ ิดใจเอาความ แต่กย็ งั ต้องเข้าไปดำเนินคดี ฟ้องร้องเอาตวั ผู้กระทำผดิ มาลงโทษให้ได้ 2. ความผดิ อนั ยอมความกันได้ หมายถงึ ความผิดในทางอาญาซึง่ ไม่ไดม้ ผี ลรา้ ยกระทบต่อสงั คม โดยตรง หากตัวผู้รับผลรา้ ยไม่ตดิ ใจเอาความแล้ว รัฐก็ไม่อาจยื่นมือเขา้ ไปดำเนนิ คดีกบั ผ้กู ระทำความผดิ ได้ และถึงแมจ้ ะดำเนินคดไี ปแล้ว เม่ือตวั ผเู้ สยี หายพอใจยตุ ิคดีเพยี งใดก็ย่อมทำได้ด้วยการถอนคำร้องทกุ ข์ ถอน ฟอ้ ง หรือยอมความ เช่น ความผิดฐานหม่ินประมาท ความผดิ เกี่ยวกบั เสรภี าพ เป็นตน้ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 144 ผใู้ ดให้ ขอให้หรอื รบั วา่ จะให้ทรัพยส์ นิ หรือประโยชน์อืน่ ใดแก่ เจา้ พนกั งาน สมาชิกสภานิติ บัญญัตแิ หง่ รฐั สมาชิกสภาจังหวดั หรือสมาชกิ สภาเทศบาล เพ่อื จูงใจใหก้ ระทำการ ไม่กระทำการ หรือประวิง การกระทำอันมิชอบดว้ ยหน้าที่ ต้องระวางโทษจำคกุ ไมเ่ กินห้าปี หรอื ปรบั ไม่เกนิ หนึ่งแสนบาท หรอื ทงั้ จำทั้ง ปรับ โครงสรา้ งความผิดทางอาญามาตรา144 องค์ประกอบความผิด 1.ให้ ขอให้ หรอื รบั ว่าจะให้ 2.ทรพั ย์สนิ หรือประโยชนอ์ ่นื ใด 3.แก่เจ้าพนักงาน สมาชิกสภานิติบญั ญตั ิแหง่ รฐั สมาชิกสภาจังหวัดหรือสมาชิกสภาเทศบาล 4.โดยเจตนา 5.เพื่อจูงใจให้กระทำการ ไม่ทำกระทำ หรือการประวงิ การกระทำอนั มิชอบด้านหน้าท่ี
--71-- **ขอ้ ควรระวงั ความผดิ สำเรว็ จะเร่ิมต้งั แต่มกี ารให้ ขอให้หรือรบั ว่าจะใหแ้ ลว้ แมย้ ังมไิ ด้มกี ารส่งมอบ ทรพั ย์สนิ กันหรือเจา้ พนกั งานปฏเิ สธกต็ าม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 ผู้ใดเปน็ เจ้าพนักงาน มีหน้าทซ่ี ือ้ ทำ จัดการหรือรักษาทรพั ยใ์ ด เบียดบังทรัพย์นนั้ เป็นของ ตน หรือเป็นของผ้อู ืน่ โดยทุจรติ หรือโดยทุจริตยอมใหผ้ ู้อน่ื เอาทรัพย์น้ันเสยี ต้องระวางโทษจำคุกตงั้ แต่ห้าปถี ึง ยส่ี ิบปี หรอื จำคุกตลอดชวี ิต และปรบั ตง้ั แต่หนึง่ แสนบาทถึงสี่แสนบาท โครงสรา้ งความผดิ ทางอาญามาตรา147 องค์ประกอบความผิด 1.เจ้าพนกั งาน 2.มีหน้าที่ซอื้ มีหน้าท่จี ัดการหรือหนา้ ที่รกั ษาทรัพย์ 3.เบยี ดบงั ทรพั ย์นนั้ เป็นของตน หรอื เป็นของผอู้ น่ื โดยทุจรติ หรือโดยทจุ รติ ยอมใหผ้ ู้อนื่ เอาทรัพย์นน้ั 4.โดยเจตนา 5.โดยทุจรติ จากองคป์ ระกอบความผดิ สามารถอธบิ ายไดด้ ังนี้ \"เจ้าพนกั งาน” หมายความว่า บุคคลซึง่ กฎหมายบัญญัตวิ า่ เปน็ เจา้ พนกั งาน หรือไดร้ บั แตง่ ต้ังตาม กฎหมายให้ปฏิบัติหน้าทรี่ าชการ ไม่วา่ เป็นประจำหรือครง้ั คราว และไม่ว่าจะได้รบั คา่ ตอบแทนหรอื ไม่\" มีหน้าท่ซี ื้อ ทำ จัดการ หรอื รกั ษาทรัพยใ์ ด ได้กระทำความผดิ เป็นเจ้าพนักงานและจะต้องมีนา้ ทรี่ าชการ อยา่ งใดอยา่ งหน่งึ ตามทบี่ ัญญัตนิ ไ้ี ว้ด้วย ลกู จา้ งชั่วคราว/ลกู จ้างประจำของหน่วยงานราชการไมเ่ ปน็ เจ้าพนกั งานตามประมวลกฎหมายอาญา จะ เปน็ ความผดิ ตามประมวลกฎหมายอาญาไ้ต้องเป็นมาตรา 352 เท่าน้ัน ผู้กระทำความผดิ ต้องเป็นเจ้าพนกั งาน เบยี ดบงั เอาทรัพยน์ ้ันเป็นของตน คือ การเบยี ดบังเอาทรัพยเ์ ปน็ ของตนหรือบคุ คลท่สี าม การเบียดบัง มคี วามหมายกวา้ งกวา่ เอาไปในความผิดฐานลกั ทรัพย์ หมายถงึ การกระทำหรอื งดเวน้ กระทำทแ่ี สดงเจตนา ของผูค้ รอบครองทรพั ยว์ ่าจะเอาทรัพย์นัน้ เปน็ ประโยชน์ส่วนตัวโดยมิชอบ การแสดงเจตนาดงั กล่าวอนั แสดงออกโดยการบริโภค ขาย เปลี่ยนแปลง จำนำ เอาทรัพยร์ วมเข้ากบั ของตนหรือเพยี งแต่ปฏิเสธสิทธขิ อง เจ้าของที่แทจ้ รงิ ก็เป็นการเบียดบงั ได้ และตอ้ งเอาไปในลักษณะตดั กรรมสิทธ์ิ ทง้ั ไมไ่ ช่การกระทำทเี่ ปน็ การ ทำลายทรพั ยใ์ หส้ ูญสิ้นไป ท้ังน้ีเพราะผ้กู ระทำผดิ ได้ครอบครองทรัพยอ์ ย่แู ลว้ เพียงแต่เจตนาทจุ รติ เอาทรัพยไ์ ว้ เปน็ ของตนเม่ือใด ก็เป็นการเบียดบัง แต่ลำพังการครอบครองทรัพย์เรือ่ ยมาโดยไมส่ ่งคนื แก่เจา้ ของ
--72-- ตามสญั ญายงั ไม่พอถอื ว่าเปน็ การเบยี ดบัง เช่น ดำ ขอยืมปืนของ ขาว โดยสัญญาว่าจะคนื ให้ในเยน็ วันนนั้ ปรากฎวา่ ดำ มิได้คืน คงครอบครองต่อมาอีก 8 เดือน โดยขาวกม็ ิได้ทวงถาม เพยี งเทา่ นยี้ ังไมถ่ อื วา่ มีการเบียดบัง คำอธิบายจากบรรทดั ฐานคำพิพากษาศาลฎีกา คำพพิ ากษาศาลฎีกาที่ 342/2506 ความผิดฐานให้ทรพั ย์สนิ หรอื ประโยชนแ์ ก่เจา้ พนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 144 จะตอ้ ง เปน็ เรือ่ งใหห้ รือขอใหท้ รัพย์สนิ แกเ่ จ้าพนักงานเพื่อจงู ใจใหก้ ระทำการหรือไมก่ ระทำการหรอื ประวิงการกระทำ อนั มิชอบดว้ ยหน้าท่ซี ่งึ อยู่ในอำนาจหน้าทีข่ องเจา้ พนักงานผู้นน้ั เอง การทีจ่ ำเลยใหเ้ งนิ กำนนั เพอ่ื ใหก้ ำนนั ช่วยเหลือไปติดตอ่ กบั เจ้าพนกั งานอำเภอหรอื พนกั งานอสบสวนใหก้ ระทำการให้คดีของจำเลยเสรจ็ ไปในชน้ั อำเภออยา่ งให้ต้องถงึ ฟอ้ งศาลเน่อื งจากกำนนั รายงานกลา่ วโทษจำเลยไปอำเภอ และอำเภอเรยี กพยานทำการ สอบสวนไปแลว้ ดังนี้ เป็นการพ้นอำนาจหนา้ ทข่ี องกำนนั แล้ว จำเลยย่อมไมม่ ีความผิดฐานให้ทรพั ย์สินแกเ่ จ้า พนักงาน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 144 จากคำพพิ ากษาฎกี าดงั กล่าวนน้ั การที่จำเลยใหเ้ งินกำนนั เพอื่ ใหก้ ำนนั ชว่ ยเหลอื ไปติดต่อกับเจา้ พนกั งาน อำเภอหรอื พนกั งานสอบสวนให้กระทำการให้คดีของจำเลยเสรจ็ ไปในชน้ั อำเภออยา่ งให้ตอ้ งถงึ ฟ้องศาลถอื เปน็ ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา144แลว้ กลา่ วคอื การใหเ้ งินกำนันแกเ่ จ้าพนกั งาน ขอ้ เทจ็ จรงิ ปรากฎตอ่ มาว่าเน่ืองจากกำนันรายงานกลา่ วโทษจำเลยไปอำเภอ และอำเภอเรียกพยานทำการสอบสวนไป แลว้ ดงั น้ี เปน็ การพน้ อำนาจหนา้ ทีข่ องกำนนั แล้ว จำเลยยอ่ มไมม่ ีความผดิ ฐานให้ทรัพย์สนิ แก่เจา้ พนกั งาน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 144 คำพพิ ากษาศาลฎีกาท่ี 11340/2556 พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 มาตรา 45 บัญญตั ิว่า “ให้ถือว่าพระภิกษุซงึ่ ได้รับแตง่ ตัง้ ใหด้ ำรงตำแหนง่ ใน การปกครองคณะสงฆแ์ ละไวยาวจั กรเป็นเจ้าพนกั งานตามความในประมวลกฎหมายอาญา” และตาม กฎกระทรวง ฉบับท่ี 3 (พ.ศ.2520) ออกตามความในพระราชบัญญัตคิ ณะสงฆ์ พ.ศ.2505 แกไ้ ขเพมิ่ เติมโดย กฎกระทรวง ฉบับท่ี 4 (พ.ศ.2536) ออกตามความในพระราชบัญญัตดิ ังกลา่ ว ขอ้ 4 กำหนดว่า \"การปกครอง คณะสงฆ์แต่ละคณะใหม้ บี รรพชิตเป็นผู้ปกครองตามตำแหนง่ ดงั น้ี (11) เจ้าอาวาส\" ดงั นี้ เมือ่ ขณะเกดิ เหตุ จำเลยซึง่ เปน็ พระภิกษุและไดร้ ับแต่งตงั้ ให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส ซงึ่ เปน็ ตำแหนง่ ในการปกครองคณะสงฆ์ ตามกฎกระทรวง จึงถอื ว่าจำเลยเป็นเจ้าพนกั งานตามประมวลกฎหมายอาญาตามบทบญั ญตั ิดังกล่าว จากคำพิพากษาศาลฎกี าดังกล่าวขณะเกิดเหตจุ ำเลยซึ่งเปน็ พระภิกษแุ ละได้รบั แต่งตัง้ ใหด้ ำรงตำแหนง่ เจา้ อาวาส ซึง่ เป็นตำแหน่งในการปกครองคณะสงฆต์ ามกฎกระทรวง จงึ ถือวา่ จำเลยเป็นเจา้ พนกั งานตาม ประมวลกฎหมายอาญา พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 มาตรา 45 บัญญัตวิ า่ \"ใหถ้ ือว่าพระภกิ ษุซ่ึงได้รับแตง่ ตัง้ ให้
--73-- ดำรงตำแหน่งในการปกครองคณะสงฆ์และไวยาวจั กรเป็นเจ้าพนกั งานตามความในประมวลกฎหมายอาญา\" และตามกฎกระทรวง ฉบบั ท่ี 3 (พ.ศ.2520) ออกตามความในพระราชบัญญตั ิคณะสงฆ์ พ.ศ.2505 แก้ไข เพ่ิมเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับท่ี 4 (พ.ศ.2536) ออกตามความในพระราชบัญญตั ดิ งั กล่าว ขอ้ 4 กำหนดวา่ \"การปกครองคณะสงฆแ์ ตล่ ะคณะให้มบี รรพชติ เป็นผปู้ กครองตามตำแหน่ง ดังน้ี (11) เจา้ อาวาส\" ดังนน้ั เจา้ อาวาสเป็นเจ้าพนักงานตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ สรปุ เน้ือหาและขอ้ เสนอแนะ สรปุ ในมาตรา144เป็นเร่ืองของความผดิ การให้สนิ บนเจ้าพนักงาน แม้จะยงั ไมไ่ ดร้ ับทรพั ยส์ ินแต่เมือ่ ตกลง การแล้วกจ็ ะมคี วามผิดตามมาตรา144 สว่ นในมาตรา147เป็นความผิดตอ่ เจ้าพนกั งานท่ีเจา้ พนักงานมหี นา้ ทซ่ี ้ือ มีหนา้ ทจ่ี ดั การหรือหน้าทร่ี ักษา ทรัพย์เบียดบงั ทรพั ยน์ ั้นเปน็ ของตน หรือเป็นของผู้อนื่ โดยทุจริต หรือโดยทุจรติ ยอมใหผ้ ู้อ่ืนเอาทรพั ยน์ น้ั โดย เจตนาหรอื โดยทุจริตและจากคำพิพากษาฎีกาท่ียกตัวอยา่ งมาน้ันมพี รบเก่ยี วกับพระสงฆเ์ ขา้ มาเก่ยี วข้อง เนอ่ื งจากตามพรบ.พระสงฆ์แล้วพระสงฆถ์ ือเปน็ เจ้าพนกั งานเหมอื นกัน ข้อเสนอแนะ ในความคิดนิสิตท้ังสองมาตรามีความแตกต่างท่ีชัดเจนและโทษทต่ี อ้ งรับคิดว่าในมาตรา144ในประเทศ ไทยเราไม่นา่ เชอื่ ถอในกฎหมายข้อน้ี เห็นจากหลายอยา่ งๆตัดสนิ ใจดว้ ยมอี ำนาจมากกวา่ ก็ไมม่ ที างจับได้ยกเว้น มรี ัดฐานจนดิน้ ไมห่ ลดุ แตเ่ มื่อมีเงนิ ก้สามารถลดหย่อนผอ่ นปรนไดเ้ ยอะเช่นกนั
--74-- บรรณานุกรม หนังสือประมวลกฎหมายอาญา https://wichianlaw.blogspot.com/2017/03/147.html https://deka.in.th/view-544544.html
--75-- รหสั นิสติ 631081133 เรอื่ งความผิดฐานเหยยี ดหยามศาสนาตามมาตรา206 และความผิดฐานก่อการวนุ่ วายในทปี่ ระชุมศาสนกิ ชนตามมาตรา207 คำอธิบายเชงิ โครงสร้างความรบั ผิดทางอาญา เหยียดหยามศาสนา มาตรา 206 ผู้ใดกระทำดว้ ยประการใด ๆ แกว่ ตั ถุหรือสถานอันเปน็ ทเี่ คารพในทางศาสนาของหม่ชู น ใด อันเป็นการเหยยี ดหยามศาสนานนั้ ตอ้ งระวางโทษจำคุกตงั้ แต่หนึ่งปถี งึ เจด็ ปี หรือปรบั ตง้ั แตส่ องหมืน่ บาท ถงึ หนึง่ แสนส่ีหมน่ื บาท หรือท้งั จำทง้ั ปรบั โครงสร้างความรบั ผิดทางอาญา องค์ประกอบภายนอก 1.ผ้ใู ด 2.การกระทำดว้ ยประการใดๆ 3.แก่วัตถหุ รือสถานอนั เป็นท่ีเคารพในทางศาสนาของหมู่ชนใด 4.อันเป็นการเหยียดหยามศาสนา องคป์ ระกอบภายใน 1.เจตนา (ประสงค์ต่อผล หรือเล็งเห็นผล) คำอธบิ ายโครงสรา้ งความรบั ผิดทางอาญา มาตรา 206 องค์ประกอบภายนอก 1.ผูใ้ ด ผกู้ ระทำที่สามารถกระทำความผดิ ใหเ้ กิดแกว่ ตั ถหุ รอื สถานที่ในทางศาสนา 2.การกระทำด้วยประการใดๆ ผกู้ ระทำได้ทำตา่ งๆท่ีเกดิ ขึน้ ไม่ว่าจะกระทำดว้ ยเหตผุ ลใด ซึง่ เปน็ การ กระทำทผ่ี ดิ 3.แก่วัตถุหรือสถานอันเปน็ ทเ่ี คารพในทางศาสนาของหมชู่ นใด วตั ถุ หมายถงึ สิง่ ท่ีเคล่ือนทไ่ี ด้ เชน่ พระพทุ ธรปู ไม้กางเขน สถาน หมายถึง ส่ิงท่ีตดิ กับทีด่ ิน เชน่ โบสถ์ เจดยี ์ วิหาร เป็นต้น ซง่ึ ลว้ นเปน็ ทเ่ี คารพของศาสนา 4.อันเป็นการเหยียดหยามศาสนา เปน็ การดถู ูก หรอื ดูหมิ่นศาสนา ซ่งึ การดหู มิน่ นนั้ อาจกระทำด้วย วาจา ลายลักษณอ์ ักษร หรือกริ ยิ าทา่ ทางอื่นก็ได้
--76-- องค์ประกอบภายใน 1.เจตนา ประสงคต์ ่อผล ผกู้ ระทำมุ่งหมายจะใหเ้ กิดผลนนั้ ขนึ้ เลง็ เห็นผล การทีผ่ ู้กระทำไม่ได้มุ่ง หมายจะใหเ้ กดิ ผลนั้นขน้ึ แต่ผู้กระทำย่อมเล็งเห็นได้ว่าผลนนั้ จะเกิดขึน้ ไดอ้ ย่างแน่นอน หรือผูก้ ระทำมีเจตนา ไมว่ า่ จะประสงค์ต่อผล หรือเล็งเห็นผลกต็ าม และกระทำสงิ่ ตา่ งๆใหเ้ กดิ แก่วตั ถหุ รือสถานอันเปน็ ท่เี คารพ ในทางศาสนา ก่อใหเ้ กิดการว่นุ วายขน้ึ ในท่ปี ระชุมศาสนา มาตรา 207 ผู้ใดก่อใหเ้ กิดการวนุ่ วายขึ้นในทป่ี ระชมุ ศาสนิกชนเวลาประชุมกัน นมสั การ หรือกระทำ พธิ ีกรรมตามศาสนาใด ๆ โดยชอบดว้ ยกฎหมาย ต้องระวางโทษจำคกุ ไมเ่ กินหนงึ่ ปี หรอื ปรับไม่เกนิ สองหมนื่ บาท หรือทงั้ จำทงั้ ปรับ โครงสร้างความรบั ผดิ ทางอาญา องค์ประกอบภายนอก 1.ผู้ใด 2.ก่อให้เกิดความวุ่นวายขนึ้ 3.ในท่ีประชมศาสนกิ ชนเวลาประชุมกนั นมสั การ หรือกระทำพธิ กี รรมตามศาสนาใดๆโดยชอบด้วย กฎหมาย องค์ประกอบภายใน 1.เจตนา คำอธิบายโครงสรา้ งความรับผิดทางอาญา มาตรา 207 องค์ประกอบภายนอก 1.ผู้ใด ผูก้ ระทำที่สามารถสรา้ งความวนุ่ วายหรอื สร้างความเดือดรอ้ นให้เกิดขึน้ ในขณะทม่ี กี ารประชมุ ของบุคคลที่นบั ถอื ศาสนานัน้ ๆ 2.กอ่ ใหเ้ กดิ ความวุ่นวายขึ้น ผู้กระทำได้สรา้ งความเดอื ดรอ้ นทำให้เกิดความไมส่ งบสุขขึน้ ในขณะที่มี การประชมุ 3.ในท่ปี ระชมุ ศาสนิกชนเวลาประชุมกนั นมัสการ หรือกระทำพธิ ีกรรมตามศาสนาใดๆโดยชอบ ด้วยกฎหมาย ขณะทมี่ ีการประชมุ ของบุคคลทีไ่ ม่วา่ จะนบั ถือศาสนาใด หรอื กำลงั ทำพิธกี รรมต่างๆตามศาสนา ท่นี ับถอื โดยชอบด้วยกฎหมาย เชน่ ขณะกำลังสวดมนต์ ทำพิธบี วช เป็นต้น
--77-- องค์ประกอบภายใน 1.เจตนา ผ้กู ระทำที่สร้างความวุ่นวายหรอื ความเดอื ดรอ้ นให้เกิดขึน้ ในท่ปี ระชมุ ขณะท่มี กี ารทำ กจิ กรรมตา่ งๆอยู่ มเี จตนามุ่งหมายจะให้เกิดผลนั้นขนึ้ คำอธิบายจากบรรทัดฐานคำพิพากษาศาลฎกี า เหยียดหยามศาสนา มาตรา 206 คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1807/2550 จำเลยแตง่ กายเปน็ ภิกษแุ ล้วใช้เท้าขา้ งหนึง่ ยืนอยู่บนฐาน พระพุทธรปู ปางห้ามญาติ โดยเทา้ จำเลยอยู่บนสว่ นหนง่ึ ของพระบาทพระพุทธรปู ยกมอื ขวาขนึ้ เลียนแบบ พระพทุ ธรูป แสดงทา่ ทางล้อเลียนถลงึ ตาอา้ ปาก นอกจากจะเปน็ การไม่เคารพตอ่ พระพทุ ธรูปแลว้ จำเลยยังได้ แสดงตนเสมอกบั พระพุทธรูป จงึ เป็นการกระทำอนั ไมส่ มควรและเปน็ การดหู มิน่ เหยียดหยามพทุ ธศาสนา จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 206 คำอธบิ าย ผ้กู ระทำคือจำเลยซึ่งแตง่ กายเปน็ ภกิ ษุ ได้กระทำการโดยใช้เทา้ ข้างหน่ึงยนื บนฐานพระพุทธรปู ปาง หา้ มญาติ และยกมอื ขวาข้ึนเลียนแบบพระพุทธรปู แสดงท่าทางล้อเลยี นถลงึ ตาอ้าปาก แสดงท่าทางลอ้ เลียน เปน็ การแสดงให้เหน็ ถงึ เจตนาการดูหมิ่นเหยยี ดหยามในพทุ ธศาสนา การไม่เคารพตอ่ พระพทุ ธรูป และยงั แสดง ตนเสมอกบั พระพทุ ธรปู ซงึ่ เปน็ การแสดงให้เหน็ ถึงการกระทำท่ีไมเ่ หมาะสม ครบตามองค์ประกอบภายนอก และภายใน จำเลยจงึ มีความผดิ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 206 เหยียดหยามศาสนา มาตรา 206 คำพพิ ากษาศาลฎีกาท่ี 736/2505 จำเลยขณะเปน็ พระภกิ ษุ ไดร้ ว่ มประเวณกี บั หญิงในกฏุ ิของ จำเลยบนเขาวงั จงั หวดั เพชรบรุ ี มีกุฏพิ ระใกลเ้ คยี งหลายหลงั มพี ระพทุ ธรูปพระฉายบนเขาวงั เป็นสถานที่ที่ ประชาชนเคารพนบั ถอื นน้ั เห็นไดว้ า่ เป็นการไมส่ มควรอยา่ งยง่ิ แตจ่ ะถือวา่ เป็นการเหยียดหยามศาสนาตาม ความในมาตรา 206ยังไมถ่ นัด (ประชุมใหญ่ คร้ังท่ี 16/2505) คำอธิบาย ผกู้ ระทำคือจำเลยขณะเปน็ ภกิ ษุ ไดร้ ว่ มประเวณีกับหญงิ ในกุฏขิ องจำเลยบนเขาวงั จังหวดั เพชรบรุ ี มี พระพุทธรปู พระฉายบนเขาวัง เปน็ สถานทท่ี ปี่ ระชาชนเคารพนับถอื การกระทำดงั กลา่ วจงึ เปน็ การกระทำที่ไม่ สมควรอย่างยงิ่ แต่การกระทำของภกิ ษุไมร่ วมอยูใ่ นมาตรา 206 ซง่ึ มาตรานี้จำกัดเฉพาะ วตั ถุหรือสถาน สว่ นการกระทำของภิกษุดังกลา่ วจะเปน็ การเหยยี ดหยามหรือไมน่ นั้ ตอ้ งพิจารณาตามความรู้สึกของ คนทัว่ ไป หากกรทำโดยประสงค์จะเหยยี ดหยาม แต่วิญญชู นเหน็ ว่าไมเ่ ปน็ การเหยยี ดหยาม ผู้กระทำจึงไม่ผดิ ตามมาตรานเี้ ลย
--78-- ก่อใหเ้ กิดการวนุ่ วายข้นึ ในที่ประชมุ ศาสนา มาตรา 207 คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1100/2516 คืนเกดิ เหตุมกี ารชุมนุมกันกระทำพธิ สี วดมนต์ทำบุญฉลอง กระดูกผตู้ ายตามพทุ ธศาสนาบนหอสวดมนต์ จำเลยข้นึ มาส่งเสียงเอะอะอ้ือฉาวซ้ำยงั กล่าววา่ พระนย่ี งุ่ จริง พระไม่มคี วามหมายแล้วจำเลยนัง่ ลงใชม้ อื ตบกระดาน 7-8 ครง้ั และชักปืนพกออกจากเอวมาถือไว้ หันปาก กระบอกปนื มาทางพระ แลว้ ปนื ตกลงยังพน้ื หอสวดมนต์ การกระทำของจำเลยดงั กล่าว ถึงแม้ผู้ทไ่ี ปชุมนมุ กนั จะไม่มปี ฏกิ ิรยิ าว่นุ วายข้ึนก็ตาม กย็ ังถือไดว้ ่าเปน็ ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 207 คำอธบิ าย จำเลยขนึ้ มาส่งเสยี งเอะอะ ขณะทีม่ ีการกระทำพธิ ีสวดมนต์ทำบุญฉลองกระดูกผูต้ ายตามพทุ ธศาสนา บนหอสวดมนต์ ซึง่ ถอื เปน็ เวลาประชุมของศาสนกิ ชนชาวพุทธ และยังกล่าวว่า พระน่ียุ่งจริงๆพระไมม่ ี ความหมายแล้วจำเลยน่งั ลงใชม้ ือตบกระดาน 7-8 คร้งั และชักปืนพกออกจากเอวมาถือไว้ หันปากกระบอกปนื มาทางพระ แล้วปนื ตกลงยังพ้ืนหอสวดมนต์ ถึงแมผ้ ทู้ ีไ่ ปชุมนมุ กนั จะไม่มีปฏิกริ ิยาวุน่ วายขน้ึ ก็ตาม ในกรณนี ้ี ผ้ทู ว่ี นุ่ วาย คือ ผกู้ ระทำ ส่วนผู้ทม่ี ารว่ มประชุมไม่จำเป็นตอ้ งวนุ่ วายก็ได้ ทำให้การกระทำ ของจำเลยยงั ถือได้ว่าเปน็ ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 207 ก่อให้เกดิ การว่นุ วายข้ึนในที่ประชุมศาสนา มาตรา 207 คำพิพากษาศาลฎกี า 1109/2500 การแห่นาคไปตามถนนหลวง เปน็ การกระทำตามประเพณนี ิยม ของศาสนิกชนบางหมู่ ยงั ไม่ถึงขัน้ พิธีกรรมทางศาสนา เปน็ การสนกุ สนานตามประสาชาวบา้ น มีผูเ้ มาสุราชกั มีดไล่แทงคนในขบวนแห่ และใช้น้ำโคลนสกปรกสาดเขา้ ไปทำให้วุน่ วายแตกตื่น ยังไม่ผิด มาตรา 207 คำอธบิ าย ผูก้ ระทำเมาสุราและได้ชกั มดี ไล่แทงคนในขบวนแหน่ าค และยงั ใช้น้ำโคลนสกปรกสาดเข้าไปทำให้ วุ่นวายแตกตื่น แตย่ ังไม่มคี วามผิดในมาตรา 207 เพราะการแหน่ าคไปตามถนนหลวง นบั เปน็ ประเพณที นี่ ยิ ม ของกล่มุ ชนบางหมเู่ ทา่ น้นั ยังไม่ถึงข้ันเรียกได้วา่ เปน็ พิธีกรรมทางศาสนา เปน็ เพยี งการสนุกสนานตามวถิ ี ชาวบ้านเท่าน้ัน แตถ่ ้าการแหน่ าคนัน้ ได้เขา้ ไปในวัดกำลังเวยี นรอบโบสถ์ ก็จะถอื ได้ว่าเป็นพธิ ีกรรมไดแ้ ล้ว และถา้ ผกู้ ระทำได้กระทำการดงั กลา่ ว ก็จะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 207
--79— สรุปเนื้อหาและขอ้ เสนอแนะ เหยยี ดหยามศาสนา มาตรา 206 สรปุ เหยยี ดหยามศาสนา ตามมาตรา 206 คือ เปน็ การปกป้องวตั ถหุ รอื สถานซึ่งเป็นทีเ่ คารพของคนใน ศาสนานัน้ ๆ ไมใ่ ห้มาดถู กู ดหู มิน่ หรือเหยียดหยามสถานทีซ่ ึ่งเป็นทยี่ ึดเหน่ียวของจติ ใจ ไมว่ า่ ผกู้ ระทำจะมี เหตุผลอันใดในการมาเหยียดหยามวัตถุหรอื สถานนัน้ ๆกจ็ ะต้องยอมรบั ความผิดท่ีตนไดก้ ระทำลงไป การจะกล่าวว่าเป็นการเหยยี ดหยามหรอื ไมน่ ัน้ จะต้องใช้มาตรฐานของวญิ ญูชน และจะต้องไมค่ ำนึงถึง ความรหู้ รอื ความสามารถของผ้กู ระทำ ซ่ึงตัวของผู้กระทำเองจะอา้ งวา่ ไมร่ วู้ า่ เปน็ การเหยยี ดหยาม จึงไม่มี เจตนาในการเหยยี ดหยามไม่ได้ ถ้าวิญญูชนเหน็ ว่าครบองคป์ ระกอบผกู้ ระทำนัน้ ก็จะมีความผิด แต่ถ้าเห็นวา่ ไม่ เปน็ การเหยยี ดหยาม ผู้กระทำก็จะไม่มคี วามผิดเลย กอ่ ใหเ้ กดิ การวุ่นวายข้ึนในท่ปี ระชมุ ศาสนา มาตรา 207 สรปุ ก่อให้เกดิ การว่นุ วายข้ึนในท่ีประชมุ ศาสนา ตามมาตรา 207 คือ การทผี่ กู้ ระทำสรา้ งความวนุ่ วายไม่ ว่าจะดว้ ยวธิ ใี ดก็ตาม ในสถานทีป่ ระชมุ หรอื การทำพิธีกรรมต่างๆของศาสนิกชนไม่ว่าจะศาสนาใดก็ตาม มาตรา 207 มีไว้ปอ้ งกนั ศาสนิกชนทกี่ ำลังร่วมทำกจิ กรรมในทางศาสนาใหไ้ ดร้ บั ความปลอดภยั ตามสทิ ธิท่คี วรจะตอ้ ง ได้รับความคมุ้ ครอง ทัง้ สองมาตราน้มี ีขึน้ มาเพ่ือปอ้ งกัน คุ้มครองทง้ั วตั ถสุ ถาน และประชาชนทุกคนให้มีความปลอดภัย ไม่ ต้องโดนดูถูกเหยยี ดหยาม และถา้ พูดถึงการดูถกู เหยยี ดหยาม เปน็ สิ่งท่ีแสดงถงึ ทศั นคติหรอื ความคิดของคนได้ เปน็ สงิ่ ทีส่ ามารถทำรา้ ยจิตใจและสร้างบาดแผลที่มองไม่เห็นให้แกผู้อน่ื ได้ มนุษยท์ ุกคนควรได้รบั การปกปอ้ ง จากทั้งคำพดู และการแสดงกิรยิ าท่าทางต่างๆจากสงิ่ เหล่านอ้ี ยา่ งเทา่ เทียมกันทกุ คน โดยไม่มีการแบ่งชนชัน้ กัน มาตรา 206 สรปุ คำพิพากษาศาลฎีกาท่ี 1807/2550 เป็นการแสดงใหเ้ ห็นถึงการดูหมิน่ เหยียดหยามพทุ ธศาสนา โดย การท่ีจำเลยได้แต่งกายเป็นภิกษุแล้วใชเ้ ท้าขา้ งหนงึ่ ยืนอยู่บนฐานพระพทุ ธรูปปางหา้ มญาติ และเทา้ ของจำเลย อยบู่ นสว่ นหนงึ่ ของพระบาทพระพุทธรปู และยังยกมือขวาเลียนแบบพระพุทธรปู แสดงท่าทางลอ้ เลียนถลึงตา อา้ ปาก ทำใหเ้ หน็ ถงึ การไม่เคารพตอ่ พระพุทธรูป จำเลยยังได้แสดงตนเสมอกบั พระพุทธรูป จงึ เปน็ การกระทำ อนั ไมส่ มควรและเป็นการดหู มนิ่ เหยยี ดหยามพทุ ธศาสนา จำเลยจงึ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 206 สรุปคำพิพากษาศาลฎีกาท่ี 736/2505 ขณะที่จำเลยเปน็ พระภิกษุ ไดร้ ว่ มประเวณกี ับหญิงในกุฏิของจำเลย บนเขาวังจงั หวัดเพชรบุรี มีกุฏพิ ระใกล้เคียงหลายหลงั มีพระพทุ ธรปู พระฉายบนเขาวัง เปน็ สถานท่ีที่ ประชาชนเคารพนับถอื ทำใหเ้ หน็ ถึงความไมส่ มควรในการกระทำของพระภิกษุ แตจ่ ะถอื ว่าเป็นการเหยยี ด หยามศาสนาตามความในมาตรา 206 ยงั ไมไ่ ด้ เพราะการกระทำของภกิ ษดุ ังกลา่ วจะเปน็ การเหยยี ดหยามได้ หรอื ไม่ต้องพิจารณาตามความรู้สึกของคนทั่วไป และสรปุ ออกมาวา่ ไม่มีความผิดตามมาตรา 206 207
--80-- สรุปคำพพิ ากษาศาลฎีกาท่ี 1100/2516 ในวนั เกิดเหตุมีการทำพิธสี วดมนต์ทำบุญฉลองกระดูกผ้ตู ายตาม พุทธศาสนาบนหอสวดมนต์ แลว้ จำเลยข้ึนมาส่งเสียงเอะอะ และกลา่ ววา่ พระสงฆ์ และชักปืนพกออกจากเอว มาถอื ไว้ หันปากกระบอกปืนมาทางพระ และยังทำปืนตกลงยงั พน้ื หอสวดมนต์ ถงึ การกระทำของจำเลยจะ ไม่ไดท้ ำให้ผทู้ ่ไี ปชุมนุมมีปฏิกิริยาวนุ่ วายเกิดข้นึ ก็ตาม ก็ยงั ถอื ไดว้ ่าเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 207 อยดู่ ี สรปุ คำพิพากษาศาลฎกี า 1109/2500 การแห่นาคไปตามถนนหลวง เป็นการกระทำตามประเพณีนิยม ของศาสนกิ ชน ไมถ่ ึงขั้นพธิ กี รรมทางศาสนา เป็นการสนุกสนานกันเอง พอมีผู้กระทำซึ่งกำลงั เมาสุราชักมีดไล่ แทงคนในขบวนแห่ และใชน้ ำ้ โคลนสกปรกสาดเข้าไปทำใหว้ ุ่นวายแตกตน่ื ไปทัว่ กย็ งั ไมม่ ีความผิด มาตรา 207
--81-- บรรณานุกรม หนงั สอื เกยี รติขจร วจั นะสวัสดิ์. (2557). กฎหมายอาญา ภาคความผิด เลม่ 2 (พมิ พ์คร้ังท่ี 6). กรงุ เทพมหานคร: บรษิ ทั กรงุ สยาม พบั ลิชช่งิ จำกดั . หยุด แสงอทุ ัย. (2556). กฎหมายอาญาภาค 2-3 (พิมคร้ังท่ี11). กรงุ เทพมหานคร: มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สอื่ อิเล็กทรอนิกส์ POST TODAY. (2558). คำพิพากษาคดีตวั อย่าง! \"ความผิดเกีย่ วกับศาสนา\". สืบคน้ 23 กันยายน 2564, จาก https://www.posttoday.com/politic/report/391468 WINNEWS. (2560). สรปุ ถา้ อยา่ งนี้ใครทำผิดกฎหมายอาญา ลักษณะ 4 ความผดิ เกี่ยวกับศาสนาใน มาตรา 207 กนั แน่. สบื คน้ 19 กันยายน 2564, จาก https://www.winnews.tv/news/12710
Search