ละครเสภา เรื่อง ขุนช้างขุนแผน พระไวยแตกทัพ ละเลงขนมเบื้ อง โดยนักศึกษาปริญญาตรีปีที่ ๓ วันพฤหัสบดี ที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๖ รอบเช้า ๐๙.๐๐ น. รอบบ่าย ๑๓.๐๐ น. ณ หอประชุมอาคารเอนกประสงค์ วิทยาลัยนาฏศิลปลพบุรี
กำหนดการแสดงเสนอผลสั มฤทธิ์ทางการเรียน รายวิชาทักษะนาฏศิลป์ ๕ ประจำปีการศึกษา ๒๕๖๖ วันที่ ๒๔ สิ งหาคม ๒๕๖๖
การแสดงเสนอผลสั มฤทธิ์ทางการเรียน รายวิชาทักษะนาฏศิลป์ ๕ ประจำปีการศึกษา ๒๕๖๖ วันที่ ๒๔ สิ งหาคม ๒๕๖๖ การแสดงเบิกโรง ระบำสวัสดิรักษา การแสดงเบิกโรง ชุด ระบำสวัสดิรักษา เป็นการแสดงเบิกโรง ที่นักศึ กษาชั้ นปริญญาตรีปีที่ ๓ นำมาใช้ ในการเบิกโรงการแสดงละครเสภา เรื่อง ขุนช้ างขุนแผน ตอน พระไวยแตกทัพ-ละเลงขนมเบื้ อง ในการแดสงระบำสวัสดิรักษานี้เป็นการประพันธ์ขึ้นใหม่ โดย คุณหญิงทองก้อน จันทวิมล ผู้วางทำนองเพลง คือ อาจารย์มนตรี ตราโมท การแสดงชุดนี้ เป็นการแสดงที่ชี้ ให้เห็นถึงลักษณะการแต่งกายของคนไทย ในการใส่ เสื้ อผ้าให้เข้ากับวันต่างๆ เพื่อความเป็นสิ ริมงคลของตนเอง
การแสดงเบิกโรง ชุด ระบำสวัสดิรักษา - ปี่ พาทย์ทำเพลงทองย่อน - - ร้องเพลงทองย่อน - วันอาทิตย์สิ ทธิเจิมเฉลิมโชค สไบโศกทรงแดงอ่าสถาผล จะยิ่งยศปรากฏสิ ริดล โชคอานนท์หลั่งไหลไม่รู้วาย - ร้องเพลงสี นวลใน - วันจันทร์นั้นควรเครื่องสี เหลืองอ่อน งามบังอรล้ำเลิศยิ่งเฉิดฉาย น้ำเงินห่มเสริมสรรพรรณราย ยามเยื้ องกรายทีท่าสง่าครัน - ร้องเพลงสี นวลนอก - วันอังคารห่มชมพูชูราศี พาให้มีศิ ริเพิ่มเฉลิมขวัญ นุ่งสี โศกชูขึ้นทุกคืนวัน อายุมั่นขวัญอยู่ไม่รู้วาย - ร้องเพลงสะสม - วันพุธสุดดีสี เหล็กสม จำปาห่มเรืองอำนาจวาสนา ใช้ คู่กันประเทืองเรืองเดชา งามโอ่อ่านงคราญสำราญใจ - ร้องเพลงพญาสี่ เสา - วันพฤหัสจัดให้งามตามราศี ทรงขจีสี พฤกษาพาสดใส สอดแดงขัดตัดสี เด่นเป็นสไบ งามวิไลใครเห็นไม่เว้นชม
การแสดงเบิกโรง ชุด ระบำสวัสดิรักษา - ร้องเพลงตุ๊กตา - วันศุกร์ทรงน้ำเงินงามตามตำรับ ห่มเหลืองรับเรืองเดชวิเศษสม เฉลิมศรีฉวีผ่องต้องอารมณ์ ค น นิ ย ม ช ม นุ ช ว่ า สุ ด ง า ม - ร้องเพลงแขกต่อยหม้อ- เสาร์ทรงม่วงช่ วงรับกันไป โศกเสริมให้งามยิ่งหญิงสยาม เทอดศั กดิ์ศรีสูงส่ งให้นงราม ทุกเขตคามคนสมัครรักบูชา - ร้องเพลงเวสสุกรม - ทั้งต่างวันต่างสี มีโฉลก อำนวยโชคสวัสดิรักษา โบราณท่านสอนสั่ งดังกล่าวมา สมัยใหม่ใครจะว่าก็ตามที - ร้องเพลงบรเทศ - ปวงข้าเจ้าตั้งจิตอธิษฐาน ขอให้ท่านเจริญยศเจริญศรี เจริญโชคต้องโฉลกสวัสดี เจริญเกียรติบารมียิ่งอนันต์ เจริญทรัพย์ศฤงคารไพศาลยิ่ง เจริญมุ่งสรรเสริญเจริญขวัญ เจริญสุขสดชื่ นทุกคืนวัน สารพันสมหวังดั่งใจเทอญ - รัวดึกดำบรรพ์ -
ระบำสวัสดิรักษา
นาฏยวิพิธทัศนาวิชาการ ๒๕๖๖ วิทยาลัยนาฏศิลปลพบุรี วันอาทิตย์ เนื้อร้อง ๏ วันอาทิตย์สิทธิเจิมเฉลิมโชค สไบโศกทรงแดงอ่าสถาผล จะยิ่งยศปรากฏสิริดล โชคอานนท์หลั่งไหลไม่รู้วาย การแต่งกาย ห่มสไบ : สีโศก นุ่งโจงกระเบน : สีแดง นางสาวภัทราพร นุ่มเกิด
นาฏยวิพิธทัศนาวิชาการ ๒๕๖๖ วิทยาลัยนาฏศิลปลพบุรี วันจันทร์ เนื้อร้อง ๏ วันจันทร์นั้นควรเครื่องสีเหลืองอ่อน งามบังอรล้ำเลิศยิ่งเฉิดฉาย น้ำเงินห่มเสริมสรรพรรณราย ยามเยื้องกรายทีท่าสง่าครัน การแต่งกาย ห่มสไบ : สีน้ำเงิน นุ่งโจงกระเบน : สีเหลืองอ่อน นางสาวชัญญา กลิ่นศรีสุข
นาฏยวิพิธทัศนาวิชาการ ๒๕๖๖ วิทยาลัยนาฏศิลปลพบุรี วันอังคาร เนื้อร้อง ๏ วันอังคารห่มชมพูชูราศี พาให้มีศิริเพิ่มเฉลิมขวัญ นุ่งสีโศกชูชื่นทุกคืนวัน อายุมั่นขวัญอยู่มิรู้รา การแต่งกาย ห่มสไบ : สีชมพู นุ่งโจงกระเบน : สีโศก นางสาวชวัลรัตน์ ศรีอินทร์น้อย
นาฏยวิพิธทัศนาวิชาการ ๒๕๖๖ วิทยาลัยนาฏศิลปลพบุรี วันพุธ เนื้อร้อง ๏ วันพุธสุดดีสีเหล็กสม จำปาห่มเรืองอำนาจวาสนา ใช้คู่กันประเทืองเรืองเดชา งามโอ่อ่านงคราญสำราญใจ การแต่งกาย ห่มสไบ : สีเหลือง นุ่งโจงกระเบน : สีเทา นางสาวสุปราณี วังสอน
นาฏยวิพิธทัศนาวิชาการ ๒๕๖๖ วิทยาลัยนาฏศิลปลพบุรี วันพฤหัสบดี เนื้อร้อง ๏ วันพฤหัสจัดให้งามตามราศี ทรงขจีสีพฤกษาพาสดใส สอดแดงขัดตัดสีเด่นเป็นสไบ งามวิไลใครเห็นไม่เว้นชม การแต่งกาย ห่มสไบ : สีแดง นุ่งโจงกระเบน : สีเขียว นางสาวสุธาสินี รอดฉ่ำ
นาฏยวิพิธทัศนาวิชาการ ๒๕๖๖ วิทยาลัยนาฏศิลปลพบุรี วันศุกร์ การแต่งกาย ห่มสไบ : สีเหลือง นุ่งโจงกระเบน : สีน้ำเงิน เนื้อร้อง ๏ วันศุกร์ทรงน้ำเงินงามตามตำรับ ห่มเหลืองรับเรืองเดชวิเศษสม เฉลิมศรีฉวีผ่องต้องอารมณ์ คนนิยมชมนุชว่าสุดงาม นางสาวธันยารัตน์ ทานสารี
นาฏยวิพิธทัศนาวิชาการ ๒๕๖๖ วิทยาลัยนาฏศิลปลพบุรี วันเสาร์ เนื้อร้อง ๏ วันเสาร์ทรงม่วงช่วงรับกันไป โศกเสริมให้งามยิ่งหญิงสยาม เทิดศักดิ์ศรีสูงส่งให้นงราม ทุกเขตคามคนสมัครรักบูชา การแต่งกาย ห่มสไบ : สีโศก นุ่งโจงกระเบน : สีม่วง นางสาวชมพูนุท ศรีสังข์
ละครเสภา ละครเสภา มีกำเนิดมาจากการเล่านิทาน เมื่อการเล่านิทานเป็นที่นิยม แพร่หลาย ทำให้เกิดการปรับปรุงแข่งขันกันขึ้น ผู้เล่าบางท่านจึงคิด แต่งเป็นกลอน ใส่ ทำนองมีเครื่องประกอบจังหวะ คือ \"กรับ\" จนกลายเป็นขับเสภาขึ้น เสภามีมาแต่โบราณสมัยกรุงศรีอยุธยา สั นนิษฐานว่ามีขึ้นในสมัยสมเด็จพระบรมไตโลกนาถ ราว พ.ศ. ๒๐๑๑ เสภาในสมัยโบราณไม่มีดนตรีประกอบ จนถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีปี่ พาทย์บรรเลงประกอบเสภา มักจะนำมาจากนิทานพื้ นบ้าน เช่ น เรื่องขุนช้ างขุนแผน ไกรทอง หรือ จากบทพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ ๖ เช่ น พญาราชวังสั น สามัคคีเสวก
ขุนช้างขุนแผน ตอนพระไวยแตกทัพ - ละเลงขนมเบื้อง จมื่นไวยวรนาถซึ่งเป็นลูกของขุนแผนที่เกิดกับนางวันทอง ได้รับ พระราชโองการจากสมเด็จพระพันวษา ให้ยกทัพไปปราบศึ กจึงได้ออกมาจัดเตรียม ไพร่พลแล้วยกไป จนกระทั่งมาพบกับพลายชุมพล ลูกของขุนแผนอีกคนที่เกิดจาก นางแก้วกิริยา ซึ่งปลอมตนเป็นแม่ทัพมอญตามอุบายของขุนแผน ทั้งสองแม่ทัพต่าง ก็ใช้ คาถาอาคมที่ได้ร่ำเรียนมา ออกต่อสู้ ให้เห็นอิทธิฤทธิ์ซึ่งกันและกัน พลายชุมพลซึ่ง เป็นน้องถึงแม้จะมีวิทยาอาคมอยู่พอตัวหากแต่อ่อนในชั้นเชิ ง หลังจากเสกคาถาสู้ กัน มาหลายยก ก็สู้ จมื่นไวยผู้เป็นพี่ไม่ได้ จึงร้องเรียกให้พ่อขุนแผนมาให้ช่ วย ขณะที่เหตุการณ์กำลังชุลมุนวุ่นวายอยู่นั้น ขุนแผนผู้เป็นต้นอุบาย ในการคิดแก้แค้นความโอหังของลูกชายคนโตที่ได้เคยล่วง เกินมาแต่ครั้งก่อนก็ควง ดาบฟ้าฟื้ นเข้ามา ด้วยอาการโกรธแค้นของขุนแผนผู้เป็นบิดา ทำให้จมื่นไวยวรนาถ รู้ได้ทันทีว่าอะไรจะเกิดขึ้นแก่ตนก็หลบหลีกคมอาวุธของขุนแผนเป็นพัลวัน ในที่สุดก็พากองทัพแตกหนี ไม่เป็นขบวนกลับไป พลายชุมพลกับ พระไวยชวนกันเล่นหมากรุก ถ้าพลายชุมพลแพ้จะให้ถอนขนตาแต่ถ้าชนะจะขอให้ทำ ขนมเบื้ องให้กิน ผลออกมาว่าพลายชุมพลชนะ รุ่งขึ้นพระไวยจึงให้นางศรีมาลากับ สร้อยฟ้าทำขนมเบื้ อง แต่นางสร้อยฟ้าเป็นคนเหนือ ไม่ชำนาญการทำขนมภาคกลาง จึงละเลงขนมเบื้ องหนาเกินไป พลายชุมพลกับนางทองประศรีติขนมเบื้ องของนาง นางสร้อยฟ้าจึงโกรธกระฟัดกระเฟียด และพาลกับนางศรีมาลาจนทะเลาะตบตีกัน ในวันถัดมา พลายชุมพลเข้าไปห้ามก็ถูกนางสร้อยฟ้าผลักตกร่อง เมื่อนางทองประศรี เ ห็ น ห ล า น ต น เ อ ง เ จ็ บ จึ ง เ ข้ า ม า ร่ ว ม ผ ส ม โ ร ง รุ ม ค รั้น พ ร ะ ไ ว ย ก ลั บ ม า ก็ ตี น า ง ส ร้ อ ย ฟ้ า อี ก นางสร้อยฟ้าแค้นใจจึงให้เถรขวาดทำ เสน่ห์ให้พระไวยหลง
บทละคร เรื่อง ขุนช้างขุนแผน ตอน พระไวยแตกทัพ - ละเลงขนมเบื้อง - ปี่ พาทย์ทำเพลงวา - (ขุนแผน พลายชุมพล ออกนั่งเตียง) เมื่อนั้ น - ร้องเพลงโยนดาบ - รอข่าวทัพมาเกือบห้าวัน ขุนแผนพลายชุมพลคนขยัน ได้ยินเสี ยงโห่ลั่นแต่ไกลมา - ขับเสภา - รู้ แ น่ ว่ า ทั พ พ ร ะ ห มื่ น ไ ว ย พ่ อ ลู ก ดี ใ จ เ ป็ น ห นั ก ห น า ช่ วยกันปลุกเสกเครื่องศาสตรา จุด ธู ป เ ที ย น บู ช า ห น้ า บั ด พ ลี - ปี่ พาทย์ทำเพลงสาธุการ - - ร้องเพลงเชื้ อ - เดชะพระเวทวิเศษการ ดาบพลิกเครื่องอานเสี ยงอึงมี่ ขุนแผนเสกข้าวสารหว่านทันที ปลุกชี วีฟ่อนหญ้าเป็นคนพลัน - เจรจาจัดทัพ -
บทละคร เรื่อง ขุนช้างขุนแผน ตอน พระไวยแตกทัพ - ละเลงขนมเบื้อง - ร้องมอญดูดาว ๒ คำรับ - แล้วจัดแจงแต่งกายพลายชุมพล ปลอมตนเป็นมอญใหญ่ดูคมสั น นุ่ งผ้ าตาหมากรุ กของรามัญ ใส่ เสื้ อลงยันต์ย้อมว่านยา คอผูกผ้าประเจียดของอาจารย์ โ อ ม อ่ า น เ ส ก ผ ง ผั ด ห น้ า คาดตะกรุ ดโทนทองของบิ ดา โพกผ้าสี ทับทิมริมขลิบทอง ถือหอกสั ตโลหะชนะชั ย เหมือนสมิงมอญใหม่ดูไวว่อง ขุนแผนขี่สี หมอกออกลำพอง ชุมพลขึ้นกะเลียวผยองนำโยธา - ร้องเพลงพญาลำพอง - ครั้นว่าดาวประกายพฤกษ์ ขึ้น กองทัพโห่ครื้ นสนั่นป่า (สร้อย - ปี๋ เปียวกราวเอย ม็องเหมี่ยงบาย ๆ ก๋าวล่ะ ยาตอเซี ยะล่ะ ยาล่ะเตยเฮย) ให้รีบยกพหลพลโยธา ออกจากค่ายชายป่าพนาลัย (สร้อย - ฮุ่ บเสี ยงเฮี ยมปร๊าด (ฮึ ) ลัดใบลัดตะโกหามล่ะ เล้เล่เล ๆ อุ๊ยย่าย ฉันจะเอาไชยให้ดั๊กกะปรอนเอย)
บทละคร เรื่อง ขุนช้างขุนแผน ตอน พระไวยแตกทัพ - ละเลงขนมเบื้อง - ปี่ พาทย์ทำเพลงยกตะลุ่มต่อรัวมอญ - - ปี่ พาทย์ทำเพลงเชิ ด - (ทั้ง ๒ ทัพปะทะกัน) - ร้องเพลงมอญจับช้ าง - ค รั้ น ถึ ง ทั พ ห น้ า ไ ม่ ร า รั้ ง ร้องสั่ งหุ่นผีให้ตีใหญ่ พลหุ่นหมุนโลดโดดเข้าไป เลี้ ยวไล่รบรุ กคลุ กคลี - ปี่ พาทย์ทำเพลงเชิ ด - (พลทหารค่อยตายไปจนข้างหน้าบางลง แลเห็นตัวนายทัพยืนอยู่ตรงกลาง) - ร้องร่าย - เมื่อนั้ น พระไวยเห็นพลแตกป่นปี้ มอญใหม่ไล่รุ กมาทุ กที ขับสี จันทร์โจนโผนเข้ามา คิดถึงคุณบิดาอาจารย์ กรประนมโอมอ่านพระคาถา เรียกเตโชธาตุไฟในกายา เป็นไฟไหม้หุ่นหญ้ามาตึงตึง
บทละคร เรื่อง ขุนช้างขุนแผน ตอน พระไวยแตกทัพ - ละเลงขนมเบื้อง - ปี่ พาทย์ทำเพลงแทงวิสั ย - - ร้องร่าย – เมื่อนั้ น พลายชุมพลเห็นไฟมาใกล้ถึง เ ห ล่ า พ ล หุ่ น ผี ห นี อึ ง ขั บ ก ะ เ ลี ย ว โ ล ด ท ะ ลึ่ง ม า ห น้ า พ ล หลับตาภาวนาเรียกธาตุน้ำ อ่านซ้ำเป็นพายุพยับฝน พิ รุ ณโปรยปรายเป็นสายชล ดั บ เ พ ลิ ง ทั่ ว พ ล พ ร ะ ห มื่ น ไ ว ย - ปี่ พาทย์ทำเพลงรัวท้ายรำดาบ - - ขับเสภา - พระไวยเห็นคงคาเป็นห่าฝน ก็หลับตาอ่านมนต์มุขใหญ่ ฝนหายน้ำแห้งบัดเดี๋ยวใจ ด้วยอิทธิ์ฤทธิไกรมหึมา - ปี่ พาทย์ทำเพลงรัว - - ร้องร่าย - เมื่อนั้ น ชุมพลชาญชั ยใจกล้า เห็นพระไวยสิ้ นฤทธิ์คิดระอา ขับกะเลียวเชี่ ยวกล้าร่าเข้าไป (เล่นตลกเยาะเย้ย)
บทละคร เรื่อง ขุนช้างขุนแผน ตอน พระไวยแตกทัพ - ละเลงขนมเบื้อง - ร้องเพลงมอญท่าอิฐ - ว่าเหวยเหวยเฮ้ ยแฮ้ ท่านแม่ทัพ (เต๊ะเอย นายเอย) สิ้ นตำหรับเท่านั้ นหรือไฉน (เอ๋ยโอละหน่ายเอย) แม้นมีอีกแล้วเองเร่งทำไป (เต๊ะเอย นายเอย) กูจะได้ดูเล่นเป็นขวัญตา (เอ๋ยโอละหน่ายเอย) ว่าพลางทางหัวเราะเยาะเย้ย (เต๊ะเอย นายเอย) ร้องเผยไยไยแล้วส่ ายหน้า (เอ๋ยโอละหน่ายเอย) เก้อเก้อกุ๋ยกุ๋ยหุยฮา (เต๊ะเอย นายเอย) แล้วร่ายรำทำท่าจะโรมรัน (เอ๋ยโอละหน่ายเอย) - ปี่ พาทย์ทำเพลงกราวรำมอญ - - ขับเสภา - พระไวยมองเขม้นเห็นน้องชาย ดูคล้ายคล้ายเคลือบแคลงทุกสิ่ งสรรพ์ ด้วยปีศาจสิ งกายเจ้าพลายนั้ น สำคัญว่ามอญใหม่ไม่สงกา คิดแล้วร้องถามเนื้ อความพลัน เฮ้ ยรามัญแม่ทัพเมืองหงสา รู ปร่ างสำอางละออตา จงบอกกูมาแต่ความจริง พระสงฆ์ องค์ ใดเป็นครู บา สอนวิชามาให้สั กกี่สิ่ ง สู้ รบกับเราเข้าจริงจริง จะต้องวิ่งวุ่นหลบไม่พบตัว บิดรมารดาเองชื่ อไร อยู่เมืองไหนบอกกูให้รู้ทั่ว องอาจประมาทใจช่ างไม่กลัว ใครยั่วให้มึงยกมา
บทละคร เรื่อง ขุนช้างขุนแผน ตอน พระไวยแตกทัพ - ละเลงขนมเบื้อง - ร้องเพลงสร้อยทะแย - ครานั้ นยอดชายพลายชุมพล ทำ ก ล พู ด เ พี้ ย น เ ป็ น ห ง ส า กูหรือชื่ อสมิงมัตรา บิดากูผู้เรืองฤทธิไกร ชื่ อสมิงแมงตะยะกะละออน ในเมืองมอญใครไม่รอต่อได้ เลื่องชื่ อลือฟุ้งทุกกรุงไกร แม่ไซร้ชื่ อเม้ยแมงตะยา พระครู กูเรื องฤทธิเวท พ ร ะ สุ เ ม ธ ก ะ ล ะ ด ง เ มื อ ง ห ง ส า จะมาลองฝีมือไทยให้ระอา ใครกล้ากูจะฟันไม่ครั่นคร้าม (เจรจา) - ร้องร่าย - พระไวยว่าเหวยอ้ายมัตรา อย่าโอหังหวังว่ากูเกรงขาม ตัวกูหรือมีชื่ อว่าพลายงาม ติดตามมาแก้แค้นแทนบิดา พ่อกูชื่ อขุนแผนแสนสะท้าน เป็นอาจารย์สอนเวทวิเศษกล้า หนึ่งท่านวันทองเป็นมารดา จะมาฆ่าอ้ายมอญทรชน
บทละคร เรื่อง ขุนช้างขุนแผน ตอน พระไวยแตกทัพ - ละเลงขนมเบื้อง - ขับเสภา - ชุมพลตอบไปอ้ายมุสา ขุนแผนบอกกูมาแต่ต้น ว่าแกมีลูกชายแต่หนึ่งคน ชื่ อชุมพลลูกแก้วกิริยา อีกคนหนึ่งนั้ นลูกติดแม่ มิใช่ ลูกของแกดังเจ้าว่า เป็นลูกไอ้ช้ างล้านพาลา เคหานั้ นอยู่เมืองสุพรรณ ขนอกรุ งรั งกระทั่ งคาง ขม่อมบางผมขอดตลอดขวัญ หากเองอายใจไม่บอกกัน บิดผันว่าขุนแผนเป็นบิดา - ร้องร่าย - พระไวยขัดใจดังไฟฟอน เหม่อ้ายมอญค่อนแคะมุสาว่า โมโหฮั ดฮึ ดมืดมัวตา กายสั่ นเต็มประดาเป็นบ้าใจ กำลังโกรธโดดถลันเข้าฟันฟาด ชุมพลเลี่ยงเพลี่ยงพลาดหาต้องไม่ ชุมพลแย้งแทงกรอกด้วยหอกชั ย สะท้านไปไม่เข้าเท่าปีกริ้น พระไวยแกว่งดาบออกวาบวับ โถมสั บฉับฉาดดังฟาดหิน เป็นประกายวายวาบดาบไม่กิน ชุมพลผินหอกแดกกระแทกกัง ยู่เปล่าหาเข้าพระไวยไม่ พระหมื่นไวยหวดปับเข้าไหล่ปั๋ ง ทั้ ง ส อ ง ข้ า ง ช า ต รี มี กำ ลั ง ไ ม่ เ พ ลี่ ย ง พ ลั้ ง รั บ ร อ ง ป้ อ ง กั น ชุมพลคิดพลางวางหอก ถือดาบออกรำท้าท่าแข็งขัน พระไวยเห็นเผ่นโผนโจนมาพลัน รำดาบเต้นเผ่นผันเข้าชิ งชั ย
บทละคร เรื่อง ขุนช้างขุนแผน ตอน พระไวยแตกทัพ - ละเลงขนมเบื้อง - ปี่ พาทย์ทำเพลงสะระหม่า - - ร้องร่าย - ชุมพลวางดาบให้หุ่นถือ มือเปล่าเดินมาหาช้ าไม่ พระไวยวางดาบพลันทันใด จดหมัดเข้าไปไม่ย่อท้อ - ปี่ พาทย์ทำเพลงเจ้าเซ็ น - (แทรกตลกชกมวย แล้วพระไวยกับพลายชุมพลชกกัน) - ร้องร่าย - ชุมพลอยู่ข้างใต้พระไวยทับ ชุมพลเหลือที่จะรับร้องเรียกพ่อ เร็วเร็วรีบมาอย่ารารอ เ ข า คั้ น ค อ ตั ว ข้ า ม า เ ถิ ด โ ด ย เมื่อนั้ น ขุนแผนร้องว่าจับมันให้มั่นโหวย กูจะฟันมันให้ตายอ้ายหัวขโมย มันทำโบยศรีมาลาแล้วด่ากู ฉวยฟ้าฟื้ นวิ่งร่าท่าแข็งแรง กู จ ะ แ ท ง กู จ ะ ฟั น เ ห มื อ น หั่ น ห มู ตายแน่ แล้วครั้ งนี้ เป็นที กู แลดูเห็นออไวยไพล่อยู่บน ขุ น แ ผ น ตั้ ง ท่ า ง้ า สุ ด ไ ห ล่ พระไวยเห็นตกใจเอ๊ะกูป่น ห มุ น ผ ลั ก น้ อ ง ช า ย พ ล า ย ชุ ม พ ล เ ถ ลื อ ก ถ ล น วิ่ง ถ ล า ห น้ า ค ะ มำ - ปี่ พาทย์ทำเพลงเชิ ด - (ทัพแตกต่างวิ่งกันสั บสน)
บทละคร เรื่อง ขุนช้างขุนแผน ตอน พระไวยแตกทัพ - ละเลงขนมเบื้อง พระไวยเมื่อกลับมาถึงวัง ก็กราบทูลเหตุการณ์ให้ สมเด็จพระพันวษาทรงทราบทุกประการ พระองค์ได้ฟัง แล้วมีพระดำริว่าขุนแผนเป็นผู้ที่ถือสั ตย์ธรรมอันมั่นคง ไม่มีทาง ที่จะเป็นกบฎได้ เพราะถ้าเป็นกบฎคงจะเข่นฆ่าใครต่อใครไปแล้ว แต่นี่กลับไล่ฆ่าพระไวยแต่ผู้เดียว น่าจะมีสาเหตุแค้นใจ พระไวยจึงกราบทูลเรื่องร้าวฉานในครอบครัวของตนทั้งหมด ให้ทรงทราบ สมเด็จพระพันวษาได้ฟังแล้วจึงตรัสว่า หน้าพระไวย มัวหมองเหมือนต้องยา แล้วตรัสสั่ งให้พระไวยหาคนไปรับขุนแผนมาเฝ้า พระไวยพิ จารณาแล้วเห็ นว่ามี แต่นางศรี มาลาเท่านั้ นที่จะทำหน้ าที่นี้ ได้ สมเด็จพระพันวษาจึงให้ตำรวจวัง ไปเรียกตัวนางศรีมาลามาเฝ้า เมื่อนางศรีมาลามาแล้ว พระองค์สั งเกตเห็นความไม่ปกติ ระหว่างพระไวยกับนางศรีมาลา แล้วตรัสสั่ งให้นางศรีมาลาไป ตามขุนแผน เมื่อพระพันวษาไกล่เกลี่ยไล่คดีให้กับขุนแผนแล้ว พระไวยจึงรู้ว่าพลายชุมพลเป็นน้องของตนภายหลังจึงมาอยู่เรือนเดียวกัน
บทละคร เรื่อง ขุนช้างขุนแผน ตอน พระไวยแตกทัพ - ละเลงขนมเบื้อง - ปี่ พาทย์ทำเพลงรัวประลองเสภา - (พระไวยกับบ่าวตลกออก) - ขับเสภา - จ ะ ก ล่ า ว ถึ ง โ ฉ ม เ จ้ า จ มื่ น ไ ว ย อิ่มเอิบกำเริบใจใครจะเหมือน ปราโมทย์โชติช่ วงดังดวงเดือน มิได้เคลื่อนรสรักสั กวันคืน ระอาแต่สร้อยฟ้าพาจะงอน หย่อนแต้มลงไม่ได้ให้สะอื้ น จะออดอ้อนตละช้ อนใส่ ปากกลืน ถ้าผัวคลาดขาดคืนก็ขุ่นมัว อั น ช า ย ห นุ่ ม เ มี ย ส อ ง มั ก พ ร่ อ ง แ ร ง หม่อมเมียพานจะแข่งแย่งหม่อมผัว จึงเกิดเป็นเชิ งชั้ นกันในตัว ยิ่งคิดเย้าเข้ายั่วยิ่งเปลืองกาย (พลายชุมพลเดินออกมาหาพระไวย) - ร้องเพลงพญาสี่ เสา - วั น เ มื่ อ จ ะ ก่ อ เ กิ ด กำ เ นิ ด เ ข็ ญ พ ร ะ ห มื่ น ไ ว ย นั่ ง เ ล่ น ต ะ วั น บ่ า ย ที่ ห อ นั่ ง ล ม เ ย็ น เ ห็ น ส บ า ย กั บ เ จ้ า พ ล า ย ช า ย ชุ ม พ ล ผู้ น้ อ ง ย า เจรจาติดตลก - พระไวยกับพลายชุมพลเรียกบ่าวไพร่มาสนทนา หาอะไรมาเล่น กันสนุก ๆ เพราะเป็นวันเสาร์อาทิตย์ ในที่สุดพลายชุมพลชวนพระไวยเล่นหมากรุก
บทละคร เรื่อง ขุนช้างขุนแผน ตอน พระไวยแตกทัพ - ละเลงขนมเบื้อง - ขับเสภา - เล่นหมากรุ กพนั นกันหรื อขา ชุมพลหยิบกระดานคลานมาพลัน ถ้าหากพี่แพ้ข้าจะว่าไร แพ้พี่ไวยฉันจะให้ถอนขนตา จะให้เขาทำขนมมาเสี ยให้ พระไวยว่ าถ้าพี่ นี้ แพ้ เจ้ า ว่าแล้วสั่ งไปในทันที ขนมเบื้ องแผ่นน้อยอร่อยใจ เจรจาติดตลก - พระไวยให้เรียกอีเม้ยอีไหมออกมา แล้วสั่ งให้ไปบอกศรี มาลากับสร้อยฟ้า ให้จัดเตรียมข้าวของมาทำขนมเบื้ องเลี้ยงพลายชุมพล อี เม้ย อีไหมรับคำแล้วคลานหายเข้าไป คนละข้าง พระไวยกับพลายชุมพลเริ่ม เล่นหมากรุ ก - ปี่ พาทย์ทำเพลงฉิ่ง - (ศรีมาลา กับอีเม้ยนำบ่าวชายหญิงยกเตากระทะ เครื่องทำขนมเบื้ องออกมาตั้ง) - ขับเสภา - ศรีมาลากับบ่าวพวกสาวใช้ ตั้ ง ก ร ะ ท ะ ก่ อ ไ ฟ ขึ้ น ใ น ที่ ดูเรียบร้อยถ้อยทีฝีมือดี โน่นนี่ล้วนเครื่องหนมเบื้ องไทย
บทละคร เรื่อง ขุนช้างขุนแผน ตอน พระไวยแตกทัพ - ละเลงขนมเบื้อง - ปี่ พาทย์ทำเพลงลานนา ๑ (เร็ว ๆ) - เสี ยงเอะอะโครมครามดังมาจากในโรง ทุกคนสะดุ้งตกใจ นางสร้อยฟ้าพร้อมอีไหม และบ่าวไพร่ชายหญิง ยกของออกมาวุ่นวาย ของใช้ ทุกอย่าง เช่ น เตา กะทะ มีขนาดใหญ่ผิดปกติทั้งสิ้ น - ร้องเพลงล่องน่านเล็ก - สร้อยฟ้าอื้ ออึงมาตึงตัง ติ ด ตั้ ง ข อ ง เ ข้ า บ น เ ต า ใ ห ญ่ เกณฑ์บ่ าวเร้ ารุ มสุ มเตาไฟ เชื้ อใส่ ลุกโพลงโขมงควัน เจรจาติดตลก - พวกบ่าววิจารณ์สร้อยฟ้าต่าง ๆ นานา พระไวยสั่ งให้ทั้งศรีมาลา และ สร้อยฟ้า ทำขนมเบื้ อง แล้วสั่ งบ่าวให้ไปเชิ ญคุณย่าทองประศรีมากินขนมเบื้ องด้วยกัน สร้อยฟ้าและศรีมาลาเริ่มละเลงขนมเบื้ อง ข้างฝ่ายศรีมาลานั่งละเลงอย่างเรียบร้อย ทางฝ่ายนางสร้อยฟ้า นั่งโยงโย่โยงหยก ส่ งเสี ยงวุ่นวาย (นางทองประศรีออกมาเดินดูสร้อยฟ้าที ศรีมาลาที) - ขับเสภาลาว - (ญ) สร้อยฟ้าละเลงขนมเบื้ อง คุยเขื่องสำเนียงเสี ยงลั่น เรื่ องฝีมือแล้วใครไม่เที ยมทั น จะประชั นกันก็จะเป็นไร - ขับเสภา - (ญ) ศรีมาลาละเลงแผ่นบางบาง บรรจงวางเรียงรับกับจานใส่
บทละคร เรื่อง ขุนช้างขุนแผน ตอน พระไวยแตกทัพ - ละเลงขนมเบื้อง - ขับเสภาลาว - (ญ) สร้อยฟ้าไม่สั นทัดอึดอัดใจ แป้งใส่ ไล้หน้าหนาสิ้ นดี - ขับเสภา - (ช) พลายชุมพลจึงว่าพี่สร้อยฟ้า ทำขนมเบื้ องหนาเหมือนแป้งจี่ - ขับเสภา - (ช) พระไวยว่าหนาหนาสิ เข้าที (ญ) ทองประศรีว่ากูไม่เคยพบ ลาวทำขนมเบื้ องผิดเมืองไทย แผ่นเท่ากะมังใหญ่ใส่ ยำกบ กระทะก็ใหญ่เหลือเหมือนเรือรบ ข้ า เ คี้ ย ว ข บ ฟั น ค ง หั ก กู ห นั ก ใ จ (ญ) ฝ่ายนางศรีมาลาชายตาดู ทั้ ง ข้ า ไ ท ยิ้ ม อ ยู่ ไ ม่ นิ่ ง ไ ด้ - ขับเสภาลาว - (ญ) อีเม้ยปากป้องร้องบอกไป ดูไกลไกลคิดว่าขนมครก - ขับเสภา - (ช) พลายชุมพลล้อด้วยช่ วยส่ ง ว่าถ้าเอาใส่ กระทงเหมือนห่อหมก - ขับเสภาลาว - (ญ) สร้อยฟ้าตัวสั่ นอยู่งันงก ปัดหกแป้งกระทะแล้วผละไป - ขับเสภา - (ญ) ทองประศรีร้องด่าว่าอีลาว อื้ อฉาวบ้านเปื้ อนเลื่อนไหล (ญ) ศรีมาลาลุกจากเตาเข้าข้างใน บ่าวไพร่ใจฝ่อไม่รอรา
บทละคร เรื่อง ขุนช้างขุนแผน ตอน พระไวยแตกทัพ - ละเลงขนมเบื้อง - ปี่ พาทย์ทำเพลงฉิ่ง - (ทองประศรีชวนพลายชุมพลไปห้อง เดินด่าสร้อยฟ้าไปตลอดทาง) (ศรีมาลา สร้อยฟ้า บ่าวเข้าโรง) (พระไวยแสดงท่าทีครุ่นคิดด้วยความกลุ้มใจออกหน้าเวที พวกตลกตาม มาติด ๆ พระไวยถามว่า “พวกเอ็งจะตามมาทำไม” พวกตลกตอบว่า “จะตามคุณพระนายไปกินขนมเบื้ อง” พระไวยไล่เตะบ่าว บ่าวหนีเข้าโรง) - ม่านปิด - จบการแสดง
ตัวละครหลัก เรื่อง ขุนช้างขุนแผน ตอน พระไวยแตกทัพ-ละเลงขนมเบื้อง
ขุนแผน รับบทโดย นายอดิศร ศรีขน พระยากาญจนบุรี (พลายแก้ว) หรือ บรรดาศักดิ์เดิมขุนแผนแสนสะท้าน คนทั่วไปมักรู้จักในนามขุนแผน เป็นตัวเอกของวรรณคดีไทย เรื่อง ขุนช้างขุนแผน
พระไวย รับบทโดย นายจีระวัฒน์ คำพลึก พลายงาม มีตำแหน่งราชการเป็น จมื่นไวยวรนาถ ซึ่งมักเรียกสั้น ๆ ว่า พระไวย หรือหมื่นไวย เป็นลูกของขุนแผนกับนางวันทอง แต่ไปคลอดที่บ้านของขุนช้าง ยิ่งโตพลายงามก็ยิ่งละหม้ายคล้ายขุนแผนมาก มีอุปนิสัยความสามารถคล้ายขุนแผน
พลายชุมพล รับบทโดย นายชยุตม์ วานุนาม พลายชุมพล เป็นลูกของขุนแผนกับนางแก้วกิริยา ต่อมาได้ทำความดีความชอบจึงได้เลื่อนเป็นหลวงนายฤทธิ์ นายเวรมหาดเล็กเวรขวา กรมเดียวกับพลายงาม ผู้เป็นพี่ชายต่างมารดา
นางสร้อยฟ้า รับบทโดย นางสาวสุพัชชา ดาวทอง นางสร้อยฟ้า เป็นธิดาของพระเจ้าเชียงอินทร์ นางสร้อยฟ้ามีรูปโฉมงดงามมาก แต่กิริยามารยาทไม่เรียบร้อย นิสัยขี้อิจฉา
นางศรีมาลา รับบทโดย นางสาวมัณฑนา ฉอสันเทียะ นางศรีมาลา เป็นลูกของพระพิจิตรกับนางบุษบา นางเป็นหญิงที่งดงาม ทั้งรูปร่างหน้าตา กิริยามารยาท และงามน้ำใจ ต่อมาเป็นเมียของพลายงาม
เม้ย รับบทโดย นางสาวทานตะวัน ช่อฉาย นางเม้ย เป็นสาวใช้ของศรีมาลา
ไหม รับบทโดย นางสาวศิลารัตน์ ไชยพงษ์ นางไหม เป็นสาวใช้ของนางสร้อยฟ้า
สาธุโข สฺปปกํ นาม อปิ ยาทิสกีทิสํ ขึ้นชื่อว่าศิลปะ แม้นเช่นใด เช่นหนึ่ง ก็ยังประโยชน์ให้สำเร็จได้... เพจ Facebook : นาฏยวิพิธทัศนาวิชาการ 2566
Search
Read the Text Version
- 1 - 38
Pages: