Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ชุดที่ 8

ชุดที่ 8

Published by romrawin.nuty, 2022-08-23 07:41:53

Description: ชุดที่ 8

Search

Read the Text Version

รายวชิ าสงั คมศึกษา 5 รหสั วชิ า ส23101 ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 3 สาระหนา้ ท่พี ลเมอื ง วฒั นธรรม และการดาํ เนินชีวติ ในสงั คม ชดุ ท่ี 8 : ปญั หาท่เี ป็นอปุ สรรคต่อการพฒั นาประชาธปิ ไตยของไทย และแนวทางแกไ้ ขปญั หา นายรมยร์ วนิ ท์ เชิดชู ตาํ แหน่ง ครู วทิ ยฐานะ ครูชํานาญการพเิ ศษ โรงเรยี นเบต็ ต้ดี ูเมน 2 ช่องเม็ก อาํ เภอสริ นิ ธร จงั หวดั อบุ ลราชธานี องคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวดั อบุ ลราชธานี

ห น้ า | ก คาํ นาํ ชุดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ระดับ ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 3 สาระหน้าท่ีพลเมือง วัฒนธรรม และการดําเนินชีวิตในสังคม จัดทําขึ้นเพ่ือเป็น สื่อนวัตกรรมประกอบการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน รายวิชาสังคมศึกษา 5 รหัสวิชา ส23101 ชุดการเรียนรู้แบบอภิปัญญา มีฐานความคิดมาจากทฤษฎีการเรียนรู้อย่างมีความสามารถของบุคคล ที่มีต่อกระบวนการคิดของตนเอง รู้ว่าอะไรท่ีเหมาะสมกับตนเองในการเรียนรู้ ตลอดจนสามารถ เลือกกลวิธี ในการวางแผน กํากับควบคุม และประเมินการเรียนรู้ของตนเองได้ เพ่ือให้ผู้เรียนใช้ ประกอบกิจกรรมการเรียนการสอนและสามารถเรียนรู้ด้วยตนเอง ช่วยให้นักเรียนได้เรียนด้วยตนเอง ตามอัตภาพและตามความสามารถ ใช้สอนซ่อมเสริมให้แก่นักเรียนท่ียังเรียนไม่ทัน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการอ่าน และเป็นการจัดกิจกรรมให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง ฝึกการปฏิบัติให้ทําได้ คิดเป็น ทําเป็น ใฝ่รู้ ใฝ่เรียนอย่างต่อเนื่องผสมผสานสาระการเรียนรู้ด้านต่างๆ อย่างได้สัดส่วนและสมดุลกัน ปลูกฝังคุณธรรมค่านิยมท่ีดีงามและคุณลักษณะที่พึงประสงค์ เพ่ือให้ ผู้เรียนมีความรู้ ความเข้าใจและพัฒนาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของผู้เรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคม ศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เป็นนวัตกรรมท่ีช่วยลดบทบาทของครูตามแนวทางการปฏิรูปการ เรียนรู้ท่ียึดผู้เรียนเป็นสําคัญ เป็นกิจกรรม การเรียนรู้ที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง คิดเป็น ทําเป็น แก้ปัญหาได้ สามารถพัฒนาตนเอง ได้เต็มตามศักยภาพ ซึ่งสอดคล้องกับหลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ท่ีมุ่งเน้นให้ผู้เรียน ได้รับการพัฒนาทั้งด้านความรู้ กระบวนการคิด กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ การแก้ปัญหา ความสามารถในการสื่อสาร การตัดสินใจ การนําความรู้ไปใช้ในชีวิตประจําวัน ตลอดจนส่งเสริมให้ ผ้เู รียนมจี ิตวทิ ยาศาสตร์คุณธรรมและคา่ นยิ มทถ่ี ูกต้องเหมาะสม ผู้จัดทําหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ชุดการเรียนรู้น้ีจะเป็นประโยชน์ต่อผู้เรียนทําให้มีความรู้ ความเข้าใจเก่ียวกับหน้าท่ีพลเมือง วัฒนธรรม และการดําเนินชีวิตในสังคม ได้เป็นอย่างดี และมี ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนสูงข้ึน สามารถใช้เพื่อศึกษาค้นคว้าด้วยตนเองเป็นสื่อที่มีประสิทธิภาพ สามารถอํานวยประโยชน์ต่อการเรียนการสอนให้บรรลุวัตถุประสงค์ของหลักสูตรได้ และเป็น ประโยชน์ตอ่ ทางการศึกษาตอ่ ไป รมย์รวนิ ท์ เชิดชู โดย นายรมย์รวนิ ท์ เชดิ ชู ตําแหน่ง ครู วทิ ยฐานะ ครูชาํ นาญการพิเศษ

ห น้ า | ข สารบญั เร่อื ง หน้า คํานํา ก สารบญั ข คาํ ชี้แจงเกย่ี วกับการใช้ชดุ การเรยี นรู้ ค แผนภูมลิ ําดบั ขนั้ ตอนการใช้ชุดการเรียนรู้ ง คําชี้แจงการใช้ชุดการเรยี นรูส้ ําหรบั ครู จ คําชีแ้ จงการใช้ชดุ การเรียนรสู้ ําหรบั นกั เรียน ฉ 1 สาระการเรยี นรู้ / มาตรฐานการเรียนรู้ 1 2 สาระสําคัญ 3 6 จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 7 27 แบบทดสอบก่อนเรียน 29 32 กจิ กรรมอภิปญั ญา เร่อื ง ปัญหาและอุปสรรคตอ่ การพัฒนาระบอบประชาธิปไตยฯ 33 บัตรเนื้อหา ชุดท่ี 8 เร่ือง ปัญหาและอปุ สรรคต่อการพัฒนาระบอบประชาธปิ ไตยฯ 36 37 กจิ กรรมอภปิ ัญญา เรือ่ ง ปญั หาและอุปสรรคตอ่ การพัฒนาระบอบประชาธิปไตยฯ 38 39 บัตรกจิ กรรมท่ี 1 เรอื่ ง ปัญหาและอปุ สรรคตอ่ การพัฒนาระบอบประชาธิปไตยฯ 42 บตั รกิจกรรมท่ี 2 กิจกรรมพฒั นาการเรียนรู้ เร่อื ง ปญั หาและอุปสรรคตอ่ การพัฒนา 43 44 ระบอบประชาธปิ ไตยฯ แบบทดสอบหลงั เรียน กระดาษคําตอบแบบทดสอบกอ่ นเรียนและหลังเรยี น บรรณานกุ รม ภาคผนวก เฉลยบัตรกจิ กรรมท่ี 1 เร่อื ง ปญั หาและอุปสรรคต่อการพฒั นาระบอบประชาธิปไตยฯ เฉลยบตั รกิจกรรมท่ี 2 กิจกรรมพฒั นาการเรียนรู้ เรื่อง ปัญหาและอุปสรรคตอ่ การ พฒั นาระบอบประชาธิปไตยฯ เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรียนและหลงั เรียน ประวตั ิยอ่ ผูจ้ ดั ทํา โดย นายรมย์รวินท์ เชิดชู ตําแหน่ง ครู วทิ ยฐานะ ครูชาํ นาญการพเิ ศษ

ห น้ า | ค คําชีแ้ จงเก่ยี วกับชุดการเรียนรู้ ชุดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ระดับช้ันมัธยมศึกษา ปีที่ 3 สาระหน้าท่ีพลเมือง วัฒนธรรม และการดําเนินชีวิตในสังคม จัดทําข้ึนเพื่อเป็นส่ือนวัตกรรม ประกอบการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน รายวิชาสังคมศึกษา 5 รหัสวิชา ส23101 ชุดการเรียนรู้ แบบอภิปัญญามีฐานความคิดมาจากทฤษฎีการเรียนรู้อย่างมีความสามารถของบุคคลที่มีต่อ กระบวนการคิดของตนเอง รู้ว่าอะไรที่เหมาะสมกับตนเองในการเรียนรู้ ตลอดจนสามารถเลือกกลวิธี ในการวางแผน กํากับควบคุม และประเมินการเรียนรู้ของตนเองได้ เพ่ือให้การเรียนรู้หรือการ ปฏิบัติงานต่างๆ บรรลุตามวัตถุประสงค์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซ่ึงองค์ประกอบของ Metacognition มี 3 องค์ประกอบ ได้แก่ (1) ความรู้ (2) การควบคุมตนเอง และ (3) ความตระหนัก ต่อกระบวนการคิด โดยสอดคล้องตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) กระทรวงศึกษาธิการ เพ่ือให้นักเรียนเกิดความกระตือรือร้น มีความสุขใน การทํากิจกรรมการเรียนรู้ และเพื่อส่งเสริมเจตคติที่ดี นักเรียนจะได้พัฒนากระบวนการคิด กระบวนการตัดสินใจ กระบวนการแก้ปัญหา และสามารถนําความรู้ไปใช้ในชีวิตประจําวันได้ ม่งุ เนน้ พฒั นาผเู้ รียนให้เกิดการเรยี นรู้ ซง่ึ ประกอบดว้ ยชดุ การเรยี นรู้ จาํ นวน 8 ชดุ ดังนี้ ชดุ ที่ 1 เร่ือง กฎหมายแพง่ และพาณิชย์ ชดุ ท่ี 2 เร่อื ง กฎหมายอาญา ชุดท่ี 3 เรื่อง สิทธิมนษุ ยชน ชดุ ที่ 4 เรอ่ื ง วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย ชุดที่ 5 เร่อื ง วฒั นธรรมสากล ชดุ ท่ี 6 เรอ่ื ง สังคมไทยในปจั จุบนั ชุดที่ 7 เรอ่ื ง รูปแบบการปกครองในยคุ ปัจจบุ นั ชุดท่ี 8 เรื่อง ปัญหาท่ีเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประชาธิปไตยของไทยและแนวทาง แกป้ ญั หา ชุดการเรียนรู้ ชุดนี้เป็น ชุดท่ี 8 เร่ือง ปัญหาท่ีเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนา ประชาธิปไตยของไทยและแนวทางแก้ปัญหา ใช้เวลา 2 ชั่วโมง ผู้ใช้ชุดการเรียนรู้นี้ควรศึกษา ขัน้ ตอนการใชช้ ดุ การเรยี นรูอ้ ยา่ งละเอียดก่อนใช้ ผู้จัดทําหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ชุดการเรียนรู้ชุดน้ี จะมีประโยชน์ต่อนักเรียนและผู้สนใจท่ีจะ นาํ ไปใช้สอนและฝึกเด็กในปกครองในการพัฒนากระบวนการเรยี นรใู้ หม้ คี ุณภาพมากย่งิ ขน้ึ ตอ่ ไป โดย นายรมย์รวนิ ท์ เชิดชู ตาํ แหนง่ ครู วิทยฐานะ ครชู ํานาญการพิเศษ

ห น้ า | ง แผนภูมลิ าํ ดบั ขนั้ ตอนการใช้ชุดการเรียนรู้ อา่ นคําช้แี จงและคําแนะนาํ ในการใช้ชุดการเรียนรู้ ศกึ ษาตวั ช้ีวัดและจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ ทดสอบก่อนเรียน ศึกษาชดุ การเรยี นรู้ตามขน้ั ตอน ประเมนิ ผลการจดั กจิ กรรมการเรียนรูจ้ ากชุดการเรียนรู้ กจิ กรรม ทดสอบหลังเรยี น ผา่ นการทดสอบ ศกึ ษาชดุ การเรยี นรู้เรื่องตอ่ ไป ชดุ ท่ี 8 เร่อื ง ปัญหาและอุปสรรคต่อการพัฒนาประชาธิปไตยและแนวทางแก้ปญั หา โดย นายรมย์รวินท์ เชิดชู ตําแหน่ง ครู วทิ ยฐานะ ครูชํานาญการพิเศษ

ห น้ า | จ คาํ ช้ีแจงการใชช้ ุดการเรยี นรูส้ าํ หรบั ครู ชุดการเรียนรู้แบบอภิปัญญาท่ีครูผู้สอนได้ศึกษาต่อไปน้ีคือ ชุดท่ี 8 เรื่อง ปัญหาและ อุปสรรคต่อการพัฒนาประชาธิปไตยและแนวทางแก้ปัญหา กิจกรรม 2 ช่ัวโมง เป็นการจัดกิจกรรม ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง ฝึกการปฏิบัติให้ทําได้ คิดเป็น ทําเป็น ใฝ่รู้ ใฝ่เรียนอย่าง ต่อเนื่องผสมผสานสาระการเรียนรู้ด้านต่าง ๆ อย่างได้สัดส่วนและสมดุลกัน ปลูกฝังคุณธรรมค่านิยม ที่ดีงามและคุณลักษณะที่พึงประสงค์ โดยการนําอภิปัญญา (Metacognition) การรู้ความคิด หรือ การคิดเก่ียวกับความคิด ซ่ึงเป็นปัญญาสูงสุดของการเรียนรู้ หรือความสามารถของบุคคลท่ีมีต่อ กระบวนการคิดของตนเอง รู้ว่าอะไรที่เหมาะสมกับตนเองในการเรียนรู้ ตลอดจนสามารถเลือกกลวิธี ในการวางแผน กํากับควบคุมและประเมินการเรียนรู้ของตนเองได้ เพ่ือให้การเรียนรู้หรือการ ปฏิบตั งิ านต่าง ๆ บรรลตุ ามวตั ถปุ ระสงคไ์ ด้อยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ ครูผ้สู อนควรดาํ เนนิ การ ดงั นี้ 1. ครูผู้สอนต้องศึกษาและทําความเข้าใจเกี่ยวกับคําชี้แจงการใช้ชุดการเรียนรู้สําหรับครู และแผนการจัดการเรียนรู้ เพื่อท่ีครูผู้สอนสามารถนําชุดการเรียนรู้ไปใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การจัดชั้นเรียน การเตรียมแหล่งเรียนรู้ การเตรียมส่ือ/อุปกรณ์ ที่ใช้ในการ เรยี นการสอน 2. การจัดช้ันเรยี นจะจัดใหน้ กั เรยี นนง่ั เป็นรายบุคคลหรอื กล่มุ ก็ได้ 3. ใหน้ ักเรยี นทําแบบทดสอบก่อนเรียนกอ่ นเพือ่ วัดพื้นฐานความรรู้ ายบคุ คล 4. แจ้งจดุ ประสงค์ให้นักเรยี นทราบ 5. แจกชุดการเรียนรใู้ ห้นักเรียนให้นักเรียนได้ศึกษา แนะนําวิธีการการใช้ชุดการเรียนรู้เพ่ือ นักเรยี นจะไดป้ ฏบิ ัติอย่างถกู ต้อง 6. ดําเนินการสอนตามกจิ กรรมการเรียนรู้ท่ีกําหนดในแผนการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ 7. ขณะท่ีนักเรียนทุกกลุ่มปฏิบัติกิจกรรม ครูไม่ควรพูดเสียงดัง หากมีอะไรจะพูดต้องพูดเป็น รายกลุ่มหรือรายบคุ คล ตอ้ งไมร่ บกวนกจิ กรรมของนกั เรียนกลมุ่ อ่ืน 8. หลังจากนักเรียนศึกษาชุดการเรียนรู้เสร็จเรียบร้อยแล้ว ครูให้นักเรียน ทําใบกิจกรรม ทําแบบทดสอบหลังเรียน เพ่ือประเมินผลการเรียนของนักเรียนแจ้งคะแนนให้นักเรียนทราบเพ่ือ นําไปพฒั นาตนเองให้ช่ัวโมงตอ่ ไป 9. ครูคอยแนะนําช้ีแจง ให้กําลังใจนักเรียน สังเกตพฤติกรรมการเรียนในระหว่างเรียนเพื่อ ประเมินพฤตกิ รรมนกั เรยี น 10. หลงั จากปฏิบัติกิจกรรมแล้ว นกั เรียนจะต้องจดั เก็บอุปกรณ์ทุกช้นิ ให้เรียบร้อย โดย นายรมย์รวินท์ เชิดชู ตําแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครูชาํ นาญการพิเศษ

ห น้ า | ฉ คําช้แี จงการใชช้ ดุ การเรยี นร้สู ําหรับนักเรยี น ชุดการเรียนรู้ที่นักเรียนได้ศึกษาต่อไปนี้ คือ ชุดท่ี 8 เรื่อง ปัญหาและอุปสรรคต่อการพัฒนา ประชาธิปไตยและแนวทางแก้ปัญหา นักเรียนจะได้สํารวจ สังเกต และรวบรวมข้อมูลมาสรุปเป็น องค์ความรู้ โดยใช้กระบวนการคิด กระบวนการสืบค้นข้อมูล กระบวนการทางสังคม กระบวนการ เผชิญสถานการณ์ และแก้ปัญหาผ่านทางกระบวนการกลุ่ม การรู้ความคิด หรือการคิดเกี่ยวกับ ความคิด ที่เป็นปัญญาสูงสุดของการเรียนรู้ แบบอภิปัญญา โดยจะช่วยให้นักเรียนสามารถวางแผน และทบทวนความคิดของตนเองอย่างเป็นระบบ สามารถเลือกวิธีการเรียนรู้และประเมินผลท่ี เหมาะสมกับตนเอง และถ่ายทอดความคิดออกมาเพื่อให้การเรียนรู้หรือการแก้ปัญหาต่าง ๆ บรรลุ ตามวัตถุประสงค์อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด นักเรียนควรปฏิบัติตามคําชี้แจง ดังต่อไปน้ี 1. นักเรยี นรับชุดการเรียนรู้ ชดุ ท่ี 8 2. นกั เรยี นอ่านคําแนะนาํ คําช้แี จงการใช้ชดุ การเรยี นรู้ใหเ้ ข้าใจ 3. นักเรียนศึกษาสาระการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัด สาระสําคัญ และจุดประสงค์ การเรียนรู้ เพ่อื ให้ทราบว่าได้ศกึ ษาเน้อื หาและเขา้ รว่ มกิจกรรมไดค้ วามรอู้ ะไร 4. นักเรียนเร่ิมทําแบบทดสอบก่อนเรียน เพ่ือประเมินพ้ืนฐานความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับ เร่ือง ปญั หาและอุปสรรคต่อการพัฒนาประชาธปิ ไตยและแนวทางแกป้ ัญหา 5. นักเรียนศึกษา และทําความเข้าใจเน้ือหาต้ังแต่เร่ิมต้นกระทั้งถึงหน้าสุดท้ายตามลําดับ และทําใบกจิ กรรมที่ 1 และใบกิจกรรมที่ 2 ชดุ ที่ 8 6. นักเรยี นอ่านและทาํ กิจกรรมตามทีก่ ําหนดอย่างรอบคอบและครบถ้วน 7. นักเรียนตรวจคําตอบจากเฉลยใบกิจกรรมที่ 1 และใบกิจกรรมที่ 2 ส่งผลงานการทําใบ กจิ กรรมทา้ ยเลม่ ชุดการเรยี นรู้ เพ่อื ใหค้ รตู รวจและบนั ทกึ ผล 8. นักเรยี นทาํ กจิ กรรมเสรจ็ แล้วจดั เกบ็ อปุ กรณป์ ระกอบการเรยี นใหเ้ รียบร้อย 9. นกั เรยี นทุกคนทาํ กิจกรรมครบแล้วจากน้นั จึงทาํ แบบทดสอบหลงั เรียน จาํ นวน 10 ขอ้ 10. ในการทํากิจกรรมและแบบทดสอบต่าง ๆ ให้นักเรียนทําด้วยความตั้งใจ และมีความ ซ่อื สตั ย์ตอ่ ตนเองให้มากทสี่ ดุ โดยไม่ดเู ฉลยก่อนทาํ ใบกจิ กรรมและแบบทดสอบก่อนหรอื หลงั เรยี น 11. นักเรียนจําทําเสร็จช้าหรือเร็วข้ึนอยู่กับความสามารถและทักษะของนักเรียนเองไม่ จาํ เป็นตอ้ งทาํ เสร็จพร้อมกันแตใ่ หท้ าํ เสร็จทนั ตามเวลาที่กาํ หนด 12. นกั เรียนรับฟงั การรายงานผลคะแนนคาํ ชมเชย และคําแนะนําเพมิ่ เติมจากครู โดย นายรมย์รวินท์ เชิดชู ตําแหน่ง ครู วทิ ยฐานะ ครชู ํานาญการพเิ ศษ

ห น้ า | 1 สาระการเรยี นรู้ / มาตรฐานการเรยี นรู้ สาระการเรียนรแู้ กนกลาง 1) บทบัญญตั ิของรฐั ธรรมนูญในมาตราต่าง ๆ ทเี่ ก่ียวขอ้ งกับการเลอื กตง้ั การมี ส่วนร่วม และการตรวจสอบการใช้อาํ นาจรัฐ 2) อาํ นาจหน้าทีข่ องรฐั บาล 3) บทบาทสําคญั ของรัฐบาลในการบรหิ ารราชการแผน่ ดิน 4) ความจาํ เป็นในการมรี ัฐบาลตามระบอบประชาธปิ ไตย สาระท่ี 2 หน้าทีพ่ ลเมอื ง วฒั นธรรม และการดําเนนิ ชีวติ ในสังคม มาตรฐานการเรียนรู้ ส 2.2 เข้าใจระบบการเมืองการปกครองในสังคมปัจจุบัน ยึดม่ัน ศรัทธา และธํารงรักษา ไว้ซ่ึงการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตรยิ ์ทรงเป็นประมขุ ตวั ชีว้ ดั ม.3/3 วิเคราะห์รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันในมาตราต่าง ๆ ที่เก่ียวข้องกับการเลือกต้ัง การมสี ่วนร่วม และการตรวจสอบการใชอ้ ํานาจรัฐ ม.3/4 วิเคราะห์ประเด็นปัญหาท่ีเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประชาธิปไตยของประเทศ ไทยและเสนอแนวทางแก้ปัญหา สาระสําคัญ รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศไทย บทบัญญัติเกี่ยวกับการ เลือกตั้ง การมสี ว่ นร่วม และการตรวจสอบการใช้อาํ นาจรัฐตอ้ งเปน็ ไปตามรัฐธรรมนญู โดย นายรมย์รวนิ ท์ เชิดชู ตําแหน่ง ครู วทิ ยฐานะ ครชู ํานาญการพเิ ศษ

ห น้ า | 2 การพัฒนาประชาธิปไตยให้มีความม่ันคงและย่ังยืน ประชาชนต้องมีความรู้ความเข้าใจ เก่ียวกับการปกครองประชาธิปไตยตามหลักการอํานาจอธิปไตยเป็นของปวงชน ประชาชนมีสิทธิ เสรีภาพและความเสมอภาค โดยยึดหลักกฎหมาย มีการปลูกฝังความเป็นประชาธิปไตยตั้งแต่ระดับ ครอบครัว สถาบันการศึกษา ในขณะเดียวกันผู้ท่ีเข้ามาทําหน้าท่ีเป็นนักการเมืองจะต้องเห็นแก่ ประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสําคัญ แม้ว่าประเทศไทยจะมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยมากว่า 80 ปี มีรัฐธรรมนูญ ที่เป็นกฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศมาหลายฉบับ แต่การเมืองไทยยังไม่ก้าวหน้าเท่าท่ีควร รัฐบาลแต่ละสมัยไม่มีเสถียรภาพ อยู่ไม่ครบวาระ ทําให้การบริหารบ้านเมืองไม่ต่อเน่ือง ในขณะเดียวกันประชาชนยังขาดความรู้ความเข้าใจในสิทธิและหน้าที่ของตนเองตามระบอบ ประชาธิปไตย ในการเลือกตัวแทนเข้าไปบริหารบ้านเมือง จนส่งผลกระทบต่อความม่ันคงด้านการไป ใช้สิทธิเลือกตั้งคนดีเป็นตัวแทนไปบริหารประเทศการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ซ่ึงสามารถจะช่วย พัฒนาประชาธิปไตยของไทยให้มัน่ คง จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. วิเคราะห์รัฐธรรมนูญเกี่ยวกับการเลือกตั้ง การมีส่วนร่วมและการตรวจสอบการใช้ อํานาจรฐั ได้ (K) 2. จําแนกรัฐธรรมนูญเก่ียวกับการเลือกตั้ง การมีส่วนร่วมและการตรวจสอบการใช้อํานาจ รฐั ได้ (P) 3. เห็นคุณค่าของศึกษารัฐธรรมนูญเก่ียวกับการเลือกต้ัง การมีส่วนร่วมและการตรวจสอบ การใชอ้ ํานาจรฐั เพิม่ มากขึน้ (A) โดย นายรมย์รวนิ ท์ เชดิ ชู ตาํ แหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชาํ นาญการพเิ ศษ

ห น้ า | 3 แบบทดสอบก่อนเรยี น เรื่อง ปัญหาทีเ่ ป็นอุปสรรคตอ่ การพัฒนาประเทศฯ กลุม่ สาระการเรียนรู้สงั คมศกึ ษา ฯ รายวิชาสังคมศึกษา 5 รหัสวชิ า ส23101 ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 3 คาํ ช้แี จง 1. แบบทดสอบฉบับน้ี จํานวน 10 ขอ้ คะแนนเต็ม 10 คะแนน เวลาทใี่ ช้ 10 นาที 2. จงเลอื กคาํ ตอบท่ีถกู ต้องทส่ี ุด แล้วเขียนเครอ่ื งหมาย  ลงในกระดาษคาํ ตอบ 1. ขอ้ ใดเปน็ ลักษณะของการปกครองระบอบประชาธิปไตยในระบบรฐั สภา ก. นายกรัฐมนตรีมาจากการแตง่ ต้งั ของประธานาธบิ ดี ข. นายกรฐั มนตรีเป็นผนู้ าํ ฝ่ายบรหิ ารราชการแผ่นดนิ ค. ประธานาธิบดีเปน็ ท้งั ประมุขและผู้นําฝ่ายบรหิ าร ง. พระมหากษัตริย์เปน็ ทั้งประมขุ และผนู้ ําฝ่ายบรหิ าร 2. รูปแบบการปกครองแบบใดท่ีให้ความสําคัญกับช้ันกรรมาชีพเป็นกําลังหลักในการต่อสู้ทาง ชนชั้น ก. ระบอบเผดจ็ การทหาร ข. ระบอบเผดจ็ การพลเรอื น ค. ระบอบเผดจ็ การฟาสซิสต์ ง. ระบอบเผดจ็ การคอมมวิ นสิ ต์ 3. ผนู้ ําฝา่ ยบรหิ ารของประเทศไทยกับประเทศสิงคโปร์มีทม่ี าเหมือนหรือแตกตา่ งกนั อยา่ งไร ก. ผู้นําฝ่ายบริหารของประเทศสิงคโปร์และของประเทศไทยมีท่ีมาจากการเลือกต้ังโดย สมาชิกวฒุ ิสภา ข. ผู้นําฝ่ายบริหารของประเทศสิงคโปร์และของประเทศไทยมีที่มาจากการเลือกตั้งของ ประชาชนโดยตรง ค. ผู้นําฝ่ายบริหารของประเทศไทยมีที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ส่วนผู้นําฝ่าย บริหารของประเทศสิงคโปรม์ ที ีม่ าจากการเลือกโดยประมขุ รฐั ง. ผู้นําฝ่ายบริหารของประเทศไทยมีท่ีมาจากการเลือกตั้งโดยรัฐสภา ส่วนผู้นําฝ่าย บริหารของประเทศสงิ คโปรม์ ที ีม่ าจากการเลือกตั้งโดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โดย นายรมยร์ วนิ ท์ เชดิ ชู ตําแหน่ง ครู วทิ ยฐานะ ครูชาํ นาญการพเิ ศษ

ห น้ า | 4 4. ในปจั จบุ นั ประเทศใดทว่ี ฒุ สิ ภามาจากการเลือกตั้งของประชาชน ก. ประเทศไทย ข. ประเทศสงิ คโปร์ ค. ประเทศมาเลเซีย ง. ประเทศฟิลิปปนิ ส์ 5. การตรวจสอบการใชอ้ าํ นาจรัฐก่อใหเ้ กดิ ประโยชน์อย่างไรตอ่ ประเทศมากทสี่ ดุ ก. ป้องกันและปราบปรามการทุจริตต่อหน้าท่ีของเจ้าหน้าที่รัฐและผู้ดํารงตําแหน่งทาง การเมอื งได้ ข. ป้องกันหน่วยงานเอกชนหรือหน่วยงานอื่น ๆท่ีไม่เก่ียวข้องเข้าไปแทรกแซงการทํางาน ของรฐั บาล ค. ทรัพย์สินที่ได้จากการทุจริตหรือการกระทําผิดใด ๆของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง จะตกเป็นของประเทศ ง. ประชาชนมีสิทธิร่วมลงชื่อถอดถอนเจ้าหน้าที่รัฐและผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองให้ ออกจากตําแหนง่ ได้ 6. การมคี วามคดิ ตา่ งทางการเมืองเปน็ อุปสรรคต่อการพฒั นาประชาธปิ ไตยอยา่ งไร ก. ทาํ ให้มีการทจุ ริตคอรปั ช่นั ข. เกิดการซื้อสทิ ธิขายเสียงในการเลือกตงั้ ค. ทาํ ให้ประชาชนไม่อยากใช้สิทธแิ ละหน้าท่ีทางการเมอื ง ง. อาจทาํ ให้เกิดสถานการณ์ทีน่ าํ ไปสู่ความขัดแย้งของคนในสังคม 7. แนวทางการปฏิบัติใดท่ีมีความสําคัญในการพัฒนาประชาธิปไตยของประเทศให้ดําเนินไป อยา่ งมั่นคง ก. การทาํ เพอ่ื ประโยชนข์ องตนเองและพวกพอ้ ง ข. การยกยอ่ งให้ความสําคญั กับผู้ที่มีฐานะทางสงั คม ค. การที่ประชาชนให้ความสําคัญและเขา้ ใจในสิทธิของตนเอง ง. การร่วมแสดงความคดิ เห็นของตนเองทางการเมอื งอยา่ งอิสระ โดย นายรมย์รวนิ ท์ เชิดชู ตําแหน่ง ครู วทิ ยฐานะ ครูชาํ นาญการพเิ ศษ

ห น้ า | 5 8. “การพัฒนาประเทศที่มุ่งเน้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการลงทุนด้านอุตสาหกรรม ทําให้ต้องเพิ่มปริมาณการใช้วัตถุดิบในการผลิต จึงต้องนําทรัพยากรมาใช้มากเกินไป” จากข้อความสอดคล้องกับปญั หาในขอ้ ใด ก. ปญั หาความเสอ่ื มโทรมของทรพั ยากรธรรมชาติ ข. ปญั หาความเล่ือมลํ้าของการกระจายรายได้ ค. ปัญหาค่าครองชีพ ง. ปญั หาความยากจน 9. จากปญั หาในขอ้ 8. ควรใชแ้ นวทางการปอ้ งกนั และแก้ปัญหาปัญหาอยา่ งไร ก. ลดการพงึ่ พาจากภายนอก ทงั้ ในด้านการบรโิ ภคและการผลิต ข. ภาครัฐและภาคเอกชนควรรว่ มมือกนั พฒั นาดา้ นอตุ สาหกรรม ค. ใช้เทคโนโลยีการผลิตอย่างเหมาะสม และคาํ นึงถงึ สง่ิ แวดล้อม ง. ภาครัฐควรเข้ามาช่วยเหลอื ในการจัดสรรการใชท้ รัพยากรการผลติ 10. ระบอบประชาธิปไตยใดท่ีใช้กลไกตรวจสอบถ่วงดุลการใช้อํานาจรัฐที่ยึดหลักอํานาจ สูงสดุ ของรัฐสภา ก. ระบบรัฐสภา ข. ระบบรัฐสภาประยกุ ต์ ค. ระบบประธานาธิบดี ง. ระบบก่ึงประธานาธบิ ดี โดย นายรมยร์ วินท์ เชดิ ชู ตําแหน่ง ครู วทิ ยฐานะ ครชู าํ นาญการพิเศษ

ห น้ า | 6 กิจกรรมอภิปัญญา เรื่อง ปญั หาและอุปสรรคตอ่ การพฒั นาระบอบประชาธปิ ไตยและแนวทางแก้ปญั หา ขนั้ ท่ี 1 ความตระหนักในความรู้ 1. ปญั หาและอุปสรรคต่อการพฒั นาระบอบประชาธปิ ไตยและแนวทางแก้ปญั หา อะไรบ้าง …………………………………………………………………………………………………………………………...……………… …………………………………………………………………………………………………………...……………………………… …………………………………………………………………………………………...……………………………………………… …………………………………………………………………………...……………………………………………………………… …………………………………………………………...……………………………………………………………………………… 2. นกั เรียนควรศกึ ษาเพ่ิมเติมอยา่ งไร …………………………………………………………………………………………………………………………...……………… …………………………………………………………………………………………………………...……………………………… …………………………………………………………………………………………...……………………………………………… …………………………………………………………………………...……………………………………………………………… …………………………………………………………...……………………………………………………………………………… 3. นกั เรยี นจะศึกษาอย่างไร …………………………………………………………………………………………………………………………...……………… …………………………………………………………………………………………………………...……………………………… …………………………………………………………………………………………...……………………………………………… …………………………………………………………………………...……………………………………………………………… …………………………………………………………...……………………………………………………………………………… ตอบถกู ต้องทง้ั หมด เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 1 คะแนน ตอบถกู ตอ้ งบางสว่ น ให้ 3 คะแนน ตอบถูกต้องเล็กน้อย ให้ 0 คะแนน ให้ 2 คะแนน ไม่ตอบ โดย นายรมย์รวินท์ เชดิ ชู ตําแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครชู ํานาญการพิเศษ

ห น้ า | 7 บัตรเน้ือหา ชุดที่ 7 ปญั หาและอุปสรรคตอ่ การพฒั นาประชาธปิ ไตยและแนวทาง แกป้ ญั หา ประชาธิปไตยที่พยายามจะสถาปนามากว่า 70 กว่าปีนั้น เป็นท่ียอมรับกันว่ายังไม่เป็นท่ี พอใจของคนไทยไม่ ว่าจะเป็นชนช้ันนําหรือประชาชนท่ัวไป กล่าวคือ ทุกคนต่างเห็นว่าเท่าที่ผ่านมา ประชาธิปไตยยังอาจไม่มีอย่างแท้จริงใน ประเทศไทย ดังนั้นจึงมีการกล่าวหรืออธิบายกันอย่าง กว้างขวางว่าเพราะเหตุใดประชาธิปไตยจึงยังไม่เกิดขึ้นหรือเกิดขึ้น เพียงบางส่วนเท่าน้ันในสังคมไทย ซ่ึงคําอธิบายเหล่านี้เร่ิมต้ังแต่การไม่มีการศึกษาหรือคุณภาพของประชาชน การที่พรรค การเมือง และการเลือกตั้งไม่สามารถสร้างให้เกิดตัวแทนที่แท้จริงของประชาชนได้ จนถึงการยึดอํานาจของ ทหารที่ทําลาย กระบวนการประชาธิปไตย เป็นต้น แน่นอนคําอธิบายเหล่านี้ย่อมมีความจริงอยูใน ระดับหนึ่ง สําหรับในบทความนี้ให้ ความสําคัญกับการศึกษาในเชิงประจักษ์มากกว่าเชิงปทัสถาน ดังนั้นการพิจารณาถึงปัญหา อุปสรรคของระบอบ ประชาธิปไตยไทยน้ัน จะศึกษาเน้นถึงความจริงท่ี ปรากฏข้ึนว่าเป็นอย่างไร และใช้ความจริงที่ปรากฏน้ีเป็นบรรทัดฐานใน การวิเคราะห์ ปัญหา และอุปสรรคท่ีมีผู้วิเคราะห์กล่าวถึงกันมากท้ังในหมู่นักวิชาการ ปัญญาชน ส่ือมวลชน และนักการเมือง ต่างๆ พอจะสรุปได้ 7 ประเด็นสําคัญ คือ การยึดติดกับรูปแบบของประชาธิปไตย ระบบอุปถัมภ์ การแทรกแซงทางการเมือง ของทหารไทย การบริหารราชการแผ่นดินแบบรัฐรวม ศูนย์ การคอรัปชั่น พรรคการเมืองไทยที่ขาดความเป็นสถาบันทาง การเมืองอย่างแท้จริง การพัฒนา ทางเศรษฐกิจของไทย การยึดตดิ กับรปู แบบของประชาธปิ ไตย คําว่าประชาธิปไตยท่ีกล่าวกันในสังคมไทย ทุกคนล้วนแต่ยอมรับว่ามาจากคําว่า “Democracy” ของตะวันตก และคําว่า “ตะวันตก” น้ีเข้าใจกันว่ามีจุดกําเนิดหรือรากเหง้ามาจาก กรีกโรมัน ซ่ึงเป็นที่ยอมรับกันว่าเป็นต้นกําเนิดของ อารยธรรมของชาติตะวันตก (Western Civilization) น่ันหมายความว่า “ประชาธิปไตยตะวันตก” คือ ประชาธิปไตยที่มีต้น กําเนิดหรือ ได้รับอิทธิพลทางความคิดมาจากนักคิดหรือปราชญ์ตั้งแต่สมัยกรีกและโรมัน ดังนั้นในการทําความ เข้าใจ ประชาธิปไตยไม่ว่าจะเป็นแบบตะวันตกหรือแบบไทย จําเป็นที่จะต้องกลับไปพิจารณาแนวคิด เบื้องต้นเก่ียวกับประชาธิปไตย ที่มีมาต้ังแต่สมัยกรีกโบราณ ประชาธิปไตยโดยวิวัฒนาการของ ตะวันตก สามารถจะพิจารณ าได้เป็น 2 ด้าน คือ ด้านแรกเน้นถึง จุดมุ่งหมายของประชาธิปไตย กล่าวคือ การใช้อํานาจของประชาธิปไตยน้ีจะต้องมีจุดมุ่งหมายเพ่ือประชาชนโดยส่วนรวม ซึ่ง โดย นายรมย์รวินท์ เชดิ ชู ตําแหน่ง ครู วทิ ยฐานะ ครชู าํ นาญการพิเศษ

ห น้ า | 8 แนวคิดนี้อาจจะเรียกได้ว่า “หลักการประชาธิปไตย” (principle democracy) หรืออาจจะเรียกว่า “ประชาธิปไตยแบบ เพลโต” (Platonic democracy) ด้านท่ีสองเน้นถึงกระบวนการของ ประชาธิปไตย กล่าวคือ กระบวนการหรือขั้นตอนของการใช้ อํานาจของประชาธิปไตยท่ีจะต้องให้คน จํานวนมากสามารถท่ีจะเลือกให้การใช้อํานาจเป็นไปตามที่ตนต้องการ แนวคิดน้ี อาจจะเรียกได้ว่า “กระบวนการประชาธิปไตย” (Process democracy) หรืออาจจะเรียกว า่่ “ประชาธิปไตยแบบ อริสโตเติล” (Aristotelian democracy) น่ันหมายความว่าประชาธิปไตยตะวันตกมี 2 มิติ คือ มิติ ทางจุดมุ่งหมายหรือ หลักการของประชาธิปไตย และมิติทางกระบวนการหรือรูปแบบของ ประชาธิปไตย แต่ถ้ากลับไปพิจารณาหลักการพ้ืนฐานของประชาธิปไตยตะวันตกท่ีกล่าวมาข้างต้น คือ ประชาธิปไตยแบ่ง ออกเป็น 2 มิติ จะเห็นว่าประชาธิปไตยที่คณะราษฎรนําเข้ามาจากตะวันตกและมี อิทธิพลทางความคิดมาจนถึงปัจจุบันเน้น เฉพาะประชาธิปไตยตะวันตกในมิติท่ีเกี่ยวกับกระบวนการ หรือวิธีการของประชาธิปไตยเท่านั้น โดยละเลยมิติท่ีเกี่ยวกับ จุดมุ่งหมายหรือหลักการของ ประชาธปิ ไตย การท่ีการเมืองไทยให้ความสําคัญจนเกินไปแก่รูปแบบของประชาธิปไตยนี้มีผลต่อการทํา ความเข้าใจและการ แก้ปัญหาปัญหาประชาธิปไตยไทย กล่าวคือการคิดมักจะมุ่งอยู่กับการปรับปรุง แก้ปัญหารัฐธรรมนูญ รัฐสภา พรรคการเมืองและการเลือกตั้งเป็นหลัก ยิ่งไปกว่านั้นการแก้ปัญหา มักจะให้ความสําคัญกับการออกกฎหมาย กฎระเบียบหรือข้อบังคับต่างๆ เกี่ยวกับสถาบันทางการ เมืองท้ังส่ี โดยมิได้ให้ความสําคัญกับพฤติกรรมหรือพฤติกรรมอันเป็นผลมาจากโครงสร้างของ สถาบนั ทางการเมอื งเหล่านั้น เราไม่ทราบว่ารัฐธรรมนูญ รัฐสภา พรรคการเมืองและการเลือกต้ังมีผลต่อพฤติกรรม ทางการเมืองของผู้ท่ี เก่ียวข้องไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง ทหาร ข้าราชการประจํา ปัญญาชน นักวิชาการ กลุ่มผลประโยชน์ ตลอดจนถึง ประชาชนท่ัวไปอย่างไร เม่ือเราไม่ทราบพฤติกรรมของ บุคคลหรือกลุ่มบุคคลเหล่านี้เราก็ไม่สามารถที่จะดึงหรือตีกรอบให้ พฤติกรรมเหล่านั้นอยู่ภายใต้ กรอบของสถาบันทางการเมืองทั้งสี่น้ีได้ ถ้าจะกล่าวอีกนัยหน่ึงเราอาจจะกล่าวได้ว่าลายลักษณ์ อักษร ที่ปรากฏในรัฐธรรมนูญ กฎระเบียบและข้อบังคับของรัฐสภา พระราชบัญญัติ และข้อบังคับของ พรรคการเมืองและการ เลือกต้ัง ไม่สามารถอธิบายพฤติกรรมอันเกิดจากสถาบันเหล่าน้ี ถ้าจะอธิบาย ได้ก็น้อยมากไม่มีนัยสําคัญเท่าไรนัก น่ันหมายความว่าปัญหาและอุปสรรคของการพัฒนาระบอบ ประชาธิปไตยไทยจึงเริ่มจากปัญหาระบบคิดและ วิธีการมองประชาธิปไตย ซ่ึงนับว่าเป็นปัญหาและ อุปสรรคข้ันพื้นฐานมาก เมื่อระบบคิดและวิธีการมองปัญหาไม่เป็นจริง ย่อม เป็นไปไม่ได้ที่จะให้ โดย นายรมยร์ วนิ ท์ เชดิ ชู ตาํ แหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชาํ นาญการพิเศษ

ห น้ า | 9 หนทางการแก้ปัญหาปัญหานั้นเป็นจริง ดังน้ันการแก้ปัญหาเพื่อให้เกิดประชาธิปไตยในประเทศไทย อย่างเปน็ จรงิ จะต้องแก้ทรี่ ะบบคดิ และวธิ กี ารมองประชาธิปไตยเป็นเบือ้ งแรกกอ่ น ดังน้ันการที่ประชาธิปไตยของไทยให้ความสําคัญเฉพาะกับรูปแบบ หรือกระบวนการของ ประชาธิปไตยจึงทํา ให้เป้าหมายของประชาธิปไตยของไทยถูกละเลย ผลที่ตามมาคือประชาธิปไตย และการเมืองไทยตกอยู่ในสภาพไร้ทิศทาง กล่าวง่ายๆ คือ เราไม่ทราบว่าประชาธิปไตยและการเมือง ของไทยกําลังเดินไปทางไหนและไปสู่จุดหมายอะไร ถ้าจะมีการ กล่าวถึงเป้าหมายของประชาธิปไตย อยู่บ้างก็จะเป็นเพียงการกล่าวอย่างผิวเผิน เช่น จะต้องรับใช้ประชาชน จะต้องสนองตอบ ต่อผลประโยชน์ของประชาชน เป็นต้น ซ่ึงในความเป็นจริงแล้วเราจะต้องมีคําตอบอีกมากเก่ียวกับ เป้าหมายของประชาธิปไตย เช่น ใครคือประชาชน ถ้าคนไทยทุกคนคือประชาชนอย่างนั้น หมายความว่าประชาธิปไตยจะต้องสนองตอบต่อผลประโยชน์ ของคนไทยทุกๆ คนเช่นนั้นหรือ ถ้าเป็นเช่นนั้นคงจะไม่มีรัฐบาลไหนในโลกน้ีสามารถจะกระทําได้ เพราะผลประโยชน์ของ ประชาชน แต่ละคนนั้นมีมากเหลือเกินและยังแตกต่างกันในแต่ละคนอีกด้วย ดังน้ันภายใต้ทรัพยากรที่จํากัด ย่อมเป็นไปไม่ได้ท่ี ประชาธิปไตยจะสนองตอบต่อความต้องการของทุกคนได้ เพราะฉะนั้นคําถามที่ จะต้องตอบ คือ ประชาธิปไตยจะจัดลําดับ ความสําคัญในการสนองตอบต่อความต้องการของกลุ่มใด ย่ิงไปกว่านั้นจะตอบสนองต่อความต้องการอะไรบ้าง เพราะประชาธิปไตยไม่สามารถจะตอบสนองต่อ ความตอ้ งการในทุกเรอ่ื งได้ ในที่สุดประชาธิปไตยและประเทศชาติจึงตกอยู่ในสภาพที่ไม่มีจุดหมายปลายทาง และ การแก้ปัญหาปัญหาของ ประชาธิปไตยและประเทศชาติก็จะมีสภาพคล้ายๆ การพายเรือในอ่างนํ้า แก้ปัญหาซ้าแล้วซ้าอีก แต่ปัญหาเดิมๆ ก็ยังคง อยู่เช่นเดิมและนับวันจะมีมากขึ้นด้วยซ้าไป และนี่คือ ผลจากการยึดตดิ กับรปู แบบและไม่มีเป้าหมายท่ีเป็นจริงของ ประชาธิปไตยของไทย ปัญหาทเี่ ป็นอุปสรรคต่อการพฒั นาประชาธปิ ไตยของไทย แม้ว่าประเทศไทยจะมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยมากว่า 80 ปี มีรัฐธรรมนูญที่เป็น กฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศมาหลายฉบับ แต่การเมืองไทยยังไม่ก้าวหน้าเท่าที่ควรรัฐบาล แต่ละสมัยไม่มีเสถียรภาพ อยู่ไม่ครบวาระ ทําให้การบริหารบ้านเมืองไม่ต่อเนื่อง ในขณะเดียวกัน ประชาชนยังขาดความรู้ความเข้าใจในสิทธิและหน้าที่ของตนเองตามระบอบประชาธิปไตย ในการ เลือกตัวแทนเข้าไปบริหารบ้านเมือง จนส่งผลกระทบต่อความมั่นคงด้านการไปใช้สิทธิเลือกต้ังคนดี โดย นายรมยร์ วินท์ เชดิ ชู ตําแหน่ง ครู วทิ ยฐานะ ครูชํานาญการพิเศษ

ห น้ า | 10 เป็นตัวแทนไปบริหารประเทศการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ซึ่งสามารถจะช่วยพัฒนาประชาธิปไตย ของไทยให้ม่ันคง จาํ แนกปัญหาและอปุ สรรคตอ่ การพัฒนาประชาธิปไตยของไทยได้ ดงั นี้ 1) การซื้อสิทธิขายเสียง เกิดจากนักการเมืองบางกลุ่มที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน ต้องการ เข้าสู่การเมืองโดยไม่ใช้วิธีการทางประชาธิปไตย จึงพยายามทําทุกวิถีทางเพื่อชนะการเลือกต้ัง เช่น มี การซื้อเสียง เสนอผลประโยชน์ ในขณะเดียวกันหากประชาชนเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนเพียงเล็กน้อย ไม่ตระหนักถึงผลเสียท่ีจะตามมา เช่น ได้นักการเมืองไม่มีคุณภาพ ทุจริตการเลือกต้ังอาจนําไปสู่การ ทุจริตในการบรหิ ารบา้ นเมืองจนส่งผลเสยี หายตอ่ ประเทศชาติ 2) การทุจริตคอร์รัปชัน เกิดจากการขาดคุณธรรมจริยธรรมของนักการเมืองท่ีเห็นแก่ ประโยชน์ของตนเองและพวกพ้องมากกว่าประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน เช่น มีการ แสวงหาผลประโยชน์จากโครงการพัฒนาประเทศเพื่อความอยู่ดีกินดีของประชาชนและความมั่นคง ของประเทศ แต่กลับใช้โครงการเหล่านี้ในการทุจริต ออกนโยบายต่าง ๆ ที่เอ้ือประโยชน์เฉพาะกลุ่ม สรา้ งภาพลักษณ์ สร้างฐานเสียงใหก้ บั ตนเองและพวกพ้อง จนทาํ ให้ประเทศชาตเิ สยี หาย นอกจากนี้ การทุจริตคอร์รัปชันยังเกิดข้ึนในระบบราชการไทย โดยการใช้อํานาจหน้าท่ีของตนในการแสวงหา ผลประโยชน์ อาํ นวยความสะดวก การติดสนิ บน ทําใหเ้ กิดการทจุ ริตคอร์รัปชนั 3) ค่านิยมและระบบอุปถัมภ์ของสังคมไทย ค่านิยมในสังคมไทยท่ีส่งผลให้เกิดปัญหา ทางการเมือง เช่น การยกย่องให้ความสําคัญกับผู้ที่มีฐานะทางสังคม เช่น มีตําแหน่งหน้าท่ีการงานดี มีอํานาจบารมี มีฐานะทางการเงินดี บุคคลเหล่านี้สามารถใช้อํานาจบารมี สถานภาพท่ีมีอยู่ในการ ประพฤตมิ ชิ อบ ทําการเพื่อผลประโยชน์ของตนเองและพวกพอ้ งได้ 4) การไม่ตระหนักในสิทธิ หน้าท่ี และการมีส่วนร่วมของประชาชน ประชาชนบางส่วน ขาดความสนใจทางการเมือง ไม่มีความรู้เก่ียวกับความสําคัญของการเมืองกับการพัฒนาประเทศ และความเป็นอยู่ของตนเอง ทําให้ละเลยไม่ใช้สิทธิของความเป็นพลเมืองไทยในการเข้าไปมีส่วนร่วม ทางการเมือง เชน่ ไมไ่ ปเลือกต้ังขายเสยี ง ทาํ ใหไ้ ดน้ กั การเมืองไม่มีคณุ ภาพเขา้ ไปบริหารประเทศ 5) ความคิดต่างทางการเมืองนําไปสู่ความขัดแย้ง ในปัจจุบันประชาชนสามารถเข้าถึงส่ือ ต่าง ๆ ได้ง่าย สะดวก และรวดเร็ว ทําให้รับรู้ข้อมูลข่าวสารทางการเมืองสะดวกข้ึน และการมี เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นทําให้มีความชอบท่ีต่างกัน เมื่อการเมืองมีการแบ่งฝ่ายทําให้ ประชาชนเลือกติดตามคนหรือฝ่ายท่ีตนเองช่ืนชอบ นําไปสู่ความเห็นท่ีแตกต่างกัน จนในบางคร้ังอาจ เกดิ สถานการณท์ ่ีนําไปสู่ความขัดแย้งของคนในสงั คม 6) การรัฐประหารยึดอํานาจ การปกครองระบอบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา การได้มา ซึ่งอํานาจบริหารประเทศมาจากกลไกรัฐสภา มีการเลือกต้ังโดยตรงจากประชาชน แต่ในสังคมไทย โดย นายรมยร์ วนิ ท์ เชดิ ชู ตาํ แหน่ง ครู วทิ ยฐานะ ครชู ํานาญการพิเศษ

ห น้ า | 11 ยังคงมีการทํารัฐประหารยึดอํานาจเป็นวงจรทางการเมืองไทยที่ยังคงดํารงอยู่ ซ่ึงขัดกับแนวทาง ประชาธิปไตย มีการยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับเก่า แล้วจัดทํารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ขึ้นมามีการเลือกต้ัง ใหม่ จัดต้ังรัฐบาลบริหารประเทศภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ลักษณะดังกล่าวเกิดขึ้นลายคร้ัง ส่งผล ให้การพัฒนาประเทศหยุดซะงัก ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ ความเป็นของประชาชน ขดี ความสามารถในการแขง่ ขันกับตา่ งประเทศลดลง ต่างชาติขาดความเชือ่ มนั่ 7) การขาดคุณธรรม จริยธรรม ท้ังนักการเมืองและผู้มีบทบาทในการบริหารประเทศผู้ท่ี ได้รับเลือกต้ังจากประชาชนจะต้องมีความตระหนักในหน้าท่ีและบทบาทของตนเองในการบริหาร ประเทศอย่างโปร่งใส ไม่ใช้อํานาจในทางไม่ถูกต้อง หรือแสวงหาผลประโยชน์ให้กับตนเองและพวก พ้อง การบริหารประเทศในปัจจุบันยังคงมีปัญหาการทุจริตในตําแหน่งหน้าที่ของนักการเมืองและผู้มี อํานาจหน้าทโ่ี ดยตรง สง่ ผลต่อการพัฒนาประเทศ การเมืองการปกครองระบอบประชาธิปไตยของไทยในปัจจุบันยังคงมีอุปสรรด การเมืองไม่ ม่ันคง มีการเปลี่ยนแปลงบ่อย ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาประเทศและความเป็นอยู่ของประชาชน ท้ังนี้ หากพลเมืองไทยมีความรู้ความเข้าใจในการเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริงและเห็นแก่ ผลประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก ตระหนักในความสําคัญ ใช้สิทธิและหน้าที่ตามวิถีประชาธิปไตยจะทํา ให้การปกครองระบอบประชาธปิ ไตยของไทยมคี วามมนั่ คงมากขึ้น รูปที่ 8.1 ทม่ี า https://sites.google.com/ โดย นายรมย์รวินท์ เชดิ ชู ตําแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครูชาํ นาญการพิเศษ

ห น้ า | 12 องค์ประกอบของการฉุดรั้งและไม่ส่งเสริมโอกาสให้ประชาชนเป็นพลเมืองน้ัน ล้วนมาจาก โครงสร้างทางการเมือง การมีระบบอุปถัมภ์ท่ีหยั่งรากลึกมายาวนานจากสถาบันท่ีถืออํานาจทาง การเมือง สถาบันท่ีใช้อํานาจทางการเมือง คือรัฐ และระบบราชการ สู่สถาบันการศึกษา อันเป็น โรงงานบ่มเพาะเมล็ดพันธ์พลเมือง สู่ชุมชนและครอบครัว ท่ีล้วนมาจากการรวมศูนย์อํานาจไว้ที่ ราชการส่วนกลางมากจนเกินไปเพราะขาดสํานึกถึงความสําคัญและความจําเป็นของการมีส่วนร่วมท่ี แท้จริงของพลเมือง การไม่เชื่อในคุณค่าของมนุษย์ที่มีศักดิ์ศรีและมีเหตุผลนั้น มีผลทําให้สังคม ขาดพลัง วถิ ีไทยที่ขดั ขวางการพัฒนาประชาธปิ ไตย การพัฒนาประชาธิปไตยของไทยท่ีผ่านมาจะครบ 80 ปี ใน พ.ศ.2555 ก็ยังนับว่าเป็นเรื่อง แปลกมากสําหรับสังคมไทยและทําให้คนไทยจํานวนมากยังขัดแย้งกันในเร่ืองท้ังวิธีการและเป้าหมาย ของประชาธิปไตย ความไม่ชัดเจนในเร่ืองประชาธิปไตยนี่เอง ยังสงผลต่อการพัฒนาความเป็น พลเมืองท่ียังไม่อาจเกิดขึ้นได้อย่างจริงจัง อะไรคือปัจจัยที่เป็นอุปสรรคสําคัญในการพัฒนาระบอบ ประชาธิปไตยสําหรับสังคมไทย จึงเป็นสิ่งที่ควรนํามาพิจารณาทบทวนเพื่อการพัฒนาความเป็น พลเมอื งใหเ้ กิดข้ึนได้ กลา่ วคือ 1. การเปน็ รัฐอปุ ถัมภ์ ในงานของ ศ.ดร.ชัยอนันต์ สุนทวณิช และ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ มีความสอดคล้อง กันในเร่ืองของรัฐรวมศูนย์ผูกขาดอธิปัตย์ คือ การผูกขาดอํานาจไว้ที่ส่วนกลาง การเปล่ียนแปลงการ ปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เป็นระบอบประชาธิปไตยในปี 2475 เป็นการถ่ายโอน อํานาจจากระบอบเก่าสู่ระบอบใหม่ เป็นรัฐใหม่ที่ใช้ระบอบรัฐธรรมนูญนิยม หรือประชาธิปไตย บน ความแข็งแกร่งของระบบราชการที่มีอยู่ก่อนแล้ว ความจําเป็นของระบอบใหม่ท่ีต้องมีผู้นําจากการ เลือกต้ังของประชาชนจึงถูกใช้เพ่ือสร้างความชอบธรรมให้กับการเปล่ียนแปลง รัฐบาลยังคงผูกขาด อํานาจและบทบาทไว้ท่ีส่วนกลางท้ังหมด ประชาชนจึงถูกครอบงําและถูกกํากับเพียงทําหน้าท่ี ปฏิบัติตามกฎหมาย เสียภาษีและไปเลือกต้ัง ทําให้ประชาชนโดยทั่วไปเข้าใจว่าประชาธิปไตยคือการ ไปเลือกต้ัง เป็นเพียงพลเมืองดีผู้มีหน้าที่ตามที่รัฐกําหนดให้ จึงยังไม่มีพลเมืองที่ไปมีส่วนร่วมในการ กําหนดการมีอํานาจและการสืบทอดอํานาจทางการเมือง การมีส่วนร่วมทางการเมืองจึงจํากัดอยู่ เพียงระดับการเลือกตั้ง นอกจากน้ันแล้ว การมีส่วนร่วมในการพัฒนาทางสังคมของประชาชนก็มี ขอบเขตจํากัดอยู่เพียงการไปเข้าร่วมในโครงการของทางราชการ เช่นกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย เป็นต้น จึงทําให้ประชาชนถอยห่างจากการเมือง และคอยรอรับความช่วยเหลือ จากทางราชการ ซึ่งเป็นลักษณะของประชาชนท่ีอยู่ภายใต้การอุปถัมภ์ของผู้ท่ีเหนือกว่าและขาด ความเชอื่ ม่นั ในการพง่ึ ตัวเอง โดย นายรมยร์ วินท์ เชิดชู ตําแหน่ง ครู วทิ ยฐานะ ครชู ํานาญการพิเศษ

ห น้ า | 13 และแม้ว่ากระแสการเปลี่ยนแปลงทั้งภายในและภายนอกประเทศจะกดดันให้มีการ กระจายอํานาจสู่ท้องถิ่นช่วงทศวรรษ 2540 แต่การกําหนดอํานาจดังกล่าวน้ีมิได้เกิดจากการเข้าไป มีส่วนร่วมคิดและกําหนดจากประชาชนในท้องถิ่นทั้งในเรื่องของอํานาจหน้าที่และการเงิน-การคลัง ทําให้อํานาจของท้องถิ่นยังถูกยึดโยงอยู่ท่ีอํานาจส่วนกลาง คือ รัฐบาล นักการเมืองในส่วนปกครอง ท้องถ่ินเองก็มีพฤติกรรมทางการเมืองไม่แตกต่างจากส่วนกลางที่มาจากการเลือกตั้งระดับชาติ ทําให้ เกิดระบบอปุ ถัมภ์ใหมท่ ีก่ ดทับความออ่ นแอของประชาชนมากย่งิ ข้นึ นอกจากน้ี การที่รัฐบาลเป็นผู้ผูกขาดอํานาจท้ังทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมน้ี ยัง ได้มีการกําหนดและบงการความสัมพันธ์อาณาบริเวณของการเมืองและเศรษฐกิจออกจากกัน มิได้ กระตุ้นส่งเสริมพลังต่างๆ ในประชาสังคม หากแต่จํากัด-ควบคุมโดยอาศัยมาตราการทางกฎหมาย กฎระเบียบ และประกาศข้อบังคับต่างๆ เช่น การห้ามสมาคมการค้า องค์กร สมาคม มูลนิธิ มีวัตถุประสงค์ทางการเมือง อันเป็นการแยกประชาสังคมออกจากการเมือง และมีผลทําให้เฉื่อยชา และเพิกเฉยต่อการมีส่วนร่วมในทางการเมือง ซึ่งกฎระเบียบดังกล่าวยังคงเป็นข้อปฎิบัติจนถึง ปจั จุบนั ลักษณะการรวมศูนย์การปกครองภายใต้ระบอบประชาธิปไตย จึงกลายเป็นระบอบ คณาธิปไตยในความเป็นจริง เพราะวัฎจักรทางการเมืองที่คณะบุคคลและบุคคล ต่างสลับกันข้ึนครอง อํานาจ และมีลักษณะการใช้อํานาจเพื่อความมั่นคงของตน ซึ่งเป็นลักษณะอํานาจนิยมที่สืบต่อกันมา จนถึงปัจจุบัน ดังท่ีพบเห็นกันโดยทั่วไป คือ วัฒนธรรม ผู้น้อย-ผู้ใหญ่ ผู้อาวุโสกว่า และมีลักษณะ ของการแบ่งพรรคแบ่งพวกข้ึนอยู่กับว่าเป็นคนหรือพวกของใครจึงจะได้ดี มีแต่การยกย่องผู้มีอํานาจ วาสนา คนไทยจึงมีคติว่า \"รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี\" หรือ \"พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตําลึงทอง\" อัน สะท้อนทัศนคติที่คนไทยโดยทั่วไปต้องรู้จักการเอาตัวรอดไว้ก่อนไม่ว่าจะถูกหรือผิด และดีที่สุดคือ ไม่ต้องแสดงความคิดเห็น เพราะผู้ใหญ่หรือผู้อาวุโสท้ังวัยวุฒิหรือคุณวุฒิจะไม่พอใจ และมีผลต่อการ งานและชีวิตส่วนตัวได้ การใช้อํานาจและระบบอุปถัมภ์ในสังคมไทยจึงมีอยู่มากในระบบราชการ เช่น การมีเส้นสายเพื่อเข้าสู่ตําแหน่งมากว่าพิจารณาจากความรู้ความสามารถโดยเฉพาะในปัจจุบัน จะเห็นได้ว่านักการเมืองท่ีอยู่ในอํานาจจะมีอิทธิพลสูงและใช้อํานาจของตนในการโยกย้ายข้าราชการ อย่างไม่เป็นธรรมโดยอ้างความเหมาะสม เม่ือประเทศไทยเร่งรัดพัฒนาประเทศเข้าสู่การเป็นประเทศ อุตสาหกรรมใหม่ในช่วงต้นทศวรรษ 2530 เป็นต้นมา เกิดวัฒนธรรมบริโภค นักธุรกิจมุ่งแสดงหา กําไรอย่างขาดสติ นักการเมืองส่วนใหญ่ก็ใช้อํานาจทางการเมืองหาผลประโยชน์เพ่ือสร้างอิทธิพล ของตนภายในพรรค และอาศัยพรรคและกระบวนการเลือกต้ังที่เต็มไปด้วยการให้อามิสสินจ้าง รองรับความชอบธรรมที่จอมปลอม ภายใต้ระบบอุปถัมภ์ท่ีปรากฎอยู่ทั่วไป ดังจะเห็นได้ชัดในระบบ การเมืองท่ีเกิด \"ระบบมุ้ง\" ท่ีผู้อุปถัมภ์ (ด้วยเงิน) แก่สมาชิกในกลุ่ม เป็นผุ้มีอิทธิพลและคนกุมอํานาจ โดย นายรมยร์ วนิ ท์ เชิดชู ตําแหน่ง ครู วทิ ยฐานะ ครชู าํ นาญการพเิ ศษ

ห น้ า | 14 ที่แท้จริงในพรรค อีกท้ังการจัดสรรตําแหน่งรัฐมนตรีก็จะจัดไปตามกลุ่มผู้นํา ซ่ึงสามารถคุมคะแนน เสียงในกลุ่มของตนไว้ได้เท่าใด ระบบอุปถัมภ์บนพ้ืนฐานของเงินหรือผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ จึงกลายเป็นคุณลักษณะสําคัญของการเมืองไทย เม่ือนักธุรกิจเข้าสู่การเมืองมากข้ึน ทําให้การเมือง กลายเป็นเรื่องธุรกิจการเมือง ท่ีนักธุรกิจใช้ช่องทางการเมืองเพื่อปกป้องผลประโยชน์ทางธุรกิจ และสมคบคิดกับข้าราชการผู้ซ่ึงรู้กฎหมายและระเบียบวิธีการต่างๆ เป็นช่องทางเพ่ือหาผลประโยชน์ เพ่ิมเติม เกิดเป็นผลประโยชน์ทับซ้อนท้ังธุรกิจและการเมือง และมีการคอร์รัปชั่นง่ายและมากข้ึน จนทําให้เรื่องคอร์รัปช่ันกลายเป็นเร่ืองธรรมด่าท่ีเกิดข้ึนได้ ดังท่ีมีผลการสํารวจความคิดเห็นเร่ือง คอร์รัปชั่นว่า \"นักการเมืองโกงกินไม่เป็นไร ขอให้มีผลงานบ้าง\" ซ่ึงเท่ากับแสดงว่าเราได้ยอมรับการ ใช้อํานาจท่ีไม่สุจริต ขาดคุณธรรมของผู้มีฐานะและอํานาจบารมีทางสังคมและการเมือง และเป็นผู้ อยู่ตน้ ทางของระบบอุปถัมภอ์ ันเลวร้าย การผูกขาดการใช้อํานาจท่ีไม่ส่งเสริมประชาสังคมให้เข้ามามีส่วนร่วมในทางการเมือง จึงสร้างผลเสียต่อสังคมโดยรวมเป็นการไม่เชื่อในศักด์ิศรีความเป็นมนุษย์และเหตุผลของมนุษย์ กดประชาชนให้อยู่ในพันธนาการทางความคิดแบบผู้อาวุโส ผู้น้อยไม่สามารถแสดงความคิดเห็น ของตนได้ เป็นเผด็จการทางความคิดและการกระทําที่ไม่ตระหนักถึงความสําคัญและความจําเป็น ของการมีส่วนร่วมของประชาชนในการสร้างสังคมและสร้างชาติ ทําให้ประชาชนอ่อนแอ ขาดพลัง ต้องยอมรับผลเสียที่เกิดข้ึนจากการใช้อํานาจของรัฐที่มาจากการรวมศูนย์อํานาจไว้ที่ส่วนกลางมาก จนเกินไป 2. การศกึ ษา ระบบการเมือง-การปกครองมีความสอดคล้องต้องกันกับพฤติกรรมมนุษย์ในสังคม การศึกษาไทยก็ถูกออกแบบและกํากับโดยระบอบการเมือง หรือผู้นําทางการเมืองนั่นเอง ซ่ึงรัฐบาล ไทยในอดีตก็ได้เน้นการกล่อมเกลาให้ราษฎรได้เข้าใจหน้าท่ีของตนเพ่ือตอบสนองต่อรัฐโดยมีรัฐเป็น ศูนย์กลาง การจัดการศึกษาในเมืองหลวงจึงเน้นหนักไปในการสร้างคนเพ่ือรับใช้กลไกหลักของรัฐ เพ่ือเป็นข้าราชการท่ีดี ขณะที่การขยายการศึกษาไปยังส่วนต่างๆ ของประเทศเป็นการสร้างพลเมือง ที่ดี ดังเช่น หนังสือธรรมจริยาท่ีใช้สอนต้ังแต่รัชกาลท่ี ๕ ก็เป็นมาตราของรัฐในการให้การกล่อมเกลา ทางการเมอื งอยา่ งเป็นระบบ สําหรับรัฐไทยใหม่ภายใต้รัฐธรรมนูญนิยม หรือระบบประชาธิปไตย ก็ได้มีการนํา ระบบการจัดการศึกษาสมัยใหม่ท่ีมีหลักสูตรกลาง มีการเรียนการสอนในระบบท่ีควบคุมโดยรัฐนั้น ก็ล้วนเป็นส่วนสําคัญของการควบคุมทางสังคมด้านอุดมการณ์ของรัฐที่ต้องดําเนินไปพร้อมๆ กับการ ควบคุมทางสังคมด้านการใช้อํานาจการปกครองบังคับ การศึกษาแบบนี้จึงมีแผนการศึกษา หลักสูตร โดย นายรมย์รวนิ ท์ เชดิ ชู ตําแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครชู าํ นาญการพิเศษ

ห น้ า | 15 การจัดการศึกษาระดับต่างๆอย่างครบถ้วน และใช้เป็นการทั่วไปท้ังประเทศ การจัดการศึกษาท่ีรวม ศูนย์ไว้ที่ส่วนกลางเช่นน้ีได้ละเลยความสําคัญของความเป็นชุมชน ความเป็นพหุสังคมที่มี ศาสนา ภาษา เชื้อชาติ และวัฒนธรรมท่ีอยู่ร่วมกันในประเทศอยู่แล้ว ด้วยเหตุนี้ ท้องถ่ินจึงไม่ได้มีส่วนร่วม ในการจัดการศึกษาเรียนรู้ในแบบวิถีชุมชนเพื่อรักษาอัตลักษณ์และภูมิปัญญาของชุมชนท่ีมีอยู่อย่าง หลากหลาย จึงทําให้ชุมชนอ่อนแอและไม่สามารถพึ่งพาตนเองได้ อีกทั้งการกระจายโอกาสทาง การศึกษาที่ขาดความเสมอภาคและเท่าเทียมในพื้นที่ท่ีห่างไกลในยุคการเร่งรัดพัฒนาเศรษฐกิจของ ประเทศนับต้ังแต่ปี 2504 เป็นต้นมา กระทั่งเข้าสู่ยุคบริโภคนิยม ก็ยิ่งเป็นสาเหตุให้ผู้คนละทิ้งท้องถิ่น เพื่อแสวงหาโอกาสทางการศึกษาในเมืองหลวงและเมืองใหญ่ เพ่ือยกระดับฐานะทางเศรษฐกิจและ สังคมของตนเอง ดังคํากล่าวท่ีว่า \"งานคือเงิน เงินคืองาน บันดาลสุข\" ก็ยิ่งสร้างความเหล่ือมลํ้าทาง เศรษฐกิจและสังคมสูงย่ิงขึ้น และสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของประเทศในช่วงปลา ยศวรรษ 2530 เมื่อเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ \"ต้มยํากุ้ง\" อันเนื่องจากระบบการศึกษาไทยไม่สามารถสร้าง พลเมืองของประเทศให้มีความสามารถปรับตัวให้ทันต่อความเปลี่ยนแปลงของโลกท่ีเกิดข้ึนอย่าง รวดเร็วและรุนแรง กระท่ังนําสู่กระแสการเรียกร้องให้มีการปฎิรูปการศึกษา การเมือง และสังคม เพื่อปรบั ตัวใหท้ นั ตอ่ การเปล่ยี นแปลงของสังคมโลกในยคุ โลกาภวิ ตั น์ นอกจากนี้ บรรยากาศการเรียนรู้ในระบบการศึกษาไทยในระยะยาวนานน้ัน เป็นการ สอนตามความสนใจของผู้สอนท่ีมุ่งป้อนวิชาความรู้ (Information Processing) เพื่อให้ผู้เรียนเชื่อฟัง จดจํา และทําตาม ไม่ได้ฝึกฝนให้ทํา และนําไปคิด เพื่อนําสู่การปฎิบัติและแสดงออก เป็นการเน้น วิชาการ แต่ขาดการส่งเสริมทักษะทางสังคม ผู้เรียนจึงถูกแยกส่วนออกจากอาณาบริเวณทาง การเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ไม่สามารถเชื่อมโยงบทบาทของตนกับสังคมภายนอกได้ และไม่ สามารถสร้างจิตสํานึกของการเป็นเจ้าของสังคมที่เขามีชีวิตอยู่ และไม่มีความพร้อมที่จะรับผิดชอบ ไปภายภาคหน้า ให้สมกับคํากล่าวท่ีว่า \"เยาวชน คือ อนาคตของชาติ\" แม้ว่าหลักสูตรจะยังมีการให้ ความรู้เรื่องของสังคมท่ัวไป รวมทั้งระบอบการเมืองการปกครอง และระบอบประชาธิปไตย แต่ก็เป็น เพียงการสอนให้ท่องจําและทําตามในเร่ืองรูปแบบการปกครอง และจําลองการเลือกต้ังในโรงเรียน ซึ่งไม่ได้มีความรู้ความเข้าใจทางสังคมและการเมืองมากไปกว่าการให้ฝึกทดลองจากการมีสภา นักเรียน และการเลือกตั้ง การศึกษาจึงทําให้คนไทยรู้จักประชาธิปไตยเพียงการเลือกตั้ง แต่ขาด ทักษะชีวิต การคิด การใช้ชีวิตในแบบสังคมประชาธิปไตยท่ีต้องการการแสดงออกถึงวุฒิภาวะในการ ใชค้ วามคิด การมเี หตมุ ีผล การมคี วามรับผิดชอบใหเ้ กิดขึ้นไดจ้ ริง ดงั ท่ีนักการศกึ ษาของไทย ศ.ดร.สุมน อมรวิวัฒน์ ได้ให้ความเห็นของการศึกษาเพื่อพัฒนาประชาธิปไตยและ พลเมืองว่า \"การเรียนรู้มีข้อจํากัดคือวิถีชีวิตในครอบครัวไทย ในการบริหารการจัดการศึกษา และวิถี ชีวิตในสังคมไทยทั่วไป เพราะเมื่องไทยยังไม่เป็นสังคมเปิดให้มีการเรียนรู้วิถีประชาธิปไตยมากพอ โดย นายรมย์รวินท์ เชดิ ชู ตาํ แหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชาํ นาญการพเิ ศษ

ห น้ า | 16 (Democratic Learning Society) ชีวิตเด็ก-นักเรียน จะถูกพ่อ แม่ และคนรอบข้างครอบงํา กํากับ สั่งการทัง้ หมด จึงจําเปน็ ต้องให้การศกึ ษาอบรมพอ่ แม่ ครู ผูบ้ รหิ ารการศึกษาใหม้ ากขนึ้ \" และแม้นว่าประเทศไทยเราจะเคยมีวิชา \"หน้าท่ีพลเมืองและศีลธรรม\" ซ่ึงปัจจุบันวิชา เหล่าน้ีไปเป็นส่วนหน่ึงในวิชาสังคมศึกษา แม้โรงเรียนจะได้มีการฝึกให้นักเรียนรู้จักวิธีการของ ระบอบประชาธิปไตย เช่น ให้มีสภานักเรียน มีการเลือกตั้ง และมีพรรคการเมืองจําลองข้ึน แต่เมื่อ พ้นวัยเรียนไปแล้ว ก็ไม่ได้มีส่วนเรียนรู้อย่างเป็นระบบอย่างต่อเน่ือง จึงเท่ากับว่าการเรียนรู้ทางสังคม และการเมืองในฐานะท่ีเป็นพลเมืองของคนไทย เกิดจากการมีประสบการณ์ตรงท่ีไม่ใช่การไปใช้สิทธิ ออกเสียงเลือกต้ัง หากแต่เป็นการเข้าร่วมชุมชนทางการเมือง การได้รับข้อมูลข่าวสารท่ีไม่ได้อยู่ ในช่วงปกติของสือมวลชน การศึกษาไทยจึงปล่อยให้การเรียนรู้เก่ียวกับประชาธิปไตยไว้นอก ห้องเรียน ก่อให้เกิดการกระตือรือร้นที่จะผลักดันประเด็นปัญหาด้านนโยบาย และเคล่ือนไหวเพ่ือ ต่อต้านหรือสนับสนุนบางเร่ือง ดังท่ีเกิดข้ึนในอดีต เช่นเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 และ 6 ตุลาคม 2519 เหตุการณ์เดือนพฤษภาคม 2535 จนกระท่ังถึงเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองนับ แต่ปี 2549 จนถึงปัจจบุ ัน การสอนในระบบการศึกษาไทยท่ีเน้นการสอนให้เช่ือฟังและทําตามน้ี เป็นไปตาม แนวคิดเรื่องการเป็นพลเมืองที่เช่ือฟัง ทําตามกฎระเบียบ และเคารพกฎหมายของสังคม ซ่ึงสะท้อน ถึงความเป็น \"คนดี\" ในค่านิยมการศึกษาไทย และเป็น\"พลเมืองดี\" ท่ีเคารพกฎหมายอย่างที่เป็นอยู่ใน สังคมไทยทุกวันนี้ การเป็น \"เด็กดี\" จึงต้องเคารพและเชื่อฟังผู้ใหญ่ ทําให้เด็กในวันน้ี เม่ือเป็นผู้ใหย่ ในวันหน้าก็ไม่อาจโต้แย้งหรือแสดงความคิดเห็นต่อผู้ใหญ่กว่า อาวุโสกว่า หรือมีอํานาจไว้ได้ ซ่ึง ทัศนคติดังกล่าว ได้ถ่ายทอดเป็นบุคลิกของคนไทย และกลายเป็นวิถีไทยท่ีถูกหล่อหลอมกล่อมเกลา ผ่านระบบการศึกษาต้ังแต่อดีตจนถึงปัจจุบันท่ามกลางบรรยากาศทางสังคมและการเมืองท่ีไม่เป็น ประชาธิปไตย ทําให้ขาดพลังขับดันท่ีจะอยากรู้ ไม่กล้าแสดงออก ไม่แสวงหาความถูกต้อง ตลอดจน จริยธรรมก็พลอยลดน้อยถอยลงด้วย การหลีกหนีความรับผิดชอบ และจํากัดขอบเขตสํานึกของ ตนเอง เพราะเกรงกลวั อํานาจของผู้ท่ีอยใู่ นสถานะท่เี หนอื กว่า การศึกษาที่รวมศูนย์อํานาจการจัดการไว้ท่ีรัฐบาลดังกล่าวส่งผลให้เกิดวัฒนธรรมของ คนที่ไม่ค่อยเข้าใจบทบาทของรัฐบาลที่มีผลต่อความเป็นอยู่ของตนเอง และไม่สนใจเรื่องส่วนรวม นักเรียนจึงมุ่งแข่งขันกันเรียน จนเมื่อสําเร็จการศึกษาก็มุ่งหาเล้ียงชีพเพ่ือประโยชน์ของตน และทิ้ง ภาระทางสังคม-การเมืองไว้กับนักการเมือง อันเป็นค่านิยมของการบูชายกย่องผู้มีความสําเร็จทาง เศรษฐกิจ มากกว่าการให้ความสําคัญกับการสร้างคนที่มีความรู้คู่คุณธรรมท่ีพร้อมเสียสละเพื่อ สว่ นรวม โดย นายรมยร์ วินท์ เชิดชู ตําแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครูชาํ นาญการพเิ ศษ

ห น้ า | 17 3. สอ่ื สารมวลชน ดร.วิชัย ตันสิริ ได้เขียนไว้ในหนังสือ วัฒนธรรมการเมืองและการปฎิรูปว่า \"ครูท่ีสําคัญ ที่สุดของเยาวชนด้านวัฒนธรรมการเมือง คือนักการเมืองและผู้นําทางการเมือง รองลงมาคือ สื่อสารมวลชน\" และผู้นําทั้งสองกลุ่มน้ี มีบทบาทและภาระท่ีต้องแสดงตนให้สอดคล้องกับระบบและ วิถีประชาธิปไตย การทําหน้าที่ของนักการเมืองและส่ือจะทําให้ประชาชนสัมผัสได้ และรู้เห็นอยู่ ตลอดเวลา การถ่ายทอดวิธีคิด การทํางาน และบุคลิกภาพที่ส่ือออกไปสู่ประชาชน ล้วนมีผลต่อการ จดจาํ และเอาเป็นตวั อยา่ งไดง้ ่าย กล่าวสําหรับสื่อสารมวลชนนั้น ในอดีตท่ีต้ังกรมโฆษณาการขึ้นตั้งแต่ปี 2475 นี้ ก็เพ่ือ โฆษณาความคิด ความเช่ือของผู้นํา และแจ้งข่าวสารของราชการให้ประชาชนปฎิบัติตาม เป็นการ ส่ือสารเพียงด้านเดียวที่ประชาชนไม่ได้มีส่วนร่วมด้วยโดยอาศัยส่ือวิทยุเป็นเครื่องมือสื่อสารจาก รัฐบาลถึงประชาชนในการแถลงข่าว การปราศรัยในพิธีและโอกาสสําคัญๆ ของผู้นําในคณะรัฐบาล อันเป็นจุดเริ่มต้นขององค์กรประชาสัมพันธ์ของรัฐ ที่ต่อมาพัฒนาเป็นกรมประชาสัมพันธ์ของรัฐบาล จวบจนปัจจุบัน การทําหน้าที่ของสื่อจึงถูกผูกขาดและกํากับโดยนโยบายของรัฐบาล เรียกว่าเป็น กระบอกเสียงของรัฐ ย่ิงในช่วงท่ีประเทศไทยตกอยู่ภายใต้การปกครองระบอบเผด็จการ หรือกึ่ง ประชาธิปไตย ผู้มีอํานาจทางการเมืองก็ได้ใช้ส่ือดังกล่าวเพ่ือการโฆษณาชวนเชื่อ และใช้เป็น เครื่องมือกําจัดศัตรูทางการเมือง เพ่ือรักษาเสถียรภาพของรัฐบาล นอกจากนี้ยังทําลายผู้ที่มีแนวคิด อุดมการ์ทางการเมืองแตกต่างจากตน ซึ่งการทําหน้าที่ของสือดังกล่าว จึงไม่ได้สะท้อนความคิด ความทุกข์-สุข และความต้องการของประชาชนแต่อยา่ งใด แม้สื่อกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์จะมีการพัฒนามากข้ึนตามลําดับ ตามการ เปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี และกระแสความต้องการของประชาชนท่ีต้องการเข้ามาทํางานในด้าน ส่ือสารมวลชนมากขึ้น แต่การทํางานของเอกชนด้านส่ือก็ยังต้องถูกกํากับภายใต้การดูแลของรัฐอย่าง เข้มงวด ซึ่งเป็นการลิดรอนเสรีภาพของสื่อ และของประชาชนที่ต้องการจะรู้ข่าวสาร ทั้งของราชการ และของสังคมท่วั ไป จนกระท่ังภายหลังเหตุการณ์ทางการเมืองเดือนพฤษภาคม 2535 จึงได้มีกระแสการ เรียกร้องให้มีการปฎิรูปทางการเมืองหลายด้าน คร้ังสําคัญ รวมถึงการปฎิรูปส่ือสาธารณะเพื่อ ประโยชน์ขอนประชาชนต้ังแต่ระดับชุมชนโดยเห็นว่า \"คลื่นความถ่ีท่ีใช้ในการส่งวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และวิทยุโทรคมนาคมเป็นการส่ือสารของชาติเพ่ือประโยชน์สาธารณะ และเป็น ความสําเร็จที่รัฐธรรมนูญได้ให้การรับรองไว้ในปี 2540 จนถึงรัฐธรรมนูญปี 2550 ที่ยังคงใช้อยู่ใน ปัจจุบัน ซึ่งนับเป็นการเปล่ียนแปลงคร้ังสําคัญที่เปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีสื่อสาธารณะของตนเอง ทร่ี วมกลุ่มกันอยู่ในชมุ ชนตา่ งๆ ทว่ั ประเทศ โดย นายรมยร์ วนิ ท์ เชดิ ชู ตาํ แหน่ง ครู วทิ ยฐานะ ครูชํานาญการพิเศษ

ห น้ า | 18 การที่ประเทศไทยตกอยู่ภายใต้การครอบงําจากสื่อ ภายใต้การกํากับของรัฐมาอย่าง ยาวนาน ทําให้ผลต่อการกล่อมเกลาทางการเมืองของประชาชน ทําให้ประชาชนไม่รู้ ไม่สนใจ และไม่ เข้าใจเร่ืองการเมือง ทั้งที่ทุกเร่ืองของชีวิตเก่ียวพันกับการเมืองจนกลายเป็นวิถีชีวิตของคนไทย คน ไทยโดยทั่วไปจึงไม่เห็นความสําคัญกับการเมืองและไม่ต้องการยุ่งเก่ียวกับการเมือง เพราะการเมือง เป็นเร่ืองไกลตัว และอาจนําอันตรายมาสู่ตนได้ จึงเห็นว่าเป็นเรื่องของนักการเมือง และรัฐบาล เท่านั้น การท่ีประชาชนถูกหล่อหลอมภายใต้สถานะการณ์ท่ีไม่เป็นประชาธิปไตยดังกล่าว จึงกลายเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาพลเมืองตามอุดมการณ์ประชาธิปไตย ซ่ึงแม้นปัจจุบันส่ือมวลชน จะได้รับเสรีภาพมากขึ้นภายหลังการมีรัฐธรรมนูญปี 2540 แต่รัฐบาลหลายรัฐบาลก็ยังพยายามเข้า แทรกแซงการทํางานของสื่อมวลชนตลอดมา การพัฒนาพลเมืองให้มีความเป็นประชาธิปไตย จึงต้องการสื่อท่ีมีเสรีภาพ เพื่อเปิดโอกาสให้พลเมืองแสดงความคิดเห็นเต็มที่ ซึ่งสื่อมวลชนคือภาพ สะท้อนการมีเสรภี าพของสงั คม รปู ท่ี 8.2 4. สถาบนั ครอบครับ เนื่องจากส่ิงแวดล้อมทางสังคมท่ีไม่เป็นประชาธิปไตย การใช้ชีวิตการงานในสถาบัน องค์กรต่างๆ จึงมีลักษณะแบบถูกจํากัดท้ังการมีทัศนคติแบบอุปถัมภ์ การไม่ให้ความเท่าเทียมกันใน การแสดงออกซ่ึงความคิดเห็น ระบบการเล้ียงดูในครอบครัวก็ได้รับอิทธิพลน้ีไปด้วย ซึ่งอันที่จริงแล้ว โดย นายรมย์รวินท์ เชดิ ชู ตําแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครูชํานาญการพเิ ศษ

ห น้ า | 19 การบ่มเพาะต้ังแต่เด็กน้ันเป็นเร่ืองสําคัญมาก เพ่ือให้เขามีจิตใจท่ีอ่อนโยน มีคุณธรรม รู้จักการมี เหตุผล แบ่งปัน รู้จักรับฟัง มีการแสดงออก และหลีกเล่ียงการทะเลาะวิวาทด้วยการใช้กําลัง และรัก ความยุติธรรม แต่การเล้ียงดูเด็กของคนไทยไม่เป็นประชาธิปไตยเท่าท่ีควร เพราะเราสอนเด็กแบบ อํานาจนิยมจากการคุ้นชินการใช้ชีวิตภายในรัฐท่ีใช้อํานาจในการปกครองบังคับ เราจึงสอนเด็ก โดยใช้ระบบอาวุโสเป็นใหญ่ ผูกขาดความถูกผิดทุกอย่างท่ีลูกต้องเช่ือฟังและปฎิบัติตามโดยขาด เหตุผล เด็กไม่เข้าใจว่าเขาควรมีวินับอย่างไร แต่ต้องคอยเอาใจผู้ใหญ่ พ่อ แม่ ผู้อาวุโสทุกๆ คนท่ีอยู่ ในครอบครัว เขาจึงไม่มีวินัย ไม่รู้จักรับผิดชอบตัวเอง จัดการตัวเองไม่ได้ ไม่รู้จะปฎิบัติอย่างไร เพราะคตินิยมทว่ี ่า \"เดก็ ดี คอื ผู้ทเี่ ชอื่ ฟงั ผใู้ หญ่\" นน่ั เอง ดังนั้น ระบบการอบรมเลี้ยงดู จะช่วยสร้างประชาธิปไตยให้เกิดข้ึนได้ก็ตั้งแต่ที่บ้าน ตั้งแต่เล็ก ด้วยการสร้างสมดุลระหว่างการใช้เสรีภาพ ความรับผิดชอบและความมีวินัย โดยเฉพาะ การสร้างนิสัยให้เป็นผู้มีวินัยที่ควบคุมตัวเองได้ เพราะคําว่า วินัย หมายถึงข้อบังคับหรือข้อปฎิบัติ อย่างสมัครใจจนเป็นนิสัย วินัยเป็นสิ่งสําคัญมากในการปกครองระบอบประชาธิปไตย เนื่องจากการ ปกครองระบอบประชาธิปไตยนั้น เป็นการปกครองตนเอง ดังนั้น ถ้าประชาชนในชาติขาดความ รับผิดชอบและไม่มวี ินัยในตนเองแล้ว นั่นย่อมหมายถึงการไม่สามารถบังคับหรือควบคุมตัวเองให้อยู่ ในกรอบ กติกาที่ตนเองและผู้อ่ืนร่วมกําหนดขึ้นได้ ซ่ึงส่งผลทําให้ไม่สามารถท่ีจะใช้สิทธิในการ ปกครองอย่างเหมาะสมได้เช่นกัน ซ่ึงการเป็นผู้มีวินัยนั้นยังเป็นผู้ท่ีมีความซ่ือตรงต่อหน้าที่ของตน ด้วย คือ มีความรับผิดชอบต่อสถานภาพต่างๆ ท่ีตนเป็นอยู่ ไม่ว่าจะเป็นสมาชิกของชุมชน ของครอบครัว และพลเมืองของประเทศ ซ่ึงการมีวินับน้ีมีความจําเป็นมากสําหรับสังคมไทย เพราะคนไทยโดยทั่วไปน้ันมักขาดวินัย แต่ชอบอิสระ ดังคํากล่าวท่ีว่า \"ทําอะไรตามใจคือไทยแท้\" คนไทยจึงชอบหลบหลีกกฎหมาย หรือระเบียบสังคม เช่น การฝ่าฝืนกฎจราจร การหลีกเลี่ยงภาษี เป็นตน้ การขาดวินัยของคนไทย ส่วนหน่ึงมาจากการกล่อมเกลาทางสังคม ไม่ว่าระบบการศึกษา และสถาบันทางสังคมต่างๆ ไม่ได้ให้ความสําคัญในเรื่องวินัยอย่างจริงจังตั้งแต่เด็กๆ ดังคํากล่าวที่ว่า \" วินัยเกิดขึ้นท่ีบ้าน\" นอกจากน้ีเพลง \"เด็กดี\" มี 10 ประการ ท่ีแต่งข้ึนในอดีตและมีการร้องมาจนถึง ปัจจุบันในโรงเรียนต่างๆนั้น ก็ไม่ปรากฎว่าจะมีเร่ืองวินัยอยู่ด้วย แต่เน้นในเรื่องความกตัญญู ความ รักชาติ และนับถือศาสนา เป็นสําคัญ ทําให้เด็กไทยไม่ได้ฝึกฝนกล่อมเกลาในด้านน้ีจึงไม่สามารถจะมี วินัยในตนเอง ไม่สามารถบังคับตนเองให้อยู่ในระเบียบวินัย หรือการตรงต่อเวลาได้ กลายเป็น ลักษณะท่ีไม่พึงประสงค์ของการเป็นพลเมืองที่ต้องรีบแก้ปัญหาโดยด่วน เพราะผู้ท่ีขาดวินัยมักจะขาด ความรับผดิ ชอบด้วย ยอ่ มสรา้ งความเสียหายแกส่ ว่ นรวมได้งา่ ย โดย นายรมยร์ วนิ ท์ เชดิ ชู ตาํ แหนง่ ครู วิทยฐานะ ครูชาํ นาญการพเิ ศษ

ห น้ า | 20 จากปัจจัยทั้ง 4 ประการ จะเห็นได้ว่าองค์ประกอบของการฉุดรั้งและไม่ส่งเสริมโอกาสให้ ประชาชนเป็นพลเมืองนั้น ล้วนมาจากโครงสร้างทางการเมือง การมีระบบอุปถัมภ์ท่ีหยั่งรากลึกมา ยาวนานจากสถาบันที่ถืออํานาจทางการเมือง สถาบันท่ีใช้อํานาจทางการเมือง คือรัฐ และระบบ ราชการ สู่สถาบันการศึกษา อันเป็นโรงงานบ่มเพาะเมล็ดพันธ์พลเมือง สู่ชุมชนและครอบครัว ที่ล้วน มาจากการรวมศูนย์อํานาจไว้ที่ราชการส่วนกลางมากจนเกินไปเพราะขาดสํานึกถึงความสําคัญ และความจําเป็นของการมีส่วนร่วมท่ีแท้จริงของพลเมือง การไม่เชื่อในคุณค่าของมนุษย์ท่ีมีศักดิ์ศรี และมีเหตุผลนั้น มีผลทําให้สังคมขาดพลัง และรัฐบาลประเภทนี้ไม่สามารถท่ีจะบริบาลประชาชนได้ จากภัยพิบัติตามธรรมชาติ ดังปรากฎอย่างชัดเจนแล้วในกรณีภัยธรรมชาติ อุทกภัยท่ีเกิดข้ึนที่ จังหวัดนครศรีธรรมราชและชุมพรในปี พ.ศ.2532 และปี 2554 น้ี ซ่ึงผลจากภัยธรรมชาติน้ีเอง ทําให้เกิดการเปิดเผยจุดอ่อนของอํานาจรัฐที่รวมศูนย์มากเกินไปอย่างชัดแจ้ง และปฎิเสธพลังการมี สว่ นร่วมของภาคประชาสังคมหรือพลเมอื งในการแกป้ ญั หาปญั หาใหญข่ องชาติ รปู ที่ 8.3 อุปสรรคของการพฒั นาประชาธิปไตยของไทย 1. ขาดความรู้ความเข้าใจในการเป็นประชาธิปไตย พูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือคนไทยมักจะ ยังคงนิยมการเลือกตังแบบตัวบุคคลมากกว่าเรื่องของนโยบายซ่ึงเอาเข้าจริงส่ิงเหล่าน้ียังถือว่าเป็น การไม่รู้จักประชาธิปไตยอย่างแท้จริง รวมไปถึงการเอาผลประโยชน์ของตนเองเป็นหลักมากกว่าการ โดย นายรมย์รวินท์ เชิดชู ตาํ แหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู ํานาญการพิเศษ

ห น้ า | 21 นึกถึงผลประโยชน์ส่วนรวม เร่ืองของการซื้อสิทธิ์ขายเสียงท่ีถือว่าเป็นข้อห้ามสําคัญของ ประชาธิปไตยแต่เรายังคงเห็นได้ในประเทศไทย รวมไปถึงการใช้อิทธิพลเพ่ือคดโกงการเลือกตั้งให้ พรรคพวกของตนเองเป็นผ้ชู นะเพ่อื หาผลประโยชน์ต่อไป 2. ผู้สมัครรับเลือกต้ังขาดคุณสมบัติท่ีเหมาสม แค่การใช้อิทธิพลของตนเองในพื้นท่ีการ เลือกต้ังที่ตนเองลงสมัครรับเลือกตั้งเอาไว้แต่น้ีก็ถือว่าเป็นการขาดคุณสมบัติที่ดีของผู้สมัครรับ เลือกต้ังแล้ว เพราะการลงสมัครรับเลือกตั้งท่ีถูกควรใช้ประชาชนเลือกจากความสามารถไม่ใช่การใช้ อิทธิพลหรือการมีช่ือเสียงของตนเอง แล้วคิดดูว่าเมื่อเลือกคนที่มีอิทธิพลแต่ไม่มีความสามารถเข้าไป มันก็ย่ิงทําให้ประเทศไทยไมพ่ ฒั นา 3. ระบบการเลือกตั้งขาดความรอบคอบ รัดกุม ทั้งการปล่อยให้นักธุรกิจท่ีแฝงตัวในคราบ นักการเมืองเข้าไปมีสิทธิ์มีเสียงในภายในรัฐสภาด้วยการซื้อเสียง การติดสินบน หรืออื่นๆ เมื่อคนพวก น้ีเข้าไปแล้วก็จะคิดถึงแต่ประโยชน์ส่วนตนท่ีควรได้โดยไม่ได้มีการคิดถึงประโยชน์ส่วนรวมใดๆ ทั้งสิ้น ซ่ึงตรงจดุ น้ีตอ้ งยอมรบั ว่าระบบการเลอื กตั้งไทยยงั ไม่รดั กุมมากพอจึงปล่อยคนเหลา่ น้ีให้เขา้ ไปได้ 4. มีพรรคการเมืองเยอะเกินไป เม่ือมีพรรคเล็กเยอะเกินไปก็เป็นโอกาสที่นายทุนจาก พรรคใหญ่จะซื้อเสียงกับพรรคเล็กๆ ที่มีฐานเสียงในแต่ละพื้นท่ีให้เข้ามาเป็นสมาชิกของตนเอง ซ่ึงเม่อื พรรคเยอะเกนิ ไประบบการบริหารประเทศกจ็ ะวนุ่ วายตามไปดว้ ยจากจาํ นวนคนที่มากเกิน 5. รัฐบาลมีความอ่อนแอและการทุจริต เป็นปัญหาหลักอีกข้อท่ีทําให้ประชาธิปไตยของ ไทยไม่มีการพัฒนา เม่ือรัฐบาลอ่อนแอ มีการทุจริต ก็เกิดการประท้วง ขับไล่ ประเทศชาติก็ไม่เกิด การพัฒนาไปข้างหนา้ แถมยังมปี ญั หาต่อระบบเศรษฐกิจอกี ตา่ งหาก แนวทางการแก้ปญั หาและการพฒั นาประชาธปิ ไตยของโทย การพัฒนาประชาธิปไตยให้มีความมั่นคงและยั่งยืน ประชาชนต้องมีความรู้ความเข้าใจ เกี่ยวกับการปกครองประชาธิปไตยตามหลักการอํานาจอธิปไตยเป็นของปวงชน ประชาชนมีสิทธิ เสรีภาพและความเสมอภาค โดยยึดหลักกฎหมาย มีการปลูกฝังความเป็นประชาธิปไตยตั้งแต่ระดับ ครอบครัว สถาบันการศึกษา ในขณะเดียวกันผู้ที่เข้ามาทําหน้าที่เป็นนักการเมืองจะต้องเห็นแก่ ประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสาํ คัญ โดยแนวทางการพฒั นาประชาธิปไตยของไทย มดี งั น้ี เยาวชน ปลกู ฝังคา่ นิยมประชาธิปไตย สถาบันครอบครวั ปลูกฝังแนวคิดประชาธปิ ไตยให้สมาชกิ ในครอบครัว ㆍ มอบหมายหน้าท่ี ปลกู ฝังการใชส้ ิทธแิ ละหนา้ ที่อยา่ งถกู ตอ้ ง และมีความรับผิดชอบ โดย นายรมยร์ วินท์ เชิดชู ตาํ แหนง่ ครู วิทยฐานะ ครชู าํ นาญการพเิ ศษ

ห น้ า | 22 ㆍ รับฟังความคิดเห็นของสมาชิกในครอบครัว แสดงความคิดเห็นได้อย่างเสรีรู้จักใช้สิทธิ ของตนเองอยา่ งถกู ตอ้ งและมคี วามรับผิดชอบใช้เหตุผลในการแก้ปญั หาและยุตขิ ้อขดั แยง้ ㆍ รว่ มกันกําหนดกฎระเบียบในครอบครัวและปฏบิ ัติอย่างเคร่งครดั สถาบนั การศึกษา ปลกู ฝงั และถา่ ยทอดคา่ นิยมประชาธปิ ไตยในสถาบนั การศึกษา ㆍ ให้การศึกษาเกี่ยวกับประชาธิปไตย· จัดกิจกรรมประชาธิปไตย เช่น เลือกประธาน นกั เรียนหรอื ประธานชมรมภายในโรงเรียนไดอ้ ย่างเสรี ㆍ เข้ารว่ มกจิ กรรมประชาธปิ ไตยของชมุ ชนหรอื ชมรมต่าง ๆ ได้อยา่ งเสรี ㆍ ปฏบิ ตั ติ ามกฎของสถานศกึ ษาอยา่ งเคร่งครัด ประชาชนทั่วไป ปฏิบัตติ ามหน้าท่คี วามเป็นพลเมอื งไทย ปฏบิ ัติหนา้ ท่พี ลเมอื งไทย ตามบทบญั ญัติรฐั ธรรมนญู ㆍ พิทักษ์รักษาไว้ซ่ึงชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตย อนั มพี ระมหากษตั ริยท์ รงเป็นประมขุ ㆍ ปอ้ งกนั ประเทศและพทิ ักษร์ กั ษาผลประโยชนข์ องชาติ ㆍ เคารพและไม่ละเมิดสิทธิเสรีภาพของผู้อ่ืนไปใช้สิทธิเลือาต้ังหรือลงประชามติได้อย่าง เสรี ㆍ ไม่ร่วมมือหรือสนับสนุนการทุจริตและประพฤติมิชอบในทุกรูปแบบ และปฏิบัติตาม กฎหมายอย่างเคร่งครัดเข้ารับการศึกษาภาคบังคับ รับราชการทหาร เสียภาษีอากรไม่สนับสนุนการก ระทําท่ีขดั ต่อวิถีประชาธปิ ไตย ㆍ ไมซ่ ้ือสทิ ธิขายเสยี ง ไมส่ นับสนนุ ส่งเสริม หรือเขา้ ร่วมการกระทาํ ทสี่ ่อถึงความทจุ ริต ㆍ สอดสอ่ งและตรวจสอบการทจุ ริตคอร์รัปชนั ของผู้มบี ทบาททางการเมอื ง การแก้ปัญหาและพัฒนาประชาธิปไตยของไทยจะดําเนินไปได้อย่างราบร่ืนและต่อเน่ืองหาก คนไทยมีความตระหนัก มีความเข้าใจ และปฏิบัติตามบทบาทหน้าท่ีและสิทธิของตนเองใช้สิทธิได้ อย่างถูกต้องเหมาะสม เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม และผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสําคัญ จะ ช่วยให้ประเทศชาติดําเนินไปได้อย่างยั่งยืนภายใต้การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมี พระมหากษัตริยท์ รงเป็นประมุข กล่าวโดยสรุป การเมืองการปกครองในแต่ละประเทศย่อมมีความแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับ ภูมิหลังทางด้านประวัติศาสตร์ แนวคิดหรืออุดมการณ์ของผู้นํา ลักษณะทางด้านสังคมวัฒนธรรมของ แต่ละประเทศ ซึ่งการปกครองในระบอบต่างๆ ย่อมมีทั้งข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป สําหรับ ประเทศไทยปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีรัฐธรรมนูญเป็น โดย นายรมย์รวนิ ท์ เชิดชู ตําแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชํานาญการพเิ ศษ

ห น้ า | 23 กฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศ ส่งเสริมการมีส่วนร่วมทางการเมืองการปกครองของ ประชาชน ทาํ ให้มีการพฒั นามาอยา่ งต่อเน่ือง รูปที่ 8.4 รปู ท่ี 8.5 โดย นายรมยร์ วินท์ เชิดชู ตําแหนง่ ครู วิทยฐานะ ครูชํานาญการพิเศษ

ห น้ า | 24 แนวทางการพัฒนาระบอบประชาธิปไตยให้ม่ันคงและยั่งยืน ประชาธิปไตย คือ สิทธิ (ไม่ใช่ หน้าที่) และเสรีภาพ (ไม่ใช่เบียดเบียน) ท่ีมีขอบเขตแน่นอน (Privacy) ให้มีสิทธิและเสรีภาพอย่าง เท่าเทียม บุคคลหน่ึงบุคคลใดจะกระทําการใดๆ ซ่ึงเป็นการละเมิดสิทธิและ เสรีภาพส่วนบุคคลของ ผู้อ่ืนไม่ได้และ หน้าที่จะเป็นตัวบังคับสิทธิและเสรีภาพตามกฎหมาย ให้เป็นประชาธิปไตย บนแผ่นดิน การเลือกตั้งเป็นกลไกสําคัญของประชาธิปไตย แต่ประเทศที่มีการเลือกตั้งไม่จําเป็นต้อง ปกครองแบบ ประชาธิปไตย ดังนั้นการพัฒนาระบอบประชาธิปไตยให้มั่นคงและยั่งยืนด้วยหลัก นิติธรรม ซ่ึงเป็นการพัฒนา พลเมือง และระบบประชาธิปไตยควบคู่กันไปจึงจะไดประชาธิปไตยท่ีมี ประสิทธิภาพอย่างแท้จริง ประเทศใดจะเป็น ประชาธิปไตยในแง่เน้ือหามากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับ ความตื่นตัวและความเข้มแข็งของภาคประชาชนในแต่ละ ประเทศ ในแต่ละช่วงตอนของ ประวัติศาสตร์เป็นสําคัญ การพัฒนาประชาธิปไตยให้เข้มแข็งต้องมีแนวทางที่สําคัญ 3 ประการ ดงั นั้น 1. การรักษาสมดุลระหว่างอํานาจรฐั และอาํ นาจประชาชน รัฐประชาธิปไตยเกิดข้ึนด้วยความจําเป็นเม่ือมนุษย์อยู่รวมกันเป็นสังคม ผู้ใช้อํานาจรัฐคือ คณะ บุคคล อาํ นาจรัฐเป็นอาํ นาจเดด็ ขาดทีผ่ ูกขาดการใชค้ วามรนุ แรงอยา่ งถูกต้องตามกฎหมาย เช่น การประหาร ชีวิต การจําคุก การยึดทรัพย์ ขณะเดียวกันอํานาจรัฐจะถูกใช้เพื่อการจัดการระเบียบ สังคมด้วยการออก กฎหมาย วางโครงสร้างระบบเศรษฐกิจ การใช้ทรัพยากร ฯลฯ อํานาจรัฐจึง ครอบคลุมชีวิตของคนใน สังคม อํานาจดังกล่าวนี้อาจเป็นดาบสองคม ในขณะท่ีมีความจําเป็นและ สามารถนําไปสู่การพัฒนาสังคมได้น้ัน ก็อาจส่งผลในทางลบต่อสมาชิกของสังคมได้ ด้วยเหตุน้ี ประชาธิปไตยท่ีดีจึงต้องเป็นระบบที่สามารถควบคุมไม่ให้อํานาจรัฐถูกใช้ในทางผิดๆ ซึ่งเริ่มต้นจาก การสร้างสมดุลระหว่างอํานาจรัฐ และอํานาจประชาชน ด้วยการมีส่วน ร่วมของประชาชนในทุกๆ ระดับ ต้ังแต่ระดับปัจเจกบุคคล ชุมชน สังคม และระดับชาติพร้อมกับการบัญญัติ กฎหมายรับรอง สิทธิของประชาชนในด้านความโปร่งใส และสามารถถูกตรวจสอบจากสังคมในหลายๆ ระดับนํ้าเสียง ของกระแสความคิดประชาธิปไตยจึงเป่ียมไปด้วยสภาวะแห่งความเป็นอุดมคติของระบบการเมือง การปกครอง ด้วยการเสนอภาพซ่ึงเป็นสิ่งที่สอดคล้องกับมาตรฐานในกระแสของสังคมท่ีมีต่อ การเมือง ไม่ว่าจะเป็นการ มีส่วนร่วมของประชาชน ความโปร่งใส ความรับผิดชอบ เป็นต้น มีการก ระจายการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคมสู่ประชาชน ทําให้เกิดประชาธิปไตยทาง เศรษฐกิจและสังคม และการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมที่มั่นคง สม่ําเสมอ อีกท้ังจะต้องมีระบบการตรวจสอบถ่วงดุล อํานาจที่ดี เช่น ฝ่ายนิติบัญญัติฝ่ายตุลาการ องค์กรอิสระ องค์กรประชาชนสามารถตรวจสอบถ่วงดุล ฝ่ายบริหารได้และต่างฝ่ายต่างตรวจสอบถ่วงดุลซึ่งกันและกัน รวมทั้ง ภาคประชาชนสามารถถอด ถอนผู้แทนทม่ี พี ฤตกิ รรมไมช่ อบธรรมได้ โดย นายรมย์รวนิ ท์ เชิดชู ตําแหนง่ ครู วิทยฐานะ ครชู าํ นาญการพิเศษ

ห น้ า | 25 2. การเพม่ิ ความเข้มแขง็ ของสงั คมบนหลักนิติธรรม ในระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์การใช้อํานาจรัฐอยู่ที่กษัตรยิ ์ เพื่อมิให้มีการใชอ้ ํานาจในทาง ท่ีผิด จึงมีการพูดถึงระบอบท่ีมีกษัตริย์ที่ยึดความเมตตา จริยธรรม ยุติธรรม เช่น กษัตริย์ในรูปของ ธรรมราชา และแม้กษัตริย์ในระบบเทวราชาก็ต้องอยู่ภายใต้กรอบความถูกต้องเช่นทศพิธราชธรรม และจักรวรรดิวัตร แม้อํานาจกษัตริย์ในยุโรปซึ่งถือว่าได้อํานาจจากสวรรค์น้ันก็ต้องอยู่ในกรอบของ ความยุติธรรมและความเป็นธรรม มิฉะน้ันก็ จะพบกับการคัดค้านหรือประท้วงของประชาชนในรูป ของกบฏ ในกรณีของจีนน้ันจักรพรรดิมีอํานาจโดยได้รับอาณัติจากสวรรค์ แต่ถ้าไม่อยู่ในทานอง คลองธรรมจนนําไปสู่ผลเสียต่อประชาชนในสังคมนิติรัฐจะต้องเป็นรัฐที่ใช้อํานาจอย่างถูกต้องตาม กฎหมาย (legality) หรือไม่ขัดต่อประเพณีอันดีงาม จะต้องเป็นการใช้อํานาจที่มีความชอบธรรม (legitimacy) ไม่มากเกินไปไม่น้อยเกินไป เป็นที่ยอมรับของประชาชน และอํานาจนั้นจะต้องอยู่ใน กรอบของศีลธรรมและจริยธรรม (moral authority) ในระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย มักจะพูดถึง หลักสิทธิเสรีภาพ ความเสมอภาค และหลักนิติธรรม (the rule of law) ทั้งหลายทั้ง ปวงก็คือความชอบธรรม แห่งอํานาจนั้น เพราะเม่ือผู้ใช้อํานาจรัฐคํานึงถึงส่ิงเหล่าน้ีก็ถือว่าถูกต้อง ตามกฎหมาย และอํานาจนั้นเป็น ธรรม แต่ถ้ากระบวนการออกกฎหมายขัดต่อหลักนิติธรรมตั้งแต่ เบ้ืองต้น กฎหมายน้ันก็ขาดความชอบธรรม และอํานาจที่ใช้ก็ย่อมไม่ใช่อํานาจท่ีเป็นธรรม การยอมรับก็ย่อมจะไม่เกิดขึ้น สังคมใดที่วัฒนธรรมและอารยธรรมในทางการเมืองด้อยพัฒนา โอกาสของการกลับไปสู่สภาวะของธรรมชาติหรือความเป็นสัตว์ด้วยการใช้ความรุนแรง เข้าแก้ปัญหา อาจเป็นสิ่งทีห่ ลกี เลีย่ งไม่ได้ 3. การพฒั นาค่านิยมประชาธปิ ไตยให้กบั คนในชาติ ในระบอบประชาธิปไตยเช่ือม่ันว่า หากมนุษย์มีโอกาสท่ีเสมอภาคเท่าเทียมกันถึงแม้ว่าจะมี ความสามารถท่ีแตกต่างกันก็ตาม มนุษย์จะสามารถดํารงชีวิตที่ดีร่วมกันได้ดังนั้นความเสมอภาค จึงหมายถึง ความเสมอภาคขั้นพ้ืนฐานท่ีประชาชนในสังคมเดียวกันมีความเท่าเทียมกันภายใต้ กฎหมายเดียวกันได้ใน พระพุทธศาสนา จะเห็นได้อย่างชัดเจนในการให้ความเสมอภาคในเร่ือง วรรณะ เช้ือชาติ เช่น บุคคลไม่ว่าจะอยู่ วรรณะไหนก็สามารถเข้ามาบวชในพระพุทธศาสนาได้และ นับถือกันในเรื่องของพรรษา โดยไม่คํานึงว่าจะอยู่ วรรณะใด เช้ือชาติใด หลักความเสมอภาคในการ เคารพนับถือพระรัตนตรัย เป็นต้น ค่านิยมที่ประชาชนควรช่วยกัน สร้างเพื่อให้เกิดความเสมอภาคใน สังคม คือ เป็นคนที่มีเหตุผล ยอมรับเร่ืองสิทธิหน้าที่ ความเป็นจริงในทางสังคม เคารพในตัวเอง เคารพในศีลธรรมและประโยชน์ร่วมกันของส่วนรวม มีทัศนคติที่ดีต่อเพื่อนมนุษย์มีความเคารพซ่ึง กันและกัน และมีความสามัคคีเข้าใจความจําเป็นและประโยชน์ของการเข้ามาอยู่ร่วมกันเป็นพลเมือง ของประเทศ เพ่ือประโยชน์ของสมาชิกทุกคนในระยะยาว เคารพกฎหมายและดําเนินชีวิตในกรอบ โดย นายรมยร์ วินท์ เชดิ ชู ตําแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชาํ นาญการพเิ ศษ

ห น้ า | 26 ของกฎหมายท่ีมีเหตุผลและ เป็นธรรม มีจิตใจที่เป็นธรรม เอ้ือเฟ้ือเผ่ือแผ่ ไม่มีอคติต่อผู้ที่มีความ แตกต่างจากตน เช่น นับถือ ศาสนาอ่ืนหรือเชื้อ ชาติอ่ืน เป็นต้น บทบาทของประชาชนในการ เสริมสร้างระบอบประชาธิปไตย ไม่ใช่แค่การใช้สิทธิในการเลือกตั้ง เท่าน้ัน ประชาชนต้องขวนขวาย ศึกษา พัฒนาตนเอง ใช้สิทธิและหน้าท่ีพลเมืองที่ดีเข้าไปแสดงความคิดเห็นและมี ส่วนร่วมในการ บริหารประเทศ ในการตัดสินใจ เร่ืองการใช้ทรัพยากรของประเทศ การพัฒนาเศรษฐกิจ สังคมของ ชมุ ชนและประเทศ อยา่ งสมํา่ เสมอดว้ ย การพัฒนาระบอบประชาธิปไตยให้มีความม่ันคงและยั่งยืน ตามหลักการที่ว่าอํานาจอธิปไตย เป็นของปวงชน ให้สิทธิเสรีภาพและความเสมอภาคแก่ประชาชนโดยยึดหลักกฎหมาย ไม่ใช่ยึดหลัก ตัวบุคคล แต่การ ปกครองรูปแบบดังกล่าวย่อมล้มเหลว หากประชาชนไม่มีความพร้อมทางด้าน การศึกษา ขาดความรู้เร่ืองการเมือง เศรษฐกิจ และความรับผิดชอบในฐานะเป็นเจ้าของอํานาจ อธิปไตย และผู้นําในระบอบประชาธิปไตยขาดคุณธรรม และจริยธรรมทางการเมือง และไม่ยึด หลักการแห่งผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติรัฐบาลเสียงข้าง มากท่ีมีพ้ืนฐานขาด นิติธรรม จะทําให้ความสมดุลของอํานาจรัฐและอํานาจประชาชนเสียไปกลายเป็นเผด็จการเสียง ข้างมาก ซ่ึงไม่เป็นผลดีตามจุดมุ่งหมายของประชาธิปไตย การสร้างความสมดุลระหว่างอํานาจรัฐ และอํานาจ ประชาชน การเพิ่มความเข้มแข็งของสังคมบนหลักนิติธรรม และการพัฒนาค่านิยม ประชาธิปไตยให้กับคนในชาติ จึงเป็นเรื่องจําเป็นท่ีรัฐประชาธิปไตยจะต้องดําเนินการอย่างเข้มแข็ง และตอ่ เน่ืองเพอ่ื ความม่ันคงของชาติอยา่ งถาวร โดย นายรมยร์ วนิ ท์ เชิดชู ตาํ แหน่ง ครู วทิ ยฐานะ ครชู ํานาญการพเิ ศษ

ห น้ า | 27 กจิ กรรมอภิปัญญา เร่อื ง ปญั หาและอปุ สรรคต่อการพัฒนาประชาธปิ ไตยและแนวทางแกป้ ญั หา ขน้ั ที่ 2 การควบคมุ ตนเอง สิ่งท่ที าํ ผลลัพธ์ เปา้ หมายของการเรียน สรุป......................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. สิง่ ที่ตอ้ งปรบั ปรุง..................................................................................................................... .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................. ตอบถูกตอ้ งท้ังหมด เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 1 คะแนน ตอบถกู ตอ้ งบางสว่ น ให้ 3 คะแนน ตอบถูกต้องเลก็ น้อย ให้ 0 คะแนน ให้ 2 คะแนน ไม่ตอบ โดย นายรมย์รวนิ ท์ เชิดชู ตําแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครูชํานาญการพิเศษ

ห น้ า | 28 ขน้ั ท่ี 3 ความตระหนักตอ่ กระบวนการคดิ 1. เพราะเหตใุ ดการพัฒนาการเมอื งการปกครองของไทยจึงยังคงประสบปัญหา ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… 2. นักเรยี นจะมีแนวทางในการแกป้ ญั หาอย่างไรบ้าง ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………… ตอบถกู ตอ้ งท้งั หมด เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ 1 คะแนน ตอบถกู ต้องบางสว่ น ให้ 3 คะแนน ตอบถูกต้องเล็กนอ้ ย ให้ 0 คะแนน ให้ 2 คะแนน ไมต่ อบ โดย นายรมย์รวินท์ เชดิ ชู ตาํ แหน่ง ครู วทิ ยฐานะ ครูชํานาญการพิเศษ

ห น้ า | 29 บตั รกจิ กรรมที่ 1 เรอื่ ง ปัญหาและอุปสรรคตอ่ การพัฒนาประชาธิปไตยและแนวทางแกป้ ญั หา 1. ให้นักเรียนเขียนผังมโนทัศน์ แสดงลักษณะการเลือกต้ังที่ส่งเสริมการปกครองระบอบ ประชาธปิ ไตย …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… โดย นายรมย์รวินท์ เชิดชู ตําแหนง่ ครู วิทยฐานะ ครูชํานาญการพิเศษ

ห น้ า | 30 2. ให้นักเรียนเขียนผังมโนทัศน์ แสดงการส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมทางการเมืองตาม รัฐธรรมนูญ …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… โดย นายรมย์รวนิ ท์ เชิดชู ตาํ แหน่ง ครู วทิ ยฐานะ ครชู าํ นาญการพิเศษ

ห น้ า | 31 3. ใหน้ กั เรยี นเขียนผังมโนทัศน์ แสดงการตรวจสอบการใช้อํานาจรฐั …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… โดย นายรมย์รวนิ ท์ เชิดชู ตาํ แหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู ํานาญการพเิ ศษ

ห น้ า | 32 บตั รกจิ กรรมท่ี 2 กจิ กรรม สร้างสรรค์พฒั นาการเรียนรู้ เรอื่ ง ปัญหาและอุปสรรคต่อการพัฒนาประชาธปิ ไตยและแนวทางแก้ปญั หา คาํ ช้แี จง ใหน้ กั เรียนแตล่ ะกลุ่ม ดาํ เนนิ กิจกรรมตามทก่ี าํ หนดใหต้ ่อไปนี้ กจิ กรรมท่ี 1 กิจกรรมจําลองรัฐสภาไทย ครูกําหนดสถานการณ์ให้มีการเลือกตั้งระดับประเทศ โดยแบ่งนักเรียนกลุ่มที่ 1 เป็นผู้สมัครรับเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กลุ่ม ที่ 2 เป็นประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง และดัดเลือกตัวแทนนักเรียนทําหน้าท่ีเป็น คณะกรรมการการเลือกต้ัง จัดให้มีการเลือกตั้ง ตั้งรัฐบาล ฝ่ายค้าน โดยแต่ละ คนจะตอ้ งแสดงบทบาทสมมตติ ามบทบาทท่ีได้รบั …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… ตอบถกู ตอ้ งทง้ั หมด เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ให้ 1 คะแนน ตอบถกู ตอ้ งบางส่วน ให้ 3 คะแนน ตอบถูกตอ้ งเลก็ น้อย ให้ 0 คะแนน ให้ 2 คะแนน ไมต่ อบ โดย นายรมยร์ วนิ ท์ เชิดชู ตําแหน่ง ครู วทิ ยฐานะ ครูชาํ นาญการพเิ ศษ

ห น้ า | 33 แบบทดสอบหลังเรียน เรอื่ ง ปญั หาทเ่ี ปน็ อุปสรรคตอ่ การพัฒนาประเทศฯ กลุ่มสาระการเรียนรสู้ ังคมศึกษา ฯ ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 3 รายวชิ าสังคมศึกษา 5 รหัสวชิ า ส23101 คาํ ชแ้ี จง 1. แบบทดสอบฉบับน้ี จาํ นวน 10 ข้อ คะแนนเต็ม 10 คะแนน เวลาท่ีใช้ 10 นาที 2. จงเลอื กคําตอบท่ีถกู ตอ้ งทสี่ ดุ แลว้ เขยี นเคร่ืองหมาย  ลงในกระดาษคาํ ตอบ 1. รูปแบบการปกครองแบบใดที่ให้ความสําคัญกับชั้นกรรมาชีพเป็นกําลังหลักในการต่อสู้ทางชน ชั้น ก. ระบอบเผด็จการทหาร ข. ระบอบเผด็จการพลเรือน ค. ระบอบเผดจ็ การฟาสซสิ ต์ ง. ระบอบเผดจ็ การคอมมวิ นิสต์ 2. ผนู้ ําฝา่ ยบริหารของประเทศไทยกับประเทศสิงคโปรม์ ีทม่ี าเหมอื นหรือแตกตา่ งกนั อย่างไร ก. ผู้นําฝ่ายบริหารของประเทศสิงคโปร์และของประเทศไทยมีที่มาจากการเลือกต้ังโดย สมาชิกวฒุ สิ ภา ข. ผู้นําฝ่ายบริหารของประเทศสิงคโปร์และของประเทศไทยมีท่ีมาจากการเลือกตั้งของ ประชาชนโดยตรง ค. ผู้นําฝ่ายบริหารของประเทศไทยมีท่ีมาจากการเลือกต้ังของประชาชน ส่วนผู้นําฝ่าย บรหิ ารของประเทศสิงคโปร์มที ่ีมาจากการเลอื กโดยประมุขรัฐ ง. ผู้นําฝ่ายบริหารของประเทศไทยมีท่ีมาจากการเลือกตั้งโดยรัฐสภา ส่วนผู้นําฝ่ายบริหาร ของประเทศสงิ คโปร์มีทม่ี าจากการเลอื กตงั้ โดยสมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร 3. ระบอบประชาธิปไตยใดท่ีใช้กลไกตรวจสอบถ่วงดุลการใช้อํานาจรัฐที่ยึดหลักอํานาจสูงสุดของ รฐั สภา ก. ระบบรฐั สภา ข. ระบบรัฐสภาประยกุ ต์ ค. ระบบประธานาธบิ ดี ง. ระบบก่งึ ประธานาธบิ ดี โดย นายรมยร์ วนิ ท์ เชดิ ชู ตําแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู ํานาญการพิเศษ

ห น้ า | 34 4. แนวทางการปฏิบัติใดที่มีความสําคัญในการพัฒนาประชาธิปไตยของประเทศให้ดําเนินไปอย่าง มั่นคง ก. การทาํ เพือ่ ประโยชนข์ องตนเองและพวกพอ้ ง ข. การยกย่องให้ความสาํ คญั กบั ผู้ที่มีฐานะทางสงั คม ค. การทป่ี ระชาชนใหค้ วามสาํ คญั และเขา้ ใจในสทิ ธิของตนเอง ง. การรว่ มแสดงความคดิ เหน็ ของตนเองทางการเมืองอย่างอสิ ระ 5. การมีความคดิ ต่างทางการเมอื งเป็นอปุ สรรคต่อการพฒั นาประชาธิปไตยอยา่ งไร ก. ทาํ ให้มีการทุจริตคอรัปช่ัน ข. เกิดการซือ้ สทิ ธขิ ายเสียงในการเลอื กต้งั ค. ทาํ ให้ประชาชนไมอ่ ยากใชส้ ิทธแิ ละหน้าท่ที างการเมือง ง. อาจทาํ ให้เกิดสถานการณ์ทนี่ ําไปส่คู วามขัดแย้งของคนในสังคม 6. ขอ้ ใดเปน็ ลักษณะของการปกครองระบอบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา ก. นายกรฐั มนตรีมาจากการแตง่ ตงั้ ของประธานาธบิ ดี ข. นายกรัฐมนตรเี ป็นผนู้ ําฝ่ายบรหิ ารราชการแผน่ ดิน ค. ประธานาธบิ ดเี ป็นทงั้ ประมขุ และผนู้ าํ ฝ่ายบรหิ าร ง. พระมหากษัตริยเ์ ปน็ ทง้ั ประมขุ และผนู้ ําฝา่ ยบริหาร 7. การตรวจสอบการใช้อาํ นาจรฐั กอ่ ใหเ้ กดิ ประโยชนอ์ ย่างไรต่อประเทศมากทสี่ ุด ก. ป้องกันและปราบปรามการทุจริตต่อหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐและผู้ดํารงตําแหน่งทาง การเมืองได้ ข. ป้องกันหน่วยงานเอกชนหรือหน่วยงานอื่น ๆที่ไม่เก่ียวข้องเข้าไปแทรกแซงการทํางานของ รัฐบาล ค. ทรัพย์สินที่ได้จากการทุจริตหรือการกระทําผิดใด ๆของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองจะตก เปน็ ของประเทศ ง. ประชาชนมีสิทธิร่วมลงชื่อถอดถอนเจ้าหน้าท่ีรัฐและผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองให้ออก จากตําแหนง่ ได้ โดย นายรมย์รวินท์ เชดิ ชู ตาํ แหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชาํ นาญการพเิ ศษ

ห น้ า | 35 8. ในปจั จุบนั ประเทศใดทวี่ ุฒสิ ภามาจากการเลือกตัง้ ของประชาชน ก. ประเทศไทย ข. ประเทศสงิ คโปร์ ค. ประเทศมาเลเซยี ง. ประเทศฟลิ ปิ ปนิ ส์ 9. “การพัฒนาประเทศท่ีมุ่งเน้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการลงทุนด้านอุตสาหกรรม ทําให้ ต้องเพ่ิมปริมาณการใช้วัตถุดิบในการผลิต จึงต้องนําทรัพยากรมาใช้มากเกินไป”จากข้อความ สอดคลอ้ งกบั ปัญหาในข้อใด ก. ปัญหาความเส่อื มโทรมของทรัพยากรธรรมชาติ ข. ปญั หาความเล่อื มลาํ้ ของการกระจายรายได้ ค. ปญั หาคา่ ครองชพี ง. ปัญหาความยากจน 10. จากปญั หาในขอ้ 9. ควรใช้แนวทางการป้องกนั และแกป้ ญั หาปญั หาอยา่ งไร ก. ลดการพ่ึงพาจากภายนอก ทงั้ ในด้านการบริโภคและการผลิต ข. ภาครฐั และภาคเอกชนควรร่วมมือกันพัฒนาดา้ นอตุ สาหกรรม ค. ใชเ้ ทคโนโลยีการผลติ อย่างเหมาะสม และคํานึงถงึ สงิ่ แวดล้อม ง. ภาครฐั ควรเข้ามาช่วยเหลือในการจดั สรรการใชท้ รัพยากรการผลิต โดย นายรมยร์ วินท์ เชดิ ชู ตําแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู าํ นาญการพเิ ศษ

ห น้ า | 36 ปญั หาและอปุ สรรคต่อการพัฒนาประชาธปิ ไตย และแนวทางแก้ปญั หา แบบทดสอบกอ่ นเรยี น ง แบบทดสอบหลังเรียน ง ข้อ ก ข ค ข้อ ก ข ค 1 1 2 2 3 3 4 4 5 5 6 6 7 7 8 8 9 9 10 10 คะแนนเตม็ 10 คะแนน คะแนนเต็ม 10 คะแนน ได้ ...................คะแนน ได้ ...................คะแนน โดย นายรมย์รวินท์ เชดิ ชู ตาํ แหนง่ ครู วิทยฐานะ ครชู าํ นาญการพิเศษ

ห น้ า | 37 บรรณานุกรม กระมล ทองธรรมชาติ. 2548. องคก์ รตามรัฐธรรมนญู กับการค้มุ ครองสทิ ธเิ สรีภาพของประชาชน. กรงุ เทพมหานคร : ม.ป.ท. ไทยร่มเกลา้ , บริษัทอักษรเจรญิ ทศั น์ อจท. จํากัด เกรียงศกั ดิ์ ราชโคตร. 2552. การเมืองการปกครองไทย (901-106) : Thai Government and Politics. กรุงเทพมหานคร : ดวงแกว้ . ขจิต จิตเสรี. 2553. องคก์ ารระหวา่ งประเทศ. กรงุ เทพมหานคร : วญิ ญูชน. ดาํ รง ฐานดี และคณะ. 2565. หนงั สือเรยี นรายวชิ าพน้ื ฐานสงั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม หนา้ ท่ีพลเมือง วัฒนธรรม และการดําเนนิ ชีวิตในสังคม เศรษฐศาสตร์ และภูมิศาสตร์ ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 3. (พมิ พค์ รง้ั ที่ 9) กรุงเทพฯ : ไทยรม่ เกลา้ , บริษทั อกั ษรเจริญทศั น์ อจท. จาํ กดั นันทวัฒน์ บรมานนั ท์. ม.ป.ป. กฎหมายปกครอง. กรุงเทพมหานคร : วญิ ญูชน. ราชบัณฑติ ยสถาน. 2556. พจนานุกรมศัพทก์ ฎหมายไทย. พมิ พ์คร้งั ท่ี 9 (แก้ปญั หาเพมิ่ เติม). กรงุ เทพมหานคร : ราชบณั ฑติ ยสถาน. สภาทนายความ. 2540. กฎหมายเบอ้ื งตน้ สําหรบั ประชาชน. กรงุ เทพมหานคร : เรอื นแกว้ การพิมพ์. เสนห่ ์ จามริก. 2549. การเมอื งไทยกับการพฒั นารัฐธรรมนูญ. กรงุ เทพมหานคร : มูลนิธิตํารา สังคมศาสตรแ์ ละมนุษยศาสตร.์ สํานักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ. 2544. แนวทางการสบื คน้ วฒั นธรรมทอ้ งถนิ่ ไทย. กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พ์ สกสค. ลาดพรา้ ว. สํานักงานผ้ตู รวจการแผน่ ดนิ และสํานักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลอื ทางกฎหมายแก่ประชาชน. ม.ป.ป. รวมกฎหมายที่ประชาชนควรรู้. กรงุ เทพมหานคร : ม.ป.ท. https://conference.kku.ac.th/colaimg/files/articles/254ae-o-6-.pdf https://www.constitutionalcourt.or.th/ https://www.labour.go.th/index.php/54523-2020-06-18-04-03-28 https://www.netelection.org/ โดย นายรมยร์ วินท์ เชดิ ชู ตาํ แหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชาํ นาญการพิเศษ

ห น้ า | 38 โดย นายรมย์รวินท์ เชิดชู ตาํ แหน่ง ครู วทิ ยฐานะ ครชู ํานาญการพเิ ศษ

ห น้ า | 39 เฉลยบัตรกจิ กรรมที่ 1 เรือ่ ง ปัญหาและอปุ สรรคต่อการพฒั นาประชาธิปไตยและแนวทางแกป้ ัญหา 1. ให้นักเรียนเขียนผังมโนทัศน์ แสดงลักษณะการเลือกต้ังที่ส่งเสริมการปกครองระบอบ ประชาธปิ ไตย …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… โดย นายรมยร์ วนิ ท์ เชดิ ชู ตาํ แหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู ํานาญการพิเศษ

ห น้ า | 40 2. ให้นักเรียนเขียนผังมโนทัศน์ แสดงการส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมทางการเมืองตาม รัฐธรรมนูญ …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… โดย นายรมย์รวนิ ท์ เชิดชู ตาํ แหน่ง ครู วทิ ยฐานะ ครชู าํ นาญการพิเศษ

ห น้ า | 41 3. ใหน้ กั เรยี นเขียนผังมโนทัศน์ แสดงการตรวจสอบการใช้อํานาจรฐั …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… โดย นายรมย์รวนิ ท์ เชิดชู ตาํ แหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู ํานาญการพเิ ศษ

ห น้ า | 42 เฉลยบัตรกิจกรรมท่ี 2 กิจกรรม สรา้ งสรรค์พัฒนาการเรียนรู้ เรือ่ ง ปัญหาและอุปสรรคตอ่ การพฒั นาประชาธปิ ไตยและแนวทางแกป้ ญั หา คาํ ช้แี จง ใหน้ ักเรียนแต่ละกลุ่ม ดาํ เนนิ กจิ กรรมตามที่กาํ หนดให้ตอ่ ไปน้ี กิจกรรมท่ี 1 กิจกรรมจําลองรัฐสภาไทย ครูกําหนดสถานการณ์ให้มีการเลือกตั้งระดับประเทศ โดยแบ่งนักเรียนกลุ่มท่ี 1 เป็นผู้สมัครรับเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กลุ่ม ท่ี 2 เป็นประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง และดัดเลือกตัวแทนนักเรียนทําหน้าท่ีเป็น คณะกรรมการการเลือกต้ัง จัดให้มีการเลือกต้ัง ตั้งรัฐบาล ฝ่ายค้าน โดยแต่ละ คนจะตอ้ งแสดงบทบาทสมมตติ ามบทบาททไี่ ด้รับ …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………… ตอบถูกตอ้ งทั้งหมด เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 1 คะแนน ตอบถกู ต้องบางสว่ น ให้ 3 คะแนน ตอบถูกตอ้ งเล็กน้อย ให้ 0 คะแนน ให้ 2 คะแนน ไม่ตอบ โดย นายรมยร์ วินท์ เชดิ ชู ตําแหนง่ ครู วิทยฐานะ ครูชํานาญการพเิ ศษ

ห น้ า | 43 ปัญหาและอุปสรรคตอ่ การพัฒนาประชาธปิ ไตย และแนวทางแก้ปญั หา แบบทดสอบก่อนเรยี น แบบทดสอบหลงั เรียน ขอ้ ก ข ค ง ข้อ ก ข ค ง 1 1 2 2 3 3 4 4 5 5 6 6 7 7 8 8 9 9 10  10  โดย นายรมยร์ วินท์ เชิดชู ตาํ แหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชาํ นาญการพเิ ศษ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook