โปรแกรมควบคมุ เคร่อื งระยะไกล Team Viewer โปรแกรม Team Viewer เป็นโปรแกรมสาหรับใช้ในการควบคุมเคร่ืองคอมพิวเตอร์อีกโปรแกรมหนึ่ง ท่นี า่ ใช้ เน่ืองจากใช้งานง่าย ข้อดี คือ ใช้ได้ทุกที่ ท่ีมีอินเตอร์เน็ต ข้อเสีย คือ ต้องเปิดโปรแกรมก่อนทุกคร้ัง, ระยะเวลาในการ ใช้งานควบคุมเคร่ืองบางคร้ังมีการตัดการเช่ือมต่อ, การตอบสนองค่อนข้างช้ากว่าโปรแกรม VNC นิดหน่อย มีท้ังเวอร์ ชั่นท่ีติดต้ังไว้ในเคร่ือง และ เวอร์ช่ันท่ีไม่ต้องติดตั้ง (Portable) เพียงแค่นาโปรแกรมวางไว้ในเคร่ืองและเปิดได้ทันที ดาวน์โหลดจาก http://md.go.th/it เมนดู าวน์โหลด วธิ กี ารใช้งาน 1. เมอ่ื ดาวน์โหลดโปรแกรมมาแลว้ นามาวางไวบ้ นเดสทอ็ ป 2. ดับเบลิ คลกิ ที่ไฟลน์ ้นั จะไดต้ ามภาพ 3. รอสักพักจะได้ตัวเลข ID หากไมม่ เี ลข ID ใหต้ รวจสอบการเชื่อมต่อเครือขา่ ยอินเตอรเ์ น็ต 4. หน้าท่ขี องผู้ใชก้ แ็ จ้งหมายเลข ID ของคุณ ใหก้ ับเจา้ หนา้ ท่ีหรือช่างเทคนิคเขา้ มาช่วยเหลอื แก้ไขปญั หาได้ 5. โปรแกรมบางเวอรช์ น่ั จะโชว์รหสั ผ่าน กต็ ้องแจ้งดว้ ย
• การนาไฟลท์ ีไ่ ดโ้ คลนนิง่ ไว้ กลับมา Restore คนื Drive C ทาตามข้ันตอนในภาพ 1.กดเลอื ก Restore 2.เลือกท่ีอยู่ของไฟล์ที่ Backup ไว้ตง้ั แตต่ น้ ปกตจิ ะเก็บไว้ใน D:\\.... 3.เลอื กไดร์ฟที่ต้องการ Restore ปกติเป็นไดร์ฟ C 4.กด Yes แล้วเครื่องจะรีสตารท์ เอง โปรแกรมจะทาการโกสใหอ้ ตั โนมตั ิ จนเสรจ็ เรียบรอ้ ย **ขอ้ ควรระวงั โดยเฉพาะในขั้นตอนการ Restore ตอ้ งใหแ้ นใ่ จว่า ไดรฟ์ ทีเ่ ราจะทาการ Restore นั้นเปน็ ไดรฟ์ ตามที่เราต้องการหรือไม่ โดยปกติการติดตง้ั วนิ โดว์ก้อจะเปน็ ไดร์ฟ C
ใบความรู้ที่ 11 ความหมายระบบปฏิบตั ิการคอมพิวเตอร์ ระบบปฎิการคอมพิวเตอร์ (Computer strutrue and operation)ระบบปฏิบัติการเป็นโปรแกรม (Software) ที่ทาหน้าที่ ควบคุมการทางานของ เคร่ืองคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ที่ต่อพ่วงกับเคร่ืองคอมพิวเตอร์ ซึ่งระบบปฏิบัติการจะทาหน้าท่ีเป็นตัวกลางในการติดต่อกับฮาร์ดแวร์ของเคร่ืองโดยตรงและโปรแกรมก ารใช์งาน ตา่ งๆ ความหมายของระบบปฏบิ ัติการ โปรแกรมระบบปฏิบตั กิ าร หรือเรยี กส้นั ๆ วา่ OS (Operating System) เป็นโปรแกรม ควบคุมการทางานของเครื่องคอมพิวเตอร์ ทาหน้าที่ควบคุมการทางานต่าง ๆ เช่น การแสดงผล ข้อมูลการติดต่อกบั ผใู้ ช้ โดยทาหน้าท่เี ปน็ ส่ือกลาง ระหว่างผูใ้ ชก้ บั เคร่ืองใหส้ ามารถสื่อสารกันได้ 1. ระบบปฏิบัติการ DOS (Disk Operating System) ระบบ DOS เป็นระบบปฏิบัติการที่ถูกพัฒนาขน้ึ โดย บริษัท IBM เพ่ือให้เป็ระบบปฏิบัติการ สาหรับเคร่ืองพีซี ซ่ึงตัวโปรแกรม DOS จะถูก Load หรืออ่านจากแผ่นดิสก์ เข้าไปเก็บไว้ในหน่วย ความจาก่อน จากน้ัน DOS จะไปทาหน้าท่ีเป็น ผู้ประสานงานต่าง ๆ ระหว่างผู้ใช้กับอุปกรณ์ คอมพิวเตอร์ทั้งหลายโดยอัตโนมัติ โดยที่ DOS จะรับคาส่ังจากผู้ใช้หรือโปรแกรมแล้ว น าไป ปฏิบัติตาม โดยการ ทางานจะเป็นแบบ Text mode สั่งงานโดยการกดคาสั่งเข้าไปท่ีซีพร็อม (C:\\>) ดังน้ัน ผู้ใช้ระบบน้ีจึงต้องจาคาส่ัง ต่าง ๆ ในการใช้งานจึงจะสามารถใช้งานได้ ระบบปฏิบัติการ DOS ถือได้ว่าเป็นระบบปฏิบัติการท่ีเก่าแก่. และ ปัจจุบนั นี้มกี ารใชง้ านน้อยมาก 2 .ระบบปฏิบัติการ Microsoft Windows Windows เป็นระบบปฏิบัติการที่พัฒนาโดยบริษัท Microsoft ซ่ึงจะมีส่วนติดต่อกับ ผู้ใช้ (User interface) เป็นแบบกราฟิก หรือเป็นระบบที่ใช้รูปภาพแทนคาส่ัง เรียกว่า GUI (Graphic User Interface) โดยสามารถสั่งให้เครื่องทางานได้โดยใช้เมาส์คลิกทีส่ ญั ลักษณห์ รอื คลิกที่คาสั่งท่ีต้องการ ระบบนี้อนุญาตให้ผู้ใช้สามารถใช้งานโปรแกรมได้มากกว่า 1 โปรแกรมในขณะเดียวกันซึ่งถ้าเป็นระบบ DOS หาก ต้องการเปล่ียนไปทางานโปรแกรมอื่น ๆ จะต้องออกจาก โปรแกรงเดิมก่อนจึงจะสามารถไปใช้งานโปรแกรมอื่น ๆ ได้ ในลักษณะการทางานของ Windows จะมสี ว่ นท่ีเรยี กวา่ “หน้าตา่ ง” โดยแตล่ ะโปรแกรมจะถือเป็นหนา้ ต่างหน่ึง หน้าต่าง ผู้ใช้สามารถ สลับไปมาระหว่างแต่ละหน้าต่างได้ นอกจากนี้ระบบ Windows ยังให้โปรแกรมต่าง ๆ สามารถ แชร์ ข้อมูลระหว่างกันได้ผ่านทางคลิปบอ์.ด (Clipboard) ระบบ Windows ทาให้ผู้ใช้ ท่ัว ๆไปสามารถทา ความเข้าใจ เรียนรู้และใชง้ านเครื่องคอมพิวเตอรไ์ ด้ง่ายขน้ึ 3. ระบบปฏิบัติการ Unix Unix เป็นระบบปฏิบัติการที่ใชบ้ นเครื่อง SUN ของบริษัท SUN Microsystems แต่ไม่ได้เป็นคู่แข่งกับบริษัท Microsoft ในเร่ืองของระบบปฏิบัติการบนเคร่ือง PC แต๋อย่างใด แต่Unix เป็น ระบบปฏิบตั ิการท่ีใช็เทคโนโลยีแบบเปดิ (Open system) ซึ่งเปน็ แนวคดิ ท่ผี ู้ใช้ไม่ต้อง ผูกติดกับ ระบบใดระบบหน่ึง หรืออุปกรณ์ย่ีห้อเดียวกัน นอกจากนี้ Unix ยังถูกออกแบบมาเพ่ือ ตอบสนองการใช้งานในลกั ษณะให้มีผใู้ ช้ได้หลาย คนในเวลาเดียวกัน เรียกว่า ระบบหลายผู้ใช้ (Multiuser system) และสามารถทางานได้หลาย ๆ งานในเวลา เดียวกัน ในลักษณะทเ่ี รียกว่า ระบบหลายภารกจิ (Multitasking system)
4. ระบบปฏิบตั กิ าร Linux Linux เปน็ ระบบปฏบิ ัติการเชน่ เดียวกับ DOS, Windows หรือ Unix โดยLinux นั้นจัด ว่าเป็นระบบปฏิบัติการ Unix ประเภทหน่ึง การที่Linuxเป็นท่ีกล่าวขานกันมากในช่วงปี 1999 – 2000 เนื่องจากความสามารถของตัวระบบปฏิบัติ การและโปรแกรมประยุกต์ที่ ท างานบนระบบ Linux โดยเฉพาะอย่าง ยิ่งโปรแกรมในตระกูลของ GNU (GNU’s Not UNIX) และสิ่งที่สาคัญท่ีสุดก็ คือ ระบบ Linux เป็นระบบปฏิบัตกิ าร ประเภทฟรีแวร์ (Free ware) คือไม่เสียค่าใช้จ่ายในการซื้อ โปรแกรม Linux นั้นมี นักพัฒนาโปรแกรมจากท่ัวโลก ช่วยกันแก้ไข ทาให้การขยายตัวของ Linux เป็นไปอย่างรวดเร็ว โดยในส่วนของใจกลางระบบปฏิบัติการ หรือ Kernel น้ันจะมีการพัฒนาเป็น รุ่นที่ 2.2 (Linux Kernel 2.2) ซึ่งได้เพ่ิมขีดความสามารถและสนับสนุนการทางาน แบบหลายซีพียูการทางานของระบบคอมพวิ เตอร์ระบบคอมพิวเตอร์ยุคใหม่จะมีซีพยี ู ดไี วชค์ อนโทรลเลอร์ (Device controller) ซง่ึ เช่อื มโยงกนั ผ่านคอมมอนบัส (Common bus) ซึ่งแชร์เมโมรีกัน หน้าทโี่ ดยทวั่ ไปของสัญญาณขดั จงั หวะ • สัญญาณขัดจังหวะจะส่งการควบคุมไปยัง Interrupt service routine ผ่านทางตารางสัญญาณ ขดั จังหวะ • สถาปตั ยกรรมของสญั ญาณขดั จังหวะ จะต้องบันทึกตาแหนง่ ของชุคาส่ังท่ถี ูกขดั จังหวะไว้ • สัญญาณขัดจังหวะที่เข้าสู่ระบบจะถูก Disable ถ้ามีการทางานของสัญญาณขัดจังหวะตัวอื่นอยู่ก่อนแล้ว เพ่ือป้องกนั การสูญหายของสัญญาณขัดจงั หวะโครงสร้างของ DMA (Direct Memory Access Structure) • ใช้ สาหรับอุปกรณ์รับส่งข้อมูลที่มีความเร็วสูง เช่น เทป จานเม่เหล็ก หรือข่ายงานส่ือสาร อาจมีความเรว็ ในการสง่ ข้อมูลไดใ้ กลเ้ คยี งกับความเรว็ ของหน่วยความจา • มีการใช้ Direct Memory Access มา แก้ไขปัญหา สาหรับอุปกรณ์ท่ีมีควาเร็วสูงเหล่าน้ี ตัวควบคุม อุปกรณ์จะส่งข้อมูลจากบัฟเฟอร์ของตนมายังหน่วยความจาหลักโดยตรงที ละชุด โดยไม่ได้อาศัยหน่วยประมวลผล กลางเลย • การทางานก็เหมือนเดิม คือ เมื่อโปรแกรมของผู้ใชต้ ้องการรับสง่ ข้อมูลไปยังอุปกรณ์เหล่านี้ ระบบก็จะจัด บฟั เฟอร์โครงสร้างของหน่วยเก็บขอ้ มลู (Storage Structures)
ใบความรทู้ ่ี 12 ขนั้ ตอนการติดตง้ั ระบบปฏบิ ัตกิ าร วิธีการปฏิบัติงานเพื่อติดตั้งระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์และปรับต้ังค่าการทางานของซอฟต์แวร์ จะต้อง พิจารณาถึงหลักประสิทธิภาพ วัตถุประสงค์การใช้งาน และสิ่งสาคัญต้องพิจารณาถึงความเข้ากันได้ของ อุปกรณ์ ภายใน (Hardware) โดยมีขั้นตอนการปฏติ ิบัตงาน ดังตอ่ ไปน้ี 1. ตรวจสอบความพร้อมด้านฮาร์ดแวร์ เป็นการจัดเตรียมเครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อตรวจสอบความพร้อม ก่อนทาการติดตั้งระบบปฏิบัติการ ซ่ึงในขั้นตอนนี้จะต้องตรวจสอบหน่วยจัดเก็บข้อมูล หน่วยความจาหลัก หน่วย ประมวลผลกลาง พอร์ตส่ือสาร อุปกรณ์อ่านข้อมูล ซีดีรอม ให้มีความพร้อมในการติดต้ัง หากมีข้อมูลสาคัญ ต้อง สารองขอ้ มูลใหก้ ับผขู้ อใช้บรกิ าร กอ่ นดาเนนิ การตดิ ต้ังซอฟต์แวร์ ในลาดับตอ่ ไป 2. จัดเตรียม/ดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ เป็นการจัดเตรียมซอฟต์แวร์ เพื่อใช้ในการติดต้ัง โดยระบบปฏิบัติการ วินโดว์สามารถดาวน์โหลดผ่าน ทางเว็บไซต์ www.dms.ubu.ac.th โดยในการดาวน์โหลดนั้น จะได้เป็นไฟล์ .iso ดังนั้นก่อนทาการติดตั้ง ผู้ปฏิบัติงานจะต้องทาการเขียนไฟล์ .iso ลงในแผ่นซีดี เพ่ือทาการติดต้ังจากแผ่นซีดี หรือ หากเคร่ืองคอมพิวเตอร์ รองรับการติดตั้งผ่าน USB Drive ก สามารถสร้างไฟล์ติดตั้งลงไปยังอุปกรณ์ประเภท USB Drive เพือ่ ทาการ ตดิ ตง้ั จากอุปกรณด์ ังกล่าวได้ 3. การติดต้ังระบบปฏิบัติการ Windows 10 ข้ันตอนนี้จะเป็นการติดต้ังระบบปฏิบัติการวินโดว์10 (Windows 10) ลงไปในเคร่ืองคอมพิวเตอร์ และทาการปรับต้ังค่าการเช่ือมต่อระบบเครือข่าย เพื่อให้สามารถ ติดต่อส่ือสารได้ ทาการปรับปรุง ระบบปฏิบัติการให้มีความทันสมัย ปลอดภัย ก่อนที่จะทาการติดต้ังซอฟต์แวร์ต่าง ๆ ลงไปในเครื่องคอมพวิ เตอร 4. ทดสอบการทางาน เม่ือทาการติดตั้งระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ (Operating System Software) และซอฟต์แวร์ ประยุกต์ (Application Software) เสร็จเรียบร้อยแล้ว ในข้ันตอนนี้ ผู้ปฏิบัติงานจะต้องทาการ ทดสอบระบบ การทางานของเคร่ืองคอมพิวเตอร์ให้เรียบร้อย อาทิเช่น ทดสอบการเช่ือมต่ออินเตอร์เน็ต ทดสอบ การทางานของ ซอฟต์แวร์ส่วนควบคุม (Driver) การแสดงผลการทางาน ก่อนส่งมอบเคร่ืองให้ผู้ใช้บริการในลาดับ ต่อไป 5. ระบบติดตามประเมินผล การติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงานนั้น เป็นข้ันตอนสุดท้ายหลังจากทา การติดต้ังและปรับการ ตั้งค่าการทางานเคร่ืองคอมพิวเตอร์เสร็จส้ินแล้ว ผู้ปฏิบัติงานต้องมีการทดสอบการทางาน ของเครื่อง คอมพิวเตอร์ ด้วยคาสั่ง เช่น คาส่ัง Ping เพื่อตรวจสอบการทางานด้านระบบเครือข่าย หรือซอฟต์แวร์ เฉพาะด้าน สาหรับทดสอบการทางานของเคร่ืองคอมพิวเตอร์ ก่อนทาการส ง่ มอบเครื่องให้ผู้ใช้บริการ และต้องทา การ ปรับปรงุ ซอฟต์แวรร์ ะบบใหม้ คี วามทันสมยั อยตู่ ลอดเวลา
ใบความรทู้ ่ี 13 วธิ กี ารติดต้งั Windows 10 วธิ ีการลง windows 10 1. ทาการใส่แผน่ DVD Windows 10 เขา้ ไปใน DVD-ROM จากนั้นเลอื ก Boot จาก DVD เปน็ อนั ดับแรก เราสามารถเข้า BIOS ในการตงั้ ค่าในการ Boot ได้ โดยทาการกดปุ่ม “Del” หรือ จะกดปุ่ม F10 / F12 เพื่อเลอื ก Boot ในตอนเปิดคอมพวิ เตอร์ สาหรบั Notebook ในการกดให้ดุในหน้าแรกของการ Boot เพราะมนั จะมีบอกอยู่ วา่ ใหก้ ด F อะไร หมายเหตุ : สาหรบั ใครท่ีใช้ USB ในการติดต้ัง Windows 10 ก็ให้ทาการเลอื ก Boost ผ่าน USB เป็น อันดับแรก 2. เมอื่ ทาการ Boot เรียบร้อย เมอ่ื ทาการเหน็ ข้อความ Press any key to boot from CD or DVD… ให้ ทาการกด Enter 1 ครั้ง 3. ให้ทาการเลอื กดงั ภาพ Language to install : English Time : English (United States) Keyboard : US จากนน้ั กดเลือก Next
4. กด Install Now สาหรบั การตดิ ตง้ั Windows 10 5. ต๊กิ ถูก I accept the term license > กด Next 6. ข้นั ตอนนี้ใหเ้ ราเลือก Custom : Install Windows only (advance) \\
7. ขน้ั ตอนการเลือก Drive ในการติดตงั้ กรณีท่ี 1 สาหรับคอมพิวเตอร์ทที่ าการซอ้ื มาใหม่ หรอื ซื้อ Harddisk มาใหม่ และยงั ไมเ่ คยแบง่ พน้ื ที่ของ Drive (แบง่ Partition) หรอื ไม่เคยลง Windows มาก่อน 7.1 ใหท้ าการกด Drive Option > กด New > จากนัน้ ทาการแบ่ง Drive สาหรบั เก็บพ้ืนทีข่ อง OS โดยมาตราฐานใหใ้ สท่ ี่ 100 GB คือใหใ้ ส่ 102400 MB และทาการกด OK 7.2 ใหท้ าการคลิกที่ Drive OS ทเ่ี ราทาการแบ่งในหวั ข้อ 7.1.1 จากน้นั กด Next > เข้าสู่ขน้ั ตอน ที่ 8 กรณที ี่ 2 สาหรับคนท่ลี ง Windows 8 , Windows 7 อยู่แล้ว และจะมาทาการลง Windows 10 ใหม่ 7. 2.1 ใหท้ าการคลิกไปท่ี Drive สาหรับท่เี คยลง Windows มาแลว้ (Drive ปจั จุบันของ OS ) 7.2.2 กด Drive option (Advance) > ใหท้ าการกด Format > กด OK เพ่อื ยืนยนั ในการ format Windows ทเี่ ราใช้อย่ใู นปัจจบุ ัน (อยา่ ลืม Backup ขอ้ มลู สาคัญๆทอี่ ยูใ่ น Drive C ) 7.2.3 ทาการคลิกไปท่ี Drive ท่ีเราทาการ format ไปเมื่อกี้ จากน้นั กด Next 8. รอทาการติดตั้ง Windows 10
9. เม่ือคอมพวิ เตอร์ตดิ ต้ัง Windows 10 เรียบร้อย > คอมพิวเตอร์จะ Restart ตวั เอง 1 ครั้ง 10. ขั้นตอนนี้ It’s time to enter product key ขนั้ ตอนนีเ้ ราจะต้องทาการใส่ License key Windows 10 ของเรา เม่อื ทาการใสเ่ รียบร้อยให้กด Next 11. ให้ทาการเลือก Use Express Setting 12. ถา้ คอมพิวเตอรท์ ี่เรากาลังลงจะใช้ใน Office กใ็ หเ้ ลือก My organization แต่ถ้าคอมพิวเตอร์ใช้ทบ่ี ้านก็ใหเ้ ลือก I own it 13. สาหรับใครทตี่ ้องการ Sign in ด้วย Account ของ Email Microsoft ก็ให้ใสไ่ ดเ้ ลย เชน่ [email protected] , [email protected]
ทาการสรา้ ง user ที่เราใช้งาน UserName : ใสช่ ่ือที่เราตอ้ งการ เชน่ PATOMPON Password : ใส่ Password ในการล๊อคอิน Reenter Password : ใส่ Password เหมือนข้างบนอีกครั้ง Password hint : ใส่ Password ในกรณลี ืม Password หลกั 14. รอเขา้ สหู่ นา้ Windows 10 15. จากน้นั เราก็จะได้หนา้ จอ Widnows Desktop ของ Windows 10
ใบความร้ทู ี่ 14 ระบบเครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์ เครือข่ายคอมพิวเตอร์ (Computer Network) เป็นการเช่ือมต่อคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วงเข้า ด้วยกันเพื่อให้สามารถใช้ข้อมูลทรพั ยากรร่วมกันได้ เช่น สามารถใช้เครอ่ื งพิมพ์ร่วมกัน สามารถใช้ฮาร์ดดิสก์รว่ มกนั แบง่ ปนั การใช้อุปกรณ์อนื่ ๆ ท่มี รี าคาแพงหรอื ไม่สามารถจดั หาให้ทุกคนได้ แม้กระทง่ั สามารถใช้โปรแกรมร่วมกันได้ เป็นการลดต้นทุนขององค์กรเครือข่ายคอมพิวเตอร์สามารถแบ่งออกเป็นประเภทตามพ้ืนที่ท่ีครอบคลุมการใช้งาน ของเครอื ข่าย ดังนี้ 1) เครือข่ายสว่ นบุคคล หรอื แพน (Personal Area Network : PAN) เปน็ เครอื ข่ายทใ่ี ช้สว่ นบคุ คล เช่น การเช่ือมต่อคอมพิวเตอร์กับโทรศัพท์มือถือ การเชื่อมต่อพีดีเอกับเครื่องคอมพิวเตอร์ซึ่งการเชื่อมต่อแบบน้ีจะอยู่ใน ระยะใกล้ และมีการเช่อื มตอ่ แบบไรส้ าย ภาพแสดงลกั ษณะการเชื่อมต่ออปุ กรณ์เครอื ข่ายท่ีใช้สว่ นบุคคล จาก https://kruudsa2011.wordpress.com 2) เครือข่ายเฉพาะท่ี หรือแลน (Local Area Network: LAN) เป็นเครือข่ายที่ใช้ในการเชื่อมโยง คอมพิวเตอร์และอปุ กรณ์ต่างๆ ทีอ่ ยู่ในพ้ืนที่เดียวกันหรือใกล้เคียงกนั เช่น ภายในบา้ น ภายในสานักงาน และภายใน อาคาร สาหรับการใชง้ านภายในบ้านนัน้ อาจเรยี กเครือข่ายประเภทนว้ี ่า เครอื ข่ายที่พักอาศัย (home network) ซึ่ง อาจใชก้ ารเชื่อมต่อแบบใช้สายหรือไรส้ าย ภาพแสดงลักษณะระบบเครือข่ายแลน จาก http://networkdesignbyball.weebly.com/
3) เครือข่ายนครหลวง หรือแมน (Metropolitan Area Network : MAN) เป็นเครือข่ายที่ใช้เช่ือมโยง แลนท่ีอยู่ห่างไกลออกไป เช่น การเช่ือมต่อเครือข่ายระหว่างสานักงานท่ีอาจอยู่คนละอาคารและมีระยะทางไกล กัน การเช่ือมต่อเครือข่ายชนิดนี้อาจใชส้ ายไฟเบอร์ออพติก หรือบางครั้งอาจใช้ไมโครเวฟเชื่อมต่อ เครือข่ายแบบน้ี ใช้ในสถานศกึ ษามีชือ่ เรียกอีกอยา่ งหนึ่งว่าเครือข่ายแคมปัส (Campus Area Network: CAN) ภาพแสดงลกั ษณะระบบเครือขา่ ยแมน จาก https://greentae.wordpress.com/ 4) เครือข่ายวงกว้าง หรือแวน (Wide Area Network: WAN) เป็นเครือข่ายที่ใช้ในการเช่ือมโยงกับ เครือขา่ ยอื่นทอ่ี ยู่ไกลกันมาก เช่น เครือขา่ ยระหวา่ งจงั หวัด หรอื ระหวา่ งภาครวมไปถงึ เครือข่ายระหวา่ งประเทศ ภาพแสดงลกั ษณะระบบเครือขา่ ยแวน จาก https://greentae.wordpress.com/
ใบความรู้ท่ี 15 การเชอื่ มต่อเครอื ข่าย กลุ่มของอุปกรณ์ที่เช่ือมต่อสื่อสารข้อมลู ระหว่างกนั เรียกวา่ เครอื ข่าย ซงึ่ เครอื ขา่ ยนีไ้ มจ่ าเปน็ ตอ้ งเป็นเครื่อง คอมพิวเตอร์อย่างเดียวเท่านั้น แต่อาจจะประกอบไปด้วยเคร่ืองคอมพิวเตอร์ เคร่ืองพิมพ์ หรืออุปกรณ์อ่ืนที่ทา หน้าท่สี ง่ และรบั ข้อมูลทอ่ี ยูใ่ นกลมุ่ เดียวกัน การเช่อื มตอ่ เพื่อสื่อสารขอ้ มูลในระบบเครือ่ ข่ายมีรูปแบบตา่ ง ๆ ดังนี้ 1. การเชื่อมตอ่ แบบวงแหวน (Ring Topology) เปน็ การเช่อื มต่อสายสัญญาณจากสถานีเช่ือมโยง (Node) หน่งึ ไปยังอกี สถานีเชื่อมโยงหนึ่ง โดยเคร่อื งหรืออุปกรณ์คอมพิวเตอรแ์ ต่ละตัวจะเชื่อมตอ่กันทางด้านขา้ งท้ัง 2 ดา้ น จนเกิดเป็นวงกลมหรือลูป (Loop) การส่งสัญญาณจะมีการรับและส่งข้อมูลต่อกันไปในทิศทางเดียวกัน จนกระท่ัง ถึงสถานีปลายทาง จากนั้นสถานปี ลายทางจะส่งสัญญาณตอบรับว่าไดร้ ับข้อมลู เรียบร้อยแล้ว ภาพแสดงการเช่ือมต่อเครือข่ายแบบวงแหวน จาก http://www.tanti.ac.th/Com-tranning/webnot/index611.htm 2. การเชอื่ มต่อแบบบัส (Bus Topology) เป็นการใช้ช่องทางการสอ่ื สารรว่ มกันโดยเครอ่ื งคอมพิวเตอร์หรือ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ทั้งหมดในเครือข่าย จะเชื่อมต่อเข้ากับสายหลักเพียงเส้นเดียว เรียกสายหลักว่า แบ็กโบน (Backbone) ภาพแสดงการเช่ือมต่อเครือข่ายแบบบัส https://sites.google.com/a/thoengwit.ac.th/master_site/bi-khwam-ru-thi-1-2
3. การเชื่อมต่อแบบดาว (Star Topology) เป็นเครือข่ายที่เช่ือมเครื่องคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องเข้ากับจุด ศนู ย์กลางของเครือขา่ ย โดยใชอ้ ุปกรณ์ทเ่ี รียกวา่ ฮบั (Hub) หรอื สวิตซ์ (Switch) ภาพแสดงการเช่ือมต่อเครือข่ายแบบดาว จาก https://supachai52.wordpress.com 4. การเช่ือมต่อแบบเมช (Mesh Topology) เป็นโครงสร้างเครือข่ายที่ได้รับความนิยมมากและมี ประสิทธิภาพสูง เพราะเม่ือเส้นทางของการเชื่อมต่อข้อมูลคู่ใดคู่หนึ่งเกิดปัญหาหรือขาดจากกัน การติดต่อส่ือสาร ระหว่างกันายังสามารถติดต่อกันได้ด้วยอุปกรณ์จัดเส้นทาง (Router) ซึ่งจะเช่ือมต่อเส้นทางใหม่ไปยังจัดหมาย ปลายทางโดยอตั โนมตั ิ โครงสรา้ งเครือขา่ ยแบบเมชมักเปน็ เครอื ข่ายแบบไร้สาย ภาพแสดงการเช่ือมต่อเครือข่ายแบบเมช จาก https://sites.google.com/a/thoengwit.ac.th/master_site/bi-khwam-ru-thi-1-2
5. การเชื่อมต่อแบบผสม (Hybrid Topology) เป็นการผสมผสานรูปแบบการเชื่อมต่อแบบต่าง ๆ เข้า ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการเช่ือมต่อแบบวงแหวน การเชื่อมต่อแบบบัส หรือการเชื่อมต่อแบบดาว โดยออกแบบให้ เหมาะสมกบั สภาพแวดลอ้ มทเ่ี กดิ ขน้ึ จริง ภาพแสดงการเช่ือมต่อเครือข่ายแบบผสม จาก https://sites.google.com/a/thoengwit.ac.th/master_site/bi-khwam-ru-thi-1-2
ใบความรู้ท่ี 16 อุปกรณ์ทใ่ี ช้ในการสือ่ สารข้อมูล ในการเช่ือมต่อเพ่ือสื่อสารข้อมูลระหวางเครือข่าย จาเป็นต้องมีอุปกรณ์การส่ือสารข้อมูลที่ใช้ เชื่อมต่อ เพื่อให้ข้อมูลที่ส่งไปสามารถสื่อสารถึงปลายทางและสามารถแปลความหมายได้ตรงกันอย่างมี ประสทิ ธภิ าพ โดยอุปกรณ์ท่ใี ชใ้ นการสอ่ื สารข้อมูลมดี ังน้ี 1. โมเดม็ (Modem) MODEM มาจากคาเต็มว่า Modulator – DEModulator ทาหน้าที่แปลงสัญญาณข้อมูลดิจิตอล ท่ีได้รับ จากเครื่องส่งหรือคอมพิวเตอร์ เป็นสัญญาณแบบอนาลอก เรียกว่า โมดูเลชัน โมเด็มที่ทาหน้าท่ีน้ีเรียกว่า โมดูเล เตอร์ (Modulator) ก่อนทาการส่งไปยังปลายทางต่อไป โดยผ่านเครือข่ายโทรศัพท์ และเม่ือส่งถึงปลายทางก็จะมี โมเด็มทาหนา้ ท่ีแปลงสัญญาณจากอนาลอกให้เป็นดิจติ อล เรยี กวา่ ดโี มดูเลชนั (Demodulation) โมเด็มทท่ี าหน้าที่ น้ีเรยี กว่า ดีโมดูเลเตอร์ (Demodulator) เพอ่ื ใช้กับคอมพวิ เตอรป์ ลายทาง ภาพแสดง อุปกรณโ์ มเด็ม จาก http://itsentre.blogspot.com/2013/03/modem.html โมเด็ม (Modem) เป็นอุปกรณ์ท่ีใช้เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตผ่านทางสายโทรศัพท์ สาหรับโมเด็มท่ีนิยมใช้งาน กันจะมีอยู่ 2 ประเภทคือ แบบติดตั้งกับเคร่ืองคอมพิวเตอร์(Internal) และแบบท่ีติดตั้งภายนอกโดยใช้เสียบเข้าที่ ดา้ นหลังของเคร่ือง (External) สาหรบั ความเร็วของอนิ เตอร์เนต็ ในปัจจุบนั ข้ันต่าอยทู่ ปี่ ระมาณ 56 Kbps ในปัจจุบันมกี ารพฒั นาไปมาก คสู่ ายโทรศพั ท์ได้รับการพัฒนาเป็นแบบดจิ ิตอลมากขนึ้ โมเด็มแบบ่ดจิ ติ อล เช่น ADSL Modem, Cable Modem เป็นต้น ด้วยคู่สายแบบดิจิตอลทาให้มีความเร็วสูงถึง 24 Mbps และ เทคโนโลยี 3G ท่ีเริ่มแพร่หลาย ได้รับความนิยมกันมากสาหรับผทู้ ี่ใช้อินเตอร์เนต็ ไร้สาย หรือผู้ท่ีเช่ือต่อผา่ นทางแอร์ การ์ด ความเรว็ ของ ระบบ 3G จะอย่ทู ป่ี ระมาณ 7.2 Mbps 2. การด์ เช่ือมต่อเครือข่ายหรือแลนการ์ด (Network Interface Card : NIC) เป็นอุปกรณ์ท่ีใช้เช่ือมระหว่างคอมพิวเตอร์กับสายเคเบิล การ์ดนี้ส่วนใหญ่จะติดต้ังภายในเครื่อง คอมพิวเตอร์โดยเสียบลงบนแผงวงจรหลักของคอมพิวเตอร์ ส่วนช่องทางในการรับส่งข้อมูลในการเช่ือมต่อกับสาย เคเบิลจะอยู่ทางด้านหลังของเคร่ืองคอมพิวเตอร์ การ์ดนี้ช่วยในการควบคุมการรับส่งข้อมูล และต รวจสอบ ข้อผดิ พลาดทเี่ กดิ ขึน้
ภาพแสดง แลนการด์ จาก http://www.huaikrot.ac.th/web/network/lession3/net5.htm 3. ฮับ (HUB) ฮับเป็นอุปกรณ์ในการเชื่อมต่อสายเคเบิลในเครือข่ายมีลักษณะเป็นช่องเสียบสายเคเบิล ระหว่างเคร่อื งคอมพวิ เตอร์ทใี่ หบ้ รกิ ารกับเครื่องคอมพิวเตอรท์ ่ีทาหนา้ ทเี่ ปน็ เครอ่ื งรบั บริการ ภาพแสดง Ethernet Hub ภาพแสดง Firewire Hub ภาพแสดง Usb Hub จาก http://www.elearning.msu.ac.th/opencourse/1203451/unit002/unit02_04.htm 4. สวิตช์ (Switch) เป็นอุปกรณ์รวมสัญญาณท่ีมาจากอุปกรณ์รับส่งหรือคอมพิวเตอร์หลายเครื่องเช่นเดีย กับฮับ แต่การรับส่งข้อมูลจากอุปกรณ์ตัวหน่ึงจะไม่กระจายไปยังทุกจุดเหมือนฮับ เพราะสวิตจะรับกลุ่มข้อมูลมา ตรวจสอบก่อนว่าเป็นของคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ใด จึงจะส่งต่อไปยังเป้าหมายอัตโนมัติ ซ่ึงจะช่วยลดปัญหาการ ชนกนั ของข้อมูล และปอ้ งกนั การดกั รับขอ้ มูลทกี่ ระจายไปในเครือข่าย
จาก http://www.elearning.msu.ac.th/opencourse/1203451/unit002/unit02_04.htm 5. รีพีทเตอร์ (Repeater) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการเปลี่ยนตัวกลางนาสัญญาณจากตัวกลางหน่ึงไปยังอีก ตัวกลางหนึ่ง เช่น จากไฟเบอร์ออปติกมายังโคแอ๊กเชียล หรือการเช่ือมระหว่างตัวกลางเดียวกันก็ได้ การใช้รีพีท เตอร์จะทาให้เครือข่ายท้ังสองเสมือนเช่ือมกัน โดยท่ีสัญญาณจะวิ่งทะลุถึงกันได้หมด รีพีทเตอร์จึงไม่มีการกันข้อมูล แต่จะทาหน้าท่ีขยายสัญญาณโดยไม่สนใจว่าข้อมูลที่ส่งเข้ามาจะเคยถูกรบกวนหรือผิดเพ้ียนประการใด แต่จะมี หนา้ ท่ีส่งใหอ้ ปุ กรณต์ ่อไปซึง่ จะได้ประโยชน์ในการเชื่อมต่อความยาวให้ยาวข้นึ จาก http://www.il.mahidol.ac.th/e-media/computer/network/net_wan5.htm 6. บริดจ์ (Bridge) เป็นอุปกรณ์ท่ีมักจะเช่อื มต่อเครือข่ายแลนเข้าดว้ ยกัน ทาให้สามารถขยายขอบเขตของ เครือข่ายแลนออกไปได้เร่ือย ๆ โดยท่ีประสิทธิภาพรวมของระบบไม่ลดลงมากนัก มักจะถูกใช้ในการเชื่อมเครือข่าย ย่อย ๆ ในองค์กรเข้าด้วยกันเป็นเครือข่ายใหญ่เพียงเครือข่ายเดียว เพื่อให้เครือข่ายย่อย ๆ เหล่านั้นสามารถติดต่อ กบั เครอื ขา่ ยย่อยอืน่ ๆ ได้
จาก http://www.il.mahidol.ac.th/e-media/computer/network/net_wan6.htm 7. อุปกรณ์จัดเส้นทางหรือเราเตอร์ (Router) เป็นอุปกรณ์ท่ีทาหน้าท่ีเช่ือมต่อระบบเครือข่ายหลายระบบ เข้าดว้ ยกัน คล้ายกับบรดิ จ์ แต่มีส่วนการทางานทซี่ บั ซอ้ นกวา่ บริดจ์มาก โดยเราเตอร์จะมีเสน้ ทางการเชอื่ มโยงแต่ละ เครือข่ายเก็บไว้เป็นตารางเส้นทาง เรียกว่า เราติงเทเบิล (Routing Table) ทาให้เราเตอร์สามารถทาหน้าท่ีจัดหา เส้นทางและเลือกเส้นทางที่เหมาะสมที่สุดในการเดินทาง เพ่ือให้สามารถติดต่อสื่อสารและรับส่งข้อมูลระหว่าง เครอื ข่ายได้อย่างมีประสทิ ธภิ าพ ภาพแสดงอปุ กรณเ์ ราเตอร์ จาก http://www.comgeeks.net/router/
ภาพแสดงเราเตอร์ไรส้ าย จาก http://www.buycoms.com/advertorial/112/Modem%20BILLION/BILLION%20BIPAC%207100G% 20.htm 8. เกตเวย์ (Gateway) เป็นอปุ กรณ์ทีม่ คี วามสามารถสูงในการเชือ่ มต่อเครือข่ายตา่ ง ๆ เขา้ ดว้ ยกนั โดยไม่มี ขีดจากัดท้ังระหว่างเครือข่ายต่างระบบ หรือแม้กระท่ังโปรโตคอลท่ีแตกต่างกัน เกตเวย์จะแปลงโปรโตคอลให้ เหมาะสมกับอุปกรณ์ท่ีต่างชนิดกัน จัดเป็นอุปกรณ์ที่มีราคาแพง และติดต้ังใช้งานยุ่งยาก เกตเวย์บางตัวจะรวม คุณสมบัติในการเป็นเราเตอร์ด้วยในตัว หรืออาจรวมเอาฟังก์ชันการทางานด้านการรักษาความปลอดภัยท่ีเรียกว่า ไฟรว์ อลล์ (Firewall) เข้าไว้ดว้ ย ภาพแสดงอปุ กรณ์เกตเวย์ จาก http://www.il.mahidol.ac.th/e-media/computer/network/net_wan9.htm
ภาพแสดงการเช่ือมต่ออปุ กรณ์เกตเวย์ จาก http://www.tanti.ac.th/Com-tranning/NetWork/gateway.htm 9. จุดเชื่อมต่อแบบไร้สาย (Wireless Access Point) หรือ WAP หรือเรียกส้ันๆว่า AP คือ อุปกรณ์ใน เครือข่ายคอมพิวเตอร์ ที่ช่วยให้อุปกรณ์ไร้สายสามารถเช่ือมต่อกับเครือข่ายแบบมีสายได้โดยการใช้เทคโนโลยีของ แลนไร้สาย หรือ มาตรฐานอื่นๆที่เก่ียวข้อง. AP มักจะเชื่อมต่อกับเราต์เตอร์ด้วยสายเคเบิล (ผ่านเครือข่าย แบบมี สาย) ซงึ่ อาจเป็นอุปกรณ์ แยกตา่ งหาก หรือเปน็ สว่ นหน่ึงของเราเตอร์น้นั ภาพแสดงอปุ กรณ์เช่ือมต่อแบบไรส้ าย จาก https://th.wikipedia.org/wiki
ใบความรทู้ ่ี 17 ปญั หาอาการเครอื่ งคอมพิวเตอร์แฮงค์ หลายคนคงเคยเจอเหตุการณ์แปลกๆ เช่นกาลังทางานอยู่ดีๆ เคร่ืองก็หยุดทางานเสียเฉยๆ ไม่ตอบสนอง อะไรเลย ต้องบู๊ตเครื่องใหม่อยา่ งเดียว อาการอยา่ งน้ีแหละทเี่ รียกว่าเครื่องแฮงค์ สาเหตุที่ทาให้เคร่ืองแฮงค์ก็มีอยู่ หลายสาเหตุทีเดียว ฉะนั้นการแก้ไขจึงข้ึนอยู่กับว่าอะไรคือต้นเหตุ ดังน้ันสิ่งท่ีจะทาให้เราสามารถจัดการปัญหา เครือ่ งแฮงค์นี้ไดส้ าเร็จกค็ ือ ตอ้ งอาศยั การสงั เกตอาการ และวเิ คราะห์หาสาเหตุท่ีแทจ้ ริง จงึ จะนาไปส่วู ิธีแก้ปัญหา ท่ีถกู ตอ้ ง สาเหตุท่ีทาให้เครือ่ งแฮงค์ อาการเคร่ืองแฮงค์น้ันเกิดได้จากหลายสาเหตุ จึงเป็นเรื่องยากท่ีจะคาดเดาได้ว่าอะไรเสีย อีกทั้งยังต้อง แบง่ แยกด้วยวา่ เปน็ การแฮงค์ในขณะใช้งาน Windows หรือตั้งแต่ตอน บูต๊ เคร่ือง หรือแฮงค์หลังจากการอัพเกรด อุปกรณ์ของเครื่อง หรือจะเป็นหลังการ Over clock เป็นต้น ส่ิงที่กล่าวมานี้ก็คือต้นเหตุสาคัญ ท้ังนั้น เพราะฉะนั้นในการแก้ปัญหาจึงเจาะจงลงไปไม่ได้ว่า จะต้องแก้ไขอย่างไรเม่ือเครื่องแฮงค์ เพราะข้ึนอยู่กับ วา่ เครอื่ งมีปญั หาเพราะอะไร สิง่ ท่จี ะทาให้สามารถแก้ไขได้อยา่ งรวดเร็วกค็ ือ การสังเกตอาการที่เกิดขนึ้ ของผู้ใช้ จะ เปน็ ประโยชนอ์ ยา่ งมาก พอจะสรปุ ไดด้ ังนี้ 1. BIOS มีปัญหา หรือ BIOS เสีย ซ่ึงรวมถึงเมนบอรด์ ด้วย เน่ืองจาก Bios ตดิ ต้งั มาพร้อมในเมนบอรด์ 2. อุปกรณเ์ สีย เช่น แรม, การ์ดจอ, ฮารด์ ดิสก,์ Power Supply จ่ายไฟไมส่ ม่าสเมอ ฯลฯ 3. ระบบปฏบิ ัติการเสีย เชน่ ไฟลร์ ะบบเสยี หาย 4. ปญั หาอปุ กรณใ์ ช้ IRQ ซา้ ซ้อน เชน่ LAN ใช้ IRQ ซ้าซอ้ นกับ Sound Card เปน็ ตน้ 5. เครอ่ื งถกู Over clock ทาใหอ้ ปุ กรณบ์ างตวั รนั ท่ีความเรว็ สงู จนเกดิ ความร้อนสูง 6. โดนไวรัสคอมพวิ เตอร์ โดยเฉพาะไวรัสทีเ่ ข้าไปทาลาย Boot Sector 7. อปุ กรณไ์ ม่ Compatible เช่น เป็นเร่อื งของมาตรฐานการทางานของอปุ กรณ์แตล่ ะยหี่ ้อ อาการเคร่อื งบ๊ตู ไม่ขน้ึ จะทาอย่างไรเม่ือคอมพิวเตอร์ของเราเกิดอาการแน่น่ิง เปิดเคร่ืองแล้วก็ไม่ยอม BOOT ทิ้งไว้แต่หน้าจอสี ดา กับตัวหนังสือสีขาว อะไรเสียก็ไม่รู้ เพราะเคร่ืองไม่ได้บอกอะไรให้ทราบเลย หรือบางครั้งก็ได้แต่ส่งเสียงน่า ราคาญออกมา ในการทางานของเคร่ืองคอมพิวเตอร์นั้น หลังจากท่ีเราได้กดปุ่ม Power แล้ว มันก็จะทาการ ตรวจสอบเครื่องด้วยกระบวนการตรวจอุปกรณ์เสร็จแล้ว ถ้าไม่มีปัญหาอะไร ก็จะโหลดระบบปฏิบัติการต่อไป แต่ ถ้าเคร่ืองตรวจพบปัญหาขัดข้องทางด้านฮาร์ดแวร์ มันก็จะหยุดทางานทันที ส่งผลให้เราไม่สามารถใช้งานเคร่ือง ได้ ดังนั้นต่อไปนี้เราจะมาพูดกันถึงสาเหตุ และวิธีแก้ปัญหาต่าง ๆ ซึ่งก็มีอยู่หลายรูปแบบ และหลายอาการ ด้วยกนั เผอื่ เวลาท่เี ราเจอปญั หาเหลา่ นี้จะไดร้ ับมอื กบั มันได้
Power Supply เสยี เปดิ ไมต่ ดิ เมื่ออุปกรณ์จ่ายไฟอย่าง Power Supply เสีย หรือจ่ายไฟผิดก็จะทาให้เครื่องไม่สามารถทางานได้ ดังน้ัน เมอ่ื เราเปดิ เคร่ืองกจ็ ะพบวา่ คอมพิวเตอร์จะไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ใดๆเลย มีแต่ความเงียบสนิท การตรวจซ่อมก็ทาได้ ยากและไม่มีใครนิยมนา Power Supply ไปซ่อมท่ีร้าน มักจะซื้อมาเปล่ียนมากกว่า เพราะมีราคาไม่แพงนัก สาเหตุ ทีท่ าให้ Power Supply เสียกม็ ักเกดิ จากเครื่องมีโหลดมากเกินไป หมายความว่ามีอปุ กรณ์ต่ออยู่กับเคร่ืองมากเกิน กาลังไฟท่ี Power supply จะจ่ายได้ โดยเฉพาะเครื่องท่ีมีการ Over clock จะทาให้เครื่องกินไฟเพ่ิมข้ึน หรือ อีก สาเหตุหน่ึงมาจากพัดลมระบายความร้อนของ Power supply ไม่หมุน ก็จะทาให้ Power supply ปิดตัวเองลงได้ เชน่ กนั อาการ Power Supply ไมเ่ สีย แตไ่ ม่มภี าพ เมื่อเปิดเคร่ืองแต่ปรากฏวา่ ที่หน้าจอไม่มีภาพอะไรเกิดขึ้นเลย ลองขยับปลักไฟก็แล้วแต่ก็ยังไม่มีภาพอาการ อย่างนี้จอเสียหรือไม่สิ่งท่ีต้องทาการตรวจเช็คในเบ้ืองต้นเลยก็คือ สายเพาเวอร์ที่ต่ออยู่ด้านหลัง ของจอภาพกับ เครื่องแน่นดีไม่หลวม และได้เสียบปลักไฟเรียบร้อยแล้วหรือยัง เพ่ือให้มั่นใจว่ามีไฟเข้าเคร่ืองแน่นอน ต่อไปให้เช็ค สายสัญญาณของจอภาพ ว่าเสียบเข้ากับการ์ดจอแน่นดีแล้วหรือยัง ลองขยับและเสียบให้แน่น เมื่อตรวจสอบ ข้างต้นแล้วส่วนต่อไปท่ีต้องตรวจเช็คก็คือการ์ดแสดงผลให้เปิดฝาครอบเคร่ืองเพื่อขยับการ์ด หรือถอดการ์ด ออกมา แล้วเสียบเข้าไปใหม่ให้แน่นอีกครั้ง เพราะบ่อยคร้ังปัญหาก็มีสาเหตุมาจากเสียบการ์ดไม่แน่น ทางที่ดีให้ ถอดการ์ดออกมาแล้วทาความสะอาดหน้าสัมผัสด้วยยางลบ แล้วก็ใส่เข้าไปใหม่ให้แน่นอีกคร้ัง เมื่อตรวจสอบทุก อย่างเรียบร้อยแล้ว ก็ให้ทาการเปิดเคร่ือง ถ้าพัดลมเคสทางาน ให้สังเกตดู ไฟ LED ที่อยู่ด้านหน้าจอภาพ ถ้า พบว่ามีแสงสว่างข้ึนมาและมีการกระพริบสีส้ม แสดงว่ามีไฟจ่ายไปที่จอภาพแล้ว แต่ปัญหาอาจจะเกิดการ์ด แสดงผลในเครื่องคอมฯ ให้ลองนาจอภาพไปต่อกับเคร่ืองอ่ืนๆ ถ้าใช้ได้ตามปกติน่ันก็แสดงว่าการ์ดแสดง ผลเสีย ต้องซอ้ื มาเปลย่ี นใหม่ หรอื นาไปเคลมกบั รา้ นทีซ่ ้อื มา การเสยี บแรมไม่แนน่ กท็ าใหจ้ อภาพมืดได้เหมอื นกัน หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่า ถ้าเสียบแรม ไม่แน่นก็เป็นสาเหตุให้จอภาพมืดได้เหมือนกัน ซ่ึงโดยปกติ แล้วถ้าเสียบแรมไม่แน่น เคร่ืองก็น่าจะมีเสียง บ๊ิบออกมาให้ได้ยิน แต่ในบางครั้งมันก็ไม่ส่งเสียงร้องอะไรออกมา เลย ดังนั้นถ้าเราพบว่าเคร่ืองของเรามีอาการเปิดเครื่องแล้วพบว่าเคร่ืองทางานปกติ คือ ไฟ Power และไฟ ฮาร์ดดิสก์ก็สว่าง พัดลมของ Power Supply ก็หมุน แต่ปัญหาคือไม่มีภาพท่ีหน้าจอ ก็ให้ลองถอดแรมออกมา แล้ว เสยี บใหม่ให้แนน่ อาการมเี สียงเตอื นจากลาโพงภายในเครือ่ ง เคร่ืองบู๊ตแล้วค้าง พร้อมกับมีเสียงร้องออกมาจากเคร่ืองหลายคร้ัง เมื่อปิดเครื่องแล้วเปิดใหม่ก็ยังคงมี อาการเหมือนเดิมถ้าเราพบว่าเมื่อเปิดเครื่องแล้ว ได้ยินเสียงบี๊บออกมาจากลาโพงลาโพงเคร่ือง ซ่ึงเสียงดังกล่าว เกิดจาก BIOS ตรวจพบว่ามีอุปกรณ์บางตัวทางานผิดปกติ ซ่ึงถ้าอุปกรณ์ทุกอย่างทางานได้ตามปกติก็จะดัง บ๊ีบ ครง้ั เดยี ว แตถ่ ้าฮาร์ดแวร์ตัวใดมีปัญหาหรือไม่ทางาน ก็จะดงั มากกวา่ 1 คร้ัง โดยเสียงเตือนจะส้ันยาวไม่เทา่ กัน ทา ให้เกิดเสียงเตือนในลักษณะต่างๆ ท่ีเราเรียกว่า Beep Code โดยไบออสแต่ละย่ีห้อก็จะมีรูปแบบของเสียงท่ี แตกต่างกัน ดังน้ันเราสามารถแก้ปัญหาได้จากการฟังเสียง แล้วนาไปดูจากตารางในคู่มือว่าเป็นเพราะอุปกรณ์ตัว
ใด หรือให้ลองถอดแรม และการ์ดจอออกมา แล้วเสียบใหม่ให้แน่น ๆ เพราะส่วนใหญ่ปัญหาดังกล่าวมักจะเกิด จาก อุปกรณด์ งั กล่าวเสียบไม่แน่น หรอื หนา้ สัมผัสสกปรก สาเหตุและวิธแี ก้อาการเคร่ืองแฮงค์ หลงั จากท่ีเราใช้เครือ่ งไปสกั ระยะหนึ่ง ถา้ เครือ่ งของเราเกดิ ปญั หาข้ึน เชน่ แฮงค์ไปเฉยๆ ไมส่ ามารถทางาน ต่อได้ ต้องรีสตาร์ทเคร่ืองใหม่บ่อยๆ เราคงอยากทราบว่าสาเหตุและวิธีการแก้ปัญหาท่ีทาให้คอมพิวเตอร์แฮงค์ ใน หน้าน้ีเราจะรวบรวมปญั หาต่างๆที่อาจเกิดข้ึนและส่งผลให้คอมพิวเตอร์ของท่านเกิดอาการแฮงค์ขึ้นมาพร้อมวิธีการ แก้ปัญหาเหล่านั้น สาหรับปัญหาว่าทาไมเคร่ืองคอมพิวเตอร์ของเราเกิดอาการแฮงค์ข้ึนมาเฉยๆน้ีเป็นปัญหายอด นิยม และพบกันมากที่สุดในกลุ่มผู้ใช้คอมพิวเตอร์ และเป็นปัญหาที่ไม่ค่อยมีคนรู้สาเหตุมากที่สุด เราสามารถ แ บ่ ง แ ย ก ป ร ะ เ ภ ท ข อ ง ส า เ ห ตุ ที่ ท า ใ ห้ ค อ ม พิ ว เ ต อ ร์ เ กิ ด อ า ก า ร แ ฮ ง ค์ ไ ด้ 2 ป ร ะ ก า ร คื อ 1. ฮาร์ดแวร์ 2. ซอฟทแ์ วรแ์ ละระบบปฏบิ ัตกิ าร(OS) สาเหตจุ ากฮาร์ดแวร์ 1) อุปกรณ์เส่ือมสภาพ เช่น อุปกรณ์บนแผงเมนบอร์ดเส่ือม, แรม, การ์ดจอ, ฮาร์ดดิสก์มี Bad Secter, Power Supply จ่ายไฟไมส่ มา่ เสมอ , สายสญั ญาณการเชื่อมต่อต่างๆ ไมแ่ นน่ ฯลฯ วิธีแกป้ ัญหา เปดิ ฝาเคร่ืองสังเกตและวิเคราะหอ์ ปุ กรณเ์ ปน็ ตวั ๆไป อาจถอดมาทาความสะอาดทุกช้ินก็ได้ 2 ) ความไม่เข้ากันของอุปกรณ์แต่ละตัว ปัญหานี้มักจะเกิดกับผู้ซื้อคอมพิวเตอร์ประเภทแยกชิ้นส่วน ประกอบ ซ่ึงอาการแฮงคเ์ หลา่ นจ้ี ะเร่ิมข้นึ ตั้งแต่เราใชเ้ คร่ืองครั้งแรกๆเลยอาจจะเปิดเครื่องมาเฉยๆแล้วกแ็ ฮงค์ใช้งาน นิดๆหน่อยๆแล้วก็แฮงค์ถ้าอาการหนักหน่อยอาจจะถึงขั้นไม่สามารถใช้เครอ่ื งได้เลย ต้นตอของปัญหานี้เกิดจากการ ที่เราขาดการศึกษาเรื่องฮาร์ดแวร์ท่ีนามาประกอบเปน็ เครื่องของเรา อีกทั้งอาจเป็นไปได้ท่ีผู้ขายนาอุปกรณ์คุณภาพ ตา่ มาประกอบเปน็ คอมพวิ เตอรท์ ่ีมีราคาถกู มาขายให้เราก็ได้ วธิ แี กไ้ ขปัญหา ก็ควรจะเลอื กใชค้ อมพิวเตอร์แบรนเนมจะดีกว่า แตถ่ ้าเกิดเราขัดสนปญั หาทางการเงิน เราก็ ควรจะศึกษาจากการอ่านหนังสือ หรือถามจากบุคคลท่ีรู้จักท่ีเคยผ่านการใชค้ อมพิวเตอรม์ าแลว้ การศึกษาก่อนการ ตดั สินใจซอ้ื จะเป็นประโยชนต์ อ่ ตัวคุณและเงินในกระเป๋าของคุณก็จะถกู ใช้อยา่ งคุ้มคา่ ด้วย 3 ) ไดร์ฟเวอร์ล้าสมัยหรือติดต้ังไม่ตรงรุ่นของอุปกรณ์ ไดร์ฟเวอร์ คือ ซอร์ฟแวร์อย่างหน่ึงที่มีหน้าท่ีในการ ส่ังการหรือเชื่อมโยงการทางานระหว่างโปรแกรมประยุกต์หรือระบบปฏิบัติการกับอุปกรณ์ต่างๆภายในเคร่ือง เน่ืองจากอุปกรณ์คอมพิวเตอร์มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว มีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆออกมามากมายแต่ไดร์ฟเวอร์ท่ีออกมา ก่อนหน้าท่ีจะมีอุปกรณ์ตัวใหม่ออกมาก็อาจจะทางานร่วมกันได้ไม่ดีและเกิดอาการแฮงค์ได้ซ่ึงอาการหลักๆท่ีเกิด ข้ึนกับไดร์ฟเวอร์คือ ถ้าเรามีการใช้งานอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ ท่ีไม่ได้มีการอัพเดทไดร์ฟเวอร์ใหม่ๆอย่างสม่าเสมอจะเกิด หน้าจอสีฟ้าข้นึ ซึง่ ถา้ เราไม่เขา้ ใจอาการหรือสาเหตุนเ้ี ราอาจคดิ ไปวา่ เคร่ืองเสียจนตอ้ ง Format เครอ่ื งเลยก็มี วิธีแก้ไขปัญหาน้ีง่ายๆก็คือ ให้เราไปอัพเดทไดร์ฟเวอร์อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ที่เว็บไซต์ของผู้ผลิตฮาร์ดแวร์หรือ อปุ กรณ์ท่ีอยู่ภายในเครอ่ื งของเรา
4 ) ฝุ่นคือตัวนาไฟฟ้า สาเหตุอีกประการหน่ึงที่ทาให้เคร่ืองของเราแฮงค์และอาจจะดูเป็นสาเหตุท่ีทาให้คน คาดไม่ถึงได้นั่นก็คือฝุ่นนั่นเอง เราอาจจะสงสัยว่าทาไมฝุ่นจึงทาให้เกิดอาการแฮงค์ได้ ในความเป็นจริงแล้วฝุ่นดูจะ เปน็ สาเหตหุ ลักท่ีทาให้คอมพิวเตอร์แฮงก์ เพราะฝนุ่ เป็นตัวนาไฟฟา้ ไดจ้ ะรนุ แรงขนาดไหนต้องขึ้นอยู่กับชนิดของฝุ่น และอีกสาเหตุท่ีทาให้เครื่องแฮงก์ก็คือบริเวณที่ฝุ่นเกาะ เช่น ถ้าเป็นบริเวณเมนบอร์ดวงจรจะไม่มีผลเพราะมีสาร เคลือบกันเอาไว้ แต่บริเวณขาไอซอี ปุ กรณอ์ เิ ล็คทรอนิคสต์ า่ งๆ ในเคร่ืองถา้ มีฝุ่นท่ีจะสามารถนาไฟฟา้ ไปเกาะระหว่าง ขาสัญญาณกเ็ ป็นสาเหตุทีท่ าใหเ้ ครอ่ื งทางานผดิ พลาดหรือแฮงค์ได้ วธิ ีแก้ปญั หา คือ เรากแ็ คท่ าความสะอาดเครื่องคอมพวิ เตอรข์ องเราอยูเ่ สมอ เมอื่ ใชเ้ คร่ืองคอมพวิ เตอร์เสร็จ กค็ วรหาผา้ คลมุ เครอื่ งกันฝุ่น สาหรบั อปุ กรณภ์ ายในควรปรึกษาผู้ชานาญในการทาความสะอาด สาเหตจุ ากซอร์ฟแวร์และระบบปฏบิ ตั ิการ สาเหตุของคอมพิวเตอร์แฮงค์ท่ีดูเหมือนจะเป็นปัญหาใหญ่นั่นคือ ซอร์ฟแวร์และระบบปฏบิ ัติการ ซ่ึงต้นตอ ของสาเหตุท่ีซอร์ฟแวร์ทาให้เครื่องคอมพิวเตอร์แฮงค์น่ันคือการทางานผิดพลาดของโปรแกรม และยิ่งเครื่อง คอมพวิ เตอรท์ สี่ นบั สนุนการทางานแบบใชโ้ ปรแกรมหลายๆโปรแกรมพร้อมกันไดใ้ นเวลาเดียวกนั (Multitasking) จะ ย่งิ เพ่ิมโอกาสใหโ้ ปรแกรมภายในเครื่องของเราทางานขดั แย้งกนั สูงขนึ้ เราจะมาดสู าเหตหุ ลักๆท่ซี อร์ฟแวรเ์ ปน็ ต้นตอ ของอาการแฮงค์ในคอมพวิ เตอรข์ องเรา - สาเหตจุ ากระบบปฏิบัตกิ าร (Operating System) ระบบปฏิบัติการ ถ้าเปรียบไปแล้วก็เหมือนกับแม่บ้านที่คอยดูแลรักษาบ้านของเราให้อยู่อย่างปกติสุข ซ่ึง ระบบปฏิบัติการจะทาการควบคุมโปรแกรมหรือฮาร์ดแวร์ให้ทางานตามคาสงั่ เราอีกทีหนึ่งอาการท่ีเราเรียกว่าแฮงค์ ท่ีเกิดจากระบบปฏิบตั ิการมักมีสาเหตุมาจากการควบคุมฮาร์ดแวร์ท่ีผดิ พลาด เชน่ การควบคมุ หน่วยความจา เพราะ โปรแกรมท่ีทางานระบบปฏิบตั ิการ Windows ในขณะใดขณะหน่ึงไม่ได้มีแค่โปรแกรมเดียว ดังน้ันระบบปฏิบัติการ จึงต้องคอยบริการและควบคุมการใชง้ านฮาร์ดแวร์เพ่ือป้องกันการตีกันเองระหว่างโปรแกรมท่ีทางานในขณะน้นั ซ่ึง ความสมั พนั ธ์ระหว่างโปรแกรมท่ที างานอยู่ภายในแต่ละเครื่องก็แตกต่างกันตามผู้ใช้แต่ละคน ดงั นั้นจงึ เปน็ เรื่องยาก ท่ีจะออกแบบระบบปฏิบัติการให้ปราศจากข้อผิดพลาดในการควบคุมการทางานระหว่างโปรแกรม แนวทางการ แก้ปัญหาคอมพวิ เตอรแ์ ฮงคน์ ัน้ คือ การหลีกเล่ยี งการทางานท่ีเคยพบว่าทาให้แฮงค์ หรอื ไมเ่ ชน่ น้นั ก็ต้องลงระบบใหม่ ซ่ึงอาการอาจจะดีขึ้น หากอาการแฮงค์นั้นเกิดเพราะไฟล์บางไฟล์ของระบบปฏิบัติการถูกแก้ไขไปด้วยโปรแกรมอื่น ซ่ึงปัญหาลกั ษณะน้ีจะเกดิ และมีวธิ แี กไ้ ขเหมือนกันทุกเครื่องท่ีมอี งค์ประกอบในลักษณะเดียวกนั - อาการแฮงคน์ เ้ี กดิ จากโปรแกรมประยกุ ต์ หลายครัง้ ทีอ่ าการแฮงค์มักเกิดหลงั จากโปรแกรมท่ีตดิ ต้งั อยใู่ นเครอื่ งเขา้ กันไม่ได้ บางไฟลข์ องโปรแกรมตัว หน่ึงอาจเข้าไปเปล่ียนแปลงไฟล์บางตัวของระบบปฏิบัติการจึงทาให้เกิดปัญหาขึ้นตามมาได ้ ส่วนใหญ่มักเกิดจาก ไฟล์นามสกุล DLL ซึ่งเป็นไฟล์สาธารณะของระบบปฏิบัติการ ที่มักจะมีหลายโปรแกรมที่เราติดต้ัง เข้ามาขอใช้ไฟล์ นามสกุล DLL ด้วย แต่บางโปรแกรมก็มีไฟล์ DLL เวอร์ชั่นใหม่ท่ีมีประสิทธิภาพมากกว่าไฟล์ DLL ตัวเดิมของ ระบบปฏิบัติการ เม่ือเราติดต้ังโปรแกรมนี้ลงไปมันก็จะเขียนไฟล์ DLL ตัวใหม่ทับตัวเก่าทันที จึงทาให้เกิดปัญหา เครอื่ งแฮงคต์ ามมา เพราะไฟล์ DLL เวอรช์ นั่ ใหมไ่ ม่สามารถทางานรว่ มกบั ระบบปฏิบัติการได้
ลักษณะปัญหาอีกอย่างหน่ึงก็คือ การเกิดจากโปรแกรมประยุกต์ ก็คือเคร่ืองเราเกิดอาการแฮงค์หลังจากที่ ลงโปรแกรมใดๆลงไปนนั่ เองทั้งๆท่ีก่อนหน้าน้ันในจุดน้ีไม่เคยเกิดอาการแฮงค์ มกั จะเกดิ ขึ้นเมื่อเราลงโปรแกรมเวอร์ ช่ั น ใ ห ม่ ทั บ เ ว อ ร์ ช่ั น เ ก่ า เ พ ร า ะ ฉ ะ น้ั น เ ร า ค ว ร จ ะ ถ อ น เ ว อ ร์ ชั่ น เ ก่ า ก่ อ น ล ง เ ว อ ร์ ช่ั น ใ ห ม่ ค รั บ สาหรับแนวทางแก้ไขของช่างคอมพิวเตอร์ก็คือ ให้สอบถามพฤติกรรมของการใช้งานของผู้ใช้ก่อน เม่ือพบ เครื่องท่ีมีลักษณะเคร่ืองแฮงค์หลังจากท่ีผใู้ ช้ลงโปรแกรมตัวใหม่ลงไป ให้สันนิษฐานไว้ก่อนเลยวา่ อาจ มาจากสาเหตุ นี้ วิ ธี ก า ร แ ก้ ไ ข ก็ คื อ ใ ช้ โ ป ร แ ก ร ม System Restore เ พื่ อ ย้ อ น ก ลั บ ไ ป ยั ง วั น ท่ี ไ ม่ เ กิ ด ปั ญ ห า ค ลิ ก ปุ่ม Start > Program > Accessories > System Tools > System Restore คอมพิวเตอรต์ ดิ ไวรสั อาการแฮงค์ที่เกิดจาการที่เครื่องเราติดไวรัส เป็นอาการท่ีตรวจสอบได้ยากที่สุด เพราะไวรัสคอมพิวเตอร์ นั้นเป็นโปรแกรมตัวหนึ่งท่ีสามทารถเข้ามาในเครื่องของเราได้หลายทาง ถ้าเราไม่เคยตรวจสอบไวรัสภายในเคร่ือง ของเราเลยจนไม่สามารถทางานได้อีกต่อไปเลยก็มี อาการเคร่ืองแฮงค์ท่ีเกิดจากไวรัสมักจะเกิดกับจุดท่ีไม่เคยแฮงค์ ทัง้ ๆท่ีไมไ่ ดเ้ ปลย่ี นแปลงอะไรเลย อกี ทงั้ ก่อนหนา้ ท่ีจะแฮงค์นน้ั มักจะแสดงอาการแปลกๆใหเ้ รารบั รู้ก่อน เช่น ทางาน ชา้ ลงจนเราร้สู กึ ได้ หรือมีอาการกระตกุ บ่อยๆ ในบางครั้งอาจจะมีไฟลบ์ างไฟล์โผล่เข้ามาโดยเราไม่สามารถหาต้นตอ ได้ วิธีการแก้ไขปัญหา เราจึงไม่ควรเปิดโปรแกรมหรือเอกสารที่เราไม่รู้จักหรือไม่ม่ันใจ นอกจากน้ีควร ตรวจสอบไวรัสในเครื่องของเราบ้างและอัปเดทโปรแกรมป้องกันไวรัสบ้าง หรือต้องรู้จักสังเกตุบ้างในขณะที่ใช้งาน หากมีโปรแกรมอะไรเด้งขึน้ มาก็อ่านก่อนใหเ้ ข้าใจ อย่าคลกิ โดยไมร่ ้วู า่ เป็นอะไร
ใบความรทู้ ี่ 18 การซอ่ มแซมคอมพิวเตอร์เบื้องต้น กระบวนการแกป้ ัญหาของคอมพิวเตอร์ กระบวนการแกป้ ัญหาของคอมพิวเตอร์มดี งั นี้ ๑) ตรวจสอบอาการเสยี หรือความผดิ ปกติของเคร่อื ง ๒) ตรวจสอบในเบอ้ื งต้น โดยเริ่มจากจุดงา่ ยๆ ไปหายาก ๓) ตรวจเช็คอปุ กรณ์ทค่ี าดว่าจะเสยี ทลี ะอยา่ ง ๔) ลองซอ่ มหรอื เปล่ียนอะไหล่สารอง ๕) ตรวจเช็คดวู ่าหายหรอื ไม่ ถา้ ไมห่ ายย้อนกลับไปดาเนนิ การข้อ ๓ ๖) เสร็จสิ้นกระบวนการแกป้ ัญหา ปัญหาคอมพิวเตอร์ สาเหตุและการแกป้ ัญหา ตวั อยา่ งปัญหา สาเหตุ และการแก้ปญั หาอาการเสยี ของคอมพวิ เตอร์ทพ่ี บบ่อยๆ มีดงั น้ี ๑) เปิดคอมพวิ เตอรไ์ ม่ได้อาจเกิดขนึ้ ไดส้ าเหตุ ดงั นี้ สาเหตุ: ไมไ่ ดต้ ่อคอมพวิ เตอร์ลงเต้าเสียบที่ดา้ นหลัง การแกป้ ัญหา: ตรวจดใู ห้แน่ใจวา่ สายไฟน้นั เสยี บอยู่ทีเ่ ต้าเสียบไปบนฝาผนัง และไฟ AC บนฝาผนัง ที่ ลงสายกราวนดข์ องคอมพวิ เตอรอ์ ยา่ งแนน่ หนา สาเหต:ุ คอมพวิ เตอร์อาจอยใู นโหมด Sleep การแกป้ ัญหา: ตรวจสอบวา่ ปมุ่ เปดิ เครือ่ งดว่ น นัน้ สวา่ งอยู่ และมีไฟสีเหลืองอ าพัน ถ้าเป็น เชน่ น้นั ให้ กดปุ่มดงั กลา่ วเพื่อออกจากโหมด Sleep สาเหต:ุ คอมพวิ เตอรโ์ มดูลหน่วยความจาผิดชนดิ การแก้ปัญหา: การใช้โมดลู หน่วยความจาอน่ื อาจมีผลทาใหก้ ารเร่มิ ระบบยากข้ึนเม่ือคุณอปั เกรด เครื่องคอมพวิ เตอร์ คณุ จะตอ้ งใช้หนว่ ยความจา EDO ๖๐ นาโนวินาที ๒) การทางานของฮารด์ ไดรฟช์ ้าลง สาเหต:ุ ไฟล์ขอ้ มลู ท่เี ก็บอยู่บนฮารด์ ดสิ ก์ อาจอยู่กระจัดกระจาย การแกป้ ัญหา: ตรวจสอบสว่ นของข้อมูลทหี่ ายไปโดยการรันโปรแกรม Disk Defragmenter ๓) ไฟแสดงการทางานของฮาร์ดไดรฟ์สว่างแตไ่ ม่กระพริบ สาเหตุ: ไฟล์ขอ้ มลู ทเี่ ก็บอย่บู นฮาร์ดดสิ ก์ของคณุ อาจจะเสียหาย การแก้ปัญหา: ตรวจสอบสว่ นของขอ้ มลู ที่หายไปโดยการรนั โปรแกรม Disk Defragmenter ๔) คอมพิวเตอรไ์ ม่สามารถอ่านแผน่ ซีดไี ด้ สาเหตุ: ไมไ่ ดว้ างซีดีในไดรฟใ์ นตาแหนง่ ที่ถูกต้อง การแก้ปัญหา: ถา้ คณุ มซี ดี ีไดรฟแ์ บบโหลดดว้ ยถาด ใหก้ ดปุ่มนาแผ่นซีดีออก แลว้ ค่อยๆ กดแผน่ ซีดี ลง ในตาแหน่ง ทเ่ี หมาะสมจากนัน้ โหลดแผน่ เข้าไปใหม่ สาเหตุ: ระบบไมร่ จู้ กั ซีดีไดรฟ์
การแก้ปัญหา: ปิดคอมพวิ เตอร์ แลว้ คอยอยา่ งน้อย ๓๐ วินาที จากนั้นเปดิ คอมพวิ เตอร์ ขน้ึ มาใหม่ อีก ครง้ั สาเหตุ: แผ่นซดี สี กปรก การแก้ปัญหา: ทาความสะอาดแผน่ ซดี ีดว้ ยชุดทาความสะอาด ๕) หนา้ จอวา่ งเปล่า สาเหตุ: สายเคเบิลท่ีตอ่ เชื่อมจอภาพเข้ากบั คอมพวิ เตอร์นั้นหลวมยังหรือไม่ไดเ้ สียบสายจอภาพ การแกป้ ัญหา: เสียบสายไป และตรวจดใู ห้แนใ่ จว่าชอ่ งเสยี บจอภาพนน้ั เช่อื มต่ออยู่กบั คอมพิวเตอร์ อย่างเหมาะสมและแน่นพอ สาเหตุ: คณุ ได้ตดิ ต้ังยทู ิลิตที ่ีทาใหห้ นา้ จอว่างเปล่า การแก้ปัญหา: กดคีย์ใดๆ หรือเคล่ือนไหวเมาส์ หนา้ จอปจั จบุ ันจะปรากฏข้ึนอกี ครั้งหน่ึง สาเหต:ุ คอมพวิ เตอรอ์ ยู่ในโหมด Sleep การแก้ปัญหา: กดปุ่มเปดิ เครื่องด่วน หนา้ จอปจั จบุ นั จะปรากฏข้ึนอีกครัง้ หน่ึง ๖) จอภาพร้อนเกนิ ไป สาเหตุ: พืน้ ที่สาหรับระบายอากาศไมเ่ พียงพอให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก การแก้ปัญหา: เว้นพ้ืนท่ีให้มชี ่องระบายอากาศอยา่ งน้อย ๓ นิว้ ตรวจดูใหแ้ น่ใจวา่ ไมม่ ี อะไรปดิ อยู่ ด้านบนของจอภาพท่ีขดั ขวางการหมนุ เวยี นของอากาศ ๗) เมาส์ไมต่ อบสนองต่อการเคลอื่ นไหว สาเหต:ุ สายเมาสเ์ สยี บไม่แน่นหนาในชอ่ งเสียบที่ถกู ต้อง ซง่ึ อยดู่ า้ นหลังของคอมพิวเตอร์ การแกป้ ญั หา: ตรวจสอบและเสยี บสายเมาสใ์ หแ้ น่น สาเหต:ุ ไมไ่ ด้ติดต้ังไดรเวอร์ของเมาส์ หรอื ติดตัง้ ไดรเวอร์ท่ไี ม่ถูกต้อง การแกป้ ัญหา: ตรวจดูใหแ้ นใ่ จวา่ ได้ตดิ ต้ังไดรเวอร์ของเมาส์ทถ่ี กู ต้อง ๘) เคร่อื งพิมพ์ไม่ทางาน สาเหตุ: ไมไ่ ด้เสยี บสายไฟของเครอื่ งพมิ พ์ หรอื ไม่ไดเ้ สียบสายเคเบลิ ของเคร่ืองพิมพ์ การแก้ปัญหา: ตรวจสอบปลายท้ังสองด้านของเคร่ืองพิมพ์ และสายไฟของเครื่องพิมพ์ว่ามีการ เชอ่ื มต่ออย่างเหมาะสมหรือไม่ อย่างถกู ต้องและแนน่ หนา สาเหตุ: เครือ่ งพิมพ์ไมไ่ ด้อยู่ในโหมด ออนไลน์ การแก้ปัญหา: ตง้ั คา่ เครื่องพิมพใ์ ห้อยู่ในโหมดออนไลน์ เครอื่ งพมิ พ์บางเคร่ืองมีปุ่มหรือ ตวั ควบคุม อยู่ บนแผงด้านหน้าสาหรับเปลี่ยนไปมาระหว่างโหมดออนไลน์และโหมดออฟไลน์ ถ้าเครื่องพิมพ์มีปุ่มหรือ สวติ ช์ ออนไลน/์ ออฟไลน์ ให้เลอื ก ออนไลน์ ๙) เคร่ืองพิมพ์พิมพข์ ้อมลู ออกมาเปน็ ขยะ สาเหต:ุ ไม่ไดต้ ิดตั้งหรอื เลือกไดรเวอรข์ องเครื่องพิมพ์ทถ่ี ูกต้อง การแกป้ ัญหา: ตรวจดใู ห้แนใ่ จวา่ มีการตดิ ตงั้ และเลือกไดรเวอรข์ องเครอ่ื งพิมพ์ทถ่ี ูกต้อง สาเหต:ุ สายไฟของเครื่องพมิ พไ์ ม่ได้เชื่อมต่ออย่างเหมาะสม การแก้ปัญหา: ใหอ้ ่านเอกสารท่มี าพร้อมกบั เคร่ืองพิมพ์ แลว้ เช่อื มตอ่ สายไฟใหมอ่ ีกครั้งหน่งึ
๑๐) คอมพิวเตอรแ์ สดงขอ้ ความว่า out of memory สาเหตุ: คา่ คอนฟิเกอเรชนั ของหนว่ ยความจาต้งั คา่ ที่ไมถ่ ูกต้อง, หนว่ ยความจาไม่พอในการรัน การแก้ปัญหา: ปิดโปรแกรมท่ีคุณกาลังใช้อยู่ อ่านเอกสารที่มาพร้อมกับโปรแกรมเพ่ือดูข้อกาหนด เกีย่ วกับหนว่ ยความจา อาจตอ้ งซ้ือและติดตงั้ หนว่ ยความจาเพ่มิ เตมิ ๑๑) คอมพิวเตอร์แสดงข้อความวา่ Insufficient memory สาเหต:ุ หน่วยความจาของคอมพวิ เตอร์เหลอื ไม่เพยี งพอท่ีจะรันโปรแกรม การแกป้ ัญหา: โปรแกรมบางอย่างจะแอกทีฟอยู่ในแบ็กกราวนด์เม่ือเราเปิดข้ึนมา โปรแกรมเหล่านี้ ใช้ หน่วยความจาบางสว่ นถงึ แม้วา่ จะรันอยใู นแบ็กกราวด์กต็ าม ๑๒) คอมพิวเตอร์ไมม่ ีเสียง สาเหตุ: มีการปิดระบบเสยี ง การแก้ปัญหา : คลิกที่ไอคอน Speaker บนทาสก์บาร์ของวินโดวส์ ตรวจดูให้แน่ใจว่าเช็คบ็อกซ์ Mute ไม่มีเคร่ืองหมายใดอยู่ ทาการเพ่ิมระดับเสียง และควรตรวจสอบดูให้แน่ใจว่าล าโพงเช่ือมต่อกับ คอมพิวเตอร์ แน่นหนาหรือไม่ ๑๓) อาการบูตเครื่องข้ึนมาแล้วมีสัญญาณเตือนดัง ปี๊บ...........ปี๊บ ควรตรวจสอบแรมว่าทางานเป็น ปกติ หรือไม่ ติดต้ังดีแล้วหรือยัง วิธีแก้ไขให้ถอดแล้วเสียบใหม่ตรวจสอบการติดตั้งการ์ดต่างๆ บนเมนบอร์ดว่า ติดตั้งดี แล้วหรอื ยงั วธิ ีแกไ้ ขให้ถอดแล้วเสียบใหม่ ตรวจสอบซพี ียูและการเซ็ตจัมเปอรว์ า่ ถูกต้องหรือไมว่ ิธแี ก้ไข เซ็ตจมั เปอร์ ใหมโ่ ดยตรวจเช็คจากคู่มือเมนบอรด์ สาหรับเมนบอร์ดท่ีใช้ไบออสยี่ห้อ Award นี้สัญญาณ เสียง Beep Code จะฟังค่อนข้างง่ายไม่ ซับซ้อน เหมือนไบออสย่ีห้ออื่น โดยเสียงที่ได้ยินจะเป็นเสียง “ป๊ีบ” สั้นและยาวสลับกันซ่ึงเราจะสังเกตอาการ เสียได้จาก จานวนครงั้ ในการส่งเสยี งรอ้ งเตอื น โดยมีจงั หวะดงั น้ี เสยี งดัง ๑ ครงั้ แสดงว่าขน้ั ตอนการบูตเครื่องหรือขน้ั ตอน Post เปน็ ปกติ เสียงดัง ๒ คร้ัง แสดงว่ามีปัญหาในส่วนของแรม เช่น เสียบไม่แน่นหรือแรมเสียทาให้บูตเคร่ืองไม่ผ่าน ควร ตรวจสอบแรม เสียงดัง ๓ ครั้ง แสดงว่ามีปัญหาในส่วนของแรม เช่น เสียบไม่แน่นหรือแรมเสียทาให้บูตเครื่องไม่ผ่าน ควร ตรวจสอบแรม เสียงดังต่อเน่ือง แสดงว่ามีปัญหาในส่วนของแหล่งจ่ายไฟ เช่น เพาเวอร์ซัพพลาย หรือเมนบอร์ดอาจมี ปัญหา ให้ตรวจสอบ เพาเวอรซ์ ัพพลาย และเมนบอรด์ เสียงดังถีๆ่ แสดงวา่ มปี ญั หาในสว่ นเมนบอรด์ ให้ตรวจสอบสายสัญญาณตา่ งๆ และตัวเมนบอรด์ เสียงดัง ๖ ครงั้ แสดงวา่ มปี ัญหาในสว่ นของคยี ์บอร์ด ใหต้ รวจสอบคีย์บอรด์ เสยี งดัง ๗ ครงั้ แสดงวา่ มีปญั หาในส่วนของซีพยี ู อาจต้องเปล่ียนซพี ียใู หม่ เสียงดัง ๘ คร้ัง แสดงว่ามีปัญหาในส่วนของการ์ดแสดงผล (VGA) ตรวจสอบการ์ดแสดงผลว่าเสียบ แน่นดี หรือไม่ หากยงั ไม่ได้ผลอาจตอ้ งเปลีย่ นการ์ดแสดงผลใหม่ เสียงดังยาว ๑ ส้ัน ๒ แสดงว่ามีปัญหาในส่วนของการ์ดแสดงผล (VGA) ตรวจสอบการ์ดแสดงผลว่า เสียบ แน่นดหี รือไม่ หากยังไม่ได้ผลอาจตอ้ งเปล่ยี นการ์ดแสดงผลใหม่
เสียงดงั ๙ ครงั้ แสดงว่ามีปัญหาในส่วนของไบออส อาจตอ้ งเปล่ยี นไบออสใหม่ เสยี งดัง ๑๐ คร้งั แสดงว่ามปี ัญหาในส่วนของการเขียน CMOS อาจตอ้ งเปล่ยี นเมนบอรด์ ใหม่ เสียงดัง ๑๑ ครงั้ แสดงวา่ มีปัญหาในส่วนของหนว่ ยความจาแคช ควรตรวจสอบแคชภายนอกบน เมนบอร์ด ไม่มีเสียง แสดงว่ามีปัญหาในส่วนของเพาเวอร์ซัพพลาย, เมนบอร์ด หรือซีพียู รวมถึงสายสัญญาณ และ สายไฟตา่ ง ๆ ๑๔) ปญั หาเมนบอรด์ อาการเสียท่ีเกิดจากเมนบอร์ดน้ันเป็นปัญหาท่ีค่อนข้างแก้ไขยาก และเกิดจากหลายสาเหตุ เนื่องจาก มี อปุ กรณ์หลายตวั เข้ามาตดิ ต้ังอย่บู นเมนบอร์ด ทาใหเ้ มอ่ื เมนบอร์ดมีปัญหามักหาสาเหตุไม่ค่อยเจอ ส่วนใหญ่ จะมอง ไปที่อปุ กรณต์ ัวอื่นมากกว่า เพราะจะวา่ ไปแล้วโอกาสที่อาการเสียจะเกิดจากเมนบอรด์ นั้น มีค่อนขา้ ง น้อยทาให้อาจ นึกไม่ถึง สาหรับอาการเสียของเมนบอร์ดจะคล้ายกับอาการเสียของอุปกรณ์ตัวอื่นท่ีติดต้ังอยู่บน เมนบอร์ด เช่น เคร่ืองบูตไม่ขึ้น, จอภาพมืด ส่วนใหญ่จะคิดว่าสาเหตุน่าจะเกิดมาจากจอภาพและฮาร์ดดิสก์ มากกว่า หรืออาการ เครื่องแฮงค์บ่อย หลายคนมักวิเคราะห์วา่ น่าจะเกิดจากแรม หรือไม่ก็ซีพียู แต่แท้จริงแล้ว หากเมนบอร์ดเสีย เคร่ือง ก็ไม่สามารถบูตได้ หรือเกิดอาการแฮงค์บ่อยได้เหมือนกัน แนวทางในการวเิ คราะหป์ ัญหาเกดิ จากเมนบอร์ดมีดงั นี้ - ตรวจสอบการเชื่อมต่อของขั้วต่อต่างๆ บนเมนบอร์ดและอุปกรณ์ต่างๆ ให้แน่นและถูกต้อง เช่นข้ัวต่อ สายแพกบั ฮาร์ดดิสก,์ ขัว้ ต่อสายไฟจากเพาเวอรซ์ พั พลายกบั กับเมนบอร์ด เปน็ ตน้ - ตรวจสอบการติดตั้งของอปุ กรณต์ า่ งๆ บนเมนบอรด์ ให้ถกู ต้อง เช่น แรม หรอื การด์ ต่างๆ บน เมนบอรด์ ให้ แนน่ - ตรวจสอบการระบายความรอ้ นบนอุปกรณเ์ มนบอร์ดเช่น พดั ลมชิพเซท็ พัดลมพาวเวอรซ์ พั พลาย หรือพัด ลมเสริมตวั อ่ืนๆ ว่ายังทางานอยดู่ หี รอื ไม่ - ตรวจสอบการเซ็ตจัมเปอร์และดิปสวิตซ์บนเมนบอร์ดว่ากาหนดค่าต่างๆ ถูกต้องหรือไม่ ส่วนมาก มักจะ เปน็ เมนบอร์ดรุ่นเกา่ ๆ - ตรวจสอบการกาหนดคา่ ในไบออสวา่ มีการกาหนดคา่ ถกู ต้องและเหมาะสมหรอื ไม่ - ตรวจสอบถา่ นแบตเตอรบ่ี นเมนบอรด์ วา่ หมดแล้วหรือยังถา้ หมดใหเ้ ปลี่ยนถ่านใหม่ หากเมนบอรด์ ถามหา พาสเวิร์ดแล้วจาไม่ได้ให้ทาการเคลียร์ไบออสโดยถอดจัมเปอร์ไปเสียบท่ีขา Clear Bios (ดูคู่มือ เมนบอร์ดประกอบ) หรือจะถอดถ่านแบตเตอร่อี อกมาทิ้งไวส้ กั พกั แล้วใสเ่ ขา่ ไปใหมก่ ็ได้ - ตรวจสอบอุปกรณฮ์ าร์ดแวร์ที่นามาตดิ ต้ังวา่ เข้ากันได้กบั เมนบอร์ดหรือไม่ บางคร้ังหากผู้ใช้ซื้อ อุปกรณ์รุ่น ใหม่ๆ มาเมนบอร์ดตัวเดิมจะไม่สามารถรองรับได้ ให้ทาการอัพเดทไบออสเพื่อให้เมนบอร์ดมี ประสิทธิภาพมากขึ้น สามารถรู้จักกับอปุ กรณ์ ใหม่ๆ ได้ หากได้ทาการตรวจสอบขั้นตอนเหล่าน้ีแล้วยังไม่พบปัญหาก็อาจเป็นไปได้ว่า เมนบอร์ดเสีย ให้เช็คดูว่า มี กระแสไฟลดั วงจร หรอื เมนบอร์ดช๊อตหรือไม่ โดยตรวจสอบแทน่ รองนอ็ ตหรือมีวัตถแุ ปลกปลอมอย่างอื่นที่ สามารถ นาไฟฟ้าได้แอบแฝงอยู่บนเมนบอร์ดหรือไม่ ซึ่งปัญหาที่พบบ่อยท่ีสุดคือ เมื่อผู้ใช้ได้ติดต้ังเมนบอร์ดแล้ว ลืมน๊อต ตกค้างอยู่บนเมนบอร์ดเมื่อมีกระแสไฟจ่ายเข้ามาก็อาจทาให้เมนบอร์ดพังได้ เพราะน๊อตตัวเล็ก ๆ จะ เป็นตัวนา กระแสไฟได้เปน็ อย่างดีสรปุ คอื การทจี่ ะร้วู า่ เมนบอรด์ เสียเปล่าต้องมีการทดสอบคือนาเมนบอร์ดตัว ใหมม่ าทดสอบ
๑๕) ฮารด์ ดิสกบ์ ูตไม่ขึน้ จริงแล้วสาเหตุทฮ่ี าร์ดดิสก์บูตไม่ขึ้นน้นั หลายครงั้ มักเกิดจากความผดิ พลาดทางดา้ นซอฟต์แวร์ ส่วน สาเหตุ ทางด้านฮาร์ดแวร์นั้นส่วนใหญ่มักเกิดจากฮาร์ดดิสก์มีแบดเซ็กเตอร์เป็นจานวนมาก หรือเกิดแบดเซ็กเต อร์บริเวณ พ้ืนที่ที่เก็บข้อมูลสาคัญของฮาร์ดดิสก์จึงทาให้ฮาร์ดดิสก์ไม่สามารถบูตขึ้นมาได้ โดยจะแสดงอาการ เงียบไปเฉยๆ หลังจากท่ีบูตเครื่องขึ้นมาแล้ว หรืออาจฟ้องขึ้นมาว่า No Boot Device หรือ Disk Boot failure Please insert system disk and please anykey to continue สาหรับวิธีแก้ไขน้ัน ให้เราทาการตรวจสอบแบดเซ็กเตอร์โดยอาจบูตเคร่ืองข้ึนมาดว้ ยแผ่นบตู แลว้ ใช้ ค าสั่ง Scandisk หรือโปรแกรม Norton Disk Doctor เวอร์ช่ันดอสตรวจสอบแบ็ดเซ็กเตอร์และซ่อมแซม ดูก่อน หาก มีแบดเซ็กเตอร์มากก็อาจไม่หาย หนทางสุดท้ายคือทา Fdisk แบ่งพาร์ทิชั่นใหม่แล้วพยายามกัน ส่วนท่ีเป็นแบดเซ็ก เตอร์ออกไป บางคร้ังสาเหตุที่ฮาร์ดดิสก์บูตไม่ขึ้น น่ิงเงียบไปเฉยๆ อาจเกิดจากแผ่น PCB (แผ่นวงจรด้านล่างของ ฮารด์ ดิสก)์ เกดิ การช็อต วิธแี กไ้ ขคอื ให้นาฮาร์ดดสิ กร์ ่นุ เดียวกัน สเปค็ เหมอื นกันมาถอดเปล่ยี นแผ่น PCB กจ็ ะ ทาให้ ฮารด์ ดิสกต์ ัวท่ีชอ็ ตกลบั มาทางานได้เหมอื นเดมิ หากต้องการกู้ข้อมูลที่สาคัญกลับมาไม่ควรใช้ค าสั่ง Fdisk เด็ดขาดเพราะจะทาให้ข้อมูลที่อยู่ภายใน ฮาร์ดดิสก์ให้เกล้ียงไปหมด ในที่นี้แนะนาให้ใช้โปรแกรม Spinrite ในการกู้ข้อมูลสาคัญๆซ่ึงโปรแกรมนี้เป็น โปรแกรมท่ีถกู สรา้ งมาเพ่อื กู้ข้อมูลภายในฮาร์ดดสิ ก์โดยเฉพาะ ๑๖) ปัญหาทีเ่ กิดจากซพี ยี ู ซีพียูเป็นอุปกรณ์ที่ใช้เทคโนโลยีในการผลิตค่อนข้างสูงภายในมีรายละเอียดซับซ้อนโดยจะมี ทรานซิสเตอร์ ตวั เล็กๆ อยรู่ วมกนั นับล้านๆ ตัวทาใหห้ ากมีปัญหาทเี่ กดิ จากซพี ยี ูแล้วโอกาสท่ีจะซ่อมแซม กลับคืนใหเ้ ปน็ เหมือนเดิม น้ันเป็นไปไม่ได้เลย ช่างคอมพิวเตอร์เมื่อพบสาเหตุอาการเสียท่ีเกิดจากซีพียูแล้วก็ ต้องเปล่ียนตัวใหม่สถานเดียว ปญั หาท่เี กดิ ข้นึ กับซีพียูส่วนใหญ่แล้วจะมีเพียง ๒ อาการทีพ่ บได้บ่อยๆ อาการ แรกคือ ทาให้เครือ่ งแฮงคเ์ ปน็ ประจา และอาการที่สองคือวูบหายไปเฉยๆ โดยท่ีทุกอย่างปกติ เช่นมีไฟเข้า พัด ลมหมุน แต่ไม่มีอะไรเกิดข้ึนบนหน้าจอ สาเหตุส่วนใหญ่มักจะเกิดจากซีพียูมีความร้อนมากเกินไปจนเมื่อถึง จุดๆ หนึ่งก็เด้ียงไปแบบไม่บอกไม่กล่าวเลย สาหรับวิธีแก้ปัญหากค็ ือตอ้ งสง่ เคลมสถานเดยี ว ๑๗) RAM อาการของ RAM หายไปด้ือๆ จะเกิดกับการใช้เมนบอร์ดรุ่นที่มี VGA on board ที่จริงก็ไม่ได้หายไป ไหน หรอก เพียงแต่ส่วนหนึ่งของ RAM จะถูกนาไปใช้กับ VGA และขนาดท่ีจะโดนนาไปใช้ก็อาจจะเป็น ๒M, ๔ M, ๘M ไปจนถงึ ๑๒๘M กไ็ ดข้ ึ้นอยู่กับการต้ังใน BIOS ๑๘) ปัญหาไดรว์ซดี รี อม ปัญหานีม้ กั จะไม่เกิดกับไดรว์ซีดีรอมตัวใหม่ๆ แตส่ ว่ นใหญ่จะเกิดกบั ไดรว์ซีดีรอมทมี่ ีการใช้งานมานาน แล้ว หรือประมาณ ๑ ปีขึ้นไป และสาเหตุท่ีเห็นกันบ่อยก็คือหัวอ่านสกปรก ส่วนใหญ่จะเป็นพวกฝุ่น เข้าไปกับ แผ่นซีดี แล้วเราก็นามันเข้าไปอ่านในไดรว์ ฝุ่นก็เลยเข้าไปติดท่ีหัวอ่าน พอสะสมมากๆ เข้าก็เลยทาให้เกิด อาการดังกล่าว อ่านแผ่นไม่ได้บ้างละ หาแผ่นไม่เจอบ้างละ วิธีการแก้ไขก็คือทาความสะอาดหัวอ่าน โดยใช้ แผ่นซีดีที่ไว้สาหรับทา ความสะอาดหวั อา่ น
Search