Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์

การสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์

Published by IamI Baiya, 2021-10-11 13:41:10

Description: เอกสารประกอบการเรียนเรื่องการสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์

Search

Read the Text Version

เอกสารประกอบการเรยี น วชิ า ซ่อมบารงุ ระบบคอมพวิ เตอรแ์ ละเครอื ขา่ ย ๒ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๑ รหัสวชิ า ง๒๑๒๐๒

การสื่อสารขอ้ มลู และเครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์ การติดต่อสื่อสารเป็นส่ิงที่เกิดข้ึนควบคู่มากับมนุษย์ เนื่องจากมนุษย์ต้องอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม โดยใชภ้ าษาเป็นส่ือในการส่อื สารแลกเปลยี่ นขอ้ มลู ซึ่งกันและกัน ซึ่งปจั จบุ ันการส่อื สารข้อมูลมีการ พัฒนาเจริญก้าวหน้ามากย่งิ ขึ้น มีการส่งข้อมูลในรูปแบบอิเลก็ ทรอนิกส์ โดยสามารถส่งผ่านข้อมูล ได้ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นตัวอักษร ตัวเลข สัญลักษณ์ ภาพน่ิง ภาพเคลื่อนไหว และเสียงผ่าน เครือข่ายคอมพิวเตอร์ ซึ่งการเรียนรู้เกี่ยวกับการส่ือสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์ เป็น พื้นฐานสาคัญในการทาความเข้าใจเพ่ือการพัฒนา และสามารถใช้เทคโนโลยีสาหรับการ ติดต่อสอ่ื สารไดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ การส่อื สารขอ้ มลู ทางคอมพิวเตอร์ การสื่อสารข้อมูลทางคอมพิวเตอร์ หมายถึง การโอนถ่าย (Transmission) ข้อมูลหรือการ แลกเปล่ียนข้อมูลระหว่างผู้ส่งต้นทางกับผู้รับปลายทาง ทั้งข้อมูลประเภท ข้อความ รูปภาพ เสียง หรือข้อมลู สื่อผสมโดยผ้สู ง่ ต้นทางส่งข้อมลู ผา่ นอปุ กรณ์อเิ ลก็ ทรอนิกสห์ รือคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีหน้าท่ี แปลงข้อมูลเหล่านั้นให้อยู่ในรูปสัญญาณทางไฟฟ้า (Electronic data) จากนั้นถึงส่งไปยังอุปกรณ์ หรอื คอมพิวเตอรป์ ลายทาง 1. ผู้สง่ เปน็ สงิ่ ทที่ าหนา้ ทีส่ ง่ ขอ้ มูลขา่ วสารออกไปยังจดุ หมายปลายทางท่ี ตอ้ งการ ซึง่ อาจเปน็ บคุ คลหรอื อปุ กรณ์ เชน่ เครอื่ งคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ เปน็ ต้น

2. ขอ้ มลู ขา่ วสาร เป็นส่ิงทผี่ ู้สง่ ตอ้ งการส่งไปให้ผูร้ ับทอี่ ยูป่ ลายทางซึ่งอาจเปน็ เสยี ง ขอ้ ความหรอื ภาพ เพอ่ื สอื่ สารให้เกดิ ความเขา้ ใจตรงกัน 3. สอ่ื กลาง หรอื ช่องทางการสือ่ สาร เป็นส่งิ ท่ชี ว่ ยใหข้ ้อมลู ขา่ วสารเดนิ ทางจากผสู้ ่งไป ยังผรู้ บั ไดโ้ ดยสะดวก ซงึ่ มหี ลายรูปแบบ ดงั นี้ * สายสญั ญาณชนิดตา่ งๆ เชน่ สายโทรศพั ท์ สายเคเบลิ เสน้ ใยแก้วนา แสง เป็นตน้ * คลืน่ สัญญาณชนดิ ต่างๆ เช่น คล่นื วิทยุ คลืน่ ไมโครเวฟ คลื่นแสง คลน่ื อินฟราเรด * อปุ กรณเ์ สรมิ ชนดิ ตา่ งๆ เช่น เสาอากาศวทิ ยุ เสาอากาศ โทรศัพท์ ดาวเทยี ม โมเดม็ 4. ผรู้ บั เปน็ สงิ่ ทีท่ าหนา้ ทร่ี ับข้อมลู ขา่ วสารจากผู้สง่ ซง่ึ ส่งผา่ นสอ่ื กลางชนดิ ตา่ งๆ เช่น เครอ่ื งคอมพวิ เตอร์ โทรศพั ท์ โทรทศั น์ วทิ ยุ เปน็ ต้น การที่จะสง่ ขอ้ มลู ข่าวสารจากผ้สู ง่ ไปยังผู้รบั ไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพน้นั จะขาด สว่ นประกอบใดส่วนประกอบหนึง่ ท่ีกล่าวมาแลว้ ไม่ได้ และตอ้ งร้จู กั เลอื กใช้อุปกรณ์และวธิ กี ารให้ เหมาะสมกบั ลักษณะงาน 5. โปรโตคอล (Protocol) เปน็ ขอ้ กาหนดหรือขอ้ ตกลงถึงกฎระเบยี บและวิธกี ารท่ใี ช้ใน การสื่อสารเพอื่ ใหผ้ ู้ส่งและผรู้ ับมีความเขา้ ใจตรงกนั

ชนดิ ของการส่อื สาร การสอื่ สารข้อมูลระหวา่ งผูร้ ับกบั ผสู้ ง่ สามารถแบง่ ได้เปน็ 3 ประเภท 1. การส่อื สารขอ้ มูลทิศทางเดยี ว (Simplex Transmission) เป็นการติดต่อสอ่ื สาร เพยี งทศิ ทางเดยี ว คือผสู้ ง่ จะส่งขอ้ มลู เพยี งฝงั่ เดียวและโดยฝงั่ รบั ไมม่ ีการตอบกลับ เชน่ การ กระจายเสียงของสถานวี ิทยุ การส่งe-mail เป็นต้น 2. การสื่อสารข้อมลู สองทศิ ทางสลบั กัน (Half Duplex Transmission) สามารถส่ง ข้อมลู ในเวลาใดเวลาหนงึ่ ไปในทิศทางเดยี วเทา่ นั้น ทั้งฝา่ ยสง่ และฝ่ายรับ หรือพูดอกี นยั หนงึ่ คอื ผู้ สง่ สามารถส่งข้อมูลไปใหแ้ กผ่ ูร้ ับ สว่ นผรู้ ับก็สามารถโตต้ อบกลับได้ แต่ไมส่ ามารถส่งสวนทางกนั ได้ ในเวลาเดียวกนั เชน่ การสง่ วทิ ยุของตารวจ 3. การสือ่ สารข้อมลู สองทิศทางพรอ้ มกัน (Full Duplex Transmission) สามารถสง่ ขอ้ มลู ในเวลาใดเวลาหนึง่ ได้ทัง้ 2ทิศทาง ทง้ั ฝา่ ยสง่ และฝา่ ยรบั หรอื พดู อีกนัยหนง่ึ คอื ผสู้ ง่ และ ผรู้ บั สามารถโตต้ อบสวนทางกันได้ในเวลาเดยี วกนั เช่น การสง่ สัญญาณโทรศพั ท์ สนทนา msn , feaebook

ประเภทของสัญญาณ ข้อมลู ทใ่ี ช้ในการส่อื สารขอ้ มูลทางคอมพิวเตอร์ ตอ้ งเป็นขอ้ มลู ทอ่ี ยใู่ นรปู สัญญาณ ทางไฟฟ้า ซงึ่ สามารถจาแนกสญั ญาณได้ 2ลักษณะ 1. สญั ญาณแบบดิจทิ ัล(Digitals signal) เป็นสญั ญาณที่ถกู แบ่งเปน็ ชว่ งๆ อย่างไมต่ อ่ เน่อื ง (Discrete)โดยลักษณะของ สัญญาณจะแบง่ ออกเปน็ สองระดบั เพ่ือแทนสถานะสองสถานะ คอื สถานะของบิต 0 และสถานะ ของบิต 1 โดยแต่ละสถานะคอื การใหแ้ รงดันทางไฟฟ้าท่ีแตกตา่ งกัน การทางานในคอมพิวเตอร์ใช้ สญั ญาณดจิ ิทลั 2. สัญญาณอนาลอก(Analog Signal) เป็นสัญญาณคล่ืนแมเ่ หลก็ ไฟฟา้ ทมี่ คี วามตอ่ เนอ่ื งของสญั ญาณ โดยไมเ่ ปลย่ี นแปลง แบบทันที่ทนั ใดเหมือนกับสัญญาณดิจทิ ัล เชน่ เสียงพูด หรอื อณุ หภูมใิ นอากาศเมอื่ เทยี บกับเวลาท่ี เปลี่ยนแปลงอยา่ งตอ่ เนอื่ ง ตาราง พัฒนาการส่ือสารขอ้ มลู ท่ีสาคัญต้ังแต่อดตี จนถึงปัจจุบัน

พ.ศ. เทคโนโลยี รายละเอียด 2380 โทรเลข (telegram) เป็นอปุ กรณ์ส่ือสารข้อมลู อิเลก็ ทรอนิกสแ์ บบแรก ประดิษฐ์ขึ้นทป่ี ระเทศองั กฤษ ซ่งึ ใชอ้ ุปกรณท์ างไฟฟา้ ส่ง ข้อความจากทีห่ นงึ่ ไปอกี ทห่ี นึ่ง ถกู นามาใช้อยา่ ง กวา้ งขวางในการสง่ ขา่ วสาร 2453 เครอ่ื งโทรพิมพ์ เปน็ อุปกรณ์สือ่ สารขอ้ มลู อิเลก็ ทรอนกิ ส์แบบเดยี วกบั โทร (teleprinter) เลข แตส่ ามารถพมิ พ์ขอ้ ความทีไ่ ด้รบั ลงกระดาษไดโ้ ดย อตั โนมตั ิ ซ่ึงเป็นทร่ี ู้จกั กนั ทัว่ ไปช่ือ เทเลก็ ซ์ (TELEX)ส่วน ใหญใ่ นอเมรกิ าเรยี กว่า TWX 2487 มาร์ค 1 คอมพิวเตอร์ เปน็ เครื่องคอมพวิ เตอร์เคร่ืองแรกของโลก สรา้ งโดย (Mark I- Computer) มหาวิทยาลยั ฮารว์ ารด์ ประเทศสหรัฐอเมรกิ า ใชห้ ลอด สุญญากาศ ซง่ึ ใช้กาลงั ไฟฟา้ สูง จงึ มปี ัญหาเรื่องความร้อน และไส้หลอดขาดบ่อย 2503 ดาวเทยี มสอื่ สารดวงแรก ชอื่ วา่ เอคโค 1 (Echo 1) ถกู สร้างข้นึ เพอ่ื การทดสอบ ของสหรฐั อเมริกา (first ระบบสือ่ สารผ่านดาวเทยี มเทา่ นน้ั ซ่ึงดาวเทยี มเปน็ โลหะ U.S.satellite) มีรปู ทรงกลม สามารถสะท้อนคลนื่ ไมโครเวฟทส่ี ง่ มาจาก จุดใดจดุ หนึ่งบนพืน้ โลกไปยังอีกจดุ หนึ่งได้ 2513 เลเซอร์ (laser) คิดค้นโดย ทโี อดอร์ ไมแมน(Theodore Maiman) ท่ี สถาบนั วจิ ัย ฮิวจ์ (Hughes Research Labaratories) เปน็ ลาแสงขนานที่มีความเขม้ สงู และมคี วามยาวคลนื่ ท่ีตายตวั ซึ่งใน ช่วงแรกของการวจิ ัยมีแนวโนม้ เพอื่ นาไปใช้ทางการทหาร

2514 อีเมล (e-mail) มีการทดลองส่งครง้ั แรกในเครือข่ายโดยเรย์ ทอมลนิ สัน 2515 อเี ทอร์เนต็ (thernet) (Ray Tomlinson) บริษัท ซีรอ็ กซ์ (Xerox) ได้สรา้ งมาตรฐานสาหรบั การ สื่อสารขอ้ มลู บนเครอื ขา่ ยเฉพาะบรเิ วณ (LAN)ขน้ึ ซง่ึ ปัจจุบนั เปน็ ทีย่ อมรบั กนั ว่าเป็นเทคโนโลยีเครอื ขา่ ยท่ีเป็น มาตรฐานหลกั ของเทคโนโลยสี ารสนเทศท้ังหมด พ.ศ. เทคโนโลยี รายละเอยี ด 2519 พซี ี (personal คิดคน้ ขึน้ เพอ่ื ให้ผู้ใชง้ านท่วั ไป สามารถใช้คอมพวิ เตอรไ์ ด้ computer:PC) อยา่ งสะดวกสบาย 2526 อินเทอรเ์ นต็ (Internet) เครือขา่ ยคอมพวิ เตอรข์ นาดใหญท่ โ่ี ยงใยกนั ทั่วโลก โดย 2527 เซลลลู าร(์ cellular) เครือขา่ ยดังกลา่ วจะตอ้ งมีมาตรฐานการรับส่งขอ้ มูล ระหว่างกนั เปน็ แบบเดยี วกัน แมค้ อมพวิ เตอร์ทเ่ี ชื่อม 2533 ปรบั ปรงุ ระบบอารพ์ า ภายในเครือขา่ ยดังกลา่ วอาจจะแตกตา่ งชนิดหรอื ต่าง เน็ต (ARPANET ขนาดกันก็สามารถสอ่ื สารกันได้ Reorganization) ระบบโทรศพั ทไ์ รส้ ายแบบเซลลูลารไ์ ดเ้ ข้ามาแทนท่ีระบบ โทรศัพทไ์ รส้ ายแบบใช้คล่นื วทิ ยุ เครือขา่ ยอารพ์ าเน็ตถกู ยกเลิกและถูกแทนทีด่ ว้ ยระบบ เครือขา่ ยไรส้ ายระดบั ชาติ

2535 เวลิ ด์ไวดเ์ ว็บ (World เปน็ การบริการข้อมลู แบบไฮเปอรเ์ ทก็ ซ์ (hypertext) ที่ Wild Web) ประกอบไปดว้ ยเอกสารจานวนมากทม่ี กี ารเช่ือมโยงกัน 2541 โทรทศั น์แบบ HDTV เปน็ โทรทศั น์ท่มี คี วามละเอยี ดสงู ใหภ้ าพคมชดั มากกวา่ ปกติ เร่มิ จาหน่ายคร้ังแรกในประเทศสหรฐั อเมริกา 2543 ระบบสื่อสารแบบไรส้ าย ระบบส่อื สารแบบไรส้ ายเริ่มเขา้ มามีส่วนแบ่งทาง (wireless technology) การตลาดมากขน้ึ 2545 ระบบส่ือสารแบบบรอด บรกิ ารอนิ เทอร์เนต็ ความเร็วสูงทใี่ ชเ้ ทคโนโลยี แบนต์(broadband Asymmetric Digital Subscriber Line (ADSL) น่ันคือ access) การสื่อสารขอ้ มลู ความเร็วสงู บนข่ายสายทองแดง หรอื คู่ สายโทรศพั ท์ 2.เครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอร์ เครือขา่ ยคอมพิวเตอร์ (computer network) เป็นการเชอื่ มตอ่ คอมพิวเตอรแ์ ละ อปุ กรณต์ อ่ พว่ งเขา้ ดว้ ยกนั เพ่อื ใหส้ ามารถใช้ข้อมูลร่วมกันได้ เครอื ขา่ ยคอมพิวเตอร์แบ่งออกตาม การเช่ือมโยงได้เป็น 4 ชนดิ ดังน้ี 2.1 เครอื ข่ายสว่ นบคุ คล หรอื แพน (Personal Area Network : PAN) เป็นเครือขา่ ยท่ี ใชส่ ว่ นบุคคล ซึ่งเป็นการเช่อื มตอ่ แบบไรส้ ายในระยะใกล้ เช่น เชน่ Bluetooth ตัวอยา่ ง เชน่ การ แลกเปล่ียนขอ้ มลู ระหวา่ ง PDA กับ Desktop โดยมีระยะทางไม่เกิน 1เมตร และมอี ัตราการรบั ส่ง ขอ้ มลู ความเร็วสูงมาก (สงู ถงึ 480 Mbps)การเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์กบั โทรศัพทม์ ือถอื การ เชอื่ มต่อคอมพิวเตอรก์ ับเครอื่ งพีดเี อ เปน็ ต้น

2.2 เครอื ขา่ ยเฉพาะท่ี หรือ (Local Area Network : LAN) เป็นเครือขา่ ยขนาดเลก็ ซ่งึ เชือ่ มโยงคอมพวิ เตอรแ์ ละอุปกรณส์ อื่ สารทอ่ี ยู่ในท้องท่บี รเิ วณเดียวกนั เขา้ ด้วยกัน เช่น ภายใน อาคาร หรอื ภายในอง๕การทมี่ ีระยะทางไม่ไกลมากนัก เป็นตน้ โดยคอมพวิ เตอรแ์ ตล่ ะเครอ่ื งจะตอ่ เข้ากบั อุปกรณเ์ ครอื ข่าย เชน่ ฮับ สวิตช์ เป็นตน้ ซง่ึ อุปกรณ์เครือข่ายแตล่ ะตวั จะเช่ือมตอ่ กนั โดยใช้ สายตีเกลยี วคู่ สายใยแกว้ นาแสงหรือคลื่นวิทยุ และเครอื ข่ายแลนจะเช่ือมต่อถึงกันดว้ ยอุปกรณจ์ ัด เสน้ ทาง (router) การสร้างเครอื ขา่ ยแลนนี้แต่ละองคก์ ร สามารถดาเนนิ การเองได้ โดยการวาง สายสญั ญาณสอ่ื สารภายในอาคารหรอื ภายในพน้ื ท่ีของตนเอง เครอื ขา่ ยแลนมตี ้งั แต่เครอื ข่ายขนาด เล็กทเี่ ช่ือมโยงคอมพิวเตอร์ตัง้ แตส่ องเครอื่ งขึน้ ไปภายในหอ้ งเดียวกนั จนถึงเชื่อมโยงระหวา่ งหอ้ ง หรือองคก์ รขนาดใหญ่ เช่น ภายในสานกั งาน ภายในโรงเรยี นหรอื มหาวทิ ยาลยั เป็นต้น ทาให้ เครื่องคอมพิวเตอร์หลายๆ เครอื่ งที่เชอื่ มตอ่ กัน สามารถส่งขอ้ มลู แลกเปลีย่ นกันได้อยา่ งสะดวก รวดเรว็ และยังสามารถใช้ทรัพยากรรว่ มกนั ไดอ้ กี ด้วย 2.3 เครือข่ายนครหลวง หรือแมน (Metropolitan Area Network : MAN) เป็น เครือขา่ ยทเี่ ช่ือมโยง

แลนท่ีอย่หู า่ งกนั เช่น ระหวา่ งสานกั งานทอ่ี ยคู่ นละอาหาร ระบบเคเบลิ ทวี ตี ามบา้ นในปัจจบุ ัน เป็น ตน้ โดยมีลักษณะการเชอื่ มโยงคอมพวิ เตอรท์ ม่ี รี ะห่างไกลกันในชว่ ง 5-40 กิโลเมตร ผ่านสาย ส่อื สารประเภทสายใยแก้วนาแสงสายโคแอกเชยี ล หรอื อาจใชค้ ลืน่ ไมโครเวฟ 2.4 เครอื ขา่ ยวงกวา้ ง หรอื แวน (Wide Area Network : WAN) เปน็ เครอื ขา่ ย คอมพวิ เตอร์ขนาดใหญ่ ทีเ่ ช่อื มโยงระบบคอมพวิ เตอร์ในระยะหา่ งไกล มกี ารติดต่อสอ่ื สารกันในบรเิ วณกว้าง เชน่ เชอ่ื มโยง ระหว่างจังหวดั ระหวา่ งประเทศ เปน็ ต้น 3. โพรโทคอลและอปุ กรณส์ ือ่ สารในระบบเครือขา่ ยคอมพิวเตอร์ การสอ่ื สารโดยผ่านระบบเครอื ข่ายคอมพวิ เตอร์ จะตอ้ งมีการเชอื่ มตอ่ ระหวา่ งเครอ่ื ง คอมพวิ เตอร์ และอุปกรณ์เครอื ขา่ ยชนิดตา่ งๆ กนั ซึ่งไม่สามารถเช่ือมตอ่ กันโดยตรงได้ ดงั นนั้ จงึ ตอ้ งการมกี ารเปลี่ยนรปู แบบของขอ้ มูลท่ีสง่ และกาหนดมาตรฐานทางด้านฮาร์ดแวร์และ ซอฟตแ์ วร์ เพอื่ ให้อุปกรณส์ ามารถติดต่อส่ือสารกนั ได้ 3.1 โพรโทคอล (protocol) คอื ขอ้ ตกลงอยา่ งเป็นทางการเกยี่ วกบั วิธีที่ คอมพิวเตอรจ์ ะจดั รปู แบบและตอบรับขอ้ มลู ระหวา่ งการส่อื สาร ซึง่ โพรโทคอลจะมหี ลายมาตรฐาน และในแตล่ ะ

โพรโทคอลจะมขี อ้ ดีข้อเสียต่างกันไป การติดต่อส่ือสารขอ้ มลู ผ่านทางเครอื ขา่ ยนนั้ จาเปน็ ต้องมีโพรโทคอลทเี่ ปน็ ข้อกาหนด ตกลงในการสอ่ื สารข้ึน เพือ่ ช่วยใหร้ ะบบสองระบบท่แี ตกต่างกนั สามารถสือ่ สารกันอยา่ งเขา้ ใจได้ โพรโทคอลนเ้ี ป็นข้อตกลงทีก่ าหนดเกี่ยวกบั การส่อื สารระหวา่ งคอมพวิ เตอรต์ ่างๆ ทงั้ วธิ กี ารสง่ และ รบั ข้อมลู วธิ กี ารตรวจสอบข้อผิดพลาดของการส่งและการรบั ขอ้ มูล การแสดงผลข้อมลู เม่อื สง่ และ รับกันระหวา่ งเครอ่ื งสองเครื่อง ดงั นัน้ จะเห็นไดก้ ว่าโพรโทคอลมคี วามสาคญั มากในการส่อื สารบน เครือขา่ ย ซง่ึ หากไมม่ โี พรโทคอลแลว้ การสอ่ื สารบนเครอื ขา่ ยคงไมส่ ามารถเกดิ ขน้ึ ได้ ในปัจจุบนั การทางานของเครอื ขา่ ยใช้มาตรฐานโพรโทคอลต่าง ๆ ร่วมกนั ทางาน มากมาย นอกจากโพรโทคอลระดับประยกุ ต์แลว้ การดาเนินการภายในเครอื ขา่ ยยงั มโี พรโทคอ ลย่อยที่ชว่ ยทาให้ การทางานของเครอื ขา่ ยมปี ระสิทธภิ าพขึน้ ซึง่ โพรโทคอลทใี่ ช้ในการส่ือสารในปัจจุบันมหี ลาย ประเภท ตวั อยา่ งเชน่ 1) โพรโทคอลเอชทีทีพี (Hyper Tex Transfer Protocol : HTTP) เป็นโพร โทคอลหลักในการใช้งานเวลิ ด์ไวดเ์ วบ็ โดยมจี ุดประสงคเ์ พอ่ื เปน็ ชอ่ งทางสาหรบั เผยแพรแ่ ละ แลกเปล่ยี นภาษาเอชทเี อ็มแอล (Hyper Text Markup Language : HTML) ใชร้ อ้ งขอหรอื ตอบ กลบั ระหวา่ งเครอ่ื งลูกขา่ ย ทใี่ ช้โปรแกรมคน้ ดเู วบ็ กบั เครื่องแม่ข่าย (web server) โดยทางานอยู่ บนโพรโทคอลทซี พี ี (Transfer Control Protocol : TCP) 2) โพรโทคอลทีซพี ี/ไอพี (Transfer Control Protocol/Internet Protocol : TCP/IP) เป็นโพรโทคอลที่ใช้ในการสอ่ื สารในระบบอินเทอรเ์ น็ต โดยมกี ารระบผุ รู้ บั ผู้ ส่งในเครอื ข่าย และแบง่ ข้อมลู ออกเป็นแพ็กเกต็ ส่งผา่ นไปทางอินเทอรเ์ นต็ ซึง่ หากการส่งข้อมลู เกิด ความผดิ พลาดจะมกี ารร้องขอใหส้ ่งขอ้ มลู ใหม่ 3) โพรโทคอลเอสเอ็มทีพี (Simple Mail Transfer Protocol : SMTP) คอื โพรโทคอลสาหรบั ส่งไปรษณียอ์ เิ ลก็ ทรอนิกส(์ electronic mail) หรอื อีเมล (Email) ไปยังจดุ หมาย ปลายทาง

4) บลทู ูท (Bluetooth) เปน็ โพรโทคอลทใี่ ช้คลื่นวิทยุความถ่ี 2.4 GHz ใน การรบั สง่ ขอ้ มลู คลา้ ยกบั ระบบแลนไรส้ าย เพอ่ื ได้ผู้ใชง้ านคอมพวิ เตอรส์ ามารถตดิ ต่อสอ่ื สารกับ อุปกรณ์ต่อพว่ งไรส้ าย เช่น เคร่อื งพิมพ์ เมาส์ คยี ์บอรด์ โทรศพั ท์เคลอื่ นท่ี หฟู ัง เปน็ ตน้ เขา้ ดว้ ยกนั ไดส้ ะดวก ปัจจบุ ันมโี พรโทคอลในระดบั ประยกุ ตใ์ ชง้ านมากมาย นอกจากโพโทคอลที่กลา่ วมา ขา้ งต้น เช่น การโอนยา้ ยแฟม้ ขอ้ มลู ระหวา่ งกัน ใชโ้ พรโทคอลช่อื เอฟทพี ี (File Transfer Protocol : FTP)การโอนยา้ ยขา่ วสารระหว่างกนั ใชโ้ พรโทคอลชือ่ เอ็นเอ็นทพี ี (Network News Transfer Protocol : NNTP)เปน็ ต้น จะเห็นได้ว่าการใช้เครือขา่ ยคอมพวิ เตอรใ์ นทกุ วนั นี้ เป็นผล มาจากการพฒั นาโพรโทคอลตา่ งๆขนึ้ ใชง้ าน ซง่ึ การทางานอยา่ งใดอยา่ งหนงึ่ จาเปน็ ต้องผ่านการใช้ งานโพรโทคอลตา่ งๆ หลายโพรโทคอลรว่ มกนั 3.2 อปุ กรณ์สือ่ สารในระบบเครอื ขา่ ยคอมพวิ เตอร์ การเชอ่ื มตอ่ เครอ่ื งคอมพวิ เตอร์ให้กลายเป็นระบบเครอื ขา่ ยไดน้ ้นั จะตอ้ งอาศยั อุปกรณ์ สือ่ สารในระบบเครอ่ื งคอมพิวเตอร์ (network device) ซง่ึ ทาหน้าทร่ี บั และส่งขอ้ มลู โดยผา่ นทาง ส่อื กลาง ไม่วา่ จะเปน็ สอ่ื กลางแบบใช้สาย และสื่อกลางแบบไรส้ าย ซึง่ อุปกรณส์ อื่ สารในระบบ เครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์มดี งั นี้ 1) เครื่องทวนสัญญาณ (repeater) เปน็ อปุ กรณ์ท่ีทาหนา้ ทีร่ บั สญั ญาณ ดิจิทลั แลว้ ส่งตอ่ ออกไปยงั อุปกรณ์ตวั อื่น เหตทุ ่ตี อ้ งใชอ้ ุปกรณ์ทวนสญั ญาณ เน่ืองจากการสง่ สญั ญาณไปในตวั กลางทเ่ี ป็นสายสัญญาณนั้น เมื่อระยะทางมากขนึ้ แรงดันของสญั ญาณจะลดลง เร่อื ยๆ ทาใหไ้ ม่สามารถสง่ สญั ญาณในระยะทางไกลๆ ได้ ดงั นนั้ การใชอ้ ปุ กรณ์ทวนสญั ญาณจะทา ให้สามารถส่งสญั ญาณไปได้ไกลข้นึ โดยสญั ญาณไมส่ ญู หาย

2) ฮับ (hub) เป็นอุปกรณท์ ี่ทาหน้าท่รี วมสญั ญาณท่ีมาจากอปุ กรณ์รับสง่ หรือเคร่ืองคอมพวิ เตอรห์ ลายๆ เครอื่ งเขา้ ด้วยกนั สัญญาณท่สี ่งมาจากฮบั จะกระจายไปยังทุก เครอื่ งทีต่ อ่ ย่กู ับฮับ ซ่ึงแตล่ ะเครื่องจะเลอื กรับเฉพาะขอ้ มลู ทส่ี ่งมาถึงตนเองเท่านนั้ 3) บริดจ์ (bridge) ใชใ้ นการเชอ่ื มต่อเครอื ข่ายหลายเครอื ขา่ ยเขา้ ดว้ ยกัน โดยจะต้องเปน็ เครอื ข่ายทใ่ี ชโ้ พรโทคอลตวั เดียวกนั ซงึ่ มีความสามารถมากกวา่ ฮับและอปุ กรณท์ วน สญั ญาณ คอื สามารถกรองข้อมลู ทจี่ ะสง่ ตอ่ ได้ โดยการตรวจสอบวา่ ขอ้ มูลทส่ี ่งนนั้ มปี ลายทางอยู่ ท่ีใด หากเครอ่ื งปลายทางอยภู่ ายในเครือขา่ ยเดยี วกนั กับเครือ่ งสง่ ก็จะส่งข้อมลู นัน้ ไปในเครอื ขา่ ย เดียวกนั เทา่ นั้น ไม่สง่ ไปยงั เครอื ขา่ ยอ่ืน แต่หากข้อมูลมีปลายทางอยทู่ ีเ่ ครือขา่ ยอ่ืน กจ็ ะสง่ ขอ้ มูล ไปในเครอื ข่ายทม่ี ีเครอื่ งปลายทางอยเู่ ท่านัน้ ทาใหส้ ามารถจัดการกับความหนาแน่นของขอ้ มลู ได้ อย่างมีประสิทธิภาพมากข้ึน

4) อุปกรณ์จดั เสน้ ทาง (router) สามารถกรองขอ้ มลู ได้เชน่ เดยี วกบั บริดจ์ แตจ่ ะมีความสามารถมากกวา่ ตรงท่ีสามารถหาเสน้ ทางในการสง่ กลมุ่ ขอ้ มูล (data packer) ไปยงั เคร่ืองปลายทางในระยะทางทสี่ ัน้ ทส่ี ดุ ได้ 5) สวติ ช์ (switch) นาความสามารถของฮบั กับบริดจม์ ารวมกนั แตก่ ารส่ง ขอ้ มูลจากคอมพวิ เตอรต์ ัวหนงึ่ จะไมก่ ระจายไปยงั คอมพิวเตอรท์ กุ เครอ่ื งเหมือนกบั ฮับ เพราะสวิตช์ จะทาหน้าทรี่ บั กลุ่มขอ้ มลู มาตรวจสอบก่อนวา่ เปน็ ของคอมพวิ เตอร์เครอื่ งใด แลว้ นาขอ้ มลู น้ันส่ง ตอ่ ไปยังคอมพิวเตอรเ์ ปา้ หมาย ซึง่ ชว่ ยลดปัญหาการชนหรือความคับคงั่ ของขอ้ มลู 6) เกตเวย์ (gateway) เป็นอุปกรณท์ ่ีทาหน้าที่เชอ่ื มตอ่ เครอื ข่ายตา่ งๆ เข้าด้วยกัน ไม่วา่ เครือขา่ ยนน้ั จะใชโ้ พรโทคอลตวั ใดกต็ าม เนอื่ งจากเกตเวย์สามารถแปลงรปู แบบแพก็ เก็ตของโพร โทคอลหน่ึงไปเป็นรูปแบบของอีกโพรโทคอลหนึง่ ได้ เพือ่ ให้เหมาะสามกับการใช้งานในเครือขา่ ย ทาให้สามารถเชอ่ื มตอ่ กบั เครือข่ายอ่ืนๆ ไดอ้ ยา่ งไม่มีข้อจากัด แต่ในปัจจบุ นั น้ีไดร้ วมการทางาน

ของเกตเวย์ไว้ในอุปกรณจ์ ัดเสน้ ทาง(router) แลว้ ทาใหอ้ ุปกรณจ์ ดั เสน้ ทางสามารถทางานเป็นเกต เวย์ได้ จงึ ไมจ่ าเป็นตอ้ งซื้อเกตเวยอ์ กี 4. เทคโนโลยกี ารรบั สง่ ข้อมูลในเครอื ข่ายคอมพวิ เตอร์ เทคโนโลยใี นการสง่ ขอ้ มลู ผา่ นเครอื ข่ายคอมพวิ เตอร์ สามารถแบง่ เป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่ เทคโนโลยกี ารรบั ส่งขอ้ มลู แบบใช้สาย และเทคโนโลยีการรบั สง่ ขอ้ มลู แบบไรส้ าย ดังนี้ 4.1 เทคโนโลยกี ารรับส่งข้อมลู แบบใช้สาย เทคโนโลยีการส่งข้อมลู แบบใชส้ าย แบ่ง ออกตามชนิด ของสายสอ่ื สารได้ 3 ชนิด ดังน้ี 1) สายตีเกลยี วคู่ (twisted pair cable) ประกอบด้วยเสน้ ลวดทองแดง 2 เส้น ทห่ี มุ้ ด้วยฉนวนพลาสติก พนั บดิ กันเป็นเกลียว เพื่อลดการรบกวนจากคล่ืนแมเ่ หล็กไฟฟ้าจาก คสู่ ายข้างเคียงภายในเคเบิลเดยี วกนั หรือจากภายนอก เนอ่ื งจากสายตีเกลียวคู่นยี้ อมให้ สัญญาณไฟฟ้าความถสี่ งู ผา่ นได้ สาหรบั อตั ราการส่งขอ้ มลู ผ่านสายตเี กลียวคูจ่ ะขน้ึ อย่กู บั ความหนา ของสาย คอื สายทองแดงท่มี เี สน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางกวา้ ง จะสามารถสง่ สญั ญาณไฟฟา้ กาลงั แรงได้ ทา ใหส้ ามารถสง่ ข้อมลู ได้ดว้ ยความเรว็ สูง โดยทั่วไปใชส้ าหรบั ส่งข้อมลู ดจิ ทิ ลั สามารถใชส้ ่งขอ้ มลู ได้ ถงึ 100 เมกะบติ ต่อวินาที ในระยะทางไมเ่ กินรอ้ ยเมตร เนื่องจากราคาไมแ่ พงมาก ใชส้ ง่ ขอ้ มลู ไดด้ ี จงึ มกี ารใช้งานอย่างกวา้ งขวาง สายตีเกลยี วคมู่ ี 2 ชนิด ดังนี้ 1. แบบไมม่ ฉี นวนหุม้ (UTP : Unshielded Twisted Pair) 2. แบบมฉี นวนหุ้ม (STP : Shielded Twisted Pair)

สายคบู่ ดิ เกลียวแบบไมม่ ีฉนวนหมุ้ (UTP : Unshielded Twisted Pair) สาย UTP เป็นสายท่พี บเห็นกนั มาก มกั จะใช้เชื่อมโยงคอมพิวเตอรไ์ ปยัง อปุ กรณส์ อ่ื สารตามมาตรฐานท่กี าหนด สาหรับสายประเภทน้ีจะมคี วามยาวของสายในการ เชอ่ื มต่อได้ไมเ่ กิน 100 เมตร และสาย UTP มจี านวนสายบดิ เกลยี วภายใน 4 คู่ คสู่ ายในสายคูต่ ี เกลียวไมห่ ุม้ ฉนวนคลา้ ยสายโทรศพั ท์ มหี ลายเสน้ ซง่ึ แต่ละเสน้ กจ็ ะมสี แี ตกต่างกัน และตลอดทงั้ สายนัน้ จะถูกหมุ้ ดว้ ยพลาสตกิ (Plastic Cover) ปจั จุบนั เปน็ สายท่ีไดร้ บั ความนยิ มมากทส่ี ุด เนอื่ งจากราคาถูกและตดิ ตัง้ ได้ง่าย แสดงดงั รปู รปู แสดงสายคูบ่ ิดเกลียวแบบไมม่ ฉี นวนหมุ้ (UTP : Unshielded Twisted Pair) ขอ้ ดีของสาย UTP - ราคาถูก - ตดิ ต้งั งา่ ยเนือ่ งจากน้าหนักเบา - มีความยดื หยุน่ และสามารถโคง้ งอไดม้ าก ขอ้ เสยี ของสาย UTP - ไมเ่ หมาะในการเชื่อมตอ่ กบั อปุ กรณท์ ี่ห่างไกล มาก เพราะสญั ญาณทว่ี ่งิ บนสายจะถกู ลดทอนลงไปตามความยาวของสาย(มคี วามยาวของสายในการ เชื่อมตอ่ ไดไ้ มเ่ กิน 100 เมตร)

สายคบู่ ิดเกลยี วแบบมฉี นวนห้มุ (STP : Shielded Twisted Pair) สายสัญญาณ STP มีการนาสายคพู่ นั เกลยี วมารวมอยแู่ ละมกี ารเพ่ิมฉนวน ปอ้ งกนั สญั ญาณรบกวน ซึง่ รา่ งแหนจี้ ะมคี ุณสมบัติเป็นเกราะในการป้องกนั สญั ญาณรบกวนจาก คลืน่ แม่ เหล็กไฟฟ้าต่างๆ เรียกเกราะนีว้ า่ ชิลด์ (Shield) และเป็นสายสญั ญาณทไี่ ดร้ ับการพฒั นา ต่อจากสายUTP โดยเพม่ิ การชลี ด์กันสัญญาณรบกวนเพ่อื ทาให้คณุ สมบตั ิโดยรวมของสญั ญาณดี มาก ขนึ้ คุณลักษณะของสาย STP ก็เหมอื นกบั สาย UTPคอื มเี รอ่ื งเกีย่ วกับอตั ราการบ่นั ทอนครอส ทอร์ก รูปแสดงสายคูบ่ ิดเกลียวแบบมฉี นวนหมุ้ (STP : Shielded Twisted Pair) ข้อดขี องสาย STP - สง่ ข้อมลู ด้วยความเรว็ สูงกว่า UTP - ป้องกันคล่นื แม่เหล็กไฟฟา้ และคล่ืนวทิ ยุ ขอ้ เสียของสาย STP - มขี นาดใหญแ่ ละไมค่ อ่ ยยดื หยุน่ ในการงอพบั สายมาก นกั - ราคาแพงกวา่ สาย UTP 1) สายโคแอซก์ (coaxial cable) มีลักษณะเช่นเดยี วกบั สายท่ตี อ่ มาจากเสา อากาศประกอบดว้ ยลวดทองแดงทเี่ ป็นแกนหมุ้ ด้วยฉนวนชั้นหน่งึ เพอ่ื ปอ้ งกันกระแสไฟฟา้ รวั่ จากน้ันจะหมุ้ ดว้ ยตัวนาซง่ึ ทาจากลวดทองแดงถกั เป็นเปียเพอื่ ป้องกนั การรบกวนของคลื่น แม่เหล็กไฟฟา้ และสญั ญาณรบกวนอื่นๆ ก่อนจะหุ้มชัน้ นอกสดุ ดว้ ยฉนวนพลาสตกิ สัญญาณไฟฟา้ สามารถผา่ นได้สงู มาก นิยมใชเ้ ปน็ ช่องส่อื สารเช่ือมโยงผา่ นใตท้ ะเลและใตด้ นิ สายโคแอกซท์ ่ใี ช้

ท่ัวไปมี 2 ชนดิ คือ 50 โอหม์ ซง่ึ ใช้ส่งข้อมลู ดิจทิ ลั และชนดิ 75 โอห์ม ซึ่งใช้ส่งขอ้ มลู สญั ญาณอะ นาล็อก 2) สายใยแก้วนาแสง (fiber optic cable) หรือเสน้ ใยนาแสง แกนกลาง ของสายประกอบดว้ ยเสน้ ใยแกว้ หรือพลาสนิกขนาดเล็กภายในกลวง หลายๆ เส้น อยรู่ วมกัน เส้น ใยแตล่ ะเสน้ มขี นาดเลก็ ประมาณเส้นผมของมนษุ ย์ เส้นใยแตล่ ะเส้นห่อหมุ้ ดว้ ยเสน้ ใยอีกชนิดหนึง่ ก่อนจะห้มุ ชน้ั นอกสุดดว้ ยฉนวน การส่งข้อมลู ผา่ นทางสอ่ื กลางชนดิ นี้จะแตกตา่ งจากชนดิ อ่ืนๆ ซึง่ จะใชเ้ ลเซอร์วิง่ ผ่านชอ่ งกลวงของเสน้ ใยแตล่ ะเสน้ และอาศัยหลักการหักเหของแสง โดยใช้เสน้ ใย ช้ันนอกเป็นกระจกสะทอ้ นแสง สามารถสง่ ขอ้ มลู ดว้ ยอัตราความหนาแน่นของสญั ญาณขอ้ มลู ท่สี ูง มาก และไมม่ ีการก่อกวนของคลน่ื แม่เหล็กไฟฟา้ ทาใหส้ ามารถสง่ ขอ้ มลู ทง้ั ตัวอักษร ภาพ กราฟิก เสยี ง หรอื วีดที ศั น์ไดใ้ นเวลาเดียวกนั แต่ยังมขี อ้ เสยี เนอ่ื งจากการบิดงอของสายสญั ญาณจะทาให้ เส้นใยหัก จึงไม่สามารถใช้สอื่ กลางนี้เดนิ ทางตามมมุ ตึกได้ สายใยแกว้ นาแสง มลี กั ษณะพเิ ศษทีใ่ ช้ สาหรบั เช่อื มโยงแบบจดุ ไปจดุ จึงเหมาะท่จี ะใชก้ ับการเชือ่ มโยงระหวา่ งอาคารกบั อาคารหรือ ระหวา่ งเมอื งกบั เมอื ง

4.1 เทคโนโลยีการรับสง่ ข้อมลู แบบไรส้ าย เทคโนโลยีการส่งข้อมลู แบบไรส้ าย อาศัยคล่ืนแมเ่ หล็กไฟฟ้าเป็นสอ่ื กลางนา สญั ญาณซึง่ สามารถแบง่ ตามชว่ งความถี่ของคลนื่ แม่เหล็กไฟฟ้าได้ 4 ชนดิ ดงั นี้ 1) อินฟราเรด (infrared) เป็นลกั ษณะของคลนื่ แม่เหลก็ ไฟฟา้ ทใี่ ช้ในการสง่ ขอ้ มลู ระยะใกลๆ้ ในช่วงความถที่ ่ีแคบมาก ใชช้ ่องทางสอื่ สารนอ้ ย มักใช้กบั การส่ือสารขอ้ มลู ทไ่ี ม่มี ส่งิ กีดขวางระหวา่ งตัวสง่ กบั ตวั รบั สญั ญาณ โดยต้องใช้วิธกี ารสอ่ื สารตามแนวเสน้ ตรง ระยะทางไม่ เกิน 1-2 เมตร ความเรว็ ประมาณ 4-16 เมกะบติ ต่อวนิ าที เช่น การสง่ สัญญาณจากรโี มต คอนโทรลไปยงั โทรทัศน์ การเชอื่ มต่อคอมพิวเตอร์สองเครอ่ื งโดยผา่ นพอรต์ ไออารด์ ีเอ เป็นต้น 2) คลืน่ วิทยุ (radio frequency) ใช้สง่ สญั ญาณไปในอากาศ โดยมตี ัว กระจายสญั ญาณส่งไปยงั ตวั รบั สัญญาณ และใชค้ ลืน่ วิทยุในช่วงความถต่ี า่ งๆ กนั มคี วามเรว็ ตา่ ประมาณ 2 เมกะบิตตอ่ วินาที เช่น การสอ่ื สารในระบบวิทยเุ อฟเอ็ม (Frequency Modulation : FM) เอเอ็ม (Amplitude Modulation : AM) การสือ่ สารโดยใช้ระบบไรส้ าย (Wi-Fi) และบลทู ูท

3) ไมโครเวฟ (microwave) จะใชก้ ารส่งสญั ญาณคลนื่ แม่เหล็กไฟฟ้าไปใน อากาศ พรอ้ มกบั ขอ้ มลู ทต่ี อ้ งการสง่ และตอ้ งมสี ถานนที ที่ าหนา้ ทสี ่งและรับขอ้ มลู และเนอ่ื งจาก สัญญาณไมโครเวฟจะเดินทางเป็นเส้นตรงไม่สามารถเลย้ี วหรือโค้งตามขอบโลกได้ จงึ ต้องมกี ารต้งั สถานรี ับ-สง่ ขอ้ มลู เป็นระยะๆ และสง่ ขอ้ มลู ต่อกันเป็นทอดๆ ระหวา่ งสถานีตอ่ สถานี จนกว่าจะถงึ สถานปี ลายทาง และแตล่ ะสถานีจะตั้งอยใู่ นทสี่ งู เช่น ดาดฟา้ ของตึกสูง ยอดเขา เปน็ ตน้ เพื่อ หลีกเลย่ี งการชนส่งิ กดี ขวางในแนวการเดนิ ทางของสัญญาณ เหมาะกับการสง่ ข้อมลู ในพน้ื ท่ี หา่ งไกล และทุรกนั ดาร 4) ดาวเทียม (satellite) เปน็ สถานรี ับส่งสัญญาณไมโครเวฟบนทอ้ งฟา้ ซงึ่ ไดร้ ับการพฒั นาข้นึ เพอ่ื หลีกเลี่ยงขอ้ จากดั ของสถานรี บั -สง่ ไมโครเวฟบนผิวโลก เพือ่ ใชเ้ ปน็ สถานี รับส่งสัญญาณไมโครเวฟบนอวกาศ และทวนสญั ญาณในแนวโคจรของโลกซึ่งจะต้องมีสถานี ภาคพนื้ ดิน ทาหนา้ ทรี่ บั และส่งสญั ญาณขึน้ ไปบนดาวเทยี มที่โคจรอยสู่ งู จากพื้นโลกประมาณ 35,600 ไมล์ โดยดาวเทยี มเหลา่ นั้นจะเคลอื่ นทดี่ ว้ ยความเร็วทีเ่ ทา่ กบั การหมนุ ของโลก จงึ เสมอื น กบั ดาวเทยี มน้นั อย่นู ิ่งกบั ทขี่ ณะโลกหมนุ รอบตัวเอง ทาให้การส่งสญั ญาณไมโครเวฟจากสถานหี นง่ึ ขึน้ ไปบนดาวเทียมและการกระจายสัญญาณจากดาวเทียมลงมายังสถานีตามจดุ ตา่ งๆ บนผิวโลก เปน็ ไปอย่างแม่นยา

5. ประโยชน์ของการสื่อสารขอ้ มลู ผ่านเครอื ข่ายคอมพวิ เตอร์ ความสาคญั ของการสอ่ื สารขอ้ มูลผา่ นเครอื ขา่ ยคอมพิวเตอร์ เปน็ สิ่งทต่ี ระหนักกันอย่าง มากในปัจจบุ นั ด้วยเหตุว่าการสอื่ สารข้อมูลผา่ นเครือขา่ ยคอมพิวเตอร์มปี ระโยชน์หลายประการ ดงั นี้ 1. ความสะดวกในการจดั เกบ็ ข้อมูล การจัดเกบ็ ขอ้ มลู ซง่ึ อยใู่ นรูปของสัญญาณ อเิ ล็กทรอนิกสส์ ามารถจดั เก็บไวใ้ นแผน่ บนั ทึก(diskette) ทม่ี คี วามหนาแนน่ สูงได้ แผน่ บนั ทกึ แผ่น หนง่ึ สามารถบันทึกขอ้ มลู ได้มากกวา่ 1 ลา้ นตัวอักษร สาหรับการสือ่ สารขอ้ มลู น้นั ถ้าข้อมูลผ่าน สายโทรศัพทไ์ ด้ดว้ ยอตั รา 120 ตวั อกั ษรตอ่ วนิ าที จะทาให้สามารถส่งข้อมูล 200 หนา้ ไดใ้ นเวลา เพยี ง 40 นาที โดยทไ่ี มต่ อ้ งเสยี เวลาปอ้ นข้อมลู เหลา่ น้นั ซ้าใหมอ่ กี 2. ความถกู ต้องของขอ้ มูล โดยปกตมิ กี ารข้อมูลดว้ ยสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์จากจุด หนึ่งไปยังอกี จุดหนง่ึ ดว้ ยระบบดจิ ิทลั วิธกี ารรับสง่ นัน้ จะมกี ารตรวจสอบข้อมูล หากมขี อ้ มลู ผิดพลาดกจ็ ะมกี ารรับรแู้ ละพยายามหาวธิ ีการแก้ไขให้ข้อมลู ทไ่ี ด้รับมคี วามถูกต้อง โดยอาจใหท้ า การส่งใหมห่ รือกรณีผิดพลาดไมม่ าก ผรู้ บั อาจใช้โปรแกรมของตนเองแก้ไขขอ้ มูลใหถ้ กู ตอ้ งได้ 3. ความเรว็ ของการทางาน สญั ญาณทางไฟฟา้ จะเดินทางด้วยความเรว็ เท่ากบั แสง ทา ใหก้ ารใชค้ อมพวิ เตอร์สง่ ขอ้ มูลจากซีกโลกหนงึ่ ไปยงั อีกซกี โลกหนงึ่ หรือการค้นหาขอ้ มูลจาก ฐานขอ้ มูลขนาดใหญ่ สามารถทาไดอ้ ย่างรวดเรว็ ความรวดเร็วของระบบจะทาให้ผู้ใช้สะดวกสบาย อย่างยิ่ง เช่น บริษัทสายการบินทุกแห่งสามารถทราบขอ้ มลู ของทกุ เทย่ี วบนิ ไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว ทาให้ การจองท่นี ่ังของสายการบนิ สามารถทาไดท้ นั ที 4. ประหยดั ตน้ ทนุ ในการส่ือสารขอ้ มลู การเช่อื มตอ่ คอมพวิ เตอร์กนั เป็นเครือขา่ ย เพอื่ ส่งหรือสาเนาขอ้ มลู ทาให้ราคาตน้ ทุนของการใชข้ อ้ มูลไมส่ งู มากนกั เมอ่ื เทยี บกับการจดั สง่ แบบวิธี อื่น เช่น การใชอ้ ีเมลส์ ่งข้อมูลในรปู แบบอิเล็กทรอนิกส์ การใชง้ านโทรศัพทผ์ า่ นเครอื ขา่ ย อนิ เทอรเ์ นต็ เปน็ ตน้

5. สามารถเกบ็ ขอ้ มลู เปน็ ศนู ยก์ ลาง กลา่ วคอื สามารถมีขอ้ มูลเพยี งชุดเดียวในระบบ เครอื ขา่ ย ซง่ึ ถอื เปน็ ขอ้ มูลสว่ นกลาง โดยท่ีแตล่ ะแผนกในบริษทั สามารถดงึ ไปใช้ไดจ้ ากทีเ่ ดยี วกนั ไม่ต้องเกบ็ ข้อมลู ทซี่ า้ ซอ้ น กระจดั กระจายกันไปในคอมพิวเตอร์ทกุ แผนก ซึ่งจะมปี ระโยชนม์ ากใน กรณที ขี่ อ้ มลู นัน้ มกี ารเปลย่ี นแปลงกส็ ามารถเปลยี่ นแปลงขอ้ มลู จากสว่ นกลางไดท้ ันที 6. การใช้ทรัพยากรของระบบร่วมกนั ได้ ในระบบเครือขา่ ยนน้ั จะทาให้สามารถใช้ อุปกรณค์ อมพวิ เตอรร์ ว่ มกันได้ โดยทอ่ี ุปกรณ์นน้ั อาจตอ่ ยูก่ บั เคร่อื งใดเครอื่ งหนง่ึ ในเครือขา่ ย แต่ สามารถใหเ้ ครอ่ื งคอมพวิ เตอรท์ ุกเครอื่ งในเครอื ข่ายใชอ้ ปุ กรณต์ ัวนน้ั ไดโ้ ดยตรง ทาใหส้ ามารถลด ค่าใช้จา่ ยในการซื้ออปุ กรณค์ อมพิวเตอรใ์ นระบบ เชน่ สามารถใหเ้ ครื่องพิมพ์ตวั เดยี ว ซ่งึ ต่ออยกู่ ับ คอมพิวเตอรเ์ ครอื่ งหน่ึงในเครือขา่ ยรับคาสงั่ ในการพมิ พ์งานจากทกุ ๆ เคร่ืองในเครือขา่ ยได้ทันที เปน็ ต้น 7. การทางานแบบกลมุ่ สามารถใชป้ ระโยชนข์ องระบบเครอื ข่ายในการทางานใน แผนกหรอื กลุ่มงานเดียวกันได้เปน็ อยา่ งดี เช่น สามารถรว่ มแก้ไขเอกสารตัวเดยี วกันตามแผนงาน กลา่ วคอื ในระบบงานเอกสารชนดิ หนึง่ อาจจะตอ้ งผ่านการแกไ้ ขหลายขนั้ ตอน ซง่ึ จะทาให้ คอมพวิ เตอร์แต่ละเคร่อื งทางานในขน้ั ตอนของตวั เองกอ่ นจะส่งไฟล์ขอ้ มลู ของเอกสารนัน้ ไปให้ เคร่ืองคอมพวิ เตอรอ์ ่นื ๆ ในเครอื ข่ายทาขัน้ ตอนตอ่ ไป เป็นต้น


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook