โปรแกรมตารางงาน Excal
คาํ นํา รายงานเลม่ น้ีจดั ทําข้นึ เพอื่ เปน็ สว่ นหน่ึงของวชิ าโปรแกรมตารางงาน Excal ช้นั ปวช.1 เพอื่ ใหไ้ ดศ้ กึ ษาหาความรูใ้ นเรอื่ งฟงั กช์ ่นั และไดศ้ กึ ษาอยา่ งเขา้ ใจเพอื่ เปน็ ประโยชน์กบั การเรียน ผู้จดั ทาํ หวงั วา่ รายงานเลม่ นี้จะเปน็ ประโยชน์กบั ผูอ้ า่ น หรอื นักเรียน นักศกึ ษา ทก่ี าํ ลงั หา ขอ้ มลู เรอ่ื งนี้อยู่ หากมขี อ้ แนะนําหรือขอ้ ผิดพลาดประการใด ผูจ้ ัดทําขอน้อมรบั ไวแ้ ละขออภัย มา ณ ท่นี ี้ดว้ ย
สารบญั 2 4 คาํ นํา 6 ความหมายของ Excel 9 สว่ นประกอบของหน้าตา่ งโปรแกรม 12 คณุ สมบตั ขิ อง Excel 40 ฟงั กช์ ่นั ทใ่ี ชง้ าน 43 คณะผ้จู ดั ทาํ เสนอโดย
ความหมายของ Excel Excel เปน็ โปรแกรมสามัญประจําเคร่ืองท่ีมปี ระโยชน์มากมาย ใชช้ ว่ ยงานทางธุรกจิ ไดม้ ากมาย หากใชไ้ ด้อย่างคลอ่ งแคลว่ และใชง้ านความสามารถของมันได้อยา่ งครบถว้ น บทความน้ีจะชว่ ยใหเ้ รารู้จักกบั ความสามารถของ Microsoft Excel ทเี่ ราอาจจะยงั ไมท่ ราบ เพอ่ื ท่จี ะไดน้ ําไปประยกุ ตใ์ ชง้ านในทางธุรกิจต่อไปได้ Excel เปน็ โปรแกรมทางด้านตารางคํานวณ หรือทเ่ี รียกวา่ เสปรตชตี (Spreadsheet) เปน็ โปรแกรมในชดุ Microsoft Office มคี วามสามารถในด้านการสร้างตาราง การคํานวณ การวเิ คราะห์ การออกรายงานในรูปแบบตารางและกราฟ เรามารู้จัก Excel ใหม้ ากข้นึ กัน ในบทความน้ี
โปรแกรม Microsoft Excel เปน็ โปรแกรมหน่ึง ที่อยใู่ นชดุ Microsoft Office มี จดุ เดน่ ในดา้ น การคํานวณเกย่ี วกบั ตวั เลข โดยการทางานของโปรแกรมจะใชต้ าราง ตามแนวนอน(Row) และแนวต้งั (Column) เปน็ หลกั ซ่ึงเรยี กโปรแกรมในลกั ษณะน้ีวา่ ตารางทาการ (Spread Sheet) ไฟลข์ อง Excel เปรียบเสมอื นเอกสารหนังสอื 1 เล่ม ทีป่ ระกอบไปดว้ ยหน้าหลาย ๆ หน้า เรยี กวา่ สมดุ งาน (Workbook) โดยในแตล่ ะหน้าเรียกวา่ แผน่ งาน (Worksheet) ใน แตล่ ะแผน่ งานจะแบง่ ออกเปน็ ตาราง ซ่ึงประกอบไปดว้ ย ชอ่ งตารางซ่ึงเปน็ สว่ นทต่ี ดั กนั ของแถวและคอลมั น์เรยี กวา่ เซลล(์ Cell) ในแผน่ งานหน่ึง ๆ จะมแี ถวท้งั หมด 1,048,576 แถว และ 16,384 คอลมั น์ โดยใชช้ อื่ คอลมั น์เปน็ ตวั อักษรภาษาองั กฤษ ต้งั แต่ A จนถงึ Z และ ตอ่ ดว้ ย AA จนถงึ AZ, BA จนถงึ BZ ไปจนถงึ XFD
สว่ นประกอบของหน้าต่างโปรแกรม หน้าต่างโปรแกรม Microsoft Excel มีสว่ นประกอบหลักทคี่ วรทราบ ดังน้ี
1. แถบชอ่ื เร่อื ง (Title Bar) = เปน็ สว่ นท่ใี ชแ้ สดงชอื่ โปรแกรม และรายชอื่ ไฟลท์ ่ีได้ เปิดใชง้ าน 2. แถบเครอื่ งมอื ดว่ น (Quick Access) = เปน็ สว่ นท่ีใชใ้ นการแสดงคาํ ส่งั ท่ใี ชง้ าน บ่อย 3. ปุม่ ควบคมุ = เปน็ สว่ นทีใ่ ชค้ วบคุมการเปดิ หรือปดิ หน้าต่างโปรแกรม 4. ริบบอน (Ribbon) = เปน็ สว่ นทีใ่ ชแ้ สดงรายการคําส่งั ตา่ ง ๆ ทใี่ ชใ้ นการทํางาน กับเอกสาร 5. Name Box = เปน็ ชอ่ งทใี่ ชแ้ สดงชอ่ื เซลล์ที่ใชง้ านอยใู่ นขณะน้ัน เชน่ ถา้ มีการใช้ งานข้อมูลในเซลล์ A1 รายชอื่ เซลล์นี้กจ็ ะไปแสดงอยู่ในชอ่ ง Name Box
6. แถบสตู ร (Formula Bar) = เปน็ ชอ่ งทีใ่ ชแ้ สดงการใชง้ านสตู รการคาํ นวณต่าง ๆ 7. เซลล์ (Cell) = เปน็ ชอ่ งตารางทใ่ี ชส้ าํ หรับบรรจุข้อมูลตา่ ง ๆ ซ่ึงชอ่ งเซลล์แตล่ ะ ชอ่ งน้ันจะมีชอ่ื เรียกตามตาํ แหน่งแถว และคอลัมน์ ที่แสดงตําแหน่งของเซลล์ เชน่ เซลล์ B1 จะอย่ใู น คอลัมน์ B ในแถวท่ี 1 เปน็ ต้น 8. คอลัมน์ (Column) = เปน็ ชอ่ งเซลล์ทเ่ี รียงกันในแนวต้งั ของแผ่นงาน (Worksheet) 9. แถว (Row) = เปน็ ชอ่ งเซลล์ท่ีเรียงกนั ในแนวนอนของแผ่นงาน 10.Sheet Tab = เปน็ แถบที่ใชแ้ สดงจํานวนแผ่นงานทีเ่ ปดิ ข้นึ มาใชง้ าน 11.แถบสถานะ (Status Bar) = เปน็ สว่ นทใ่ี ชแ้ สดงจํานวนหน้ากระดาษ และจํานวน ตวั อกั ษรทีใ่ ชใ้ นเอกสาร
คณุ สมบตั ขิ อง Excel 1. สร้างและแสดงรายงานของขอ้ มลู ตวั อกั ษร และตวั เลข โดยมคี วามสามารถในการ จดั รูป แบบใหส้ วยงามน่าอ่าน เชน่ การกาํ หนดสพี นื้ การใสแ่ รเงา การกาํ หนดลกั ษณะและสขี อง เสน้ ตาราง การจดั วางตาํ แหน่งของตวั อักษร การกาํ หนดรูปแบบและสตี วั อกั ษร เปน็ ตน้ 2. อาํ นวยความสะดวกในดา้ นการคาํ นวณตา่ ง ๆ เชน่ การบวก ลบ คูณ หารตวั เลข และยังมี ฟงั กช์ ่นั ทใ่ี ชใ้ นการคํานวณอกี มากมาย เขน่ การหาผลรวมของตวั เลขจํานวนมาก การหา ค่า ทางสถติ แิ ละการเงนิ การหาผลลัพธ์ของโจทย์ทางคณิตศาสตร์ เปน็ ตน้
3. สร้างแผนภมู ิ (Chart) ในรูปแบบตา่ ง ๆ เพอื่ ใชใ้ นการแสดงและการเปรยี บเทียบ ขอ้ มลู ไดห้ ลายรูปแบบ เชน่ แผนภมู คิ อลมั น์ แผนภูมเิ สน้ แผนภมู วิ งกลม ฯลฯ 4. มรี ะบบขอความชว่ ยเหลือ (Help) ทจ่ี ะคอยชว่ ยใหค้ าํ แนะนํา ชว่ ยใหผ้ ใู้ ชส้ ามารถ ทาํ งานไดอ้ ยา่ งสะดวกและรวดเรว็ เชน่ หากเกดิ ปญั หาเกย่ี วกบั การใชง้ านโปรแกรม หรือ สงสยั เกย่ี วกบั วธิ ีการใชง้ าน แทนทีจ่ ะตอ้ งเปดิ หาในหนังสอื คมู่ อื การใชง้ านของโปรแกรม กส็ ามารถขอ ความชว่ ยเหลือจากโปรแกรมไดท้ ันที
5. มคี วามสามารถในการคน้ หาและแทนทข่ี อ้ มลู โดยโปรแกรมจะตอ้ งมี ความสามารถ ในการคน้ หาและแทนท่ขี อ้ มลู เพอื่ ทําการแกไ้ ขหรอื ทําการแทนทีข่ อ้ มลู ไดส้ ะดวก และ รวดเร็ว 6. มคี วามสามารถในการจดั เรียงลาํ ดบั ขอ้ มลู โดยเรยี งแบบตามลาํ ดบั จาก A ไป Z หรือจาก 1 ไป 100 และเรียงยอ้ นกลับจาก Z ไปหา A หรอื จาก 100 ไปหา 1 7. มคี วามสามารถในการจดั การขอ้ มลู และฐานขอ้ มลู ซ่ึงเปน็ กลมุ่ ของขอ้ มลู ขา่ วสาร ที่ ถกู รวบรวมเขา้ ไวด้ ว้ ยกนั ในตารางท่อี ยู่ใน Worksheet ลักษณะของการเกบ็ ขอ้ มลู เพอื่ ใช้ เปน็ ฐานขอ้ มลู มนโปรแกรมตารางงานจะเกบ็ ขอ้ มลู ในรูปแบบของตาราง โดยแตล่ ะแถว ของรายการจะ เปน็ ระเบยี นหรือเรคอร์ด (Record) และคอลัมน์จะเปน็ ฟลิ ด์ (Field)
ฟงั กช์ ่นั ท่ใี ชง้ าน 1. SUM (การหาผลรวมของขอ้ มลู ) รู ปแบบ =SUM(Number 1,Number 2,...) Number เปน็ กลุ่มของขอ้ มลู ท่ีต้องการหาผลรวมซค่งสามารถจะใสไ่ ด้ มากกวา่ 1 กลุ่ม โดยใชเ้ คร่ืองหมาย , ค่นั กลางระหวา่ งแตล่ ะกลุ่ม ข้อมูล เชน่ ใหห้ าผลรวมต้งั แตเ่ ซลล์ A1 ถงึ เซลล์ A10 =SUM(A1:A10)
2.SUMIF (การหาผลรวมแบบมีเงื่อนไข) รู ปแบบ =SUMIF(Range,Criteria,Sum_range) Rang ขอบเขตของข้อมูลทต่ี ้องการตรวจสอบตามเงอื่ นไข Criteria เง่อื ยนไขท่กี ําหนดใหค้ พนวนหาผลรวม Sum_range ชว่ งของเซลล์ท่ตี รวจสอบตามเง่อื ยนไขเพือ่ นํามาคํานวณเชน่ ใหห้ าผลรวมเฉพาะเสอ้ื สฟี า้ โดยเซลลท์ ี่อา้ งคือเซลล์ B1 ถึง เซลล์ B12 และใหอ้ า้ งเซลล์ราคาของเสอ้ื สฟี า้ ที่เซลล์ C1 ถึง เซลล์ C12 =SUMIF(B1:B12,”เสอื้ สฟี า้ ”,C1:C12)
3. MIN (การหาคา่ ตาสดุ ของจํานวน) รู ปแบบ =MIN(C1,Number2,...) Number เปน็ กลุ่มของข้อมลู ทีต่ อ้ งการหาคา่ ตาสดุ เชน่ ใหห้ าค่าตาสดุ ของเซลล์ B3 ถงึ เซลล์ B12 =MIN(B3:B12)
4. MAX (การหาค่าสงู สดุ ของจํานวน) รู ปแบบ =MAX(Number1,Number2,...) Number เปน็ กล่มุ ของขอ้ มลู ที่ตอ้ งการหาค่าสงู สดุ เชน่ ใหห้ าคา่ สงู สดุ ของเซลล์ B2 ถึงเซลล์ F2 =MAX(B2:F2)
5. AVERAGE (การหาค่าเฉล่ียของขอ้ มูล) รู ปแบบ =AVERAGE(Number1,Number2,...) Number เปน็ กล่มุ ของข้อมลู ทีต่ อ้ งการหาคา่ เฉลี่ย เชน่ ใหห้ าคา่ เฉลีย่ ของเซลล์ F1 ถึงข้อมลู เซลล์ F8 =AVERAGE(F1:F8)
6. COUNT (การนับจํานวนข้อมลท่เี ปน็ เฉพาะตวั เลข) รู ปแบบ =COUNT(Value1,Value2,...) Value ชว่ งของกล่มุ เซลลท์ ี่นํามาใชใ้ นการนับจํานวน เชน่ ใหน้ ับจํานวน รหสั นักเรียนวา่ มกี ค่ี น โดยอา้ งท่ีเซลล์ C2 ถงึ เซลล์ C10 =COUNT(C2:C10)
7.COUNTA (การนับจํานวนข้อมลู ท่ีเปน็ ท้ังข้อความและตวั เลขปนกัน) รู ปแบบ =COUNTA(Value1,Value2,...) Value ชว่ งของกลุ่มเซลล์ท่นี ํามาใชใ้ นกรนับจํานวน เชน่ ใหน้ ับรหสั ของสนิ คา้ วา่ มีจํานวนเทา่ ใด โดยอ้างที่เซลล์ A3 ถงึ เซลล์ A20 =COUNTA(A3:A20)
8. COUNTIF (การนับจํานวนขอ้ มลู แบบมเี ง่อื นไข รู ปแบบ =COUNTIF(Range,Criteria) Range ชว่ งของเซลล์ที่ตอ้ งการนับตามเงือ่ นไข Criteria เงอื่ นไขทีใ่ ชต้ รวจสอบและนับจํานวนของเซลล์ เชน่ ใหน้ ับเฉพาะนักเรียนท่ี ผา่ นกจิ กรรมชมรม โดยอ้างองิ ท่เี ซลล์ G2 ถึงเซลล์ G40 =COUNTIF(G2:G40,”ผา่ น”)
9.VAR (การหาคา่ ความแปรปรวน) รู ปแบบ =VAR(Number1,Number2,...) Number เปน็ กลุม่ ของขอ้ มลู ทต่ี อ้ งการหาค่าแปรปรวน เชน่ ใหห้ าคา่ ความแแปรปรวน เซลล์ C1 ถึงเซลล์ C16 =VAR(C1:C16)
10. STDEV (การหาคาเบี่ยงเบนมาตรฐาน) รู ปแบบ =STDEV(Number1,Number2,...) Number เปน็ กลุ่มของขอ้ มูลท่ตี ้องการหาค่าเบย่ี งเบนมาตราฐาน เชน่ ใหห้ าคา่ เบ่ยี งเบน มาตราฐานท่ีเซลล์ B1 ถึงเซลล์ B8 =STDEV(B1:B8)
11.MEDIAN (การหาคา่ กลาง) รู ปแบบ =MEDIAN(Number1,Number2,...) Number เปน็ กลมุ่ ของขอ้ มูลทตี่ ้องการหาคา่ กลาง เชน่ ใหห้ าค่ากลางเซลล์ G4 ถึงเซลล์ G9 =MEDIAN(G4:G9)
12. ROUND (การปดั จุดทศนิยมข้ึนหรือลง) รู ปแบบ =ROUND(Number,Num_digits) Number เปน็ กล่มุ ข้อมลู ทตี่ ้องการกําหนดปดั จุดทศนิยม Num_digits จํานวนหลกั ของทศนิยม เชน่ ใหก้ ําหนดทศนิยมเปน็ 0 ที่เซลล์ C3 ถงึ เซลล์ C6 =ROUND(C3:C6,0)
13. IF (การหาค่าจริงหรือเท็จจากเง่อื นไขทร่ี ะบุ) รู ปแบบ =IF(Logical,Value_if_true,Value_if_false) Logical เง่อื นไขท่ีใชใ้ นการเปรียบเทยี บหรือตรวจสอบขอ้ มูล Value_if_true คา่ ของเงื่อนไขท่ถี กู ต้อง (จริง) Value_if_false คา่ ของเงือ่ นไขทีไ่ มถ่ กู ต้อง (เท็จ) เชน่ ถา้ ทเ่ี ซลล์ B2 มากกวา่ หรือเทา่ กบั 60 ใหแ้ สดงผา่ น ถา้ ทเี่ ซลล์ B2 น้อยกวา่ 60 ใหแ้ สดงไม่ผา่ น =IF(B2>=60,”ผ่าน”,”ไมผ่ า่ น”)
14. DATE (การระบขุ อ้ มูลที่เปน็ วนั ท)่ี รู ปแบบ =DATE(Year,Momth,Day) Year ใสค่ ่า ค.ศ. Momth ใสค่ า่ เดือน Day ใสค่ ่าวนั ท่ี เชน่ =DATE(2010,06,11)ผลลพั ธ์11มถิ ุนายน2010
15. DATEDIF (การระบเุ งือ่ นไขในการหาขอ้ มลู ทเ่ี ปน็ วันท่)ี รู ปแบบ =DATEDIF (ระบุเง่อื นไข) เชน่ การหาอายุ =DATEDIF(F2,TODAY(),”Y”)&“ปี”&DATEDIF(F2,TODAY(),”YM”)&“เดือน หากผู้ใชพ้ มิ พ์ขอ้ มลู ทีช่ อ่ ง F2 คอื 5/12/1985 ผลลพั ธ์ คอื อายุ 24 ปี 4 เดอื น
16. NOW (การหาวันทแ่ี ละเวลาปจั จุบนั ) รู ปแบบ =NOW() เชน่ =NOW()ผลลพั ธ์ 7/11/2015 14:24
17. HOUR (การหาช่วั โมง) รู ปแบบ =HOUR(Serial_number) Serial_number คา่ ของตัวเลขหรือข้อความที่อยใู่ นรูปแบบของเวลา เชน่ ทีเ่ ซลล์ A5 คอื 8:32 น. ใหห้ าช่วั โมง =HOUR(A5)ผลลัพธ์8
18. VLOOKUP (การคน้ หาและแสดงข้อมูล) รู ปแบบ =VLOOKUP(Lookup_value,Table_array,Col_index_num,Range_lookup) Lookup_value ค่าทีใ่ ชใ้ นการคน้ หา Table_array ตารางขอ้ มูลท่ใี ชส้ าํ หรับแสดงผลและคน้ หาข้อมูล Col_index_num คอลมั น์ทีต่ อ้ งการข้อมลู โดยคอลัมน์แรกมคี ่าเปน็ 1 และคอลมั น์ตอ่ ไป จะเปน็ 2,3,..ตามลาํ ดบั
Range_lookup ค่าทางตรรกะทกี่ ําหนดในการค้นหามี 2 รูปแบบ False ใชค้ ้นหาคา่ ที่ตรงกับคา่ ทใ่ี ชใ้ นการค้นหา True ใชค้ น้ หาค่าที่ใกล้เคียงท่สี ดุ ที่น้อยกวา่ ในการค้นหา
จากรูปเปน็ ตัวอย่างกรใชฟ้ งั กช์ ่นั VLOOKUP โดยทําการ้อนรหสั หนังสอื ที่ ตอ้ งการคน้ หาลงในคอลัมน์ D3:D5 จากน้ันใชฟ้ งั กช์ ่นั =VLOOKUP(D4,$A$3:$C$10,2,FALSE) ซ่ึงสามารถอธิบายได้ดังน้ี D4 คือ การกาํ หนดค่าทใี่ ชใ้ นการคน้ หาเปน็ ขอ้ ูลท่ีอยใู่ น cell D4 ใน กรณีน้ีคอื 103 $A$3$C$10 คอื การกําหนดชว่ งในการค้นหาข้อมูล ในกรณีนี้จะครอบคลุม ต้งั แต่ cell A3 ถงึ C10 2 คอื การกาํ หนดคอลมั น์ท่ตี ้องการข้อมูล ในกรณีนี้จะตรงกบั คอลัมน์ ชอ่ื หนังสอื
FALSE คอื การกําหนดใหค้ ้นหาข้อมลู ทตี่ รงกับคา่ ทใ่ี ชใ้ น การค้นหาเทา่ น้ัน ในกรณีท่ตี ้องการใชฟ้ งั กช์ ่นั VOOKUP เพือ่ หาข้อมลู ของราคาหนังสอื สามารถ ทาํ ได้โดยใชค้ าํ ส่งั =VLOOKUP(E4,$A$3:$C$10,3FALSE)
ยกตวั อยา่ งการใชส้ ตู ร 9.VAR (การหาค่าความแปรปรวน) คัดลอกขอ้ มูลตวั อย่างในตารางตอ่ ไปน้ี และวางในเซลล์ A1 ของเวริ ์กชตี Excel ใหม่ เพื่อใหส้ ตู รแสดงผลลัพธ์ ใหเ้ ลอื กสตู ร กด F2 แลว้ กด Enter ถ้าตอ้ งการ คุณสามารถปรับ ความกวา้ งของคอลมั น์เพอ่ื ดขู อ้ มูลท้งั หมด
ความทนทาน คําอธบิ าย ผลลัพธ 1345 754.2667 1301 คา ความแปรปรวนสําหรบั ความทนทานตอการแตกหกั ของเคร่ืองมือทถ่ี ูกทดสอบ 1368 1322 1310 1370 1318 1350 1303 1299 สูตร =VAR(A2:A11)
14. DATE (การระบขุ ้อมลู ท่ีเปน็ วนั ท่ี) =DATE(C2,A2,B2) ผสานปจี ากเซลล์ C2, เดือนจากเซลล์ A2 และวนั จากเซลล์ B2 และใสข่ อ้ มลู เหลา่ น้ีไวใ้ นเซลลเ์ ดียวกันเปน็ วนั ท่ี ตวั อยา่ งด้านลา่ งจะแสดงผลลัพธ์สดุ ท้ายใน เซลล์ D2 จําเปน็ ตอ้ งแทรกวนั โดยไมม่ สี ตู รไดอ้ ย่างไร ไมม่ ีปญั หา คณุ สามารถแทรกวนั ท่ี ปจั จุบนั และเวลาในเซลลห์ รือคณุ สามารถแทรกวนั ทีไ่ ดร้ ับการปรับปรุง คุณยัง สามารถเติมข้อมูลในเซลลเ์ วริ ์กชตี โดยอัตโนมตั ไิ ด้
16. NOW (การหาวันท่แี ละเวลาปจั จุบัน) คดั ลอกขอ้ มูลตวั อย่างในตารางต่อไปน้ี และวางในเซลล์ A1 ของเวริ ์กชตี Excel ใหม่ เพอ่ื ใหส้ ตู รแสดงผลลัพธ์ ใหเ้ ลอื กสตู ร กด F2 แลว้ กด Enter ถ้าตอ้ งการ คณุ สามารถปรับ ความกวา้ งของคอลัมน์เพ่อื ดขู ้อมลู ท้งั หมด
สูตร คําอธบิ าย ผลลัพธ =NOW() สง กลับวนั ทแี่ ละเวลาปจ จุบัน 6/11/2554 19:03 =NOW()-0.5 สงกลบั วันทแ่ี ละเวลา 12 ชัว่ โมงทแี่ ลว (-0.5 วนั ที่แลว ) 6/11/2554 7:03 =NOW()+7 สงกลบั วันทแ่ี ละเวลา 7 วันในอนาคต 13/11/2554 19:03 =NOW()-2.25 สงกลบั วันทแี่ ละเวลา 2 วนั และ 6 ช่วั โมงที่แลว (-2.25 วนั ทีแ่ ลว) 4/11/2554 13:03
17. HOUR (การหาช่ัวโมง) คัดลอกขอ้ มูลตัวอย่างในตารางตอ่ ไปนี้ และวางในเซลล์ A1 ของเวริ ์กชตี Excel ใหม่ เพือ่ ใหส้ ตู รแสดงผลลพั ธ์ ใหเ้ ลือกสตู ร กด F2 แล้วกด Enter ถา้ ตอ้ งการ คุณสามารถปรับ ความกวา้ งของคอลมั น์เพื่อดูข้อมูลท้งั หมด
เวลา คําอธบิ าย ผลลพั ธ 0.75 18/7/2554 7:45 สงกลับ 75% ของ 24 ชั่วโมง 18 21/4/2555 สตู ร สง กลับสวนของชั่วโมงชองคาวันที่/เวลา 7 =HOUR(A2) =HOUR(A3) วันท่ีที่ไมไ ดร ะบุสว นของเวลาจะถือวาเปน 12:00 AM หรอื 0 ชั่วโมง 0 =HOUR(A4)
คณะผู้จดั ทาํ
นางสาว นุชาดา ใบศลิ า รหสั นักศกึ ษา : 061 ช้ัน : ปวช. 1/2 แผนก : คอมพวิ เตอร์ธุรกิจ เกดิ วนั ท่ี : 17/08/2546 อายุ : 16 ปี
นางสาว อจั ฉรา คาํ สะใบ รหสั นักศึกษา 079 ช้นั ปวช. 1/2 แผนก คอมพิวเตอร์ธุรกจิ เกิดวันที่ 28/12/2546 อายุ 16 ปี
เสนอโดย
อาจารย์ รตั นภรณ์ จันทะวงศ์
79 หมู่ 5 ต.บา้ นกลาง อ.เมือง จ.ปทุมธานี 12000 วทิ ยาลยั เทคนิคปทุมธานี Pathyumthani Technical College แผนกคอมพวิ เตอร์ธุรกิจ Business Computer
Search
Read the Text Version
- 1 - 45
Pages: