ความรู้เบอื้ งต้นเก่ียวกับคอมพวิ เตอร์ เพ่ือการศกึ ษา
4-1 บทที่ 4 ความรู้เบื้องต้นเกยี่ วกบั คอมพวิ เตอร์และ การใช้โปรแกรมสําเร็จรูปในการวเิ คราะห์ข้อมูลแนวคิด ปัจจุบนั คนส่วนใหญม่ ีความเชื่อวา่ การมีความรู้เก่ียวกบั การใชง้ านคอมพวิ เตอร์ โดยเฉพาะคอมพวิ เตอร์ส่วนบุคคลหรือที่เรียกกนั โดยทวั่ ไปวา่ personal computerน้นั เป็นความสามารถหรือความชาํ นาญข้นั พ้ืนฐานท่ีจาํ เป็ นในการดาํ เนินชีวติ ประจาํ วัน โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ การประกอบธุรกิจใหป้ ระสบความสาํ เร็จเน่ืองมาจากปริมาณการใชค้ อมพวิ เตอร์และคุณสมบตั ิของคอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพเพิ่มมากข้ึนส่งผลใหค้ นจาํ นวนมากเชื่อวา่ แต่ละคนจาํ เป็นตอ้ งมีความรู้พ้นื ฐานดา้ นคอมพิวเตอร์ กล่าวคือรู้วธิ ีการใชค้ อมพวิ เตอร์ไดอ้ ยา่ งเหมาะสมอยา่ งไรก็ตามโลกของเทคโนโลยสี ารสนเทศหรือที่มกั เรียกกนั วา่ เป็นยคุ ของขอ้ มูลขา่ วสารการมีความรู้ในการใชค้ อมพิวเตอร์เพยี งอยา่ งเดียวน้นั ถือวา่ ไมเ่ พียงพอต่อไปแลว้บุคคลจาํ เป็นตอ้ งเรียนรู้การบริโภคขอ้ มูลขา่ วสารและสามารถวเิ คราะห์ขา่ วสารท่ีมีอยเู่ ป็ นจาํ นวนใหเ้ กิดประโยชนไ์ ดค้ วามรู้เบ้ืองตน้ เกี่ยวกบั คอมพิวเตอร์เพอื่ การศึกษาคอมพวิ เตอร์คืออะไร
4-2คอมพิวเตอร์ คือ อุปกรณ์ทางอิเล็กทรอนิกส์ (electronicdevice)ที่มนุษยใ์ ชเ้ ป็นเคร่ืองมือ ช่วยในการจดั การกบั ขอ้ มูลท่ี อาจเป็นได้ ท้งั ตวั เลขตวั อกั ษร หรือสัญลกั ษณ์ที่ใชแ้ ทนความหมายในส่ิงตา่ งๆโดยคุณสมบตั ิที่สาํ คญั ของคอมพวิ เตอร์คือการท่ีสามารถกาํ หนดชุดคาํ สง่ั ล่วงหนา้ หรือโปรแกรมได้(programmable)นน่ั คือคอมพิวเตอร์สามารถทาํ งานไดห้ ลากหลาย รูปแบบข้ึนอยกู่ บั ชุดคาํ ส่งั ที่ เลือกมาใชง้ านทาํ ใหส้ ามารถนาํ คอมพิวเตอร์ไปประยกุ ตใ์ ชง้ านไดอ้ ยา่ งกวา้ งขวาง เช่น ใชใ้ นการตรวจคล่ืนความถี่ของหวั ใจ การฝาก -ถอนเงินในธนาคาร การตรวจสอบสภาพเครื่องยนต์ เป็นตน้4.1 ลกั ษณะเด่นของคอมพวิ เตอร์ เคร่ืองคอมพิวเตอร์ถูกสร้างข้ึนมาเพือ่ ใหม้ ีจุดเด่น 4 ประการเพื่อทดแทนขอ้ จาํ กดั ของมนุษย์ เรียกวา่ 4 S special ดงั น้ี 1. หน่วยเกบ็ (Storage) หมายถึงความสามารถในการเก็บขอ้ มูลจาํ นวนมากและเป็นเวลานานนบั เป็นจุดเด่นทางโครงสร้างและเป็นหวั ใจของการทาํ งานแบบอตั โนมตั ิของเครื่องคอมพวิ เตอร์ ท้งั เป็นตวั บ่งช้ีประสิทธิภาพของคอมพิวเตอร์แตล่ ะเครื่องดว้ ย 2. ความเร็ว (Speed) หมายถึง ความสามารถในการประมวลผลขอ้ มูล(Processing Speed) โดยใชเ้ วลานอ้ ยเป็นจุดเด่นทางโครงสร้างที่ผใู้ ชท้ ว่ั ไปมีส่วนเกี่ยวขอ้ งนอ้ ยที่สุดเป็นตวั บง่ ช้ีประสิทธิภาพของเครื่องคอมพวิ เตอร์ท่ีสาํ คญั ส่วนหน่ึงเช่นกนั 3. ความเป็ นอตั โนมัติ (Self Acting) หมายถึงความสามารถในการประมวลผลขอ้ มูลตามลาํ ดบั ข้นั ตอนไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งและต่อเนื่องอยา่ งอตั โนมตั ิ
4-3โดยมนุษยม์ ีส่วนเกี่ยวขอ้ งเฉพาะในข้นั ตอนการกาํ หนดโปรแกรมคาํ สั่งและขอ้ มูลก่อนการประมวลผลเท่าน้นั4. ความน่าเช่ือถือ (Sure) หมายถึงความสามารถในการประมวลผลใหเ้ กิดผลลพั ธ์ท่ีถูกตอ้ งความน่าเช่ือถือนบั เป็นส่ิงสาํ คญั ท่ีสุดในการทาํ งานของเครื่องคอมพิวเตอร์ความสามารถน้ีเก่ียวขอ้ งกบั โปรแกรมคาํ สัง่ และขอ้ มูลท่ีมนุษยก์ าํ หนดใหก้ บั เคร่ืองคอมพวิ เตอร์โดยตรง กล่าวคือหากมนุษยป์ ้อนขอ้ มูลที่ไมถ่ ูกตอ้ งใหก้ บั เคร่ืองคอมพิวเตอร์ก็ยอ่ มไดผ้ ลลพั ธ์ท่ีไมถ่ ูกต้องดว้ ยเช่นกนั4.2 ประเภทของคอมพวิ เตอร์การแบ่งประเภทของคอมพิวเตอร์น้นั สามารถจาํ แนกออกไดเ้ ป็น 3 กลุ่มหลกั ดงั น้ี1. ประเภทของคอมพวิ เตอร์ตามหลกั การประมวลผล2. ประเภทของคอมพิวเตอร์ตามวตั ถุประสงคข์ องการใชง้ าน3. ประเภทของคอมพวิ เตอร์ตามความสามารถของระบบ1. แบ่งตามหลกั การประมวลผลจาํ แนกได้ 3 ประเภท ดงั น้ี1.1 คอมพวิ เตอร์แบบอนาลอ็ ก (Analog Computer)หมายถึง เครื่องมือประมวลผลขอ้ มูลท่ีอาศยั หลกั การวดั (Measuring Principle)ทาํ งานโดยใชข้ อ้ มูลที่มีการเปลี่ยนแปลงแบบตอ่ เน่ือง (Continuous Data)แสดงออกมาในลกั ษณะสัญญาณที่เรียกวา่ Analog Signalเครื่องคอมพวิ เตอร์ประเภทน้ีมกั แสดงผล ดว้ ยสเกลหนา้ ปัดและเขม็ ช้ี เช่นการวดั คา่ ความยาว โดยเปรียบเทียบกบั สเกลบนไมบ้ รรทดัการวดั คา่ ความร้อนจากการขยายตวั ของปรอทเปรียบเทียบกบั สเกลขา้ งหลอดแกว้1.2 คอมพวิ เตอร์แบบดิจิทลั (Digital Computer)ซ่ึงก็คือคอมพิวเตอร์ที่ใชใ้ นการทาํ งานทว่ั ๆ ไปนน่ั เองเป็นเคร่ืองมือประมวลผลขอ้ มูลท่ีอาศยั หลกั การนบั
4-4ทาํ งานกบั ขอ้ มูลที่มีลกั ษณะการเปล่ียนแปลงแบบไม่ต่อเนื่อง (Discrete Data)ในลกั ษณะของสญั ญาณไฟฟ้า หรือ Digital Signalอาศยั การนบั สัญญาณขอ้ มูลที่เป็นจงั หวะดว้ ยตวั นบั (Counter) ภายใตร้ ะบบฐานเวลา(Clock Time) มาตรฐาน ทาํ ใหผ้ ลลพั ธ์เป็นท่ีน่าเชื่อถือท้งั สามารถนบั ขอ้ มูลใหค้ า่ ความละเอียดสูงเช่นแสดงผลลพั ธ์เป็นทศนิยมไดห้ ลายตาํ แหน่ง เป็นตน้เน่ืองจาก Digital Computer ตอ้ งอาศยั ขอ้ มูลที่เป็นสญั ญาณไฟฟ้า(มนุษยส์ ัมผสั ไม่ได)้ ทาํ ใหไ้ ม่สามารถรับขอ้ มูลจากแหล่งขอ้ มูลตน้ ทางไดโ้ ดยตรงจึงจาํ เป็นตอ้ งเปลี่ยนขอ้ มูลตน้ ทางที่รับเขา้ (Analog Signal) เป็นสญั ญาณไฟฟ้า(Digital Signal) เสียก่อนเม่ือประมวลผลเรียบร้อยแลว้ จึงเปล่ียนสัญญาณไฟฟ้ากลบั ไปเป็น Analog Signalเพ่ือสื่อความหมายกบั มนุษยต์ อ่ ไป โดยส่วนประกอบสาํ คญั ที่เรียกวา่ตวั เปล่ียนสัญญาณขอ้ มูล (Converter)คอยทาํ หนา้ ท่ีในการเปล่ียนรูปแบบของสญั ญาณขอ้ มูล ระหวา่ ง Digital Signal กบัAnalog Signal1.3 คอมพวิ เตอร์แบบลูกผสม (Hybrid Computer)เคร่ืองประมวลผลขอ้ มูลที่อาศยั เทคนิคการทาํ งานแบบผสมผสาน ระหวา่ งAnalog Computer และ Digital Computer โดยทวั่ ไปมกั ใชใ้ นงานเฉพาะกิจโดยเฉพาะงานดา้ นวทิ ยาศาสตร์ เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ในยานอวกาศ ท่ีใช้ AnalogComputer ควบคุมการหมุนของตวั ยาน และใช้ Digital Computerในการคาํ นวณระยะทาง เป็นตน้ การทาํ งานแบบผสมผสานของคอมพวิ เตอร์ชนิดน้ียงั คงจาํ เป็นตอ้ งอาศยั ตวั เปล่ียนสัญญาณ (Converter) เช่นเดิม2.แบ่งตามวตั ถุประสงค์การใช้งานจาํ แนกไดเ้ ป็ น 2 ประเภท คือ2.1 เครื่องคอมพวิ เตอร์เพื่องานเฉพาะกจิ (Special Purpose Computer)
4-5หมายถึง เครื่องประมวลผลขอ้ มูลที่ถูกออกแบบตวั เคร่ืองและโปรแกรมควบคุมใหท้ าํ งานอยา่ งใดอยา่ งหน่ึงเป็นการเฉพาะ (Inflexible)โดยทว่ั ไปมกั ใชใ้ นงานควบคุมหรืองานอุตสาหกรรมที่เนน้ การประมวลผลแบบรวดเร็วเช่นเครื่องคอมพวิ เตอร์ควบคุมสญั ญาณไฟจราจร คอมพวิ เตอร์ควบคุมลิฟท์หรือคอมพิวเตอร์ควบคุมระบบอตั โนมตั ิในรถยนต์ เป็นตน้2.2 เคร่ืองคอมพวิ เตอร์เพ่ืองานอเนกประสงค์ (General Purpose Computer)หมายถึง เครื่องประมวลผลขอ้ มูลที่มีความยดื หยนุ่ ในการทาํ งาน (Flexible)โดยไดร้ ับการออกแบบใหส้ ามารถประยกุ ตใ์ ชใ้ นงานประเภทตา่ งๆ ไดโ้ ดยสะดวกโดยระบบจะทาํ งานตามคาํ ส่ังในโปรแกรมที่เขียนข้ึนมาและเมื่อผใู้ ชต้ อ้ งการใหเ้ คร่ืองคอมพวิ เตอร์ทาํ งานอะไรกเ็ พยี งแต่ออกคาํ ส่งั เรียกโปรแกรมท่ีเหมาะสมเขา้ มาใชง้ านโดยเราสามารถเก็บโปรแกรมไวห้ ลายโปรแกรมในเคร่ืองเดียวกนั ได้ เช่นในขณะหน่ึงเราอาจใชเ้ ครื่องน้ีในงานประมวลผลเก่ียวกบั ระบบบญั ชีและในขณะหน่ึงกส็ ามารถใชใ้ นการออกเช็คเงินเดือนได้ เป็นตน้3. แบ่งตามความสามารถของระบบจาํ แนกออกไดเ้ ป็ น 4 ชนิด โดยพจิ ารณาจาก ความสามารถในการเก็บขอ้ มูล และความเร็วในการประมวลผล เป็นหลกั ดงั น้ี3.1 ซุปเปอร์คอมพวิ เตอร์ (Super Computer)หมายถึง เคร่ืองประมวลผลขอ้ มูลท่ีมีความสามารถในการประมวลผลสูงท่ีสุดโดยทว่ั ไปสร้างข้ึนเป็นการเฉพาะเพ่อื งานดา้ นวทิ ยาศาสตร์ท่ีตอ้ งการการประมวลผลซบั ซอ้ น และตอ้ งการความเร็วสูง เช่น งานวจิ ยั ขีปนาวธุ งานโครงการอวกาศสหรัฐ(NASA) งานส่ือสารดาวเทียม หรืองานพยากรณ์อากาศ เป็นตน้3.2 เมนเฟรมคอมพวิ เตอร์ (Mainframe Computer)หมายถึง เคร่ืองประมวลผลขอ้ มูลที่มีส่วนความจาํ และความเร็วนอ้ ยลงสามารถใชข้ อ้ มูลและคาํ ส่งั ของเคร่ืองรุ่นอื่นในตระกลู (Family) เดียวกนั ได้
4-6โดยไม่ตอ้ งดดั แปลงแกไ้ ขใดๆ นอกจากน้นั ยงั สามารถทาํ งานในระบบเครือขา่ ย(Network) ไดเ้ ป็นอยา่ งดี โดยสามารถเช่ือมต่อไปยงั อุปกรณ์ท่ีเรียกวา่ เครื่องปลายทาง(Terminal) จาํ นวนมากได้ สามารถทาํ งานไดพ้ ร้อมกนั หลายงาน (Multi Tasking)และใชง้ านไดพ้ ร้อมกนั หลายคน (Multi User)ปกติเคร่ืองชนิดน้ีนิยมใชใ้ นธุรกิจขนาดใหญ่มีราคาต้งั แต่สิบลา้ นบาทไปจนถึงหลายร้อยลา้ นบาทตวั อยา่ งของเครื่องเมนเฟรมที่ใชก้ นั แพร่หลายกค็ ือคอมพวิ เตอร์ของธนาคารท่ีเชื่อมต่อไปยงั ตู้ ATMและสาขาของธนาคารทว่ั ประเทศนนั่ เอง3.3 มินิคอมพวิ เตอร์ (Mini Computer)ธุรกิจและหน่วยงานท่ีมีขนาดเล็กไม่จาํ เป็นตอ้ งใชค้ อมพวิ เตอร์ขนาดเมนเฟรมซ่ึงมีราคาแพง ผผู้ ลิตคอมพวิ เตอร์จึงพฒั นาคอมพวิ เตอร์ให้มีขนาดเล็กและมีราคาถูกลงเรียกวา่ เคร่ืองมินิคอมพิวเตอร์โดยมีลกั ษณะพิเศษในการทาํ งานร่วมกบั อุปกรณ์ประกอบรอบขา้ งท่ีมีความเร็วสูงได้มีการใชแ้ ผน่ จานแม่เหล็กความจุสูงชนิดแขง็ (Harddisk) ในการเกบ็ รักษาขอ้ มูลสามารถอา่ นเขียนขอ้ มูลไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว หน่วยงานและบริษทั ที่ใชค้ อมพิวเตอร์ขนาดน้ี ไดแ้ ก่ กรม กอง มหาวทิ ยาลยั หา้ งสรรพสินคา้ โรงแรม โรงพยาบาลและโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ3.4 ไมโครคอมพวิ เตอร์ (Micro Computer)หมายถึง เครื่องประมวลผลขอ้ มูลขนาดเล็กมีส่วนของหน่วยความจาํ และความเร็วในการประมวลผลนอ้ ยท่ีสุดสามารถใชง้ านไดด้ ว้ ยคนเดียว จึงมกั ถูกเรียกวา่ คอมพวิ เตอร์ส่วนบุคคล (PersonalComputer : PC) ปัจจุบนั ไมโครคอมพวิ เตอร์มีประสิทธิภาพสูงกวา่ ในสมยั ก่อนมากอาจเท่ากบั หรือมากกวา่ เครื่องเมนเฟรมในยคุ ก่อน นอกจากน้นั ยงั ราคาถูกลงมากดงั น้นั จึงเป็นที่นิยมใชม้ าก ท้งั ตามหน่วยงานและบริษทั หา้ งร้าน
4-7ตลอดจนตามโรงเรียน สถานศึกษา และบา้ นเรือนบริษทั ที่ผลิตไมโครคอมพิวเตอร์ออกจาํ หน่ายจนประสบความสาํ เร็จเป็นบริษทั แรกคือ บริษทั แอปเปิ ลคอมพิวเตอร์ เคร่ืองไมโครคอมพวิ เตอร์ จาํ แนกออกไดเ้ ป็ น 2ประเภท คือ1. แบบติดต้งั ใชง้ านอยกู่ บั ที่บนโตะ๊ ทาํ งาน (Desktop Computer)รูปท่ี 1 คอมพวิ เตอร์แบบต้งั โตะ๊2. แบบเคลื่อนยา้ ยได้ (Portable Computer) สามารถพกพาติดตวัอาศยั พลงั งานไฟฟ้าจาก แบตเตอรี่จากภายนอกส่วนใหญ่มกั เรียกตามลกั ษณะของการใชง้ านวา่ Laptop Computer หรือ NotebookComputerรูปที่ 2 Notebook Computer4.3 กระบวนการทาํ งานของคอมพวิ เตอร์การทาํ งานของคอมพวิ เตอร์ก็เหมือนกบั สมองของคนเรา คือ รับขอ้ มูลมา หลงั จากน้นั ก็จะแสดงผลออกมาแลว้ นาํ ขอ้ มูลไปประมวลผลซ่ึงอาจกล่าวไดว้ า่ ทุกส่วนน้นั มีการทาํ งานที่สัมพนั ธ์กนั เป็ นกระบวนการโดยจะมีองคป์ ระกอบพ้นื ฐานหลกั กค็ ือ Input Process และ Outputซ่ึงมีข้นั ตอนการทาํ งานดงั น้ี
4-8ข้ันตอนที่ 1 : การรับข้อมูลและคาํ ส่ัง (Input)คอมพวิ เตอร์จะรับขอ้ มูลและคาํ สั่งเขา้ เครื่องผา่ นทางอุปกรณ์ชนิดต่างๆซ่ึงข้ึนอยกู่ บั ชนิดของขอ้ มูลที่จะป้อนเขา้ ไป เช่นถา้ เป็นการพมิ พข์ อ้ มูลจะใชแ้ ป้นพิมพ์ (Keyboard)เพ่อื พมิ พข์ อ้ ความหรือโปรแกรมเขา้ เคร่ืองแตถ่ า้ เป็นการสแกนรูปภาพหรือขอ้ ความเขา้ ไปไวใ้ นเครื่องก็จะใชส้ แกนเนอร์(Scanner) หรือถา้ เป็ นการเล่นเกมส์ จะมีกา้ นควบคุม (Joystick)สาํ หรับเคล่ือนตาํ แหน่งของการเล่นบนจอภาพ ข้ันตอนที่ 2 : การประมวลข้อมูล(Process)หลงั จากนาํ ขอ้ มูลเขา้ มาแลว้ น้นั เคร่ืองก็จะนาํ ขอ้ มูลหรือคาํ สง่ั ไปประมวลผลเพอ่ื ใหไ้ ดผ้ ลลพั ธ์ตามที่ตอ้ งการข้ันตอนที่ 3 : การแสดงผลลพั ธ์ (Output)เป็นการนาํ ผลลพั ธ์ท่ีไดจ้ ากการประมวลผลมาแสดงผลใหท้ ราบซ่ึงโดยทวั่ ไปจะแสดงผลผา่ นทางจอภาพ (Monitor)หรือจะพมิ พข์ อ้ มูลออกทางกระดาษโดยใชเ้ คร่ืองพิมพ์ (Printer) เป็นตน้องค์ประกอบของคอมพวิ เตอร์ระบบของคอมพวิ เตอร์ประกอบด้วยสําคญั 5 ส่วน คือ• ฮาร์ดแวร์ (Hardware)• ซอฟทแ์ วร์ (Software)• บุคลากร (Peopleware)• ขอ้ มูลและสารสนเทศ (Data / Information)• กระบวนการทาํ งาน (Procedure)4.4 องค์ประกอบของฮาร์ดแวร์คอมพวิ เตอร์ฮาร์ดแวร์คอมพวิ เตอร์ หมายถึง อุปกรณ์ต่างๆท่ีประกอบข้ึนเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ มีลกั ษณะเป็นโครงร่าง สามารถมองเห็นดว้ ยตาและสัมผสั ได้ (รูปธรรม) เช่น จอภาพ คียบ์ อร์ด เครื่องพิมพ์ เมาส์ เป็นตน้ซ่ึงสามารถแบ่งออกเป็ นส่วนตา่ งๆ ตามลกั ษณะ การทาํ งาน ได้ 5 หน่วย คือ
4-9หน่วยรับขอ้ มูล (Input Unit) หน่วยประมวลผลกลาง (Central Processing Unit :CPU) หน่วยแสดงผล (Output Unit) หน่วยความจาํ ( Storage หรือ Memory )หน่วยเก็บขอ้ มูลสาํ รอง โดยอุปกรณ์แต่ละหน่วยมีหนา้ ที่การทาํ งานแตกตา่ งกนั ฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์ประกอบดว้ ย 5 ส่วนท่ีสาํ คญั ดงั น้ี 1. หน่วยรับข้อมูล ( Input Unit )เป็นอุปกรณ์รับเขา้ ทาํ หนา้ ที่รับโปรแกรมและขอ้ มูลเขา้ สู่เคร่ืองคอมพวิ เตอร์อุปกรณ์รับเขา้ ท่ีใชก้ นั เป็นส่วนใหญ่คือ แผงแป้นอกั ขระ(keyboard) และเมาส์ (mouse)นอกจากน้ี เช่น VDO camera,Scanner,Microphone Trackball ,Joystickเป็นตน้แผงแป้นอกั ขระ joystickเมาส์ กลอ้ งดิจิตอล สแกนเนอร์
4-10 2.หน่วยประมวลผลกลาง ( CPU : Central Processing Unit)ประกอบดว้ ยส่วนใหญ่ ๆ 2 ส่วน คือ หน่วยคาํ นวณ และ หน่วยควบคุม2.1 หน่วยควบคุม (Control Unit) ทาํ หนา้ ท่ีควบคุมการทาํ งานควบคุมการเขียนอา่ นขอ้ มูลระหวา่ งหน่วยความจาํ ของซีพียู ควบคุมกลไกการทาํ งานท้งั หมดของระบบควบคุมจงั หวะเวลาโดยมีสญั ญาณนาฬิกา เป็นตวั กาํ หนดจงั หวะการทาํ งาน2.2 หน่วยคาํ นวณ (Arithmetic and logic unit)เป็นหน่วยท่ีมีหนา้ ท่ีนาํ เอาขอ้ มูลที่เป็นตวั เลขฐานสองมาประมวลผลทางคณิตศาสตร์และตรรกะ เช่น การบวก การลบ การเปรียบเทียบ และ การสลบั ตวั เลข เป็นตน้การคาํ นวณทาํ ไดเ้ ร็วตามจงั หวะการควบคุมของหน่วยควบคุม3. หน่วยความจําหลกั (Memory)หน่วยความจาํ หลกั ที่เป็ นท่ีรู้จกั กนั อยา่ งกวา้ งขวางมี 3 ประเภท คือ แรม(RAM) รอม (ROM) และซีมอส(CMOS)แรม (RAM)random access memory หรือ RAMเป็นอุปกรณ์หรือแผงวงจรท่ีทาํ หนา้ ท่ีเก็บขอ้ มูลและโปรแกรมคอมพวิ เตอร์บางคร้ังเรียกวา่ หน่วยความจาํ ชวั่ คราว (volatile)เนื่องจากโปรแกรมและขอ้ มูลท่ีถูกเก็บอยใู่ นหน่วยความจาํ แรมจะถูกลบหายไปเม่ือปิดเครื่องคอมพวิ เตอร์
4-11รอม (ROM)read-only memory หรือ ROMเป็นหน่วยความจาํ ท่ีบนั ทึกขอ้ สนเทศและคาํ ส่งั เร่ิมตน้ ของระบบขอ้ มูลและคาํ ส่งั จะไม่ถูกลบหายไป ถึงแมจ้ ะปิ ดเคร่ืองคอมพิวเตอร์หรือไมม่ ีกระแสไฟฟ้าหล่อเล้ียงCMOSยอ่ มาจาก complementary metal-oxide semiconductorเป็นหน่วยความจาํ ที่ใชเ้ ก็บขอ้ สนเทศท่ีใชเ้ ป็ นประจาํ ของเคร่ืองคอมพิวเตอร์ เช่นประเภทของแป้นพมิ พ์ เมาส์ จอภาพ และเครื่องอ่านแผน่ ดิสก์CMOS ใชก้ ระแสไฟจากแบตเตอร่ี เมื่อปิ ดเคร่ืองคอมพิวเตอร์ขอ้ สนเทศใน CMOSจึงไม่สูญหาย และอีกอยา่ งหน่ึงคือ ขอ้ สนเทศท่ีบนั ทึกใน CMOSสามารถเปล่ียนแปลงไดเ้ มื่อมีการเปลี่ยนแปลงอุปกรณ์ใหก้ บั เคร่ืองคอมพิวเตอร์ เช่นการเพ่มิ แรม และฮาร์ดแวร์อ่ืน ๆ 4. หน่วยแสดงผล (Output Unit) หน่วยแสดงผลทาํ หนา้ ท่ีแสดงผลลพั ธ์ที่ไดจ้ ากการประมวลขอ้ มูล (data)อุปกรณ์ท่ีทาํ หนา้ ที่แสดงผล สามารถจาํ แนกไดด้ งั น้ี 4.1 จอภาพคอมพวิ เตอร์ (monitors) จอภาพคอมพวิ เตอร์หรือเรียกกนั โดยทวั่ ไปวา่ มอนิเตอร์มีลกั ษณะคลา้ ยจอโทรทศั น์ แต่จะแตกต่างจากเทอร์มินลัท่ีเทอร์มินลั จะประกอบดว้ ยจอภาพและแป้นพมิ พ์ ลกั ษณะที่สาํ คญั ของจอภาพคอมพิวเตอร์มี 2 ประการคือความละเอียดและจาํ นวนสีในการแสดงผล
4-12 จอภาพคอมพวิ เตอร์สามารถจาํ แนกตามสีของการแสดงผลไดเ้ ป็น 2ประเภท คือจอภาพสีเดียว (monochrome monitor) และจอภาพสี (color monitor) • จอภาพสีเดียว จะแสดงผลลพั ธ์เพยี งสีเดียวบนพ้ืนดาํ เช่น สีขาว สีเขียว หรืออาจจะแสดงผลสีดาํ บนพ้นื ขาว • จอภาพสี สามารถแสดงผลท่ีเป็นขอ้ ความและภาพกราฟิ กสีตา่ งๆ จอภาพสีเป็นจอภาพที่นิยมใชก้ นั มากที่สุด จอภาพสเี ดียว จอภาพสี4.2 จอภาพชนิดแบน (flat panel display) จอภาพแบบแบน (flat panel display) หรือ liquid crystal display (LCD) นิยมใชก้ บั คอมพิวเตอร์โนต้ บุค๊monitorsและปัจจุบนั นิยมใชก้ บั เครื่องคอมพวิ เตอร์ต้งั โตะ๊ ดว้ ย4.3 เครื่องพมิ พ์ (printer) เครื่องพิมพส์ ามารถจาํ แนกได้ 2 ประเภท หลกั ๆ คือเคร่ืองพิมพแ์ บบกระทบและเคร่ืองพิมพแ์ บบไม่กระทบ• เคร่ืองพมิ พแ์ บบกระทบ จะใชห้ วั เข็มกระทบใหแ้ ถบผา้ หมึกพิมพอ์ กั ขระบนกระดาษ ซ่ึงส่วนใหญ่จะนิยมใชก้ บั กระดาษตอ่ เน่ือง
4-13• เคร่ืองพิมพแ์ บบไม่กระทบ เป็นการพิมพท์ ี่ใชห้ มึกฉีดพน่ ไปบนกระดาษหรือใชค้ วามร้อนแบะความดนั เ พอ่ื ละลายผงหมึกใหเ้ ป็นลกั ษณะอกั ขระเครื่องพมิ พ์แบบกระทบ เคร่ืองพมิ พ์แบบไม่กระทบ5. หน่วยเกบ็ ข้อมูลสํารอง (seconda ry storage unit)อุปกรณ์เก็บขอ้ มูลสาํ รอง สามารถจาํ แนกไดเ้ ป็น 2 ประเภทหลกั ๆ ดงั น้ี5.1 จานแม่เหลก็ (magnetic disk storge)จานแมเ่ หล็กเป็นอุปกรณ์เกบ็ ขอ้ มูลสาํ รองที่นิยมใชก้ นั อยา่ งแพร่หลายกบั เครื่องคอมพวิ เตอร์ทุกประเภทจานแมเ่ หล็กประกอบดว้ ยแผน่ พลาสติกหรือโลหะที่เคลือบดว้ ยสารแม่เหล็กขอ้ มูลสามารถบนั ทึกและอ่านจากผวิ หนา้ ที่เคลือบดว้ ยสารแม่เหล็กน้ีจานแมเ่ หล็กเป็นอุปกรณ์จดั เก็บขอ้ มูลท่ีมีความจุสูง มีความเชื่อถือได้และยงั สามารถเขา้ ถึงขอ้ มูลไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว ประเภทของจานแม่เหล็ก เช่นฟลอปปี ดิสก์ (floppy disks) และฮาร์ดดิสก์ (floppy disks) และฮาร์ดดิสก์ (hard disk)5.2 เทปแม่เหลก็ (magnetic tape)
4-14 เทปแมเ่ หล็กมีลกั ษณะคลา้ ยกบั เทปบนั ทึกเสียงท่ีใชโ้ ดยทวั่ ไปซ่ึงประกอบดว้ ยแถบริบบอนพลาสติกการเขา้ ถึงขอ้ มูลของเทปแม่เหล็กจะเป็นการเขา้ ถึงแบบเรียงลาํ ดบั (sequential access)กล่าวคือถา้ จะตอ้ งใชง้ านขอ้ มูลเรคอร์ดท่ี 500 บนเทปแม่เหลก็เครื่องอ่านเทปแม่เหลก็ (tape drive) จะตอ้ งอา่ นขอ้ มูล 499 เรคอร์ดแรกก่อนซ่ึงจะแตกตา่ งจากวธิ ีการเขา้ ถึงขอ้ มูลโดยตรงหรือ direct access ของจานแม่เหล็ก(magnetic disk) วธิ ีการ้ีเขา้ ถึงขอ้ มูลไดเ้ ร็วกวา่ เทปแม่เหลก็ เทปแมเ่ หลก็ สามารถจาํ แนกไดเ้ ป็น 2 ประเภทคือ เทปคาร์ทริดจ์ (cartridhetape) ท่ีนิยมใชก้ บั เคร่ืองไมโครคอมพิวเตอร์และมว้ เทปแม่เหลก็ (magnetic tapereels) ท่ีใชก้ บั เคร่ืองมินิคอมพวิ เตอร์และเมนเฟรมคอมพิวเตอร์4.5 ซอฟต์แวร์คอมพวิ เตอร์ (software)ซอฟตแ์ วร์หมายถึงโปรแกรมหรือชุดคาํ ส่งั ท่ีควบคุมใหเ้ คร่ืองคอมพิวเตอร์ทาํ งานใหไ้ ดผ้ ลลพั ธ์ตามที่ตอ้ งการ ซอฟตแ์ วร์หรือโปรแกรมเขียนข้ึนดว้ ยภาษาตา่ งๆ ท่ีมนุษยส์ ร้างข้ึน เช่นภาษาเบสิก ภาษาโคบอล ภาษาปาสคาส ภาษา HTML เป็นตน้ซอฟตแ์ วร์แบง่ เป็ น 2 ประเภท คือ ซอฟตแ์ วร์ระบบ (system software)และซอฟตแ์ วร์ประยกุ ต์ (application software)1. ซอฟต์แวร์ระบบ (system software)ซอฟตแ์ วร์ระบบ หมายถึงโปรแกรมหรือคาํ ส่งั ที่ทาํ หนา้ ที่ควบคุมการปฏิบตั ิงานของส่วนประกอบต่างๆของคอมพิวเตอร์ฮาร์ดแวร์ตลอดจนควบคุมการสื่อสารขอ้ มูลในระบบเครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์ แบง่ เป็น 2ประเภท คือ1.1 ระบบปฏิบัตกิ าร (operating system หรือ OS)ใชส้ าํ หรับการควบคุมและประสานงานอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ท้งั หมดโดยเฉพาะกบั ส่วนนาํ เขา้ และส่งออกผลลพั ธ์ (I/O Device) บางคร้ังเรียกวา่ แพลตฟอร์ม (platform)
4-15คอมพิวเตอร์จะทาํ งานไดจ้ าํ เป็นตอ้ งมีระบบปฏิบตั ิการติดต้งั อยใู่ นเคร่ืองเสียก่อนตวั อยา่ งระบบปฏิบตั ิการท่ีใชใ้ นปัจจุบนั เช่น ระบบปฏิบตั ิการดอส (DiskOperating System หรือ DOS), Windows ,UNIX เป็นตน้1.2 โปรแกรมอรรถประโยชน์ (Utility Program)เป็นโปรแกรมท่ีอาํ นวยความสะดวกใหก้ บั ผใู้ ชเ้ คร่ืองคอมพิวเตอร์ รวดเร็วและง่ายข้ึนใหส้ ามารถทาํ งานไดส้ ะดวกส่วนใหญจ่ ะมีขนาดของไฟลท์ ี่เลก็ กวา่ ระบบปฏิบตั ิการมีคุณสมบตั ิในการใชง้ านค่อนขา้ งหลากหลายหรือใชง้ านไดแ้ บบอรรถประโยชน์นิยมเรียกส้ันๆวา่ ยทู ิลิต้ี (utility) อาจแบง่ ออกไดเ้ ป็ น 2 ชนิดคือ
4-161.2.1 ยทู ิลิต้ีสาํ หรับระบบปฏิบตั ิการ (OS utility programs) เช่น• ประเภทการจดั การไฟล์ (File Manager)• ประเภทการลบทิ้งโปรแกรม (Uninstaller)• ประเภทการสแกนดิสก์ (Disk Scanner)• ประเภทการจดั เรียงพ้นื ที่เก็บขอ้ มูล (Disk Defragmenter)• ประเภทรักษาหนา้ จอ (Screen Saver)1.2.2 ยทู ิลิต้ีอื่นๆ (stand-alone utility programs)2. ซอฟต์แวร์ประยกุ ต์ (application software)ซอฟตแ์ วร์ประยกุ ตเ์ ป็ นโปรแกรมที่พฒั นาข้ึนเพื่อใหค้ อมพิวเตอร์ทาํ งานด้านตา่ งตามความตอ้ งการของผใู้ ช้ซ่ึงถา้ โปรแกรมพฒั นาข้ึนเพื่อความตอ้ งการเฉพาะขององคก์ ารใดองคก์ ารหน่ึงจะเรียกซอฟตแ์ วร์ประเภทน้ีวา่ ซอฟตแ์ วร์เฉพาะงาน (custom program หรือ tailormade software)ซ่ึงขอ้ ดีคือโปรแกรมสามารถใชง้ านไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพตามความประสงคข์ องหน่วยงาน แตข่ อ้ เสียคือซอฟตแ์ วร์ประเภทน้ีจะใชเ้ วลาในการพฒั นาและค่าใชจ้ ่ายคอ่ นขา้ งสูงดว้ ยเหตุผลดงั กล่าวจึงไดม้ ีการพฒั นาโปรแกรมทีใชส้ าํ หรับงานทว่ั ๆไปท่ีเรียกวา่ general purposesoftware หรือบางคร้ังเรียกวา่ โปรแกรมสาํ เร็จรูป (package software)เป็นซอฟตแ์ วร์เชิงพาณิชย์ (commercial software)ท่ีผใู้ ชส้ ามารถซ้ือไปประยกุ ตใ์ ชง้ านไดท้ นั ที เช่น โปรแกรมประมวลผลคาํ (wordprocessor) โปรแกรมดา้ นการคาํ นวณ (spreadsheet) โปรแกรมการนาํ เสนอขอ้ มูล(presentation) โปรแกรมจดั การฐานขอ้ มูล (database) เป็นตน้สามารถแบง่ ประเภทของซอฟทแ์ วร์ประยกุ ตต์ ามการใชง้ านได้ 3 กลุ่มดงั น้ีกลุ่มการใช้งานทางด้านธุรกจิ (business) เช่น• ซอฟตแ์ วร์ประมวลผลคาํ (Word processing)
4-17 • ซอฟตแ์ วร์ตารางคาํ นวณ (Spreadsheet) • ซอฟตแ์ วร์ฐานขอ้ มูล (Database) • ซอฟตแ์ วร์นาํ เสนองาน (Presentation) • ซอฟตแ์ วร์สาํ หรับพดี ีเอ (PDA Software) • ซอฟตแ์ วร์แบบกลุ่ม (Software Suite) • ซอฟตแ์ วร์สาํ หรับจดั การโครงการ (Project management) • ซอฟตแ์ วร์สาํ หรับงานบญั ชี (Accounting)กลุ่มการใช้งานทางด้านกราฟิ กและมัลตมิ เี ดีย (graphic and multimedia) เช่น • ซอฟตแ์ วร์สาํ หรับงานออกแบบ (CAD - Computer-aided design) • ซอฟตแ์ วร์สาํ หรับส่ิงพิมพ์ (Desktop publishing) • ซอฟตแ์ วร์สาํ หรับตกแต่งภาพ (Paint/image editing) • ซอฟตแ์ วร์สาํ หรับการตดั ต่อวดิ ีโอและเสียง (Video and audio editing) • ซอฟตแ์ วร์สาํ หรับสร้างส่ือมลั ติมีเดีย (Multimedia authoring) • ซอฟตแ์ วร์สาํ หรับสร้างเวบ็ (Web page authoring)กลุ่มสําหรับการใช้งานบนเว็บและการติดต่อส่ือสาร (web and communications) เช่น • ซอฟตแ์ วร์สาํ หรับจดั การอีเมล์ (Electronic mail Software) • ซอฟตแ์ วร์สาํ หรับท่องเวบ็ (Web browser) • ซอฟตแ์ วร์สาํ หรับจดั ประชุมทางไกล (Video Conference) • ซอฟตแ์ วร์สาํ หรับถ่ายโอนไฟล์ (File Transfer) • ซอฟตแ์ วร์ประเภทส่งขอ้ ความด่วน (Instant Messaging) • ซอฟตแ์ วร์สาํ หรับสนทนาบนอินเทอร์เน็ต (Internet Relay Chat)การจัดหาซอฟท์แวร์มาใช้งาน โดยปกติแลว้ เราสามารถหาซอฟตแ์ วร์มาใชง้ านไดห้ ลาย ๆ วธิ ีซ่ึงอาจจะอยใู่ นรูปแบบของการสง่ั ซ้ือโดยตรงกบั บริษทั ผผู้ ลิตหรือใชต้ วั อยา่ งทดลอง
4-18จากการดาวน์โหลดบนอินเทอร์เน็ตได้จึงพอสรุปวธิ ีการเลือกซอฟตแ์ วร์มาใชง้ านไดด้ งั น้ี1.1 แบบสําเร็จรูป ( Packaged หรือ Ready – made Software) วธิ ีการน้ีผใู้ ชง้ านสามารถท่ีจะเขา้ ไปเดินหาซ้ือไดก้ บั ตวั แทนจาํ หน่ายซอฟตแ์ วร์ท่ีได้รับการแตง่ ต้งั จากบริษทั ผผู้ ลิตโดยตรงซ่ึงมกั จะมีการเตรียมบรรจุภณั ฑแ์ ละเอกสารคูม่ ือการใชง้ านไวอ้ ยแู่ ลว้ผใู้ ชส้ ามารถท่ีจะหยบิ เลือกซ้ือไดเ้ ม่ือพอใจในตวั สินคา้ ซอฟตแ์ วร์น้นั ๆและนาํ ไปติดต้งั เพ่ือใชง้ านไดโ้ ดยทนั ทีกรณีท่ีไมส่ ามารถเลือกซ้ือผา่ นร้านตวั แทนจาํ หน่ายได้อาจเขา้ ไปในเวบ็ ไซตข์ องบริษทั ผผู้ ลิตซอฟตแ์ วร์น้นั ๆแลว้ กรอกขอ้ มูลรายการชาํ ระเงินผา่ นแบบฟอร์มบนเวบ็เมื่อรายละเอียดเกี่ยวกบั การจ่ายชาํ ระเงินของผซู้ ้ือไดร้ ับการอนุมตั ิกส็ ามารถนาํ เอาซอฟตแ์ วร์ดงั กล่าวมาใชไ้ ดท้ นั ที1.2 แบบว่าจ้างทาํ ( Customized หรือ Tailor – made Software )กรณีท่ีบางองคก์ รมีลกั ษณะงานท่ีเป็นแบบเฉพาะของตนเองและไม่สามารถนาํ โปรแกรมสาํ เร็จรูปมาประยกุ ตใ์ ชไ้ ด้ก็สามารถที่จะผลิตข้ึนมาเองหรือวา่ จา้ งใหบ้ ุคคลภายนอกท่ีมีความเชี่ยวชาญโดยเฉพาะทาํ การผลิตซอฟตแ์ วร์ออกมาใหต้ รงตามคุณสมบตั ิที่ตอ้ งการซ่ึงวธิ ีการน้ีอาจมีคา่ ใชจ้ า่ ยในการวา่ จา้ งใหเ้ ขียนซอฟตแ์ วร์ที่มีตน้ ทุนแพงกวา่ แบบสาํ เร็จรูปอยพู่ อสมควร1.3 แบบทดลองใช้ ( Shareware ) ในการใชง้ านโปรแกรมผใู้ ชง้ านอาจมีความตอ้ งการเพยี งแค่อยาก ทดสอบการใชง้ านของโปรแกรมน้นั ๆก่อนวา่ ดีหรือไม่ และจะเหมาะสมกบั งานท่ีทาํ อยอู่ ยา่ งไรบา้ งบริษทั ผผู้ ลิตจึงมกั จะมีโปรแกรมเพอ่ื ใหล้ ูกคา้ ทดลองใชง้ านก่อนได้แต่อาจจะมีการกาํ หนดระยะเวลาทดลองใชง้ านหรือเง่ือนไขอ่ืน ๆ เพ่มิ เติมดว้ ย เช่นใชไ้ ดภ้ ายใน 30 วนั หรือปรับลดคุณสมบตั ิบางอยา่ งลงไป
4-19วธิ ีการน้ีทาํ ใหผ้ ใู้ ชส้ ามารถทดลองใชก้ ่อนตดั สินใจซ้ือได้ซอฟตแ์ วร์ประเภทน้ีส่วนใหญ่แลว้ มกั จะมีใหด้ าวนโ์ หลดจากอินเทอร์เน็ตโดยทว่ั ไปซ่ึงจะหาไดต้ ามเวบ็ ไซตข์ องผผู้ ลิตโดยตรงหรือเวบ็ ไซตท์ ี่ใหบ้ ริการดาวน์โหลดซอฟต์แวร์โดยเฉพาะ1.4 แบบใช้งานฟรี ( Freeware )ปัจจุบนั เราสามารถเลือกหาโปรแกรมที่แจกใหใ้ ชก้ นั ฟรีๆเพอื่ ตอบสนองกบั การทาํ งานท่ีหลากหลายมาไดโ้ ดยง่ายโดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ กบั แหล่งบริการดาวน์โหลดบนอินเทอร์เน็ตซ่ึงมกั จะเป็นโปรแกรมขนาดเลก็ และใชเ้ วลาเพียงไม่กี่นาทีซ่ึงผใู้ ชไ้ มจ่ าํ เป็นตอ้ งจา่ ยเงินใหแ้ ก่ผผู้ ลิตแต่อยา่ งใดแตเ่ น่ืองจากเป็นของที่ใหใ้ ชก้ นั ฟรี ๆจึงอาจจะไมม่ ีคูม่ ือหรือเอกสารประกอบอยา่ งละเอียดเหมือนกบั ที่ตอ้ งเสียเงินซ้ือเนื่องจากเป้าหมายของผผู้ ลิตคือตอ้ งการพฒั นาโปรแกรมเพ่ือเผยแพร่ผลงานของตนเองใหเ้ ป็นที่รู้จกั มากยง่ิ ข้ึนและทดสอบระบบที่พฒั นาเพยี งเทา่ น้นั อยา่ งไรกต็ ามถึงแมว้ า่ จะแจกใหใ้ ชฟ้ รีซอฟตแ์ วร์ประเภทน้ีลิขสิทธ์ิกย็ งั เป็นของบริษทั ผผู้ ลิตอยู่ไมส่ ามารถนาํ ไปพฒั นาต่อหรือแกไ้ ขเปล่ียนแปลงภายใตเ้ งื่อนไขท่ีกาํ หนดให้1.5 แบบโอเพ่นซอร์ส (Public – Domain/Open Source)ในบางองคก์ รที่มีกลุ่มบุคคลผมู้ ีความรู้และความเช่ียวชาญทางดา้ นการพฒั นาซอฟตแ์วร์พอสมควรหากตอ้ งการใชซ้ อฟตแ์ วร์แต่ไม่ตอ้ งการเสียเวลาในการพฒั นาท่ียาวนานจนเกินไปอาจจะเลือกใชก้ ลุ่มของซอฟตแ์ วร์ที่มีการเปิ ดใหแ้ กไ้ ขปรับปรุงตวั โปรแกรมต่าง ๆไดเ้ อง อีกท้งั ยงั ไม่ถือวา่ เป็นการละเมิดลิขสิทธ์ิใด ๆ ดว้ ยซ่ึงบางคร้ังเรียกซอฟตแ์ วร์กลุ่มน้ีวา่ โอเพน่ ซอร์ส (open source )ซ่ึงผใู้ ชง้ านสามารถท่ีจะนาํ เอาโคด้ ต่าง ๆ
4-20ไปพฒั นาและประยกุ ตใ์ ชไ้ ดต้ ามความตอ้ งการไดภ้ ายใตเ้ งื่อนไขที่กาํ หนดหรือระบุไว้ของผผู้ ลิตด้งั เดิมข้อจํากดั และประโยชน์ของคอมพวิ เตอร์1. ข้อจํากดั ของคอมพวิ เตอร์1.1 การวางระบบคอมพวิ เตอร์ตอ้ งใชเ้ วลามากการท่ีหน่วยงานใดตดั สินใจนาํ คอมพวิ เตอร์เขา้ มาใชง้ านน้นัไม่ใช่วา่ จะนาํ เขา้ มาใชง้ านไดเ้ ลยทนั ที แตต่ อ้ งมีการวางระบบงานกนั เสียก่อนวา่ จะนาํ คอมพิวเตอร์เขา้ มาช่วย ในการทาํ งานดา้ นใดบา้ งแลว้ ยงั จะตอ้ งมีการเขียนโปรแกรมคาํ ส่งั เพ่อื สั่งให้คอมพวิ เตอร์ทาํ งานไดต้ ามที่ออกแบบไว้ ซ่ึงข้นั ตอนในการวางระบบงานจาํ เป็นตอ้ งใชเ้ วลาพอสมควร1.2 การรบกวนระบบงานปกติ เมื่อมีการนาํ คอมพวิ เตอร์เขา้ มาใชใ้ นหน่วยงานท่ีไมเ่ คยใชเ้ คร่ืองคอมพวิ เตอร์มาก่อนแน่นอนจะตอ้ งมีการเปล่ียนแปลงระบบงานเดิม ที่เคยเป็ นอยู่เช่นการเปล่ียนแปลงวธิ ีการทาํ งาน หรือคุณสมบตั ิของพนกั งานโดยอาจมีการส่งพนกั งานไปฝึกอบรม การใชง้ านคอมพวิ เตอร์ เป็นตน้การเปล่ียนแปลงน้ี มีผลกระทบถึง จิตใจของพนกั งานและอาจสร้างความไม่พอใจ และความวนุ่ วายหลายประการได้ ในระยะแรกๆท่ีตอ้ งมีการปรับตวั ใหเ้ ขา้ กบั ระบบงานใหม่1.3 การทาํ งานข้ึนอยกู่ บั มนุษย์ คอมพวิ เตอร์เป็นไดแ้ คเ่ คร่ืองมือช่วยมนุษย์ในการทาํ งาน ท้งั น้ีเพราะเคร่ืองคอมพิวเตอร์ไม่มีความคิดเป็นของตวั เองและทาํ งานเฉพาะที่ไดร้ ับคาํ สั่งจากมนุษยเ์ ทา่ น้นั ไมว่ า่ งานที่ส่งั ใหท้ าํ จะถูกหรือผิดเครื่องคอมพวิ เตอร์ไม่รู้จกั คิดหรือรับปรุงวธิ ีการทาํ งานใหด้ ีข้ึนนบั เป็นขอ้ จาํ กดั อยา่ งหน่ึงของเคร่ืองคอมพวิ เตอร์2 ประโยชน์ของคอมพวิ เตอร์
4-212.1 งานธุรกิจ เช่น บริษทั ร้านคา้ หา้ งสรรพสินคา้ ตลอดจนโรงงานตา่ งๆใชค้ อมพวิ เตอร์ในการทาํ บญั ชี งานประมวลคาํและติดตอ่ กบั หน่วยงานภายนอกผา่ นระบบโทรคมนาคม ส่วนใหญ่กใ็ ชค้ อมพวิ เตอร์มาช่วยในการนอกจากน้ีงานอุตสาหกรรม เช่นควบคุมการผลิต และการประกอบชิ้นส่วนของอุปกรณ์ต่างๆโรงงานประกอบรถยนต์ ซ่ึงทาํ ใหก้ ารผลิตมีคุณภาพดีข้ึนบริษทั ยงั สามารถรับหรืองานธนาคาร ท่ีใหบ้ ริการถอนเงินผา่ นตูฝ้ ากถอนเงินอตั โนมตั ิ ( ATM )และใชค้ อมพวิ เตอร์คิดดอกเบ้ียใหก้ บั ผฝู้ ากเงิน และการโอนเงินระหวา่ งบญั ชีเชื่อมโยงกนั เป็นระบบเครือข่าย2.2 งานวทิ ยาศาสตร์ การแพทย์ และงานสาธารณสุขสามารถนาํ คอมพวิ เตอร์มาใชใ้ นนาํ มาใชใ้ นส่วนของการคาํ นวณที่ค่อนขา้ งซบั ซอ้น เช่น งานศึกษาโมเลกลุ สารเคมีวถิ ีการโคจรของการส่งจรวดไปสู่อวกาศหรืองานทะเบียน การเงิน สถิติและเป็นอุปกรณ์สาํ หรับการตรวจรักษาโรคได้ซ่ึงจะใหผ้ ลที่แมน่ ยาํ กวา่ การตรวจดว้ ยวธิ ีเคมีแบบเดิมและใหก้ ารรักษาไดร้ วดเร็วข้ึน2.3 งานคมนาคมและส่ือสาร ในส่วนท่ีเกี่ยวกบั การเดินทางจะใชค้ อมพวิ เตอร์ในการจองวนั เวลา ท่ีนง่ั ซ่ึงมีการเชื่อมโยงไปยงั ทุกสถานีหรือทุกสายการบินได้ทาํ ใหส้ ะดวกตอ่ ผเู้ ดินทางท่ีไมต่ อ้ งเสียเวลารออีกท้งั ยงั ใชใ้ นการควบคุมระบบการจราจร เช่น ไฟสญั ญาณจราจร และการจราจรทางอากาศหรือในการสื่อสารกใ็ ชค้ วบคุมวงโคจรของดาวเทียมเพอื่ ใหอ้ ยใู่ นวงโคจรซ่ึงจะช่วยส่งผลตอ่ การส่งสญั ญาณใหร้ ะบบการส่ือสารมีความชดั เจน2.4 งานราชการ เป็นหน่วยงานท่ีมีการใชค้ อมพวิ เตอร์มากที่สุดโดยมีการใชห้ ลายรูปแบบ ท้งั น้ีข้ึนอยกู่ บั บทบาทและหนา้ ท่ีของ หน่วยงานน้นั ๆ
4-22เช่น กระทรวงศึกษาธิการมีการใชร้ ะบบประชุมทางไกลผา่ นคอมพิวเตอร์กระทรวงวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยีไดจ้ ดั ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเพ่อื เชื่อมโยงไปยงั สถาบนั ต่างๆ กรมสรรพากรใชจ้ ดั ในการจดั เก็บภาษี บนั ทึกการเสียภาษี เป็นตน้2.5 การศึกษา ไดแ้ ก่ การใชค้ อมพิวเตอร์ทางดา้ นการเรียนการสอนซ่ึงมีการนาํ คอมพวิ เตอร์มาช่วยการสอนในลกั ษณะบทเรียน CAIหรืองานดา้ นทะเบียน ซ่ึงทาํ ใหส้ ะดวกตอ่ การคน้ หาขอ้ มูลนกั เรียนการเกบ็ ขอ้ มูลยมื และการส่งคืนหนงั สือหอ้ งสมุด3. บทบาทคอมพวิ เตอร์ทมี่ ีต่อการศึกษา3.1 งานบริหาร (Administrative Application) ไดแ้ ก่การใชค้ อมพิวเตอร์เก่ียวกบั การบริหารองคก์ าร เช่น งานการเงิน บญั ชี พสั ดุทะเบียน และสารบรรณ3.2 งานหลกั สูตร (Curriculum Application) ไดแ้ ก่การใชค้ อมพวิ เตอร์เกบ็ ขอ้ มูลต่างๆ เพอื่ นาํ มาปรับปรุงหลกั สูตร เช่น ผลการเรียนอตั ราส่วนระหวา่ งผเู้ รียนต่อครู3.3 งานหอ้ งสมุด (Library Application) ไดแ้ ก่การใชค้ อมพวิ เตอร์ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริการหอ้ งสมุด เช่นการคน้ หนงั สือแทนการใชบ้ ตั รรายการ เป็ นตน้3.4 งานพฒั นาวชิ าชีพ (Professional development Application) คือการใหค้ วามรู้เกี่ยวกบั คอมพิวเตอร์แก่ครูเพื่อนาํ มาปรับปรุงการเรียนการสอน3.5 งานวจิ ยั (Research application) ไดแ้ ก่การใชค้ อมพวิ เตอร์ช่วยในการเก็บผลการวเิ คราะห์3.6 งานแนะแนวและบริการพิเศษ (Guidance and Special Service Application) ไดแ้ ก่การใชค้ อมพิวเตอร์เพื่อช่วย ในการเกบ็ รายงาน ผลการเรียนและพฤติกรรมผเู้ รียน3.7 งานทดสอบ (Testing Application) ไดแ้ ก่ การใชค้ อมพวิ เตอร์ช่วยสร้างขอ้ สอบวเิ คราะห์และประเมินผลการเรียน
4-233.8 ส่ือการสอน(Instructional Aids Application) ไดแ้ ก่ การใชค้ อมพวิ เตอร์เป็ นส่ือในการเรียนการสอน ไดแ้ ก่3.9 คอมพวิ เตอร์ช่วยสอน (Computer-Assisted Instruction) การใชค้ อมพวิ เตอร์ในการสอน การฝึกหดั การแกป้ ัญหาโจทยว์ ชิ าตา่ ง ๆ4.6 ระบบเลขทใี่ ช้ในดจิ ิตอลอเิ ลก็ ทรอนิกส์กล่าวนํา : การใชง้ านตวั เลขในชีวิตประจาํ วนัเราจะใชเ้ ลขฐานสิบในการหาค่าของตวั เลขเราสามารถจะหาไดโ้ ดยวธิ ีการกระจายดงั ตวั อยา่ ง เช่น 5862 = 5000 + 800 + 60 + 2 หรือ = 5 ×103 + 8 × 102 + 6 × 101 + 2 × 100 = 5862 ตวั คูณแตล่ ะหลกั (Digit) ที่เป็นเลข 10 ยกกาํ ลงั เราเรียกวา่ Weightจากตวั อยา่ งจะไดค้ า่ Weight ดงั น้ี ค่า Weight = 103 102 101 100 ในระบบเลขฐาน 10 ตวั เลขท่ีอยหู่ ลงั จุดทศนิยมเรียกวา่ เลขทศนิยมจุดทศนิยมน้ีเป็นตวั แบ่งส่วนท่ีเป็นเลขจาํ นวนเตม็และส่วนท่ีเป็นเลขจุดทศนิยมออกจากกนั ค่า Weight ของเลขจุดทศนิยม จะเป็ นดงั น้ี ค่า Weight = 10-1 10-2 10-3 10-4พิจารณาตวั อยา่ ง จากจาํ นวน 5862.512คา่ Weight = 103 102 101 100 . 10-1 10-2 10-3ค่าจาํ นวน = 5 8 6 2 . 5 1 2คาํ นวณค่า = (5×103) + (8×102)+(6×101)+(2×100)+(5×10-1)+(1×10-2)+ (2×10-3) = 5862.512จากท่ีกล่าวมาขา้ งตน้ เป็ นการหาเลขฐาน 10 จากการหาผลบวกของค่า Weightคูณดว้ ยเลขประจาํ หลกั
4-244.6.1 เลขฐานทใ่ี ช้กนั กบั ระบบคอมพวิ เตอร์1. เลขฐานสอง (binary Number System)ประกอบใชก้ บั วงจรอิเล็กทรอนิกส์ เพราะวงจรมีแค่เพียง 2 สถานะนอกจากจะแทนดว้ ย ∅ และ 1 แลว้ ยงั สามารถแทนดว้ ยสิ่งอ่ืนไดอ้ ีก เช่นเปิ ดกบั ปิ ด mark กบั space สูงกบั ต่าํ เป็นตน้ในระบบเลขฐานสิบ แต่ละหลกั จะมีคา่ Weight เป็นเลข 10 ยกกาํ ลงัแตใ่ นเลขฐานสองจะมีค่า Weight เป็น 2 ยกกาํ ลงั ดงั รูป แสดงค่า Weightของเลขฐานสอง 210 29 28 27 26 25 24 23 21 20 1024 512 256 128 64 32 16 8 4 2ตวั อย่างที่ 1 เลขฐานสองจาํ นวน (110110)2 (ในการเขียนเลขฐานต่าง ๆมกั จะเขียนอยใู่ นวงเลบ็ และมีหมายเลขกาํ กบั อยตู่ อนทา้ ย เพื่อไม่ใหส้ ับสน)คา่ Weight = 25 24 23 22 21 20เลขฐานสอง = 1 1 0 1 1 0คาํ นวณคา่ = (1×25) + (1×24) + (0×23) + 1×22) + (1×21) + (0×20) = (54)10สาํ หรับเลขฐานสองท่ีมีจุดทศนิยม คา่ Weight ของเลขจุดทศนิยมในเลขฐานสองเรียงตามลาํ ดบั ดงั ต่อไปน้ี2-1 2-2 2-3 2-4 2-5 2-60.5 0.25 0.125 0.0625 0.03129 0.015625ในระบบเลขฐานสิบ แต่ละหลกั เราเรียกวา่ หลกั (Digit)แตใ่ นระบบเลขฐานสองเรียกวา่ บิต (bit) ในเลขฐานสองบิตท่ีมีค่า Weight ต่าํ สุด หรือมีค่านยั สาํ คญั ดอ้ ยที่สุดซ่ึงอยทู่ างขวามือ เรียกวา่ LSB (Least Significant Bit)และบิตท่ีมีค่า Weight มากท่ีสุด หรือมีค่านยั สาํ คญั มากที่สุด ซ่ึงอยทู่ างซา้ ยมือสุดเรียกวา่ MSB (Most Significant Bit) ส่วนในระบบเลขฐานสอง เรียกวา่ LSD (LeastSignificant Digit) และ MSD (Most Significant Digit)
4-252. เลขฐานแปด ประกอบดว้ ยเลข 8 ตวั คือ 0, 1, 2, 3, 4, 5, 6, และ 7เช่น (4 5 6)8, (6 4 3 5)8 3. เลขฐานสิบหก ประกอบดว้ ยเลข 16 ตวั คือ 0, 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9,A, B, C, D, E และ F เช่น (51F)16 , (A9E1)164.6.2 การแปลงเลขฐานของระบบตัวเลข1 การแปลงฐานสองเป็ นเลขฐานสิบ :หลกั การ : คือการเอาค่า Weight ของทุกบิตท่ีมีค่าเป็น 1 มาบวกกนั ดงั ตวั อยา่ งตัวอย่างที่ 2 จงแปลง (11011101)2 ใหเ้ ป็นเลขฐานสิบ(11011101)2 = (127)+(1×26)+(0×25)+(1×24)+(1×23)+(1×22)+(0×21)+(1×20) = 128 + 64 + 0 + 16 + 8 + 4 + 0 + 1 = (221)10 ผลลพั ธ์ตัวอย่าง 3 จงเปลี่ยน (1011.101)2 เป็นเลขฐานสิบ 1011.101 2-3 0.125 2-2 0.0 2-1 0.5 20 - 21 1. 22 2. 23 0. 8.∴ (1011.101)2 = (11.625)10 (11.625)10
4-26หลกั การ 2 การเปลยี่ นเลขฐานสิบเป็ นเลขฐานสอง1. ใหน้ าํ เลขฐานสิบเป็ นตวั ต้งั และนาํ 2 มาหารไดเ้ ศษเทา่ ไรจะเป็นคา่ บิตที่มีนยั สาํ คญั นอ้ ยท่ีสุด (LSB)2. นาํ ผลลพั ธ์ที่ไดจ้ ากขอ้ ท่ี 1 มาต้งั หารดว้ ย 2อีกเศษท่ีจดั จะเป็นบิตถดั ไปของเลขฐานสอง3. ทาํ เหมือนขอ้ 2 ไปเร่ือยๆ จนไดผ้ ลลพั ธ์เป็นศูนย์เศษที่ไดจ้ ะเป็นบิตเลขฐานสองท่ีมีนยั สาํ คญั มากที่สุด (MSB)ตวั อย่าง 3 จงเปล่ียน (221)10 เป็นเลขฐานสอง 2 221 เศษ 1 (LSB) 2 110 เศษ 0 2 55 เศษ 1 2 27 เศษ 1 2 13 เศษ 1 2 6 เศษ 0 2 3 เศษ 1 2 1 เศษ 1 0 เศษ 1 (MSB)ดงั น้นั (221)10 = (11011101)2 3 การเปลยี่ นเลขฐานสิบทม่ี จี ุดทศนิยมเป็ นเลขฐานสองหลกั การ1.ใหเ้ ปลี่ยนเลขจาํ นวนเตม็ หนา้ จุดทศนิยมดว้ ยวธิ ี ท่ีกล่าวมาแลว้2.ใหน้ าํ เลขจุดทศนิยมมาต้งั แลว้ คูณดว้ ย 2 ผลคูณมีคา่ นอ้ ยกวา่ 1จะไดค้ า่ เลขฐานสองเป็น 0 แตถ่ า้ ผลคูณมีคา่ มากกวา่ 1 หรือเท่ากบั 1จะไดค้ า่ เลขฐานสองเป็น 1
4-273.ใหน้ าํ เลขจุดทศนิยมท่ีไดจ้ ากผลการคูณใน มาต้งั และคูณดว้ ย 2และพิจารณาผลลพั ธ์เช่นเดียวกบั ขอ้ และกระบวนการน้ีจะทาํ ต่อไปเรื่อย ๆจนกวา่ ผลคูณจะมีคา่ เทา่ กบั 1 หรือไดค้ ่าท่ีแมน่ ยาํ เพียงพอแลว้ตัวอย่าง 4 จงเปล่ียน (0.375)10 เป็นเลขฐานสองผลการคูณ ผลของจาํ นวนเต็ม0.375 × 2 = 0.75 00.75 × 2 = 1.5 10.5 × 2 = 1.0 1ดงั น้นั (0.375)10 = (0.011)2ตวั อย่าง 5 จงเปล่ียน (12.35)10 เป็นฐานสอง1. เปล่ียน (12)10 ใหเ้ ป็ นเลขฐานสอง (12)10 = (1100)22. เปล่ียน (0.35)10 เป็ นเลขฐานสองผลการคูณ ผลของจาํ นวนเต็ม0.35 × 2 = 0.7 00.7 × 2 = 1.4 10.4 × 2 = 0.8 00.8 × 2 = 1.6 10.6 × 2 = 1.2 10.2 × 2 = 0.4 00.4 × 2 = 0.8 00.8 × 2 = 1.6 1การเปล่ียนจะซ้าํ กนั ไปเร่ือย ๆ จะนาํ มาใชเ้ พียง 6 บิตดงั น้นั (12.35)10 = (1100.010110)2
4-284 การเปลย่ี นเลขฐานแปดเป็ นฐานสิบและเลขฐานสิบเป็ นฐานแปดการเปลย่ี นเลขฐานแปดเป็ นเลขฐานสิบหลกั เกณฑ์ : นาํ ค่าน้าํ หนกั(Weight)และเลขฐานแปดคูณดว้ ยเลขประจาํ หลกั แลว้ นาํ ผลท่ีไดท้ ุกหลกั มารวมกนัน้าํ หนกั : Weight ไดแ้ ก่ … 84 83 82 81 80 8-1 8-2 8-3…ตัวอย่าง 6 (134)8 = (…)10 (134)8 = (1×82) + (3×81) + (4×80) = 64 + 24 + 4 = (92) 10ดงั น้นั (134)8 = (92)10การเปลย่ี นเลขฐานสองเป็ นเลขฐานแปดหลกั เกณฑ์ : นาํ เลขฐานสิบเป็ นตวั ต้งั แลว้ หารดว้ ย 8เศษท่ีไดจ้ ากการหารจะเป็ นค่าของเลขฐานแปดทาํ เช่นเดียวกบั การเปลี่ยนเลขฐานสิบเป็นฐานสองตวั อย่าง 7 (92)10 = (…)8 8 92 เศษ 4 8 11 เศษ 3 81 เศษ 1 0 1 34ดงั น้นั (92)10 = (134)8 5 การเปลยี่ นเลขฐานแปดเป็ นสองและเลขฐานสองเป็ นฐานแปดการเปลย่ี นเลขฐานแปดเป็ นเลขฐานสองหลกั การ : จะตอ้ งใชเ้ ลขฐานสิบเป็นตวั กลางในการเปล่ียน แปด สิบ สอง
4-29
4-30ตวั อย่าง 8 (134)8 = (…)2 แปด1. เปล่ียนเลขฐานแปดเป็นเลขฐานสิบ(134)8 = (1×88) + (3×81) +(4×80) = (92)102. เปลี่ยนเลขฐานสิบเป็นเลขฐานสอง (92)10 = (…)2Weight = 64 32 16 8 4 2 1 = 64 + 0 + 16 + 8 + 4 + 0 + 0เลขฐาน 2 = 1 0 1 1 1 0 0ดงั น้นั (134)8 = (1011100)2การเปลย่ี นเลขฐานสองเป็ นเลขฐานแปดหลกั การ : จะตอ้ งใชเ้ ลขฐานสิบเป็นตวั กลางในการเปล่ียน สอง สิบตัวอย่าง 9 (1011100)2 = (…)81. เปลี่ยนเลขฐานสองเป็นเลขฐานสิบ (1011100)2 = 64 + 0 + 16 + 8 + 4 + 0 + 0 = (92)102. เปลี่ยนฐานสิบเป็นเลขฐานแปด เศษ 4 8 92 เศษ 3 8 11 เศษ 1 81 0 134ดงั น้นั (1011100)2 = (134)8
4-316 การเปลยี่ นเลขฐานสองเป็ นเลขฐานแปดและฐานแปดเป็ นเลขฐานสอง วธิ ีลดัเลขฐานแปด เลขฐานสอง0 0001 0012 0103 0114 1005 1016 1107 111ตารางเปรียบเทียบเลขฐานแปดและเลขฐานสองจากตารางจะเห็นวา่ เลขฐานแปดหน่ึงหลกั สามารถแทนดว้ ยเลขฐานสองจาํ นวน 3 บิตตัวอย่าง 10 จงแปลงเลขฐานสองเป็นเลขฐานแปด (1011100) 2 = (…)8วธิ ีทาํ 001 011 100 1 34ดงั น้นั (1011100) 2 = (134)8ตวั อย่าง 11 เปล่ียนเลขฐานแปดเป็นเลขฐานสอง (6143)8 = (…)2วธิ ีทาํ 6 1 4 3 110 001 100 011ดงั น้นั (6143)8 = (110001100011)2
4-327 การเปลย่ี นเลขฐานสิบหกเป็ นฐานสิบและเลขฐานสิบเป็ นฐานสิบหกการเปลย่ี นเลขฐานสิบหกเป็ นเลขฐานสิบหลกั การ : นาํ ค่าน้าํ หนกั (Weight) ของเลขฐานสิบหกคูณดว้ ยเลขประจาํ หลกัและนาํ ผลที่ไดท้ ุกหลกั มารวมกนั น้าํ หนกั (Weight) : 164 163 162 161 160 16-1 16-216-3…ตวั อย่าง 12 (6C)16 = (…)10วธิ ีทาํ (6C)16 = (5×161) + (12×160) = 80 + 12 = (92)10ดงั น้นั (6C)16 = (92)10ตัวอย่าง 12 (0.3)16= (…)10วธิ ีทาํ (0.3)16 = 3×16-1 = 3×0.0625 = (0.1875)10ดงั น้นั (0.3)16 = (0.1878)10การเปลย่ี นเลขฐานสิบเป็ นเลขฐานสิบหกหลกั การ : นาํ เลขฐานสิบมาเป็นตวั ต้งั แลว้ นาํ 16 มาหาร เศษท่ีไดจ้ ากการหารจะเป็นคา่เลขฐานสิบหก ทาํ เช่นเดียวกบั การเปลี่ยนเลขฐานสิบเป็นเลขฐานสองตวั อย่าง 13 (92)10 = (…)16วธิ ีทาํ 16 92 เศษ 12 =C 16 5 เศษ 5 5Cดงั น้นั (92)10 = (5C)16
4-33ตัวอย่าง 14 (0.7875)10 = (….)16วธิ ีทาํผลการคูณ ผลของจาํ นวนเตม็0.7875 X 16 = 12.6 12 = C0.6 X 16 = 9.6 90.6 X 16 = 9.6 90.6 X 16 = 9.6 9ดงั น้นั (0.7875)10 = (0.C9)16 8 การเปลยี่ นเลขฐานสองเป็ นฐานสิบหก และฐานสิบหกเป็ นฐานสองการเปลยี่ นเลขฐานแปดเป็ นเลขฐานสองหลกั การ : จะตอ้ งใชเ้ ลขฐานสิบเป็นตวั กลางสิบหก สิบ สองตวั อย่าง 15 (5C)16 = (…)21. เปล่ียนเลขฐานสิบหกเป็ นเลขฐานสิบ (5C)16 = (5X161) + (12X160) = 80 + 12 = (92)102. เปล่ียนเลขฐานสิบเป็นเลขฐานสอง (92)10 = (…)2 Weight = 64 32 16 8 4 2 1 64 + 0 + 16 + 8 + 4 + 0 + 0 เลขฐานสอง = 1 0 1 1 1 0 0ดงั น้นั (5C)16 = (1011100)2
4-34การเปลย่ี นเลขฐานสองเป็ นเลขฐานสิบหก หลกั การ : ตอ้ งใชเ้ ลขฐานสิบเป็นตวั กลางตวั อย่าง 16 (1011100)2 = (…)16 1. เปล่ียน (1011100)2เป็นเลขฐานสิบ (1011100)2 = (92)10 2. เปลี่ยนเลขฐานสิบเป็นเลขฐานสิบหก 16 92 เศษ 12 =C 16 5 เศษ 5 0 5Cดงั น้นั (1011100)2 = (5C)16 9 การเปลยี่ นเลขฐานสิบหกเป็ นฐานสองและเลขฐานสองเป็ นฐานสิบหกวธิ ีลดัตารางเปรียบเทียบเลขฐานสิบหกกบั เลขฐานสองเลขฐานแปด เลขฐานสอง0 00001 00012 00103 00114 01005 01016 01107 01118 10009 1001A 1010B 1011C 1100D 1101E 1110F 1111
4-35จากตารางเห็นวา่ เลขฐานสิบหกหน่ึงหลกั สามารถแทนดว้ ยเลขฐานสองจาํ นวน 4 บิตตัวอย่าง 17 จงเปล่ียน (1011100)2 เป็นเลขฐานสิบหกวธิ ีทาํ 0101 1100 5 12 5Cดงั น้นั (1011100)2 = (5C)16ตัวอย่าง 18 จงเปลี่ยน (1011110111011)2 เป็นเลขฐานสิบหกวธิ ีทาํ 0001 0111 1011 1011 1 7 11 11 1 7 BBดงั น้นั (1011110111011)2 = (17BB)16ตัวอย่าง 19 จงเปลี่ยน (A95)16เป็นเลขฐานสองวธิ ีทาํ A 9 5 1010 1001 0101ดงั น้นั (A95)16 = (101010010101)2
4-364.7 การใช้โปรแกรมสําเร็จรูปในการวเิ คราะห์ข้อมูล4.7.1 การลงรหสั ข้อมูล 1 การสร้างแบบสอบถาม แบบสอบถาม หมายถึง รูปแบบของคาํ ถามเป็นชุดๆท่ีไดถ้ ูกรวบรวมไวอ้ ยา่ งมีหลกั เกณฑแ์ ละเป็นระบบเพื่อใชว้ ดั ส่ิงท่ีผวู้ จิ ยั ตอ้ งการจะวดั จากกลุ่มตวั อยา่ งหรือประชากรเป้าหมายใหไ้ ดม้ าซ่ึงขอ้ เทจ็ จริงท้งั ในอดีต ปัจจุบนั และการคาดคะเนเหตุการณ์ในอนาคตแบบสอบถามประกอบดว้ ยรายการคาํ ถามที่สร้างอยา่ งประณีตเพอื่ รวบรวมขอ้ มูลเก่ียวกบั ความคิดเห็นหรือขอ้ เทจ็ จริงโดยส่งใหก้ ลุ่มตวั อยา่ งตามความสมคั รใจ การใชแ้ บบสอบถามเป็นเคร่ืองมือในการเก็บรวบรวมขอ้ มูลน้นั การสร้างคาํ ถามเป็นงานที่สาํ คญั สาํ หรับผวู้ จิ ยัเพราะวา่ ผวู้ จิ ยั อาจไมม่ ีโอกาสไดพ้ บปะกบั ผตู้ อบแบบสอบถามเพือ่ อธิบายความหมายตา่ ง ๆ ของขอ้ คาํ ถามท่ีตอ้ งการเกบ็ รวบรวมแบบสอบถามเป็นเคร่ืองมือวจิ ยั ชนิดหน่ึงท่ีนิยมใชก้ นั มากเพราะการเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลสะดวกและสามารถใชว้ ดั ไดอ้ ยา่ งกวา้ งขวางการเกบ็ ขอ้ มูลดว้ ยแบบสอบถามสามารถทาํ ไดด้ ว้ ยการสมั ภาษณ์หรือใหผ้ ตู้ อบดว้ ยตนเอง ตวั อย่างแบบสอบถามและการกาํ หนดค่าแบบสอบถามตอนที่ 1 ข้อมูลทว่ั ไปของผู้ตอบแบบสอบถาม 1. เพศ ชาย หญิง 2. สถานะ นกั ศึกษา อาจารย์ บุคลากร ประชาชนทวั่ ไป โปรดระบุ …………………… 3. หน่วยงาน สาํ นกั งานวทิ ยาเขตฯ คณะศิลปศาสตร์
4-37 คณะบริหารธุรกิจและเทคโนโลยสี ารสนเทศ โปรดระบุ………4. อายุ ต่าํ กวา่ 20 ปี 20-40 ปี 41 ปี ข้ึนไปตอนที่ 2 ความพงึ พอใจต่อโครงการ ระดบั ความคดิ เห็นขอ้ คาํ ถาม 54 3 211. ระยะเวลาการจดั กิจกรรมมีความเหมาะสม2. สถานที่จดั การกิจกรรมมีความเหมาะสม3.การอาํ นวยความสะดวกและใหค้ าํ แนะนาํ จากเจา้ หนา้ ที่4. แสดงข้นั ตอนการใหบ้ ริการชดั เจน2 การลงรหัสข้อมูลการลงรหสั (Coding)เป็นการเปลี่ยนรูปแบบขอ้ มูลโดยใหร้ หสั แทนขอ้ มูลเพื่อทาํ ใหส้ ามารถจาํ แนกลกั ษณะขอ้ มูล รหสั ท่ีใชแ้ ทนขอ้ มูลอาจจะอยใู่ นรูปตวั เลข ตวั อกั ษร หรือขอ้ ความซ่ึงโดยปกตินิยมกาํ หนดรหสั ขอ้ มูลใหเ้ ป็นตวั เลข(ยกเวน้ โปรแกรมที่ใชป้ ระมวลผลขอ้ มูลในการวจิ ยั เชิงคุณภาพโดยเฉพาะ)ไมว่ า่ จะเป็นขอ้ มูลเชิงคุณภาพหรือเชิงปริมาณ แตก่ ารนาํ ไปวเิ คราะห์หรือประมวลผลและการตีความจะแตกต่างกนั ไปตอนที่ 1 ข้อมูลทว่ั ไปคาํ ถามที่ ช่ือตัวแปร รายการข้อมูล ขนาดของ ค่าทเี่ ป็ นไปได้และความห ตัวแปร มาย1 SEX เพศ 1 1: ชาย 2: หญิง2 STATUS สถานภาพ 1 1: นกั ศึกษา
4-38คําถามที่ ช่ือตวั แปร รายการข้อมูล ขนาดของ ค่าทเี่ ป็ นไปได้และความห ตวั แปร มาย3 Department5 AGE 2: อาจารย์ 3: บุคลากร 4: ประชาชนทวั่ ไป 5: อื่นๆ หน่วยงาน 1 1: สาํ นกั งานวทิ ยาเขตฯ 2: คณะศิลปศาสตร์ 3: คณะบริหารธุรกิจฯ อายุ 1 1: ต่าํ กวา่ 20 ปี 2: 20-40 ปี 3: 41 ปี ข้ึนไปตอนที่ 2 ความพงึ พอใจต่อโครงการลาํ ดบั เพศ สถานะ หน่วยงาน ระดับ อายุ Q.1 Q.2 Q.3 Q.4001 1 2 1 1 14554002 1 2 3 2 24553003 1 1 2 2 24444004 2 2 3 1 35355005 1 1 1 2 33444006 2 2 1 2 24454007 1 2 2 2 24445008 2 2 2 2 24454009 2 1 3 3 34544
4-394.7.2 การใช้โปรแกรมสําเร็จรูปในการวเิ คราะห์สถติ อิ ย่างง่าย1 การใช้โปรแกรม Microsoft Excel ในการวเิ คราะห์ข้อมูลเบื้องต้นExcel เป็นโปรแกรมที่อยใู่ นชุดของ Microsoft Officeเป็นโปรแกรมประเภทตารางคาํ นวณ ซ่ึงมีติดต้งั อยใู่ นเครื่องคอมพวิ เตอร์ทวั่ ไปคุณสมบตั ิที่สาํ คญั ของโปรแกรมน้ีสามารถทาํ การคาํ นวณต้งั แตข่ ้นั ง่ายท่ีสุดถึงข้นั ที่มีความสลบั ซบั ซอ้ นได้ สามารถหาค่าท่ีเป็ นพารามิเตอร์ของประชากรได้สามารถประยกุ ตก์ ารทาํ งานในลกั ษณะฐานขอ้ มูลและนาํ เสนอขอ้ มูลในรูปแบบรายงานและกราฟได้ส่วนประกอบของหน้าต่าง Excel1.แถบช่ือเร่ือง (Title bar) เป็นส่วนท่ีบอกวา่ ขณะน้ีกาํ ลงั ใชง้ านแฟ้ม (File)อะไรอยู่2.ป่ ุมควบคุม (Control button) ใชค้ วบคุมขนาดหนา้ ต่างโปรแกรม เช่น ยอ่ ขยายและปิ ดการทาํ งานของโปรแกรม3.แถบเมนู (Menu bar)เป็นส่วนที่รวบรวมรายการคาํ สง่ั การทาํ งานของโปรแกรม4.แถบเครื่องมือ (Tool bar) เป็นการนาํ คาํ สั่งที่มีการใชง้ านบ่อย ๆมาสร้างเป็นป่ ุมสาํ หรับ คล๊ิกเพอ่ื ช่วยอาํ นวยความสะดวกในการใชง้ าน5.แถบสูตร (Formula bar)เป็นแถบที่ใชแ้ สดงหรือสร้างสูตรการคาํ นวณในเซลลท์ ่ีกาํ หนด6.ชีทหรือแผน่ งาน (Sheet) คือ พ้นื ท่ีการทาํ งาน ลกั ษณะเป็นตารางแตล่ ะช่องของตารางเรียกวา่ เซลล์ (Cell)7.แถบสถานะ (Status bar)เป็นส่วนที่แสดงสภาวะการทาํ งานขณะน้นั ของโปรแกรม8.ผชู้ ่วย (Assistance) คือ การใหค้ าํ แนะนาํ ในการทาํ งานโดยมีรูปร่างเป็ นตวั การ์ตูน
4-409.ป้ายชีท (Sheet label) ใชบ้ อกหมายเลขหรือชื่อแผน่ งานในสมุดงาน (Workbook) น้นัส่วนประกอบของแผ่นงาน (Work sheet)ในแผน่ งานของ Excel มีส่วนประกอบที่สาํ คญั มีรายละเอียด ดงั น้ี1. เซลล์ (Cell) เป็นช่องในตารางสาํ หรับใส่ขอ้ มูลซ่ึงขอ้ มูลอาจจะอยใู่ นรูปตวั เลข ตวั อกั ษร ขอ้ ความ หรือสูตร กไ็ ด้ตาํ แหน่งที่จะกรอกขอ้ มูลหรือเซลลท์ ี่มีความพร้อมในการใส่ขอ้ มูลจะมีกรอบเขม้ ลอมรอบอยสู่ ภาวะน้นั เรียกวา่ “active cell”แตล่ ะเซลลใ์ ส่ขอ้ มูลไดไ้ ม่เกิน 255 ตวั อกั ษร2. คอลมั น์ (Column) คือ ช่องของขอ้ มูลที่เรียงอยทู่ างแนวต้งั มีท้งั หมด 256คอลมั น์ และหวั คอลมั น์แสดงเป็นภาษาองั กฤษต้งั แต่ A B C …. AA AB… ถึง IV3. จาํ นวนแถว (Row) คือ ช่องขอ้ มูลทางแนวนอน มีท้งั หมด 65536 แถวและหวั แถวจะมีตวั เลขบอกต้งั แต่เลข 1 ถึง 65536การกรอกข้อมูลในเซลล์1. ขอ้ มูลประเภทตวั เลข เช่น 1 2 3 4 5โปรแกรมจะวางขอ้ มูลไวช้ ิดทางขวาของเซลล์2. ขอ้ มูลประเภทตวั อกั ษร ขอ้ ความ สญั ลกั ษณ์โปรแกรมจะวางขอ้ มูลไวช้ ิดทางซา้ ยของเซลล์3. ขอ้ มูลประเภทสูตร ตอ้ งมีเคร่ืองหมาย = นาํ หนา้ เช่น =5 + 3 + 2 * (2/3) ,= A1 + B5 + C2สาํ หรับความจุในแตล่ ะเซลลค์ วามยาวสูงสุดของสูตรตอ้ งไมเ่ กิน 1024 ตวั อกั ษรส่วนเครื่องหมายทางคณิตศาสตร์ท่ีใชใ้ นสูตร คือบวก ใช้ + เท่ากบั ใช้ = มากกวา่ลบ ใช้ - นอ้ ยกวา่ ใช้ >คูณ ใช้ * ใช้ <
4-41หาร ใช้ / มากกวา่ หรือเท่ากบั ใช้ >=ยกกาํ ลงั ใช้ ^ นอ้ ยกวา่ หรือเท่ากบั ใช้ <= ไม่เทา่ กบัวงเล็บ ใช้ ( ) ใช้ <>ลาํ ดบั การคาํ นวณจะเร่ิมจากส่วนที่อยใู่ นวงเลบ็ ก่อน แลว้ เป็น คูณ หาร บวก ลบการอ้างองิ เซลล์ในแต่ละเซลลจ์ ะมีชื่อเรียกเป็ นของตนเอง ตามตาํ แหน่งที่เซลลน์ ้นั อยู่ เช่นอยใู่ นตาํ แหน่ง คอลมั น์ A แถวท่ี 2 ก็เรียกเซลลน์ ้นั วา่ A2 ถา้ อยู่ คอลมั น์ M แถวท่ี 15เรียกเซลลน์ ้นั วา่ M15 เป็นตน้การอา้ งอิงเซลลม์ ีประโยชนใ์ นการอา้ งถึงและคดั ลอก (Copy)เซลลไ์ ปไวใ้ นตาํ แหน่ง ต่าง ๆโดยเฉพาะในส่วนที่เป็นอา้ งอิงถึงสูตรท่ีอยใู่ นเซลลต์ น้ ฉบบัจะเป็นประโยชนท์ ่ีไมต่ อ้ งสร้างสูตรข้ึนมาใหม่ทุกคร้ังที่มีการใชง้ านถา้ ใชร้ ะบบการอา้ งอิงเซลลท์ ี่ถูกตอ้ งการอา้ งอิงเซลลม์ ี 3 รูปแบบใหญ่ ๆ คือ1. การอา้ งอิงแบบสมั พทั ธ์ (Relative reference)เป็นการอา้ งอิงเซลลแ์ บบธรรมดา โดยรักษาระยะห่างในแนวแถว และแนวคอลมั น์ระหวา่ งเซลลต์ น้ ฉบบั กบั เซลลท์ ่ีอา้ งอิงเป็นคร้ังแรกไมว่ า่ จะอา้ งอิงเซลลต์ อ่ มาไปไวท้ ่ีตาํ แหน่งใดก็ตาม เซลลท์ ี่อา้ งถึงจะเปล่ียนไปเรื่อย ๆเท่ากบั ระยะห่างท่ีมีการอา้ งอิงไวค้ ร้ังแรก ตวั อยา่ ง เซลลต์ น้ ฉบบั คือ A1เซลลท์ ่ีอา้ งอิงคร้ังแรกคือ C3 ระยะห่างของเซลลท์ ้งั สอง คือ 3 คอลมั น์ 3 แถว(นบั ตาํ แหน่งท่ีเซลลอ์ ยดู่ ว้ ย) ถา้ คดั ลอกเซลล์ C3 เอาไปที่ D4ตาํ แหน่งที่อา้ งถึงจะเปลี่ยนไปเป็น B2 แทน ตามระยะห่างที่คงที่ คือ 3 คอลมั น์ 3แถว รูปแบบการอา้ งอิง เช่น =A1 , =B2, =A1+B3 เป็นตน้2. การอา้ งอิงแบบสัมบูรณ์ (Absolute reference)เป็นการอา้ งอิงเซลลแ์ บบคงที่
4-42โดยอา้ งอิงเซลลท์ ี่เป็นตน้ ฉบบั ตลอดไมว่ า่ จะคดั ลอกเซลลไ์ ปท่ีตาํ แหน่งใดก็ตามรูปแบบการอา้ งอิง เช่น =$A$1, =$E$12 , =$B$3+$C$2 เป็นตน้ 3. การอา้ งอิงแบบผสม (Mixed reference)เป็นการอา้ งอิงที่ผสมระหวา่ งการอา้ งอิงแบบสมั พทั ธ์กบั แบบสัมบูรณ์หมายถึงวา่ จะมีตาํ แหน่งที่อา้ งอิงบางส่วนคงท่ีและบางส่วนเปลี่ยนแปลงตามตาํ แหน่งที่อา้ งถึง มีรูปแบบการอา้ งอิง เช่น =A$1,=$B2, =$B2 + C$5 เป็นตน้
4-43ฟังก์ช่ันพืน้ ฐานทชี่ ่วยในการคาํ นวณ=SUM(… : …) ใชห้ าผลรวมในช่วงของขอ้ มูล เช่น =SUM(A1 : A20)=COUNT(… : …)ใชน้ บั จาํ นวนขอ้ มูลในช่วงของขอ้ มูลที่กาํ หนด เช่น =COUNT(B125 :B304)=AVERAGE(… : …)ใชห้ าคา่ เฉล่ียในช่วงของขอ้ มูลท่ีกาํ หนด เช่น =AVERAGE(A2 : A50)=MAX(… : …)ใชห้ าค่าสูงท่ีสุดในช่วงขอ้ มูลท่ีกาํ หนด เช่น =MAX(A1 : A50)=MIN(… : …)ใชห้ าคา่ นอ้ ยที่สุดในช่วงขอ้ มูลท่ีกาํ หนด เช่น =MIN(A1 : A50)=STDEV(… : …)ใชห้ าคา่ ส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐานของกลุ่มตวั อยา่ ง เช่น =STDEV(A1 : A50)=STDEVP(… : …)ใชห้ าคา่ ส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐานของกลุ่มประชากร เช่น=STDEVP(A1:A50)=IF(เงื่อนไข,ถา้ เงื่อนไขเป็นจริงทาํ งานส่วนน้ี, ถา้ เง่ือนไขเป็นเทจ็ ทาํ งานส่วนน้ี)การใชฟ้ ังกช์ นั่ =IF(…,…) ใชส้ าํ หรับการทาํ งานที่มีการกาํ หนดเงื่อนเป็นทางเลือกถา้ เงื่อนไขเป็ นจริงจะใหโ้ ปรแกรมทาํ งานอยา่ งหน่ึงถา้ เงื่อนไขไมเ่ ป็ นจริงจะใหโ้ ปรแกรมทาํ งานอีกอยา่ งหน่ึง เช่น =IF(A1 >50,”ผา่ น”,”ไม่ผา่ น) หรือใช้ IF ซอ้ นกนั หลายช้นั แตไ่ ม่เกิน 7 ช้นั เช่น =IF(B2 <50,”กลุ่มอ่อน”,IF(B2<60,”กลุ่มปานกลาง”,IF(B2 < 70,”กลุ่มเก่ง”,”กลุ่มเก่งมาก”)))นอกจากน้นั ยงั สามารถใชค้ าํ ส่งั AND, OR, NOT ประกอบการต้งั เง่ือนไขกไ็ ด้=COUNTIF(... :…, คา่ ที่กาํ หนด) ใชเ้ พอื่ กาํ หนดใหม้ ีการนบั ตามเงื่อนไข เช่นตอ้ งการนบั ตวั เลขท่ีมีคา่ เป็น 5 ระหวา่ งช่วงเซลล์ A12 ถึง A100 จะใชค้ าํ ส่งั=COUNT(A12:A100,1)สาํ หรับคา่ ท่ีกาํ หนดที่เป็นตวั อกั ษรตอ้ งใส่เคร่ืองหมายคาํ พดู กาํ กบั ไว้ เช่น=COUNT(B2:B50,”A”) เป็นตน้นอกจากฟังกช์ นั่ ช่วยการคาํ นวณดงั กล่าวแลว้ ยงั มีฟังกช์ นั่ อ่ืน ๆใหเ้ ลือกใชอ้ ีกจาํ นวนมากโดย คลิกไปท่ีป่ ุม fx หรือโปรแกรมรุ่นใหม่ ๆจะเกบ็ ฟังกช์ นั่ เหล่าน้ีไวท้ ี่ตวั เลือกในป่ ุม ∑ เม่ือผวู้ จิ ยั เลือกฟังกช์ นั่ ใชง้ านที่ตอ้ งการ
4-44จะมีกรอบโตต้ อบ (dialog box) ใหผ้ ใู้ ชก้ รอกขอ้ มูลตา่ ง ๆท่ีจาํ เป็นและโปรแกรมจะคาํ นวณค่าท่ีตอ้ งการ 2 การนําข้อมูลบนั ทกึ ลงใน Microsoft Excelวธิ ีดําเนินการ1.กาํ หนดหวั ขอ้ แบบสอบถามตามตวั อยา่ งเป็นหวั ขอ้ แบบสอบถามความพึงพอใจในการใหบ้ ริการ2. ออกแบบแบบสอบถาม โดยใหก้ าํ หนดตามรูปแบบและตามหวั ขอ้ ของกลุ่มเป้าหมาย3. เกบ็ ขอ้ มูลโดยใหก้ ลุ่มเป้าหมายเป็นผกู้ รอกแบบสอบถาม ตามความเป็ นจริง4. นาํ ขอ้ มูลที่ไดจ้ ากการเก็บขอ้ มูลมาหาค่าระดบั ความพึงพอใจโดยการใชโ้ ปรแกรมMicrosoft Excel ตามข้นั ตอนท่ีไดก้ ล่าวมาแลว้ข้นั ตอนการเตรียมการเพ่ือวเิ คราะห์ข้อมูล1. คลิก File เลือก Options จะปรากฏหนา้ ตา่ ง ดงั ภาพ2. คลิก Add-Ins เลือก Analysis ToolPak จากน้นั กดป่ ุม Go…
4-453. เลือก Analysis ToolPak จากน้นั คลิกป่ ุม OKจากน้นั ในแทบ็ DATA จะปรากฏ Data Analysis ข้ึนมาClick เมนู Data Analysis จะปรากฏค่าสถิติตา่ งๆ ดงั ภาพ
4-46
4-47 ตวั อย่างแบบสอบถามความพงึ พอใจในการให้บริการ ตอนที่ 1 สถานภาพส่วนตัวของผู้ตอบแบบสอบถาม 1. เพศ (sex) 1. ชาย 2. หญิง 2. 26-30 ปี 2. อายุ (age) 1. 20-25 ปี 4. 36-40 ปี 6. มากกวา่ 45 ปี 3. 31-35 ปี 5. 41-45 ปี ตอนที่ 2 ความพงึ พอใจในการให้บริการฯ (กรุณาพจิ ารณาประเด็นการสาํ รวจความพงึ พอใจ แตล่ ะขอ้ และทาํ เคร่ืองหมาย ในช่องระดบั การสาํ รวจความพึงพอใจ ท่ีตรงหรือสอดคลอ้ งกบั ความคิดเห็นของทา่ นมากที่สุด) ระดบั ความพึงพอใจที่ สาํ รวจความพงึ พอใจ มากท่ีสุด มาก ปานกลาง นอ้ ย นอ้ ยท่ีสุด (5) (4) (3) (2) (1)1 ระยะเวลาการจดั กิจกรรมมีความเห มาะสม2 สถานท่ีจดั การกิจกรรมมีความเหมา ะสม3 การอาํ นวยความสะดวกและใหค้ าํ แ นะนาํ จากเจา้ หนา้ ท่ี4 แสดงข้นั ตอนการใหบ้ ริการชดั เจน ตอนท่ี 3 ข้อเสนอแนะ ....................................................................................................................................... ....................................................................................................................................... ....................................................................................................................................... .......................................................................................................................................
4-48การท่ีจะประมวลผลจากการที่ไดศ้ ึกษา โดยวธิ ีการออกแบบสอบถามการที่เราจะทาํ การแปรขอ้ มูล ที่ไดจ้ ากแบบสอบถามเป็นตวั เลขไดน้ ้นักจ็ ะตอ้ งทาการต้งั ตวั แปรในแต่ละตวั เพื่อใหง้ ่ายต่อการประมวลผลจากแบบสอบถามขา้ งตน้ จะพบวา่ ขอ้ มูลแบ่งเป็น 3 ส่วน และสามารถแปรขอ้ มูล ดงั น้ี ตอนที่ 1 สถานภาพส่วนตวั ของผูต้ อบแบบสอบถามเป็นขอ้ มูลที่เป็ นเชิงคุณภาพ แลว้ ตอ้ งแปลงให้เป็นตวั เลขซ่ึงเป็นการกาํ หนดคาํ อธิบายใหก้ บั ค่าตวั แปรโดยกาํ หนดให้ เพศชาย = 1 เพศหญิง =2 ตอนที่ 2 ความพึงพอใจในการใหบ้ ริการ เป็นขอ้ มูลที่เป็นเชิงคุณภาพตอ้ งแปลงใหเ้ ป็ นตวั เลขโดยกาํ หนดให้ 1 = นอ้ ยท่ีสุด 2 = นอ้ ย 3 = ปานกลาง 4 =มาก 5 = มากท่ีสุด ตอนท่ี 3 ขอ้ เสนอแนะ เสนอเป็ นความเรียงหรือเสนอเรียงตามลาํ ดบั ความถ่ีของขอ้ มูลการนําข้อมูลบันทกึ ในโปรแกรม Microsoft Excel จากแบบสอบถามสมมติวา่ กลุ่มตวั อยา่ ง/ประชากรที่ตอบแบบสอบถามมีจาํ นวน 20 คน ก็จะได้ แบบสอบถามจาํ นวน 20 ฉบบั บนั ทึกขอ้ มูลลงโปรแกรมดงั ภาพ 1.แถวที่ 1 คอลมั น์ B (แทนตวั แปรเพศ) พิมพเ์ พศ คอลมั น์ C(แทนตวั แปรอาย)ุ พิมพอ์ ายุ คอลมั น์ D (แทนตวั แปรระดบั การศึกษา)พมิ พร์ ะดบั การศึกษาในคอลมั นท์ ี่ E-Kแทนขอ้ คาํ ถามความพงึ พอใจในการใหบ้ ริการในแตล่ ะขอ้ ในท่ีน้ีมี 4 ขอ้ กพ็ มิ พเ์ ลข 1-4 เรียงตามลาํ ดบั 2.แถวท่ี 2 คอลมั น์ A พิมพ์ คนท่ี ซ่ึงเป็นจาํ นวนผูต้ อบแบบสอบถาม 3.แถวที่ 3 ช่องเพศ, อาย,ุ ระดบั การศึกษาดูที่แบบสอบถามวา่ ตอบวา่ อะไรแลว้ จึงทาํ การแทนค่าตามท่ีกาํ หนดในแบบสอบถามในแตล่ ะช่อง ส่วนในช่องตวั เลข 1-4
4-49ดูท่ีแบบสอบถามวา่ ตอบวา่ อะไรแลว้ จึงทาํ การแทนคา่ ตามท่ีกาํ หนดในแบบสอบถามในแต่ละช่อง 4.7.3 การวเิ คราะห์ข้อมูล ตอนท่ี 1 สถานภาพส่วนตวั ของผู้ตอบแบบสอบถาม สามารถเลือกวเิ คราะห์ขอ้ มูลโดยท่ีเลือกคาํ ส่งั จากโปรแกรม Microsoft Excelไดด้ งั น้ี คือ 1. Click Mouse ที่Tap Data แลว้ เลือก Click ที่ Data Analysisจะปรากฏดงั ภาพ
Search