Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การแก้ไขปัญหามลพิษภายในโรงเรียน มีแนวความคิด ทฤษฎี

การแก้ไขปัญหามลพิษภายในโรงเรียน มีแนวความคิด ทฤษฎี

Published by 0979603906n, 2020-11-07 16:42:18

Description: ......

Search

Read the Text Version

การศึกษาคน้ คว้าองค์ความรเู้ รื่อง การแก้ไขปัญหามลพิษภายในโรงเรยี น มแี นวความคิด ทฤษฎี Guidelines for solving pollution problems within the school คณะผู้จัดทา นายพชร ทฆี าวงค์ ช้ัน ม.5/3 เลขที่ 2 นางสาวกชพร อ่นุ เครอื ชนั้ ม.5/3 เลขท่ี 3 นางสาวธนญั ญา สุรยิ ะ ช้นั ม.5/3 เลขที่ 15 นางสาวนิพาดา วรรณสมพร ชัน้ ม.5/3 เลขที่ 16 นางสาวทอรกั ธนสู าร ช้นั ม.5/3 เลขที่ 34 ครูที่ปรึกษา ครูดารงค์ คันธะเรศย์ เอกสารฉบบั น้ีเป็นส่วนหนงึ่ ของการศกึ ษาค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้ (IS1) โรงเรียนปวั อาเภอปัว จังหวัดน่าน สานกั งานเขตพนื้ ทีก่ ารศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 37 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศกึ ษา 2563





ข การศึกษาคน้ คว้าองค์ความรเู้ ร่อื ง การแกไ้ ขปัญหามลพิษภายในโรงเรยี น มีแนวความคดิ ทฤษฎี Guidelines for solving pollution problems within the school คณะผจู้ ดั ทา นายพชร ฑฆี าวงค์ ชน้ั ม.5/3 เลขท่ี 2 นางสาวกชพร อนุ่ เครอื ชน้ั ม.5/3 เลขท่ี 3 นางสาวธนัญญา สุรยิ ะ ช้นั ม.5/3 เลขที่ 15 นางสาวนพิ าดา วรรณสมพร ช้ัน ม.5/3 เลขที่ 16 นางสาวทอรกั ธนูสาร ช้นั ม.5/3เลขที่ 34 ครูทปี่ รึกษา ครดู ารงค์ คันธะเรศย์ เอกสารฉบับนเ้ี ปน็ สว่ นหนง่ึ ของการศึกษาค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้ (IS1) โรงเรียนปวั อาเภอปัว จังหวัดน่าน สานกั งานเขตพน้ื ท่ีการศึกษามัธยมศึกษา เขต 37 ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2563บทคัดยอ่

ค ช่ือเรื่อง : การแก้ไขปัญหามลพิษภายในโรงเรยี น มีแนวความคดิ ทฤษฎี ผูจ้ ดั ทา : นายพชร ฑีฆาวงค์ เลขที่ 2 นางสาวกชพร อนุ่ เครอื เลขที่ 3 นางสาวธนญั ญา สุรยิ ะ เลขท่ี 15 นางสาวนิพาดา วรรณสมพร เลขที่ 16 นางสาวทอรกั ธนสู าร เลขท่ี 34 ทีป่ รึกษา : ครดู ารงค์ คันธะเรศย์ ปกี ารศึกษา : 2563 บทคดั ย่อ เรอื่ ง มลพิษในโรงเรยี น มจี ุดมุ่งหมายเพือ่ การดาเนินชวี ิตของคนไทยเกย่ี วกับสมุนไพรพน้ื บา้ น มี จุดมุ่งหมายเพือ่ เปน็ แนวทางการศกึ ษาการดาเนินชีวติ ของคนและนกั เรยี น การศึกษาเกยี่ วกบั เรื่องของ สมุนไพรพน้ื บ้าน โดยการหาข้อมลู ในเรอ่ื งสมนุ ไพรพ้ืนบ้าน หา คาตอบ และ ความคิดเห็นต่างๆจาก หลายๆกระทู้ หาขอ้ มลู เพมิ่ เตมิ จากข่าว หนงั สอื พมิ พ์ และอนิ เทอร์เนต็ เมอื่ หาข้อมูลเสรจ็ สรรพกน็ าขอ้ มลู มา จดั ทาแบบสอบถามเพ่อื ประเมนิ ผล ผลสรุปพบว่านักเรียนไดม้ กี ารศกึ ษาค้นควา้ และมีการชว่ ยกนั คดิ แนวทางในการ แก้ไขปัญหาต่างๆทกุ คนรถู้ ึงการแกไ้ ขปัญหามลพษิ ในโรงเรียนศึกษาปัญหาของขยะในโรงเรียน พบว่าสาเหตุ การเพิม่ ขนึ้ ของขยะภายในโรงเรยี นทาใหเ้ กดิ เปน็ มลพิษ มาการท้งิ ขยะไมเ่ ปน็ ท่ี ความมักง่ายและขาดจิตสานึก การใชส้ ่ิงของของนักเรียนทีไ่ ม่คานึงถึงปริมาณขยะทเี่ พมิ่ ขึ้น ควรปลูกฝงั วถิ ีการดาเนนิ ชวี ิตท่ีเป็นมิตรต่อ สง่ิ แวดลอ้ มใหก้ ับนกั เรยี น ให้นักเรียนตรรหนักถึงปญั หานี้ และฝกึ การคัดแยกขยะที่สามารถนากลับมาใช้ ประโยชน์ใหมไ่ ด้ หรือจะเป็นการรณรงค์ให้นักเรียนมีจติ สานึกในการทงิ้ ขยะให้เป็นท่ี

ง กติ ตกิ รรมประกาศ โครงงานฉบบั น้ี สาเร็จลงด้วยความกรณุ าเปน็ อยา่ งดยี ิง่ จากคุณครู ดารงค์ คนั ธะเรศย์ ทีไ่ ด้ให้ คาแนะนาถา่ ยทอดวชิ าความรู้ แนวคิด วิธีการดาเนนิ งานตรวจสอบความถกู ตอ้ งสมบรู ณ์ของโครงงานและได้รับ ความร่วมมือในการดาเนินการค้นหาสบื คน้ ขอ้ มูล และ บุคคลในโรงเรียนที่ให้ความรู้เร่อื งมลพษิ สิง่ แวดลอ้ ม ทาง คณะผ้จู ัดทาขอขอบพระคณุ เป็นอย่างสูงไว้ ณ โอกาสนีด้ ว้ ย คุณค่าและประโยชนอ์ นั พงึ ประสงคจ์ ากโครงงานฉบบั นที้ างผ้จู ัดทาขอมอบเป็นกตญั ญบู ูชาแด่บิดา มารดา ครูบาอาจารยแ์ ละผู้ทีม่ ีพระคุณทุกท่าน คณะผจู้ ัดทา นางสาว นิพาดา วรรณสมพร

สารบัญ จ เร่อื ง หน้า ก บทคดั ยอ่ ข กิตติกรรมประกาศ ค สารบญั 1 1 บทที่ 1 บทนา 1 1.1 ความเปน็ มา 1 2 1.2 วัตถุประสงค์ 3 1.3 ขอบเขต 14 1.4 ประโยชนท์ ไ่ี ด้รบั 14 14 บทที่ 2 ทฤษฎีทเี่ กีย่ วข้อง 15 บทท่ี 3 วิธีดาเนินงาน 16 16 3.1 วัสดอุ ปุ กรณ์ 16 3.2 วิธกี ารดาเนินการ 16 บทที่ 4 ผลการศึกษาคน้ คว้า 17 18 บทท่ี 5 สรปุ ผล อภิปรายผลและข้อเสนอแนะ 21 5.1 สรปุ ผล 5.2 ปัญหาและอปุ สรรคในการศกึ ษาคน้ คว้า 5.3 ขอ้ เสนอแนะและแนวทางในการพฒั นา บรรณานุกรม ภาคผนวก ประวัตผิ ู้ศกึ ษา

บทท่ี 1 บทนา 1. ความเปน็ มา เนอ่ื งด้วยปัจจุบันนนั้ มปี ญั หามลพษิ สงิ่ แวดลอ้ มเกิดขนึ้ มากมายเป็นจานวนมาก นบั เป็น ปญั หาในระดบั ประเทศเลยกว็ ่าได้ ไม่ว่าจะเป็นท่โี รงเรยี น ชมุ ชน หรือสถานท่ีต่างๆ กลุม่ ของเรานนั้ ได้ หาวิธีการแกไ้ ขปัญหามลพิษภายในโรงเรียนเกย่ี วกบั ขยะหรือส่ิงปฏกิ ลู ต่างๆ เพือ่ ทีจ่ ะแกไ้ ขปัญหาและ ส่งเสรมิ ให้นักเรียนร้จู ักรกั ความสะอาด มลพิษสิง่ แวดลอ้ ม (Pollution Environment) คอื ภาวะท่ี มีสารมลพิษ (Pollutants) หรอื ภาวะแปลกปลอมอื่น ๆ ปะปนในส่ิงแวดล้อมในระดับท่ีเปน็ อนั ตราย ตอ่ ผ้บู รโิ ภค เปน็ ภาวะทผ่ี ิดปกติไปจากสภาพแวดลอ้ มธรรมชาตเิ ดิม เกินขีดมาตรฐานทช่ี ีวติ จะทนได้ ตามพระราชบัญญตั ิส่งเสริมและรกั ษาคณุ ภาพสิง่ แวดลอ้ มแห่งชาติ 2535 ได้ให้ความหมายของมลพิษ ไว้ว่า “ของเสีย วตั ถุอันตรายและมลสารอน่ื ๆ รวมทัง้ กากตะกอนหรือสิง่ ตกคา้ งจากส่ิงเหลา่ นั้น ท่ี ปลอ่ ยทง้ิ จากแหลง่ กาเนดิ มลพิษหรือท่มี ีอยู่ในสิ่งแวดล้อม ซ่งึ กอ่ ใหเ้ กิดหรืออาจกอ่ ให้เกิดผลกระทบ ตอ่ คณุ ภาพสิง่ แวดล้อมหรอื ภาวะทเ่ี ปน็ พิษภัยอันตรายต่อสุขภาพอนามัยของประชาชนได้และให้ หมายความถึงรังสี ความรอ้ น แสง เสยี ง คล่นื ความสนั่ สะเทือนหรอื เหตุราคาญอ่ืน ๆ ทเ่ี กิดหรือถูก ปลอ่ ยออกจากแหลง่ กาเนิดมลพษิ ด้วย”ซึ่งส่ิงแวดล้อมต่างๆจึงคิดได้มาวา่ แนวทางการแก้ไขปญั หา มลพษิ โรงเรยี น 2. วตั ถุประสงค์ เพือ่ ศกึ ษาสาเหตปุ ญั หามลพษิ สิง่ แวดล้อมในโรงเรยี นเรือ่ งขยะและสงิ่ ปฏิกูลต่างๆ รวมถงึ ชว่ ยกนั คดิ หาแนวทางการแกไ้ ขปญั หามลพษิ ทเ่ี กิด โดยการทาแบบสอบสารวจสอบถาม 3. ขอบเขต (ระบขุ อบเขตของงานที่ทา) 3.1 สถานท่ี โรงเรียนปวั 3.2 ระยะเวลา 18 สิงหาคม 2563 ถึง 13 พฤศจิกายน 2563 3.3 ตวั แปรหรอื ประชากรและกลุ่มตวั อย่าง(เลือกตามวธิ กี ารศึกษาคน้ คว้า) 3.1 ตวั แปรต้น คือ สาเหตุที่เกิดภาวะมลพิษ 3.2 ตวั แปรตาม คอื แนวทางารแก้ปญั หาภายในโรงเรียน 3.3 ตวั แปรควบคุม คือ 3.1 ประชากร คือ .คนหรอื ประชาชน แต่หมายถงึ ส่ิงทเ่ี ราสนใจอยากรู้ ขอ้ มลู เชน่ สว่ นสูงของคน คาวา่ ประชากรก็คือ ค่าส่วนสงู ของคนหลายคน

2 มากๆ หรอื หมายถงึ หนว่ ยทง้ั หลายท่ีเราสนใจซึ่งสอดคลอ้ งกับปัญหาที่เรากาลังทาวิจยั ซง่ึ อาจเป็นคน สตั ว์ หรือสง่ิ ของก็ได้ ไม่จาเป็นต้องเปน็ คนเสมอไป ประชากรท่ใี ช้ในการวจิ ัย แตล่ ะเรื่องจะมลี ักษณะที่แตกต่างกนั โดยเฉพาะประชากรทเี่ ป็นมนุษย์จะมคี วามแตกตา่ งกนั ท้ัง สังคม อารมณ์ สติปัญญา ฐานะ การศึกษา สภาพแวดล้อม ถ้าลกั ษณะของประชากรยงิ่ แตกต่างกันมากการสมุ่ ตัวอยา่ งเพื่อให้ได้กล่มุ ตวั อยา่ งทีด่ กี ็ซบั ซ้อนมากขึน้ การวจิ ัยบางเรอ่ื ง ผวู้ จิ ยั เองก็มีข้อจากัดหลายๆ อย่างเช่น ระยะเวลา งบประมาณ กาลงั คน ตลอดจนนโยบาย ทางการบรหิ าร จงึ ทาใหผ้ ู้วิจยั ไม่สามารถจะใชห้ ลักการสมุ่ ตวั อยา่ งโดยใชว้ ิธีการส่มุ ตัวอยา่ ง ตามหลกั ความน่าจะเปน็ ได้ จึงต้องใช้วิธีการสุม่ ตวั อยา่ งแบบไม่ใชห้ ลักความน่าจะเปน็ 3.2 กลมุ่ ตวั อยา่ ง คือ จานวนย่อย หรอื กลุ่มยอ่ ยทีเ่ ลอื กมาจากประชากรเพอ่ื ใช้เปน็ ตวั แทนของประชากรในการที่จะให้ขอ้ มลู ต่างๆ เกยี่ วกับเรอ่ื งที่จะทาวิจยั ถา้ กลมุ่ ตัวอย่างทเ่ี ลอื กมาเป็นตวั แทนที่ดีของประชากร ข้อมูลต่างๆ ท่ไี ด้จากกลุม่ ตัวอย่างก็จะ เปรียบเสมอื นขอ้ มลู ของประชากรดว้ 4. ประโยชน์ทไี่ ด้รับ 1.โครงงานนส้ี ามารถทาให้ผู้อ่านไดเ้ ข้าถึงการรณรงคม์ ลพิษและการได้เรียนร้เู กย่ี วกับโทษ ของมลพิษสิง่ แวดลอ้ ม 2.โครงงงานนีท้ าใหผ้ ู้คนที่ไมค่ อ่ ยรักษาธรรมชาติได้เห็นถึงการรักษาส่งิ มชี ีวติ ธรรมชาติ 3.โครงงานนี้สามารถทาให้ผู้คนไดส้ นใจเก่ียวกับธรรมชาติมากขนึ้ 4.โครงงานนี้ทาใหส้ ิ่งทมี่ นุษยไ์ ม่ค่อยเห็นคา่ กบั สงิ่ ทีม่ นุษยส์ รา้ งความเดอื ดร้อนแกส่ ่งิ แวดล้อม ตา่ งๆและหันกลบั มารักษาสงื่ แวดลอ้ ม 5.โครงงานนีท้ าใหเ้ ข้าถงึ เทคโนโลยีสมัยใหม่ในการทา e-book ในคอมพิวเตอร์

บทที่ 2 ทฤษฎีทเี่ กย่ี วข้อง การศกึ ษาวิจยั เร่อื ง การแก้ไขปญั หามลพิษภายในโรงเรยี น มแี นวความคดิ ทฤษฎี และงานวิจยั ทีเ่ กีย่ วขอ้ ง ดังนี้ 1. แนวคิดทฤษฎีเก่ยี วกบั พฤติกรรม 2. แนวคิดเกย่ี วกบั การจดั การขยะมลู ฝอย 3. ขอ้ มลู ทัว่ ไปของโรงเรียน 4. งานวิจยั ท่เี กีย่ วข้อง โดยมรี ายละเอยี ด ดังนี้ ความหมายมลพษิ ส่ิงแวดล้อม มลพิษส่ิงแวดล้อม (Pollution Environment) คือ ภาวะที่มีสารมลพิษ (Pollutants) หรือภาวะแปลกปลอมอื่น ๆ ปะปนในสิ่งแวดล้อมในระดับที่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค เป็นภาวะท่ี ผิดปกติไปจากสภาพแวดล้อมธรรมชาติเดิม เกินขีดมาตรฐานที่ชีวิตจะทนได้ตามพระราชบัญ ญัติ ส่งเสรมิ และรกั ษาคณุ ภาพสิ่งแวดล้อมแหง่ ชาติ 2535 ไดใ้ หค้ วามหมายของมลพษิ ไว้ว่า “ของเสีย วัตถุ อันตรายและมลสารอื่น ๆ รวมทั้งกากตะกอนหรือสิ่งตกค้างจากสิ่งเหล่าน้ัน ที่ปล่อยท้ิงจาก แหล่งกาเนิดมลพิษหรือท่ีมีอยู่ในส่ิงแวดล้อม ซึ่งก่อให้เกิดหรืออาจก่อให้เกิดผลกระ ทบต่อคุณภาพ สง่ิ แวดลอ้ มหรือภาวะท่ีเป็นพิษภัยอันตรายต่อสุขภาพอนามัยของประชาชนได้และให้หมายความถึง รงั สี ความร้อน แสง เสียง คลื่น ความสั่นสะเทือนหรือเหตุราคาญอ่ืน ๆ ที่เกิดหรือถูกปล่อยออกจาก แหล่งกาเนิดมลพิษด้วย” ลักษณะของปญั หามลพษิ ส่งิ แวดล้อม 1) เป็นผลจากการกระทาของมนษุ ยเ์ ปน็ สว่ นใหญ่ 2) มีสง่ิ เจอื ปนหรอื ปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อมทั้งในรปู ของสสารและพลังงาน 3) มีปริมาณมากพอที่จะก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพอนามัยของมนุษย์หรือสิ่งมีชีวิต อนื่ ๆ ในระบบนเิ วศ 4) การเกดิ มลพิษจะดาเนนิ ไปตามวิถีทางของสารมลพิษจากแหล่งที่ผ่านสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ จนกระทงั่ ถึง มนษุ ย์หรอื ส่งิ มีชีวิตในระบบนิเวศ 5) ขนาดหรือระดับของปัญหาจะขึ้นอยู่กับผลกระทบต่อกลุ่มเปูาหมายต่าง ๆ ได้แก่ มนษุ ย์ทรพั ยากรธรรมชาติหรือระบบนเิ วศ ประเภทของสารมลพิษ สารมลพิษต่าง ๆในสง่ิ แวดล้อมได้ 3 ประเภทใหญ่ ได้แก่ 1. พวกที่สามารถย่อยสลายได้โดยวิธีการทางชีววิทยา (Degradable or Bio Degradable Pollutants) สารมลพษิ ประเภทนี้ ได้แก่ ของทิง้ เสีย (Waste) ทง้ั ของแข็งและของเหลวท่ีเป็นอินทรีย์

4 สารตา่ ง ๆ ช่น ขยะมูลฝอยท่ีเป็นอินทรียสาร น้าทิ้งจากชุมชน น้าท้ิงจากโรงงานแปรรูปอาหาร เป็น ตน้ 2. พวกท่ีไม่สามารถจะย่อยสลายได้โดยขบวนการทางชีววิทยา (Nondegradable or Nonbio Degradable Pollutants) สารมลพิษเหล่านี้ ได้แก่ สารปรอท ตะกั่ว สารหนู แคดเมียม ดดี ที ี เป็นตน้ 3. สารมลพษิ ท่ีเปน็ ก๊าซ ไดแ้ ก่ ก๊าซพิษตา่ ง ๆ เชน่ คารบ์ อนมอนนอกไซด์ ซลั เฟอรไ์ ดออกไซด์ คลอรีน เปน็ ตน้ แนวคดิ ทฤษฎเี กย่ี วกบั พฤติกรรม ความหมายของพฤตกิ รรม วิมลสิทธิ์ หรยางกูร (2541) พฤติกรรมของมนุษย์ที่แสดงออกมาจากการความคิด ความร้สู ึกท่ีไดร้ บั ในสภาพแวดล้อมที่เปน็ พฤติกรรมภายนอก พฤติกรรมทางจิต หรือพฤติกรรมภายใน ปณิตา นิสสัยสุข (2552) พฤติกรรม หมายถึงการพัฒนาตนเป็นกระบวนการของการปรับเปล่ียน พฤติกรรมของตวั เองใหไ้ ปสสู่ ภาวะที่ดีกว่า และเป็นท่ีต้องการมากกว่าแต่กระบวนการดังกล่าว ไม่ใช่ เรือ่ งง่าย ทัง้ นเ้ี พราะพฤตกิ รรมมนุษย์นัน้ ซบั ซ้อน อนนั ต์ ศริ พิ งศ์วัฒนา (2552) พฤติกรรม หมายถึง กริ ิยาอาการหรือปฏิกิริยาท่ีแสดงออก หรือเกิดข้ึนเม่ือเผชิญส่ิงเร้า ซ่ึงมาจากภายในร่างกายหรือภายนอกร่างกายก็ได้ และปฏิกิริยาที่ แสดงออกนั้นมิได้เป็นพฤตกิ รรมทางกายนั้น แต่รวมถงึ พฤติกรรมที่เกยี่ วขอ้ งกบั จติ ใจด้วย บุษกร ชวี ะธรรมานนท์ (2552) พฤติกรรมเป็นความพร้อมท่ีบุคคลกระทา อันเป็นผลสืบ เนื่องมาจากความคิดความรู้สึกจะแสดงออกมาในรูปการประพฤติกรรมปฏิบัติโดยการยอมรับ หรือ ปฏเิ สธ ลกั ษณะพฤตกิ รรมมนุษยท์ เ่ี ก่ียวข้องกบั สังคม ได้แก่ การรับรู้ การเรียนรู้ การคิด อารมณ์และ เจตคติบุคคลเมื่อไ ด้รั บการ เรี ยน รู้ ที่เป็น การ เรียน รู้ ที่ เป็น การ เปลี่ยน แปลง พ ฤติกร ร มน้ัน จะ ต้อง ประกอบด้วยการกระทากิจกรรมใด ๆ ผลทีเ่ กดิ ขนึ้ และปฏบิ ัติกิริยาต่อผลทีเ่ กิดขึน้ ไมส่ มความคาดหวงั จากความหมายของพฤติกรรมในการวิจัยคร้ังน้ี สรุปได้ว่า พฤติกรรม หมายถึงการ แสดงออกหรือการปฏิบัติของประชาชนในการจัดการขยะในโร งเรียนซ่ึงมีระดับในการแสดงออก แตกตา่ งกัน องค์ประกอบของพฤติกรรม ครอนบาค(Cronbach, 1951อ้างถึงใน บุษกร ชีวะธรรมานนท์,2552, หน้า 30) ได้ อธิบายว่าพฤติกรรมมนษุ ยม์ ีองคป์ ระกอบ 7 ประการ ไดแ้ ก่ 1. ความมุ่งหมาย (Goal) เปน็ ความต้องการหรือวัตถุประสงค์ที่ทาให้เกิดกิจกรรมคนต้องทา กจิ กรรมเพอื่ สนองความตองการท่ีเกิดข้ึนกจิ กรรมบางอย่างกใ็ ห้ความพอใจหรอื สนองความต้องการได้ ทันที แต่ความต้องการหรือวัตถุประสงค์บางอย่างก็ต้องใช้เวลานานจึงจะสามารถบรรลุผลสมความ ตอ้ งการทหี่ า่ งออกไปภายหลัง 2. ความพร้อม (Readiness) เปน็ ระดบั วุฒภิ าวะหรอื ความสมารถทจ่ี าเป็นในการทากิจกรรม เพื่อตอบสนองความต้องการ คนเราไม่สามารถสนองความต้องการได้หมดทุกอย่าง ความต้องการ บางอย่างอยนู่ อกเหนือความสามารถของเขา

5 3. สถานการณ์ (Situation) เป็นเหตุการณ์ท่ีเปิดโอกาสให้เลือกทากิจกรรมเพื่อสนองความ ตอ้ งการ 4. การแปลความหมาย (Interpretation) ก่อนที่คนเราจะทากิจกรรมใดกิจกรรมหน่ึงลงไป เขาจะต้องพิจารณาสถานการณเ์ สียกอ่ นแล้วตัดสนิ ใจเลอื กวธิ ีที่คาดวา่ จะได้รบั ความพอใจมากท่ีสดุ 5. การตอบสนอง (Response) เป็นการทากิจกรรมเพื่อสนองความต้องการโดยวิธีการที่ได้ เลอื กแลว้ ในขน้ั การแปลความหมาย 6. ผลทไี่ ด้รับหรือผลท่ีตามมา (Consequence) เมื่อทากิจกรรมแล้วย่อมได้รับผลการกระท าน้ันผลที่ได้รับอาจจะตามที่คาดคิดไว้ (Confirm) หรืออาจตรงกันข้ามกับความคาดหมาย (Contradict)กไ็ ด้ 7. ปฏิกิริยาต่อความคาดหวัง หากคนเราไม่สามารถสนองความต้องการได้ ก็กล่าวได้ว่าเขา ประสบกบั ความผดิ หวงั ในกรณีเช่นนเี้ ขาอาจจะย้อนกลับไปแปลความหมายของสถานะเสียใหม่และ เลือกวิธกี ารตอบสนองใหมก่ ไ็ ด้ จากคานิยามข้างต้น สรุปได้ว่า พฤติกรรมหมายถึง การกระทาของคนและสัตว์ทั้งที่ สามารถสังเกตได้ และไม่สามารถสังเกตได้ เกิดจากท้ังที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจ อาจสืบเน่ืองมาจาก ความคิดความรู้สึกจะแสดงออกมาในรูปการประพฤติปฏิบัติโดยการยอมรับหรือปฏิเสธ ลักษณะ พฤติกรรมมนุษย์ท่ีเก่ียวข้องกับสังคม ได้แก่ การรับรู้ การเรียนรู้ การคิด อารมณ์และเจตคติ บุคคล เมื่อได้รับการเรียนรู้ที่เป็นการเปล่ียนแปลงพฤติกรรม ซึ่งการเปล่ียนแปลงพฤติกรรมน้ัน จะต้อง ประกอบด้วย การกระทาของมนุษย์หลายอย่างและอาจกล่าวได้ว่า พฤติกรรมในการจัดการขยะใน ครัวเรอื นของประชาชน หมายถงึ การที่ประชาชนมีวิธีในการปฏิบัติในการจัดการขยะในครัวเรือนทั้ง ในด้านพฤติกรรมในการเลือกใชส้ นิ คา้ ทีเ่ ปน็ มติ รตอ่ สิง่ แวดลอ้ ม พฤติกรรมการจัดการขยะในบ้านและ พฤติกรรมการกาจัดขยะ ความสมั พันธร์ ะหวา่ งความร้แู ละพฤติกรรม บลูม (Bloom, 1975อ้างถึงใน ธีระ กุลสวัสดิ์,2544, หน้า 18) ได้กล่าวถึง พฤติกรรมและ ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ ง พฤติกรรม เจตคติ และการปฏิบัติว่า เป็นกิจกรรมทุกประเภทท่ีมนุษย์กระทา อาจเป็นสงิ่ ทมี่ นษุ ย์สังเกตไดห้ รอื ไมไ่ ด้ และพฤติกรรมดงั กลา่ วนี้ ได้แบ่งออกเปน็ 3 สว่ นคอื 1. พฤติกรรมดา้ นความรู้ (Cognitive Domain) พฤติกรรมด้านนม้ี ีข้นั ตอนของความสามารถ ทางดา้ นความรู้ การใหค้ วามคิด และการพัฒนาทางด้านสติปัญญา จ าแนกตามล าดับช้ันจากง่ายไป หายากได้ ดังน้ี 1.1 ความรู้ (Knowledge) หมายถึง พฤติกรรมที่เกี่ยวกับความรู้ ความจาระลึกได้ โดยรวมจากประสบการณ์ต่าง ๆ ท่เี คยไดร้ ับร้มู า 1.2 ความเข้าใจ (Comprehension) หมายถึง ความสามารถในการแปลความหมาย ตคี วามหมาย คาดคะเน และขยายความในเรอื่ งราวและเหตุการณต์ า่ ง ๆ 1.3 การน าไปใช้ (Application) หมายถงึ การนาวิธกี าร ทฤษฎหี ลกั การกฎเกณฑ์ต่าง ๆไปใชเ้ พอ่ื แก้ปญั หา โดยการประยุกตใ์ ช้ใหเ้ หมาะสมกับสถานการณใ์ หม่ หรือสถานการณจ์ ริง

6 1.4 การวิเคราะห์ (Analysis) หมายถึง ความสามารถในการพิจารณา จาแนกข้อมูล หรือเร่ืองราวท่ีสมบูรณ์ออกเป็นส่วนย่อย ๆ ได้ และมองเห็นความสัมพันธ์ของส่วนประกอบต่าง ๆ เหล่านั้น รวมท้ังมองหลักการที่ส่วนประกอบย่อยน้ันจะมารวมกันและเกิดปัญหาหรือสถานการณ์ อย่างใดอย่างหนึ่ง 1.5 การสังเคราะห์ (Synthesis) หมายถึง ความสามารถในการรวบรวมข้อมูลที่เป็น ส่วนยอ่ ย ๆ เข้ามารวมกนั เปน็ ส่วนหนึ่งรวมทีม่ ีโครงสรา้ งใหม่ ๆ ซง่ึ มีความชัดเจนและมคี ุณภาพ 1.6 การประเมินผล (Evaluation) หมายถึง การตัดสินใจเกี่ยวกับคุณค่าของความคิด วธิ ีการ แนวทาง และมาตรฐานตา่ ง ๆ ทถี่ ูกน ามาใช้เพ่อื การตัดสินใจ ประเมินค่า เป็นการสามารถใน การวินจิ ฉยั 2. พฤติกรรมด้านทัศนคติ (Affertive Domain) พฤติกรรมด้านน้ี หมายถึง ความสนใจ ความรู้สึก ท่าที ความชอบในการให้คุณค่า หรือปรับปรุงค่านิยมท่ียึดถือเป็นพฤติกรรมท่ียากแก่การ อธิบายเพราะเปน็ ส่ิงท่ีเกดิ ขึน้ ภายในจติ ใจของคน การเกดิ พฤติกรรมด้านเจตคติ แบ่งข้นั ตอนดังน้ี 2.1 การรับหรือการให้ความสนใจ (Receiving of Attending) เป็นข้ันท่ีบุคคลถูก กระตุ้นใหท้ ราบว่าเหตุการณ์หรือส่ิงเร้าบางอย่างเกิดข้ึน และบุคคลนั้นมีความยินดีหรือมีภาวะจิตใจ พรอ้ มทจี่ ะรับหรือให้ความพอใจต่อส่งิ เร้านน้ั ในการยอมรับนปี้ ระกอบดว้ ยความตระหนักความยินดีที่ ควรจะรบั และเลอื กรบั 2.2 การตอบสนอง (Responding) เป็นข้นั ตอนท่ีบุคคลถูกจูงใจให้เกิดความรู้สึกผูกมัด ต่อส่ิงเร้าเป็นเหตุให้บุคคลพยายามท าให้เกิดปฏิกิริยาตอบสนอง พฤติกรรมขั้นน้ีประกอบด้วยการ ยินยอม ความเต็มใจ และพอใจทีจ่ ะตอบสนอง 2.3 การให้ค่านิยม (Valuing) เป็นขั้นท่ีบุคคลมีปฏิกิริยา ซ่ึงแสดงให้เห็นว่าบุคคลน้ัน ยอมรับว่าเป็นส่ิงที่มีคุณค่าส าหรับตนเอง และได้น าไปพัฒนาเป็นตนอย่างแท้จริง พฤติกรรมขั้นนี้ ส่วนมากใช้ค าว่า “ค่านิยม” ซ่ึงการเกิดค่านิยมน้ีประกอบด้วยการยอมรับ ความชอบ และผูกมัด ค่านยิ มเขา้ กบั ตนเอง 2.4 การจดั กลมุ่ ค่า (Organization) เป็นขั้นที่บุคคลจัดระบบของค่านิยมต่าง ๆ ให้เข้า กันโดยพิจารณาถงึ ความสัมพันธ์ระหว่างค่านิยมเหล่านี้ การจัดกลุ่มนี้ประกอบด้วย การสร้างแนวคิด เกี่ยวกบั ค่านิยม และจดั ระบบของค่านิยม 2.5 การแสดงลักษณะตามค่านิยมท่ียึดถือ (Characterization by Value Complex) พฤติกรรมขั้นน้ีถือว่า บุคคลมีค่านิยมหลายชนิด และจัดอันดับของค่านิยมเหล่านั้นจากดีที่สุดไปถึง น้อยท่ีสุดและพฤติกรรมเหล่านี้จะเป็นตัวคอยควบคุมพฤติกรรมของบุคคล พฤติกรรมในข้ันนี้ ประกอบดว้ ย การวางแนวทางของการปฏบิ ัติ และการแสดงลักษณะที่จะปฏบิ ตั ิตามทางทเ่ี ขาก าหนด (Krathwohl, Bloom, & Masia,1964) 3. พฤติกรรมด้านการปฏบิ ตั ิ (Psychomotor Domain) เป็นพฤติกรรมที่ใช้ความสามารถใน การแสดงออกของร่างกาย ซ่ึงรวมถึงการปฏิบัติท่ีอาจแสดงออกในสถานการณ์หน่ึง ๆ หรืออาจเป็น พฤติกรรมท่ีคาดคะเนว่าอาจจะปฏบิ ัตใิ นโอกาสต่อไป พฤติกรรมด้านน้ีเป็นพฤติกรรมขั้นตอนสุดท้าย ซ่ึงต้องอาศัยด้านพุทธิปัญญา หรือเป็นพฤติกรรมที่สามารถประเมินผลได้ง่าย แต่กระบวนการท่ี

7 ก่อให้เกดิ พฤติกรรมนี้ต้องอาศัยเวลา และการตดั สนิ ใจในหลายข้ันตอน (Bloom, 1975อ้างถึงในธีระ กลุ สวัสดิ์,2544, หน้า 18) สรปุ แลว้ พฤตกิ รรมและความสัมพนั ธ์ระหวา่ ง พฤติกรรม เจตคติ และการปฏิบัติเป็นกิจกรรม ทมี่ นุษยก์ ระทาข้ึน อาจเปน็ ส่งิ ที่มนุษย์สงั เกตไดห้ รือไมไ่ ด้ และพฤติกรรมดังกล่าวนี้ ได้แบ่งออกเป็น 3 สว่ น คือ พฤติกรรมด้านความร้พู ฤตกิ รรมด้านทัศนคตแิ ละพฤตกิ รรมด้านการปฏิบตั ิ แนวคิดเก่ียวกับการจดั การขยะมลู ฝอย ความหมายของคาว่าขยะ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2542ได้ให้คาจากัดความของค าว่า “ขยะ”หมายถึง หยากเย่ือ มูลฝอย และคาว่า “มูลฝอย” หมายถึง เศษของท่ีท้ิงแล้วจะเห็นว่า พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานได้ให้ความหมายของคาสองคาน้ีเหมือนกันและใช้แทนกันได้ (พจนานุกรมฉบบั ราชบณั ฑิตยสถาน,ออนไลน์, 2555) พระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535ได้ให้ความหมายไว้ดังนี้ “มูลฝอย” หมายความว่า เศษกระดาษ เศษผ้า เศษอาหาร เศษสินค้า ถุงพลาสติก ภาชนะที่ใส่อาหาร มูลสัตว์ หรือซากสัตว์รวมถึงส่ิงอ่ืนใดท่ีเก็บกวาดจากถนนตลาดท่ีเลี้ยงสัตว์หรือท่ีอ่ืน (พระราชบัญญัติการ สาธารณสุข,2535, หนา้ 28) ในทางวิชาการจะใช้ค าวา่ “ขยะมลู ฝอย” ซึ่งหมายถึง บรรดาสิ่งของท่ีไม่ต้องใช้แล้วซึ่ง ส่วนใหญ่เป็นของแข็งจะเน่าเป่ือยได้หรือไม่ก็ตาม รวมตลอดถึง เถ้า ซากสัตว์มูลสัตว์ฝุนละอองและ เศษวัตถุทท่ี ้ิงแลว้ จากบา้ นเรอื น ท่พี ักอาศัย สถานท่ีต่าง ๆ รวมถึงสถานที่สาธารณะตลาดและโรงงาน อตุ สาหกรรม ยกเว้น อุจจาระและปัสสาวะของมนุษย์ซ่ึงเป็นสิ่งปฏิกูลที่ต้องการเก็บและการกาจัดที่ แตกต่างไป ตวั อยา่ ง ภาพขยะมูลฝอยภายในโรงเรยี น ประเภทของขยะมลู ฝอย ขยะมูลฝอยอาจมีขนาดต่าง ๆ กัน ตั้งแตใ่ หญ่ขนาดตัวถงั รถยนต์ไปจนถึงขนาดทเี่ ล็กจา พวกฝุน ละออง ซงึ่ กเ็ ป็นขยะมูลฝอยทงั้ สิน้ การแบ่งประเภทของขยะมลู ฝอยน้ัน เดิมแบ่งเพยี ง 3 ประเภท คือ ขยะมูลฝอยเปยี กขยะมูลฝอยแห้งและเถ้า (มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบรุ ี,2549,หนา้ 9 -11)

8 1. ขยะมลู ฝอยเปยี ก(Garbage) หมายถงึ เศษวัสดุตา่ ง ๆ ท่ีเหลอื จากการประกอบอาหารจากโรงครวั ร้านอาหาร ทีม่ ีความชน้ื สงู สามารถเน่าเปื่อยสง่ กลิน่ เหม็นได้ 2. ขยะมลู ฝอยแห้ง (Rubbish) หมายถึง เศษวัสดุต่าง ๆ ทีเ่ หลอื ใชท้ ั่ว ๆ ไปซงึ่ มีความช้นื ต่าจาพวก เศษกระดาษ เศษผ้า ฯลฯ 3. เถา้ (Ash) หมายถึง สงิ่ ทเ่ี หลือจากการเผาไหม้ต่อมานักวชิ าการทางดา้ นนี้ก้าวหน้าขนึ้ มากจึงได้ แยกประเภทของขยะมลู ฝอยตามลกั ษณะออกไปเป็นประเภทตา่ ง ๆ มากมายที่ส าคัญ ๆ มี10 ประเภท คือ 1. เศษอาหาร (Garbage) หมายถงึ ขยะจาพวกท่ไี ดจ้ ากห้องครัวการประกอบอาหารรวมถงึ พวก เศษใบตอง เศษผลไม้อาหารที่เหลือท้ิง ฯลฯ ขยะประเภทน้มี สี ารอนิ ทรีย์ซ่งึ เปน็ อาหารของแบคทีเรีย ทาใหเ้ กิดการย่อยสลาย บูดเนา่ ส่งกล่นิ เหม็น มีความช้นื สูงเปน็ ปัญหาในการเก็บรวบรวม รอการขน ถา่ ยและก่อเหตรุ าคาญในเร่ืองกลนิ่ การคุย้ เข่ียของสตั วเ์ ช่น หนสู นุ ขั 2. ขยะท่ีไม่เนา่ เหม็น (Rubbish) หมายถงึ ขยะจ าพวกที่ไมเ่ น่าบูดเนา่ ส่งกล่ินเหม็นเหมือนประเภท แรกและมคี วามช้นื ตา่ อาจจะเผาได้เชน่ เศษกระดาษ หรือเผาไมไ่ ดเ้ ช่น เศษแกว้ ขยะประเภทน้อี าจจะ เรียกว่าขยะแห้งก็ไดพ้ วกเศษโลหะกระป๋องลงั กระดาษ ลงั ไม้กจ็ ัดอยใู่ นขยะประเภทนี้ 3. เถา้ ถา่ น (Ash) หมายถึง เศษที่เหลอื จากการเผาไหม้ของเชอื้ เพลิงจาพวกไม้ถา่ นหนิ ซ่ึงในแถบ ประเทศทมี่ อี ากาศรอ้ นจะมปี ริมาณนอ้ ยมากไมก่ อ่ ปญั หามากเทา่ กบั ประเทศในแถบทมี่ ีอากาศหนาวที่ ต้องใช้ความร้อนชว่ ยให้ความอบอุ่น ซ่งึ ใชเ้ ชื้อเพลิงมาก ท าให้เกิดขยะประเภทนีเ้ ป็นปญั หาตอ่ การ เก็บขน นอกจากน้ถี า้ การเก็บรวบรวมไม่ดแี ลว้ ทาใหฟ้ ูงุ กระจายเกิดปญั หาตามมาอกี มาก 4. มูลฝอยจากถนน (Street Sweeping) หมายถึง เศษสง่ิ ของตา่ ง ๆ ท่ีไดจ้ ากการกวาดถนนขยะมูล ฝอยประเภทนสี้ ่วนมากเปน็ พวกเศษกระดาษ เศษสนิ คา้ ฝนุ ละออง เศษหิน อาจจะรวมถงึ พวกซาก สัตวด์ ว้ ยเปน็ บางคร้งั 5. ซากสตั ว(์ Dead Animals) หมายถึง สัตว์ท่ีตายตามธรรมชาตติ ายด้วยอุบตั เิ หตหุ รือตายดว้ ยโรคต่าง ๆ แต่ไมร่ วมถงึ สัตว์หรือสว่ นใดสว่ นหน่ึงของสัตว์ทีท่ ิง้ จากโรงฆา่ สตั วเ์ น่ืองจากเปน็ โรคหนอนพยาธซิ าก สตั วเ์ หล่าน้อี าจนาไปสกดั เอาไขมันออกและเอาหนงั ไปฟอกใช้ประโยชน์ 6. ซากรถยนต(์ Abandoned Vehicles) หมายถึงรถยนตห์ รอื ส่วนหน่งึ สว่ นใดของรถยนตท์ ่ีไมใ่ ชแ่ ลว้ ถา้ ปล่อยทง้ิ ไว้ทาใหเ้ กิดความไม่นา่ ดจู งึ ควรต้องนาไปดาเนนิ การอยา่ งใดอยา่ งหนง่ึ แต่ในประเทศไทยมี ปริมาณซากรถยนตไ์ ม่มากนกั จึงไมค่ อ่ ยเกิดปัญหาจากมลู ฝอยประเภทน้ี 7. มูลฝอยจากโรงงาน (Industrial Refuse) หมายถงึ มลู ฝอยจากโรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ รวมทงั้ โรงฆา่ สัตวด์ ้วยเพราะไดจ้ ดั อยใู่ นประเภทโรงงานอตุ สาหกรรม มูลฝอยประเภทน้ีขึ้นอยู่กับประเภทของ โรงงาน ถา้ โรงงานผลิตสนิ คา้ อาหาร มูลฝอยก็เปน็ พวกเศษอาหารซ่ึงอาจจะกอ่ ให้เกดิ เหตุราคาญตา่ ง ๆ เชน่ มีกลิน่ เนา่ เหม็นได้ 8. เศษวัสดกุ ่อสร้าง (Construction Refuse) หมายถึง เศษวัสดตุ ่าง ๆ ทไี่ ด้จากการกอ่ สรา้ งหรือรอื้ ถอนอาคารบา้ นเรอื น รวมถงึ สิ่งท่เี หลอื จากการตกแตง่ บา้ นเรอื นอกี ด้วย เชน่ เศษอฐิ เศษปูนเศษ กระเบ้ือง เศษไม้หรอื เศษวสั ดุจากส่วนบา้ นเรือน 9. ตะกอนจากน้ าโครก(Sewage Solids) หมายถึงของแข็งทีไ่ ด้จากการแยกตะกอนออกจาก กระบวนการปรบั ปรงุ สภาพน้าทิ้ง รวมตลอดจนตะกอนท่ไี ดจ้ ากการลอกทอ่ ระบายนา้ สาธารณะตา่ ง ๆ

9 ซ่งึ ส่วนมากจะเป็นพวกเศษหนิ ดิน ทรายไม้สามารถน าไปถมทล่ี ่มุ ไดย้ กเว้นตะกอนทไี่ ด้จากถงั เกรอะ เพราะตะกอนพวกน้ียงั มีแบคทีเรียปะปนอยู่มาก 10. ขยะมลู ฝอยท่ีเปน็ อันตราย (Hazard or Special Refuse)อาจจะกอ่ ให้เกิดปญั หาในการเก็บขน การกาจดั ตลอดจนการจับต้องเช่น กระปอ๋ งที่มกี ารอัดลม ใบมีดโกน ขยะมลู ฝอยทีไ่ ด้จากโรงพยาบาล ต่าง ๆ สารกมั มันตรังสเี ปน็ ต้น ขยะมูลฝอยประเภทนต้ี อ้ งไดร้ บั ความดแู ลระมัดระวังเปน็ พิเศษ ในการ เกบ็ ขนและการกาจดั ระยะเวลาการยอ่ ยสลาย การกาจดั มูลฝอย หลกั เกณฑใ์ นการจัดการมูลฝอย 1. การคัดแยกมลู ฝอยทแ่ี หล่งกาเนิด เป็นการจาแนกประเภทของมลู ฝอยทที่ ง้ิ โดยผู้ผลิตมูลฝอย ณแห ล่งกาเนดิ 2. การเก็บรวบรวมมูลฝอย คือการเกบ็ กกั มูลฝอยใสภ่ าชนะ รวมถงึ การรวบรวมมูลฝอยจากแหล่งต่าง ๆ แล้วนาไปใส่ยานพาหนะเพื่อขนสง่ ไปกาจดั หรือนาไปทาประโยชนอ์ ่ืน ๆ ตอ่ ไป 3. การเก็บขน และขนส่งมลู ฝอย เป็นการนามลู ฝอยท่ีเก็บรวบรวมจากชุมชนใสย่ านพาหนะไวแ้ ลว้ นนั้ ไปยงั สถานทกี่ าจดั หรือทาประโยชน์อย่างอืน่ 4. การแปรสภาพมลู ฝอย เป็นการเปลย่ี นแปลงคุณลักษณะ หรือองคป์ ระกอบทางกายภาพ เคมี และ ชวี ภาของขยะมลู ฝอยเพ่อื ให้เกดิ ความสะดวกและความปลอดภัยในการขนส่ง การนากลับไปใช้ ประโยชน์ การเกบ็ รวบรวม การกาจัด หรือการลดปรมิ าตร 5. การกาจัด หรอื ทาลาย เปน็ วธิ กี ารกาจดั มูลฝอยขนั้ สดุ ทา้ ย เพอื่ ให้มูลฝอยน้นั ๆ ไมก่ อ่ ใหเ้ กดิ ปัญหา มลพษิ ตอ่ สภาพแวดลอ้ ม อนั อาจสง่ ผลกระทบตอ่ มนษุ ย์ตอ่ ไป ซ่ึงวิธกี ารกาจัดมูลฝอยได้แก่ การทาป๋ยุ การเผาด้วยเตา และการฝงั กลบแบบสุขาภิบาล วิธีการกาจัดขยะมลู ฝอย

10 การจดั การมลู ฝอยนั้นสามารถกระทาได้หลายวิธี ทงั้ นี้ขึ้นอยกู่ บั องค์ประกอบท่ีเกีย่ วข้องตา่ ง ๆ หลาย ด้าน การเลือกใชว้ ิธีการแบบไหนกต็ ้องคานงึ ถงึ ความเหมาะสมด้วย ซึง่ โดยทวั่ ๆ ไปแล้ว วิธกี ารจัดการ มูลฝอยท่ีสาคญั ๆ มี 5 วธิ ี ดังนี้ 1.การถม (Dumping) หมายถงึ การทีเ่ รานาขยะมูลฝอยไปถมหรอื ท้งิ ไวต้ ามสถานทตี่ า่ ง ๆ โดยปลอ่ ย ให้เนา่ เปอ่ื ยไปตมธรรมชาติวิธนี ้ีอาจแบง่ ได้ 2 วธิ ี คือ 1.1 ถมบนพน้ื ดิน คอื การถมมลู ฝอยไวบ้ นพืน้ ดินโดยถมในพ้นื ทท่ี ี่ตา่ หรอื ท่ีลมุ่ เพอ่ื ต้องการให้ท่นี ้ัน สงู ข้นึ เหมาะกบั มลู ฝอยประเภท เกษตรกรรม อฐิ หัก พวกใบไม้ กง่ิ ไม้ เป็นตน้ ขอ้ ดีของการถมบน พื้นดนิ คอื เหมาะกับการกาจัดมูลฝอยในชนบท ไมท่ าลายทรัพยากร ไมต่ อ้ งใช้ความรู้มากในการ กาจดั เป็นตน้ ส่วนข้อเสีย คอื ไมส่ ามารถใชก้ าจัดมลู ฝอยได้ทกุ ประเภท อาจเป็นแหลง่ เพาะพนั ธขุ์ อง เชอื้ โรคได้ เปน็ ต้น 1.2 ท้ิงทะเล คอื การนาเอาขยะไปทิง้ ทะเล ซึ่งกม็ ีข้อดคี อื ไมต่ ้องเสยี งบประมาณในการใช้ที่ดิน ไม่ ตอ้ งแยกประเภทของขยะมูลฝอย ขอ้ เสียคือ มูลฝอยท่ลี อยนา้ ได้อาจพัดเข้าหาฝง่ั ได้ ขยะมลู ฝอยเกิด ผลกระทบตอ่ ระบบนิเวศใต้นา้ เป็นต้น 2.การฝงั (Burial) 2.1 การฝังโดยทว่ั ไป หมายถงึ การนาเอาขยะมลู ฝอยไปฝงั ในดิน วธิ นี ี้เหมาะท่จี ะใช้ในชนบท เพราะมพี นื้ ท่มี ากและอาจนาเอามูลฝอยไปใช้ประโยชน์ได้ เชน่ ทาปยุ๋ เปน็ ต้น ซึ่งการฝังแบบนี้มีวธิ ใี น การดาเนินงานคอื ขดุ หลุมสเ่ี หลีย่ มกว้างดา้ นละประมาณ 0.5-1 เมตร ลึกประมาณ 1 เมตร แล้นาดิน ที่ขุดไดก้ องไว้ปากหลุม เมือ่ มขี ยะมลู ฝอยกเ็ ทเกลี่ยให้กระจายทว่ั หลุม จากน้ันนาดนิ ทีป่ ากหลมุ เกล่ีย ลงทบั ขยะประมาณ 10 เซนติเมตร กระแทกดนิ ให้แน่นพอสมควร ชน้ั ตอ่ ไปกท็ าเช่นเดยี วกันจนเต็ม หลุม ชัน้ บนสุดควรจะอัดแนน่ และใหม้ ีความหนาประมาณ 1 ฟตุ หรือ 30 เซนตเิ มตร เพื่อปอู งกันสัตว์ เขี่ย ขอ้ ดขี องการฝังคือ สามารถฝงั ขยะไดท้ ุกประเภท ถ้ากาจดั ดี ๆ จะไมม่ กี ล่นิ รบกวน ข้อเสีย คือต้องมีพนื้ ที่พอสมควรในการฝงั มขี อ้ จากัดในเรอ่ื งนา้ ท่วม เปน็ ตน้ 2.2 การฝังอย่างถกู หลักสขุ าภิบาล การฝงั แบบนคี้ ล้ายกับการฝังแบบธรรมดา แตต่ ่างกนั ตรงท่ตี ้องมี การบดอดั ขยะมูลฝอยเพ่อื ใหย้ ุบตวั แน่นและมีการเอาดนิ กลบช้ันบน ซ่งึ มกี ารบดอัดอกี ครั้งหนง่ึ เหมาะ กบั ชุมชน เมอื งเพราะใชก้ ับพ้ืนทีท่ ีต่ อ้ งมีปริมาณขยะมาก ๆ โดยมวี ธิ ีทา 4 ขั้นตอนดงั นี้ 1. ขุดดินทาเป็นรอ่ ง ให้ขดุ ร่องให้เพียงพอกบั ทท่ี ้งิ ขยะในแต่ละวนั และความลกึ จะไมม่ กี ารกาหนด ท่ีแนน่ อนจะขึ้นอยูก่ ับวา่ ปรมิ าณขยะน้ันมีมากนอ้ ยเพยี งใด 2. เทขยะมูลฝอยลงรอ่ งทข่ี ุดไว้ เมือ่ เทขยะลงรอ่ งเรียบร้อยแลว้ กก็ วาดขยะให้มีความลาดเอียง ประมาณ 45 องศา เพือ่ ความสะดวกแก่รถอดั ท่ีจะทางานช่วงตอ่ ไป 3. บดอดั ขยะมลู ฝอย เมื่อกวาดให้ลาดเอยี งตามข้อ 2 แล้ว รถบดอัดก็จะทาการบดอดั ขยะ 4. ปดิ ขยะมลู ฝอยด้วยดิน เมือ่ ขยะมลู ฝอยถูกบดอดั แนน่ ดีแลว้ ก็เกลีย่ ดินกลบแล้วใชร้ ถบดกดทับ อกี เพอื่ ใหแ้ นน่ ความหนาของชัน้ ระหวา่ งขยะมูลฝอยที่ก้ันวันต่อวัน ความหนาควรไม่น้อยกวา่ 6 นวิ้ แต่ถา้ เป็นชัน้ บนสุดต้องไมน่ ้อยกวา่ 2 ฟตุ ข้อดี คือ เหมาะท่จี ะใช้กับชมุ ชนทไี่ ม่แออัด สามารถกาจัดมลู ฝอยไดเ้ กือบทุกประเภท ยกเวน้ ยาง รถยนต์ ประหยัดค่าใช้จา่ ยในการแยกขยะมลู ฝอย

11 ขอ้ เสยี คอื เป็นวธิ ีท่ีใช้อุปกรณร์ าคาแพง ไมส่ ามารถปลูกส่ิงกอ่ สร้างที่ตอ้ งรับน้าหนกั มาก ๆ ได้ 3.การเผา (Burning) • การเผากลางแจ้ง หมายถึงการนาเอาขยะมาเผาในทีก่ ลางแจ้งบนพนื้ ดิน โดยไมต่ ้องมีเตาเผา ขอ้ ดี คือ ใช้ได้ดีกบั หมบู่ า้ นในชนบท ควันไฟใช้ประโยชนไ์ ด้ เช่น ไลแ่ มลง นอกจากนีก้ เ็ ป็นวิธีทไ่ี มต่ ้อง ใช้พ้ืนทม่ี าก เป็นตน้ ขอ้ เสีย คือ อาจเกิดไฟไหมไ้ ด้ ขยะเมื่อเผาอาจสง่ กลิน่ เหมน็ ได้ และถ้าไมม่ กี ารนาผงเถ้าเม่อื เผาไหม้ เสรจ็ แลว้ ไปท้งิ ก็จะทาให้เกิดการฟุงู กระจายได้ • การเผาดว้ ยเตาเผาขยะมูลฝอย ในการเผาในเตาเผาจาเป็นท่ีจะตอ้ งมกี ารแยกประเภทของขยะที่ไม่ ไหม้ออกกอ่ น เพราะถ้ามีมลู ฝอยทีไ่ มไ่ หมไ้ ฟอยู่ในเตาเผากอ็ าจจะเกิดการอุดตนั ได้ ขอ้ ดี คอื ใชเ้ นอ้ื ที่ในการกาจดั น้อย อาจนาความร้อนท่ีไดไ้ ปใช้ประโยชนไ์ ด้ และเปน็ วธิ ีท่ีเหมาะกบั ชุมชนเมือง เพราะเป็นวิธีกาจัดทีม่ ิดชิดไมฟ่ ุูงกระจาย เป็นตน้ ขอ้ เสยี คอื ค่าก่อสร้างค่อนข้างสงู เปลืองค่าใชจ้ ่ายในการแยกประเภทขยะมูลฝอย และไมเ่ หมาะใน การเผาตอนฝนตก เปน็ ต้น 4.การหมกั ขยะมลู ฝอยทาปยุ๋ (Composting) หมายถึง การนาเอาขยะมูลฝอยพวกทีย่ ่อยสลายได้มา หมักทาปยุ๋ ในสภาวะทมี่ ีออกซิเจน ซึง่ มีวิธีการดังตอ่ ไปน้ี 1. การแยกขยะมลู ฝอย ซงึ่ จะแยกเอาแตม่ ูลฝอยทส่ี ามารถย่อยสลายได้ 2. สับขยะมูลฝอยให้เป็นช้ินเล็ก ๆ ขนาดไม่ควรเกนิ 2 นิ้ว 3. คลกุ เคล้าขยะมูลฝอยให้เข้ากนั 4. การหมัก เม่อื ขยะมูลฝอยคลกุ เคล้ากันได้ดีแลว้ ก็นาไปหมัก โดยอาจกองบนพน้ื หรอื หลุมตื้น ๆ และกองสูงไม่นอ้ ยกว่า 3 ฟุต แต่ไมค่ วรเกิน 6 ฟตุ อุณหภูมทิ ่ีเหมะสมควรอย่รู ะหว่าง 122-158 องศา ฟาเรนไฮต์ ระยะเวลาท่หี มกั ประมาณ 15-21 วัน แต่ทุก ๆ ชว่ ง 2-3 วนั ตอ้ งมกี ารกลับขยะมลู ฝอยสกั คร้ังหนึ่ง เม่อื ครบกาหนดก็จะได้ปุย๋ หมกั ตามทต่ี อ้ งการ ข้อดี คอื สามารถลดปริมาณขยะลงได้ อีกทง้ั ยังสามารถใชป้ ระโยชน์จากมูลฝอยไดอ้ กี ด้วย กระบวนการหมักไมต่ อ้ งใชอ้ ุปกรณ์มาก และไม่มผี ลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เป็นตน้ ข้อเสยี คอื ปยุ๋ ทีไ่ ดอ้ าจมีคุณภาพตา่ กวา่ ปยุ๋ เคมี 5.การนากลับมาใช้ใหม่ (recycling)หมายถงึ การนาเอาขยะมูลฝอยทยี่ งั สามารถนาไปใช้ประโยชน์ได้ กลับมาใช้อีกคร้ัง ซง่ึ มลู ฝอยทน่ี ามา Recycle ได้แก่ • กระดาษ เช่น การนากระดาษเก่ากลบั มาใช้ การทากระดาษสา เป็นต้น • พลาสติก ไดแ้ ก่ การนามาขนึ้ รปู ใหม่ เชน่ ข้ึนรูปใหมเ่ ปน็ แจกัน ถงั ขยะ เปน็ ตน้ • อลูมเิ นียม เชน่ กระปอ๋ งอลูมิเนยี มท่ีใช้แลว้ สามารถท่ีจะนาเข้าสู่กระบวนการผลติ แล้วนากลบั มาใช้ ใหม่ได้ • แกว้ แกว้ ก็เปน็ อีกผลิตภณั ฑ์หน่ึงทสี่ ามารถหลอมแลว้ นากลบั มาใชใ้ หม่ได้ ขอ้ ดี คือ สามารถลดขยะในสิง่ แวดล้อมได้ ลดต้นทุนในการผลิตได้ เปน็ ตน้ ขอ้ เสยี คือ วสั ดุทน่ี ากลับมาใช้ใหม่บางชนิด อาจมีการปนเปื้อนของสารพิษอยู่ ถ้าไม่มกี ารฆ่าเช้อื ใหด้ ี เชน่ พลาสติก หลักการที่ใชใ้ นการพิจารณาเลือกวธิ กี ารกาจัดขยะมูลฝอย

12 1. ลกั ษณะและปริมาณของขยะมลู ฝอย วธิ ีการกาจัดมลู ฝอยแต่ละวิธอี าจใช้ได้กับลกั ษณะมูลฝอยอีก อยา่ งหนึ่ง เช่น ขยะมลู ฝอยทเ่ี ผาไดก้ เ็ หมาะกบั ขยะทตี่ อ้ งนามาเผา เป็นต้น 2. สถานที่ การเลือกวธิ ที ี่จะกาจัดขยะมลู ฝอยควรคานึงถึงสถานที่ด้วย เชน่ ถ้าเลือกวธิ ีเผากลางแจ้ง ก็ ควรคานึงด้วยวา่ กลน่ิ หรือควันจากการเผาไหมม้ ันจะรบกวนประชาชนหรือไม่ เปน็ ตน้ 3. ค่าใช้จา่ ยในการลงทนุ ในการกาจดั ขยะมลู ฝอยเราตอ้ งคานึงถึงราคาด้วยว่ามนั เหมาะสมหรือคุ้มทุน หรอื ไม่ 4. คา่ ใช้จา่ ยในกระบวนการกาจัด เช่นค่าใชจ้ ่ายในการซอ้ื รถบดอดั ในการฝังกลบแบบสขุ าภบิ าล 5. การนาผลผลติ จากการกาจัดขยะมลู ฝอยไปใช้ประโยชน์ เช่นถา้ ตอ้ งการพลงั งานความรอ้ นกค็ วร เลอื กวิธีเผาดว้ ยเตาเผาขยะ 6. ผลกระทบของการกาจัดขยะมูลฝอยตอ่ ส่ิงแวดล้อมและสขุ ภาพอนามัย ซึ่งถอื เป็นสิ่งที่สาคญั มาก เพราะในการทีจ่ ะกาจดั ขยะมลู ฝอยต้องคานงึ ถึงผลกระทบเปน็ อันดบั แรก โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ผลกระทบต่อสง่ิ แวดลอ้ มและสุขภาพอนามยั

บทที่ 3 วธิ ีศึกษาค้นควา้ วธิ ีการดาเนินงาน วสั ดอุ ปุ กรณ์ 1. บอรด์ ประชาสมั พันธ์ 2. แบบสอบถาม วธิ ีการดาเนนิ งาน 1.จบั กลุ่มกับสมาชิก เพอื่ ปรึกษาหาเร่อื งทค่ี นในกลมุ่ สนใจ โดยเรมิ่ จากการคดิ ปญั หาทีอ่ ยภู่ ายใน โรงเรียนและสามารถทาได้จรงิ จึงมคี วามเหน็ ว่าเป็นเรือ่ งของขยะภายในโรงเรยี นซึง่ กอ่ ใหเ้ กดิ มลพิษ ภายในโรงเรยี น จึงตกลงทาโครงการนีข้ ึน้ 2.นาโครงการเกี่ยวกบั ขยะ ลดมลพิษทจี่ ะทาไปปรกึ ษาครูประจาวชิ า 3.คน้ หาข้อมูลเกย่ี วกบั ปัญหาขยะท่เี กดิ ข้นึ และวิธีการแก้ไขต่างๆ 4.นาเสนอโครงการทจี่ ะทาหนา้ ชัน้ เรียน 5.เตรียมอุปกรณ์จดั บอร์ดใหค้ วามรกู้ ารทง้ิ ขยะให้ถกู ที่ 6.ลงมอื ทาบอร์ดให้ความรกู้ ารทิง้ ขยะให้ถกู ที่ 7.ใหน้ กั เรยี นภายในโรงเรียนทาแบบประเมินเก่ียวกับโครงการ แล้วเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ท่ไี ด้จากการให้ นักเรียนตอบแบบสารวจสอบถามผา่ นทางกระทูแ้ ลว้ นามาหาค่าเฉลี่ยเพ่ือวัดประเมนิ ผลการทา โครงการ โดยใช้ Microsoft Excelในการหาค่าเฉลี่ย โดยเกณฑค์ ะแนนดงั น้ี พอใจ =5 ลาดับท่ี กจิ กรรม วัน/เดอื น/ปี ผรู้ ับผดิ ชอบ ๑ กาหนดชื่อโครง 18/08/2563 สมาชกิ คนในกลมุ่ ๒ แบ่งหวั ข้อใหส้ มาชกิ กล่มุ 18/08/2563 สมาชกิ คนในกลุ่ม ๓ ศกึ ษาคน้ คว้าข้อมูลของแตล่ ะ่ หัวขอ้ 25/08/2563 สมาชกิ คนในกลุ่ม ๔ นาขอ้ ม,ู เรียบเรยี งตามหวั ขอ้ 25/08/2563 สมาชิกคนในกลุ่ม

15 บทที่ 4 ผลการศึกษาค้นคว้า ในการทาการศกึ ษาค้นคว้าองคค์ วามรูเ้ รอื่ งแนวทางการแกไ้ ขปัญหามลพิษภายในโรงเรียนผจู้ ัดทา มีวัตถปุ ระสงคใ์ นการทาคือเพอ่ื ศึกษาสาเหตุปัญหามลพษิ ส่งิ แวดล้อมในโรงเรียนเรอื่ งขยะและส่งิ ปฏิกลู ต่างๆสมาชกิ ทกุ คนในกลุ่มช่วยกนั คิดหาแนวทางการแกไ้ ขปญั หาขยะทีเ่ กดิ ขึ้นในโรงเรียนแลว้ ให้ นกั เรยี นทุกคนทาแบบประเมินเก่ยี วกบั โครงการผา่ นทางกระทู้แบบสารวจสอบถาม ผลปรากฏวา่ นกั เรยี นให้ความร่วมมือในการทาแบบสอบถามกนั เปน็ จานวนมาก คดิ เป็นเปอร์เซ็นตอ์ ย่ทู ี่90เปอร์เซ็นต์จากคนในโรงเรยี น และไดผ้ ลจากแบบประเมนิ ไปคานวณพบว่า วธิ ที กี่ ลมุ่ ของพวกเราไดน้ าเสนอไปเกดิ ผลตอบรบั ท่ีดีและมปี ระสทิ ธิภาพ

16 บทท่ี 5 สรุป อภิปรายผลและข้อเสนอแนะ 5.1 สรปุ ผลการทดลอง จากศกึ ษาปัญหาของขยะในโรงเรยี น พบวา่ สาเหตุการเพม่ิ ขึ้นของขยะภายในโรงเรียนทาใหเ้ กิดเปน็ มลพิษ มาการท้งิ ขยะไม่เปน็ ที่ ความมกั งา่ ยและขาดจติ สานึก การใช้สิ่งของของนักเรยี นทไ่ี มค่ านงึ ถงึ ปริมาณขยะทเ่ี พิม่ ข้ึน วิธีปูองกัน ควรปลกู ฝงั วถิ ีการดาเนนิ ชวี ติ ท่ีเป็นมิตรตอ่ สง่ิ แวดล้อมใหก้ บั นักเรียน ใหน้ กั เรียนตรรหนักถงึ ปัญหาน้ี และฝกึ การคัดแยกขยะท่ีสามารถนากลับมาใช้ประโยชนใ์ หม่ได้ หรือจะเปน็ การรณรงค์ให้นกั เรยี นมี จติ สานกึ ในการท้งิ ขยะใหเ้ ป็นที่ ปญั หาและอปุ สรรคในการศกึ ษาคน้ คว้า 1.การสือ่ สารในการทางานท่ีคอ่ นขา้ งจะยาก 2.วางแผนการทางานคอ่ ยข้างทีจ่ ะนาน ข้อเสนอแนะและแนวทางในการพฒั นา - การศกึ ษาค้นคว้าท่ยี ังไม่ละเอยี ด - สง่ิ ที่คาดวา่ เปน็ ไปได้ เพ่ือใหส้ ามารถพัฒนาต่อไป ไดอ้ ย่างสมเหตุสมผล

17 บรรณานกุ รม (1)http://www.mnre.go.th/reo13/th/news/detail/9373 (2)https://sites.google.com/site/panatchakornkesornsiri/khwam-hmay-khxng- mlphis-2 (3) http://sitinarak.blogspot.com/2016/10/2000-2000-2000-source-reduction-7-r-7- r.html (4) http://digital_collect.lib.buu.ac.th/dcms/files/53930111/chapter2.pdf (5) https://sites.google.com/site/sarocha113929/assignments ภาคผนวก

18

19

20

21 ประวตั ผิ ูจ้ ดั ทา ชอ่ื เร่ือง (ชอ่ื การศกึ ษาคน้ คว้า) 1. .นายพชร ทฆี าวงค์ ประวัตสิ ว่ นตัว เกิดวันท่2ี 8 เดอื นธันวาคมพ.ศ.2546 ทอี่ ย(ู่ ปจั จุบัน) 55หม่3ู ต.ศลิ าแลง อ.ปวั จ.น่าน 55120 ประวตั กิ ารศกึ ษา ปี พ.ศ.2558 ช้นั ป.6 ร.ร.ไตรประชาวทิ ยา ปี พ.ศ.2561ช้ัน ม.3 ร.ร.ปัว ปี พ.ศ.2562 ชัน้ ม.5/3 เลขท2่ี 2.นางสาวกชพร อุ่นเครอื ประวตั ิสว่ นตวั เกิดวนั ที่4 เดอื นสงิ หาคมพ.ศ.2546 ทอ่ี ย(ู่ ปจั จุบัน) 155หม่6ู ต.สถานอ.ปวั จ.นา่ น 55120 ประวตั ิการศกึ ษา ปี พ.ศ.2558 ชั้น ป.6 ร.ร.บ้านนาฝาง ปี พ.ศ.2561ช้ัน ม.3 ร.ร.ปวั ปี พ.ศ.2563 ชน้ั ม.5/3 เลขท่ี3 3. นางสาว ธนญั ญา สรุ ิยะ ประวัตสิ ว่ นตวั เกดิ วนั ที่ 28 เดอื นเมษายน ป2ี 547 ทีอ่ ย(ู่ ปัจจบุ นั ) 41/7 ต.สถาน อ.ปัว จ.นา่ น 55120 อายุ16 ประวัตกิ ารศึกษา ปี พ.ศ. 2558 ชนั้ ป.6 บา้ นปรางค์ ปี พ.ศ. 2561 ชั้น ม.3 รร.ปวั ปี พ.ศ.2563 ชนั้ ม.5/3 เลขท่ี 15

22 4.นางสาว นพิ าดา วรรณสมพร ประวตั ิส่วนตัว เกดิ วันที่ 12 เดือน กุมภาพนั ธ์ ปี 2546 ท่ีอยู(่ ปัจจุบนั ) 143 บ้านขอน ต.ปัว อ.ปัว จ.นา่ น ประวตั ิการศกึ ษา ปี พ.ศ. 2558 ชนั้ ป.6 บ้านปรางค์ ปี พ.ศ. 2561 ชั้น ม.3 รร.ปวั ปี พ.ศ.2563 ช้นั ม.5/3 เลขท่ี 16 5.นางสาวทอรกั ธนสู าร ประวัติสว่ นตวั เกดิ วนั ท1่ี เดือน มกราคม พ.ศ.2547 ที่อย(ู่ ปัจจบุ ัน) 79 หมู่6 ต.วรนคร อ.ปวั จ.น่าน 55120 ประวัติการศกึ ษา ปี พ.ศ.2558 ชั้น ป.6 ร.ร.บา้ นปรางค์ ปี พ.ศ.2561ชั้น ม.3 ร.ร.ปวั ปี พ.ศ.2563 ช้ัน ม.5/3 เลขท่ี34


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook